Thursday, 26 June 2025
Politics

เฉิดฉายในเวทีโลก!! สรุปสุดยอดภารกิจระดับนานาชาติ ใต้ปีก 'รัฐบาลประยุทธ์' เจริญสัมพันธ์ราบรื่น สานเศรษฐกิจยั่งยืน พาไทยฟื้นสถานะสุดแกร่ง

ต้องยอมรับว่า ช่วงสมัยรัฐบาลของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในซีซัน 2 ระหว่างปี 2562 ถึงปัจจุบันนั้น...ประเทศไทย ได้รับเกียรติให้เข้าร่วมประชุมและเป็นแขกสำคัญของนานาประเทศ ในการผูกเชื่อมสัมพันธ์ การพูดคุยเจรจาด้านเศรษฐกิจ และการหารือวาระสำคัญระดับโลกอย่างต่อเนื่อง ซึ่งทุกงานที่ร่วม ล้วนแล้วแต่ได้รับผลตอบรับ และสานต่อพันธกิจของชาติได้อย่างน่าชื่นชม

โอกาสนี้ THE STATES TIMES เลยขอเปิดไทม์ไลน์ 17 ภารกิจงานประชุมใหญ่ระดับนานาชาติ และการเยือนต่างประเทศของรัฐบาลไทย ภายใต้ 'พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ให้คนไทยทุกคนได้ย้อนรำลึกไปด้วยกัน เริ่มด้วย...

1. การประชุมระดับประเทศ ณ สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 21-27 กันยายน 2562

2. การประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 35 ณ สาธารณรัฐเกาหลี เมื่อวันที่ 24-27 พฤศจิกายน 2562

3. การประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 36 เมื่อวันที่ 26 มิถุนายน 2563 ทางออนไลน์

4. การประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 37 เมื่อวันที่ 12-15 พฤศจิกายน 2563 ทางออนไลน์

5. การประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ครั้งที่ 27 เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน 2563 ทางออนไลน์

6. การประชุม ACMECS ครั้งที่ 9 เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2563 ทางออนไลน์

7. การประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2564 ทางออนไลน์

8. ประชุมสุดยอดผู้นำแผนงานความร่วมมือทางเศรษฐกิจในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง 6 ประเทศ ครั้งที่ 7 เมื่อวันที่ 9 กันยายน 2564 ทางออนไลน์

9. การประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 38 และ 39 เมื่อวันที่ 26-28 ตุลาคม 2564 ทางออนไลน์

10. การประชุม COP26 เมืองกลาสโกว์ ประเทศสกอตแลนด์ เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม - 3 พฤศจิกายน 2564 

11. การประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ครั้งที่ 28 เมื่อวันที่ 11-12 พฤศจิกายน 2564 ทางออนไลน์

12. พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ เดินทางเยือน ซาอุฯ เมื่อวันที่ 25-26 มกราคม 2565 เป็นครั้งแรกในรอบ 30 ปีของรัฐบาลไทย เพื่อกระชับความสัมพันธ์ทวิภาคีระหว่างกัน

13. ประชุมสุดยอดอาเซียน-สหรัฐอเมริกา สมัยพิเศษ ณ กรุงวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 11-15 พฤษภาคม 2565

14. การประชุม Nikkei Forum ครั้งที่ 27 ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 25-27 พฤษภาคม 2565)

15. การประชุมเอเปค ณ ประเทศไทย ครั้งยิ่งใหญ่ ณ ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ เมื่อวันที่ 14-19 พฤศจิกายน 2565

16. การประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 40 และ 41 กรุงพนมเปญ ราชอาณาจักรกัมพูชา เมื่อวันที่ 10-13 พฤศจิกายน 2565

17. การประชุมสุดยอดอาเซียน-สหภาพยุโรป สมัยพิเศษ ณ ประเทศเบลเยียม (12-15 ธันวาคม 2565)

เรียกได้ว่า ทุกภารกิจด้านการต่างประเทศของไทย ภายใต้รัฐบาลพลเอกประยุทธ์ ระหว่างปี 2562-ปัจจุบันนั้น ได้สร้างผลลัพธ์อันดีต่อประเทศไทยสามารถลุล่วงภารกิจหลากมิติ ทั้งด้านความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ การค้า ความมั่นคง วิชาการ สังคม สิ่งแวดล้อม และอื่น ๆ ระหว่างไทยกับนานาชาติได้อย่างน่าชื่นชม

‘บัญญัติ’ ยัน!! มติพรรคโหวตนายก ‘งดออกเสียง-ไม่เห็นชอบ’ ชี้!! พฤติกรรม 16 สส.งูเห่าอันตราย ฉุดภาพลักษณ์พรรคตกต่ำ

(30 ส.ค. 66) ที่พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) นายบัญญัติ บรรทัดฐาน สส.บัญชีรายชื่อ พรรค ปชป. ให้สัมภาษณ์กรณี นายเดชอิศม์ ขาวทอง รักษาการรองหัวหน้าพรรค ปชป.และ สส.สงขลา พาดพิงเป็นสาเหตุที่ทำให้ต้องย้ายไปอยู่พรรคไทยรักไทย ว่า จำได้แน่นอนว่าสมัยนั้นตอนที่ตนเป็นหัวหน้าพรรค หลักใหญ่ที่ใช้ในการตัดสินใจสนับสนุนหรือไม่สนับสนุนใครให้ลงสมัครรับเลือกตั้ง มีสองหลักการ หลักแรกมักให้ สส.ที่มีอยู่ในจังหวัดพูดจาและลงความเห็นกันเอง และหลักที่สองใช้หลักคณะกรรมการบริหาร โดยเฉพาะให้รองหัวหน้าพรรคเป็นหลัก ยืนยันตนตัดสินใจไม่ผิด เพราะการเลือกตั้งครั้งนั้นพรรค ปชป.ได้ สส.สงขลา ยกจังหวัดเช่นกัน จึงไม่เข้าใจว่าทำไมนายเดชอิศม์จึงยกเรื่องนี้ขึ้นมาพูดในเวลานี้

นายบัญญัติ ยืนยันว่า เมื่อวันที่ 21 ส.ค. พรรคมีมติให้งดออกเสียง นายเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกฯ แน่นอน ในวันดังกล่าวตนเป็นคนสรุปด้วยตัวเอง พูดกันเพียง 2 แนวทาง คือ จะงดออกเสียง หรือไม่เห็นชอบ คนเริ่มเรื่องนี้คือ พล.ต.ต.สุรินทร์ ปาลาเร่ สส.สงขลา โดยบอกว่าเมื่อเที่ยวนี้พรรคไม่ได้เป็นรัฐบาล แนวทางมติก็มีเพียงงดออกเสียงกับไม่เห็นชอบเท่านั้น ซึ่งถูกต้อง เพราะในทางปฏิบัติที่แล้วมา ไม่มีพรรคการเมืองใดที่เขาไม่เชิญเข้าร่วมรัฐบาล แล้วอยู่ ๆ ไปยกมือสนับสนุนนายกฯ ของเขา ตนยังแปลกใจว่าเที่ยวนี้ไปไกลแบบนั้นได้อย่างไร

"พรรคที่ไม่เกี่ยวข้องกับการจัดตั้งรัฐบาลมีอยู่สองอย่างคือ งดออกเสียง กับไม่เห็นชอบ งดออกเสียงคือปฏิเสธแบบสุภาพ แม้กระทั่งนายเดชอิศม์เองก็ลุกขึ้นพูดในที่ประชุมวันที่ 21 ส.ค. อยากให้งดออกเสียง หลังจากพูดกันพอดูออกว่าอยากให้งดออกเสียงจำนวนมาก นายชวน หลีกภัย ก็ลุกขึ้นบอกว่าขอลงมติไม่เห็นชอบ เพราะสู้กับระบอบทักษิณมายาวนานเป็นพิเศษ และวันนี้ก็ไม่ทราบว่าระบอบทักษิณเปลี่ยนแปลงไปมากน้อยเพียงใด ที่สำคัญ อยากให้คนใต้สบายใจว่าจุดยืนยังมั่นคงแข็งแรง จากนั้นผมลุกขึ้นอภิปรายต่อ สุดท้าย ท่านจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ลุกขึ้นพูดว่าคงไม่ต้องลงมติมั้ง ซึ่งหมายความคงไม่ต้องนับคะแนนกัน เพราะฟังแล้วก็พอรู้ว่าจะมีผลอย่างไร ไม่ใช่แปลว่าจะไม่มีมติ ซึ่งจำได้ว่านายเดชอิศม์ยังลุกขึ้นทักท้วงว่าไม่ต้องมีมติหรือ ซึ่งผมก็ได้บอกว่าสิ่งที่นายจุรินทร์พูด หมายความว่าไม่ต้องลงคะแนน เพราะฟังดูแล้วเสียงส่วนใหญ่ให้งดออกเสียง ถ้าเช่นกันก็มีมติให้งดออกเสียง จึงถือว่าวันนั้นมีมติพรรคแน่นอน และที่กล่าวหาว่าผมและท่านชวนฝืนมติพรรค ก็ไม่ใช่" นายบัญญัติ กล่าว

นายบัญญัติ กล่าวอีกว่า ส่วนกระแสที่ว่านายชวน จะขับ สส.ออกจากพรรคนั้น คิดว่าไม่ใช่วิสัยของนายชวน เพียงแต่ว่าอะไรไม่ถูกต้องนายชวนก็ทักท้วง เรื่องจะให้ขับกันเป็นเรื่องที่สมาชิกส่วนหนึ่งเคลื่อนไหวกันเมื่อหลายวันก่อน ซึ่งเป็นปกติของพรรค วันดีคืนดีเมื่อสมาชิกจำนวนหนึ่งเห็นว่า สส.ไปลงคะแนนไม่น่าจะถูกต้องในความรู้สึกของเขา ก็ออกมาส่งเสียงเรียกร้องให้พรรคพิจารณา ซึ่งพรรคจะไม่พิจารณาคงไม่ได้ และทราบว่านายจุรินทร์กำลังเล็งหาคนมาเป็นประธานคณะกรรมการมาทำหน้าที่สอบข้อเท็จจริงเรื่องที่เกิดขึ้น และคณะกรรมการชุดนี้จะทำความชัดเจนได้มากขึ้น ทั้งเรื่องพรรคมีมติหรือไม่มีมติ และใครกันแน่ที่กระทำการฝ่าฝืนมติพรรค ซึ่งถือเป็นเรื่องดี เพราะจะได้จบ ไม่คาราคาซังกันอีก

นายบัญญัติ กล่าวตอนท้ายว่า ภายหลังลงมติโหวตนายกฯ ผ่านพ้นไป มี สส.ใหม่มาปรับทุกข์ว่าไม่สบายใจที่ลงมติเห็นชอบ ตนก็ได้ให้สติไปว่าอาจมีอีกหลายคนที่คิดแบบเดียวกัน และให้คำแนะนำว่าการทำการเมืองมีเพื่อนเป็นเรื่องดี แต่อย่าตามใจเพื่อนจนเสียหลัก นักการเมืองมีศิลปะที่สำคัญอย่างหนึ่ง คือสามารถขัดใจเพื่อนโดยเพื่อนไม่โกรธ เช่น การตัดสินใจทางการเมืองต้องคิดหลายปัจจัย นอกเหนือจากพรรคแล้ว ต้องมองว่าประชาชนคิดอย่างไร การเป็นนักการเมืองความคิดของตัวเองสำคัญ แต่ความคิดของคนอื่นสำคัญกว่า โดยเฉพาะความคิดของประชาชน กรณีที่ไปลงคะแนนกัน ตนคิดว่าอันตราย เพราะในความรู้สึกของชาวบ้านอาจมองว่าเราอยากเป็นรัฐบาลมากเหลือเกินหรือไม่ และอาจมองว่าเราตกเป็นเหยื่อของเขาแล้ว เพราะตนได้ยิน นายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่ายังเปิดกว้างสำหรับทุกพรรคการเมือง พรรคใดอยากเข้าเป็นสมการก็ดูวันโหวตนายกฯ ซึ่งตรงนี้ผิดธรรมเนียม ไม่มีใครลงคะแนนให้นายกฯ ง่าย ๆ เว้นแต่จะตกลงกันเรียบร้อยแล้วว่าจะเป็นพรรคร่วมรัฐบาลและตกลงกันแล้วถึงตำแหน่งรัฐมนตรี

‘หมอชลน่าน’ ลาออก ‘หัวหน้าพรรคเพื่อไทย’ เซ่นปมจับมือพรรคลุงจัดตั้งรัฐบาล

(30 ส.ค. 66) ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) มีการประชุมกรรมการบริหารพรรค (กก.บห.) เพื่อหารือเกี่ยวกับกรณีที่นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว สส.น่าน และหัวหน้าพรรค พท. จะลาออกจากกก.บห. จากนั้นเวลา 16.20 น. นพ.ชลน่าน พร้อมด้วยนายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรค และนายประเสริฐ จันทรรวงทอง สส.บัญชีรายชื่อ และเลขาธิการพรรค ร่วมแถลงข่าวภายหลังการประชุม

นพ.ชลน่าน กล่าวว่า จากการประชุมกก.บห.ครั้งนี้ ถือว่าเป็นจุดสุดท้าย ที่ตนเคยระบุไว้ว่า ถ้าตนทำหน้าที่หัวหน้า ในฐานะประธานกก.บห. พิจารณารับผิดชอบในการตั้งรัฐบาลของพรรค พท. เสร็จเรียบร้อย ตนจะมาประกาศกับสื่อมวลชนผ่านไปยังประชาชนว่า เรื่องที่ตนจะลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรค ตามที่ประกาศไว้เมื่อวันที่ 28 เมษายน 2566 ในเวลาดีเบตหาเสียงเลือกตั้ง สส. วันนี้ภารกิจก็เสร็จเรียบร้อย

“ผมนพ.ชลน่าน ขอทำตามที่เคยประกาศไว้ เป็นสัจจะที่ผมเคยลั่นวาจาไว้ว่า ถ้าพรรคเพื่อไทย ถ้ากก.บห. มีมติจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) มีมติจับมือดีลกับลุงป้อม ผมในฐานะหัวหน้าพรรคพร้อมที่จะลาออก และขออนุญาตประกาศ ณ ตรงนี้ว่า ขอลาออกจากหัวหน้าพรรค เพื่อไทยตามที่ผมได้ประกาศเอาไว้ ณ บัดนี้” นพ.ชลน่าน กล่าว

นพ.ชลน่าน กล่าวต่อว่า เหตุผลความจำเป็นที่ตนเลือกมาประกาศในวันนี้ เพราะเหตุผลความจำเป็นในการจัดตั้งรัฐบาลครั้งนี้อยู่ในสถานการณ์พิเศษ ที่พรรค พท. มีความจำเป็นจาก กก.บห. และสมาชิกพรรคที่ส่วนใหญ่เห็นตรงกันว่าต้องจัดตั้งรัฐบาลให้ได้ และขณะนี้อยู่ในขั้นตอนนำรายชื่อทูลเกล้าฯ ก็ถือว่าภารกิจสำเร็จเรียบร้อย

ขณะที่นายประเสริฐ กล่าวว่า ในที่ประชุมกก.บห.นั้น นพ.ชลน่าน ได้กล่าวขอบคุณกก.บห.ทุกท่าน และชี้แจงประชาชนตามข้อบังคับเมื่อหัวหน้าพรรคลาออก กก.บห.ที่เหลือทั้งหมด ต้องหมดสภาพกก.บห. แต่ กก.บห. อื่น ๆ นอกจากหัวหน้าพรรคยังรักษาการอยู่ ซึ่ง ที่ประชุม กก.บห. วันนี้มีมติเลือกนายชูศักดิ์ ศิรินิล สส.บัญชีรายชื่อและรองหัวหน้าพรรค ขึ้นมาเป็นรักษาการหัวหน้าพรรคแทน ส่วนการสรรหา กก.บห.ชุดใหม่นั้น จะต้องทำในระยะเวลา 60 วัน

เมื่อถามว่า หากมีสมาชิกเสนอชื่อให้กลับมารับตำแหน่งหัวหน้าพรรคจะรับหรือไม่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ตนต้องนำเรื่องนี้ไปพิจารณาให้ถี่ถ้วนก่อน ยืนยันว่าการทำหน้าที่หัวหน้าที่ผ่านมา ตนทำงานด้วยความสุข ความภาคภูมิใจ ภารกิจที่ได้รับมอบหมายจากพรรคในวันที่เข้ามารับตำแหน่งเมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 2564 โดยทำให้พรรคเป็นสถาบันการเมืองเพื่อประชาชน ซึ่งก็ได้รับการตอบรับจากสมาชิกและบุคลากรภายในพรรคเป็นอย่างดี

นพ.ชลน่าน กล่าวต่อว่า ช่วงวิกฤตรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งพวกเราทำหน้าที่อย่างเข้มแข็ง แต่สิ่งที่เราได้รับคือบทเรียนอันยิ่งใหญ่มาก หลังเลือกตั้งยิ่งทำให้ผมรู้สึกเองว่าผูกพัน มีความรัก มีความยึดมั่นในอุดมการณ์ของพรรค และเห็นผู้คนของพรรคทุ่มเทเสียสละเพื่อประชาชนและประเทศชาติ ฉะนั้น คำกล่าวอ้างวาทกรรม ข้อโจมตีหรือข้อที่เห็นแย้งต่าง ๆ เราล้วนเห็นว่าเป็นมิติหนึ่งทางการเมือง แต่ความมุ่งมั่นตั้งใจของพวกเราคือทำเพื่อประชาชน

“ถามว่ารู้ผมรู้สึกอะไร ผมไม่มีความรู้สึกที่จะเสียใจ โกรธเคือง หรืออะไรต่าง ๆ ผมไม่มีครับ เพราะผมถือว่าเป็นหน้าที่ ผมพยายามทำหน้าที่ให้ดีที่สุด เมื่อทุกอย่างมีข้อจำกัด ทุกอย่างมีสิ่งต้องรับและผูกมัดไว้มันก็ต้องปฏิบัติตามแบบนั้น ผมไม่ได้หนีไปไหนยังอยู่กับพรรคเพื่อไทย และทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด” นพ.ชลน่าน กล่าว

เมื่อถามว่า การลาออกจากหัวหน้าพรรค แต่ยังคงเป็น สส. และว่าที่รัฐมนตรี ใช่หรือไม่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า “มันไม่ได้เกี่ยวกับสิ่งที่ผมประกาศเอาไว้ ผมพูดไว้เพียงแต่จะลาออกจากหัวหน้าพรรค”

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังการแถลงข่าวเสร็จสิ้น ทั้ง 3 ท่านได้ต่างไหว้ พร้อมทั้งลุกขึ้นมาจับมือให้กำลังใจซึ่งกันและกัน

เมื่อผู้สื่อข่าวถามเพิ่มเติมว่า อยากฝากถึงประชาชนที่หมดศรัทธากับตัวเองหรือไม่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า เรื่องศรัทธาและความเชื่อไปสิทธิส่วนบุคคล เป็นเสรีภาพบนพื้นฐานที่เขาได้รับ ซึ่งหวังว่าประชาชนที่มีความรู้สึกแม้จะแตกต่างกัน หรือจะมีความเชื่อหรือศรัทธาหรือไม่อย่างไรหากได้พิจารณาข้อมูล ข้อเท็จจริง เชื่อว่าพี่น้องประชาชนจะไม่ต้องมาบอกว่าศรัทธาหรือไม่ศรัทธา แต่เราพร้อมที่จะหันหน้าเข้าหากัน และมองจุดสำคัญของแต่ละคนที่เป็นประโยชน์ของบ้านเมือง ตรงนั้นน่าจะเป็นมุมที่ดีที่สุด

“เราไม่สามารถตอบสนองความพึงพอใจของทุกคนได้ มีเพียงระดับหนึ่งที่เราสามารถตอบสนองได้ และเป็นเรื่องธรรมดา หน้าที่ของเราคือการทำหน้าที่ในฐานะผู้แทนของประชาชน สมาชิกพรรคการเมือง อยู่ในมิติทางการเมือง ก็แสดงพฤติกรรมที่สอดคล้องให้เหมาะสมที่สุด ภายใต้สิทธิเสรีภาพของกฎหมาย” นพ.ชลน่าน กล่าว

เมื่อถามว่า จะเป็นเหมือนพรรคการเมืองอื่นหรือไม่ที่ลาออกจากหัวหน้าพรรค แล้วมีการเสนอชื่อเข้ามาใหม่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ขอให้ไปดูกระบวนการ เพราะระหว่างพรรคการเมืองที่เป็นสถาบันทางการเมืองกับบุคคลต้องแยกกัน ตนแสดงความรับผิดชอบในฐานะบุคคล ไม่ได้เอาพรรคมาเกี่ยวข้อง เกี่ยวเพียงเล็กน้อยที่เป็นเหตุเป็นผลเท่านั้น

'เสรีพิศุทธิ์' ฟาดงวงฟาดงาก่อนลาจาก แขวะลาม 'ชวน-ปชป.' พรรคแตก

เมื่อวาน (30 ส.ค.66) พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย แถลงลาออกจาก สส. บัญชีรายชื่อ ตั้งแต่วันที่ 23 ส.ค. ที่ผ่านมา หรือหลังวัน #โหวตนายกรอบ 3 ได้ 1 วัน ตัดพ้อผู้สมัครของพรรคฯ ดี ๆ คนไม่เลือก ไปเลือกเมาแล้วขับ ทำร้ายผู้หญิง เคยติดคุกมาก่อน แต่งกายไม่เหมาะสม พาดพิงอดีตประธานสภาฯ 2 สมัย นายกรัฐมนตรี 2 สมัย แต่ไม่เสียสละ จนพรรคแตก

ส่วนตัว #นายหัวไทร อยากรู้ว่า แล้วพรรคเสรีรวมไทย จะโตไปข้างหน้าแค่ไหน ส่งผู้สมัครคนดีคนยังไม่เลือก คราวเลือกตั้งปี 62 ได้มาถึง 10 คน เลือกตั้งปี 2566 ได้มาแค่หน่อเดียว

พล.ต.อ.เสรีพิศุทธิ์ หลังพรรคก้าวไกลจับขั้วเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลก็ไปเข้าร่วมกับเขาด้วย และมีชื่อว่าจะได้เป็นรัฐมนตรีด้านความมั่นคง และเปิดหน้าแบบออกหน้าออกตา แต่เพียงไม่นาน ก็หลุดขั้วออกมาสนับสนุนเพื่อไทยเต็มสตีม

พล.ต.อ.เสรีพิศุทธิ์ ยังออกแรงเชียร์เพื่อไทยเต็มที่ และอาละวาดใส่ก้าวไกลแบบไม่ยั้ง เหมือนคนโกรธกันมานาน และหลังโหวตเลือก 'เศรษฐา ทวีสิน' เป็นนายกรัฐมนตรีแล้ว มีข่าวหลุดออกมาว่า จะมีการโปรดเกล้าฯ ในค่ำของวันนั้น มีสัญญาณให้ สส.เพื่อไทยแต่งชุดขาวเต็มยศ รอรับราชโองการ

พล.ต.อ.เสรีพิศุทธิ์ ก็เป็นคนหนึ่งที่ทะเล่อทะล่าแต่งชุดขาวเดินทางไปยังพรรคเพื่อไทย เพื่อรอรับราชโองการ เหมือนคนไม่รู้ระเบียบขั้นตอนอะไรเลย

ซึ่งขั้นตอนหลังจากสภาโหวตเลือกแล้ว ทางสภาต้องส่งผลไปให้สำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเพื่อตรวจสอบคุณสมบัติ ก่อนนำชื่อขึ้นทูลเกล้า ซึ่งวันนั้นชื่อจากสภายังมาไม่ถึงทำเนียบรัฐบาลเลย ยังไม่มีการทูลเกล้า แล้วจะโปรดเกล้าได้อย่างไร แต่กลับแต่งชุดขาวไปรอรับราชโองการแล้ว

...มันน่าขำ และน่าอายมาก!!

เมื่อมีการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี และมีการฟอร์มทีมคณะรัฐมนตรี ชื่อของ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธิ์ก็ไม่มีอยู่ในสารบบคิดของพรรคเพื่อไทย เพราะน่าจะเป็นที่รับรู้กันว่า พล.ต.อ.เสรีพิศุทธิ์เคยถูกคำสั่งปลดออก จึงน่าจะขาดคุณสมบัติในการเป็นรัฐมนตรี และคำสั่งนั้นก็ยังอยู่

ซึ่งผิดกับกรณี พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ที่เคยถูกปลดออกเหมือนกัน แต่ พล.ต.อ.พัชรวาทต่อสู้เรื่อยมา จนปี 2557 สมัย คสช.เข้ามาบริหารประเทศ ได้ยกเลิกคำสั่งปลดออกของ พล.ต.อ.พัชรวาท เขาจึงมีคุณสมบัติเป็นรัฐมนตรีได้

แต่ลึก ๆ จริงไม่รู้อารมณ์ไหนของ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธิ์ จึงอาละวาดลามไปถึงอดีตประธานสภาสองสมัย อดีตนายกรัฐมนตรีสองสมัย ถึงแม้นจะไม่เอ่ยชื่อ แต่สำหรับคอการเมืองแล้ว มันสิบ่ทราบกันได้ไม่ยาก ถ้าไม่ใช่ 'ชวน หลีกภัย' แล้วจะเป็นใคร

วันมูหะมัดนอร์ มะทา แม้จะเป็นประธานสภาสองสมัย แต่ไม่เคยเป็นนายกรัฐมนตรี ยังนึกไม่ออกว่า ถ้าไม่ใช่ 'ชวน' แล้วจะเป็นใคร แถมยังพาดพิงไปถึงพรรคประชาธิปัตย์ว่า อดีตนายกรัฐมนตรีสองสมัย อยู่จนจะพรรคแตกแล้ว

ก็อยากจะรู้เหมือนกันว่า พรรคเสรีรวมไทย ถ้าไม่มี พล.ต.อ.เสรีพิศุทธิ์เสียแล้ว จะยังดำรงความเป็นพรรคอยู่หรือไม่ แต่สำหรับพรรคประชาธิปัตย์แล้วเชื่อเหลือเกินว่า ไม่มี 'ชวน-บัญญัติ-จุรินทร์-เฉลิมชัย-เดชอิศม์' ความเป็นประชาธิปัตย์จะยังคงดำรงอยู่ เพียงแต่ว่าช่วงนี้อาจจะมีสถานการณ์ความขัดแย้งสูง รอการแก้ไขภายในพรรคอยู่ เมื่อปัญหาภายในพรรคได้รับการแก้ไขปัญหาเชื่อว่าประชาธิปัตย์จะได้แสดงบทบาทฝ่ายค้านอย่างเข้มข้นจริงจัง เวลาว่างก็กลับมาขบคิด ถอดบทเรียน วางแผน วางยุทธศาสตร์ใหม่ โอกาสที่ประชาธิปัตย์จะฟื้นกลับคืนมาก็ยังมีอยู่ 

ที่กล่าวอ้างเช่นนั้น เพราะประชาธิปัตย์เป็นสถาบันทางการเมืองไปแล้ว มีคนพร้อมสืบทอดเจตนารมณ์และอุดมการณ์ของพรรค ที่ผ่านมาก็เห็นการสืบทอดมาจนมีหัวหน้าพรรคมาแล้วถึง 8 คน กำลังจะเลือกคนที่ 9 

"ความขัดแย้งนั้นคือ แรงหลักที่เป็นตัวผลักดันให้กงล้อเร็วไว"

ความขัดแย้งในพรรคประชาธิปัตย์ เมื่อได้รับการแก้ไข สรุปบทเรียน กำหนดยุทธศาสตร์ แนวทางของพรรคใหม่ เปิดโอกาสให้เลือดใหม่ คนรุ่นใหม่เข้ามามีส่วนร่วม สร้างคนใหม่ขึ้นมาสืบทอดเจตนารมณ์ อุดมการณ์ของพรรค เชื่อว่า แรงใจ แรงเชียร์จะกลับมายังประชาธิปัตย์ไม่ช้าไม่นาน

เรื่อง: นายหัวไทร

'บิ๊กป้อม' เผย เตรียมลาออก สส.พปชร. เร็วๆ นี้ ลั่น!! เป็น หน.พรรคอย่างเดียว ไม่เล่นการเมืองแล้ว

(31 ส.ค.66) ที่สำนักงานคณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวก่อนเป็นประธานประชุมคณะกรรมการโอลิมปิกฯ ว่า "ห้ามถามการเมืองนะ ไม่เล่นการเมืองแล้ว เป็นหัวหน้าพรรคอย่างเดียว ไม่ได้เล่นการเมือง"

ผู้สื่อข่าวถามว่า จะเป็นหัวหน้าพรรคอย่างเดียวแล้วในตำแหน่ง สส. บัญชีรายชื่อจะอย่างไร? พล.อ.ประวิตร กล่าวทันทีว่า "เดี๋ยวก็จะลาออก คนอื่นก็ทำไป" เมื่อถามถึงความชัดเจนว่าจะลาออกเมื่อไหร่ พล.อ.ประวิตร ไม่ได้ตอบคำถามดังกล่าว

เมื่อถามย้ำว่า จะยังทำหน้าที่เป็นหัวหน้าพรรคอย่างเดียวใช่หรือไม่? พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า "ใช่ อย่างเดียว"

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หากพล.อ.ประวิตร ลาออกจากสส. บัญชีรายชื่อ ผู้ที่จะขยับขึ้นมาเป็นสส.แทน คือ นายสันติ พร้อมพัฒน์ รองหัวหน้าพรรค พปชร.ที่มีชื่อเป็น รมช.สาธารณสุข

สำหรับบรรยากาศในวันนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่าพล.อ.ประวิตร มีสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสและกล่าวอวยพรสื่อ อย่างอารมณ์ดี "โอเคนะ โชคดีนะทุกคน โชคดีจ๊ะ" จากนั้นเดินทางเข้าห้องรับรอง และเมื่อออกจากห้องได้กวักมือเรียกสื่อผู้สื่อข่าว ให้มาถ่ายภาพร่วมกันเป็นที่ระลึก

อย่างไรก็ตาม พล.อ.ประวิตร ยังได้กล่าวเสริมกับสื่อมวลชนอีกด้วยว่า "ตนยังมีพลังการทำงานในด้านกีฬา ส่วนการเมืองขอให้เป็นหน้าที่คนอื่น ทำมาเยอะแล้ว"

เมื่อถามย้ำว่าทำมาเยอะแล้วและอยากทำต่อหรือไม่? (ก่อนผู้สื่อข่าวจะแซวว่า ทำอยู่ ทำต่อ) พล.อ.ประวิตร จึงถามกลับว่า "ทำอยู่ ทำต่อ หมายความว่าอย่างไร" ผู้สื่อข่าวจึงตอบว่า หมายถึงทำให้ประเทศ พล.อ.ประวิตร จึงกล่าวว่า "ผมทำมาเยอะแล้ว ผมทำให้พรรคบ้าง"

‘บิ๊กป้อม’ ต้อนรับ ‘รองประธาน อลป.จีน’ หารือยกระดับด้านกีฬา ส่งเสริมความร่วมมือ-เชื่อมสัมพันธ์ระหว่าง ‘ไทย-จีน’ อย่างยั่งยืน

(31 ส.ค. 66) ที่บ้านอัมพวัน คณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทย พล.ท.พัชร์ชศักดิ์ ปฏิรูปานนท์ รอง โฆษก คณะกรรมการ โอลิมปิกฯ เปิดเผยว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี / ประธานคณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทยฯ ได้ให้การต้อนรับ ‘นายหวัง รุ่ยเหลียน’ (Mr.Wang Ruilian) รองประธานคณะกรรมการโอลิมปิกแห่งสาธารณรัฐ ประชาชนจีน และคณะ ในโอกาสที่เดินทางมาเข้าร่วมประชุม รัฐมนตรีอาเซียน - สาธารณรัฐประชาชนจีน ในด้านกีฬา

พล.อ.ประวิตร ได้ให้การต้อนรับพร้อมกล่าวขอบคุณนายหวัง รุ่ยเหลียน และคณะทุกท่าน ที่ให้เกียรติมาเข้าพบในวันนี้  ซึ่งประเทศไทยกับจีนมีความสัมพันธ์อันดีต่อกัน มาอย่างยาวนาน ในทุกระดับ รวมทั้งประชาชนของทั้ง 2 ประเทศ ที่มีความรักความผูกพันกันอย่างแน่นแฟ้น ทั้งด้านการค้า วัฒนธรรม ประเพณี และอื่นๆ รวมถึงด้านการกีฬาด้วย

ซึ่งในโอกาสที่จีนจะเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาเอเชียนเกมส์ ครั้งที่ 19 ณ นครหางโจว สาธารณรัฐประชาชนจีน ระหว่าง 23 ก.ย.- 8 ต.ค. 66 โดยมีนักกีฬาของไทยหลายประเภท เข้าร่วมการแข่งขันด้วย ทั้งนี้ พล.อ.ประวิตร ได้กล่าวอวยพรขอให้จีนประสบความสำเร็จ ในการจัดการแข่งขันด้วยดี

นายหวัง รุ่ยเหลียน ได้กล่าวขอบคุณ พล.อ.ประวิตร ที่ให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น ในวันนี้ และยืนยันความสัมพันธ์อันดีที่มีมาอย่างมั่นคงของทั้ง 2 ประเทศ ที่ผ่านมา พร้อมทั้งได้กล่าวเรียนเชิญ พล.อ.ประวิตร และคณะ เพื่อเป็นเกียรติเข้าร่วมพิธีเปิดการแข่งขันกีฬาเอเชียนเกมส์ ครั้งที่ 19 ณ นครหางโจว สาธารณรัฐประชาชนจีนด้วย

ต่อจากนั้นทั้งสองฝ่าย ยังได้หารือความร่วมมือทางด้านกีฬา เพื่อส่งเสริมการกีฬาของทั้ง 2 ประเทศ ให้มีการพัฒนาร่วมกัน และนำไปสู่ความสัมพันธ์อันดีระหว่างประเทศให้มากยิ่งขึ้นต่อไปด้วย พร้อมกล่าวยินดีต้อนรับ และสนับสนุนนักกีฬา และเจ้าหน้าที่ของไทยอย่างเต็มที่ ในการเข้าร่วมแข่งขันครั้งนี้ ภายหลังเสร็จสิ้นการหารือ ทั้ง 2 ฝ่ายได้มอบของที่ระลึกระหว่างกัน ก่อน รองประธาน คณะกรรมการโอลิมปิกฯ ของจีน พร้อมคณะจะเดินทางกลับ สำหรับ พล.อ.ประวิตร ได้เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการโอลิมปิกฯของไทย ต่อเนื่องทันที

เพลาท้าทาย ‘ปุ้ย-พิมพ์ภัทรา’ ว่าที่เจ้ากระทรวงอุตสาหกรรม แม้ส้มหล่นใส่จนตีนบวม ก็ต้องสวมหัวใจแกร่งคนคอนสะท้อนกึ๋น

ด้วยความเป็นห่วงยิ่ง ‘ปุ้ย พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล’ สส. 4 สมัย พรรครวมไทยสร้างชาติ มีอาการป่วยหลังติดโผเป็นรัฐมนตรี ‘เศรษฐา’ ด้วยคนหนึ่ง

ช่วงแรกโผออกมาว่าจะได้เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย แต่ตอนหลังพลิกมาเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เพราะภูมิใจไทยต้องการคุมมหาดไทยแบบเบ็ดเสร็จ (เว้นนายเกรียง กัลป์นันท์ จากพรรคเพื่อไทย จังหวัดอุบลราชธานี) โดยมหาดไทยจะมีรัฐมนตรีช่วยถึง 3 คน จึงต้องส่งปุ้ยไปกระทรวงอื่น โควตาของพรรครวมไทยสร้างชาติจึงมีกระทรวงอุตสาหกรรม

แต่จริงๆ กระทรวงอุตสาหกรรม พรรครวมไทยสร้างชาติได้วางตัว 1 ‘พิชชารัตน์ เลาหพงศ์ชนะ’ ทายาทของ ‘ปรีชา เลาหพงศ์ชนะ’ ไว้แล้ว แต่เศรษฐาเป็นคนตัดสินใจเลือกปุ้ย เพราะต้องการคนที่มีประสบการณ์เข้ามาร่วมทำงาน ในขณะที่พิชชารัตน์ยังมีประสบการณ์น้อย

ที่บอกว่า ‘ปุ้ย พิมพ์ภัทรา’ ป่วย เนื่องจากว่า เจอ ‘ส้มหล่น’ ใส่จนเท้าบวม ร้องไห้ขยี้ตา จนตาบวม เพราะได้ตำแหน่งมาอย่างไม่คาดคิด หรือใฝ่ฝันมาก่อนเลย แค่ได้รับเลือกเป็น สส.ก็พอแล้ว

“ถ้าเจอปุ้ย บอกด้วยว่า พี่จะซื้อรองเท้าให้ใหม่” นักการเมืองอาวุโสท่านหนึ่งกล่าวเชิงเย้าหยอก ฝากไปถึงปุ้ย เพราะเท้าบวม ใส่รองเท้าคู่เก่าไม่ได้แล้ว และถ้าเจอกันจะหายาหยอดตาไปฝาก… 5555

กล่าวสำหรับ ‘ปุ้ย พิมพ์ภัทรา’ กับผม โดยส่วนตัวไม่รู้จักกัน เคยคุยกันบ้างสั้นๆ แค่สวัสดีกัน ปุ้ยเป็นคนง่ายๆ เจอใครก็ยกมือไหว้ อ่อนน้อมถ่อมตน

ปุ้ย พิมพ์ภัทรา เป็นทายาททางการเมืองของ ‘มาโนชญ์ วิชัยกุล’ อดีต สส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์หลายสมัย (ผู้จากไป) ปุ้ยเข้ามารับบทบาททางการเมืองแทนต่อ

ตอนเด็กๆ ปุ้ยเข้ารับการศึกษาชั้นมัธยมศึกษาที่โรงเรียนเบญจมราชูทิศ นครศรีธรรมราช และโรงเรียนสามเสนวิทยาลัย ระดับปริญญาตรี วิทยาศาสตรบัณฑิต สาขาเคมีอุตสาหกรรม จากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ และปริญญาโท รัฐศาสตรมหาบัณฑิต จากมหาวิทยาลัยรามคำแหง โดย น.ส.พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล สมรสกับนายนิติรักษ์ ดาวลอย มีบุตร 2 คน

สมัยที่แล้ว ปุ้ย พิมพ์ภัทรา นั่งเป็นประธานกรรมาธิการศึกษา ปัญหาน้ำกัดเซาะชายฝั่ง ที่ถือว่าเป็นปัญหาที่รุนแรงสำหรับพื้นที่ชายฝั่งทะเล และในการเลือกตั้งครั้งล่าสุด ปุ้ย ตัดสินใจทางการเมือง ย้ายออกจากพรรคประชาธิปัตย์ มาร่วมสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ ในสังกัดพรรครวมไทยสร้างชาติ ด้วยความรัก ความเมตตาของคนขนอม-สิชล ปุ้ยก้าวเข้ามาเป็นผู้แทนอีกสมัย และได้รับเลือกให้เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมด้วย

ปุ้ย พิมพ์ภัทรา เข้าสู่เส้นทางทางการเมือง โดยการลงสมัครรับเลือกตั้ง สส.นครศรีธรรมราช ในนามพรรคประชาธิปัตย์ แทน นายมาโนชญ์ วิชัยกุล ซึ่งวางมือทางการเมือง ในการเลือกตั้ง สส.เป็นการทั่วไปปี 2550 และได้รับเลือกตั้งเป็น สส.สมัยแรก ในสังกัดพรรคประชาธิปัตย์

ต่อมาในการเลือกตั้งปี 2554 ได้ลงสมัครรับเลือกตั้งและได้รับเลือกเป็น สส.อีกสมัย กระทั่งในปี 2562 ยังคงลงสมัครรับเลือกตั้ง สส.ในสังกัดพรรคประชาธิปัตย์ และได้รับเลือกเป็น สส.สมัยที่ 3

หลังจากนั้นในช่วงต้นปี 2566 ปุ้ย พิมพ์ภัทรา ได้ลาออกจากพรรคประชาธิปัตย์ ก่อนสมัครเป็นสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ ต่อมาได้ลงสมัครรับเลือกตั้ง ในสังกัดพรรครวมไทยสร้างชาติ และได้รับการเลือกตั้ง เป็น สส.นครศรีธรรมราช พรรครวมไทยสร้างชาติ

ถือว่ากระทรวงอุตสาหกรรม เป็นอีกภารกิจในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของประเทศ ในวงการอุตสาหกรรมถือเป็นเครื่องยนต์อีกตัวในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ

หวังว่า ‘ปุ้ย พิมพ์ภัทรา’ จะไม่สร้างความผิดหวังให้คนไทย คนนครศรีธรรมราช ต้องแต่งตั้งที่ปรึกษาดีๆ สร้างทีมประชาสัมพันธ์ที่เข้มแข็ง เดินหน้าฝ่าทุกปัญหาไปให้ได้ โอกาสมีแล้วต้องทำให้เต็มที่

‘เท้าบวม-ตาบวม’ แป๊บเดียวก็หาย อย่าได้วิตกกังวลไปเลย ชาวบ้านทุกข์ยาก เดือดร้อนมากกว่าเยอะ

เรื่อง : นายหัวไทร

กระบี่ผู้ครองรัฐ : ตำนานคนดีที่ไม่มีวันตาย

ผู้นำ...ใช้ "บัณฑิตห้าวหาญ" ทำปลายกระบี่
ผู้นำ...ใช้ "บัณฑิตซื่อตรง" ทำคมกระบี่
ผู้นำ...ใช้ "บัณฑิตเที่ยงธรรม" ทำสันกระบี่
ผู้นำ...ใช้ "บัณฑิตภักดี" ทำโกร่งกระบี่
ผู้นำ...ใช้ "บัณฑิตปราดเปรื่อง" ทำด้ามกระบี่

กระบี่วิเศษเล่มนี้ 
พุ่งแทงไร้สิ่งบดบัง
เงื้อชูไร้สิ่งกีดขวาง
ชี้ต่ำล้วนม้วยมลาย
ตวัดไร้ที่ต้านทาน
แทงบนกรีดแหวกหมู่เมฆ
แทงต่ำกรีดแยกแผ่นดิน

เบื้องบนเอาอย่างผืนฟ้า 
ทำตามวิถีสวรรค์
เบื้องล่างเอาอย่างผืนดิน 
ทำตามลำดับฤดูกาล

ใจเมตตาประชาราษฏร์ 
สงบร่มเย็นทั้งสี่ทิศ

เมื่อใช้กระบี่นี้ เฉกเช่นอสนีบาตผ่าฟาดทั่วทุกสารทิศ

ไม่มีผู้ใดไม่เคารพเชื่อฟังบัญชาผู้นำ

"กระบี่ผู้ครองรัฐ" 
สมควรเป็นเช่นนี้

ร้อยหมื่นคนในกองประชา
เคลื่อนไหวดุจคนๆเดียว

น่าเสียดาย บัดนี้
"กระบี่ผู้ครองรัฐ" เล่มนี้
ได้วางลงแล้ว

เหลือไว้แต่ตำนานเล่าขานสืบไป

โดย สุวินัย ภรณวลัย ประธานยุทธศาสตร์วิชาการ สถาบันทิศทางไทย อดีตอาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

มโนทัศน์การเมือง!! เลือก สส.หลากพรรค มาแข่งกันทำงาน แต่สุดท้ายอาจได้ 'สส.งานศพ-งานบวช-งานแต่ง'

พันพรือล่าว…เมื่อมีคนโพสต์ว่า ต่อไปนี้จะไม่มี สส.นครศรีธรรมราช มีแต่ สส.เขต เขตใครเขตมัน 

....งง !!

สส.เขตก็คือ สส.จังหวัดนครศรีธรรมราช เพียงแต่ว่า จะมีกลไกอะไรมาประสานความร่วมมือในการทำงานร่วมกัน 4 พรรค...

- ประชาธิปัตย์
- ภูมิใจไทย
- พลังประชารัฐ
- รวมไทยสร้างชาติ

ผมประเมินว่า สส.ทุกวันนี้ ทุกคนหวงเขตตัวเอง กลัวแพ้เลือกตั้งสมัยหน้า จึงทำงานในเขตตัวเองเป็นหลัก ไม่คำนึงถึงภาพรวมทั้งจังหวัด หรือภาพรวมทั้งประเทศไทย

เมื่อสถานการณ์เป็นแบบนี้เราจึงจะได้เห็น สส.งานศพ, สส.งานบวช, สส.งานแต่ง แต่ไม่มี สส.มานั่งคิดโครงการ คิดหาแนวทางในการแก้ไขปัญหาโดยภาพรวม และก็ไม่รู้จะเสนอแนวทางในการแก้ไขปัญหากับใคร 

...สส.ทุกคนคิดถึงแต่ตัวเองเป็นหลักใหญ่ !!

สส.บางคนที่ยกมือสวนมติพรรค ก็ไม่ค่อยกล้าออกหน้า ออกชุมชน หลบหน้าหลบตา ตอบชาวบ้าน ตอบนักข่าวยาก ชาวบ้านสมัยนี้เขารู้ข้อมูล รู้ข่าวสาร เขากล้าที่จะโต้ตอบ สส.เหล่านี้จึงเลือกใช้ชีวิตอีกวิถีหนึ่ง จนกว่าจะมีทางออกในวิถีใหม่

สถานการณ์สำหรับนครศรีธรรมราชเมื่อ สส.10 คนมาจาก 4 พรรคการเมือง ถ้าปล่อยไว้แบบนี้ ก็จะต่างคนต่างเดิน ต้องสร้างกลไกในการประสานความร่วมมือ 

กลไกตัวนี้ไม่ใช่ทำหน้าที่แค่ยกหูโทรศัพท์เชิญมานั่งประชุม แต่เป็นกลไกที่ผลักดัน ขับเคลื่อน ปฏิบัติภารกิจร่วมกัน คือ ทำหน้าที่ในการระดับสมองจากทุกภาคส่วน และนำข้อสรุปไปผลักดัน ขับเคลื่อนให้เกิดมรรค เกิดผลอย่างจริงจัง 

ซึ่งกลไกตัวนี้จะต้องเป็นในรูปคณะกรรมการร่วมที่มีตัวแทนจากทุกฝ่าย แต่ต้องไม่มากเกินไปจนเทอะทะ ต้อง 'จิ๋วแต่แจ๋ว' มีผู้ที่ทรงพลังเข้ามาเป็นตัวแทนในคณะกรรมการ ส่วนการได้มาของคณะกรรมการร่วม เกิดจากการสรรหาของแต่ละภาคส่วนแล้วเสนอตัวมาแต่งตั้งเป็นกรรมการ

ในระยะเริ่มแรกอาจจะงง ๆ ว่า แล้วเมื่อแต่ละภาคส่วนไปคัดสรรได้ตัวมาแล้วจะเสนอใคร ให้ใครแต่งตั้ง ก็ไม่ยาก ให้แต่ละคนที่ได้รับการคัดสรรมาแล้ว มานั่งคุยกันนอกรอบ แล้วสถาปนาตัวเองขึ้นเป็นองค์กร จะใช้ชื่ออะไรก็ตกลงกันในที่ประชุม เลือกประธาน เลือกเลขาธิการขึ้นมา แล้วให้ถือว่าทุกคนที่เข้าร่วมประชุมคือคณะกรรมการ กำหนดบทบาท หน้าที่ให้ชัดเจนแล้วเดินหน้าทำงาน

คำว่า 'ตัวแทนจากทุกภาคส่วน' ก็คือตัวแทนจากทุกสาขาอาชีพ เช่น การเมืองระดับชาติ การเมืองท้องถิ่น ท้องที่ ภาคประชาสังคม ทนายความ นักเคลื่อนไหวทางสังคม เกษตรกร เหล่านี้ เป็นต้น

ถ้าเดินไปอย่างปัจจุบันบ้านเมืองไปยาก และประชาชนจะเสียโอกาสเหมือนเดิม เราเคยคิดกันไม่ใช่เหรอว่า ควรเลือกผู้แทนจากหลายพรรค เพื่อให้แย่งกันทำงาน แต่ผลวันนี้เป็นอย่างไร น่าจะพอเป็นบทเรียน บทสรุปได้ระดับหนึ่งนะ

เปิดปรากฏการณ์ 'สังคมไทย' เริ่มย้อนไปนึกถึงผลงาน 'ลุงตู่' คุณความดี 9 ปีเริ่มทะลัก พอรู้ลุงต้องพัก ใจมันก็หวิวๆ โหวงๆ

(1 ก.ย.66) จากเฟซบุ๊ก 'Trachoo Kanchanasatitya' โดยนายตราชู กาญจนสถิตย์ ได้โพสต์ข้อความในหัวข้อ '10 ข้อคิดของผมกับลุงตู่' ระบุว่า…

1. ผมโล่งอกดีใจที่ลุงจะไม่มีใครด่าลุงแบบไร้หลักการและเหตุผลอีกแล้ว เค้าจะด่าใครต่อไปก็ด่าไป แค่ไม่ด่าลุงแล้วกัน ผมพอใจตรงนี้

2. ใจมันหวิว ๆ โหวง ๆ นิดนึง ที่คนที่เคยรักษาความปลอดภัยให้เราจาก โรค M79 และ เชื้อโควิด จะไม่ดูแลเราแล้ว 

3. ดีใจที่อีกไม่นาน คำว่า เผด็จการ ในสายตาของใครหลาย ๆ คนจะชัดเจนขึ้น เผด็จการไม่ใช่การเป็นทหาร แต่นักการเมืองประชาธิปไตยบางคนอาจเผด็จการมากกว่า

4. ลุงแกล้งโง่เป็น ดีกว่าคนแกล้งฉลาด แต่โง่บรม

5. ลุงทำได้ไง ให้ซาอุดีอาระเบีย มาคืนดีกับไทย ผมทำงานปีแรก คือ ปีที่ซาอุดีอาระเบียตัดความสัมพันธ์กับไทย ไม่มีใครง้อให้คืนดีมาได้ นี่จะเกษียณอยู่แล้ว มีนายกคนนึงทำได้ เราจะต่อยอดไปไกลมาก

6. ลุงทำให้ผมเห็นว่า ลุงไม่โม้ว่าลุงเก่ง ลุงไม่ได้รู้ทุกเรื่อง แต่ลุงพร้อมเรียนรู้และฟังทีมงาน แต่ลุงมีการตัดสินใจที่ไม่เข้านอกออกในใคร อะไรดี อะไรไม่ดี ลุงฉลาดที่จะรู้ และตัดสินใจเลือกทางที่ดีที่สุด

7. ลุงไม่ทำงานเอาหน้า งานของลุงอาจจะสำเร็จหลังจากลุงลงจากตำแหน่งไปนานแล้ว วันนั้นลุงรู้ว่า คนจะลืมไปแล้วว่าลุงคิดและผลักดัน มีคนจะมาเคลมเครดิต แต่ลุงไม่แคร์ ลุงทำเพื่อประเทศชาติจริง ๆ

8. ลุงไม่ได้เป็นหมอ ลุงไม่ได้เรียนเรื่องการผลิตวัคซีน มีคนเคยคิดว่า ไทยคงได้วัคซีนโควิดน้อยกว่าใคร แต่หลังจากนั้นไม่นาน วัคซีนเหลือบาน เพราะคนไทยกลัววัคซีนมากกว่า กลัวโควิด…บ้าป่าววะ

9. คนชอบบอกว่า ลุงโง่ ผมก็งงมากว่า ลุงโง่ตรงไหน เอาอะไรมาวัด คนโง่เค้าจะสอบได้คะแนนแบบลุงเหรอ ไอ้คนที่ว่าลุงโง่ กล้ามาทดสอบไอคิวกะลุงไหม (อาจจะกล้า แต่ลุงคงไม่เสียเวลากะคนพวกนี้ ช่างมัน)

10. ลุงตู่เป็นมนุษย์ที่ลงลึก ลงรายละเอียด ติดตามอะไรหลาย ๆ อย่างในโลกโซเชียล ลุงอ่านเองไหม ผมไม่รู้ แต่เดาได้ว่าลุงสร้างทีมเพื่อทำให้ลุงต้องรู้ ผมว่าลุงรู้ทุกเรื่อง แค่เราไม่รู้ว่าลุงรู้ เท่านั้นแหละ

11. ทองคำเปลวที่ลุงแปะหลังพระ ล้นออกมาแล้วครับ วันนี้ใครหลายคนเห็นทองหลังพระแล้ว ลุงไม่ต้องพูดเองครับ จะมีคนจำนวนมากพูดให้ลุงเอง ลุงอ่านเรื่องดี ๆ ของลุงให้ทันเถอะครับ

12. อ้าว เกินโควตา 10 ข้อแล้วเหรอ กฎนี้ใครคิด กฎผิดฉันไม่ผิด ไปแก้กฎก่อน อยากเขียนอีกสัก 100 ข้อ ยื่นญัตติด่วนเลย

ขออนุญาตใช้คำว่า รักและเคารพ อย่างที่สุดนะครับ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top