Monday, 30 June 2025
Politics

เปิดสถานการณ์ 'เศรษฐา-บิ๊กป้อม-เสี่ยหนู' เบียด 'นายกฯ'  ตอกย้ำ!! ชื่อนายกฯ จากรัฐบาลใหม่ที่ไม่มีก้าวไกลร่วมขบวน

สถานการณ์ทางการเมืองเดินทางมาถึงจุดสำคัญ...ได้เสีย...ไม่ถึงกับสลับซับซ้อนอะไรมากนัก  แต่เหตุการณ์รายละเอียดมีมาก   

วันนี้ 'เล็ก เลียบด่วน' ถือเสียว่าท่านผู้อ่านท่านผู้ชมคือ ผู้บริหาร และต่อไปนี้คือ บทสรุปย่อสถานการณ์ 7 ประการสำหรับผู้บริหาร

ประการที่ 1 – หวยประธานสภาฯที่มาออกที่ 'วันมูหะหมัดนอร์ มะทา' หรือ 'อาจารย์วันนอร์' จากพรรคประชาชาติโดยไม่มีคู่แข่งนั้น คนที่เป็นข้อมูลใหม่หรือคนที่เคาะสุดท้ายจริงๆ ก็คือ 'คนแดนไกล'...ที่ฟังเสียงลูกสาวและคนรุ่นใหม่ในพรรค  ไม่หักดิบก้าวไกลแบบไร้เยื่อขาดไย...ทั้งๆที่คนแดนไกลรู้ดีว่าโดยคะแนน 151 กับ 141 เสียงนั้น...ในชีวิตจริงแล้วพรรคเพื่อไทยขาดก้าวไกลได้ แต่ก้าวไกลขาดเพื่อไทยไม่ได้...

ประการที่ 2 - ไม่เพียงแต่หนุนให้ 'หมออ๋อง' ปดิพัทธ์ สันติภาดา ได้เป็นรองประธานสภา คนที่ 1 เท่านั้น  เพื่อไทยจะอุ้มพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ขึ้นเวทีรัฐสภาเพื่อลุ้นโหวตเก้าอี้นายกฯ จะรอบเดียวหรือสองรอบก็ว่ากันไป  แต่ถ้าไม่ผ่านก็ไม่อาจมาด่าว่าพรรคเพื่อไทยได้...ซึ่งเกมนี้เพื่อไทยรู้ตั้งแต่ปีมะโว้แล้วว่าจะจบลงตรงที่พิธาไปไม่ถึงดวงดาว!!  

ประการที่ 3 – พึงรู้ว่าอันที่จริงในพรรคก้าวไกลเองก็มีความแปลกแยกและแตกแยกในแนวคิดแนวทางกันมาก...พวกหนึ่งเห็นว่าเป็นตายร้ายดีต้องเข้าสู่อำนาจรัฐเป็นฝ่ายบริหารให้ได้ อีกพวกเห็นว่าต้องเล่นบทฝ่ายค้านอีกครั้ง เลือกตั้งเที่ยวหน้าต้องไต่เพดานให้ถึง 25 ล้านเสียง...ทั้งนี้ ส.ส.ส่วนใหญ่ซึ่งเป็นหน้าใหม่มีความโน้มเอียงที่อยากจะเป็นฝ่ายรัฐบาล โดยเห็นว่าถ้าพิธาพลาดไม่ได้เป็นนายกฯ พรรคต้องเป็นพรรคร่วมรัฐบาลอยู่ใต้ชายคารัฐบาลเพื่อไทยก็ไม่เป็นไร

ประการที่ 4 – พรรคที่เป็นตัวแปรสำคัญยิ่งในขณะนี้ไม่ใช่พรรคพลังประชารัฐของบิ๊กป้อม หากแต่เป็นพรรคภูมิใจไทย จากฉากทัศน์หลังพิธาจบภารกิจสำคัญภายใต้ยุทธศาสตร์ 'รุกได้ ถอยเป็น' จนตกสวรรค์แล้ว พรรคเพื่อไทยจะจัดตั้งรัฐบาลเองโดยจะสลัดพรรคก้าวไกล 151 เสียงทิ้ง แต่ก่อนสลัดพรรคก้าวไกลต้องเจรจากับภูมิใจไทย 71 เสียง และพลังประชารัฐ 40 เสียงให้เรียบร้อยเสียก่อน...ซึ่งการเจรจาก็ไม่ถึงกับง่ายนักโดยเฉพาะกับภูมิใจไทย แต่อยู่ในวิสัยของคนแดนไกลที่จะร้องขอ 'ครูใหญ่' แห่งบุรีรัมย์ได้

ประการที่ 5 - สำหรับ 'ลุงป้อม' แม้จะยังมีโอกาสที่จะผงาดขึ้นมาเป็นศูนย์กลางอำนาจ แต่ดูจากปรากฏการณ์ที่ 'สมยศ  พุ่มพันธ์ม่วง' กล้าให้สัมภาษณ์สวนทางปืนเรื่องสมาคมฟุตบอลอยู่ในขณะนี้แล้วก็น่าคิด...เพราะใครๆ ก็รู้ว่า 'สมยศ' กับครูใหญ่บุรีรัมย์นั้นเขาผูกพันกันแน่นหนึบขนาดไหน ก็เลยน่าเป็นห่วงว่าท้ายที่สุดแล้วพรรคภูมิใจไทยที่ผูกเป็นแพ็กเกจเดียวกับพรรคลุงป้อมก่อนเลือกตั้งจะยังเหมือนเดิมอยู่หรือไม่

ประการที่ 6 - จุดยืนการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีของสมาชิกวุฒิสภาหรือ ส.ว.ส่วนใหญ่ ในขณะนี้พอจะอนุมานได้ว่า...เป็นใครก็ได้ในบรรดาแคนดิเดตที่มี แต่ต้องไม่ใช่ 'พิธา'...และด้วยตรรกะนี้ ทำให้คนชื่อเศรษฐา ทวีสิน, บิ๊กป้อม และอนุทิน ชาญวีรกูล จึงมีโอกาสลุ้นเป็นนายกฯ สูงมากตามลำดับ แต่ทั้งนี้ต้องเป็นนายกฯ ของรัฐบาลที่ไม่มีพรรคก้าวไกลร่วมรัฐบาลอยู่ด้วย

ประการที่ 7 - สำหรับกรณีพรรครวมไทยสร้างชาติที่เสนอ 'วิทยา แก้วภราดัย' รองหัวหน้าพรรค ลงชิงรองประธานสภาคนที่ 1 ทั้งๆ ที่รู้ว่าแทบไม่มีโอกาสชนะนั้น ก็ชัดเจนตามที่ 'พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค' และวิทยาให้สัมภาษณ์ว่า รวมไทยสร้างชาติคิดไม่เหมือนพรรคก้าวไกล อยู่คนละฝ่ายกับก้าวไกล ต้องแสดงออกให้สังคมแลเห็น...ทั้งนี้สายข่าวกระซิบ 'เล็ก เลียบด่วน' ว่า แกนนำพรรคเพิ่งตัดสินใจเรื่องนี้ก่อนประชุมแค่วันเดียวเท่านั้น

ส่วนคะแนนโหวตชิงรองประธานสภาคนที่ 1 หมออ๋อง ปดิพัทธ์ ได้ 312 วิทยาได้ 105 งดออกเสียง 77 บัตรเสีย 2 โดยคะแนนงดออกเสียงส่วนใหญ่เป็นพรรคภูมิใจไทย ที่แสดงออกถึงการคัดค้านการแก้ไขกฎหมายอาญามาตรา 112 ของพรรคก้าวไกลนั่นเอง...ดังนั้นใครที่อยากเห็นคุณหนู อนุทิน จะเทคะแนน 71 เสียง ของพรรคเพื่อทำฝันของพิธาให้เป็นจริงนั้น ปิดสวิตช์ความหวังไปได้เลย  

'บิ๊กป้อม' แจงภาพหลุด!! ไม่ได้หลับ แค่ก้มมองพื้น ยัน!! ทำหน้าที่ ส.ส.ตามวาระการประชุมปกติ

(5 ก.ค. 66) พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ปฏิเสธตอบว่าการเสนอชื่อโหวตนายกรัฐมนตรีจะมีชื่อตนหรือไม่ 

เมื่อถามถึงกระแสโซเชียลเผยแพร่ภาพพลเอกประวิตร ระหว่างการประชุมสภา พล.อ.ประวิตร ส่ายหน้า ก่อนระบุว่า “โถ ใครจะไปหลับเล่า ใครจะไปหลับ ผมก็นั่งของผมมาอย่างนั้นมาตลอด ไม่เคยหลับหรอก” ก่อนเดินขึ้นรถเดินทางกลับทันที

ด้าน พล.ท.พัชร์ชศักดิ์ ปฏิรูปานนท์ ผู้ช่วยโฆษก ประจำรองนายกรัฐมนตรี ปฏิเสธภาพที่ปรากฏเป็นข่าวในสื่อสังคมออนไลน์ว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี นั่งหลับในขณะประชุมสภาผู้แทนราษฏร เมื่อวาน (4ก.ค.66) โดยกล่าวว่า ไม่เป็นความจริง ภาพขณะนั้นเป็นภาพที่ท่านกำลังก้มมองดูพื้นและเงยหน้าขึ้น พร้อมยืนยันว่า ท่านได้ทำหน้าที่ในฐานะสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรตามวาระการประชุม ด้วยดีเหมือนสมาชิกท่านอื่นๆ

‘อลงกรณ์’ ชูสปิริต ‘ปชป.’ ลุยเดินหน้าปฏิรูปพรรคอย่างมีเอกภาพ เชื่อ!! การเปลี่ยนผ่าน ‘ผู้นำพรรค’ ครั้งนี้ จะราบรื่นเรียบร้อย

(5 ก.ค. 66) นายอลงกรณ์ พลบุตร รักษาการรองหัวหน้าพรรคและผู้สมัครหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าววันนี้ว่า การประชุมใหญ่ของพรรคประชาธิปัตย์ในการเลือกตั้งหัวหน้าพรรคและคณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ ในวันอาทิตย์ที่ 9 กรกฎาคมนี้ จะเป็นไปโดยราบรื่นไม่มีปัญหา โดยดำเนินการในกรอบของข้อบังคับและธรรมเนียมปฏิบัติของพรรค ซึ่งผ่านการเลือกหัวหน้าพรรคมา 8 ท่านแล้ว ครั้งนี้เป็นการเลือกหัวหน้าพรรคคนที่ 9 ในช่วงเวลา 78 ปีของพรรคและเป็นอีกครั้งหนึ่งที่พรรคประชาธิปัตย์จะแสดงให้เห็นถึงความเป็นสถาบันทางการเมืองของประชาชน

ทั้งนี้ มีความหวังว่าจะมีผู้สมัครหัวหน้าพรรคท่านอื่นๆประกาศตัวก่อนวันประชุมใหญ่เพื่อให้สมาชิกได้ทราบล่วงหน้าถึงแนวคิด จุดยืนนโยบายแบบตรงไปตรงมาเปิดเผย ที่ขอติติงเรื่องเดียว คือ ไม่ควรให้ใครไปล่ารายชื่อแล้วออกแถลงการณ์สนับสนุนคนนั้นคนนี้ เพราะตัวแทนสมาชิกหลายคนอึดอัดใจที่ต้องลงชื่อด้วยความเกรงใจ ถ้าแต่ละคนทำแบบเดียวกันทุกภาค ความแตกแยกแบ่งฝ่ายจะเกิดขึ้น พฤติกรรมแบ่งกลุ่มแบ่งพวกแบบนี้ควรเลิกได้แล้ว เราต้องการเอกภาพ การเปลี่ยนผ่านผู้นำพรรคจะได้ราบรื่นเรียบร้อย

นอกจากนี้ขอขอบคุณทุกเสียงสนับสนุนและกำลังใจที่มอบให้ตนจากทุกภาคส่วน ทั้งที่เป็นสมาชิกและไม่เป็นสมาชิก ทั้งที่อยู่ในประเทศและในต่างประเทศโดยเฉพาะภาคเอกชน ภาควิชาการ ภาคประชาชน ภาคเกษตรกร เพื่อนข้าราชการ ผู้นำท้องถิ่น ภาคการเมือง อดีตรัฐมนตรี อดีตส.ส. อดีตผู้สมัคร ส.ส.อดีตกรรมการบริหารพรรค สาขาพรรค ตัวแทนพรรครวมทั้งเพื่อนนักการเมืองต่างพรรค 

“ผมเชื่อมั่นว่าด้วยสปิริตประชาธิปัตย์ สมาชิกพรรคทุกคนจะร่วมมือเดินหน้าปฏิรูปพรรค พร้อมสนับสนุนคณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่และหัวหน้าพรรคคนใหม่ ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตามที่ได้รับเลือกตั้งจากที่ประชุมใหญ่พรรคในวันที่ 9 กรกฎาคมนี้ 

พรรคประชาธิปัตย์ต้องการผู้นำที่มีจุดยืนประชาธิปไตย มีภาวะผู้นำที่เข็มแข็ง มีวิสัยทัศน์ก้าวหน้า มีศักยภาพสามารถฟื้นฟูปฏิรูปพรรค และสร้างความเป็นเอกภาพในพรรค เพื่อให้พรรคประชาธิปัตย์เป็นสถาบันทางการเมืองที่แข็งแกร่งในอุดมการณ์และเป็นพรรคการเมืองทางเลือกหลักของประชาชนอีกครั้งหนึ่ง” นายอลงกรณ์กล่าวในที่สุด

โค้งสุดท้ายเลือกตั้ง 'หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์' พลิกพรรคฟื้นคืนกลับ หรือจะดับเป็น 'พรรคต่ำสิบ'

เหลือเวลาอีกแค่ 4 วัน สำหรับศึกชิงหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และทีมบริหารชุดใหม่ที่มีภารกิจหนักในการฟื้นฟูพรรค

“ต้องยอมรับความจริงว่า พรรคประชาธิปัตย์อาการหนัก” เป็นคำกล่าวของนิพนธ์ บุญญามณี รักษาการรองหัวหน้าพรรค 

“หัวหน้าพรรคคนใหม่จะเป็นใครก็ได้ แต่ขอให้เป็นมติของที่ประชุมพรรค จากความเห็นพ้องต้องกันของสมาชิกพรรค และที่สำคัญต้องเป็นคนที่ตั้งใจ ทุ่มเท และพร้อมทำงาน รวมถึงควรจะมุ่งไปสู่การฟื้นฟูพรรค โดยเปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่เข้ามาบริหารพรรคมากขึ้น” นิพนธ์ กล่าวย้ำ

ชัดแล้ว 3 คน คนแรก 'อลงกรณ์ พลบุตร' ลงชิงหัวหน้าพรรคแน่นอน เปิดตัวแสดงวิสัยทัศน์ไปแล้ว

'ตั๊น จิตภัสร์ กฤษดากร' ยืนยันว่าไม่ลง และไม่เคยมีความคิดอยู่ในสมอง 

'ดร.อิสระ เสรีวัฒนวุฒิ' ที่เคยมีข่าวว่าจะลงชิงด้วย แต่มาถึงวันนี้ออกมาเปิดตัวชัดเจนแล้ว 'ไม่ลง'

ส่วนที่ยังไม่มีท่าทีออกมา แต่มีข่าวว่าจะลงชิง คือ...

- นายกฯ ชาย เดชอิศม์ ขาวทอง ส.ส.สมัย 2 ของสงขลา
- อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตหัวหน้าพรรค และอดีตนายกรัฐมนตรี
- และมีข่าวว่า กลุ่มเฉลิมชัย ศรีอ่อน ชักชวน ดร.เอ้ สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ มาลงสมัคร และจะให้นายกฯชาย นั่งเป็นเลขาธิการ แต่ ดร.เอ้ ก็ยังอยู่ระหว่างการตัดสินใจ แต่ยอมรับว่า มีผู้ใหญ่ในพรรคทาบทามจริง

นอกจากนี้ ยังมีข่าวอีกด้วยว่า กลุ่มของเฉลิมชัย ยังจะให้มาดามเดียร์ วทันยา บุนนาค (วงศ์โอกาศรี) ขึ้นเป็นรองหัวหน้าพรรคภาคกรุงเทพมหานคร แทน องอาจ คล้ามไพบูลย์ ที่จะถูกดันเป็นรองหัวหน้าพรรคตามภารกิจ

ส่วนกลุ่มของนายอภิสิทธิ์นั้น ยังไม่ชัดเจนในเชิงโครงสร้าง แต่มี ชวน หลีกภัย / บัญญัติ บรรทัดฐาน / นิพนธ์ บุญญามณี ให้การสนับสนุน และร่วมขับเคลื่อนผ่านตัวแทนจังหวัด และสาขาพรรค ที่เป็นโหวตเตอร์ด้วย

ในส่วนของโหวตเตอร์ ส.ส.ปัจจุบัน 25 คน อยู่ในมือของกลุ่มเฉลิมชัย 14 คน คือ ประจวบคีรีขันธ์ 2 คน นครศรีธรรมราช 5 คน พัทลุง 2 คน ตรัง 2 คน สงขลา 3 คน ที่เหลืออยู่ในกลุ่มของนายหัวชวน 11 คน คือ นครศรีธรรมราช 1 คน สงขลา 3 คน ปัตตานี 1 คน แม่ฮ่องสอน 1 คน สกลนคร 1 คน อุบลราชธานี 1 คน และมี ส.ส.บัญชีรายชื่อ 3 คน คือ ชวน หลีกภัย / บัญญัติ บรรทัดฐาน และจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์

โหวตเตอร์ในส่วนของสาขาพรรค และตัวแทนจังหวัด ทั่วภาคเหนือ และภาคอีสาน ชัดเจนแล้วว่า สนับสนุนอภิสิทธิ์ ส่วนภาคกลาง กรุงเทพมหานคร และภาคใต้ ยังไม่มีการเคลื่อนไหวอะไร แต่เข้าใจว่าจะสนับสนุนอภิสิทธิ์ เช่นเดียวกัน

โหวตเตอร์อดีต ส.ส. อดีตรัฐมนตรี อดีตนายรัฐมนตรี อดีตผู้ว่าฯ กทม. 2 คน และผู้บริหารท้องถิ่นที่ลงสมัครในนามพรรค ก็น่าจะสนับสนุนอภิสิทธิ์เช่นกัน

ถ้ามองสถานการณ์ภาพรวมในวันนี้ซึ่งเหลือเวลาอีกแค่ 4 วันจะเลือกตั้งแล้ว (9 ก.ค.66) เกมซีกของอภิสิทธิ์เหนือกว่า ที่ยึดโหวตเตอร์ส่วนอื่นๆ ไว้ได้เกือบหมด จะแพ้ก็เป็นโหวตเตอร์ในส่วนของ ส.ส.ซึ่งแพ้ก็ไม่มาก 14:11 

สถานการณ์นี้ แม้ขั้วของเฉลิมชัยจะมั่นใจในโหวตเตอร์ที่มีอยู่ แต่การดิ้นรนไปทาบทาม ดร.เอ้ ให้มาลงในนามกลุ่ม สะท้อนให้เห็นว่า การขับเคลื่อนที่ผ่านมาให้นายกฯ ชายลงชิงหัวหน้าพรรค กระแสตอบรับยังไม่ดีนัก จึงต้องเปลี่ยนหัวเป็น ดร.เอ้แทน และให้นายกฯ ชายนั่งเป็นเลขาธิการ

การเลือกตั้งหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ในวันที่ 9 กรกฎาคม จะเป็นวันชี้ชะตาอนาคตประชาธิปัตย์ว่า 'จะฟื้นกลับมา' หรือจะกลายเป็น 'พรรคต่ำสิบ' ในสถานการณ์ที่อาการหนัก ถอดสายน้ำเกลือก็ไม่รอดแล้ว...ต้องติดตามดูกัน

'หม่อมปลื้ม' ยกกรณีปรากฏการณ์ชังชาติในอเมริกา ความเพ้อเจ้อของซ้ายที่โทษทุกเรื่องแม้อยู่ยูโทเปีย

(6 ก.ค. 66) ม.ล.ณัฏฐกรณ์ เทวกุล หรือ 'หม่อมปลื้ม' พิธีกร และผู้ดำเนินรายการข่าว โพสต์เฟซบุ๊กพร้อมแนบลิงก์ยูทูประบุว่า...

เลิกกิน Ice Cream ยี่ห้อ Ben & Jerry's เพราะมันคือพวกโว้คชังชาติในสหรัฐฯ รวมทั้งความเป็นจริงที่ว่าราคาของ Ice Cream เเบรนด์นี้ก็เเพงจนเว่อร์ ไม่มีใครเขาซื้อไหว รสชาติก็งั้นๆ

ปรากฏการณ์ปฏิเสธวันชาติของตนเองเพียงเพราะเชื่อผิดๆ ว่าเป็นสัญลักษณ์เเห่งการกดขี่ เป็นสิ่งที่มีในสหรัฐฯ เช่นกัน ไม่ใช่เฉพาะในประเทศไทย ฝ่ายซ้ายใหม่ในหลายประเทศชูลัทธิรังเกียจชาติตนเองซึ่งเเสวงหาความชอบธรรมด้วยการใช้วาทกรรมกดขี่

ถ้าเป็นสหรัฐฯ ก็จะปั่นวาทกรรมผู้ชายผิวขาวที่รักเพศตรงข้าม (Hetero-normative Caucasian Male) นั้นเป็นผู้กดขี่ ถ้าในฝรั่งเศสรอบล่าสุดก็จะเป็นการปั่นว่าตำรวจผู้ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ในเครื่องเเบบเป็นผู้เหยียดเเละกดขี่ผู้อพยพ

โดยเเนวคิดตาม Dialectic นี้จะมีผู้ซึ่งทำหน้าที่กดขี่เสมอเเล้วก็มีเหยื่อตลอดเวลา (Perpetual Victimhood Status) ถ้าเป็นเมืองไทยก็จะเป็นวาทกรรมซึ่งเรามักจะคุ้นเคยกันอยู่เเล้วผมคงไม่ต้องอธิบาย นั่นคือการกล่าวโทษทุกอย่างไปที่ทุนเเละก็กล่าวโทษทุกอย่างไปที่ศักดินา

ฝ่ายซ้ายไม่เคยมีที่สิ้นสุดในการเคลื่อนไหว พอโค่นสิ่งหนึ่งได้ก็จะกล่าวหาสิ่งอื่นต่อไปในสังคม ไม่เคยคิดที่จะนำความกตัญญูกตเวทิตาคุณเป็นคุณธรรมหลักในการขับเคลื่อนสังคมเเละชีวิตส่วนตัวบ้าง ทั้งชีวิตก็ไม่มีความสุขไม่ว่าอยู่ที่ไหนหรือได้เกิดใน Utopia เเห่งใด เพราะในใจเพ้อเจ้อถึงความเท่าเทียมทัดเทียมในรูปเเบบที่มัวเเต่คิดว่าไม่มีเเต่จริงๆ มีอยู่เเล้วเเต่ดันไม่เคยหัดที่จะมองให้เห็น...ฟังเบ็น ชาปิโร่ ซัด Ben & Jerry's ครับ สมควรโดนเบ็นด่า

‘ไพศาล’ ชี้!! ตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อยเป็นเรื่องเพ้อฝัน ฝั่งรัฐบาลเก่ามี ส.ส. 105 เสียง - ส.ว. 150 เสียง เท่านั้น

(6 ก.ค. 66) นายไพศาล พืชมงคล นักกฎหมาย ได้โพสต์ข้อความระบุว่า รัฐบาลตามสูตรที่ 3 หรือรัฐบาลเสียงข้างน้อย เป็นความเพ้อฝันไปแล้ว!!!

1 ที่ปั่นกระแสกันว่าขั้วรัฐบาลเก่ามี ส.ส. ถึง 198 เสียง แท้จริงมีแค่ 105 เสียง

- ที่อ้างว่ามี ส.ว. จะโหวตให้ 250 เสียงนั้นก็แค่นึกเอาเองเหมือนการปั่นกระแสก่อนเลือกตั้งที่ผ่านมา

ขณะนี้ ส.ว.มีถึง 5 กลุ่ม ที่อยู่ในสายลุง ก็ราว 150 คนอย่างมากที่สุด

รวมทั้ง ส.ส. และ ส.ว. แล้วมีแค่ 255 เสียง ไม่พอที่จะได้รับความเห็นชอบนายกรัฐมนตรี เพราะยังขาดอีก 121 เสียง

ยิ่งแกนนำบางคนแถลงว่า ถ้า ส.ว. โหวตให้เป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อยแล้ว ถ้าหากยังหา ส.ส. งูเห่าไม่ได้ ก็จะยังไม่ตั้งรัฐบาล แต่จะรักษาการไปเรื่อย ๆ 

นักธุรกิจ ได้ฟังแล้วร้องโอ้กตาม ๆ กัน

พูดแบบนี้เหมือนไม่ได้เข้าร่วมรัฐพิธีเปิดประชุมรัฐสภาหรือไร

2 ที่ส.ว. บางคน ขอให้พรรคเพื่อไทยถอนตัวออกจาก 8 พรรคพันธมิตรแลกกับการโหวตเสียงให้แคนดิเดตนายกของเพื่อไทยเป็นนายกนั้น ฟันธงไว้ล่วงหน้าว่าพรรคเพื่อไทยไม่มีวันถอนตัวออกจากพันธมิตร 8 พรรค 

เพราะการจัดตั้งรัฐบาลสูตรที่ 1 พรรคเพื่อไทยถือดุล เรื่องอะไร จะต้องไปพึ่งขั้วอำนาจเดิม ให้คนอื่นขี่คอตามสูตรที่ 2 หรือกลายเป็นคนแบกเสลี่ยงตามสูตรที่ 3 !!!

3 การที่นายวันนอร์ได้ดำรงตำแหน่งประธานรัฐสภา เป็นสัญญาณที่ชัดเจนว่า กก+พท.จะร่วมกับพันธมิตร 8 พรรคเป็นรัฐบาลสูตรที่ 1

การเลือกรองประธานสภา โดยวิธีการลงคะแนนลับ ก็ได้พิสูจน์แล้วว่า พันธมิตร 8 พรรคเป็นเอกภาพ 

ดังนั้นในการเลือกนายกรัฐมนตรี โดยเปิดเผย ด้วยวิธีการขานชื่อ จึงยิ่งเป็นเอกภาพ 312 เสียง และก่อสภาพที่ทำให้ พรรคการเมืองอื่นที่เคารพฉันทามติของประชาชนอาจต้องโหวตให้ด้วย!!!

'เสธ.โหน่ง' ลั่น!! หาก 'พิธา' ไม่ได้เป็นนายกฯ ประชาชนจะนัดหยุดงานลงถนนแบบยุโรป

เมื่อวานนี้ (5 ก.ค.66) พล.ท.พงศกร รอดชมภู หรือ 'เสธ.โหน่ง' อดีตแกนนำพรรคอนาคตใหม่ (อนค.) โพสต์เฟซบุ๊กแสดงความคิดเห็นทางการเมืองว่า ยังเชื่อตามนี้อยู่นะครับ ถ้าฝืนเสียงประชาชนคุณภาพ (ยืมคำพูดสมัยก่อนหน่อย ลองย้อนศรดู จะได้หมดข้ออ้าง) คือคนกรุงเทพฯ ปริมณฑลและจังหวัดใกล้เคียงทั้งหมด รวมเมืองใหญ่สำคัญแบบเชียงใหม่ ภูเก็ต จังหวัดเขตอุตสาหกรรมแบบระยอง

ไม่ต้องทำอะไรมาก ผู้ปกครองที่คนไม่ยอมให้ปกครองก็อยู่ยาก อาจเริ่มจากไม่มีใจทำงานให้ เฉื่อยงานไปจนถึงอาจนัดหยุดงานทั่วไปแบบในยุโรป รอบละ สองสัปดาห์บ้าง 1 เดือนบ้างสลับกันไป

เกิดอะไรขึ้น ขนส่งสาธารณะและเอกชนหยุดหมด ร้านค้าปิดตัวพร้อมกัน ยอมเสียรายได้วันนี้เพื่อพรุ่งนี้ที่ดีกว่า

อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวนี่จะหนักมากเพราะการจองต้องทำล่วงหน้า มีปัญหาหากว่าจะฟื้นตัวอย่างน้อย 6 เดือน มีติดต่อกัน 2 ถึง 3 รอบปิดงานยาวไป

ม๊อบอาจมีบ้างแต่ไม่ใช่สาระเพราะอาจถูกนำไปผิดทางหรือถูกซื้อได้ง่าย ๆ เจอการต่อสู้แบบสันติวิธีน่ากลัวกว่ามาก หาแกนนำที่ไหนก็ไม่เจอเพราะอยู่ในโรงงาน ห้างร้าน บริษัทและเอกชนอื่น ๆ ไม่ใช่บนถนน

เจ้าของบริษัทเอกชนนั่นเองจะออกปากให้รัฐบาลที่ประชาชนไม่สนับสนุนลาออก

จะใช้โฆษณาชวนเชื่อมากล่าวหาว่าคนไทยไม่รักชาติเท่าไรคนก็ไม่ฟัง

พิธา เป็นเด็กเมื่อวานซืนไม่ใช่หรือ จะกลัวอะไร 

แต่ถ้าดูถูกประชาชน แล้วเกิดประชาชนฮึดสู้แบบสันติขึ้นมา อุตสาหกรรมทั้งหลายหยุดชะงักหมด รัฐบาลที่คนสาปแช่งนั้นเองจะอยู่ยาก 

มาลองดูกันว่าระบบราชการหรือผู้มีอำนาจอย่าง ส.ว.และข้างหลังคือ คสช. จะทนทานได้สักเท่าไร

ประชาชนต่างหากเป็นผู้ทรงอำนาจแท้จริง แล้วอย่าไปมองหาแกนนำแบบสมัยสงครามสี นี่เป็นชนชั้นกลางคล้ายม็อบมือถือสมัย 35 แต่ไปไกลกว่า มากกว่าและลึกซึ้งกว่ามาก ครับ

'ชวน' ให้กำลังใจ 'บิ๊กป้อม' ทำหน้าที่ ส.ส.ไม่หลุด  ชี้!! ปมก้มหน้า แค่เรื่องเล็กน้อยไม่ใช่ประเด็น

(6 ก.ค. 66) ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายชวน หลีกภัย ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ และอดีตประธานรัฐสภา กล่าวถึงเสียงวิพากษ์วิจารณ์ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ขณะเข้าร่วมประชุมสภาฯ นัดแรก เพื่อโหวตเลือกผู้ทำหน้าที่ประธานสภาผู้แทนราษฎร และรองประธานสภาฯ ก้มหน้าในห้องประชุมคล้ายนั่งหลับ ว่า ตนขอให้กำลังใจ พล.อ.ประวิตร ที่มาร่วมประชุมและได้เข้าแสดงตนเพื่อเป็นองค์ประชุม

"ผมมองเห็นว่าท่านนั่งอยู่ตลอดไม่ได้ไปไหนเลย ส่วนท่านจะก้มหน้าหรือเงยหน้า หรือจะทำอะไรก็ถือเป็นเรื่องเล็กน้อย"

นายชวน ระบุว่า ขออย่าวิพากษ์วิจารณ์หรือเอามาเป็นประเด็น เพราะท่านสามารถเลือกที่จะไม่นั่งในที่ประชุมก็ได้ แต่นี่นั่งอยู่เป็นองค์ประชุมตลอด ในการโหวต ถือเป็นการทำหน้าที่ของ ส.ส. และรักษาองค์ประชุมของสภา ตรงนี้ต่างหากที่เป็นประเด็นที่ต้องให้กำลังใจกัน ซึ่งทำให้ครบองค์ประชุมและสามารถเดินต่อหน้าต่อไปได้ ตนจึงขอเป็นกำลังใจให้ในการทำหน้าที่ต่อไป

‘เอกนัฏ’ ปัด รทสช. ส่งชื่อ ‘พีระพันธุ์’ แข่งโหวตนายกฯ ย้ำ!! ไม่หนุนตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อย อัดคนปล่อยข่าวเท็จ

‘เอกนัฏ’ ยืนยันพรรคไม่เสนอชื่อ ‘พีระพันธุ์’ แข่งนายกฯ กับ ‘พิธา’ ระบุ รทสช. มีเพียง 36 เสียงไม่เคยมีแนวคิดและสนับสนุนตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อย อัดมีความพยายามสร้างข่าวเท็จให้เข้าใจผิด ย้ำจุดยืนไม่รับนายกฯ หรือรัฐบาลที่จะแก้หรือยกเลิก ม.112

(6 ก.ค. 66) นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ เลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว ชี้แจงถึงจุดยืนทางการเมืองของพรรค โดยระบุว่า…

“ขอยืนยันว่าการที่ #รทสช ส่งคุณวิทยาฯ สู้กับก้าวไกลในการโหวตรองปธ.สภา เป็นการสู้เพื่อแสดงจุดยืน ไม่นำมาสู่การตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อยอย่างแน่นอน

การโหวตประธานสภาและนายกรัฐมนตรีมีกลไกที่แตกต่างกันครับ

การโหวตประธานสภาฯ จะใช้ ‘เสียงส่วนมาก’ ในที่ประชุม ใครที่ถูกเสนอชื่อแล้วได้คะแนนมากสุดจะได้เป็น หรือหากไม่มีคู่แข่งก็ได้เป็นเลยโดยที่ไม่ต้องโหวตแข่ง

ต่างจากการโหวตนายกฯ ที่ต้องได้ ‘คะแนนเสียงไม่ตํ่ากว่ากึ่งหนึ่ง’ (หรือ 375) ของรัฐสภา หากเสนอชื่อมาคนเดียว ก็ไม่ได้เป็น จะได้เป็นก็ต่อเมื่อข้ามรั้ว 375 เสียงไปได้เท่านั้น

ดังนั้น ในการโหวตรองประธานสภาฯ หากเราไม่ส่งคุณวิทยาไปแข่ง ก็เท่ากับเราสนับสนุนให้แคนดิเดตของพรรคก้าวไกลเป็นรองประธานสภาโดยอัตโนมัติ เราจึงส่งแข่ง เพื่อแสดงจุดยืนให้ชัด ถึงแม้ทราบดีอยู่แล้วว่าแทบจะไม่มีโอกาสชนะเลยก็ตาม

ส่วนการโหวตนายกรัฐมนตรีที่จะเกิดขึ้นในอนาคต มีกระแสข่าวว่า รทสช.จะส่งคุณพีระพันธุ์แข่งกับคุณพิธานั้น ไม่เป็นความจริงครับ

ผมเองอยากเห็นคุณพีระพันธุ์เป็นนายกฯ และเชื่อว่าท่านจะเป็นนายกฯ ที่ดีเพราะท่านเป็นนักการเมืองนํ้าดี สุจริต เที่ยงธรรม แต่ต้องยอมรับว่าพรรคเรามีเพียง 36 เสียง ไม่พอที่จะไปเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล

และคุณพีระพันธุ์กับผม ก็ไม่เคยมีความคิด และไม่สนับสนุนการตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อยในสภาฯ อย่างเด็ดขาด ถึงจะตั้งไปก็อยู่ไม่ได้ครับ

อย่างไรก็ตาม การแสดงจุดยืนว่า เราไม่รับนายกฯ หรือรัฐบาลที่จะแก้หรือยกเลิก ม.112 สามารถทำได้ด้วยวิธีไม่โหวต โหวตไม่รับ หรืองดออกเสียงครับ ไม่ต้องส่งแข่งก็สู้ได้ (ต่างจากรองประธานสภาฯ)

การไม่ส่ง ไม่โหวต หรืองดออกเสียง ด้วยกลไกการโหวตที่ไม่เหมือนกัน จึงมีผลไม่เหมือนกัน

มีคนพยายามกุข่าวลือ สร้างข่าวเพื่อให้การต่อสู้ของเรานั้นสูญเสียความชอบธรรม เข้าใจผิดคิดว่าเป็นขบวนการจัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อย

ผมขอปฏิเสธชัดๆไปเลย ว่า “เราไม่เอารัฐบาลเสียงข้างน้อย” หากจะต้องเป็นฝ่ายค้านก็เป็นครับ คุณพีระพันธุ์ ผม และเพื่อน ส.ส.ของ #พรรครวมไทยสร้างชาติ ไม่ติดใจ

การจะได้เป็นรัฐบาลหรือฝ่ายค้าน ไม่สำคัญไปกว่าการรักษาจุดยืนของเราครับ

เราจะทำการเมืองอย่างสร้างสรรค์ สร้างความมั่นคงให้ชาติ สร้างความเข้มแข็งให้ระบบเศรษฐกิจ เพิ่มรายได้ สร้างโอกาสอย่างเท่าเทียม ผดุงความยุติธรรม ให้ความเป็นธรรม

แต่จะ #ไม่แก้112 #ไม่เปลี่ยนวันชาติ #ไม่แบ่งแยกดินแดน เราจะผลักดันการเปลี่ยนแปลงด้วยการเสริมเติมต่อจากสิ่งดี ๆ ที่มีอยู่แล้วในประเทศของเราครับ
#รวมไทยสร้างชาติ #เลขาขิง

‘จีรเดช-ส.ส.พปชร.’ เดินหน้าสานฝันเกษตรกร จ.พะเยา  ผลักดันสร้างอ่างกักเก็บน้ำทั่วถึง เอื้อปากท้องถ้วนหน้า 

(6 ก.ค. 66) นายจีรเดช ศรีวิราช ส.ส.พะเยา พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวว่า ชาวพะเยาส่วนใหญ่ประกอบอาชีพทางด้านเกษตรกรรม ปัญหาหลักในตอนนี้ คือ ปริมาณน้ำฝนในจังหวัดพะเยาถึงจะมีปริมาณค่อนข้างมากในแต่ละปี แต่ก็ติดปัญหาว่าไม่สามารถกักเก็บได้ ทำให้ปริมาณน้ำที่กักเก็บได้น้อยมาก ปริมาณน้ำฝนกว่า 90% ก็ต้องไหลลงคลองลื่นลงสู่ทะเลไป 

โดยเรื่องนี้ถือว่าน่าเสียดายอย่างยิ่ง เพราะ 4 ปีที่ผ่านมา ตนพยายามที่จะผลักดันในการสร้างอ่างเก็บน้ำทั้งขนาดเล็ก กลาง ใหญ่ มาโดยตลอด แต่ยังไม่ได้รับการดูแลแก้ไขจากกรมชลประทาน เพราะติดปัญหาในเรื่องของพื้นที่ป่าไม้ ที่ไม่สามารถขอใช้พื้นที่ในส่วนป่าไม้ได้ ทำให้ไม่สามารถที่จะดำเนินการก่อสร้างเพื่อดูแลให้กับพี่น้องประชาชน ทั้งที่ตนพยายามมาตลอด อย่างไรก็ตามตนจะยังคงผลักดันการสร้างอ่างกักเก็บน้ำให้ครอบคลุมพื้นที่ เกษตรกรในจังหวัดจะได้ลืมตาอ้าปากได้ต่อไป

นายจีรเดช ยังกล่าวต่อว่า อีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญก็คือ การคมนาคม ตนมุ่งมั่นจะผลักดันให้เกิดถนนหลายๆ เส้นทาง ที่จะเชื่อมโยงไปยังพื้นที่ต่างๆ ให้มีความสะดวกและปลอดภัยขึ้น โดยเฉพาะถนน 4 เลนที่เชื่อมระหว่างจังหวัดพะเยา ซึ่งตอนนี้มาถึงแค่อำเภอดอกคำใต้ ตนจึงอยากจะผลักดัน เส้นทาง 1251 จากดอกคำใต้ ไปอำเภอจุน ให้เป็นถนน 4 เลน เชื่อมโยงกันไปยัง 1252 ให้ได้ เนื่องจากอำเภอจุนไปเชียงคำก็เป็น 4 เลน ทางด้านปงก็ได้รับการจัดสรร จากจุนไปปงก็ได้รับการจัดสรรงบประมาณมาอย่างต่อเนื่อง ในขณะนี้ก็กำลังดำเนินการก่อสร้างอยู่

“ถนนในพื้นที่เขต 3 ส่วนใหญ่ยังเป็นดินรุกรังอยู่ ช่วงหน้าฝน ประชาชนก็ประสบความเดือดร้อน เดินทางสัญจร ไปมาไม่สะดวก และการใช้ถนนก็ลำบาก ถือเป็นอีกเรื่องที่สำคัญที่ผมอยากจะผลักดันอย่างเร่งด่วน” นายจีรเดช กล่าว


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top