Tuesday, 10 June 2025
Politics

สุทธวรรณ ก้าวไกล ถามกลับ ทิพานัน ใครกันแน่อำมหิต จ้องดึงฟ้าต่ำใช้เป็นเครื่องมือทางการเมืองทุกครั้งที่มีโอกาส

นางสาว สุทธวรรณ สุบรรณ ณ. อยุธยา ส.ส.นครปฐม เขต3 พรรคก้าวไกล กล่าวถึง กรณีที่นางสาว ทิพานัน ศิริชนะ อดีตผู้สมัคร ส.ส.กทม. เขตจอมทอง-ธนบุรี และอดีตรองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่าการจัดหาวัคซีนของรัฐบาลดำเนินการมาอย่างถูกต้อง โปร่งใส รอบคอบ และมีการกล่าวถึงนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ให้หยุดพฤติกรรมอำมหิต นำกรณีวัคซีนและชีวิตความปลอดภัยของพี่น้องประชาชนมาเป็นเครื่องมือทางการเมือง

จากรณีดังกล่าว ตนเห็นว่า สาระของนางสาวทิพานันคือการจับประเด็นมาขยายความเพื่อหาพื้นที่ให้ตัวเองเท่านั้น มิได้มีประโยชน์ต่อสังคมแต่อย่างใด ทุกครั้งที่มีการสื่อสารออกมาผ่านสื่อ มีแต่ความคิดเห็นที่กล่าวโทษผู้อื่นทั้งสิ้น ความอำมหิตที่คุณ ทิพานันกล่าวนั้นดิฉันว่า คนที่อำมหิตคือผู้ที่พยายามดึงฟ้ามาต่ำต่างหาก อย่าพยามเสี้ยมสอนผู้อื่นให้รู้จักที่ต่ำที่สูง หากตัวคุณทิพานันยังดึงสถาบันพระมหากษัตริย์ มาเป็นเครื่องมือทางการเมืองทุกครั้งที่มีโอกาส ดิฉันคิดว่าน่าจะเป็นคุณทิพานันต่างหาก ที่มีความอำมหิต

อย่างไรก็ตาม อยากให้ทำความเข้าใจในสาระสำคัญที่พรรคก้าวไกลและคณะก้าวหน้า รวมถึงผู้อื่นที่ออกมาตั้งคำถามเกี่ยวกับเรื่องวัคซีนว่า การจัดซื้อวัคซีนใช้งบประมาณแผ่นดินที่มาจากภาษีประชาชน หากจะมีการตั้งคำถามเป็นเรื่องปกติที่เข้าใจได้ อีกทั้งยิ่งมีการตั้งคำถาม รัฐบาลเองยิ่งต้องเปิดเผย ชี้แจงต่อสาธารณะให้ได้ ยิ่งเปิดยิ่งโปร่งใส วัคซีนที่รัฐบาลจัดซื้อเข้ามาเป็นความหวังของพี่น้องประชาชน เป็นทางออกวิกฤติในครั้งนี้ ดังนั้นหน้าที่ของพวกคุณคือ ทำให้ชัดเจน โปร่งใส ตรวจสอบ มิใช่ไล่ชี้หน้าว่าเขาไม่จงรักภักดี หากมีความสงสัยเรื่องนี้

‘บิ๊กป๊อก’ เผย นายกฯ สั่งแก้ปัญหาจ่ายเบี้ยผู้สูงอายุซ้ำซ้อน เบื้องต้นท้องถิ่นใช้วิธีเจรจารอมชอม ให้รับผลกระทบน้อยที่สุด พร้อมเตรียมหาวิธีทางกฎหมายที่เหมาะสม

พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ให้สัมภาษณ์กรณีมีการเรียกคืนเบี้ยผู้สูงอายุ ว่า เรื่องทั้งหมดมีการจ่ายเงินซ้ำซ้อนกันเกิดขึ้น ซึ่งกรมบัญชีกลางเป็นผู้แจ้งมายังกระทรวงมหาดไทย หลังพบข้อมูลช่วงปลายปี 62 ว่ามีการจ่ายเงินผู้สูงอายุซ้ำกับคนที่เขารับเงินอื่นๆไปแล้ว พบผิดระเบียบกว่า 1.5 หมื่นคน ในหลายๆกรณี

ทั้งนี้ เป็นเรื่องทางกฎหมายที่ไม่สามารถทำได้ ส่วนกระแสที่เกิดขึ้นเพราะมีการไปสัมภาษณ์ผู้สูงอายุ ที่ลูกเสียชีวิต และเขาก็ได้รับเงินซ้ำซ้อน ซึ่งเรื่องนี้นายกรัฐมนตรีรับทราบแล้วก็จะหาทางออกด้วยกฎหมาย โดยได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องหารือร่วมกัน

ขณะนี้เบื้องต้นเราหาทางออกด้วยวิธีเจรจารอมชอม เพื่อให้ได้รับผลกระทบน้อยที่สุด แต่ทางกฎหมายได้มีคำสั่งให้หาวิธีที่เหมาะสม ต้องดูรายละเอียดกฎหมายว่าจะแก้ไขอย่างไร ในขั้นต้นท้องถิ่นใช้วิธีเจรจาไปก่อน

รมว.แรงงาน จ่อถกคลัง เยียวยาผู้ประกันตนมาตรา 33 พิจารณารูปแบบการเยียวยา รอหารือข้อสรุปที่ชัดเจน เผย มีวินัยทางการเงินการคลังอย่างดี พร้อมจะพยุงช่วยเหลือทุกคนตามสิทธิที่ประโยชน์ที่ควรได้

นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน ให้สัมภาษณ์กรณีที่มีการเรียกร้องให้เยียวยากลุ่มแรงงานที่อยู่ในระบบประกันสังคม มาตรา 33 ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 จะมีมาตรการเยียวยาหรือไม่ ว่า ผู้ประกันตนมาตราดังกล่าวมีประมาณ 11 ล้านคน ซึ่งขณะนี้เรากำลังดูว่ารูปแบบที่กระทรวงการคลังจ่ายเยียวยามีเงื่อนไขอย่างไรบ้าง ส่วนรายละเอียดขอให้รอผลสรุปก่อน

เนื่องจากต้องหารือกับทางสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติมา (สศช.) ถึงรูปแบบและวิธีการและต้องหารือกับรมว.คลัง เนื่องจากงบประมาณที่จะใช้ดำเนินงานจะเป็นของกระทรวงการคลัง แต่ขณะนี้มีแนวโน้มสัญญาณที่ดี โดยพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ก็เป็นห่วง จึงให้ไปหาวิธีการในการช่วยเหลือ

"มีนักการเมืองที่อาจจะไม่เข้าใจระบบประกันสังคม ไม่เข้าใจรัฐบาลแล้วบอกว่ารัฐบาลไม่เคยช่วยเหลือผู้ใช้แรงงานทั้งที่รัฐบาลอุดหนุนเงินกองทุนประกันสังคมปีละกว่า 4 หมื่นล้านบาท โดยไปอยู่ในกองทุนว่างงาน และกองทุนชราภาพ ซึ่งกลับไปให้กับผู้ใช้แรงงาน ที่ผ่านมาในอดีตกองทุนประกันสังคมได้รับเงินอุดหนุนจากรัฐบาล 2.75 % แต่รัฐบาลที่ผ่านมาติดค้างยาวนานมูลค่าเป็น 1 แสนล้านบาท แต่รัฐบาลนี้ได้อุดหนุนและใช้หนี้เก่าให้กองทุนมีสภาพคล่องมากขึ้น เพื่อช่วยเหลือผู้ใช้แรงงาน" นายสุชาติ กล่าว

นายสุชาติ กล่าวว่า ในการระบาดของโควิด-19 รอบแรกใช้เงินประกันสังคม 62% ในการช่วยเหลือแรงงานกว่า 9 แสนคน ครั้งนี้รัฐบาลก็พยายามที่จะช่วยเหลือเยียวยา โดยล่าสุดรัฐบาลจ่ายไปอีก 3 หมื่นกว่าล้านบาทให้กับผู้ที่ได้รับผลกระทบและปิดกิจการ โดยคำสั่งของคณะกรรมการควบคุมโรคจังหวัด ดังนั้นผู้ประกันตนในระบบไม่ต้องเป็นห่วง เรามีวินัยทางการเงินการคลังอย่างดีและจะพยุงช่วยเหลือทุกคนตามสิทธิที่ประโยชน์ที่ควรได้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับแนวทางการเยียวยาผู้ประกันตนมาตรา 33 ทางกระทรวงแรงงาน จะหารือกับกระทรวงการคลังเพื่อพิจารณารูปแบบการเยียวยา โดยเบื้องต้นคาดว่าจะจ่ายเป็นเงินให้กับผู้ประกันตน โดยมีเงื่อนไขว่าต้องเป็นผู้มีสัญชาติไทย และมีเงินฝากในบัญชีไม่เกิน 5 แสนบาท ซึ่งสอดคล้องกับเงื่อนไขที่กระทรวงการคลังจ่ายเยียวยา 7,000 บาท ทั้งนี้กรอบวงเงินที่จะเยียวยาจะต้องหารือถึงให้ได้ข้อสรุปที่ชัดเจน

พรรคกล้า เปิดตัวนักธุรกิจรุ่นใหม่ “สราวุฒิ สุวรรณรัตน์” ชิงเลือกตั้งซ่อม ส.ส.เขต 3 นครศรีธรรมราช ขณะที่หัวหน้าพรรค “กรณ์ จาติกวณิชย” ไม่หวั่นหากตกเป็นรอง ลั่นพร้อมสู้ทุกเวที ชี้เป็นเกียรติได้เปิดตัวผู้สมัครคนแรกของพรรคสู่สายตาประชาชน

นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคกล้า เปิดตัว นายสราวุฒิ สุวรรณรัตน์ เป็นว่าที่ผู้สมัครรับเลือกตั้งซ่อม ส.ส.เขต 3 จ.นครศรีธรรมราช ในนามพรรคกล้า แทนตำแหน่งที่ว่าง หลังนายเทพไท เสนพงศ์ ถูกศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้พ้นจากตำแหน่ง ส.ส.นครศรีธรรมราชไปแล้ว

โดยนายสราวุฒิ เป็นนักธุรกิจรุ่นใหม่ของจังหวัดนครศรีธรรมราช และมีบทบาทสำคัญในการส่งเครื่องถมเครื่องเงินของนครศรีธรรมราชส่งออกสู่ตลาดต่างประเทศ

ขณะที่ นายกรณ์ ย้ำว่า การเปิดตัวผู้สมัครครั้งนี้ มีความหมายของพรรค เป็นโชคและเป็นเกียรติที่ได้แนะนำตัวผู้สมัครคนแรกของพรรคกับชาวนครศรีธรรมราชและคนไทย ซึ่งพรรคกล้าตั้งใจทำให้ชาวนครศรีธรรมราชทุกคนอยู่ดีกินดี มีโอกาสก้าวหน้าในชีวิต และมีคุณภาพชีวิตที่ดี

ส่วนเขต 3 จังหวัดนครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นพื้นที่ดั้งเดิมของพรรคประชาธิปัตย์ และยังมีพรรคพลังประชารัฐ รวมถึงพรรคภูมิใจไทยส่งผู้สมัครชิง จะสู้ได้หรือไม่ นายกรณ์ ยืนยัน พรรคกล้า ลงพื้นที่เยี่ยมเยียนประชาชนมาโดยตลอดตั้งแต่เริ่มตั้งพรรค และเมื่อปรากฎสัญญาณว่าจะเลือกตั้งซ่อม ว่าที่ผู้สมัครก็ได้ลงพื้นที่และฝังตัวมาตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2563 และช่วยเหลือผู้ที่เดือดร้อนจากเหตุอุทกภัยในพื้นที่ ยืนยันว่า พรรคกล้ามีโอกาสลงพื้นที่ได้เข้มข้นกว่าหลายพรรค และการแข่งขันเป็นเรื่องปกติ พร้อมสู้ทุกพรรค เพราะมั่นใจในตัวผู้สมัคร และตัวคนนครศรีธรรมราช

เมื่อถามว่า หลายพรรคส่งตัวผู้สมัครที่เป็นคนในพื้นที่เดิมและมีประสบการณ์ด้านการเมือง แต่พรรคกล้ากลับส่งผู้สมัครที่เป็นคนรุ่นใหม่ นายกรณ์ กล่าวว่า พรรคกล้าเป็นพรรคของคนทุกวัย เชื่อว่า สังคมจะเดินหน้าไปได้อย่างเต็มศักยภาพ แม้ว่าที่ผู้สมัครจะเป็นคนรุ่นใหม่ แต่เชื่อว่า คนอยากเห็นการเมืองแนวใหม่ที่สร้างสรรค์ และมีประสบการณ์สร้างเนื้อสร้างตัวและทำมาหากินมาเป็นผู้แทนเพื่อสร้างโอกาสให้ชาวนครศรีธรรมราช จึงไม่คิดว่า คะแนนของพรรคกล้าคงไม่ใช่มาแค่คนรุ่นใหม่เท่านั้น

ส่วนการส่งตัวผู้สมัครลงชิงเก้าอี้ผู้ว่าฯ กทม. นายกรณ์ ยืนยันว่า พรรคกล้าพร้อมสู้ทุกเวที และเมื่อถึงเวลา ก็พร้อมที่จะเปิดตัว โดยที่ขณะนี้มีคนในใจแล้วแต่ขอยังไม่เปิดเผย ซึ่งเวลานี้เตรียมตัวผู้สมัคร สก.ไว้เกือบครบแล้ว และจะเดินหน้าไปเรื่อย ๆ แต่เป้าหมายสำคัญเวลานี้ คือ การเลือกตั้งซ่อม เขต 3 นครศรีธรรมราช

ดูเหมือนในโลกออนไลน์จะมีการวิพากษ์วิจารณ์ถึงที่มาของการได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ของ ส.ส.พรรคก้าวไกล ที่เดิมมีแนวทางชัดเจนว่าสนับสนุนกลุ่มม็อบราษฎร และมีท่าทีเป็นปรปักษ์ต่อสถาบันฯ แต่เหตุใดถึงยื่นเรื่องขอเครื่องราชอิสริยาภรณ์

ต่อมากลับมีข้อโต้แย้งจากสมาชิก และผู้สนับสนุนพรรคก้าวไกล โดยอ้างว่าเรื่องดังกล่าวเป็นขั้นตอนของราชการ ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือก และเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย พ.ศ. 2536 ที่ระบุว่า ประธานสภาผู้แทนราษฎรเป็นผู้เสนอรายชื่อผู้ที่สมควรขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ในส่วนของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และข้าราชการรัฐสภาฝ่ายการเมืองประจำสภาผู้แทนราษฎร โดย ส.ส.แต่ละคนไม่ได้ยื่นขอเอง

ทว่าทีมข่าวการเมือง MGR Online ก็ได้รับข้อมูลเป็นเอกสาร “แบบรับรองคุณสมบัติบุคคล ประกอบการเสนอขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ประจำปี ๒๕๖๓” ซึ่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแต่ละคนต้องกรอกเอกสารดังกล่าวด้วยลายมือตัวเอง ใน 3 ข้อ คือ 1. สถานะ 2. คำยืนยันเกี่ยวกับการไม่เคยเป็นผู้ต้องรับโทษจำคุก ไม่เคยถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดทางอาญา หรือไม่เคยเป็นผู้อยู่ระหว่างการตรวจสอบหรือชี้มูลความผิดโดยองค์กรอิสระ และ 3. คำรับรองกรณีเสนอขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ให้แก่คู่สมรส

เมื่อกรอกเอกสารดังกล่าวแล้ว ในตอนท้ายต้องลงนามรับรองว่าข้อมูลดังกล่าวเป็นความจริงทุกประการ พร้อมกับลงวันที่กำกับด้วย โดยพบว่า ส.ส.ก้าวไกลทั้ง 7 ราย ประกอบไปด้วย นายคารม พลพรกลาง, นายณัฐวุฒิ บัวประทุม, นายเท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร, นายธัญวัจน์ กมลวงศ์วัฒน์, นายพิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์, นายวาโย อัศวรุ่งเรือง และนายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร กรอกเอกสารและลงนามในช่วงวันที่ 23-24 กันยายน 2563 ที่ผ่านมา โดย ส.ส. บางคนกรอกขอเครื่องราชย์ฯ ให้กับคู่สมรสด้วย

เรื่องนี้จึงเดือดถึง ศศิพัฒน์ พงษ์ประภาพันธ์ หรือ กาณฑ์ นักเคลื่อนไหวทางการเมือง กลุ่มคนอยากเลือกตั้ง แนวร่วมคณะราษฎร 63 ที่ออกมาโพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กว่า…

นักการเมืองใครได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ เป็นเรื่องปกติ ทุกพรรคได้หมด ทุกประเทศมีเครื่องราช ยิ่งอังกฤษ นักการเมืองคนไหนมีความดีความชอบ ผลงานทำประโยชน์แก่ประชาชน ควีนเอลิซาเบธพระราชทานเครื่องราชชั้นสูง พร้อมสถาปนาบรรดาศักดิ์เป็น “อัศวิน” เลย ผู้ชายมียศนำหน้าเป็น Sir ถ้าเป็นผู้หญิงจะมียศนำหน้าด้วย Dame

แต่กลุ่มการเมืองฝ่ายซ้าย ที่แสดงออกว่าเป็นพวก anti-monarchism ชัดเจนอย่างพรรคก้าวไกล สส.กับทีมงานที่ได้เครื่องราชคือ shame on you น่าอายและน่าสมเพช เพราะเป็นผู้ทรยศต่ออุดมการณ์ พฤติกรรมที่คุณแสดงออกกับมวลชน ปากบอกสู้กับศักดินา แถมยังมาด่าพรรคเพื่อไทยว่าสู้ไปกราบไป แต่สส. พรรคส้มไปสาระแนไปขอเครื่องราชอิสริยาภรณ์ เเบบนี้เข้าข่าย “เกลียดตัวกินไข่ เกลียดปลาไหลแต่ชอบกินน้ำแกง” ในขณะที่คุณเรียกร้องการปลดแอกจากเผด็จการ คุณกลับไปขอเครื่องราชเพื่อเป็นสายรัดคอแห่งการครอบงำ แบ่งแยกคนไม่เท่ากัน เพิ่มความเหลื่อมล้ำทางชนชั้น ยอมก้มหัวอเป็นฝุ่นใต้ตีนของผู้มีอำนาเอง

ถ้าจะมาว่าเพื่อไทยขอได้ เสรีรวมไทยขอได้ ทำไมไม่ด่า พรรคฝ่านค้านคนอื่นเขาต้านเผด็จการก็จริง แต่เขาไม่แสดงออกถึงการต่อต้านระบอบกษัตริย์ เขายังยึดตามหลักการปกครองประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และไม่เคยไปทับถมพรรคคุณสักนิด ไม่ว่าพรรคคุณไม่เคยมีมารยาททางการเมืองขนาดไหนก็ตาม

ถ้าจะมาแถว่า รัฐสภาทำเรื่องให้ฟรี ประชาชนเขาไม่โง่นะ

1.) ตามกฏหมาย ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือกและอันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฏไทย พ.ศ. 2536 เขียนไว้ชัดเจน ให้สำนักงานส่งเรื่องพร้อมเอกสารประกอบการพิจารณาไปยังสำนักงานการศึกษาขั้นพื้นฐาน ก่อนวันที่ 10 พฤศจิกายน ของปีก่อนที่จะเสนอพระราชทาน

2.) ให้นับระยะเวลาถึงวันที่ 29 พฤษภาคมเป็นปีเสนอขอพระราชทาน

3.) วันที่ 28 กรกฎาคม เป็นวันพระราชทาน

รายชื่อ สส. พรรคก้าวไกลและอดีตพรรคอนาคตใหม่ที่ขอเครื่องราชอิสริยาภรณ์ มหาวชิรมงกุฏ (ชั้นสายสะพาย- ต้องเข้าวังไปรับ)

1. ) พลตำรวจตรี สุพิศาล ภักดีนฤนาถ

ประถมาภรณ์มงกุฏไทย (ชั้นสายสะพาย- ต้องเข้าวังไปรับ)

1.) นายชำนาญ จันทร์เรือง

2.) นายคำพอง เทพาคำ

3.) นายประเสริฐพงษ์ ศรนุวัตร์

4.) สุรวาท ทองบุญ

5.) อภิชาติ ศิริสุนทร

ทวีติยาภรณ์ช้างเผือก

1.)นายเอกถพ เพียรพิเศษ

ทวีติยาภรณ์มงกุฏไทย

1.) นายเกษมสันต์ มีทิพย์

2.) นายไกลก้อง ไวทยากร

3.) นางสาว กุลธิดา รุ่งเรืองเกียรติ

4.) นายขวัญเลิศ พานิชมาท

5.) นายคารม พลพรกลาง

6.) นางสาวจารุวรรณ ศรัณย์เกตุ

7.) นายจรัล คุ้มไข่น้ำ

8.) นายจิรวัฒน์ อรัณยกานนท์

9.) นายจิรัฏฐ์ ทองสุวรรณ

10.) นายเจนวิทย์ ไกรสินธุ์

11.) พ.ต.ต ชวลิต เหล่าหะอุดมพันธุ์

12.) นายณัฐพงศ์ เรืองปัญญาวุฒิ

13.) นายนิรามาน สุไลมาน

14.) นายณัฐพล สืบศักดิ์วงศ์

15.) นายณัฐวุฒิ บัวประทุม

16.) นายทวีศักดิ์ ทักษิณ

17.) นายทศพร ทองศิริ

18.) นายทองแดง เบญจปัก

19.) นายเท่าพิภพ ลิ้มจิตกร

20.) นายธัญวัจน์ กมลวงศ์วัฒน์

21.) นายปดิพัทธ์ สันติภาดา

22.) นายปริญญา ช่วยเกตุศิริรัตน์

23.) นายพิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์

24.) นายพีรเดช คำสมุทร

25.) นายมานพ ศิริภูวดล

26.) นายวรภพ วิริยะโรจน์

27.) นายวาโย อัศวรุ่งเรือง

28.) นายวินทร์ สุธีรชัย

29.) นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร

30.) นายวุฒินันท์ บุญชู

31.) นายศักดินัย นุ่มหนู

32.) นายสมเกียรติ ไชยวิสุทธิกุล

33.) นายสมเกียรติ ถนอมศิลป์

34.) นายสมชาย ฝั่งชลจิตร

35.) นายสุเทพ อู่อ้น

36.) นางสาวเยาวลักษณ์ วงศ์ประภารัตน์

37.) นางสาวณธีภัสร์ กุลเศรษฐสิทธิ์

38.) นางสาวเบญจา แสงจันทร์

39.) นางสาววรรณวิภา ไม้สน

40.) นางสาวศิริกัญญา ตันสกุล

41.) นางสาวสุทธวรรณ สุบรรณ ณ อยุธยา

นักกิจกรรมที่ล้วนโดน ม.112 เป็นสิบๆแล้ว จะทำอะไร ก็ขอให้ซื่อสัตย์ต่ออุดมการณ์ตนเองด้วยนิดนึง เลือกตั้งท้องถิ่นสอบตกทั้งประเทศ ควรมีเครดิตให้มันน่านับถือหน่อย เราสงสารติ่ง


ที่มา:

https://mgronline.com/politics/detail/9640000008232

https://www.thaipost.net/main/detail/90967

‘หมอเอก' ก้าวไกล จี้ถาม ‘อนุทิน’ สรุปเรื่องวัคซีน COVAX จะเอายังไงแน่? ในแผนบอกจะซื้อ แต่เจ้าตัวพูดเหมือนจะไม่ซื้อแล้ว? ชี้ทำสังคมสับสน

นายแพทย์เอกภพ เพียรพิเศษ ส.ส.เขต1เชียงราย พรรคก้าวไกล ระบุว่า เรื่องวัคซีนที่เป็นความหวังอาจจะเพียงหนึ่งเดียวที่จะพาเราให้หลุดออกจากความทุกข์ยากของมาตรการการจัดการโควิดของรัฐบาล ทำให้ประชาชนกลับมาทำมาหากินได้ตามปกติโดยเร็วที่สุด แต่กลับกลายเป็นเรื่องที่มีความสับสนไม่ใช่เพราะมีผู้ตั้งคำถามต่อการจัดการวัคซีนของรัฐบาลหากแต่เป็นเพราะการชี้แจงของรัฐบาลไม่ชัดเจนและข้อมูลไม่ตรงกันกับข้อมูลที่เคยนำเสนอไว้ในที่ต่างๆ

นอกจากประเด็นเรื่อง AstraZeneca กับ Siam Bioscience และเรื่องวัคซีนจีนอย่าง Sinovac แล้วนายแพทย์เอกภพยังกล่าวว่าตนมีข้อสงสัยอีกมากมายที่รัฐบาลควรต้องเปิดเผยออกมาให้ชัด ไม่ต้องให้มีคนสงสัยอีก อะไรที่ผิดพลาดก็ยอมรับว่าผิดพลาดแล้วรับผิดชอบไปซะแล้วก็เริ่มเดินหน้าจัดการให้ถูกต้อง

หนึ่งช่องทางของการได้วัคซีนที่มีหลายประเทศใช้และมีการนำเสนอในที่ประชุมกรรมาธิการสาธารณสุขเมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน 2563 คือช่องทางขององค์การอนามัยโลกที่ชื่อว่า COVAX เป็นช่องทางที่เปิดให้ประเทศผู้ซื้อมาลงทะเบียนเพื่อเสนอว่าต้องการซื้อปริมาณเท่าไหร่

จากการชี้แจงวันนั้นแจ้งว่ามีแผนจัดซื้อวัคซีนจาก COVAX รวม 26 ล้านโดสใน 3 ปี

แต่ในการแถลงช่วงหลังกลับบอกว่ายังไม่ได้มีการขอจัดซื้อวัคซีนจาก COVAX ด้วยข้ออ้างที่ว่าเขาจะให้กับประเทศรายได้น้อยก่อน

ซึ่งเมื่อเปิดดูในเอกสารของ COVAX และดูในเว็บไซต์ https://www.gavi.org/vaccineswork/covax-explained ก็ได้ข้อมูลว่า

All participating countries, regardless of income levels, will have equal access to these vaccines once they are developed.

หมายความว่า COVAX ไม่ได้มีการจำกัดว่าจะให้เฉพาะประเทศที่มีรายได้น้อย แต่เปิดโอกาสให้กับทุกประเทศที่จะเข้าถึงวัคซีนได้ โดยในเว็บไซต์ยังให้ข้อมูลว่ามี 78 ประเทศรายได้สูงเข้าร่วมในโครงการนี้ด้วย

มีอีกประเด็นที่สำคัญซึ่งนำเสนอไว้ในเว็บไซต์เป็นวันที่สำคัญ 18 กันยายน 2563 เป็นวันที่ต้องทำสัญญาเข้าร่วมโครงการ เมื่อวันที่9 ตุลาคม 2563 เป็นกำหนดการจ่ายเงินมัดจำ ซึ่งดูเหมือนว่าจนถึงปัจจุบันทางการไทยก็ยังไม่สามารถปิดดีลนี้ได้(อ้างอิงข้อมูลจาก COVAX ณ วันที่ 15 ธันวาคม 2563)

นอกจากนี้นายแพทย์เอกภพกล่าวว่าตนได้ติดตามเนื้อหาที่สุดคุณอนุทิน ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้โพสต์เมื่อวันที่ 26 มกราคม 2564 เนื้อหาตอนหนึ่งว่า “กรณีที่ประเทศไทยไม่รวมโครงการวัคซีนของ COVAX นั้น เราได้เจรจากับ COVAX มาตลอด แต่เราไม่อยู่เกณฑ์ที่เขาจะให้ฟรี COVAX ให้สิทธิแก่ประเทศยากจนที่ WHO และ GAVI ให้การสนับสนุนจำนวน 92ประเทศ แต่ไทย ถูกจัดให้เป็นประเทศที่มีฐานะปานกลาง หากเราจะร่วมกับ COVAX เราต้องซื้อราคาแพงกว่า และไม่สามารถเลือกวัคซีนจากผู้ผลิตรายใดได้ มีความไม่แน่นอนทั้ง ชนิด จำนวน และราคา รวมทั้งต้องจ่ายเงินล่วงหน้า ซึ่งไม่รู้ว่าจะได้วัคซีน เมื่อไร การที่เราจัดหาเอง และได้วัคซีนที่เหมาะสมกับการใช้ มีเงื่อนไขด้านราคาและเวลาที่ชัดเจนกว่า จะเป็นประโยชน์กับประเทศไทยมากกว่า”

การสื่อสารเช่นนี้ คุณอนุทินกำลังจะบอกว่า เราเปลี่ยนแผน และจะไม่รับวัคซีนจาก COVAX แล้วใช่หรือไม่? จะเปลี่ยนแผนเป็นอย่างไรบ้าง? หรือจะยังมุ่งหน้าเจรจาอยู่? แล้ววัคซีนที่น่าสนใจตัวหนึ่งของ Johnson&Johnson ที่ฉีดเข็มเดียวก็อยู่ใน COVAX นั้นทางเราได้มีการเจรจาตรงกับบริษัทนี้หรือไม่? ซึ่งเรื่องเหล่านี้ไม่เคยได้รับความโปร่งใสชัดเจนในข้อมูลและแผนการจากทางรัฐบาล จึงไม่แปลกใจที่ประชาชนจะไม่เชื่อมั่นรัฐบาลและเห็นว่ารัฐบาลกลับไปกลับมา ไม่มั่นคงแน่วแน่ในแนวทางการบริหารจัดการ

ผมติดตามและดูการทำงานแล้วเห็นความพยายามและความตั้งใจของนักวิจัย ความพยายามของสถาบันวัคซีน บุคลากรสาธารณสุข แต่ในความพยายามนั้นกลับไม่ได้รับการสนับสนุนจากระบบระเบียบราชการและจากผู้นำที่ไม่มีวิสัยทัศน์อย่างคุณประยุทธ์เลย นายแพทย์เอกภพกล่าว

อัยการนัดฟังคำสั่ง ‘เอกชัย’ กับพวกผิดประทุษร้ายพระราชินีหรือไม่ 25 ก.พ.นี้ ส่วน ‘สมยศ’ กับ ‘หมอลำเเบงค์’ ขึ้นปราศรัยโดนคดี 112 นัดฟังคำสั่ง 9 ก.พ. ชี้ดำเนินคดีเเบบกลั่นแกล้งให้เกิดความลำบาก ถือเป็นการใช้สิทธิกฎหมายไม่สุจริตใจ

ที่สำนักงานอัยการสูงสุด ถ.รัชดาภิเษก พนักงานสอบสวนสน.ดุสิตได้นำตัว นายเอกชัย หงส์กังวาน, นายบุญเกื้อหนุน เป้าทอง หรือฟรานซิส นักเคลื่อนไหวทางการเมือง, นายสุรนาถ แป้นประเสริฐ หรือตัน ผู้ประสานงานเครือข่ายเยาวชนลดปัจจัยเสี่ยง (Active Youth), นายชนาธิป ชัยชะยางกูร และนายภาณุภัทร ไผ่เกาะ

5 ผู้ต้องหาพร้อมความเห็นสมควรสั่งฟ้อง ในความผิดฐานประทุษร้ายต่อเสรีภาพของพระราชินีฯ ตาม ป.อาญา ม.110 กับข้อหามั่วสุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไปฯ ให้เกิดความวุ่นวาย ม.215 และกีดขวางการจราจรฯ กรณีชุมนุมใกล้ขบวนเสด็จพระราชินีเมื่อวันที่ 14 ต.ค. 2563

โดยภายหลังพนักงานอัยการสำนักงานคดีอาญา 10 ได้รับสำนวนพร้อมตัวผู้ต้องหาเเละนัดฟังคำสั่งในวันที่ 25 ก.พ.64

ขณะเดียวกัน วันนี้ที่สำนักงานอัยการสูงสุด ทางพนักงานสอบสวน สน.ชนะสงครามได้นำนาย สมยศ พฤกษาเกษมสุข เเกนนำกลุ่ม 24 มิถุนาประชาธิปไตย เเละนายปฏิภาณ สาหร่ายแย้ม หรือ หมอลำแบงค์ เเนวร่วมกลุ่มราษฎรความเห็นสมควรสั่งฟ้องคดี ในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112

นาย สมยศ กล่าวว่า วันนี้ทางพนักงานสอบสวน สน.ชนะสงครามได้ประสานนัดหมายเเจ้งว่า จะนำส่งตัวพร้อมความเห็นสมควรสั่งฟ้องคดีต่อพนักงานอัยการ โดยคดีนี้มีผู้ต้องหาจำนวนมาก เเต่ทราบว่าพนักงานสอบสวนนัดตนกับนายปฏิภาณหรือ หมอลำแบงค์ โดยตนกับหมอลำเเบงค์โดนเเจ้งข้อหาตามความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา112 จากการขึ้นเวทีปราศรัยที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เมื่อวันที่ 19 ก.ย.63 ที่ผ่านมา

ซึ่งตนเข้าใจว่าวันนี้พนักงานอัยการอาจจะมีคำสั่งเลื่อนนัดออกไป เนื่องจากตัวผู้ต้องหาไม่ครบ ตนสงสัยว่าทำไมพนักงานสอบสวนเร่งรัดคดีผิดปกติ อีกทั้งคดีนี้เดิมพนักงานสอบสวนเเจ้งข้อหาเดียวคือความผิดฐานยุยงปลุกปั่นฯ ตามมาตรา116 ซึ่งตนก็ถูกฝากขังอยู่ในเรือนจำ 20 วัน จึงได้มีการแจ้งข้อหาเพิ่มเติมคือ112 ชี้ให้เห็นว่าเป็นการดำเนินคดีเเบบกลั่นเเกล้งให้เกิดความลำบากในการใช้ชีวิต ถือเป็นการใช้สิทธิกฎหมายไม่สุจริตใจ หลายคนได้รับผลกระทบจากการเดินทางมารายงานตัว

ตนจะร้องขอความเป็นธรรมต่อพนักงานอัยการเนื่องจากข้อความที่ปราศรัยเป็นเจตนาที่ดีที่เรากำลังเรียกร้องให้มีการปฏิรูปสถาบันฯ การทำคดีนี้จึงไม่ยุติธรรม เรื่องคดี112 รัชกาลที่9 เเละ10 เองก็ไม่ประสงค์ที่จะดำเนินคดี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีก็เป็นคนพูด

พระองค์มีเมตตาไม่ประสงค์จะดำเนินคดีเเล้ววันนี้มาทำคดี จะหมายถึงว่า พล.อ.ประยุทธ์จะทำให้คดีนี้เป็นการเสื่อมเสียพระเกียรติเเละให้เกิดการเผชิญหน้าหรือไม่ ตรงนี้ที่อยากขอความเป็นธรรมกับทางสำนักงานอัยการสูงสุด

โดยภายหลังรับสำนวน ทางพนักงานอัยการได้นัดฟังคำสั่งคดีนายสมยศกับพวกในวันที่ 9 ก.พ. นี้ เวลา 10.00 น.

'สุริยะ’ เร่งบังคับใช้กฎหมายโรงงานติดตั้งระบบตรวจมลพิษ จากเดิมที่บังคับใช้ในจังหวัดระยองแห่งเดียวเท่านั้น

นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้มอบนโยบายให้กรมโรงงานอุตสาหกรรม กำชับโรงงานอุตสาหกรรมทั่วประเทศ ให้เร่งติดตั้งระบบระบบตรวจสอบการระบายมลพิษอากาศจากปล่องแบบอัตโนมัติต่อเนื่อง เพื่อแก้ปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก หรือ PM 2.5 โดยขอให้กรมโรงงานอุตสาหกรรมเร่งบังคับใช้กฎหมาย

พร้อมทั้งปรับปรุงประกาศกระทรวงฯ ที่ให้โรงงานประเภทต่างๆ ต้องติดตั้งระบบตรวจสอบคุณภาพอากาศจากปล่องแบบอัตโนมัติ พ.ศ. 2544 เพื่อให้สามารถตรวจสอบ ติดตามปริมาณการปลดปล่อยมลพิษจากโรงงานอุตสาหกรรมได้ทันที

สำหรับปัจจุบัน กรมโรงงานอุตสาหกรรม อยู่ระหว่างปรับปรุงประกาศกระทรวงฯ เพื่อขยายขอบเขตการบังคับติดตั้งระบบระบบตรวจสอบการระบายมลพิษอากาศจากปล่องแบบอัตโนมัติต่อเนื่องทั่วประเทศ คาดว่า จะประกาศใช้ได้ในต้นปี 65 โดยปัจจุบันมีโรงงานเพียง 79 แห่ง หรือ 228 ปล่อง ที่ติดตั้งระบบนี้ เบื้องต้นหากประกาศกระทรวงฯ มีผลบังคับใช้ คาดว่าจะมีโรงงานทั่วประเทศติดตั้งระบบไม่น้อยกว่า 600  แห่ง  จำนวน 1,200 ปล่อง เพิ่มเติมจากเดิมที่บังคับใช้ในจังหวัดระยองแห่งเดียวเท่านั้น

‘หมอธีระ’ แนะวิธีปฏิบัติเมื่อเปิดเรียนอีกครั้ง เน้นผู้ปกครองย้ำเด็กถึงอันตรายของโควิด-19 ต้องชินกับการรักษาความสะอาด, เว้นระยะห่าง สวมหน้ากากอนามัย และล้างมือบ่อยๆ ปฏิบัติให้คุ้นเคยจนกลายเป็น New Normal ของทุกคนในครอบครัว

รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสต์ลงเฟซบุ๊ก Thira Woratanarat ถึงการรับมือกับโควิด-19 ในช่วงใกล้เปิดเรียนอีกครั้งให้แก่ผู้ปกครองและเด็กๆ ได้ทราบว่า...

New Normal...New "Me" ของพ่อแม่ลูกเมื่อเปิดเรียน

1. ตื่นเช้ามา เช็คกันสักหน่อยว่าทุกคน"สบายดีไหม?" มีอาการไข้ ครั่นเนื้อครั่นตัว คัดจมูก จาม น้ำมูกไหล ไอ เจ็บคอบ้างไหม? จมูกดมกลิ่นได้ดี ลิ้นรับรสได้ดีนะ?

ถ้าใครไม่สบาย...ให้อยู่กับบ้าน รับผิดชอบต่อตัวเองครอบครัวและสังคม เท่ห์มาก

2. ย้ำกันเสมอ "ออกจากบ้านมีความเสี่ยงต่อโรค COVID-19" นะ รีบไปรีบกลับ ไม่เถลไถล

3. ทบทวนกันว่า ถ้า"ใช้ห้องน้ำห้องส้วมข้างนอกต้องระวัง" ก็ต้องรักษาความสะอาดดีๆ พ่อแม่และเด็กโตควรใส่หน้ากากเสมอ เด็กเล็กใส่หน้ากากไม่สะดวก ดังนั้นต้องเน้นว่าใช้ห้องน้ำห้องส้วมแล้วต้องรีบไปล้างมือทุกครั้ง

4. แจ้งกันให้ทราบทั่วกันทั้งพ่อแม่ลูก ว่าให้หลีกเลี่ยงการไปใช้ของร่วมกับคนอื่น เช่น แก้วน้ำ ช้อนส้อม ตะเกียบ โทรศัพท์ ปากกา ดินสอ ไม้บรรทัด ยางลบ หรือแม้แต่ขนมอมยิ้มก็ตามแต่

5. เน้นเด็กๆ ว่า "เจอเพื่อนฝูง ทักทายกันได้ตามสมควร แต่ให้สังเกต" ว่าเพื่อนคนไหนที่มีอาการไม่สบาย ไอ จาม ต้องหลีกมาห่างๆ ไม่ไปคลุกคลี และบอกคุณครูให้ช่วยดูแลเพื่อน

6. เตือนเด็กๆ ว่า "อย่าเอามือขยี้ ล้วง แคะ แกะ เกา บริเวณตา จมูก และปาก"

7. "เช็คอาวุธ"ประจำตัวของทุกคนก่อนออกจากบ้าน

• 1) หน้ากากผ้าหรือหน้ากากอนามัย ใส่ไว้เสมอเวลาอยู่ข้างนอก

• 2) เจลแอลกอฮอล์แบบพกพา หากลูกๆ ยังเล็ก ไม่สะดวกในการพกหรือใช้ลำบาก ก็เน้นย้ำให้ไปล้างมือบ่อยๆ และล้างทุกครั้งที่ไปจับสิ่งของสาธารณะ

8. ตอนเย็น ไปรับที่โรงเรียน เจอกันพ่อแม่ลูก อย่าเพิ่งดีใจไปกอดหอมกันให้หายคิดถึง

เจอปุ๊บ ทักทายกันก่อนว่า สบายดีไหม? ถ้าดีก็โอเค ถ้าไม่สบายก็ไถ่ถามต่อ และจัดการไปตามระเบียบ

ยัง...อย่าเพิ่งไปกอดหอมกัน ให้คุณพ่อคุณแม่ควักเจลแอลกอฮอล์มาหยดให้ทุกคนล้างมือกันก่อน หรือพากันไปล้างมือที่ห้องน้ำ

จะกอดจะหอมกันได้ เมื่อตอนกลับถึงบ้าน อาบน้ำอาบท่าเสร็จแล้วค่อยทำครับ

เหล่านี้คือ New Normal = New "Me" ที่ทั้งคุณพ่อคุณแม่และคุณลูกควรนำไปใช้ปฏิบัติในชีวิตประจำวันหลังจากเปิดเรียนนะครับ

อยากให้ทุกคนสุขภาพดี ปลอดภัยจากโรค COVID-19 ครับ


ที่มา: https://m.facebook.com/story.php?


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top