Friday, 16 May 2025
Region

กรุงเทพฯ - กองทัพเรือ ร่วมจิตอาสา ศิลปิน และอส.ภาคประชาชน อัญเชิญสิ่งของพระราชทาน มอบผู้นำชุมชนส่งให้ ปชช.ที่ได้รับผลกระทบโควิด-19

พลเรือตรี พาสุกรี วิลัยรักษ์ ผู้อำนวยการสำนักจิตวิทยา กรมกิจการพลเรือนทหารเรือ เป็นผู้แทนกองทัพเรือ พร้อมด้วยกำลังพลจิตอาสากองทัพเรือ ร่วมกับศิลปิน ฝันเด่น จรรยาธนากร อาสาสมัครภาคประชาชน กลุ่มใจถึงใจคนไทยไม่ทิ้งกัน อัญเชิญเจลล้างมือพระราชทานของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และนำอาหารกล่อง น้ำดื่ม จำนวน 1,400 ชุด มอบให้กับผู้นำชุมชนในพื้นที่ เขตบางกอกน้อย เขตบางกอกใหญ่ และเขตธนบุรี กรุงเทพฯ เพื่อนำไปแจกจ่ายให้กับประชาชน ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID - 19) ตามโครงการ “กองทัพเรือ เพื่อประชาชน ร่วมใจ ต้านภัย COVID – 19” ถวายเป็นพระราชกุศล ณ นันทอุทยานสโมสร ฐานทัพเรือกรุงเทพ เมื่อวันที่ 15 กรกฏาคม 2564 เวลา 11.00 น.     

และในวันเดียวกันช่วงเวลา 12.00 น. พลเรือตรี พาสุกรี วิลัยรักษ์ ผู้อำนวยการสำนักจิตวิทยา กรมกิจการพลเรือนทหารเรือ เป็นผู้แทนกองทัพเรือ พร้อมด้วยกำลังพลจิตอาสากองทัพเรือ อัญเชิญเจลล้างมือพระราชทานของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และนำอาหารกล่อง เครื่องอุปโภค บริโภค จำนวน 300 ชุด มอบให้กับผู้นำชุมชนมัสยิดสวนพลู เพื่อนำไปแจกจ่ายให้กับประชาชน ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID - 19) ตามโครงการ “กองทัพเรือ เพื่อประชาชน ร่วมใจ ต้านภัย COVID – 19” ถวายเป็นพระราชกุศล ณ  มัสยิดสวนพลู เขตธนบุรี กรุงเทพฯ

สำหรับกิจกรรม “กองทัพเรือ เพื่อประชาชน ร่วมใจต้านภัย COVID – 19” ถวายเป็นพระราชกุศล โดยตั้งครัวสนามเคลื่อนที่แจกจ่ายอาหารให้กับประชาชน ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID - 19 นี้ จัดขึ้นเนื่องในโอกาสมหามงคล ห้วงเดือนมิถุนายน ถึงเดือนสิงหาคม 2564 เป็นวันเฉลิมพระชนมพรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 28 กรกฎาคม 2564 วันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี 3 มิถุนายน 2564 วันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง 12 สิงหาคม 2564

กองทัพเรือ จึงได้กำหนดจัดกิจกรรม “กองทัพเรือ เพื่อประชาชน ร่วมใจต้านภัย COVID – 19” ถวายเป็นพระราชกุศล เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019

โดย กองทัพเรือ ได้จัดรถครัวสนาม เพื่อจัดทำอาหารกล่อง และน้ำดื่ม ร่วมกับสมาคมภริยาทหารเรือ หน่วยงานภาครัฐ และเอกชน สนับสนุนสิ่งของเครื่องอุปโภค บริโภค นำไปมอบให้ประชาชนในชุมชนต่าง ๆ ซึ่งตั้งอยู่บริเวณใกล้เคียงกับหน่วยงานของกองทัพเรือ ในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล ของทุกวัน ยกเว้นวันเสาร์ อาทิตย์ ตั้งแต่เดือน มิถุนายน ถึงเดือนสิงหาคม 2564


ภาพ/ข่าว กองประชาสัมพันธ์ สำนักจิตวิทยา กรมกิจการพลเรือนทหารเรือ

นิราช / นันทพล ทิพย์ศรี

ปทุมธานี - เตรียมความพร้อมเปิดศูนย์พักคอยตำบลหน้าไม้ อำเภอลาดหลุมแก้ว จังหวัดปทุมธานี (รับผู้ป่วยโซนสีเขียว)

เมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม 2564 เวลา 14.00 น.ณ มูลนิธิศูนย์ส่งเสริมพระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย หมู่ที่ 1 ตำบลหน้าไม้ อำเภอลาดหลุมแก้ว จังหวัดปทุมธานี ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากนายจักรินทร์ สุขสมบูรณ์ (คุณโก๊ะ)และ ร้อยโทบรรณ์ฑูรย์ ผลสุขขา

(หมวดฑูรย์) พร้อมด้วย ปลัดอำเภอลาดหลุมแก้ว กำนันตำบลหน้าไม้ผู้ใหญ่บ้าน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน สารวัตรกำนัน แพทย์ประจำตำบลและโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลหน้าไม้ ให้การต้อนรับ ด้านร้อยโทบรรณ์ฑูรย์ ผลสุขขา ได้กล่าวเพิ่มเติมกับผู้สื่อข่าวว่า

จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโรคโควิด-19ภายในตำบลหน้าไม้และชุมชนต่าง ๆ ปัจจุบันนี้มีผู้ติดเชื้อเป็นจำนวนมากที่ยังไม่ได้รับการรักษาในโรงพยาบาลและผู้ป่วยได้ทำการกักตัวรักษาตัวอยู่ภายในบ้าน ทำให้มีผู้ติดเชื้อเพิ่มมากขึ้นทางกลุ่มใจอาสาไพลิน

นำโดยคุณจักรินทร์ สุขสมบูรณ์ และกระผมได้นำปัญหาดังกล่าวเข้าปรึกษานายปรีดา เดชดี กำนันตำบลหน้าไม้เพื่อหาสถานที่ในการแยกผู้ป่วยที่จะติดเชื้อเพื่อเป็นการหยุดการแพร่ระบาดของเชื้อโรคและทางกำนันปรีดา เดชดี ได้เรียกประชุมผู้ใหญ่บ้านทุกหมู่ ในตำบลหน้าไม้ เพื่อหาสถานที่ ที่จะทำศูนย์พักคอยตำบลหน้าไม้ ได้ข้อสรุปว่าจะใช้มูลนิธิศูนย์ส่งเสริมพระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย หมู่ 1 ต.หน้าไม้ แห่งนี้ เป็นศูนย์พักคอยตำบลหน้าไม้เพื่อคัดแยกผู้ป่วยในโซนสีเขียว พักคอยดูอาการ

และกระผมได้ประสานไปทางอำเภอลาดหลุมแก้ว โรงพยาบาลสนามตำบลหน้าไม้ในการจัดตั้งศูนย์พักคอยตำบลหน้าไม้ โดยได้รับการสนับสนุนจากคุณวัฒนา สุจิตราณรักษ์ ประธานชมรมอุตสาหกรรมลาดหลุมแก้ว และสมาชิกในชมรมฯ ได้สนับสนุนตียงและที่นอนจำนวน 70 เตียงในเบื้องต้นและในวันจันทร์ที่ 19 กรกฎาคม 2564 เวลา 13.00 น.จะทำการซักซ้อมเพื่อเตรียมความพร้อมเพื่อที่จะได้เปิดศูนย์พักคอยให้ได้โดยเร็วท่านได้กล่าวทิ้งท้ายไว้


ภาพ/ข่าว ประภาพรรณ ขาวขำ/รายงาน

ชลบุรี - ศรชล.บูรณาการร่วมกำหนดแนวทางควบคุมป้องกันโควิด เรือช่วยรบสหรัฐ ขอเข้าราชอาณาจักร เพื่อการซ่อมบำรุงเรือ

เมื่อ 16 ก.ค.64  ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล จังหวัดชลบุรี (ศรชล.จว.ชบ.) โดย น.อ.ณัฐวุฒิ งามวงศ์วาน รอง ผอ.ศรชล.จว.ชบ. ร่วมประชุมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และผู้ประกอบการ (ศรชล.ภาค 1, ศรชล.จว.ชบ., ศคท.จว.ชบ., อ.ศรีราชา, สจป.ศรีราชา, ตม.แหลมฉบัง, ด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ ท่าเรือศรีราชา-เกาะสีชัง, บ.ยูนิไทย, ท่าเรือศรีราชาฮาร์เบอร์, ตัวแทนเรือ และ ผชท.สหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย) เพื่อร่วมกำหนดแนวทางปฏิบัติให้เป็นไปตามคำสั่ง ศบค. เรื่องแนวปฏิบัติตามข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่ง พรก.ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 (ฉบับที่ 9) ข้อ 1 (5) (5.1) และในกรณี เรือช่วยรบสัญชาติอเมริกา (เรือ USNC Charles Drew) ขอเข้าราชอาณาจักร เพื่อการซ่อมบำรุงเรือ ณ ห้องประชุม สนง.ท่าเรือศรีราชาฮาร์เบอร์ อ.ศรีราชา จว.ชลบุรี

โดยมี พล.ร.ต.สมพงษ์ ศรอากาศ ผอ.สน.ฝอ.ศรชล.ภาค 1 เป็นประธาน ซึ่งมีมติในที่ประชุมดังนี้

1. มาตรการก่อนเดินทางเข้าราชอาณาจักร ของ เรือ USNC Charles Drew ด่านควบคุมโรคฯ ตรวจสอบแล้ว เป็นไปตามมาตรการที่กำหนด

2. เรือ USNC Charles Drew ยินยอมให้คนประจำเรือทั้งหมดเข้ารับการกักกันโรคบนเรือ จำนวน 14 วัน

3. เรือ USNC Charles Drew ยินยอมให้คนประจำเรือทั้งหมดรับการตรวจหาเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 โดยวิธี RT-PCR จำนวน 3 ครั้ง โดย ร.พ.คู่สัญญา ในการกำกับของด่านควบคุมโรคฯ

4. เมื่อการเตรียมการตรวจหาเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ของ ร.พ.คู่สัญญา พร้อมแล้ว อนุญาตให้ เรือ USNC Charles Drew เข้าเทียบท่าเรือศรีราชาฮาร์เบอร์ โดยให้จัดทำเขตกั้นบริเวณจอดเรือให้ชัดเจน และจัด จนท.ตรวจสอบตลอด 24 ชม.

5. เมื่อเรือเทียบท่าแล้ว ทำการตรวจหาเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 จำนวน 3 ครั้ง ดังนี้

5.1 ตรวจครั้งที่ 1 หลังจากเรือเทียบท่าแล้ว

5.2 เมื่อผลตรวจครั้งที่ 1 ไม่พบผู้ติดเชื้อ ทำการตรวจหาเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ครั้งที่ 2 ในวันที่ 6-7 ของระยะเวลากักกันโรค

5.3 เมื่อผลตรวจครั้งที่ 2 ไม่พบผู้ติดเชื้อ ทำการตรวจหาเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ครั้งที่ 3 ในวันที่ 12-13 ของระยะเวลากักกันโรค

6. เมื่อกักกันโรคครบ 14 วันแล้ว ไม่พบการติดเชื้อของคนประจำเรือ ผู้ประกอบการสามารถขึ้นเรือดำเนินการซ่อมทำได้

7. การส่งเสบียงในระหว่างการซ่อมทำ ให้ดำเนินการโดยอยู่ในการกำกับของด่านควบคุมโรคฯ

8. หลังจากเรือเข้าเทียบท่าแล้ว ให้ตัวแทนเรือ ทำหนังสือขออนุญาต ศบค. และคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดชลบุรี เพื่อขอเข้าประเทศ (เฉพาะพื้นที่จังหวัดชลบุรี ในกรณีคนประจำเรือทั้งหมดตรวจแล้วไม่พบการติดเชื้อ)


ภาพ/ข่าว สนง.ศรชล.ภาค 1

ภาพ/ข่าว  นิราช / นันทพล ทิพย์ศรี รายงาน

บึงกาฬ - มท.2 มอบหน้ากาก 1.4 ล้านชิ้น ให้ทุกครอบครัวป้องกันโควิด-19

เมื่อเวลา 09.30 น.วันที่ 18 ก.ค. ที่บริเวณโถงด้านหน้าศาลากลาง จ.บึงกาฬ นายทรงศักดิ์ ทองศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย (มท.2) เดินทางมาเป็นผู้แทนในการมอบหน้ากากอนามัยให้กับจังหวัดบึงกาฬ จำนวน 1,400,000 ชิ้น โดยมีนายอำเภอทุกอำเภอเป็นตัวแทนรับมอบ เพื่อส่งมอบต่อให้กับประชาชนในพื้นที่ทุกครัวเรือน เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการส่งมอบน้ำใจ และความปรารถนาดีให้ชาวบึงกาฬได้สวมใส่หน้ากากอนามัยทุกครั้งก่อนออกจากบ้าน ป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 โดยมีนายสนิท ขาวสอาด ผู้ว่าราชการจังหวัดบึงกาฬ นางแว่นฟ้า ทองศรี นายก อบจ.บึงกาฬ และหัวหน้าส่วนราชการ ร่วมเป็นสักขีพยาน

นายทรงศักดิ์ ทองศรี กล่าวว่า สำหรับการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในพื้นที่จ.บึงกาฬ ถือว่ายังอยู่ในระดับที่ควบคุมดูแลได้ มีผู้ติดเชื้อเข้ามาบ้าง ซึ่งส่วนใหญ่เมื่อคนไม่สบายใจเกิดเจ็บไข้ขึ้นมา ตามปกติก็ต้องการกลับไปรักษาตัวที่บ้าน จึงไม่ใช่เรื่องที่เสียหายอะไร ทางจังหวัดบึงกาฬก็มีความพร้อมอยู่แล้วที่จะรองรับพี่น้องของเราซึ่งต้องการจะกลับมารักษาตัวที่บ้าน พร้อมจะเป็นกำลังใจให้กันและกัน แต่ก็ต้องขอความร่วมมือว่า ผู้ที่จะกลับมาก็ต้องแจ้งให้กับผู้ใหญ่บ้าน อสม. หรือเจ้าหน้าที่สาธารณสุขในพื้นที่ได้ทราบก่อน เป็นข้อมูลว่ามีใครบ้างที่เข้าออกในพื้นที่ เพื่อใช้ในการควบคุมการแพร่ระบาดของโรค สำหรับหน้ากากอนามัยที่ได้นำมามอบให้กับพี่น้องชาวบึงกาฬในวันนี้ ตนได้แจ้งข่าวกับเพื่อนและคนที่รู้จักว่าต้องการร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการส่งมอบความห่วงใยและความปรารถนาดีให้แก่ชาวจังหวัดบึงกาฬทุกคน เป็นกำลังใจให้กันและกันเพื่อฝ่าฟันวิกฤตโควิด-19 ซึ่งเมื่อทุกคนทราบข่าวก็ต้องการร่วมในธารน้ำใจนี้ จึงเกิดเป็นการส่งมอบหน้ากากอนามัยจำนวน 1,400,000 ชิ้นให้กับชาว จ.บึงกาฬ

สำหรับหน้ากากอนามัยจำนวน 1,400,000 ชิ้น จะถูกกระจายให้แต่ละอำเภอ ดังนี้ อ.เมืองบึงกาฬ 340,000 ชิ้น/ อ.พรเจริญ 140,000 ชิ้น/ อ.โซ่พิสัย 230,000 ชิ้น/ อ.เซกา 285,000 ชิ้น/ อ.ปากคาด 120,000 ชิ้น/ อ.บึงโขงหลง 115,000 ชิ้น/ อ.ศรีวิไล 125,000 ชิ้น และอ.บุ่งคล้า 45,000 ชิ้น

นอกจากนี้ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย (มท.2) ยังได้กล่าวให้กำลังใจบุคลากรทางการแพทย์ทุกคนที่กำลังทำงานอย่างหนักกับภารกิจควบคุมโรค และประชาชนทุกคนที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ซึ่งการที่คนไทยเรามีน้ำใจให้แก่กัน ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน จะเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้เราก้าวข้ามวิกฤติครั้งนี้ไปได้อย่างแน่นอน


ภาพ/ข่าว  เกรียงไกร พรมจันทร์ / บึงกาฬ

ขอนแก่น - พบผู้ป่วยติดเชื้อรายใหม่ 104 ราย ทำให้ยอดรวมสะสมของการระบาดระลอก 3 ทะลุ 1,614 ราย ขณะที่ผู้ว่าฯสั่งเข้มทุกมาตรการรับมือสถานการณ์ที่เกิดขึ้น อย่างเข้มงวด

เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 18 ก.ค.2564 ที่สถานีรถไฟขอนแก่น นายพิชัย วันตา ป้องกันจังหวัดขอนแก่น พร้อมด้วย นายธีระศักดิ์  ฑีฆายุพันธ์ นายกเทศมนตรีนครขอนแก่น และนายศักดิ์นรินทร์ แสงอรุณ นายสถานีรถไฟขอนแก่น นำกำลังเจ้าหน้าที่ฝ่ายการสาธารณสุข จากสำนักงานสาธรณสุข จ.ขอนแก่น ,เทศบาลนครขอนแก่น,ฝ่ายปกครองและการรถไฟแห่งประเทศไทย ทำการตรวจคัดกรองผู้โดยสารที่เดินทางมากับขบวนรถไฟท้องถิ่นขบวนที่ 412 ชุมทางแก่งคอย จ.สระบุรี-ขอนแก่น ตามาตรการควบคุมและป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 สำหรับผู้ที่เดนิทางมากับระบบขนส่งมวลชน โดยที่สถานีรถไฟขอนแกน ได้กำหนดจุดการลงจากรถ จากบริเวณชานชาลาชั้น 2 มายังอาคารผู้โดยสารขาเข้า ชั้น 1 เพียง 1 ช่องทางยกเว้นผู้พิการและผู้สูงอายุ ที่สามารถใช้ลิฟต์ขนส่งได้ ซึ่งเมื่อทุกคนลงมาถึง ชั้น 1 จะต้องผ่านการตรวจวัดอุณหภูมิ การตรวจคัดกรองเบื้อต้นจากเจ้าหน้าที่รวมไปถึงการลงประวัติการเดินทางผ่านคิวอาร์โค้ดไทยชนะ และการลงทะเบียนผ่านระบบที่จังหวัดกำหนด เพื่อประเมินสถานการณ์และตรวจติดตามผู้ที่เดินทาเข่ามาในพื้นที่ จ.ขอนแก่น อย่างเข้มงวด

นายสมศักดิ์ จังตระกุล ผวจ.ขอนแก่น กล่าวว่า ในวันนี้ขอนแก่น มีจำนวนผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้น 104 ราย ทำให้จำนวนผู้ป่วยสะสมจากการระบาดระลอกที่ 3 จำนวนทั้งสิ้น 1,614 ราย ในจำนวนนี้ยังคงอยู่ในการรักษาของโรงพยาบาลต่าง ๆ 896 ราย รักษาหายขาดและแพทย์ได้อนุญาตให้กลับบ้านได้ 709 ราย และมีผู้เสียชีวิตสะสม 9 ราย ดังนั้นทุกมาตรการที่ รัฐบาล,ศบค.และจังหวัดกำหนดจะต้องดำเนินการไปอย่างรัดกุม รอบคอบ และเข้มงวด โดยเฉพาะผู้ที่เดินทางเข้ามาในพื้นที่ จ.ขอนแก่น ที่ด่านตรวจหลัดของจังหวัดที่ อ.บ้านไผ่ และ อ.ชุมแพ จะทำการตรวจคัดกรองและตรวจสอบเอกสารประจำตัวของแต่ละคนว่ามีการดำเนินการตามประกาศ หรือได้รับวัคซีน หรือเดินทางมาจากพื้นที่เสี่ยงตามที่ ศบค.กำหนดอย่างไร รวมไปถึงที่สถานีรถไฟ สถานีขนส่ง และสนามบิน ที่เจ้าหน้าที่จะตรวจสอบการเดินทางเข้าและออกจังหวัดอย่างเข้มงวดและต่อเนื่องต่อไป

“ขณะนี้การเดินทางด้วยขบวนรถไฟโดยสารที่ต้องจอดที่สถานีรถไฟขอนแกน คงเหลือเพียง 3 ขบวนต่อวันเท่านั้น ซึ่งจะมีผู้โดยสารลงที่สถานีขอนแก่นประมาณ 10-15 คน ต่อเที่ยวรถ ขณะที่การลงรถตามสถานีรถไฟระดับอำเภอมาตรการตรวจคัดกรองและตรวจสอบการเข้าเมือง ฝ่ายปกครอง จะสนธิกำลังร่วมฝ่ายสาธารณสุข ตำรวจและ อปท.ในพื้นที่ที่รับผิดชอบอย่างเข้มงวด ขณะที่หากพบผู้โดยสารมีไข้สูง หรือเกิดเหตุฉุกเฉินระหว่างการเดินทาง เจ้าพนักงานประจำขบวนรถไฟจะประเมินสถานการณ์ และประสานงานร่วมสถานีปลายทางหรือสถานีรถไฟต่อไปในการจัดระบบรับผู้ป่วยตามแนวทางที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนดไว้ตามขั้นตอนที่ต้องปฎิบัติอย่างรัดกุมแล้ว”

ผวจ.ขอนแก่น กล่าวต่ออีกว่า ต้องขอความร่วมมือทุกคนได้ช่วยเป็นหูเป็นตาและแจ้งข้อมูลการกระทำที่ขัดต่อคำสั่งของ ศบค. และจังหวัด เพื่อที่เจ้าหน้าที่จะเข้าไปตรวจสอบและอุดช่องโหว่ที่เกิดขึ้นให้ได้อย่างรวดเร็ว ขณะที่ผู้ที่เดินทางมาจากพื้นที่เสี่ยงและสีแดงเข้ม หรือสีแดง จะต้องรายงานตัวกับเจ้าหน้าที่ได้รับทราบ เพื่อที่จะสามารถตรวจติดตามสถานการณ์ หรือเข้ารับการควบคุมโรคหรือเข้ารับการรักษาตามที่จังหวัดได้กำหนดแนวทางหรือดำเนินการอยู่ในขณะนี้หากพบว่าฝืน ซึ่งนอกจากจะต้องมีความผิดแล้ว ทั้งครอบครัวก็จะต้องเข้ารับการกักตัวที่ กองร้อย อส.ที่ 1 ขอนแก่น ทันทีโดยไม่มีละเว้น

นราธิวาส - ผบ.ฉก.นราธิวาส ลุยถึงสวนทุเรียน เข้ารับซื้อผลผลิตจากพี่น้องเกษตรกรในพื้นที่ ในโครงการทหารอิ่มท้อง พี่น้องเกษตรกรอิ่มใจ เพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนจากสถานการณ์โควิค-19

พลตรี ไพศาล  หนูสังข์ ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส ลงพื้นที่ ลุยถึงสวนทุเรียน เข้าช่วยเหลือ รับซื้อผลผลิตทางการเกษตร ทุเรียนพันธุ์หมอนทอง และ ทุเรียนพันธุ์พื้นบ้าน จากพี่น้องเกษตรกรในพื้นที่ หมู่ 5 ตำบลซากอ อำเภอศรีสาคร จังหวัดนราธิวาส  เพื่อนำไปแจกจ่ายเป็นผลไม้ตามฤดูกาลให้กับกำลังพลของหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส และน้องๆทหารกองประจำการได้รับประทาน เป็นการบรรเทาผลกระทบจากกรณีผลผลิตทางการเกษตรล้นตลาดและมีราคาตกต่ำ จากสถานการณ์ต่าง ๆ ตามนโยบายของกองทัพบกเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรในทุกพื้นที่ ตลอดจนเพื่อเป็นการช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 ตามโครงการ "ทหารอิ่มท้อง พี่น้องเกษตรกรอิ่มใจ" ตามนโยบายของท่านผู้บัญชาการทหารบก

ทั้งนี้ การรับซื้อผลผลิตทางการเกษตร (ทุเรียนหมอนทอง และทุเรียนพันธ์พื้นบ้าน) ได้นำไปแจกจ่ายให้กับกำลังพลของหน่วยนั้น สร้างความสุขใจ อิ่มท้อง พร้อมทั้งมีโภชนาการ ให้กำลังพลทหารได้เป็นอย่างมาก เพื่อเป็นการสร้างขวัญและกำลังใจในการปฎิบัติงานในพื้นที่ต่อไป


ภาพ/ข่าว  แวดาโอ๊ะ หะไร จ.นราธิวาส

สมุทรปราการ - เปิดให้ประชาชนจองวัคซีนซิโนฟาร์ม 99,000 โดส ประชาชนแห่มาลงทะเบียนกันเป็นจำนวนมาก ก่อนหน้านี้มีมือดีโพสต์เป็นข่าวปลอม ทำให้ประชาชนส่วนหนึ่งไม่ได้เดินทางมาลงทะเบียน

นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรปราการ ได้เดินทางมาที่เป็นประธานเปิดจุดลงทะเบียนจองวัคซีนซิโนฟาร์มขององค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรปราการ เปิดเผยว่า องค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรปราการได้รับการจัดสรรวัคซีน ซิโนฟาร์ม จำนวน 99,000 คน จากราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์  รู้สึกสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้นที่สมเด็จเจ้าฟ้าฯกรมพระศรีสว่างควัฒน วรขัตติยราชนารี ประธานราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ ทรงพระกรุณาจัดสรรวัคซีนให้การองค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรปราการ เพื่อนำมาฉีดให้กับประชาชนชาวสมุทรปราการป้องกันไวรัสโควิด - 19 โดยทาง อบจสมุทรปราการ จะเปิดให้ลงทะเบียน ณ ริมเขื่อนศาลากลางจังหวัดสมุทรปราการ ในวันที่ 19 -23 กรกฎาคม 2564 ตั้งแต่เวลา 09.00 -16.00 น. หรือผ่านเว็บไซต์ www.วัคซีนสมุทรปราการ หรือ www.samutprakanvaccines.com หรือ อสม. ทสม.สมาชิกสภาจังหวัดสมุทรปราการ โดยเจ้าหน้าที่จะลงพื้นที่เพื่อรวบรวมข้อมูลประชาชนที่ประสงค์จะลงทะเบียน โดยมีหลักเกณฑ์ ต้องมีสัญชาติไทย อายุไม่ต่ำกว่า 18 ปี เป็นผู้มีภูมิลำเนา หรืออาศัยหรือทำงานอยู่ในจังหวัดสมุทรปราการ ยังไม่เคยลงทะเบียนการฉีดวัคซีน โควิด-19 จากหน่วยงานอื่น

ทั้งนี้ตั้งแต่ช่วงเช้าที่ผ่านมา ได้มีประชาชนที่ทราบข่าวได้มาต่อแถวเตรียมลงทะเบียนจองวัคซีนซิโนฟาร์มป้องกันไวรัสโคโรน่า 2019 หรือ โควิด -19 ซึ่งทางองค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรปราการ ได้รับการจัดสรรมาจำนวน 99,000 โดส เป็นจำนวนมาก โดยบ้างคนมารอลงทะเบียนจองวัคซีนตั้งแต่เวลา 05.00 น โดยจะเปิดให้จองวัคซีนใน วันที่ 19 -23 กรกฎาคม 2564 ตั้งแต่เวลา 09.00 -16.00 น. 


ภาพ/ข่าว  ก๊วก สมุทรปราการ

สงขลา - ม.อ.ระดมอาจารย์แพทย์ พยาบาลจากวิทยาเขตหาดใหญ่และปัตตานีช่วยเสริมกำลังบุคลากรทางการแพทย์ในพื้นที่ฉีดวัคซีนให้ชาวปัตตานี ร่วม 3,000 คน

มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์  ส่งทีมแพทย์จากคณะแพทยศาสตร์ และพยาบาลจากคณะพยาบาลศาสตร์ เสริมกำลังบุคลากรทางการแพทย์ในพื้นที่ฉีดวัคซีนให้บุคลากรทางการศึกษา ผู้นำศาสนา ผู้นำท้องถิ่น จังหวัดปัตตานี ร่วม 3,000 คน ณ ศูนย์ฉีดวัคซีนม.อ.ปัตตานี โดยโรงพยาบาลธัญญารักษ์ปัตตานี

รศ.อิ่มจิต เลิศพงษ์สมบัติ รองอธิการบดีวิทยาเขตปัตตานี กล่าวว่า ศูนย์ฉีดวัคซีนมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี ซึ่งดำเนินการโดยโรงพยาบาลธัญญารักษ์ปัตตานี ได้รับมอบหมายให้วัคซีนแก่ประชาชนปัตตานีรวม 2,989 คน ในการดำเนินการครั้งนี้ได้ระดมแพทย์ และพยาบาลจากทุกอำเภอของจังหวัดปัตตานีมาร่วมดำเนินการ แต่เนื่องจากทีมแพทย์ และพยาบาลในพื้นที่ส่วนใหญ่มีภารกิจล้นมือ ดังนั้นมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี จึงได้ขอความร่วมมือ ไปยังคณะแพทยศาสตร์ และคณะพยาบาลศาสตร์ วิทยาเขตหาดใหญ่ และคณะพยาบาลศาสตร์วิทยาเขตปัตตานี ให้มาร่วมฉีดวัคซีนร่วมกับบุคลากรทางการแพทย์ของจังหวัดปัตตานีในครั้งนี้ ประกอบด้วยคณะแพทยศาสตร์โดยการนำ ผศ. นพ.เทอดพงศ์ ทองศรีราช  จำนวน  10 คน  คณะพยาบาลศาสตร์วิทยาเขตหาดใหญ่ นำโดย ผศ.ดร.เนตรนภา คู่พันธวี  จำนวน 7 คน  คณะพยาบาลศาสตร์วิทยาเขตปัตตานี โดยการนำ ผศ.ดร.รอฮานิ เจะอาแซ จำนวน 6 คน

ผศ. นพ.เทอดพงศ์ ทองศรีราช รองคณบดีฝ่ายทรัพยากรมนุษย์ คณะแพทยศาสตร์ วิทยาเขตหาดใหญ่  เปิดเผยว่า ได้รับการประสานงานจากศูนย์ฉีดวัคซีนมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี ให้มาเสริมกำลังบุคลากรทางการแพทย์ในพื้นที่จังหวัดปัตตานี เนื่องจากวันนี้มีประชาชนจังหวัดปัตตานีมารับวัคซีนร่วม 3,000 คน นับว่ามีจำนวนมาก ทีมแพทย์และพยาบาลที่มาวันนี้ เป็นผู้ที่มีความเชี่ยวชาญทางการฉีดวัคซีน คาดหวังว่าการฉีดวัควัคซีนครั้งนี้ทำให้ประชาชนจังหวัดปัตตานีรอดพ้นจากภัยโควิดด้วยการฉีดวัคซีนในวันนี้


นายปรีชา สถิตย์เรืองศักดิ์ / หาดใหญ่ จ.สงขลา

กาฬสินธุ์ - เปิดรพ.สนามแห่งที่ 9 อำเภอหนองกุงศรี รองรับผู้ป่วยโควิด-19 คืนถิ่น หลังพบประชาชนที่ติดเชื้อเดินทางกลับมาขอรับการรักษายังภูมิลำเนาจำนวนมาก

เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม 2564 นายทรงพล ใจกริ่ม ผู้ว่าราชการ จ.กาฬสินธุ์ เป็นประธานเปิดโรงพยาบาลสนาม จ.กาฬสินธุ์ แห่งที่ 9 อำเภอหนองกุงศรี ซึ่งใช้บริเวณพื้นที่หอประชุมที่ว่าการอำเภอหนองกุงศรี เพื่อรองรับประชาชนที่ติดเชื้อโควิด-19 เดินทางกลับมาขอรับการรักษายังภูมิลำเนา สามารถรองรับผู้ป่วยติดเชื้อได้ 50 เตียง และสามารถขยายเพิ่มได้อีก 100 เตียง โดยมีนายอำเภอ หัวหน้าส่วนราชการ ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข พ่อค้า และประชาชนเข้าร่วมและมอบสิ่งของเครื่องอุปโภค บริโภค และสิ่งของใช้ที่จำเป็นให้กับโรงพยาบาลสนาม

นายทรงพล ใจกริ่ม ผู้ว่าราชการ จ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า ด้วยสถานการณ์พบการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทั่วประเทศ ทำให้ประชาชนที่ติดเชื้อเดินทางขอกลับมารักษาในภูมิลำเนาจำนวนมาก ทั้งนี้ปัจจุบันอำเภอหนองกุงศรีพบผู้ติดเชื้อหลายสิบรายอยู่ระหว่างการรักษาที่โรงพยาบาล และโรงพยาบาลแม่ข่าย อีกทั้งยังมีผู้ป่วยที่ดูแลที่ศูนย์กักกันตำบลอีกจำนวนหนึ่ง และอยู่ระหว่างขอกลับมารักษาอีกจำนวนมาก ดังนั้นจึงต้องมีการเปิดโรงพยาบาลสนามอำเภอขึ้น เพื่อรองรับประชาชนที่ขอเดินทางกลับมารักษา

โดยโรงพยาบาลสนามแห่งนี้ได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จ.กาฬสินธุ์ สำนักงานหลักประกันสุขภาพที่ 7 ใช้เป็นสถานที่ในการดูแล รักษา และเฝ้าสังเกตอาการผู้ป่วยกลุ่มระดับสีเขียวที่มีอาการเล็กน้อยภายในระยะเวลา 14 วัน หรือจนกว่าจะแน่ใจว่าผู้ป่วยหายจากโรค และหากในระหว่างรักษาผู้ติดเชื้อมีการวิกฤติหรือเกิดเหตุฉุกเฉินสามารถส่งต่อไปรักษาที่โรงพยาบาลหลักได้อย่างรวดเร็วและปลอดภัย โดยสามารถรองรับผู้ติดเชื้อได้ 50 เตียง และสามารถขยายเตียงสูงสุด 100 เตียง มีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยทั้งฝ่ายปกครอง ตำรวจ อป.พร.ชรบ.และบุคลากรทางการแพทย์ดูแลตลอด 24 ชั่วโมง

ปทุมธานี – บิ๊กแจ๊ส เปิดตรวจ SWAB แหย่โพรงจมูก ถูกใจประชาชนและคนพิการชื่นชมอบอุ่นแบบคนปทุม

เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม 2564 เวบา 15:30 น. องค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี ตำบลบ้านฉาง อำเภอเมือง จังหวัดปทุมธานี ได้เปิดให้ประชาชนรับบริหารตรวจคัดกรองฟรี ด้วยการสวอพแหย่โพรงจมูก แรปแบทแอนติเจนเทส (Rapid Antigen Test) แทนการตรวจด้วยการเจาะเลือดแรปบิทเทสแบบเดิม โดยวันนี้เป็นวันแรก ประชาชนเข้ารับบริการอย่างมีระเบียบเรียบร้อยตลอดทั้งวันโดยประชาชนให้การชื่นชมในการให้บริการที่สะดวกและรวดเร็วและผ่านไปด้วยดี

ด้าน พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง นายก อบจ.ปทุมธานี กล่าวว่า วันนี้เป็นวันแรกที่ อบจ.ปทุมธานีเปิดให้ประชาชนได้รับการตัดคัดกรองโควิดด้วยการสวอพ แบบแรปบิทแอนติเจนเทส คาดว่ามีค่าความแม่นยำสูงว่าแรปบิทเทสแบบเจาะเลือด ทาง อบจ.ปทุมธานีได้จัดระบบใหม่ โดยให้จองคิวผ่านเพสองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี ซึ่งการตรวจคัดกรองด้วยแรปบิทแอนติเจนเทสมีความจำเป็นต้องใช้บุคลากรทางการแพทย์ รวมถึงใช้ระยะเวลามากกว่าเก่า จากเดิมเราเคยตรวจวันละ1,000-2,000 คน แต่การตรวจแบบใหม่เราตรวจได้เพียงวันละ 400 คน จากนี้ไปเราจะตรวจทุกวันไม่มีวันหยุด วันนี้ที่เราตรวจไปพบว่ามีผลบวกจำนวน10คน ซึ่งเราได้ประสานไว้แล้วแพทย์โรงพยาบาลปทุมธานีให้สวอพ Real-time PCR เพื่อตรวจยืนยันการติดเชื้อโควิด-19 ซ้ำอีกครั้ง เพื่อทำการรับนำเข้าขบวนการรักษาต่อไประว่างรอผลเราได้ส่งทีมฉีดพ่นฆ่าเชื้อทั้งภายในบ้านและนอกบ้าน รวมถึงจัดยาให้

ฝากพี่น้องประชาชนอย่าตื่นตระหนก เนื่องจากโรงพยาบาลสนามเต็มหมด หาติดเชื้อขอให้เราอยู่ที่บ้านดีที่สุด ไม่ออกไปไหน ทานยาที่ให้ไป รอเข้าสู่กระบวนการรักษา ในส่วนของการฉีดชิโนฟาร์มที่ประชาชนได้สอบถามเข้ามามาก โดยวันพรุ่งนี้ทาง อบจ.จะโอนเงิน จากนั้นเราจะทราบว่าวัคซีนจะมาที่เราเมื่อไร ซึ่งชุดแรกที่ อบจ.ได้ฉีดให้บุคลากรครู 1,400 คน ไปแล้วจะได้กำหนดฉีดเข็มสองในวันที่ 27 กรกฎาคมนี้ ผมคาดว่าจะได้ฉีดอีกครั้งในวันที่ 28 จะดีที่สุด อยู่ระหว่างการประสานอยู่ จะได้มีความต่อเนื่อง

ส่วน นางสาวกานต์มณี ชูรัตน์ อายุ 49 ปี ชาวอำเภอเมืองปทุมธานี พิการขาสองข้าง กล่าวว่า ตนเองใช้สิทธิผู้พิการสามารถเดินวอร์คอินเข้ามาขอรับการตรวจแรปบิทแอนติเจนเทสได้ทันที มีการบริการสะดวกและรวดเร็ว รวมถึงรู้สึกว่าปลอดภัยดี และพึงพอใจมาก ขอขอบคุณ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง นายก อบจ.ปทุมธานี ร่วมถึงทีมงานทุกท่านที่มีความห่วงใยและดูแลประชาชนอย่างทั่วถึง ตนเองรู้สึกภูมิใจและอบอุ่นที่เป็นพลเมืองของปทุมธานี

ทางด้าน นายอัครพล นันทิโย อายุ 20 ปี ชาวอำเภอคลองหลวง กล่าวว่า วันนี้ได้เข้ามารับการตรวจคัดกรองด้วยวิธีการสวอพด้วยแรปบิทแอนติเจนเทส โดยตนเองได้ติดตามในเพสเฟสบุคขององค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี โดยตนเองได้กรองข้อมูลประสงค์ที่จะรับการตรวจตามระบบ เมื่อมีชื่อจึงมาตรวยคัดกรองฟรี ทราบว่าจะรับตรวยวันละ400คน รู้สึกดีมากกับการบริการการจัดสถานที่ รองรับได้ดีมาก ไม่ต้องกลัวว่าจะมาติดเชื้อขณะที่รอตรวจ  ต้องขอขอบคุณทางองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานีที่จัดให้มีการตรวจแบบนี้ในขณะที่ประชาชนปทุมไม่รู้ว่าจะไปตรวจที่ไหนสามารถเป็นที่พึ่งของประชาชนได้อย่างดีในช่วงที่มีโรคระบาดนี้


ภาพ/ข่าว ประภาพรรณ ขาวขำ/รายงาน


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top