Sunday, 29 June 2025
Politics

'เชาว์ มีขวด' ขยับเกม นัดระดมพลคนรัก ปชป. จี้!! งดใช้ข้อบังคับพรรค ใช้สัดส่วน ส.ส.ชี้ชะตา

เมื่อไม่นานมานี้ นายเชาว์ มีขวด อดีตรองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ออกโรงรอบสาม โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ‘Chao Meekhuad’ เรื่อง จากใจ ถึงใจ คนรัก ปชป. วันที่ 8 ก.ค.เจอกันที่ลานพระแม่ธรณีฯ พรรคประชาธิปัตย์ โดยมีเนื้อหาระบุว่า

หลังจากที่ได้เสนอแนวคิดในการฟื้นฟูพรรคประชาธิปัตย์โดยเรียกร้องให้สมาชิกพรรคมีส่วนในการกำหนดชะตากรรมของพรรคผ่านเฟซบุ๊กไปแล้วสามครั้ง ปรากฏว่า ได้รับเสียงตอบรับจำนวนมาก จึงขอขอบคุณสมาชิกพรรคทั้งอดีตและปัจจุบันรวมทั้งผู้ที่ไม่ได้เป็นสมาชิกแต่มีความห่วงใยต่อพรรคประชาธิปัตย์ แม้ช่วงการเลือกตั้งที่ผ่านมาบางท่านอาจจะไม่เลือกคนของพรรค แต่ก็ยังมีความห่วงใยต่อช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของการเปลี่ยนแปลงที่กำลังจะเกิดขึ้นกับพรรคประชาธิปัตย์ จึงถือเป็นเรื่องดีที่ทุกคนจะได้กลับมาร่วมกันพัฒนาพรรคให้เติบโตเหมือนในอดีตที่ผ่านมา

มีหลายคนประสานมายังผมต้องการให้ช่วยนัดวันพบปะกันระหว่างสมาชิก เพื่อแสดงจุดยืนก่อนการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในวันที่ 9 กรกฎาคม โดยได้ข้อสรุปว่า จะนัดเจอกันในวันเสาร์ที่ 8 กรกฎาคม เวลา 09.00 น. ณ ลานพระแม่ธรณี พรรคประชาธิปัตย์ โดยเริ่มต้นด้วยการสักการะขอพรพระแม่ธรณีบีบมวยผม ต่อจากนั้นก็จะเปิดเวทีเสวนาเล็ก ๆ เพื่อให้สมาชิกได้พบปะพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันตลอดทั้งวัน จึงประกาศเชิญชวนทุกท่านที่สนใจสามารถเข้าร่วมกิจกรรมนี้ได้ตามวันเวลาข้างต้นครับ

“ขอยืนยันว่าการพบปะกันในหมู่คนรักพรรค ปรารถนาที่จะเห็นการฟื้นฟูพรรคให้กลับมาเป็นสถาบันทางการเมืองในครั้งนี้ มิได้มีวาระซ่อนเร้นเพื่อผลักดันใครเป็นหัวหน้าพรรค แต่ต้องการเห็นพรรคกลับสู่เส้นทางที่ถูกต้องในทางการเมือง เปิดโอกาสให้ทุกเสียงในที่ประชุมใหญ่ ได้ร่วมชี้ชะตากำหนดอนาคตพรรค ด้วยการงดเว้นการใช้ข้อบังคับที่กำหนดให้ สัดส่วนของ ส.ส.คิดเป็น 70 % ขององค์ประชุมทั้งหมด เป็นทุกคนมีหนึ่งเสียงเท่ากัน ผมเชื่อว่าถ้าลดเพดานความอยากลง หลายคนจะเห็นความจริงตรงหน้ามากขึ้นว่า หัวหน้าพรรคคนต่อไปมีความสำคัญต่อพรรค มากกว่าการเป็นหุ่นเชิดให้ใครใช้เพื่อก้าวสู่อำนาจเท่านั้น

‘ทนายเชาว์’ ขย่มครั้งที่สองเสนอให้พรรคงดใช้ข้อบังคับพรรคในที่ประชุมใหญ่ ข้อที่กำหนดให้น้ำหนักกับ ส.ส.ถึง 70% ในการลงคะแนน ทนายเชาว์จึงเสนอให้งดใช้ขัอบังคับพรรคข้อนี้ และให้ทุกคนมีเสียงเท่ากับ 1 คน 1 เสียง และเปิดฉากที่สามด้วยการนัดแฟนพันธุ์แท้ของประชาธิปัตย์เจอกันวันเสาร์นี้ ก่อนการประชุมใหญ่ 1 วัน เพื่อเปิดโอกาสให้สมาชิกพรรคทั่วไป ที่ยังรักพรรคประชาธิปัตย์ได้แสดงพลัง แสดงความคิดเห็นกันทั้งวันบริเวณลานพระแม่ธรณีบีบมวยผม

‘น้าหงา’ แนะ ‘พิธา’ ลบทวีตชวน ‘เทย์เลอร์ สวิฟต์’ ทัวร์ไทย ชี้!! เป็นตรรกะที่งี่เง่า ศิลปินจะเดินสายที่ไหนเป็นเรื่องของธุรกิจ

(7 ก.ค. 66) ภายหลังจากที่นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกลและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านทวิตเตอร์พร้อมกล่าวถึง ‘เทย์เลอร์ สวิฟต์’ ศิลปินและซุปเปอร์สตาร์ชื่อดัง มาจัดคอนเสิร์ตที่ประเทศไทย เพราะตอนนี้ประเทศไทยกำลังกลับเข้าสู่ระบอบประชาธิปไตยเต็มตัวแล้วนั้น

ล่าสุด นายสุรชัย จันทิมาธร หรือ ‘หงา คาราวาน’ โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก ‘สุรชัย จันทิมาธร’ ระบุว่า…

“เกิดอะไรขึ้น? ผมก็ดูโคลด์เพลย์ จอห์น เมเย่อร์ กันแอนด์โรส หรืออะไรมากมายหลายวงในยุคเผด็จการที่คุณว่านะครับ เทย์เลอร์ สวิฟต์ เธอรังเกียจเผด็จการดังที่คุณกล่าวว่าจริงๆ หรือ? จึงไม่อยากมาเมืองไทย หรือว่าเป็นเรื่องธุรกิจการจัดการของสายทัวร์ ไม่ว่าเหตุผลอะไรก็ตามแต่ ศิลปินขึ้นอยู่กับผู้จัดการ (ยกเว้นกรณีวงเล็กๆ อย่างผม) ลบเถอะครับทวีตนี้ คุณพิธา มันดูเป็นตรรกะที่ทำให้ดูงี่เง่านะครับ”

'ส.ส.พปชร.กำแพงเพชร' เร่งซ่อมถนนทรุด บรรเทาทุกข์ชาวบ้าน ลั่น!! ทุกปัญหาของ ปชช.เข้าถึงสภาฯ ทันทีที่เปิดประชุม

(6 ก.ค.66) นายอนันต์ ผลอำนวย ส.ส.เขต 3 จ.กำแพงเพชร พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.)เปิดเผยว่า ตนได้ลงพื้นที่รับเรื่องร้องเรียนจากกรณีที่ริมตลิ่งถูกน้ำกัดเซาะ ทำให้ถนนเกิดการทรุดตัวลง สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนที่สัญจรไปมา ซึ่งตนได้ประสานไปยังส่วนราชการจังหวัดกำแพงเพชร รวมถึงองค์การบริหารส่วนตำบลคลองขลุง เพื่อเข้าไปตรวจสอบ และหาแนวทางแก้ไข ความเสียหายที่เกิดขึ้น ซึ่งพบว่าเกิดจากการพังทลายของตลิ่งริมแม่น้ำปิง ทำให้ถนนคอนกรีตภายในหมู่บ้านทรุดตัวลง โดยขณะนี้กำลังดำเนินการซ่อมแซมถนนเส้นดังกล่าว เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้กับชาวบ้านอย่างเร่งด่วน 

นายอนันต์ กล่าวต่อถึง การแก้ไขปัญหาภัยแล้งในพื้นที่ด้วยว่า ได้ดำเนินการขุดลอกคลองสาธารณะ ม.14 บ้านทรัพย์สีทอง ต.ไตรตรึงษ์ เชื่อมต่อม.3 บ้านหนองผักหนาม ต.คลองสมบูรณ์ ซึ่งถือว่าเป็นการพัฒนาแหล่งน้ำขุดลอกคลอง และกักเก็บน้ำเพื่อการเกษตรช่วงฤดูฝนที่จะถึงนี้ เพราะที่ผ่านมาประชาชนในจังหวัดกำแพงเพชรประสบกับปัญหาภัยแล้งซ้ำซากเป็นระยะเวลานาน กระทบต่อชีวิต และความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชน ทั้งแหล่งน้ำเพื่ออุปโภคบริโภค และแหล่งน้ำเพื่อการเกษตร เราจึงต้องแก้ไขปัญหาให้ทันการณ์ 

"ขณะนี้ก็ใกล้เวลาที่สภาผู้แทนราษฎรจะเปิดประชุมอย่างเป็นทางการแล้ว หน้าที่ของผู้แทนฯ คือกระบอกเสียง จะต้องนำปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนเข้าหารือในสภา เพื่อส่งต่อไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้เข้ามาดำเนินการแก้ไข ส่วนตัวผมก็จะทำหน้าที่เพื่อชาวกำแพงเพชรให้ดีที่สุด"

'ศิริกัญญา' ไร้กังวลท่าที ส.ว.เปลี่ยนใจไม่โหวต 'พิธา' นั่งนายกฯ แต่ขอให้เคารพเสียงประชาชนที่เลือกก้าวไกลมาเป็นอันดับ 1

'ศิริกัญญา' มั่นใจ เสียงครบแล้ว ยันไม่มีใช้เงินซื้อ ไม่กังวลท่าทีเปลี่ยนใจ ชี้ ส.ว.หลายคน ไม่เปิดเผยต่อสาธารณะ เชื่อโหวตผ่านตั้งแต่รอบแรก เร็วเกินไปที่จะพูดโหวต 19-20 ก.ค. อีกครั้ง 

(7 ก.ค.66) ที่พรรคก้าวไกล น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าการเจรจากับสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) หลังหลายคนออกมาแสดงท่าทีเปลี่ยนใจไม่โหวตให้นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล เป็นนายกรัฐมนตรี ว่า ตนเคยให้สัมภาษณ์มาหลายครั้ง ว่าเรื่องนี้เป็นสิ่งที่จะเกิดขึ้น ซึ่งเราจำเป็นจะต้องหาเสียงสนับสนุนจาก ส.ว.ให้ได้มากเกินกว่าที่จำเป็น ในกรณีที่ ส.ว.อาจมีการเปลี่ยนใจ ซึ่งถือเป็นเรื่องที่เราได้เตรียมพร้อมไว้แล้ว ส่วนกระแสข่าวว่า ส.ว.จะสนับสนุนไม่ถึง 10 คนนั้น ยืนยันว่า ในฐานะข้อมูลของพรรคไม่ได้เป็นไปแบบนั้น และยังคงมั่นใจว่าในวันที่ 13 ก.ค.นี้ จะได้เสียง ส.ว.ยกมือสนับสนุนนายพิธา เป็นนายกรัฐมนตรีครบถ้วนในครั้งแรก

เมื่อถามว่า หากการโหวตนายกรัฐมนตรีในครั้งแรกไม่ผ่านจะทำอย่สงไร น.ส.ศิริกัญญา ระบุว่า ยังไม่ได้มีการพูดคุยกับพรรคร่วมรัฐบาลว่าจะทำอย่างไร

ส่วนเสียง ส.ว.จะต้องได้มากกว่า 64 เสียงนั้น คิดว่าตอนนี้ครบหรือยัง น.ส.ศิริกัญญา ย้ำว่า ขณะนี้เสียงได้ครบแล้ว แต่ยังคงต้องทำงานต่อเนื่อง เผื่อมีกรณีที่บางท่านอาจเปลี่ยนใจจะได้มีสำรองเอาไว้ เพราะเราไม่มีทางทราบได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นหน้างาน

เมื่อถามว่า ส.ว.หลายคนขอดูหน้างานก่อนนั้น กังวลเรื่องการเปลี่ยนใจหรือไม่ นางสาวศิริกัญญา กล่าวว่า มีบางส่วนที่พูดผ่านสาธารณะ และพูดคุยในวงเจรจา ซึ่งอาจไม่ตรงกัน ซึ่งตนยินดี และยอมรับในสิทธิของ ส.ว.ในการให้ข่าวหรือชี้แจงกับสาธารณะ 

เมื่อถามว่า จากการโหวตประธานสภามีคนมองว่า พรรคร่วมรัฐบาลเดิมไม่แข็งแรงพอ มีแนวโน้มจะทอดสะพานมาร่วมรัฐบาลด้วยนั้น พรรคก้าวไกลมีท่าทีอย่างไร นางสาวศิริกัญญาบอกว่า จะต้องประเมินหลังวันที่ 13 ก.ค. ซึ่งมองว่า หากโหวตรอบแรกไม่มีปัญหาอะไรก็คงไม่มีโอกาสแบบนั้น เพราะ 312 เสียงค่อนข้างมั่นคงในรัฐสภา การที่เอามาเติมมากเกินไปก็จะทำให้กลไกการตรวจสอบถ่วงดุลมีปัญหา 

ส่วนกรณีที่นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาคนที่ 2 ออกมาระบุว่า หากโหวตรอบแรกไม่ผ่านจะให้โหวตอีก 2 รอบคือวันที่ 19 ก.ค.และ 20 ก.ค.นั้น นางสาวศิริกัญญา กล่าวว่า เป็นเรื่องที่เร็วเกินไปที่จะพูด เพราะยังมีกระบวนการปรึกษาหารือของวิปแต่ละฝ่ายกับประธานสภา เพื่อกำหนดวันประชุม

เมื่อถามถึงกระแสข่าวถึงการที่พรรคก้าวไกลใช้เงิน ซื้อเสียง ส.ว.ให้โหวตสนับสนุนนายพิธา น.ส.ศิริกัญญา ยืนยันว่า ไม่เป็นความจริงอย่างแน่นอน และ เป็นเรื่องที่เราไม่นิยมทำอยู่แล้ว 

ส่วนมองอย่างไรกับการถูกกล่าวหาเช่นนี้นั้น ก็มองว่า อาจเป็นการคาดการณ์ไปต่างๆ นานา ว่าพรรคจะหาเสียงสนับสนุนจาก ส.ว.อย่างไรได้บ้าง เขาก็คิดว่า นี่อาจจะเป็นอีกหนึ่งทางก็ได้ ซึ่งไม่ใช่ทางที่เราเลือกเลย เพราะเราใช้วิธีการพูดคุยอย่างเดียว และก็มี ส.ว.บางท่านที่ไม่สะดวกเปิดเผยต่อสาธารณะ ก็ขอให้เห็นผลกันในวันนั้นว่าจะโหวตแบบไหน จึงเกิดความกังวลจากหลายฝ่าย ว่า คะแนนเสียง ส.ว.ไม่น่าได้มาโดยง่าย

เมื่อถามว่า แปลว่ามั่นใจหรือไม่ ว่าพรรคก้าวไกลไม่ต้องซื้อเสียง ส.ว.ก็เพียงพอ นางสางศิริกัญญา ตอบว่า “ใช่ค่ะ”

ทั้งนี้มองอย่างไรกับการที่ ส.ว.ออกมาตั้งเงื่อนไข ในการโหวตสนับสนุนนายพิธา นางสาวศิริกัญญา ย้ำว่า ขอให้ ส.ว.ทุกคน ยึดหลักการประชาธิปไตยเสียงข้างมากตามปกติ  

“ไม่จำเป็นที่จะต้องรักเรา ไม่จำเป็นต้องเชียร์เรา เชียร์ก้าวไกล หรือ เชียร์นายพิธา ขอแค่เคารพเสียงของประชาชนที่ได้เลือกเรามา ให้เป็นพรรคที่ได้เสียงอันดับ 1 และรวมตัวจัดตั้งรัฐบาล ได้คะแนนเสียงข้างมากในสภา ยึดหลักการง่าย ๆ แค่นี้เพื่อให้ประเทศไทยได้เดินหน้าต่อ ให้โอกาสประเทศไทยได้ไปต่อ”

‘วันนอร์’ ยัน โหวตนายกฯ ยึดตามรัฐธรรมนูญ 13 ก.ค.นี้ เชื่อ ‘ส.ว.’ ใช้ดุลยพินิจ-คุณวุฒิเพื่อประโยชน์ของชาติ

(7 ก.ค. 66) ที่รัฐสภา นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา และประธานสภาฯ พร้อมด้วยนายปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาคนที่ 1 และนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาคนที่ 2 แถลงภายหลังเข้าร่วมพิธีรับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งประธานผู้แทนราษฎร และรองประธานผู้แทนราษฎร

โดยนายวันมูหะมัดนอร์ กล่าวว่า วันนี้นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างยิ่ง ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้มีพระบรมราชโองการให้พวกเราทั้ง 3 คน ดำรงตำแหน่งประธานผู้แทนราษฎรและรองประธานผู้แทนราษฎร ซึ่งพวกเราจะขอน้อมนำพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ได้พระราชทานให้กับสมาชิกรัฐสภา เมื่อวันที่ 3 ก.ค.ในพิธีเปิดสมัยประชุมสภาผู้แทนราษฎรสมัยที่ 26 ที่ผ่านมา เพื่อประโยชน์ของประชาชนและประเทศชาติต่อไป 

นายวันมูหะมัดนอร์ กล่าวถึงวันโหวตเลือกนายกฯ ว่า “เรื่องนี้เราต้องปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยปี 2560 และข้อบังคับของการประชุมรัฐสภาปี 2563 ส่วนกรอบเวลาของการประชุม ตลอดจนเรื่องจะโหวตอย่างไรนั้น เป็นเรื่องที่เราต้องปฏิบัติตามอยู่แล้ว ส่วนรายละเอียดอื่นๆ ตนคิดว่าถ้าเราพูดก่อนล่วงหน้าอาจจะไม่ตรงกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจริง ซึ่งจะมีการประชุมในวันที่ 13 ก.ค. และหวังว่าจะดำเนินการด้วยความเรียบร้อย”

“แต่หากไม่เสร็จสิ้นในวันที่ 13 ก.ค.เราก็ได้หารือกับประธานวุฒิสภาแล้วว่า เราก็อาจจะต้องมาประชุมกันในวันที่ 19 ก.ค. เพราะดูแล้วว่าน่าจะเป็นวันที่เหมาะสมที่สุด เพราะเว้นไป 1 สัปดาห์ เพื่อให้เลขาธิการสภาฯ ได้ทำหนังสือเชิญมาประชุมอีกครั้งในเวลาเช่นเดิม ส่วนการประชุมในวันที่ 19 ก.ค.นั้น จะเสร็จสิ้นเรียบร้อยหรือไม่ขึ้นอยู่กับที่ประชุม ทั้งนี้ หน้าที่ของรัฐสภามีหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญ ซึ่งจะเป็นองค์กรที่ทำหน้าที่ในการเลือกนายกรัฐมนตรี เพื่อไปบริหารประเทศต่อไป โดยเราต้องทำหน้าที่นี้เพื่อให้ได้นายกรัฐมนตรี ไม่เช่นนั้นประเทศจะไม่มีนายกรัฐมนตรี เพราะปัญหาที่ประชาชน และปัญหาของประเทศชาติกำลังรอคอยรัฐบาลใหม่อยู่มากข้างหน้า ดังนั้น หน้าที่ของฝ่ายนิติบัญญัติคือ ต้องสนับสนุนให้การบริหารประเทศต่อไปได้ในเวลาที่เหมาะสม” นายวันมูหะมัดนอร์ กล่าว

นอกจากนี้ นายมูหะมัดนอร์ ยังกล่าวต่อว่า “ส่วนข้อกังวลของสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ในเรื่องการโหวตนายกฯ นั้น ตนเห็นว่า ส.ว.ซึ่งเป็นผู้แทนปวงชนชาวไทยเช่นเดียวกับ ส.ส.ตามรัฐธรรมนูญนั้น ในการปฏิบัติหน้าที่ก็เป็นอิสระของแต่ละคนที่จะใช้ดุลพินิจวินิจฉัย ให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญกำหนดไว้ เราคงไม่สามารถคาดได้ว่าสมาชิกจะโหวตอย่างไร เป็นเรื่องที่ท่านจะต้องใช้ดุลพินิจเพื่อประชาชนและประเทศชาติ เพราะทุกคนก็มีคุณวุฒิวัยวุฒิมีประสบการณ์ และทุกคนก็ต้องมีหัวใจตรงกัน คือ บ้านเมือง ประเทศชาติ และประชาชนเป็นสิ่งสำคัญ ทุกคนต้องทำให้ดีที่สุด และตนขอฝากกับพี่น้องประชาชนทั่วประเทศ ว่ารัฐสภาของเราจะทำหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายให้ดีที่สุดตามที่ท่านได้คาดหวัง”

นายวันมูหะมัดนอร์ เสริมอีกว่า “ในฐานะที่ผมเป็นประมุขฝ่ายนิติบัญญัติเป็นประธานรัฐสภา ต้องขอความสนับสนุนความร่วมมือจากพี่น้องประชาชนทั้งประเทศ เพราะต้องการความสมัครสมานสามัคคีจากทุกฝ่าย เพราะเรามาทำงานตรงนี้เพื่อประเทศชาติกันทุกคนรวมทั้งประชาชนด้วย ขอให้ท่านสนับสนุนให้มีนายกฯ คือ ผู้นำของประเทศอย่างเรียบร้อย ในเวลาที่ท่านรอคอยและจะทำให้ดีที่สุด ซึ่งผมคิดว่าต้องร่วมมือกันทุกฝ่ายทั้งสภาพรรคการเมืองและประชาชน เพื่องานที่เราจะมีในวันที่ 13 ก.ค.เป็นไปด้วยความเรียบร้อย”

ด้านนายปดิพัทธ์ กล่าวว่า สำหรับความห่วงใยเกี่ยวกับเรื่องการชุมนุมที่จะเกิดขึ้นบริเวณรัฐสภานั้น ในเรื่องนี้ไม่มีความกังวลใดๆ ในวันที่ 10 ก.ค. ประธานสภาฯ จะมีการแบ่งงานให้กับรองประธานทั้ง 2 คน ในส่วนของการชุมนุมการรักษาความปลอดภัยกับการให้บริการประชาชนในพื้นที่สภาฯ ซึ่งประชาชนมีสิทธิชุมนุมแน่นอนตามรัฐธรรมนูญ ถ้าอยู่ในขอบเขตอำนาจหน้าที่และ พ.ร.บ.การชุมนุม

วิทยา แก้วภราดัย เผย ไม่ใช่แค่เรื่อง ม.112 แต่ยังมีเรื่องแยกดินแดน เปลี่ยนวันชาติ หลายเรื่องเรารับไม่ได้ ประชาชนก็รับไม่ได้ เราจึงทำหน้าที่สะท้อนแทนประชาชน

"ไม่ใช่แค่เรื่อง ม.112 แต่ยังมีเรื่องแยกดินแดน เปลี่ยนวันชาติ หลายเรื่องเรารับไม่ได้ ประชาชนก็รับไม่ได้ เราจึงทำหน้าที่สะท้อนแทนประชาชน"

วิทยา แก้วภราดัย รองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ กล่าวในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่รัฐสภาฯ เมื่อวันที่ 4 ก.ค.66

‘ก้าวไกล’ ยืนยันเจตนารมณ์!! ไม่ลดเพดานแก้ ม.112 เชื่อ ส.ว.หนุน ‘พิธา’ นั่งนายกฯ ให้โอกาสประเทศเดินหน้า

‘ชัยธวัช’ ชี้แค่ ส.ว.บางราย ไม่เอา ‘พิธา’ ลั่นสิ่งที่เป็นอาจไม่ใช่สิ่งที่เห็น มองบวก ‘สภาสูง’ ส่วนใหญ่ให้โอกาสเดินหน้าประเทศ เมินลดเพดานแก้ 112 ไม่ห้ามม็อบเคลื่อนไหว

(7 ก.ค. 66) ที่รัฐสภา นายชัยธวัช ตุลาธน ส.ส.บัญชีรายชื่อ และเลขาธิการพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์กรณีเสียงของสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) เริ่มชัดเจนไม่สนับสนุนนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคก้าวไกล โดยเฉพาะเงื่อนไขการแก้ไขกฎหมายอาญามาตรา 112 ว่า ยังเป็นแค่ความเห็นของ ส.ว.เพียงบางราย ส.ว.ส่วนใหญ่ยังไม่ได้แสดงออกอะไร คิดว่าจะแสดงออกทีเดียวในวันโหวตนายกฯ 13 ก.ค.นี้ ดังนั้น อย่าเพิ่งประเมินสถานการณ์จากที่เห็น สิ่งที่เป็นอาจไม่ใช่สิ่งที่เห็นก็ได้ ยังมั่นใจว่าจะผ่านไปได้ด้วยดี และมั่นใจในวิจารณญาณของ ส.ว.ว่าอยากจะเห็นประเทศชาติเดินหน้าอย่างไร การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นโอกาสสำคัญที่ประชาชนได้แสดงออกต้องการคืนความเป็นปกติของระบอบประชาธิปไตยไทย ยังเชื่อมั่นใน ส.ว.จำนวนมากว่าจะให้โอกาสนี้กับประเทศไทย

เมื่อถามว่า แสดงว่าอีก 60 กว่าเสียง ที่เหลือจะมาจาก ส.ว. ทั้งหมด หรือจะมีการเจรจากับฝ่าย ส.ส. ด้วย นายชัยธวัช กล่าวว่า ทาง ส.ส. โดยเฉพาะพรรคที่เราไม่ได้ชวนมาร่วมรัฐบาลก็คงเป็นสิทธิของแต่ละคน แต่เชื่อว่าจะมี ส.ส.หลาย ๆ คน ใช้จุดยืนตัวเอง หรือใช้สถานะความเป็น ส.ส. ปกป้องรักษาระบบไว้ให้ได้ในสถานการณ์ช่วงเปลี่ยนผ่านสำคัญ ส่วนจะมีการเจรจาถอยบางเรื่องเพื่อให้ ส.ว. เห็นใจมาสนับสนุนนายพิธาเป็นนายกฯ นั้น คงเป็นการเน้นพูดคุยทำความเข้าใจมากกว่า ส.ว.ส่วนใหญ่อาจรับรู้ข้อมูลจากสื่อมวลชนซึ่งบางครั้งอาจไม่ตรงกับข้อเท็จจริง

ผู้สื่อข่าวถามว่า จะไม่ลดเพดานมาตรา 112 ตามที่ ส.ว.ให้คำแนะนำมาหรือไม่ นายชัยธวัช กล่าวว่า ไม่แน่ใจว่าลดเพดานหมายถึงอะไร ที่ผ่านมาเราพยายามอธิบายว่าเจตนารมณ์ของเราเป็นอย่างไร เรามองเห็นปัญหาอย่างไร เราคิดว่าแนวทางแบบนี้ดีต่อระบอบประชาธิปไตย และสถาบันพระมหากษัตริย์มากกว่า

เมื่อถามย้ำว่า ยังยืนยันที่จะแก้ไขมาตรา 112 แม้จะมีคำทักท้วงจาก ส.ว.เลขาธิการพรรคก้าวไกล กล่าวว่า ยังมั่นใจว่าถ้าได้อธิบายเหตุผล จะมีความเข้าใจมากขึ้น เราต้องอธิบายเหตุผลให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ในเวลาที่เหลือ เวทีสำหรับสื่อมวลชนในสัปดาห์หน้าจะมีความสำคัญกับประชาชน และสังคมในการสะท้อนไปยัง ส.ว. ซึ่งในวันนี้จะมีการหารือกับนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฏร เกี่ยวกับกระบวนการแสดงวิสัยทัศน์ของแคนดิเดตนายกฯ ที่ถูกเสนอก่อนโหวต จะมีเวลาแสดงวิสัยทัศน์อย่างไร เป็นไปได้หรือไม่นอกจากการแสดงวิสัยทัศน์แล้ว จะมีการเปิดให้ ส.ส.-ส.ว.อภิปรายซักถามแคนดิเดตนายกฯ ที่ถูกเสนอชื่ออย่างเต็มที่ เพื่อให้เกิดความชัดเจนที่สุดก่อนลงมติ แต่คงรอต้องหารือกับประธานสภาฯ ก่อนว่าจะได้ข้อสรุปอย่างไร

ส่วนที่มีการวิเคราะห์กันว่าถ้าฟังจากเสียง ส.ว.การโหวตเลือกนายพิธาครั้งแรกอาจจะไม่ผ่านนั้น นายชัยธวัช กล่าวย้ำว่า อย่างที่บอกไป สิ่งที่เป็นอาจไม่ใช่สิ่งที่เห็น ยืนยันว่าหากโหวตนายพิธาไม่ผ่านในวันที่ 13 ก.ค. จะเสนอชื่อนายพิธาเพื่อโหวตอีกในวันที่ 19 ก.ค. แน่นอน แต่ยังเชื่อว่าจะโหวตจบในครั้งเดียว และไม่กังวลหากมีการเสนอชื่อแคนดิเดตนายกฯ มาแข่ง เพราะเป็นปกติในระบบรัฐสภา ไม่ใช่เรื่องผิดปกติ เชื่อว่า ส.ว.จะไม่สนับสนุนการตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อย ส่วนจะต้องโหวตกี่ครั้งนั้น อย่าเพิ่งไปสรุปเป็นตัวเลข ต้องดูสถานการณ์ที่เป็นจริง และอย่าเพิ่งตัดว่าจะต้องโหวตจบในครั้งเดียวออกไป

“ยังบอกไม่ได้ว่าจะมีเสียง ส.ว.สนับสนุนเท่าไร ส.ว.ส่วนใหญ่จะไม่ได้ออกมาบอกว่าคิดเห็นอย่างไรกันแน่ มีเพียง ส.ว.เพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่ออกมาให้ความเห็น ผมยังเชื่อมั่นว่าสิ่งที่ยังเงียบอยู่จะเป็นสิ่งที่เปิดโอกาสให้ประเทศได้คืนความเป็นประชาธิปไตยให้ระบบการเมืองไทย และเดินหน้าไปตามกระบวนการ” นายชัยธวัช ระบุ

เมื่อถามว่าเสียงที่เงียบอย่าง ส.ว.สายทหาร ที่มีแนวโน้มแน่นอนว่าจะไม่สนับสนุนนายพิธา นายชัยธวัช กล่าวว่า อย่าเพิ่งดูถูกอาชีพทหาร ตนคิดว่าทหารจำนวนมาก มีความหวังดีกับประเทศชาติ ซึ่งก็ได้มีโอกาสพูดคุยทำความเข้าใจกับ ส.ว.สายทหาร เราทำทุกวันทั้ง ส.ว.สายทหาร ตำรวจ พลเรือน ข้าราชการ ทำเต็มที่ที่สุดจนถึงวันสุดท้าย เชื่อว่ามีสิทธิ์ที่จะได้เห็นแสงสว่าง ชีวิตต้องมีความหวัง

ส่วนกังวลหรือไม่ หากมีการเสนอแคนดิเดตนายกฯ จากฝ่ายประชาธิปไตย อย่างพรรคเพื่อไทยขึ้นมาแข่งนั้น นายชัยธวัช กล่าวว่า ขณะนี้มีแคนดิเดตนายกฯ เพียงคนเดียว อย่าเพิ่งพูดไปขนาดนั้น

เมื่อถามถึงกรณีกลุ่มผู้ชุมนุมที่สนับสนุนพรรคก้าวไกลเตรียมออกมาเคลื่อนไหว จะมีการส่งสัญญาณใดหรือไม่ นายชัยธวัช กล่าวว่า อย่าเพิ่งบอกว่ามาสนับสนุนพรรคก้าวไกล ตนก็เห็นว่าทางกลุ่มผู้ชุมนุมเปิดให้มีการโหวตแสดงเจตจำนงของประชาชนที่ลงคะแนนเสียงว่าให้เคารพผลการเลือกตั้งเป็นสำคัญ ประเด็นคือต้องการให้ทุกฝ่ายปกป้องระบบ ไม่ใช่ตัวบุคคลหรือพรรคการเมืองใด ส่วนจะแสดงออกอย่างไร ตนไม่ทราบ หวังว่าจะแสดงออกอย่างสงบไม่ว่าจะฝ่ายไหน เพราะเราไม่ต้องการเห็นความรุนแรง ทางประธานสภาฯ ก็ได้กำชับเกี่ยวกับเรื่องนี้ด้วย

“แน่นอนว่าหากกระบวนการเลือกนายกฯ ล่าช้า การจัดตั้งคณะรัฐมนตรี (ครม.) การแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการประจำปีในช่วงเดือน ต.ค. การพิจารณางบประมาณประจำปี และนโยบายเร่งด่วนต่างๆ ทั้งเศรษฐกิจ การลงทุนจะชะลอ และเกิดผลกระทบไปหมด ดังนั้นจบเร็วมากเท่าไหร่ยิ่งดี และจบแบบเคารพผลการเลือกตั้งเร็วที่สุด ให้การเมืองไทยมีเสถียรภาพ” นายชัยธวัช ระบุ

เลขาธิการพรรคก้าวไกล ยังกล่าวถึงกรณีที่นายศรีสุวรรณ จรรยา ร้องต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ เพื่อตรวจสอบจริยธรรม น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ปฏิญาณตนก่อนปฏิบัติหน้าที่ในสภาฯหรือไม่ว่า ตนอยู่ในแถวเดียวกับ น.ส.ศิริกัญญา ซึ่ง น.ส.ศิริกัญญาก็ปฏิญาณตนตามปกติ เพียงแต่อาจจะหันมาบ้าง เข้าใจว่า น.ส.ศิริกัญญาคิดว่าสมาชิกทุกคนจะพูดตามประธานทีละประโยค แต่พอพูดชื่อตัวเองแล้วก็พูดยาวไปเลย โดยไม่ได้รอประธาน จึงคิดว่าทำไมไม่รอ ซึ่งเรื่องนี้ไม่น่าเป็นสาระสำคัญอะไร และไม่เป็นประเด็นทางข้อกฎหมาย จริงๆ การปฏิญาณตนของนายกฯ ที่ไม่ตรงตามรัฐธรรมนูญสำคัญกว่า อย่างที่เกิดขึ้นในปี 2562 เรื่องใหญ่กว่า ไม่ทราบว่านักร้องหายไปไหน และเรื่องนี้คงไม่ถูกนำไปเป็นไปเด็นเชื่อมโยงเรื่องสถาบันฯ ให้กระทบกับการโหวตนายพิธาเป็นนายกฯ เพราะไม่เกี่ยวกัน เป็นการปฏิญาณตนของ ส.ส.ต่อสภาฯ

เมื่อถามว่า หากพรรคก้าวไกลยอมถอยเรื่องการแก้ไขมาตรา112 ส.ว.น่าจะมีข้ออ้างอื่นที่จะไม่สนับสนุนนายพิธาเป็นนายกฯ หรือไม่ นายชัยธวัช กล่าวว่า แน่นอน คนไม่เลือกก็ไม่เลือกอยู่แล้ว ถามย้ำว่า ส.ว.มีธงในการโหวตอยู่แล้วใช่หรือไม่ นายชัยธวัช กล่าวว่า มี ส.ว.บางคนเท่านั้นที่มีธงอยู่แล้ว

‘2 รองโฆษก’ รทสช. โต้ ‘ธนพร’ ชอบพูดไปเรื่อย ปม 'พีระพันธ์ุ' ชิงเก้าอี้นายกฯ ยัน!! ไม่เป็นความจริง

เมื่อวานนี้ (7 ก.ค.66) ‘เก็ต ชินภัสร์ กิจเลิศสิริวัฒนา’ รองโฆษกพรรครวมไทยสร้างชาติ ได้ออกมาโพสต์ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวถึงประเด็นที่ รศ.ดร.ธนพร ศรียากูล ได้ให้สัมภาษณ์ออกสื่อต่างๆ ว่า พรรครวมไทยสร้างชาติ เตรียมส่ง ‘คุณพีระพันธ์ุ’ ชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีและจัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อย ซึ่งขอยืนยันว่าไม่เป็นความจริง 

“ท่านจะรู้ดีกว่าทีมโฆษกพรรคได้อย่างไร ในเมื่อพวกเราคุยกับท่านหัวหน้าทุกวัน  ท่านหัวหน้าพีระพันธุ์และท่านเลขาเอกนัฏ ยืนยันชัดเจนว่าไม่เคยมีความคิดและไม่สนับสนุนรัฐบาลเสียงข้างน้อยในสภาอย่างเด็ดขาด

ผมขออย่าให้ท่านพูดไปเรื่อย ชี้นำสังคมแทนพรรคฯ และไม่รับผิดชอบคำพูดอะไร”

ทางด้าน ‘พงศ์พล ยอดเมืองเจริญ’ รองโฆษกพรรครวมไทยสร้างชาติ ก็ได้ออกมาโพสต์ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวของตัวเองเช่นกัน โดยระบุว่า…

“วันนี้ขอเสนอคำว่า ‘นักอวิชาการ’ ในขณะที่หลายพรรคสงวนท่าที รทสช. กล้าออกมาประกาศจุดยืนชัดเรื่องโหวตนายกฯ เคารพ ปชต. - เสียงปชช. ดันมาตรฐานใหม่การเมือง ย่อมเป็นเรื่องดี

ยังมี 'นักอวิชาการ' ที่ไม่ใช้วิชาการความรู้ แต่ใช้วิจารณญาณการเมืองเก่าๆ + อคติลบๆ มาปั่นกระแส ยัดเยียดให้คนเข้าใจผิดว่าเราจะเสนอชื่อหัวหน้าพรรค จัดตั้งรบ. เสียงข้างน้อยแข่ง รวมไทยสร้างชาติของจริง ขอพิสูจน์ด้วยการกระทำ.. วอนหยุดเอาวาทกรรมมาโจมตีเถอะครับ”

'หม่อมปลื้ม' แฉ!! นักวิชาการฝ่ายซ้าย ล้างสมองนักศึกษาจนคลั่งเสรีภาพ

(8 ก.ค. 66)  หม่อมหลวงณัฏฐกรณ์ เทวกุล หรือ ‘คุณปลื้ม’ พิธีกร และผู้ดำเนินรายการข่าว ได้เผยแพร่บทความผ่านเฟซบุ๊ก โดยระบุว่า...

นักวิชาการฝ่ายซ้ายล้างสมองนักศึกษาไปซ้ายสุดโต่งจนล้นเกิน คลั่งสิทธิเสรีภาพอย่างไม่รอบด้าน คิดทุกอย่างในมิติของการถูกกดขี่จึงต้องปลุกตนเองให้ลุกขึ้นสู้ตลอดเวลา ทำอย่างนี้ในสถาบันการศึกษาชั้นนำ ทั้งในสหรัฐฯ เเคนาดา ยุโรป เเละในประเทศไทยของเรา

อุดมการณ์ทางสังคม จริยธรรม การเมือง เศรษฐกิจ อุดมการณ์ต่างๆ เปรียบเสมือนน้ำในตู้ปลา คุณและผมคือปลาในตู้ปลา คุณจะมีอุดมการณ์อะไรมันขึ้นอยู่กับว่า ใครเป็นผู้เทน้ำนั้นเข้าไปในตู้ปลา เราคิดว่า เราได้เลือกว่าเราจะมีอุดมการณ์ชุดใด ในความเป็นจริง ไม่เป็นเช่นนั้น เเท้ที่จริงเเล้วมันอยู่ที่ว่า คุณถูกบ่มเพาะจากใคร ที่ไหน อย่างไร เเละเมื่อไรต่างหาก

บางคนได้อุดมการณ์หลักมาจากพ่อแม่ บางคนได้มาจากช่วงวัยเรียน ช่วงมัธยม ช่วงที่ถูกสั่งสอนโดยครูตั้งเเต่สมัยวัยหนุ่มสาว หรือบางครั้งก็จากการคบเพื่อนเเละพวกพ้องในสมัยวัยเรียน คบคนอย่างไรที่มีอิทธิพลต่อเราก็อาจได้การหล่อหลอมเช่นนั้นมา ประสบการณ์เป็นส่วนหนึ่งในการในสร้างอุดมกาณ์ด้วยเช่นกัน บางคนไม่ได้ใกล้ชิดกับใครในสมัยเรียนตอนเด็กแต่เมื่อเริ่มเรียนในระดับมหาวิทยาลัยก็เริ่มสนใจ ซึ่งก็เป็นช่วงเวลาที่มันสมองเริ่มเปิดกว้างเพื่อให้เกิดการซึมซับมากที่สุด

ดังนั้น คนที่มีโอกาสไปแนวซ้ายมากที่สุด อาจจะเป็นคนซึ่งอยู่ในตู้ปลาที่ขาดการเติมเต็มจากมุมมองด้านอื่นจากผู้ปกครองเเละจากโรงเรียนในสมัยวัยเด็ก เสร็จเเล้วในช่วงที่สมองเปิดรับข้อมูลเเละชุดความคิดในวัยที่เรียนระดับอุดมศึกษา เมื่อเข้าเรียนในสถาบันระดับอุดมศึกษาไม่ว่าในประเทศใดก็ตาม โดยเฉพาะอย่างยิ่งมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงระดับชั้นนำในทุกทุกประเทศ นั่นนะเเหละตัวดี

เพราะองค์กรเหล่านี้ ถ้าโดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านสาย Liberal Arts ถ้าบังเอิญเรียนรัฐศาสตร์ สังคมศาสตร์ สังคมวิทยา หรือ เรียนประวัติศาสตร์ ก็จะเต็มไปด้วยนักวิชาการทั้งระดับอาวุโสเเละที่เพิ่งบรรจุใหม่ที่ล้วนแล้วเเต่หัวเอียงซ้าย ถึงเเม้ว่าจะไม่ทั้งหมด เชื่อในรัฐสวัสดิการเสมอ เเถมมักจะมีเสริมการสอนเรื่องการย่อยสลายวัฒนธรรมอำนาจนิยม ปั่นวาทกรรมว่าทุกคนโดนกดขี่

เริ่มกระบวนการในการล้างสมองเด็กเข้ามา (บ่อยครั้งทำโดยไม่รู้ตัวเพราะตนเองก็ถูกล้างสมองมาอีกทีจากครูบาอาจารย์ชื่อดังในต่างประเทศเเละในประเทศที่เป็น Leftists อีกรอบหนึ่ง) เมื่อเข้าไปเรียนในระดับอุดมศึกษา ปลาตัวน้อย ๆ โดยเฉพาะที่ไม่เคยรับน้ำก็จะขาดภูมิคุ้มกันจากการหว่านล้อมอุดมการณ์ Keynesian สุดขั้ว Social Democracy สเเกนดิเนเวียนสุดทาง หรือไม่ก็นีโอมาร์กซิสต์ตามสูตรโรงเรียนเเกรมเชี่ยนจนสติเเตก

กลุ่มเดียวที่อาจจะรอดจากการถูกล้างสมองเช่นนี้ในโปรเเกรม Liberal Arts ต่าง ๆ ก็คงจะเป็นนักศึกษาที่สามารถเจียดเวลาไปเรียนวิชาปรัชญาอย่างรอบด้านหรือไม่ก็พวกซึ่งเรียนสายเศรษฐศาสตร์ที่มีโอกาสดีพอที่จะได้ศึกษาจากอาจารย์ที่เน้นหลักการณ์ด้านกลไกตลาดเสรีในเเบบที่ไม่ใช่นักเศรษฐศาสตร์สำนักสังคมนิยม ที่วัน ๆ เอาแต่คิดจะขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ ขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ รัฐสวัสดิการ รัฐสวัสดิการ ทำอย่างไรให้ไม่รู้สึกผิดต่อคนยากคนจน ทำจนเศรษฐกิจพัง นักธุรกิจไม่ต้องเหลือเงินกัน เก็บภาษีให้เยอะ อย่างนี้เป็นต้น

ในโลกเเห่งการเเข่งกันออกนโยบายทางการเมืองเเละในโลกเเห่งการเขียนรายงานในมหาวิทยาลัยยุคปัจจุบัน วัน ๆ เอาแต่นั่งคิดเรื่องขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ สร้าง Living Wage ที่เป็นจริง ยกระดับคุณภาพชีวิตด้วยการใช้เงินผู้อื่น จะเปลี่ยนประเทศเป็นรัฐสวัสดิการ ทำยังไงให้ไม่รู้สึกผิดต่อคนยากไร้ เอาแต่คิดแบบเนี้ยจนเศรษฐกิจพังไปหมด มีเเต่การสอนให้บิดเบือนกลไกตลาดตลอดเวลาโดยไม่คำนึงถึงผลกระทบต่อภาคธุรกิจเเละนายจ้างที่เดือดร้อนต้องลดส่วนเเบ่งกำไรไม่รู้จักจบ

นโยบายต่าง ๆ เหล่านี้ในที่สุดก็จะนำไปสู่การลดการจ้างงานผู้ซึ่งมีทักษะเเรงงานน้อยกว่าผู้อื่นก่อนเพื่อน สังคมเราจึงเต็มไปด้วยบัณฑิตที่ควรจะรู้เรื่องเศรษฐศาสตร์เเต่ดันคิดเเบบนักสังคมนิยมที่ต้องการตัดต่อพันธุกรรมระบบเศรษฐกิจที่เวิร์คดีอยู่เเล้ว

คนที่มีโอกาสไปซ้ายมากที่สุดคือคนที่อยู่ในตู้ปลาที่เป็นปลา แล้วบังเอิญในสมัยวัยเด็ก ผู้ปกครองไม่ได้เทน้ำเข้ามา หรือไม่ก็เป็นอีกประเภทหนึ่ง ที่พ่อเเม่พี่น้องปู่ย่าตายายอุตส่าห์เทน้ำเข้ามาเเต่ก็ถูกสลัดทิ้ง เป็นคนที่ไม่สามารถซึมซับข้อมูลจากผู้ปกครองได้ เสร็จแล้วพอเรียนช่วงมัธยมก็มัวแต่คิดว่าเรียนยากจัง อ่านหนังสือก็ง่วง จึงโดดเรียนไปเดินตามห้าง ไปเที่ยวเตร่ ในตู้ปลาที่ปลาว่ายน้ำกันอยู่ มันจึงขาดน้ำ

กลุ่มนี้เมื่อเข้าสู่รั้วมหาวิทยาลัยในระดับอุดมศึกษา ระดับปริญญาตรี โอ้โห! ก็จะมีโอกาสเจอบรรดานักวิชาการตัวพ่อที่เป็นประเภท Left-wing Liberal Democratic Socialists เทน้ำเข้ามาเต็มเปี่ยมเลย ที่นี้พอจบมา เลยล้นเลย คือเกิน คือล้นเลย มันเเปลว่าล้นวิชาการเกิน ล้นซีกซ้ายอย่างเดียวเเต่ไม่รอบด้าน ขาดประสบการณ์จริงกับเรื่องที่เรียนมา เฉกเช่นเดียวกันกับปฏิกิริยาปลาดิ้นพลิกไปพลิกมาเวลามีคนเทน้ำเข้าไปในตู้ปลานั้น ๆ อย่างเเรงเเรงเร็วเร็ว

กลุ่มนี้ก็จะมีความกระตือรือร้นที่จะชุมนุมต่อต้านทุกอย่างตามที่อุดมการณ์สั่งสมบ่มเพาะมา กลายมาเป็น Activists ที่เพิ่งโดนกดปุ่ม Activated

ผู้ซึ่งผลักดันนโยบายเศรษฐกิจสิ้นคิดเช่นนี้ในที่สุดถ้าได้ก็จะพยายามนำเสนอ Redistribution of Income ในรูปเเบบที่เอาเปรียบเจ้าของเงิน เมื่อปล่อยไปก็จะค่อยๆ คล้อยไปเป็นเสมือนรูปเเบบ French-Scandinavian Style Progressive Taxation ยิ่งกว่าที่เป็นอยู่ในไทยตอนนี้ ยิ่งฐานะรายได้ดีก็จะยิ่งมีการเสนอให้ตัดฐานะรายได้นั้นเเละทำลาย Dominant Market Positioning ของทุกบริษัทชั้นนำให้มันเหี้ยน

เเนวคิดซ้ายทางเศรษฐกิจนี้คือต้องการให้คนรวยกลายเป็นคนจนลง จนไม่มีใครอยากลงทุนเหมือนในเเถบสแกนดิเนเวีย ให้คนที่ไม่ต้องทำงานสามารถมีบ้านอยู่ได้โดยที่วันๆ ไม่ต้องออกไปทำอะไรเลย ให้มี Universal Basic Income อย่างขาดวินัยการเงินการคลัง สิ่งนี้คือความฝันอันเกือบสูงสุดของฝ่ายซ้ายด้านเศรษฐกิจ

บ่อยครั้งในมหาวิทยาลัยอาจารย์จะมีโอกาสเติมเต็มมากๆ เพราะในช่วงเข้าไปศึกษาใหม่ๆ ปรากฎว่าในตู้ปลานั้น เป็นตู้ปลาซึ่งไม่เคยมีใครเคยเติมน้ำเข้าไปได้สำเร็จ หรือบางทีผู้ปกครองหรืออาจารย์แนะแนวและครูประจำชั้นในสมัยมัธยมเคยพยายามเติมน้ำ แต่เป็นพวกประเภทไม่ยอมซึมซับน้ำเลย แต่เมื่อถึงวัยมหาวิทยาลัย ได้บังเอิญพบเจอกับอาจารย์ที่เป็น Socialist-Liberal เทน้ำลงมา…โอ้โหว ล้นเต็มเปี่ยม

อุดมการณ์ที่คุณและผมมีอยู่ มันเป็นอุดมการณ์ที่ผ่านการบ่มเพาะมา คำถามที่คุณต้องถามตนเองคือ คุณเติมเต็มหรือยังเเละที่ผ่านมาใครคือผู้ซึ่งบ่มเพาะคุณเเละผู้นั้นหวังดีต่อคุณเเละสังคมจริงหรือ? หรือเป็นไปได้ไหมว่าผู้ซึ่งบ่มเพาะคุณมาทางด้านการเมืองในสถาบันการศึกษาต่างๆ ล้วนเเล้วเเต่เคยได้รับการเทน้ำมาอีกทีหนึ่งจนล้นเกินจากซ้ายอกหักจากยุคสมัยสงครามเย็นที่ในวันนี้ต้องการเอาคืน เเก้มือ หรือเเก้เเค้นอดีตที่ได้เคยพ่ายเเพ้เเละเจ็บปวดไปเมื่อ 47 ปีที่เเล้ว

‘โบว์ ณัฏฐา’ เผย นักวิชาการที่พยายามช่วย ‘พิธา’ ลั่น!! ระวังพูดไปพูดมาจะกลายเป็นผิดจริง

"นักวิชาการบางคนที่พยายามช่วยคุณพิธา พอพยายามบิดหลักการมากเกินไป พูดไปพูดมากลายเป็นการยืนยันว่าตามกฎหมายแล้วเขาผิดจริง แต่ 'ไม่ควรเอาผิด' เพราะประชาชนเลือกมา พร้อมเรียกร้องให้สื่อหยุดพูดเรื่องนี้ได้แล้ว"

โบว์ ณัฏฐา มหัทธนา นักเคลื่อนไหวทางการเมือง โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก เมื่อวันที่ 8 มิ.ย.66


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top