Monday, 28 April 2025
Politics

'โซเชียล' วิจารณ์!! 'พิธา' เล่นเกมกดสุ่มเลือกรัฐบาลในฝัน จับได้ 'หนูนา' เป็นนายกฯ กังวลไทยจะกลายเป็นสุพรรณบุรี

กลายคลิปกระแสว่อนโซเชียลฯ อีกแล้ว หลัง 'พิธา' พูดในรายการหนึ่งว่า กังวลประเทศไทยจะกลายเป็นสุพรรณบุรี 

(8 พ.ค.66) โลกโซเชียลวิจารณ์กรณีที่นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรค และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์กับเว็บไซต์ไทยรัฐออนไลน์ โดยกดสุ่มเลือกรัฐบาลในฝัน กับเกมที่มีชื่อว่า 'ทำนายชีวิตลิขิตรัฐ' ปรากฏว่าจับได้ น.ส.กัญจนา ศิลปอาชา ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา เป็นนายกรัฐมนตรี ทำให้เจ้าตัวกล่าวว่า "กังวลว่าประเทศไทยจะกลายเป็นสุพรรณบุรี" 

คลิปนี้เป็นที่วิจารณ์แก่ชาวเน็ต อาทิ...

‘ตาทอง’ วัย 80 ปี ปีนเสาโทรศัพท์ เรียกร้องประชาธิปไตย เผย ซื้อตัวรถทัวร์เตรียมเข้า กทม.มาหา ‘อุ๊งอิ๊ง’ หนุนนั่งนายกฯ

(8 พ.ค. 66) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริเวณเสาส่งสัญญาณโทรศัพท์ ติดที่ว่าการอำเภอเมืองสุโขทัย จังหวัดสุโขทัย มีลุงวัย 80 ปี ปีนขึ้นไปบนเสาส่งสัญญาณสูงกว่าตึก 3 ชั้น จากนั้นใช้โทรโข่ง ประกาศเรียกร้องประชาธิปไตย จนชาวบ้านที่พบเห็นได้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ และกู้ภัยให้มาช่วยกันเจรจาให้ลุงลงมาพูดคุยกันที่ด้านล่าง

หลังจากการเจรจาผ่านไป ประมาณ 30 นาที ด้วยสภาพอากาศที่ร้อนจัด และด้านบนไม่มีน้ำดื่ม ทำให้ลุงคนดังกล่าว เริ่มมีอาการอ่อนเพลียและอิดโรย ไม่สามารถลงมาได้ ทำให้เจ้าหน้าที่กู้ภัยบางแก้ว ต้องปีนนำน้ำขึ้นไปให้ และช่วยประคองกันลงมา

'ลุงตู่' ลงหาเสียงนราฯ ขอเป็นบังตู่ อ้อนประชาชน เลือก ส.ส.พรรค รทสช. คุยช่วยชาติได้จริง

เวลา 13.00 น.วันที่ 8 พ.ค.2566 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ในฐานะประธานคณะกรรมการกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์พรรคและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ลาราชการ สวมเสื้อพรรครวมไทยสร้างชาติ กางเกงสีเขียวขี้ม้า รองเท้าผ้าใบ ON Cloud 5 Men ลงพื้นที่หาเสียงต่อเนื่องในช่วงโค้งสุดท้ายของการเลือกตั้ง โดยออกเดินทางจากสนามบินดอนเมือง พร้อมแกนนำพรรค เพื่อลงพื้นที่หาเสียงพบปะประชาชน จ.นราธิวาส และ จ.ปัตตานี

พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา แคนดิเดตนายกฯ พรรครวมไทยสร้างชาติ ควงบ้านใหญ่นราธิวาส นำนายกูเซ็ง ยาวอหะซัน นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนราธิวาส พร้อมลูกชาย นายวัชระ ยาวอฮะซัน ผู้สมัคร ส.ส.เขต1 และหลานเขย นายอามีน โต๊ะนากายอ เขต 5 รวมถึง ผู้สมัครทั้ง 4 เขต นายสารี สะมะแอ เขต2 นายมะหามัด ฮามิ เขต 3 นายอิสฮาม มูซอ เขต 4 ลงพื้นที่พบปะประชาชน ที่ อำเภอเมืองนราธิวาส และอำเภอสุไหงโก-ลกจังหวัดนราธิวาส

‘ทักษิณ’ ทวีตพลัดพรากจากครอบครัว 17 ปี ขออนุญาตกลับบ้านไปเลี้ยงหลาน ก.ค.นี้

(9 พ.ค. 66) นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี คนที่ 23 โพสต์ทวิตเตอร์เช้านี้ ข้อความระบุว่า "ผมขออนุญาตอีกครั้ง ผมตัดสินใจแล้วว่าจะกลับบ้านไปเลี้ยงหลานภายในเดือนกรกฎาคมนี้ก่อนวันเกิดผมครับ ขออนุญาตนะครับ เกือบ 17 ปีแล้วที่ต้องพลัดพรากจากครอบครัว ผมก็แก่แล้วครับ"

'เฒ่าสามนิ้ว' สั่งสอน 'พิธา' พูดให้ระวังปาก ชี้!! สมัยกรุงศรีฯ มี 2 ใน 5 ราชวงศ์ มาจากสุพรรณบุรี

(9 พ.ค. 66) สุชาติ สวัสดิ์ศรี อดีตศิลปินแห่งชาติ โพสต์เฟซบุ๊กว่า ถึงจะเป็น Voter ให้พรรคก้าวไกลในการเลือกตั้งครั้งนี้ แต่สิ่งที่ ‘พิธา’ เผลอพูดออกมานี้ ต้องระมัดระวังให้มากขึ้น

สยามประเทศแต่เดิมนั้นเต็มไปด้วยเสียงและสำเนียงร้อยพ่อพันแม่

'เรืองไกร' จ่อร้อง กกต.สอบ 'พิธา-ก้าวไกล' ถือหุ้น ITV พบมีชื่อถือ 42,000 หุ้น ซ้ำบริษัทยังดำเนินธุรกิจอยู่

(9 พ.ค. 66) นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ เปิดเผยว่า ได้ตรวจสอบพบข้อมูลที่น่าเชื่อว่า นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ถือหุ้นบริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) จำนวน 42,000 หุ้น จึงต้องการให้ กกต.ตรวจสอบ เนื่องจากรัฐธรรมนูญ มาตรา 98(3) บัญญัติห้ามมิให้บุคคลที่เป็นเจ้าของหรือผู้ถือหุ้นในกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนใดๆ ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส และเมื่อตรวจสอบปรากฏข้อเท็จจริงตามข้อมูลเมื่อวันที่ 7 เม.ย. 66 ที่ทำให้เข้าใจว่า นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ยังคงเป็นผู้ถือหุ้นของบริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) ในลำดับที่ 6,121 เลขทะเบียนผู้ถือหลักทรัพย์ 4030954168 ที่อยู่ 98/26 อาคารซิลเวอร์เฮอริเทจ ซ.สุขุมวิท 38 ถ.สุขุมวิท พระโขนง คลองเตย 10110 สัญชาติไทย จำนวน 42,000 หุ้น

นายเรืองไกร ยังกล่าวอีกว่า เมื่อตรวจสอบจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า พบข้อมูลของบริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) พบว่า เป็นนิติบุคคลที่ยังดำเนินกิจการอยู่ ธุรกิจตอนจดทะเบียน ระบุการออกอากาศทางวิทยุกระจายเสียงยกเว้นทางออนไลน์

วัตถุประสงค์ตอนจดทะเบียน ระบุสถานีโทรทัศน์ หมวดธุรกิจ ก็ระบุว่า กิจกรรมเผยแพร่ภาพยนตร์วีดิทัศน์และรายการโทรทัศน์ โดยปีที่ส่งงบการเงิน คือ ปี 2560 ต่อเนื่องถึงปี 2564 และเมื่อขอข้อมูลบัญชีรายขื่อผู้ถือหุ้นบริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) จากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า พบว่า ณ วันที่ 27 เม.ย. 65 นายพิธา เป็นผู้ถือหุ้นในลำดับที่ 7,138 จำนวน 42,000 หุ้น เลขที่ใบหุ้น 06680180285422 มูลค่าหุ้นละ 5 บาท

อีกทั้งเมื่อตรวจสอบข้อมูลบริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) จากเว็บไซต์ พบว่า บริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) ประกอบกิจการรับจ้างโฆษณา ประชาสัมพันธ์ทุกชนิดทุกประเภท มีรายได้ปี 2565 รวม 21 ล้านบาท และมีรายได้ปี 2564 รวม 24 ล้านบาท โดยบริษัทมีการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2566 ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ (E-AGM) เมื่อวันพุธที่ 26 เม.ย. 66 จากข้อเท็จจริงดังกล่าวจึงมีเหตุอันควรที่ กกต. จะต้องตรวจสอบนายพิธา ผู้สมัครแบบบัญชีรายชื่อและผู้ถูกเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรีของพรรคก้าวไกล ว่า เข้าข่ายมีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 98(3) หรือไม่

'วราวุธ' เผยชาวบ้านถาม 'พิธา' เป็นสุพรรณบุรีแล้วเสียหายตรงไหน?  ยัน!! ยุค 'บรรหาร' เป็นรัฐบาล ก็บริหารประเทศให้พัฒนาทั่วถึง

(9 พ.ค. 66) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในฐานะหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวพาดพิงว่ากังวลประเทศไทยจะเป็นสุพรรณบุรีว่า มีชาว จ.สุพรรณบุรีบางส่วนส่งข้อความมาหาตนว่าเป็นสุพรรณบุรีแล้วมันเสียหายตรงไหน แต่อย่างไรก็ตาม จากการที่เคยทำงานร่วมกับนายพิธาและพรรคก้าวไกลในสภาผู้แทนราษฎร ได้เห็นว่าพวกเขาเชื่อมั่นในเรื่องความเสมอภาคและความเท่าเทียม ตนคิดว่าเขาคงไม่ได้หมายความไปตามสิ่งที่พูด และจากการที่ตนและนายพิธาได้ร่วมเวทีดีเบตกันมาแล้วหลายครั้ง เห็นว่านายพิธาคงไม่ได้คิดแบบนั้นจริงๆ จึงคิดว่าอย่าเอาเรื่องที่ไม่เป็นเรื่องมาทำให้เป็นเรื่องดีกว่า เพราะอีกไม่กี่วันจะถึงวันเลือกตั้งอยู่แล้ว ขอให้มุ่งเน้นกันที่นโยบาย เพราะบางครั้งอาจจะมีเรื่องที่ไม่ได้เกิดจากความตั้งใจและพลาดพลั้ง จึงอยากให้ปล่อยไปดีกว่า

ผู้สื่อข่าวถามว่า จะดูแลความรู้สึกของชาวสุพรรณบุรีอย่างไร นายวราวุธ กล่าวว่า ที่ผ่านมาเราได้ทำงานอย่างต่อเนื่องใน จ.สุพรรณบุรี ซึ่งอาจมีหลายคนที่เกิดข้อกังขาว่า จ.สุพรรณบุรีมีการพัฒนา โดยเฉพาะในช่วงรัฐบาลของนายบรรหาร ศิลปอาชา เป็นนายกรัฐมนตรี ขอชี้แจงว่าตอนที่นายบรรหารดำรงตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีกระทรวงต่าง ๆ จนถึงตอนดำรงตำแหน่งนายกฯ ทุกคนสามารถไปตรวจสอบได้ว่าการทำงานของนายบรรหารในช่วงเวลาเหล่านั้นได้ทำงานให้กับคนไทยทั้งประเทศ แม้กระทั่งตอนได้รับตำแหน่งนายกฯ จุดแรกที่ท่านเริ่มไปลงพื้นที่คือ ภาคใต้ ไม่ได้มาที่ จ.สุพรรณบุรีก่อน 

นอกจากนี้ ในยามที่นายบรรหารเป็นเพียง ส.ส. ท่านก็ยังทำงานให้ จ.สุพรรณบุรี ถือเป็นเรื่องปกติของการเป็น ส.ส. ส่วน ส.ส.แต่ละคนจะทำงานได้แค่ไหน ขึ้นอยู่กับศักยภาพแต่ละคน อย่างไรก็ตาม อยากทำความเข้าใจกับชาวสุพรรณบุรีว่าเป็นเรื่องปกติที่จะมีคนเข้าใจคลาดเคลื่อน แต่ใน จ.สุพรรณบุรี พวกเรายังทำงานเหนียวแน่นกันดี

เมื่อถามว่า ดูเหมือนการปราศรัยในระยะหลังของพรรคก้าวไกล จะพูดแซะตระกูลหรือบ้านใหญ่ในจังหวัดต่าง ๆ นายวราวุธ กล่าวว่า ถ้าเป็นแบบนั้นจริง ต้องขอบคุณที่มองเราเป็นบ้านใหญ่ เพราะสำหรับบ้านศิลปอาชาและพรรค ชทพ. ถือว่าสุพรรณบุรีเป็นบ้านใหญ่ของเรา ขณะเดียวกัน เราเข้าใจดีว่าการพูดบนเวทีบางครั้งอาจจะมีกลอนพาไป จึงอย่าเอาเรื่องไม่เป็นเรื่องมาเป็นเรื่องดีกว่า และอย่าเอามาเป็นประเด็นทางสังคมเลย เราควรไปโฟกัสนโยบายของแต่ละพรรคดีกว่า และอีก 3-4 วัน จะได้เวลาไปลงคะแนนเลือกตั้งกัน

'สนธิญาณ' ส่งสารถึงกลุ่มก๊วนเครื่องมือให้กับพวกต่างชาติ  ขอให้คิดดีๆ!! ใครก่อความวุ่นวายหนนี้ เจอกันหลังเลือกตั้ง

(9 พ.ค. 66) นายสนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม นักธุรกิจด้านสื่อสารและนักเคลื่อนไหวการเมือง ได้โพสต์คลิปติ๊กต๊อกพูดคุยประเด็นเรื่อง 'การก่อความวุ่นวายในสังคมไทย' ว่า...

"ผมออกความเห็นทางการเมืองนอกจากรายการชัดครบจบจริงในท็อปนิวส์มานาน เหตุผลเพราะเบื่อหน่ายนักการเมืองและรัฐบาลที่ไม่ได้เห็นปัญหาว่าประเทศเราถูกคุกคามจากชาติมหาอำนาจ โดยมียุทธศาสตร์ที่ชัดเจนผ่านพรรคการเมืองที่มาปั่นหัวเด็กและเยาวชน

"ผมพยายามจะสื่อสารข้อมูลเหล่านี้ไปว่า จะต้องพลิกกลับมาเรียนประวัติศาสตร์ ตามที่สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถในรัชกาลที่ 9 ได้ทรงมีพระราชดำรัสไว้ รวมทั้งจะต้องมีการศึกษาถึงพระมหากรุณาธิคุณของสถาบันพระมหากษัตริย์ที่ได้สร้างให้กับสังคมไทยอย่างลึกซึ้งในพระองค์ที่สำคัญๆ และทำให้ประเทศของเราเข้มแข็งยืนยาวอย่างเป็นเอกราชมาได้จนถึงปัจจุบัน"

นายสนธิญาณ กล่าวต่อว่า "แต่ที่ผ่านมาเรื่องนี้ไม่เคยได้รับความสนใจ นักการเมืองก็เอาแต่แสวงหาผลประโยชน์ เพื่อนำพาไปสู่การเลือกตั้ง แล้วก็จะวนรอบในวงจรอุบาทว์กลับมามีอำนาจกันใหม่ 

"วันนี้ชัดเจนครับว่าประเทศชาติของเราแตกออกเป็น 2 ฝั่ง อย่างชัดเจน ฝั่งหนึ่งอาจจะเรียกว่าพวกอนุรักษ์นิยมหรือกลุ่มผู้สูงวัยที่จงรักภักดีในชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ อีกส่วนหนึ่งก็คือผู้ที่ประกาศตัวเองว่าเป็นคนรุ่นใหม่ ต้องการการเปลี่ยนแปลงตั้งแต่ระดับคนทำงานหนุ่มสาวไปจนถึงนิสิตนักศึกษาในมหาลัยไปถึงเด็กนักเรียนในระดับมัธยม ปรากฏการณ์เหล่านี้ไม่ได้เกิดขึ้นเองอย่างธรรมชาติ แต่เป็นการสร้างหลักฐานกระบวนการเท็จขึ้นมาและใช้เครื่องมือในการสื่อสารในยุคนี้กระจายไปถึงผู้คน"

นายสนธิญาณ กล่าวต่ออีกว่า "ผมจะเรียนว่าในสงคราม ไม่ว่าจะเป็นสงครามในแบบหรือสงครามปฏิวัติ ชัยชนะที่แท้จริง จะต้องเกิดขึ้นจากพลังของข่าวสารและการสื่อสารไม่ใช่การใช้อาวุธ อาวุธเป็นเพียงแต่องค์ประกอบในสงครามโลกครั้งที่ 2 ดังเราจะเห็น...ไม่ว่าจะเป็นการปลุกระดมผู้คนของฮิตเลอร์ในเยอรมันจะต้องผ่านภาพยนตร์ ซึ่งนั่นก็คือเทคโนโลยีที่ทันสมัยที่สุดในขณะนั้น ในสหรัฐอเมริกาก็เช่นกัน ในญี่ปุ่นก็เช่นเดียวกัน 

"วันนี้การสื่อสารทันสมัยยิ่งขึ้นการนำพาข่าวสารไปให้ถึงผู้รับสารเป็นไปอย่างรวดเร็วแทบกระพริบตา สามารถกระจายได้เป็นล้านๆ ภายในไม่กี่นาที ปรากฏการณ์ดังกล่าวจึงนำพาไปสู่การปลุกเร้า ข้อมูลที่ผิดและบิดเบือนไปถึงผู้รับสารซึ่งหมายถึงคนหนุ่มสาว นิสิต นักศึกษา และนักเรียน...รัฐบาลที่มีอำนาจและนักการเมืองไม่เคยสนใจเรื่องนี้ ทั้งๆ ที่ข้อมูลที่ผิดและบิดเบือนนั้นมุ่งไปสู่การโจมตีสถานบันพระมหากษัตริย์ แต่เราไม่ได้รับการเอาใจใส่แต่อย่างใดที่จะแก้ไขปัญหา เอาแต่แก้ไขปัญหาเป็นอย่างฉาบฉวย

"เพราะอะไรรู้ไหมครับ? เพราะรัฐบาลและนักการเมืองไม่ได้เข้าใจปัญหาที่แท้จริง ว่าปัญหาเหล่านี้จะนำความหายนะมาสู่บ้านเมืองของเรา สหรัฐอเมริกาต้องการให้เราอยู่ข้างเขา ถ้าไม่อยู่ข้างเขาก็ต้องทำลายเสีย เพื่อไม่ให้อีกฝั่งอีกฝ่าย คือ จีนกับรัสเซียมาใช้ประโยชน์

"ลองคิดดูนะครับที่ฟิลิปปินส์ในสมัยประธานาธิบดีคนก่อนดูแตร์เตประกาศไม่เอาสหรัฐอเมริกา ดูแตร์เตหมดอำนาจลงไป ประธานาธิบดีคนใหม่ประกาศให้จัดตั้งฐานทัพขึ้น 4 แห่ง 

"ส่วนในไทยเคยผิดหวังในการที่จะกลับมาใช้สนามบินอู่ตะเภาในสมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ เพราะกองทัพไม่เอาด้วย แต่ถ้าวันนี้อีกฝั่งอีกฝ่ายหนึ่งเกิดชนะการเลือกตั้งแน่นอนครับประเทศจะถูกเอียงไปทางสหรัฐอเมริกาและตะวันตกในทันที"

นายสนธิญาณ กล่าวถึงจุดแข็งของรัฐบาลที่ผ่านมาด้วยว่า "ในขณะที่ผ่านมาข้อดีข้อรัฐบาลไทยก็คือ การประคับประคองสถานการณ์เหมือนกับที่ผู้นำชาติเราในประวัติศาสตร์ ไม่ว่าจะเป็นพระมหากษัตริย์หรือนายกรัฐมนตรีในยุคก่อนๆ ตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 มาจนถึงสมัยยุคคอมมิวนิสต์นั้น สามารถประคับประคองสถานการณ์ของประเทศให้รอดพ้นไปได้ 

นายสนธิญาณ กล่าวถึงการเตรียมก่อความวุ่นวายของฝ่ายพ่ายแพ้ด้วยว่า "ดังนั้นที่บอกว่าถ้าไม่ชนะก็จะต้องทำลาย ผ่านการออกมาประกาศว่าจะแลนด์สไลด์ของพรรคส้มบ้าง พรรคแดงบ้าง โดยเฉพาะพรรคส้มที่สร้างโพลล์สร้างกระแสในโลกโซเชียลขึ้น แล้วถ้าไม่แลนด์สไลด์ตามที่พูด ก็ประกาศไว้ล่วงหน้าแล้วว่า "เพราะจะมีการโกงเลือกตั้ง?" แบบนี้หมายความว่าไง? หมายความว่า นั่นคือการสร้างประเด็นเงื่อนไขไว้เพื่อเตรียมที่จะก่อความวุ่นวายขึ้นหลังการเมืองหรือไม่?

"ที่ผมออกมาพูดวันนี้ ก็เพื่อจะบอกว่า หากคุณก่อความวุ่นวาย ก็จะได้เจอดีกัน ผมอยากให้ลองไปศึกษาประวัติศาสตร์ของนักศึกษาเมียนมาที่เคยก่อเหตุมาแล้วเมื่อ 20 กว่าปีก่อน ท้ายที่สุดแตกพ่าย หนีกระเซอะกระเซิงมาพึ่งพิงในประเทศไทยและไปศึกษาเรื่องที่เกิดขึ้นในเมียนมาเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมาให้ดีๆ ด้วย

'รวมไทยสร้างชาติ' แจงแล้ว เลเซอร์สะพานพระราม 8  พบ 'ทิพานัน' ทำโดยไม่ได้หารือ เรียกมาตำหนิแล้ว

(9 พ.ค. 66) จากกรณี ประเด็นการยิงเลเซอร์หาเสียงบนสะพานพระราม 8 ถูกจับตาอย่างหนักภายหลังจสก น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ แกนนำพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ได้โพสต์ภาพแสงสีบนสะพานพระราม 8 เป็นข้อความหาเสียง พร้อมระบุแคปชันว่า...

"ชัดเจนเด่นชัด สะพานพระราม 8" โดยภาพแสงสีปรากฏข้อความต่างๆ เช่น "กา 22 มั่นคง มั่งคั่ง" / "ลุงตู่ อยู่ต่อ" และ "รวมไทยสร้างชาติ"

ล่าสุด พรรครวมไทยสร้างชาติ ได้ออกมาชี้แจงโดยระบุว่า...

ตามที่ปรากฏข่าวว่ามียิงการเลเซอร์ ข้อความเชิญชวนให้เลือกหมายเลขของพรรครวมไทยสร้างชาติบนเสาสะพานพระราม 8 เมื่อคืนวันที่ 8 พฤษภาคม ที่ผ่านมานั้น พรรครวมไทยสร้างชาติขอชี้แจงว่า พรรคฯ ไม่ได้เป็นผู้ดำเนินการดังกล่าว และได้สั่งการให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงโดยเร่งด่วน

‘ชัชชาติ’ รับ!! สื่อสารพลาด ปม ‘รทสช.’ ยิงเลเซอร์หาเสียง ชี้!! ไม่ดำเนินคดี เพราะเอกสารแนบขออนุญาตมาแล้ว

‘ชัชชาติ’ ชี้ เข้าใจผิด รทสช.ฉายเลเซอร์หาเสียง สะพานพระราม 8 สั่งหยุดแล้วไม่เอาผิด บทเรียนสื่อสารคลาด ‘อ่านเอกสารไม่ละเอียด’

(9 พ.ค. 66) ที่ห้องเจ้าพระยา ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร เสาชิงช้า นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) และ นายสุพจน์ หล้าจำศิล ผอ.สำนักปกครองและทะเบียน แถลงข่าวชี้แจงข้อความหาเสียงของ พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) จากการฉายข้อความบนเสาสะพานพระราม 8 ในช่วงค่ำของเมื่อวานนี้ (8 พ.ค.) สืบเนื่องจากการที่ น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรครวมไทยสร้างชาติ ทำหนังสือส่งถึง นายขจิต ชัชวานิชย์ ปลัด กทม.ขออนุญาตใช้สถานที่ลานริมแม่น้ำสวนหลวงพระราม 8 ตั้งแต่วันที่ 8-12 พ.ค.2566 เวลา 20.00-02.00 น.ของทุกวัน พร้อมแนบรายละเอียดจุดที่ใช้งานและรูปแบบการใช้ โดยระบุว่า จะมีการฉายข้อความ ว่า “22 รวมไทยสร้างชาติ” นั้น

นายชัชชาติกล่าวว่า กทม.ไม่อนุญาตให้มีการฉายข้อความบนเสาสะพานพระราม 8 เนื่องจากไม่ได้เป็นพื้นที่อนุญาตให้หาเสียง รวมถึงส่วนของสะพานพระราม 8 อยู่ในความรับผิดชอบของสำนักการโยธา ทั้งนี้ ตามหนังสือมีการขออนุญาตใช้พื้นที่บริเวณสวนหลวงพระราม 8 และใต้สะพานพระราม 8 กทม.จึงได้อนุญาตไป เพราะนึกว่าเป็นการปราศรัยหาเสียงแบบปกติ แต่เอกสารแนบมีการระบุขอฉายข้อความ ซึ่งทางเราอาจจะดูไม่ละเอียด จึงต้องให้ความเป็นธรรมด้วย แต่เมื่อพบแล้วจึงให้ระงับการกระทำดังกล่าว

“คงไม่มีเจตนาที่ไม่ถูกต้อง ทางผู้สมัครส่งหนังสือมีการระบุขอฉายข้อความ แต่เราอาจจะเห็นตรงนี้ไม่ชัดเจน ซึ่งพอทราบเรื่องแล้วก็ไม่ได้อนุญาตให้มีการฉาย เพราะการฉายบนเสามีประเด็นเรื่องคนขับรถไปมา เรื่องความสนใจ และอยู่นอกพื้นที่ที่กำหนดไว้” นายชัชชาติกล่าว

นายชัชชาติกล่าวต่อว่า ต้องการเปิดพื้นที่ให้ประชาชนมาฟังการปราศรัยหาเสียงเป็นหลัก แต่คงไม่อนุญาตให้มีการฉายข้อความบนอาคารของ กทม. เพราะอาจจะเกิดปัญหา ทั้งนี้ ถือเป็นบทเรียนที่ต้องดูหนังสือขอต่างๆ ละเอียดให้มากขึ้น

เมื่อถามว่าจะมีการดำเนินคดีกับผู้ทำผิดหรือไม่ นายชัชชาติกล่าวว่า ไม่มีการดำเนินคดี ทุกคนมาด้วยความบริสุทธิ์ใจ ผู้สมัครก็ทำหนังสือขออนุญาตมา แต่เกิดความเข้าใจคลาดเคลื่อน ไม่คิดว่าจะมีการฉายภาพ แต่เมื่อทำแล้วก็สั่งให้หยุดการกระทำดังกล่าว

ส่วนเรื่องที่จะผิดระเบียบของ กกต.หรือไม่นั้น คงเป็นอีกเรื่อง ไม่เกี่ยวกับทาง กทม. แต่จะมีการทำหนังสือชี้แจงส่งไปทางสำนักงาน กกต.กทม.ทราบ

“ยืนยันไม่มีการลำเอียง อาจเป็นความคลาดเคลื่อนในแง่ของการสื่อสาร เป็นความผิดพลาดที่ไม่ตั้งใจ ทุกคนมีเจตนาดีที่อยากให้การปราศรัยหาเสียงเป็นไปตามที่เรากำหนดไว้” นายชัชชาติกล่าว

นายสุพจน์กล่าวว่า หนังสือฉบับดังกล่าวได้ขออนุญาตใช้พื้นที่สวนหลวงพระราม 8 ซึ่งผู้ว่าฯกทม.ประกาศเป็นพื้นที่หาเสียงอยู่แล้ว ไม่ว่าพรรคการเมือง หรือผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) สามารถมาขออนุญาตใช้ได้อยู่แล้ว โดยมีเงื่อนไขตามที่สำนักสิ่งแวดล้อมกำหนดไว้แต่ละสวน เช่น การใช้ไฟฟ้าภายในสวน ผู้มาขออนุญาตต้องชำระค่าไฟฟ้าด้วย


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top