Saturday, 10 May 2025
Region

นราธิวาส - นิพนธ์ ลงพื้นที่นราธิวาส วันแรกของเดือนรอมฎอน เยี่ยมด่านป้องกันอุบัติเหตุฯ ด่าน COVID19 นำกำลังใจจากนายกรัฐมนตรี รองนายกฯ- มท.1- ครม. มอบให้แก่เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานในพื้นที่ชายแดนใต้

เมื่อวันที่ 13 เมษายน 2564 นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ลงพื้นที่จังหวัดนราธิวาสเพื่อตรวจเยี่ยมและให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานในการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ ปี2564 พร้อมทั้งมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019(COVID19) ณ บริเวณจุดตรวจจุดบริการประชาชนในพื้นที่อำเภอเมือง และอำเภอไหงโก-ลก โดยมี นายเจษฎา จิตรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส  นายบุญพาศ  รักนุ้ย รองผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส  นายไพโรจน์ จริตงาม รองผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส  เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดนราธิวาส เจ้าหน้าที่ทหาร - ตำรวจ   เจ้าหน้าที่สาธารณสุขจังหวัดนราธิวาส  อส.และจิตอาสา ร่วมต้อนรับ  ณ บริเวณจุดตรวจที่ 1 บริเวณโรงเรียนบ้านบาตู  เขตเทศบาลตำบลต้นไทร อำเภอบาเจาะ จังหวัดนราธิวาส  จุดที่ 2 จุดตรวจบริเวณ ปตท.ปลักปลา ตำบลลำภู อำเภอเมือง จังหวัดนราธิวาส  จุดที่ 3 จุดตรวจหน้าสหกรณ์การเกษตรตากใบ ตำบลพร่อน อำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส และจุดตรวจที่ 4 จุดตรวจแยกบ้านน้ำตก เขตเทศบาลเมืองสุไหงโก-ลก  อำเภอสุไหงโก-ลก จังหวัดนราธิวาส โดย รมช.มท.ได้มอบสิ่งของ น้ำดื่ม และหน้ากากอนามัยเพื่อบำรุงขวัญกำลังใจให้แก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานทั้ง 4 จุดตรวจ และ ติดตามแนะนำการปฏิบัติงานแก่เจ้าหน้าที่ประจำจุด

นายนิพนธ์ รมช.มหาดไทย กล่าวว่า "ต้องขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานทุกท่าน ที่ได้ทุ่มเทในการดูแลความปลอดภัยให้กับพี่น้องประชาชน ในการเดินทางในช่วงเทศกาลวันสงกรานต์  และวันนี้ก็เป็นวันแรกของเดือนรอมฎอน จึงขอถือโอกาสนี้ให้กำลังใจทุกคนที่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเข้มแข็งโดยเฉพาะในช่วงสถานการณ์ COVID19 ก็อยู่ในช่วงที่วนเวียนกลับเข้ามาใหม่อีกระลอกหนึ่ง ดังนั้นมาตรการความปลอดภัยในการเดินทาง และมาตรการดูแลในเรื่องของ COVID19 ก็ยังเป็นมาตรการที่ต้องปฏิบัติควบคู่กันในจุดต่าง ๆ  รวมถึงองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ต้องดูแลความปลอดภัยของพี่น้องประชาชนในการช่วยกันคัดกรองประชาชนในเรื่องของความเร็วในการใช้ถนน ซึ่งยังถือว่าเป็นอันตรายระดับต้น ๆ  รวมถึงในเรื่องของการวัดอุณหภูมิ การสวมใส่หน้ากากอนามัย  การใช้แอลกอฮอล์ล้างมือ ก็ยังคงต้องปฏิบัติ ซึ่งทั้งหลายทั้งปวงที่ออกมาตรการมา ก็เพื่อความปลอดภัยของพวกเราทุกคน จึงขอถือโอกาสนี้ย้ำเตือนถึงผู้ที่สัญจรไปมา ถึงเรื่องความปลอดภัยบนท้องถนน และการดูแลในเรื่องของCOVID19ควบคู่กัน"

"ขอถือโอกาสนี้ให้กำลังใจทุกคน และนำกำลังใจและความปรารถนาดีจาก นายกรัฐมนตรี รองนายกจุรินทร์    รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และในนามของคณะรัฐมนตรีทุกท่าน มามอบให้กับผู้ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเสียสละ และเข้มแข็ง จึงขอฝากเรื่องที่ได้กราบเรียนไว้เบื้องต้น ในเรื่องความปลอดภัยบนท้องถนน และการดูแลในเรื่องของCOVID19 โดยเฉพาะรถมอเตอร์ไซค์ยังคงเป็นอันดับ 1  การขับรถด้วยความเร็ว และขับรถไม่สวมหมวกนิรภัยก็ยังคงเป็นอันดับ 1 อีกด้วย" รมช.มหาดไทย กล่าว

กาฬสินธุ์ – ร่วมสืบสานประเพณีเทศกาลสงกรานต์และวันครอบครัว เลี้ยงวิญญาณบรรพบุรุษวิถีภูไท

ชาวภูไทอำเภอเขาวง จังหวัดกาฬสินธุ์ ร่วมสืบสานประเพณี “เหยา” เลี้ยงทะหลา (มเหศักดิ์หลักเมือง) บวงสรวงอนุสาวรีย์ อดีตเจ้าเมืองและวิญญาณบรรพบุรุษ เพื่อความเป็นสิริมงคล สร้างความรัก ความสามัคคี ในเทศกาลสงกรานต์และวันครอบครัว มีการละเล่นสาดน้ำเฉพาะกลุ่มของคณะหมอเหยาเพื่อพยากรณ์ฝนฟ้า ท่ามกลางบรรยากาศที่อบอุ่น โดยมีเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง สาธารณสุข อสม.ตั้งจุดคัดกรอง ป้องกันโรคติดเชื้อโควิด-19 อย่างเคร่งครัด

เมื่อวันที่ 14 เมษายน 2564 ที่บริเวณหอทะหลา (มเหศักดิ์หลักเมือง) เชิงสะพานลำพะยัง ต.กุดสิมคุ้มใหม่ อ.เขาวง จ.กาฬสินธุ์ นายคงคา ชื่นจิต นายอำเภอเขาวง เป็นประธานพิธีเลี้ยงทะหลา (มเหศักดิ์หลักเมือง) บวงสรวงอนุสาวรีย์พระธิเบศร์วงศา (ด้วง) อดีตเจ้าเมืองกุดสิมนารายณ์คนที่ 2 และพระธิเบศร์วงศา (กินรี) อดีตเจ้าเมืองกุดสิมนารายณ์คนที่ 3 โดยมีนายประเสริฐ บุญเรือง ส.ส.กาฬสินธุ์ เขต 5 นายนพรัตน์ สายสมบัติ พัฒนาการอำเภอเขาวง นายปุณณรัตน์ วรรณวงศ์ ครูโรงเรียนกุดกว้างสวาสดิ์วิทยา พร้อมด้วยผู้นำชุมชน กลุ่มสตรี เยาวชน แต่งกายด้วยชุดภูไท ซึ่งเป็นชุดแต่งกายพื้นเมือง ตั้งขบวนฟ้อนรำบวงสรวง ด้วยลีลาอ่อนช้อยสวยงาม สื่อถึงอัตลักษณ์ของชาติพันธุ์ภูไท

นายคงคา ชื่นจิต นายอำเภอเขาวง  กล่าวว่า พิธีเลี้ยงทะหลา (มเหศักดิ์หลักเมือง) บวงสรวงอนุสาวรีย์พระธิเบศร์วงศา (ด้วง) อดีตเจ้าเมืองกุดสิมนารายณ์คนที่ 2 และพระธิเบศร์วงศา (กินรี) อดีตเจ้าเมืองกุดสิมนารายณ์คนที่ 3 ดังกล่าว เพื่อน้อมรำลึกและแสดงความกตัญญูต่อบรรพบุรุษ ที่ได้ปฏิบัติเป็นประจำทุกปีในเทศกาลสงกรานต์ ที่เริ่มจากวันที่ 13 เม.ย.วันสงกรานต์ วันที่ 14 เม.ย.วันครอบครัว และวันที่ 15 เม.ย.วันขึ้นปีใหม่ตามประเพณีไทย นอกจากนี้ยังมีการสาธิตพิธี “เหยา” หรือการรักษาคนป่วยตามความเชื่อของชาวผู้ไท ที่สืบทอดจากมายาวนานหลายชั่วอายุ เพื่อให้ลูกหลาน เยาวชน ที่กลับบ้านในเทศกาลสงกรานต์ ได้ร่วมสืบสาน แสดงความกตัญญูกตเวที เสริมสร้างความรัก ความอบอุ่น ในครอบครัวและในชุมชน โดยทุกคนที่ร่วมพิธีปฏิบัติตนตามมาตรการของคณะกรรมการโรคติดต่อ ในการป้องกันการติดเชื้อโควิด-19 อย่างเคร่งครัด เช่น สวมหน้ากากอนามัย ตั้งจุดคัดกรองวัดอุณหภูมิร่างกาย ล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอล์ 

ด้านนายปุณณรัตน์ วรรณวงศ์ ครูโรงเรียนกุดกว้างสวาสดิ์วิทยา อ.เขาวง จ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า พิธีเหยาเป็นประเพณีที่เกิดจากความเชื่อของชาวภูไท ซึ่งเป็นพิธีสำหรับรักษาอาการเจ็บป่วย ที่ชาวภูไทอนุรักษ์และสืบสานมาอย่างเหนียวแน่น โดยหมอเหยาหรือผู้นำในการประกอบพิธีมีทั้งชายและหญิง หากเป็นชายจะเรียกว่าพ่อเมือง หรือหากเป็นหญิงเรียกว่าแม่เมือง ซึ่งพิธีบวงสรวงและเลี้ยงทะหลาในเทศกาลสงกรานต์หรือในวันครอบครัวนี้ มีการจัดเตรียมเครื่องบวงสรวงเซ่นไหว้ พานบายศรี ข้าวสาร  ไข่ไก่ ข้าวต้มมัด กล้วยสุก เหล้าขาว ยาสูบ พร้อมด้วยคณะหมอเหยา ทำการร่ายรำตามจังหวะดนตรีพื้นเมือง เป็นการบำรุงขวัญกำลังใจให้คนป่วยไข้หายเป็นปกติ ถือเป็นพิธีกรรมเกี่ยวกับความเชื่อในเรื่องของภูตผี วิญญาณ บรรพบุรุษ ยึดมั่นในความกตัญญู ที่สืบสานกันมาแบบรุ่นต่อรุ่นอย่างไม่เสื่อมคลาย

ทั้งนี้ พิธีเหยาเกิดจากเคยมีอาการเจ็บป่วยด้วยโรคประจำตัวมาก่อน รักษาตามกรรมวิธีทางการแพทย์ไม่หาย  จึงหันไปพึ่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์ รวมทั้งวิญญาณบรรพบุรุษ ซึ่งชุมชนชาวผู้ไทเชื่อว่าสถิตอยู่ ณ หอทะหลา หรือมเหศักดิ์หลักเมือง ชาวผู้ไทแต่ละเผ่าจะมีกรรมวิธีเหยาที่คล้ายคลึงกัน แต่มีจุดหมายเดียวกันคือบอกกล่าว ขอขมา และร่ายรำช่วยรักษาอาการเจ็บป่วย พิธีเหยาจึงเป็นการติดต่อสื่อสารกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ นอกจากนี้ยังเป็นการทำนายหรือดูลางบอกเหตุในบางกรณีได้ เช่น  พยากรณ์อากาศ  ทำนายโชคชะตา เป็นต้น

อย่างไรก็ตาม ในการประกอบพิธีเลี้ยงทะหลา (มเหศักดิ์หลักเมือง) บวงสรวงอนุสาวรีย์พระธิเบศร์วงศา พร้อมร่วมพิธีเหลา เพื่อแสดงความกตัญญูต่อวิญญาณบรรพบุรุษ สืบสานวัฒนธรรมประเพณี และปลูกจิตสำนึกลูกหลาน ที่มาเยี่ยมบ้านและก่อนเดินทางกลับไปทำงานหลังสงกรานต์ ได้รักบ้านเกิด ได้ร่วมกันขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เสริมสิริมงคลในเทศกาลสงกรานต์ด้วยความสุข และเดินทางปลอดภัย ทั้งนี้ หลังสาธิตพิธีเหยาในวันครอบครัว ยังมีการทำนายฝนฟ้า โดยแม่เมืองเป็นผู้นำคณะหมอเหยา ร่ายรำรอบโอ่งบรรจุน้ำหน้าปะรำพิธี และร่วมเล่นสาดน้ำคลายร้อนอย่างชุ่มฉ่ำ ซึ่งพยากรณ์ว่าฝนฟ้าปีนี้จะดี มีฝนตกต้องตามฤดูกาล


ภาพ/ข่าว  ณัฐพงษ์  ประชากูล จ.กาฬสินธุ์

จันทบุรี - “ตม.จันทบุรี จับกุมแก๊งเคลื่อนย้ายแรงงานต่างด้าว (กัมพูชา)”

ตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เรื่องการควบคุมกำกับดูแลชาวต่างชาติที่เข้ามาพำนักอาศัยหรือเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.ดํารงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. มอบหมายให้ สตม. ดำเนินการตรวจสอบชาวไทยและชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม ในขณะที่พำนักอาศัยอยู่ในประเทศไทย กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิต และทรัพย์สินของประชาชน ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศ หรือกลุ่มคนร้ายข้ามชาติที่เข้ามาแฝงตัวอยู่ก่อเหตุกับคนไทยหรือชาวต่างชาติ โดยใช้ประเทศไทยเป็นฐานในการกระทำความผิด

สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง โดย พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม. พร้อมด้วย พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.รุ่งโรจน์ ฐากูรปุณยสิริ ผบก.ตม.๓, พ.ต.อ.ทรงโปรด สิริสุขะ รอง ผบก.ตม.๓, พ.ต.อ.กฤตัชญ์ บำรุงรัตนยศ รอง ผบก.ตม.๓, พ.ต.อ.รัชธพงศ์ เตี้ยสุด รอง ผบก.ตม.๓, พ.ต.อ.หฤษฎ์ เอกอุรุ รอง ผบก.ตม.๓ และ ว่าที่ พ.ต.อ.จิรพงศ์ รุจิรดำรงค์ชัย ผกก.สส.บก.ตม.๓ พร้อมชุดสืบสวนฯ ร่วมแถลงข่าวการจับกุมคนร้าย ดังนี้ 

 1. ตม.จันทบุรี จับกุมแก๊งเคลื่อนย้ายแรงงานต่างด้าว (กัมพูชา)

 ด้วย ตม.จันทบุรี ได้สืบทราบว่ามีการลักลอบขนคน และเคลื่อนย้ายแรงงานต่างด้าว โดยทราบว่าคนร้ายใช้รถยนต์กระบะโตโยต้าสีเทา ในการกระทำความผิดและมีเส้นทางผ่านพื้นที่ อ.เมืองจันทบุรี จึงได้ทำการสืบสวนจนกระทั่งทราบว่าจะมีการลักลอบขนคนเข้ามา

ในพื้นที่ จึงได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบและได้ออกตรวจพื้นที่ ต่อมาได้พบรถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า สีเทา มีลักษณะตำหนิรูปพรรณตรงตามข้อมูลข่าวสาร จึงได้ทำการขับรถติดตาม ปรากฏว่ารถคันดังกล่าวใช้ความเร็ว จึงได้ติดตามสกัดและเรียกตรวจสอบ ผลปรากฏว่าพบนายโสภณ อายุ ๓๒ ปี สัญชาติไทย เป็นผู้ขับขี่ และมีคนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชาอยู่ในรถคันดังกล่าวอีกจำนวน ๕ คน ตรวจสอบพบว่ามีหนังสือเดินทางถูกต้อง จากการสอบถามรับสารภาพว่า คนต่างด้าวทั้งหมดมาจากท่าเรือ ต.บางพระ อ.เมือง จว.ตราด โดยประสงค์จะเดินทางไปที่ ต.เทพนิมิต อ.โป่งน้ำร้อน จว.จันทบุรี เพื่อหางานทำงาน ชุดจับกุมจึงได้แจ้งข้อกล่าวหา นายโสภณ ว่ากระทำความผิดฐาน “เคลื่อนย้ายแรงงานต่างด้าว (กัมพูชา) เข้ามาในพื้นที่จังหวัดจันทบุรีโดยผิดกฎหมาย และไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อ ที่สั่งห้ามผู้ใดกระทำการหรือไม่ดำเนินการใด ๆ ซึ่งอาจก่อให้เกิดสภาวะที่ไม่ถูกสุขลักษณะเป็นเหตุให้โรคติดต่อแพร่ระบาดออกไป” พร้อมยึดรถยนต์ ไว้เป็นของกลางในคดี นำส่งพนักงานสอบสวน สภ.มะขาม เพื่อดำเนินการตามกฎหมาย โดยในการนี้จะได้ขยายผลว่ากลุ่มดังกล่าวเกี่ยวข้องกับการลักลอบขนคนงานหรือไม่เพื่อขยายผลดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดที่เกี่ยวข้องต่อไป

สตม. ขอเรียนให้ท่านทราบว่า สตม. มีมาตรการในการตรวจสอบ กวดขัน และปราบปรามการกระทำความผิดในด้านต่าง ๆ รวมทั้งดำเนินการตรวจสอบชาวไทยและชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตทรัพย์สินของประชาชน ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศชาติ หากประชาชนท่านใดพบเห็นเบาะแสการกระทำความผิด กรุณาแจ้งมายัง สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เลขที่ 507 ซ.สวนพลู แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กรุงเทพมหานคร 10120 หรือที่หมายเลขโทรศัพท์ 1178 หรือที่ www.immigration.go.th จักขอบพระคุณอย่างยิ่ง

มุกดาหาร - “ตม.จว.มุกดาหาร ฟาดแก๊งขนแรงงานเถื่อน ลูบคม ตม.”

ตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เรื่องการควบคุมกำกับดูแลชาวต่างชาติที่เข้ามาพำนักอาศัยหรือเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.ดํารงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. มอบหมายให้ สตม. ดำเนินการตรวจสอบชาวไทยและชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม ในขณะที่พำนักอาศัยอยู่ในประเทศไทย กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิต และทรัพย์สินของประชาชน ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศ หรือกลุ่มคนร้ายข้ามชาติที่เข้ามาแฝงตัวอยู่ก่อเหตุกับคนไทยหรือชาวต่างชาติ โดยใช้ประเทศไทยเป็นฐานในการกระทำความผิด

สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง โดย พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม. พร้อมด้วย พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต., พล.ต.ต.กฤษฎา กาญจนอลงกรณ์ ผบก.ตม.4, พ.ต.อ.เอกมนต์ พรชูเกียรติ รอง ผบก.ตม.4 ,พ.ต.อ.วีรยศ การุณยธร รอง ผบก.ตม.4, พ.ต.อ.ปรีชา กองแก้ว รอง ผบก.ตม.4 และ พ.ต.อ.พิษณุ สิทธิฑูรย์ ผกก.สส.บก.ตม.4 พร้อมชุดสืบสวนฯร่วมแถลงข่าวการจับกุมคนร้าย ดังนี้ 

ชุดสืบสวนปราบปราม ร่วมกับ สภ.คำชะอี ได้จับกุม นายยงยุทธ อายุ 23 ปี สัญชาติ ไทย พร้อมพวกรวม 2 คน ข้อหา “ร่วมกันซ่อนเร้น หรือ ช่วยเหลือด้วยประการใด ๆ ให้คนต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย พ้นจากการจับกุม” และ นางดวงพะไท สัญชาติ ลาว พร้อมพวกรวม 16 คน ข้อหา “เป็นคนต่างด้าวเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต” พร้อมของกลาง รถตู้ ยี่ห้อโตโยต้า สีบรอนซ์เงิน เจ้าหน้าที่ได้ตรวจยึดของกลางและควบคุมตัวผู้ถูกจับ ส่ง พงส.สภ.คำชะอี เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้ร่วมกันสืบสวนหาข่าวจนทราบว่า จะมีขบวนการลักลอบนำคนต่างด้าวหลบหนีเข้าเมือง ในพื้นที่ จ.มุกดาหาร ทางช่องทางธรรมชาติ โดยมีรถตู้ยี่ห้อ โตโยต้า สีบรอนซ์ จะมารับคนต่างด้าวตามจุดนัดหมาย เพื่อมุงหน้าเข้ากรุงเทพฯ ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้ร่วมกันวางแผนและติดตามจนพบรถตู้คันดังกล่าว และสกัดจับรถตู้คนดังกล่าวได้ เมื่อเข้าตรวจสอบพบนายยงยุทธเป็นผู้ขับขี่ โดยมีบุคคลต่างด้าวสัญชาติ ลาว โดยสารมาด้วย 16 คน นายยงยุทธรับว่าได้รับการว่าจ้างจากชายไม่ทราบชื่อให้ขับรถตู้จาก อ.นาแก จ.นครพนม มารับบุคคลต่างด้าว สัญชาติ ลาว ที่อ.เมือง จ.มุกดาหาร โดยผู้ว่าจ้างได้ทำการติดต่อแจ้งเส้นทางและขั้นตอนรวมถึงจุดรับและตกลงจ่ายค่าจ้างให้นายยงยุทธฯ เป็นเงิน 15,000 บาท เมื่อถึงจุดหมายที่ กรุงเทพฯ เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงรวบรวมหลักฐานเพื่อขยายผลการจับกุมสู่ตัวการผู้ว่าจ้างต่อไป

สตม. ขอเรียนให้ท่านทราบว่า สตม. มีมาตรการในการตรวจสอบ กวดขัน และปราบปรามการกระทำความผิดในด้านต่าง ๆ รวมทั้งดำเนินการตรวจสอบชาวไทยและชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตทรัพย์สินของประชาชน ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศชาติ หากประชาชนท่านใดพบเห็นเบาะแสการกระทำความผิด กรุณาแจ้งมายัง สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เลขที่ 507 ซ.สวนพลู แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กรุงเทพมหานคร 10120 หรือที่หมายเลขโทรศัพท์ 1178 หรือที่ www.immigration.go.th จักขอบพระคุณอย่างยิ่ง

หนองคาย - “ตม.จว.หนองคาย ใช้รถยนต์ตรวจการณ์อัจฉริยะ(BMW) สกัดจับขณะขนต่างด้าว ขบวนการลักลอบขนคนเข้าเมือง”

ตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เรื่องการควบคุมกำกับดูแลชาวต่างชาติที่เข้ามาพำนักอาศัยหรือเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร.และ พล.ต.อ.ดํารงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. มอบหมายให้ สตม. ดำเนินการตรวจสอบชาวไทยและชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม ในขณะที่พำนักอาศัยอยู่ในประเทศไทย กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิต และทรัพย์สินของประชาชน ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศ หรือกลุ่มคนร้ายข้ามชาติที่เข้ามาแฝงตัวอยู่ก่อเหตุกับคนไทยหรือชาวต่างชาติ โดยใช้ประเทศไทยเป็นฐานในการกระทำความผิด

สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง โดย พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม. พร้อมด้วย พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.กฤษฎา กาญจนอลงกรณ์ ผบก.ตม.4, พ.ต.อ.เอกมนต์ พรชูเกียรติ รอง ผบก.ตม.4, พ.ต.อ.วีรยศ การุณยธร รอง ผบก.ตม.4, พ.ต.อ.ปรีชา กองแก้ว รอง ผบก.ตม.4 และ พ.ต.อ.พิษณุ สิทธิฑูรย์ ผกก.สส.บก.ตม.4 พร้อมชุดสืบสวนฯร่วมแถลงข่าวการจับกุมคนร้าย ดังนี้ 

ตม.จว.หนองคาย ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจับกุมตัวนายถาวร อายุ 48 ปี สัญชาติไทย และ MR.MAI อายุ 33 ปี สัญชาติ เวียดนาม ในข้อหา “ร่วมกันให้ความช่วยเหลือ ซ่อนเร้น หรือช่วยด้วยประการใด ๆ แก่คนต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักรโดยผิดกฎหมายเพื่อให้พ้นจากการถูกจับกุม” พร้อมบุคคลต่างด้าวสัญชาติเวียดนามอีก 9 คน ในข้อหา “เป็นคนต่างด้าวเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต” พร้อมของกลาง รถยนต์กระบะอิซูซุ และโทรศัพท์มือถือยี่ห้อซัมซุง จำนวน 2 เครื่องเจ้าหน้าที่จึงได้นำตัวผู้ต้องหาพร้อมด้วยของกลางส่ง พงส.สภ.เวียงคุก เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

เจ้าหน้าที่สืบสวน ตม.จว.หนองคาย สืบทราบว่า จะมีขบวนการขนคนต่างด้าวสัญชาติเวียดนามจาก สปป.ลาว เข้ามาในราชอาณาจักรผ่านช่องทางธรรมชาติชายแดน จ.หนองคาย เพื่อส่งไปยังพื้นที่จังหวัดชั้นในโดยใช้รถยนต์กระบะอิซูซุ ในการดำเนินการ จึงสนธิกำลังกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตรวจสอบจับกุมตามที่ได้สืบทราบมา จนกระทั่งเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมสืบทราบว่า รถยนต์กระบะคันดังกล่าวได้ไปรับบุคคลต่างด้าวสัญชาติเวียดนาม ซึ่งลักลอบเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรโดยผิดกฎหมาย บริเวณริมฝั่งแม่น้ำโขง และจะพาไปส่งให้นายหน้าที่รออยู่ที่สถานีขนส่งอุดรธานี จึงนำรถยนต์ตรวจการณ์อัจฉริยะ(BMW) ออกตรวจสอบ จนกระทั่งพบรถยนต์กระบะลักษณะตรงกับข้อมูลจากการสืบสวน โดยรถยนต์กระบะคันดังกล่าววิ่งมาจากริมฝั่งแม่น้ำโขง ต.เมืองหมี อ.เมือง จ.หนองคาย มุ่งหน้าไปตามถนนสาธารณะ บ.นาพิพาน ม.4 ซึ่งเป็นเส้นทางรอง เข้ามาบริเวณจุดเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่จึงเปิดไฟวับวาบพร้อมแสดงตัวให้สัญญานหยุดรถผู้ขับขี่รถยนต์กระบะจึงหยุดรถให้เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมเข้าตรวจสอบ จากการตรวจสอบพบนายถาวร อายุ 48 ปี เป็นผู้ขับขี่โดยมีบุคคลต่างด้าวสัญชาติเวียดนาม รวม 9 คนโดยสารมาด้วย เมื่อตรวจสอบบุคคลต่างด้าวสัญชาติเวียดนาม 9 คน ไม่พบตราประทับการอนุญาตให้เข้ามาในราชอาณาจักร พร้อมรับว่าพวกตนหลบหนีเข้าเมืองจริง โดยติดต่อชายสัญชาติเวียดนามที่อยู่ สปป.ลาว เพื่อให้ส่งพวกตนเข้ามายังฝั่งไทยด้วยเรือเล็ก

โดย MR.MAI ได้ใช้โทรศัพท์ติดต่อนายถาวร ผู้ขับขี่รถยนต์กระบะ ให้ไปรับที่บริเวณริมฝั่งแม่น้ำโขงเพื่อไปส่งยังสถานีขนส่งผู้โดยสารจังหวัดอุดรธานี แห่งที่ 1 สอบถามนายถาวร รับว่า ตนได้รับการติดต่อว่าจ้างจาก MR.MAI โดยตกลงค่าจ้างเป็นเงิน 3,000 บาท เพื่อให้พาไปส่งยังสถานีขนส่งผู้โดยสารจังหวัดอุดรธานีจริง เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงทำการขยายผลโดยให้นายถาวรฯ พาไปหา MR.MAI ซึ่งรอรับบุคคลต่างด้าวทั้ง 9 คน ที่บริเวณอาคารที่ตั้งบริษัทเชิดชัยทัวร์ เมื่อจอดรถ ขณะ MR.MAI กำลังเดินเข้ามาพบนายถาวรฯ เพื่อจะรับเอาคนต่างด้าวไปขึ้นรถประจำทาง และจ่ายเงินค่าจ้าง เจ้าหน้าที่จึงได้แสดงตัวเข้าจับกุม

สตม. ขอเรียนให้ท่านทราบว่า สตม. มีมาตรการในการตรวจสอบ กวดขัน และปราบปรามการกระทำความผิดในด้านต่าง ๆ รวมทั้งดำเนินการตรวจสอบชาวไทยและชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตทรัพย์สินของประชาชน ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศชาติ หากประชาชนท่านใดพบเห็นเบาะแสการกระทำความผิด กรุณาแจ้งมายัง สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เลขที่ 507 ซ.สวนพลู แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กรุงเทพมหานคร 10120 หรือที่หมายเลขโทรศัพท์ 1178 หรือที่www.immigration.go.th จักขอบพระคุณอย่างยิ่ง

กาฬสินธุ์ – ปลูกแล้วกัญชาต้นแรก ถูกกฎหมาย ขอขอบคุณพรรคภูมิใจไทย ผลักดันสร้างโอกาสและรายได้ให้ประชาชน

เมื่อวันที่ 14 เมษายน 2564 ที่วิสาหกิจชุมชนพืชสมุนไพรเพื่อเศรษฐกิจใหม่  อ.เมืองกาฬสินธุ์ จ.กาฬสินธุ์ นายสนั่น พงษ์อักษร รอง ผวจ.กาฬสินธุ์ เป็นประธานปลูกกัญชาถูกกฎหมายต้นแรก ให้กับกลุ่มวิสาหกิจชุมชนพืชสมุนไพรเพื่อเศรษฐกิจใหม่ มีนายพงศกร กรโสภา ผอ.รพ.สต.บ้านหนองแวงใต้, นางทศพร กรโสภา พยาบาลวิชาชีพชำนาญการ รพ.สต.หนองแวงใต้, น.ส.สุภาพร คำยุธา ประธานกลุ่มวิสาหกิจชุมชนพืชสมุนไพรเพื่อเศรษฐกิจใหม่ พร้อมด้วยนายนิมิตร รอดภัย นายสถาพร ฉายประดิษฐ์ ที่ปรึกษาประธานกลุ่มวิสาหกิจชุมชนฯ และนายยุทธนา เกียรติดำเนินงาม นายกสมาคมนักข่าวกาฬสินธุ์ และหัวหน้าศูนย์ข่าวเดลินิวส์ภาคอีสานตอนบน ร่วมเป็นสักขีพยาน

การปลูกกัญชาต้นแรกนี้ วิสาหกิจชุมชนพืชสมุนไพรเพื่อเศรษฐกิจใหม่ ได้รับอนุญาตถูกต้องตามกฎหมายจาก องค์การอาหารและยา (อย.) กระทรวงสาธารณสุข ซึ่งได้ส่งเมล็ดกัญชาให้กลุ่มทำการเพาะปลูก ที่ผ่านมาได้มีการอนุบาลเมล็ดพันธุ์จนเติบโตและมีความแข็งแรง จนสามารถนำไปปลูกภายในโรงเรือนตามมาตรการคุมเข้มของทาง อย. โดยสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดกาฬสินธุ์ และ รพ.สต.บ้านหนองแวงใต้ กำกับดูแล

นายนิมิตร รอดภัย ที่ปรึกษาวิสาหกิจชุมชนพืชสมุนไพรเพื่อเศรษฐกิจใหม่ ตำแหน่งนักวิชาการของวิสาหกิจชุมชนพืชสมุนไพรเพื่อเศรษฐกิจใหม่ กล่าวว่าการปลูกกัญชาให้มีคุณภาพตรงตามคุณภาพมาตรฐานของ อย. นั้น ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะเป็นการปลูกภายในโรงเรือนระบบปิด การปลูกจึงต้องดำเนินการเป็นขั้นเป็นตอน ไม่ว่าจะเป็นการนำเมล็ดที่ได้รับมาจากทาง อย. มาเพาะจนมั่นใจว่าสามารถนำลงดินปลูก

“ในการปลูกนั้นเป็นลักษณะโรงเรือน เพื่อป้องกันศัตรูพืช มีการกางมุ้งและรดน้ำตามระยะเวลา ที่คาดว่าต้นกัญชาจะเติบโตได้นั้นจะมีระยะเวลาประมาณ 3-4 เดือน เพื่อให้มั่นใจในมาตรฐานก็ยังมีการจัดเวรยามดูแล ผ่านระบบน้ำ และกล้องวงจรปิดเพื่อป้องกันบุคคลภายนอกด้วย”

นายสนั่น พงษ์อักษร รอง ผวจ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า การปลูกกัญชาเท่าที่ดูจากวิสาหกิจชุมชนพืชสมุนไพรเพื่อเศรษฐกิจใหม่ มองดูแล้วไม่ง่าย การเพาะปลูกต้องมีความเชี่ยวชาญ เพราะสิ่งสำคัญเมื่อต้นโตแล้วก็ยังต้องมาดูว่าเป็นต้นตัวผู้หรือตัวเมีย จะมีช่อดอกหรือไม่ ซึ่งหากเกษตรกรสนใจก็ต้องศึกษาให้ถี่ถ้วนเสียก่อน และควรจะไปปรึกษาหาความรู้จากทางเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบของสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดกาฬสินธุ์ ซึ่งทางจังหวัดก็พร้อมที่จะสนับสนุนอย่างเต็มที่ และให้เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมายเช่นกัน

ด้าน น.ส.สุภาพร คำยุธา ประธานวิสาหกิจชุมชนพืชสมุนไพรเพื่อเศรษฐกิจใหม่ กล่าวว่า การได้ปลูกกัญชาถูกต้องตามกฎหมาย ต้องขอบคุณพรรคภูมิใจไทย ที่ได้ผลักดันให้สามารถปลูกกัญชาได้ถูกต้องตามกฎหมาย ที่เป็นการสร้างรายได้ให้กับประชาชน เพราะกัญชาถือว่าเป็นพืชสมุนไพรที่มีมูลค่าในตัวและทางวิสาหกิจชุมชนฯ ก็พร้อมที่จะปฏิบัติตามกฎหมายในทุกขั้นตอน และในอนาคตในส่วนของ ลำต้น ใบ และราก เมื่อต้นกัญชาพร้อมที่จะตัดจำหน่าย ในส่วนผู้ที่สนใจจะนำไปแปรรูปต่อนั้น ก็สามารถติดต่อมาได้ที่กลุ่มวิสาหกิจชุมชนพืชสมุนไพรเพื่อเศรษฐกิจใหม่


ภาพ/ข่าว ณัฐพงษ์  ประชากูล จ.กาฬสินธุ์

ชลบุรี - หาดพัทยาคึกรับวันหยุดยาว 'นายกสนธยา' ส่งรถ ปชส.เข้มมาตรการป้องกันโควิด-19

ชายหาดพัทยาคึกคักวันหยุดยาวสงกรานต์ 64 นายกเมืองเมืองพัทยาส่งรถประชาสัมพันธ์เข้มมาตรการป้องกันโควิดระลอก 3

วันที่ 14 เม.ย.64 ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการท่องเที่ยวช่วงวันหยุดยาวเทศกาลสงกรานต์ปีใหม่ไทย 2564 ที่บริเวณริมชายหาดเมืองพัทยา แหล่งท่องเที่ยวชื่อดังของจังหวัดชลบุรีและภาคตะวันออก

พบว่าบรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก ประชาชนต่างนำครอบครัวและบุตรหลานมาพักผ่อนทำกิจกรรมทางทะเลเพื่อผ่อนคลายกันอย่างสนุกสนาน ส่งผลให้บรรดาผู้ประกอบการค้าขายริมชายหาดพัทยาพลอยมีรายได้จากนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นในช่วงนี้ด้วย

มีรายงานด้วยว่า เมืองพัทยา โดยนายสนธยา คุณปลื้ม นายกเมืองพัทยา ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่เทศกิจ สำนักปลัดเมืองพัทยา และเต้าหน้าที่แระชาสัมพันธ์ สำนักส่งเสริมการท่องเที่ยวเมืองพัทยา ส่งเจ้าหน้าที่นำรถเครื่องเสียงออกประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนที่ออกมาใช้พื้นที่สาธารณะได้ระวังและป้องกันตัวเองและครอบครัวให้ปลอดภัยจากไวรัสโควิด-19 ด้วยการปฏิบัติตามมาตรการควบคุมและป้องกันโรคระบาดในระลอกที่ 3 อย่างเคร่งครัดด้วย


ภาพ/ข่าว  นิราช / นันทพล ทิพย์ศรี

อยุธยา - ผู้ว่าฯ ตรวจเยี่ยมเตรียมความพร้อมเปิดหอพักราชภัฎฯ เป็นศูนย์พักฟื้น และหอประชุม มทร.สุวรรณภูมิ ใช้เป็น รพ.สนาม หลังพบยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

วันที่ 14 เมษายน เวลา 13.30 น. ที่หอพักนักศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฎพระนครศรีอยุธยา นายภานุ  แย้มศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา พร้อมด้วย นางสาวนุชนาถ ประทีปธีรานันต์  นายสมศักดิ์ เจริญไพฑูรย์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา นายประทีป การมิตรี ปลัดจังหวัด พันเอก(พิเศษ) เพิ่มศักดิ์ ขุนโขลน รอง ผอ.กอ.รมน.จว นายแพทย์พีระ อารีรัตน์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตรวจเยี่ยมการเตรียมความพร้อมศูนย์พักฟื้น Hospitel เพื่อรองรับผู้ป่วยที่เพิ่มขึ้นจากสถานการณ์การแพร่ระบาดโรคโควิด-19

โดยเตรียมสถานที่พักฟื้นที่หอพักนักศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฎพระนครศรีอยุธยา รองรับได้จำนวน 30 ห้อง/60 เตียง เป็นหออภิบาลพักฟื้น  โดยได้ดำเนินการปรับปรุงระบบรองรับและจะเปิดใช้ในวันที่ 16 เมษายน นี้ นอกจากนี้ยังได้เตรียมโรงพยาบาลสนาม ที่หอประชุมมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลงสุวรรณภูมิ (หันตรา) จำนวน 100 เตียง ซึ่งอยู่ในระหว่างปรับปรุงสถานที่และจัดระบบความปลอดภัยต่าง ๆ ทั้งนี้สาธารณสุขจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ได้จัดเตรียมอบรมบุคคลากรที่จะดูแลผู้ป่วยโควิด-19  ผู้ว่าราชการจังหวัดฯยังได้ฝากประชาสัมพันธ์ทำความเข้าใจกับประชาชน ชุมชนรอบบริเวณสถานที่เป็นโรงพยาบาลสนามและหออภิบาล ให้เห็นใจกัน อย่ารังเกียจกัน อยากให้เป็นกำลังใจให้กันและกันผ่านวิกฤตนี้ไปให้ได้

นายภานุ  แย้มศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา กล่าวว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคไวรัสโควิด 19 ของจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ยังพบผู้ติดเชื้อเพิ่มอย่างต่อเนื่อง แบ่งเป็น กลุ่มสถานบันเทิง กลุ่มผู้บริหารโรงงานและกลุ่มพนักงาน ที่นำมาติดกับสมาชิกในครอบครัว และเพื่อเตรียมความพร้อมในการรับมือกับสถานการณ์ทางสาธารณสุขจะประเมินผู้ป่วยว่า ผู้ป่วยรายใดต้องเข้ารักษาในห้องความดันลบ  ผู้ป่วยรายใดที่มีอาการไม่หนักสามารถเข้าหอพักฟื้นได้  จะทำให้โรงพยาบาลต่าง ๆ ทั้ง 16 อำเภอสามารถรองรับผู้ป่วยได้อย่างต่อเนื่อง รวมถึงหากพบกว่าพื้นที่ใดมีผู้ป่วยติดเชื้อ ทางจังหวัดร่วมกับสาธารณสุขจะลงพื้นที่ตรวจคัดกรองเชิงรุกเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดไม่ให้รุกรามเป็นวงกว้าง  รวมถึงสั่งการให้ทุกหน่วยงาน พร้อมขอความร่วมมือภาคประชาชนดำเนินกิจการ กิจกรรมต่าง ๆ ตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคไวรัสโควิด-19 อย่างเข้มข้น ด้วยการปฏิบัติตามมาตรการ เว้นระยะห่าง สวมหน้ากากอนามัย ล้างมือบ่อย ๆ ใช้แอพฯ ไทยชนะทุกครั้ง


ภาพ/ข่าว  สุจินดา  อุ่นขาว  รายงานจากอยุธยา

ปราจีนบุรี – ชาวบ้านนับร้อยออกหาเห็ดโลละ 100 ไม่พอขาย

วันที่ 14 เมย.64 ที่บ้านวังทอง ม.22 ต.วังท่าช้าง อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี  ชาวบ้านบ้านนายาว ต.ท่ากระดานนอ.สนามชัยเขต จ.ฉะเชิงเทรา นับ 100 คน พากันออกหาเห็ดขมตั้งแต่เวลา 06.00 น.ห่อข้าวไปกินกลางป่ายูคาลิปตัสหาเก็บเห็ดยูคา หรือเห็ดขม ที่ขึ้นอยู่ในป่ายูคาลิปตัสนับ 1,000 ไร่ หลังจากฝนตกหนักติดต่อกันหลายครั้ง เห็ดขมได้ความชื้นจึงออกดอก ชาวบ้านได้ออกหาเก็บเก็ดขมมาประกอบอาหารในครัวเรือนและส่งขายพ่อค้าแม่ค้าตามตลาดนัด

โดยซื้อขายกันในราคา กก.ละ 100 บาท พ่อค้าแม่ค้ารับซื้อทุกวันจะมีชาวบ้านไปหาเห็ดกันทั้งวัน เห็ดขมจะมีดอกสีเปลือกมังคุด ยาว 4 ซม.ดอกใหญ่เท่า 3 นิ้ว รสชาติเห็ดขมจะมีรสชาติขมนิด ๆ นำมาปรุงอาหารจะทำความสะอาดรสชาติขมนิด ๆ นำมาปรุงอาหารจะล้างน้ำทำความสะอาดแล้วแกงแกงเปรอะแกงป่า ผัดน้ำมันหอย แต่ละคนจะนำกะละมังซักผ้า ตระกร้า ถุงปุ๋ยมาใส่เห็ดขมที่มามาหาในป่ายูคาลิปตัส แต่ละคนจะได้เห็ดคนละไม่ต่ำกว่า 2 ตะกร้า 20-30 กก.เห็ดขมจะขึ้นโดยธรรมชาติหลังจากที่ได้ฝนชุกและจะมากในเดือน เมย.- สค.ของทุกปี

นส.อนัญญา ดุลไทยสงค์ ชาวบ้านบ้านวังใหม่ม.17 ต.วังท่าช้าง อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี กล่าวว่า เมื่อเดือนเมย.ที่ผ่านมาเห็ดขมออกจึงพากันมาหาเก็บเห็ดเพื่อประกอบอาหารและขายให้กับพ่อค้า หลายคนมีรายได้ในการขายเห็ดแต่ละวัน 1,500 -2000 บาท สร้างรายได้ให้กับครัวเรือนในช่วงนี้


ภาพ/ข่าว  ทองสุข สิงห์พิมพ์

พังงา - ตื่นตา...พบฝูงปูไก่และกองทัพปูเสฉวนขนาดยักษ์ที่เกาะพระทอง

ที่เดอะมอแกน อีโก วิลเลจ เกาะพระทอง อ.คุระบุรี จ.พังงา รีสอร์ทเล็ก ๆ แนวอนุรักษ์ธรรมชาติ เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม จึงเป็นที่ชื่นชอบในกลุ่มนักท่องเที่ยวที่ต้องการพักผ่อนหลีกหนีจากความวุ่นวายของเมืองหลวง ตัดขาดจากความเร่งรีบในการใช้ชีวิตประจำวัน มาสัมผัสกับการใช้ชีวิตแบบสโลว์ไลฟ์ เรียบง่าย สบายทั้งกายและใจ เพื่อเติมพลังให้กับชีวิต ในช่วงค่ำทางรีสอร์ตจะพานักท่องเที่ยวที่มาพักไปชมความมหัศจรรย์ของธรรมชาติที่สมบูรณ์ที่ทางรีสอร์ทและชุมชนร่วมกันอนุรักษ์เอาไว้ นั่นก็คือฝูงปูไก่ ที่บางคนคิดว่ามีแต่ที่เกาะตาชัยและหมู่เกาะสิมิลันเท่านั้น ปกติตอนกลางวันมันจะซ่อนตัวอยู่ในรูและจะออกมาหากินยามค่ำคืน เมื่อเดินเข้าไปใกล้ ๆ มันก็จะรีบคลานหนีไปซ่อนตัวทันที พบว่าปูไก่ที่นี่แต่ละตัวมีขนาดใหญ่สมบูรณ์ทั้งนั้น ขณะที่ยังมีสัตว์ริมทะเลอีกชนิดหนึ่งที่มีมากที่นี่คือปูเสฉวน มีเป็นกองทัพทั้งแบบตัวขนาดยักษ์และตัวเล็กที่ออกมาหากินกันเป็นฝูง และระหว่างหากินแต่ละตัวก็มีการแลกเปลี่ยนบ้านที่อาศัยกัน ตามความเจริญเติบโตของร่างกายมันอีกด้วย ซึ่งได้สร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก

สำหรับปูไก่ หรือปูขน หรือปูภูเขา เป็นปูหายากที่ใกล้จะสูญพันธุ์ ออกหากินในเวลากลางคืน ลักษณะของปูจะแตกต่างกับปูทะเลอื่น ๆ รอบ ๆ กระดองไม่มีรอยหยัก ตาเป่ง ปากมีขน ขาเป็นขาแบบเดิน มีเสียงร้องจิ๊บ จิ๊บ คล้ายเสียงลูกไก่ ซึ่งเป็นเสียงจากใช้ก้ามคู่หน้าสีกัน เกิดเสียง "เจี๊ยบ ๆ" คล้ายลูกไก่ร้อง จึงเป็นที่มาของชื่อ "ปูไก่"

คุณปาจรีย์ ศรีฟ้า ผู้บริหารรีสอร์ต เปิดเผยว่า รีสอร์ทแห่งนี้เน้นการอนุรักษ์ธรรมชาติ รักษาสิ่งแวดล้อม ลดใช้พลังงานโดยใช้ไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ และให้ความสำคัญกับชุมชน ผู้ที่เข้าพักจะมีส่วนร่วมช่วยเหลือชุมชน โดยทางรีสอร์ทจะแบ่งรายได้ร้อยละ 2 ของทุกการจองเพื่อเป็นทุนการศึกษาให้แก่เด็ก ๆ บนเกาะพระทอง แถมยังมีส่วนร่วมในการช่วยเหลือโลกใบนี้ด้วยการใช้ชีวิตแบบเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอีกด้วย


ภาพ/ข่าว  อโนทัย  งานดี


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top