Monday, 28 April 2025
Politics

‘นิกม์’ ผู้สมัคร ‘ภท.’ แฉ!! ‘พิธา’ ยังถือหุ้น ITV ซ้ำ!! ไม่เคยแจ้งสละหุ้น เจ้าตัวเผย ตอนอยู่ ‘อนค.’ หากตนไม่สละหุ้นสื่อ ก็คงโดนเหมือน ‘ธนาธร’

เด็ก ‘ภท.’ แฉซ้ำ!! ‘พิธา’ ยังถือหุ้น ITV ไม่ใช่ในนามผู้จัดการมรดก ยันมีชื่อคนร่วมมรดก 3 คน และยังไม่สละหุ้น ยกเคสตัวเองเปรียบเทียบ หุ้นมรดกตัวเดียวกัน แต่ดำเนินการสลักหลังให้คนอื่นเรียบร้อย ก่อนสมัครรับเลือกตั้ง แฉ ทีมกฎหมายอนาคตใหม่ เคยบอกว่า ไม่ต้องทำอะไร ดีที่ไม่ชนะเลือกตั้งคราวที่แล้ว ไม่งั้นโดนเหมือน ‘ธนาธร’

(9 พ.ค. 66) นายนิกม์ แสงศิรินาวิน ผู้สมัคร ส.ส.กทม.เขต 17 คลองสามวา พรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงกรณีที่นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ชี้แจงเรื่องหุ้น ITV ว่าเป็นเพียงผู้จัดการมรดกนั้น พบว่าในเอกสารนายพงษ์ศักดิ์ ลิ้มเจริญรัตน์ เสียชีวิตในปี 2549 (พิธีศพระหว่างวันที่ 18-24 ก.ย.2549) มีทายาทผู้มีสิทธิ์รับมรดก 3 คน คือ นางลิลฎา ลิ้มเจริญรัตน์ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ และนายภาษิณ ลิ้มเจริญรัตน์ โดยนายพิธา อ้างว่าเป็นผู้จัดการมรดก ซึ่งตามกฎหมายทายาทเป็นผู้มีสิทธิ์ได้รับมรดกจากผู้เสียชีวิต ดังนั้น หุ้น บริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) จำนวน 42,000 หุ้น จะต้องตกเป็นของทายาทในสัดส่วนเท่าๆกัน ย่อมหมายความว่านายพิธา ยังคงเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในหุ้นบริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) จำนวน 14,000 หุ้น

“ผมขอตั้งข้อสังเกตุว่านายพิธา จะอ้างว่ามิใช่เจ้าของหุ้นไม่ได้ เพราะไม่ปรากฏหลักฐานว่า นายพิธาได้สละมรดกแต่อย่างใด อีกทั้ง การสละมรดกจำต้องทำเป็นลายลักษณ์อักษรยื่นต่อเจ้าพนักงาน หรือสัญญาประนีประนอม และในประการสำคัญ หากนายพิธาสละมรดกจริง ย่อมไม่มีสิทธิ์ยื่นคำร้องเป็นผู้จัดการมรดกได้ ที่สำคัญถ้าหุ้นนี้เป็นของกองมรดกก็ต้องระบุใน บอจ.5 ว่าผู้ถือหุ้นคือ นายพิธา ในฐานะผู้จัดการมรดก” นายนิกม์ กล่าว

นายนิกม์ กล่าวว่า อย่างในกรณีของตนก็ได้รับมรดกเป็นหุ้นของ ITV เช่นเดียวกัน และตั้งแต่กรณีเรื่องหุ้นสื่อของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ เกิดขึ้น ตนก็ระมัดระวังตัวในการลงสมัครรับเลือกตั้งครั้งนี้ ตนได้ติดต่อโบรกเกอร์ ติดต่อ TSD เสียค่าธรรมเนียม ออกใบหุ้น เพื่อโอนออกจากตัวเองไปแล้ว

“เมื่อก่อนผมอยู่พรรคอนาคตใหม่ เคยนำเรื่องหุ้น ITV ไปปรึกษา ทีมกฎหมายของพรรค เขาบอกว่าไม่เป็นอะไร ไม่ต้องไปทำอะไร ซึ่งครั้งที่ผ่านมานั้น ผมได้ที่ 2 ไม่ได้เป็น ส.ส. ถ้าได้เป็นคงโดนแบบนายธนาธร ที่ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง ครั้งนี้ผมย้ายมาอยู่พรรคภูมิใจไทย เพราะเรื่องที่จะมีการแก้ไขหรือยกเลิก มาตรา 112 ซึ่งผมไม่เอาด้วย และผมเชื่อมั่นในตัวนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ในเรื่องสาธารณสุข ที่ผมเคยร่วมงานมูลนิธิด้วย” นายนิกม์ กล่าว

‘บุญระดม’ แฉ!! ‘ก้าวไกล’ จัดตั้งทีม IO เชียร์ตัวเอง ชี้!! มีกลุ่มลับคอยสั่งการเหยียบหมื่นคนทั่วประเทศ

เมื่อไม่นานมานี้ ‘บุญระดม จิตรดอน’ นักข่าวการเมืองอาวุโสชื่อดัง ได้ออกมาทำการแฉพรรคก้าวไกล ในเรื่องของขบวนการ IO พร้อมระบุว่า

แฉแหลก!! พรรคก้าวไกลจัดตั้งทีม iO ทั่วประเทศเหยียบหมื่นคน มีทั้งรูปแบบจัดคีย์เวิร์ดให้ copy & paste เมนต์เชียร์ก้าวไกลในเพจดังๆ มากันทีเป็นฝูง ๆ ระดมกระหน่ำคอมเมนต์ไปในทิศทางเดียวกัน ทั้งการคอมเมนต์รูปหัวใจสีส้ม พร้อมระบุเบอร์พรรคก้าวไกล ทำให้พรรคก้าวไกลดูเป็นกระแสของสังคม เพจดารา เพจข่าว ไม่เว้นแม้แต่เพจ sex แปะหมด!!

อีกทั้งยังมีการทำโพสต์ในรูปแบบของการเชียร์ก้าวไกล และโจมตีพรรคเพื่อไทย รูปแบบจัดตั้งหน้าม้าไปนั่งส่งเสียงเชียร์เวลาคนของก้าวไกลไปดีเบตก็มี และเมื่อมีคนมาแหกนายพิมธา ว่าเป็น ‘เด็กเลี้ยงแกะ’ กลุ่มไอโอพวกนี้ก็จะมาช่วยกันระดมรีพอร์ต

โดยกลุ่ม IO นี้ มีนายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร เป็นหัวหน้าทีม เขาจึงอภิปรายคล่องปรี๊ดว่า กองทัพและรัฐบาลจ้าง IO ให้ทำงานแบบไหน เพราะสิ่งที่คุณวิโรจน์พูด คือสิ่งที่คุณวิโรจน์ทำ พรรคที่มี IO มากเป็นอันดับ 1 คือ พรรคก้าวไกล

ซึ่งสอดคล้องกับที่มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด ที่ได้ออกมาแฉเมื่อปีก่อนโน้นว่า พรรคอนาคตใหม่ หรือ พรรคก้าวไกลในปัจจุบัน มี IO ปั่นกระแสให้มากเป็นอันดับ 2 รองจากกองทัพ

ผลโพลที่พุ่งกะทันหันเกินครึ่ง ข่าวว่าก็มาจากยุทธการ IO ปั่นเกือบหมื่น accounts นี่แหละค่ะ
 

‘อนุทิน’ เผย ‘ทักษิณ’ กลับประเทศ ไม่กระทบ รบ.ชุดปัจจุบัน ชี้ คนไทยมีสิทธิ์เข้า-ออกบ้านเกิดได้อิสระ ยัน!! ยังเคารพเหมือนเดิม

(10 พ.ค. 66) ที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวถึงประเด็นการทำงานของสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ว่าอีก 4 วันก็ถึงวันเลือกตั้งแล้ว ตอนนี้พรรคภูมิใจไทยไม่มีอะไรต้องกังวล ถ้ายังกังวลก็ต้องเตรียมตัวแพ้แล้ว พรรค ภท.เตรียมพร้อมทั้งผู้สมัครและนโยบายอยู่แล้ว ซึ่งทั้งหมดก็ขึ้นอยู่กับพี่น้องประชาชน อย่างไรก็ตาม หวังว่าพรรค ภท.จะได้รับเลือก ส.ส.เข้าสภาฯ ได้มากที่สุด

เมื่อถามถึงกรณี นายทักษิณ ชินวัตร ประกาศจะขอกลับประเทศไทย จะมีผลอย่างไรกับรัฐบาลปัจจุบัน นายอนุทินกล่าวว่า ไม่มีผลอะไร คนไทยทุกคนสามารถเดินทางกลับประเทศบ้านเกิดได้ เข้า-ออกได้อิสระ หากใครมีข้อจำกัดด้านกฎหมายก็ปฏิบัติตามกฎหมาย อย่าไปผูกทุกเรื่องกับการเมือง ซึ่งท่านเน้นว่าอยากกลับมาเลี้ยงหลาน

นายอนุทินกล่าวว่า ส่วนเรื่องการกลับมาของนายทักษิณก็ต้องไปถามท่านเอง แต่ตนยังเคารพกันเหมือนเดิม ไม่ได้ลดน้อยลง และยินดีกับนายทักษิณที่เป็นคุณตา มีหลาน 7 คนแล้ว ในขณะที่ตนยังไม่มีหลานเลย

เมื่อถามถึงหลังการเลือกตั้ง หากกลับมาเป็นรัฐบาลอีกจะยึด 3 กระทรวงเหมือนเดิมหรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า กระทรวงเป็นสถานที่ราชการไม่มีใครสามารถยึดได้ ขึ้นอยู่กับประชาชน การที่สมาชิกพรรค ภท.ได้เป็นรัฐมนตรีในแต่ละกระทรวงก็มาจากความชอบธรรม มาจากการเลือกของพี่น้องประชาชนผ่านกระบวนการเลือกตั้ง ยืนยันว่า ทุกกระทรวงดีหมด ไม่มีกระทรวงหลัก หรือกระทรวงรอง เพราะมีการจัดตั้งมานานแล้ว

‘แดงปทุมฯ’ กลับใจ!! เข็ดแล้วเลือก ส.ส.ตามกระแส ช้ำใจได้คนไม่ตรงปก เปิดใจ!! ก้าวข้ามความขัดแย้ง

หลังจากเป็นข่าวใหญ่ไปช่วงขณะหนึ่งในเขตเลือกตั้งจังหวัดปทุมธานี โดยมีกระแสข่าวจากชาวบ้านในจังหวัดที่รับไม่ได้กับพฤติกรรมของ ‘นายมนัสนันท์ หลีนวรัตน์’ ผู้สมัคร ส.ส.พรรคเพื่อไทย ที่มีพฤติกรรมกร่าง และเคยมีเรื่องทำร้ายร่างกายชาวบ้านในพื้นที่ แต่เจ้าตัวก็ได้ออกมาโพสต์เฟซบุ๊กชี้แจงถึงประเด็นการทำร้ายร่างกาย ว่าได้รับโทษตามกระบวนการยุติธรรมแล้ว รวมถึงมีการขอโทษผู้เสียหาย ชดใช้ค่าเสียหายและคดีถึงที่สุดแล้ว พร้อมทั้งบอกว่าการขุดเรื่องนี้ขึ้นมา ก็เพราะเป็นช่วงใกล้เลือกตั้ง ทำให้การสาดสีทางการเมืองเริ่มเยอะมากขึ้นเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม เกี่ยวกับเรื่องนี้ กลุ่มคนเสื้อแดงยุคใหม่ ที่ขอปรับทัศนคติเป็นคนไทยที่ ‘ก้าวข้ามความขัดแย้ง’ อาทิ คุณขนิษฐา สุทัน / คุณนฤมล ศรีโพกลาง และ คุณนนท์ จึงศักดิ์สิทธิ์ ได้เป็นตัวแทนชาวปทุมธานี ส่งเสียงกับ THE STATES TIMES ว่า...ไม่ควรให้โอกาสกับคนที่มีพฤติกรรมทำร้ายประชาชน เพราะผู้แทนหรือ ส.ส.ที่ดี แค่รักประชาชนยังทำไม่ได้ จะให้มาดูแลประชาชนได้อย่างไร

โดยคุณขนิษฐา ได้กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า “กรณีอดีต ส.ส.พรรคหนึ่ง ที่มีข่าวเรื่องตีกันทะเลาะกับชาวบ้านก่อนหน้านี้นั้น ก็ต้องบอกว่าในอดีตเขาก็มีข่าวฉาวเกี่ยวกับพฤติกรรมเช่นนี้บ่อยอยู่แล้ว แม้เจ้าตัวจะบอกว่าไม่ใช่คนที่มีประพฤติเกเรเหมือนที่หลายคนที่ส่งต่อข้อความกัน และบอกว่าคนเราอาจผิดพลาดกันได้ แต่อย่าลืมว่าคุณเป็น ส.ส.คุณเป็นที่พึ่งของประชาชน แต่สิ่งที่คุณทำมันฝังใจคนในพื้นที่ แล้วครั้งนี้ยังกล้ามาลงสมัคร ส.ส.ในเขตนี้อีกครั้ง ประชาชนที่ไหนจะหวังพึ่งพาคุณได้จริง”

ขณะที่ คุณนฤมล กล่าวว่า “สิ่งที่เกิดขึ้น มันไม่ใช่นิสัย แต่มันเรียกว่าสันดาน เพราะคนที่อยากเป็น ส.ส.ส่วนใหญ่ที่ดิฉันเคยเห็นมาทั้งชีวิต เขาเข้ามาแล้วมีความมุ่งมั่นในการดูแลประชาชน จะดูแลได้มากน้อยแค่ไหน ก็ยังทำ แต่ที่แน่ๆ ไม่เคยมีใครคิดทำร้ายประชาชนในพื้นที่ของตนเองเลย ฉะนั้นเมื่อสันดานเป็นแบบนี้ จะพัฒนาเขตและดูแลประชาชนได้ยังไง ที่สำคัญเขาชอบทำเรื่องแบบนี้ซ้ำๆ ซากๆ แล้วประชาชนคนไหนจะฝากชีวิตไว้กับคุณได้ ยิ่งไปกว่านั้น การทำตัวดี มันต้องต่อหน้าและลับหลัง”

ด้านคุณนนท์ กล่าวว่า “ผมคงไม่ขอพูดอะไรมาก คงพูดแค่ว่าวันที่ 14 นี้ ลองใช้ปลายปากกาของพวกคุณ ไปเลือกคนดี ใช้สิทธิของคุณให้เต็มที่ เลือกคนดีเข้าสภา เลือกมาดูแลพี่น้องประชาชน มาดูแลเขตบ้านเรา ให้เขามาดูแลประชาชนให้ทั่วถึง”

ท้ายสุด ทั้ง 3 ท่านยังให้ความเห็นไปในทิศทางเดียวกันอีกว่า ประชาชนทุกพื้นที่ ย่อมรู้จักคนหรือผู้สมัคร ส.ส.ในพื้นที่ดีอยู่แล้ว คนไหนดี ไม่ดี ดูไม่ยาก แต่ตอนนี้มีกระแสที่เข้ามาทำให้การมองคนเปลี่ยนไป ฉะนั้นอยากให้คนปทุมธานี และรวมถึงคนไทยที่จะเลือกผู้แทนฯ ทั้ง 400 เขต ลองเลือกคนที่เรารัก คนที่เรารู้จักคนในเขตพื้นที่นั้น ๆ ของเราอยู่แล้ว

“ช่วยกันหน่อยนะคะ เลือกคนที่รัก เลือกพรรคที่ชอบ ถ้าเขาเคยทำให้ถิ่นฐานบ้านเกิดเราดีอยู่แล้ว จะเลือกเขากลับเข้ามาก็ไม่ผิด หรือถ้าเขาเคยทำประโยชน์ใดๆ ให้พื้นที่ของเราแม้จะไม่ได้เป็น ส.ส.ก็ให้โอกาสเขา อย่าเลือกตามกระแส และอย่าเลือกคนสันดานไม่ดีเข้ามาร่วมบริหารประเทศ คนไทยร่วมกันช่วยเลือกคนดีทั้ง 400 เขตนะคะ” คุณขนิษฐา ทิ้งท้าย

‘เจ๊จุก คลองสาม’ แชร์คำบอกเล่าผู้ร่วมชุมนุมกับกลุ่มทะลุแก๊ส ชี้!! ไม่เด่นไม่ดัง ปั่นกระแสไม่ได้ นักการเมืองไม่มีทางมาช่วย

(10 พ.ค. 66) ผู้ใช้งานเฟซบุ๊ก ‘KopGap Jirapas’ ได่โพสต์ข้อความระบุว่า วันนี้มาเยี่ยมเพื่อนเราที่เรือนจำครับ ทั้งหมด 5 คน ที มาย ต๊ะ ม๊ะ แน๊ก ทุกคนกำลังใจดีมาก มีแน๊กคนเดียวที่น้ำตาซึมจะร้องไห้ เพราะน้องบอกว่ารับสารภาพไปแล้ว รอตัดสินวันที่ 31 นี้ ที่แน๊กตัดสินใจยอมรับผิด ทั้งที่เขาไม่ได้เป็นคนทำ เพราะน้องบอกว่าโดนทิ้ง ทนายที่ทำคดีก็ไม่รู้ว่าคนไหน มีทนายเข้ามาเยี่ยม ฝากให้โทรหาแม่ ทนายก็บอกว่าไม่ใช่หน้าที่ของเขา และตัดสินใจยอมรับสารภาพเพื่อหวังจะ ได้ลดโทษ 

เพื่อไม่ให้น้องรู้สึกโดดเดี่ยว ผมได้สัญญากับน้องไว้ว่า 31 นี้ผมจะปฟังคำตัดสินเป็นเพื่อนน้องที่ศาลอาญารัชดา

ต่อมาเพจ ‘เจ๊จุก คลองสาม’ ได้โพสต์ข้อความ ระบุว่า ตัดสินใจยอมรับสารภาพ เพื่อได้ลดโทษ คดีครอบครองวัตถุระเบิด 

"น้องบอกว่าโดนทิ้ง ทนายที่ทำคดีก็ไม่รู้ว่าคนไหน ทนายที่เข้าเยี่ยมบอกให้โทรหาแม่ด้วยเพราะไม่ใช่
หน้าที่เขา"

ก็นั่นสินะคะ ไม่ดังเหมือนเด็กหยก ปั่นกระแสไม่ได้ว่าเป็นคดีการเมือง นกม.ก็คงไม่มาช่วยหรอกคะ มันเจ็บจี้ดด!!!

นอกจากนี้ยังได้แชร์รูปภาพโควทคำพูดของ แน๊ค ทัตพงศ์ ผู้ต้องขังระหว่างต่อสู้คดี ที่ระบุว่า “กับการเลือกตั้ง ผู้รู้สึกเฉยๆ ไม่ได้รู้สึกอะไร อยู่ข้างในนี้มันทำอะไรไม่ได้อยู่แล้ว ผมไม่ได้คาดหวังกับการเมืองขนาดนั้น ตอนนี้ผมคิดแค่เรื่องของผมแล้้ว ไม่ได้อยากฝากคำถามถึงใคร (นักการเมือง) ด้วย ถ้าเขาอยากช่วยเหลือ เขาคงช่วยแล้ว”

ทั้งนี้ แน๊ค ทัตพงศ์ ถูกจับกุมจากม็อบช่วงประชุม APEC ตามหมายจับของศาลอาญา จากการเข้าร่วมชุมนุมกับกลุ่มทะลุแก๊สที่ถนนราชปรารภ เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน 2564 แจ้งข้อกล่าวหาเกี่ยวเนื่องกับการครอบครองวัตถุระเบิดและยุทธภัณฑ์ในช่วงการชุมนุมของทะลุแก๊ส

อดีตเพื่อนธนาธร ชี้ กรณี ‘พิธา’ ไม่มีใครกลั่นแกล้ง แค่มรดกความอ่อนด้อยทางการเมืองจากรุ่นสู่รุ่น

‘พิชิต’ อดีตเพื่อน ‘ธนาธร’ โพสต์ จากธนาธรถึงพิธา!! มรดกความอ่อนด้อยทางการเมือง ตายน้ำตื้น อย่าฝืนว่ามีใครกลั่นแกล้ง

(10 พ.ค.66) นายพิชิต ไชยมงคล แกนนำกลุ่มประชาชนคนไทย ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ‘Pichit Chaimongkol’ ระบุว่า...

มรดก

ธนาธร ก็เจอ พิษหุ้นสื่อ จนยุบพรรค นำมาสู่มีคนลงถนนในช่วงแรก ๆ

พิธา ผู้รับมรดกพรรค ทั้งที่ไม่ค่อยได้ลงทุน หรือตั๋วช้าง ฟรี (คำนี้มาจาก ปิยบุตร เอง) ก็กำลังจะตายเพราะหุ้นสื่อ

มรดกตรงนี้ เป็นมรดกของความอ่อนด้อยทางการเมือง ไม่ใช่การกลั่นแกล้งจากใคร

ปากคุณจะสร้างวาทกรรมขนาดไหน
ใจคุณรู้ว่า ไร้เดียงสาการเมือง คืออะไร
ตายน้ำตื้น อย่าฝืนว่าถูกกลั่นแกล้ง
มันเป็นมรดก ความไร้ประสบการณ์
แค่นั้นเอง...

‘หมอวรงค์’ ซัดก๊วนปล่อยหยก บุก สน.สำราญราษฎร์  การเมืองปั่นกระแส ที่ได้ ‘พรรค - NGO’ หนุนหลัง

(11 พ.ค. 66) นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม หัวหน้าพรรคไทยภักดี โพสต์ข้อความในหัวข้อ #สู้กับก้าวไกลต้องไทยภักดีเบอร์ 21 ผ่านเฟซบุ๊ก ‘วรงค์ เดชกิจวิกรม-Warong Dechgitvigrom’ โดยมีเนื้อหาระบุว่า…

‘แบม-ตะวัน’ พร้อมเพื่อนรวม 9 คน ถูกรวบตัว หลังเดินทางไปทวงถามตำรวจ สน.สำราญราษฎร์ กรณีแจ้งข้อหาเยาวชนอายุ 15 ปี (น้องหยก) เพิ่มในข้อหาความผิดตาม พ.ร.บ.โบราณสถาน ก่อนเกิดเหตุชุลมุนสาดสีและทำลายทรัพย์สินของทางราชการเสียหาย ตำรวจเจ็บ 1 นาย

ผมคิดว่าพี่น้องคงได้เห็นแล้วว่า การกระทำของน้องกลุ่มนี้จงใจสร้างเหตุ และหลังจากนี้ ก็จะมี พรรคการเมือง กลุ่มการเมือง NGO ที่เชื่อมโยงต่างชาติมากล่าวหาว่า ใช้กฏหมาย ‘รังแกเด็ก’

การเลือกตั้งรอบนี้ จึงอันตรายต่อความมั่นคง ความสงบสุขของประเทศมาก โดยเฉพาะต้องต่อสู้กับพรรคก้าวไกลในสภาผู้แทนราษฎร ในประเด็นที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งมาตรา 112

การต่อสู้กับพรรคก้าวไกล ต้องพรรคไทยภักดีเท่านั้น จึงจะสู้ได้ ไทยภักดีเบอร์ 21

‘อดีตผู้ว่าแบงก์ชาติ’ ชี้ เศรษฐกิจไทยแก้ยาก-ซับซ้อน ต้องใช้เวลา เชื่อ!! ไม่มีรัฐบาลไหนสามารถแก้ไขปัญหาได้ด้วยตัวคนเดียว

(11 พ.ค. 66) นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล ประธานกรรมการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และอดีตผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย กล่าวระหว่างการเป็นประธานเปิดงาน ‘MONEY EXPO 2023’ ว่า โลกยุคเรากําลังเผชิญปัญหาและการเปลี่ยนแปลงทางสังคมและสิ่งแวดล้อมขั้นวิกฤต และเป็นวิกฤตซ้อนวิกฤต ทั้งปัญหาโลกร้อน ความเหลื่อมล้ำ คอร์รัปชัน การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างและคุณภาพ ประชากร โรคอุบัติใหม่ หรือความก้าวหน้าอย่างรวดเร็วทางเทคโนโลยี

ดังนั้น โจทย์การพัฒนาเศรษฐกิจวันนี้ ยาก ซับซ้อน กว้างขวาง และใช้เวลา ซึ่งจะไม่มีรัฐบาลไหน หรือบุคคลใดที่วิเศษวิโสยังไงจะเข้ามาแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจได้ทันที การบรรเทาปัญหาเศรษฐกิจต้องเป็นเรื่องของทุกคน โดยเฉพาะประเด็นเศรษฐกิจใหม่ ที่ต้องเป็นเศรษฐกิจสีเขียว ดำเนินธุรกิจด้วยพลังงานสะอาด ควบคู่กับ กรีนไฟแนนซ์ให้เป็นทางรอดของเศรษฐกิจไทยในอนาคต

“การป้องกันบรรเทาความรุนแรงของปัญหา และพลิกวิกฤตให้เกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืนได้ จึงต้องเป็นเรื่องของทุกคน และการเปลี่ยนแปลงต้องเริ่มที่ตัวเรา” นายประสาร กล่าว

ด้านนายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน บอกว่า นโยบายของพรรคการเมืองที่กำลังจะเข้ามาเป็นรัฐบาลใหม่ ไม่ว่าจะเป็นมาตรการพักหนี้ หรือช่วยเหลือเอสเอ็มอี ยืนยันว่า ทางธนาคารออมสินพร้อมที่จะจัดทำมาตรการรองรับได้ ในฐานะธนาคารเพื่อสังคม

ขณะที่นายฉัตรชัย ศิริไล ผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร หรือ ธ.ก.ส. เปิดเผยว่า นโยบายพักหนี้เกษตรกรของพรรคการเมืองต่าง ๆ ที่นำเสนอกันนั้น หากเป็นส่วนที่เกี่ยวข้อบกับทางธนาคาร ก็พร้อมดำเนินการตามนโยบายได้ทันที เพียงแต่เรายังไม่เห็นรายละเอียดของโครงการ จึงต้องขอดูรายละเอียด การชดเชยค่าดำเนินการใดๆ ให้ชัดเจนก่อน เพราะเราเป็นธนาคารที่ต้องดูแลลูกค้าหลายภาคส่วน

‘กกต.’ ไม่เร่งวินิจฉัยคุณสมบัติ ‘พิธา’ ถือหุ้นสื่อ แจง!! ไม่ทันก่อนเลือกตั้ง ต้องให้ความเป็นธรรม

กกต.ไม่เร่งวินิจฉัยคุณสมบัติ ‘พิธา’ ถือหุ้นสื่อ ส่อไม่ทันก่อนเลือกตั้ง อ้างเหลือเวลาน้อย ต้องให้ความเป็นธรรม เผยมีผู้สมัครบัญชีรายชื่อหลายคนถูกฟ้องล้มละลาย เร่งหาข้อเท็จจริงเพิ่มก่อนชงศาลพิจารณา

(11 พ.ค.66) ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายแสวง บุญมี เลขาธิการ กกต.กล่าวถึงกรณีมีการร้องเรียน นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ซึ่งเป็นแคนดิเดตนายกของพรรคก้าวไกล ถือหุ้นสื่อ บมจ.ไอทีวี (ITV) ว่า ตนยังไม่เห็นคำร้อง ซึ่งเรื่องนี้เป็นการร้องเกี่ยวกับคุณสมบัติ มีขั้นตอนตามกฎหมาย มีอยู่ 3 ช่วง คือ ช่วงก่อนวันเลือกตั้ง / ช่วงหลังวันเลือกตั้ง และช่วงประกาศผลการเลือกตั้ง 

โดยก่อนการเลือกตั้ง ตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.มาตรา 61 ถ้า กกต.ตรวจสอบแล้วเห็นว่าไม่มีคุณสมบัติให้ยื่นต่อศาลฎีกาพิจารณา ซึ่งขณะนี้เหลือเวลาเพียง 2 วัน แต่หากดำเนินการไม่ทัน ภายหลังวันเลือกตั้งถ้าเห็นว่าผู้นั้นมีลักษณะต้องห้ามในการลงรับสมัครรับเลือกตั้ง กกต.ก็จะมีมติให้ดำเนินคดีอาญามาตรา 151 ฐานรู้อยู่แล้วว่าไม่มีคุณสมบัติในการสมัคร แต่ก็ยังลงสมัคร ซึ่งการดำเนินการดังกล่าว จะไม่เป็นเหตุให้นำไปสู่การไม่ประกาศผลการเลือกตั้ง 

ดังนั้น ก็ต้องประกาศผลให้เป็น ส.ส.ไปก่อน จากนั้นจะเป็นการดำเนินการภายหลังการประกาศผล ซึ่งรัฐธรรมนูญ มาตรา 82 ได้กำหนดช่องทางในการดำเนินการไว้ โดยให้ ส.ส.หรือ สว.เข้าชื่อยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญ หรือ กกต.เป็นผู้ยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญได้

เมื่อถามว่า ทำไม กกต.ไม่ยื่นเรื่องให้ศาลฎีกาพิจารณาดำเนินการก่อการเลือกตั้ง เพราะถ้ายื่นหลังการเลือกตั้งจะมีผลกระทบมากกว่านั้น นายแสวง กล่าวว่า ทุกอย่างมีกระบวนการที่ต้องให้ความเป็นธรรมกับผู้ถูกกล่าวหา เมื่อมีเรื่องร้องเรียน ดังนั้น สำนักงานก็จะมีการรวบรวมพยานหลักฐาน โดยต้องให้ผู้ถูกกล่าวหาได้ชี้แจงข้อกล่าวหาก่อนจะนำเสนอให้ กกต.พิจารณา ซึ่งต้องใช้เวลา 

อย่างเช่นวันนี้ หน่วยงานที่ กกต.ได้ขอความร่วมมือในการตรวจสอบคุณสมบัติผู้สมัครรับเลือกตั้ง แต่ล่าสุดเพิ่งจะส่งข้อมูลมาให้ และพบว่ามีผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อคนหนึ่ง ถูกศาลสั่งให้เป็นบุคคลล้มละลาย แต่ กกต.เห็นว่าจำเป็นต้องให้ความเป็นธรรม และได้ข้อเท็จจริงเป็นที่ยุติก่อน จึงให้สำนักงานไปตรวจสอบข้อเท็จจริงว่าคำสั่งล้มละลายยังมีผลอยู่หรือไม่ และผู้ถูกกล่าวหาได้มีการดำเนินการในเรื่องของการต่อสู้อย่างไรหรือไม่ จากนั้น กกต.จึงค่อยมาพิจารณาเรื่องการส่งเรื่องยื่นต่อศาล 

ฉะนั้น จึงต้องแยกเรื่องกระบวนการให้ความเป็นธรรม กับผลกระทบออกจากกันด้วย

'ชูวิทย์' ลั่น!! การเมืองปทุมธานีเเตกเเยก ผู้มีอิทธิพลครองเมือง ชาวบ้านหวาดกลัว

(12 พ.ค. 66) จากกรณีที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ลงพื้นที่ช่วยนางสาวณัฐธิดา เกียรติพัฒนาชัยผู้สมัครเขต 4 ปทุมธานีหาเสียง เมื่อวันที่ 11 พ.ค. 66 แล้วมีกรณีภาพปรากฏร่วมกับ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง นายกอบจ.ปทุมธานี จนทำให้หลายคนจับตาไปที่กระแสข่าวลือการย้ายพรรคของ 'บิ๊กแจ๊ส' แต่หลังจากนั้นไม่นานบิ๊กแจ๊สได้ออกมาตอบชัดว่าไม่ทิ้งพี่ทักษิณไปไหนแน่นอนนั้น

เกี่ยวกับเรื่องนี้ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ ได้ให้สัมภาษณ์กับ THE STATES TIME ว่า ตนรู้เรื่องปทุมธานีดี มีนักการเมืองพยายามทุ่มเงินซื้อเสียงที่ปทุมธานี เพราะต้องการวางรากฐานที่จะเข้ามายึดพื้นที่ในกรุงเทพฯ เนื่องจากการที่จะเข้ามายึดพื้นที่ในกรุงเทพฯ ได้นั้น จะต้องไปตรึงพื้นที่เขตปริมณฑลก่อน ซึ่งได้แก่ ปทุมธานี, นนทบุรี, สมุทรปราการ

ดังนั้นจะเห็นได้ว่าแผนการของพรรคการเมืองบางพรรค ซึ่งเขาไม่เคยมีฐานเสียงมาก่อน ไม่เคยมาปักหลักที่กรุงเทพฯ และปทุมธานี จึงต้องพยายามทุกวิถีทางที่จะเข้ามาปักหลักให้ได้ แต่วิธีการที่จะเข้ามา เขามาด้วยวิธีการซื้อเสียง ไม่ได้มาด้วยการเข้ามาดูแลพื้นที่ โดยการซื้อเสียงของคนพวกนี้ได้ทำการซื้อผ่านนักการเมืองท้องถิ่นให้เป็นหัวคะแนน

นายชูวิทย์ กล่าวย้ำอีกด้วยว่า นี่เป็นเรื่องจริงที่ได้มีพรรคการเมืองเข้าไปซื้อนักการเมืองท้องถิ่นจริง ซึ่งตนอยากจะฝากเตือนว่า ท่านจะอยู่ในตำแหน่งได้ไม่นาน ถ้าท่านไปเอาพรรคบางพรรค ซึ่งไม่ได้วางรากฐานแบบจริงๆ ใช้วิธีการซื้อหรือกว้านซื้อ ท้ายที่สุดแล้วถ้าเป็นแบบนี้ประชาชนในพื้นที่จะไม่เลือกท่าน

เนื่องจากพอมีพรรคการเมืองพรรคหนึ่งเข้าไปเปิดดีลลับกับนักการเมืองท้องถิ่น ก็จะเห็นได้ว่าการเมืองในจังหวัดปทุมธานีนั้นกลับมีการแข่งขันกันสูงมากขึ้นจนเห็นได้ชัด ระหว่างพรรคเพื่อไทยและพรรคภูมิใจไทย ตนไม่อยากจะเปิดข้อมูลการซื้อเสียงของจังหวัดปทุมธานีให้สื่อมวลชนดูว่ามันมีการซื้อเสียงที่เยอะมากขนาดไหน

การที่มีกลุ่มผู้มีอิทธิพลเข้ามาเกี่ยวข้องอยู่ตอนนี้ ตนอยากจะบอกว่าปทุมธานีเป็นจังหวัดที่มีอิทธิพลเยอะมาก โดยเฉพาะอิทธิพลของนักการเมืองท้องถิ่นชาวบ้านในพื้นที่กลัวมาก ถึงขนาดเวลาที่ชาวบ้านจะส่งข้อมูลมาให้ตนยังย้ำแล้วย้ำอีกให้ตนปิดข้อมูล ปิดชื่อ ปิดที่อยู่ให้ด้วย เพราะชาวบ้านที่ปทุมธานีกลัวมาก เนื่องจากชาวบ้านเขาสู้นักการเมืองท้องถิ่นไม่ได้ ไม่เชื่อลองไปสืบประวัตินักการเมืองท้องถิ่นดูแต่ละคนดูประวัติไม่ธรรมดาทั้งนั้น ตนบอกได้เลยว่าการที่จะให้ชาวบ้านแจ้งข้อมูลเบาะแส กตต.จะต้องคุ้มครองชาวบ้าน ชาวบ้านถึงจะกล้าให้ข้อมูล แต่ถ้าไม่คุ้มครองพวกเขาไม่มีชาวบ้านคนไหนกล้าให้ข้อมูลแน่นอน เพราะทุกคนกลัวโดนอุ้ม

นายชูวิทย์ กล่าวต่อว่า ตอนนี้จังหวัดปทุมธานีมีการแข่งขันกันอย่างรุนแรง มีการแบ่งฝักแบ่งฝ่ายกัน ระหว่าง ส.ส. กลุ่มเดิม กับนักการเมืองท้องถิ่นอีกกลุ่มหนึ่ง ซึ่งโดยธรรมชาติเวลาเลือกตั้งก็จะมีการแข่งขันกันอยู่แล้ว แต่ก็ไม่รุนแรงเท่ากับครั้งนี้ มันเหมือนการย้อนยุคไปในอดีต 20 - 30 ปีก่อน ตนฟันธงได้เลยว่าการเมืองในครั้งนี้ทำให้การเมืองท้องถิ่นในปทุมธานีแตกแยก

ก่อนที่นายชูวิทย์จะทิ้งท้ายถึงพล.ต.ท.คำรณวิทย์ ว่า ตนเข้าใจบิ๊กแจ๊สที่ทำตัวเป็นพ่อพระ เลือกทุกพรรครักทุกคน เนื่องจากอยู่ในสภาวะกล้ำกลืนฝืนทนซ้ายก็พวกขวาก็พวก ตนขอเตือนบิ๊กแจ๊สอย่าได้สนับสนุนใคร เพราะจะทำให้ปทุมธานีแตกเป็นเสี่ยง ๆ 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top