Monday, 30 June 2025
Politics

ทบ. เดินหน้านำทรัพยากรช่วยประชาชน จัดเที่ยวบินที่ 3 เครื่องบิน C-295 สานต่อภารกิจบินส่งผู้ป่วยโควิดกลับบ้าน จ.น่าน และส่งโดยรถยนต์อีก 136 คนไป จ.พิษณุโลก ตาก พิจิตร

พ.อ.หญิงศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า กองทัพบกสานต่อภารกิจใช้อากาศยานนำส่งผู้ป่วยโควิด (กลุ่มสีเขียว) กลับภูมิลำเนาด้วยเครื่องบินลำเลียงแบบ C-295 อีก 1 เที่ยวบิน ในเส้นทาง กทม. - จังหวัดน่าน โดยนำผู้ป่วยจำนวน 24 คน เดินทางจาก ฝูงบิน กองการบิน กรมการขนส่งทหารบก เขตดอนเมือง เวลา 10.00 น. ไปยังปลายทางคือท่าอากาศยานน่านนคร จ.น่าน ภายใต้มาตรฐานเวชศาสตร์การบิน และมาตรการป้องกันการแพร่กระจายเชื้อ COVID-19 ทั้งนี้ กองทัพภาคที่ 3 โดยมณฑลทหารบกที่ 38 ซึ่งเป็นส่วนรับผู้ป่วยปลายทาง ได้จัดรถบัสพร้อมรถพยาบาลและทีมแพทย์จาก รพ.ค่ายสุริยพงษ์ นำผู้ป่วยส่งต่อเข้าสู่ระบบการรักษา โดยได้ประสานความร่วมมือกับสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดน่าน และ รพ.น่าน เพื่อบริหารจัดการดูแลผู้ป่วยต่อไป

การลำเลียงผู้ป่วยทางอากาศกลับภูมิลำเนาในวันนี้ นับเป็นการใช้เครื่องบินของกองทัพบกในการส่งผู้ป่วย เป็นเที่ยวบินที่ 3 แล้วหลังจากที่กองทัพบกได้นำเครื่องบินลำเลียงแบบ C-295  พร้อมทีมแพทย์เวชศาสตร์การบิน ทำการเคลื่อนย้ายผู้ป่วย COVID-19 ที่ไม่มีอาการ(สีเขียว) จำนวน 40 คน 2 เที่ยวบิน จาก กทม.ปลายทางสนามบินนครพนม ซึ่งภารกิจดังกล่าวเป็นไปด้วยความราบรื่น ผู้ป่วยทุกรายถึงที่หมายอย่างปลอดภัย ไม่มีอาการผิดปกติอีกทั้งผู้ป่วยได้แสดงความขอบคุณกองทัพบกและเจ้าหน้าที่ทุกส่วนที่ช่วยประสานงานและอำนวยความสะดวกการเดินทางจนได้กลับถึงบ้านอย่างเรียบร้อย

นอกจากนี้ ในวันนี้กองทัพบกยังได้จัดรถยนต์โดยสารขนาดใหญ่ เดินทางไปส่งผู้ป่วยโควิด(สีเขียว)กลับภูมิลำเนาในพื้นที่ภาคเหนืออีก 3 จังหวัด อีก 136 คน ภายใต้การอำนวยการประสานการปฏิบัติของกองทัพภาคที่ 3 และกรมการขนส่งทหารบก คือ จังหวัดพิษณุโลก 96 คน ,จังหวัดพิจิตร 33 คน และจังหวัดตาก 7 คน

สำหรับภารกิจการนำส่งผู้ป่วยติดเชื้อสีเขียวกลับภูมิลำเนา ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของรัฐบาล และกองทัพบกได้ใช้ศักยภาพของยุทโธปกรณ์ที่มีประจำการ อาทิ เครื่องบินลำเลียงแบบ C-295 รถยนตร์โดยสารขนาดใหญ่รถยนต์ปิ๊กอัพ รถพยาบาล เข้าสนับสนุนการดูแลประชาชนในภารกิจดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งกำลังพิจารณานำอากาศยานประเภทอื่นที่มีความเหมาะสมมาเสริมการเคลื่อนย้ายผู้ป่วย เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการส่งผู้ป่วยกลับภูมิลำเนาให้มากขึ้น เป็นการย้ำถึงเจตนารมณ์ของ พลเอกณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบกในการนำทรัพยากรที่มีอยู่และยุทโธปกรณ์ของกองทัพบกมาใช้อย่างเต็มที่ เพื่อยืนหยัดดูแลช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนประชาชนในสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 และในทุกสถานการณ์

สำหรับผู้ป่วยที่มีความประสงค์ขอรับความช่วยเหลือในการเดินทางกลับภูมิลำเนา สามารถติดต่อได้ที่ศูนย์ประสานงานต้านภัยโควิด-19 กองทัพบก โทร 02-2705685-9 ตลอด 24 ชม.

หมอวรงค์ ชี้ ป๋าเทพช่วยดันกลุ่มคนพลังเงียบ เตือนพวกจาบจ้วง หยุดการกระทำได้แล้ว

30 ก.ค. 64 นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม รักษาการหัวหน้าพรรคไทยภักดี โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก Warong Dechgitvigrom ว่า #ปรากฏการณ์ป๋าเทพ

การแสดงออกของป๋าเทพ แค่วันเดียว ถูกกล่าวขานกันไปทั้งประเทศ เพราะอะไรหรือครับ ก็เพราะประชาชนที่คิดแบบป๋าเทพมีจำนวนมาก เพียงแต่คนส่วนใหญ่คือพลังเงียบ

ผมคิดว่า คนที่อยู่เบื้องหลังกลุ่มม็อบ ที่ออกมาป่วนประเทศ หวังให้มีการแพร่เชื้อ จาบจ้วงสถาบัน น่าจะหยุดได้แล้ว เพราะสิ่งที่ผ่านมาได้พิสูจน์แล้วว่า ประชาชนส่วนใหญ่ไม่เอาด้วย

สงสารน้อง ๆ เขา เพราะยิ่งทำยิ่งหมดอนาคต ต้องไปจบชีวิตในคุก แม้แต่ดาราที่หลงออกมา call out แทบจะเหยียบเบรกไม่ทัน เพราะคิดไม่ถึงว่า ประชาชนจีนจะออกมาต่อต้านอย่างรุนแรง

ป๋าเทพบอกว่า จบแค่ประถม 4 ป๋าเทพจึงเป็นตัวแทนของ ประชาชนธรรมดาที่ไม่ธรรมดา และผมเชื่อว่า ปรากฏการณ์ป๋าเทพ จะยิ่งทำให้คนไทยมีพลังใจ และกล้าแสดงออกมากขึ้น


ที่มา : https://www.facebook.com/therealwarong/posts/2967013406903024


โปรเด็ด! ถึง 31 ก.ค. นี้ Ford Ranger, MG ZS, Mazda 2 และ Nissan อัลเมร่า ทักไลน์ @THESHOPSTIMES

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

‘กลุ่มทะลุฟ้า’ บุก ปชป. จี้ถอนตัว ทั้งปาสีใส่ป้ายพรรค เผาหุ้น ‘ประยุทธ์’ ด้าน ‘ปูน ทะลุฟ้า’ อัดพรรคแมลงสาปไม่เคยยืนข้างปชช. เลือกตั้งครั้งหน้ารับรองตายยกรัง ได้พักยาวแน่ ด้านโฆษกปชป.  เดือด หลังพบพรรคถูกพังเละ

เมื่อวันที่ 30 ก.ค. เวลา 13.10 น. ที่หน้าพรรคประชาธิปัตย์ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กลุ่มทะลุฟ้า เดินทางมา ยื่นหนังสือถึงหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เพื่อให้ถอนตัวออกจากการร่วมรัฐบาล โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจ จากสน.บางซื่อ มาคอยดูแลรักษาความปลอดภัย โดยไม่มีเจ้าหน้าที่พรรคมารับหนังสือ เนื่องจากเป็นช่วงเวิร์กฟอร์มโฮม

ทั้งนี้เกิดความชุลมุนขึ้นเล็กน้อย เมื่อมีชายไม่ทราบฝ่าย ประมาณ 2 ราย เข้ามากล่าววาจายุยง ก่อนวิ่งหนี โดยสมาชิกกลุ่มทะลุฟ้า และเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้ทำการล้อมไว้ โดยแกนนำทะลุฟ้า ขอให้ประชาชนใจเย็น เราจะไม่ทำให้เกิดความรุนแรง ก่อนกลุ่มทะลุฟ้า มุ่งหน้าไปที่ป้ายพรรค

โดยนายนวพล ต้นงาม หรือ ‘ไดโน่ ทะลุฟ้า’ กล่าวบนรถเครื่องเสียงที่นำมาจอดบริเวณทางเข้าพรรค ว่า ป้ายข้างหน้า คือป้ายพรรคประชาธิปัตย์ เรามาปาป้ายพรรค แต่ป้ายข้างบนที่อยู่เหนือขึ้นไป อย่าไปทำ เราจะปาแต่ป้ายประชาธิปัตย์เท่านั้น เราจะราดเลือด ที่คุณไม่เคยเห็นหัว เลือดประชาชนที่ตายทุกวัน นี่อาจจะเป็นเลือดของพ่อแม่คุณ ที่ฉีดซิโนแวคแล้วตาย ประชาชนตายทุกวัน ยังนิ่งเฉย เพราะพรรคการเมืองร่วมรัฐบาลไม่เคยเห็นหัวประชาชนที่ตายทุกวันจากโรคโควิด ถ้าคุณดี เราคงไม่ทำแบบนี้ นี่คือการแสดงสัญลักษณ์ว่าเราไม่เอาแล้ว นี่คือความไม่พอใจของประชาชน คุณต้องมีวิธีการจัดหาวัคซีนที่มีคุณภาพ mRNA  และขอฝากถึง พรรคประชาธิปัตย์ ถ้ายังสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ เจอกูทะลุฟ้า วันนี้เราต้องการให้หัวหน้าพรรคมารับหนังสือกับเรา เขาก็ไม่มา

จากนั้น กลุ่มทะลุฟ้า ได้พากันปาสีแดง ที่ใช้เป็นสัญญาลักษณ์แทนเลือด ใส่ป้ายชื่อพรรคประชาธิปัตย์ และป้ายผ้ารูปนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ หัวหน้าพรรค พร้อมทั้งปาสีใส่อาคารมูลนิธิควง อภัยวงศ์ และติดกระดาษเอสี่ คำว่า ‘ค_ย’ พร้อมทั้งเผาหุ้น พล.อ.ประยุทธ์ ที่ติดสติ๊กเกอร์ คำว่า ‘พลังประชารัฐปัตย์’ ซึ่งมีโลโก้พรรคพลังประชารัฐและพระแม่ธีณีฯ อยู่ด้วย และหนังสือที่จะยื่นให้กับพรรคประชาธิปัตย์

นอกจากนั้นนายธนพัฒน์ กางเป็ง หรือ ‘ปูน ทะลุฟ้า’ กล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์ ตั้งแต่ก่อตั้งพรรคมา ไม่เคยมีช่วงเวลาไหนเลย ที่พรรคอยู่เคียงข้างประชาชน คนจึงเรียกว่าพรรคแมลงสาป เพราะทุกครั้งบอกไม่อยู่ข้างเผด็จการ แต่หลังเลือกตั้ง ก็เห็นว่ารับใช้เผด็จการมาโดยตลอด 

'รับบทขจัดทักษิณมาตลอด 20 ปี เขาอ่านเกมออกกันแล้ว เตรียมตัวนะ ในเมื่อรับบทรับใช้เผด็จการ ประชาธิปไตยของประชาธิปัตย์จะต้องหักแน่นอน ไม่มีใครเลือกคุณ พรรคแมลงสาปอย่าคิดว่าจะอยู่รอด ประชาชนนี่แหละ จะทำให้คุณตายยกรัง รับรองเลือกตั้งครั้งหน้า ประชาธิปัตย์จะพักยาว’ นายธนพัฒน์  กล่าว

ทั้งนี้ ภายหลังจากกลุ่มทะลุฟ้าได้เดินทางกลับไปแล้ว นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการกฎหมายพรรค ได้เข้าตรวจสอบความเสียหายที่ทำการพรรค โดยได้กล่าวว่า การแสดงออกของผู้ชุมนุมมกลุ่ม "ทะลุฟ้า" ที่ได้เดินทางมายังพรรคประชาธิปัตย์ ต้องบอกว่าไม่ใช่การเดินทางมาชุมนุมโดยสงบ การเดินทางมาครั้งนี้ได้มีการทำลายทรัพย์สินของพรรคให้เกิดความเสียหายเป็นอย่างมาก การปาสีใส่ทรัพย์สินของพรรคไม่ว่าจะเป็นป้ายหน้าพรรค ฝาผนัง กระจก ทุกอย่างเกิดความเสียหาย

นี่ไม่ใช่การแสดงเชิงสัญลักษณ์ที่อยู่ในกรอบของกฎหมาย เป็นการกระทำที่เกินกรอบของกฎหมายบ้านเมือง การมาเพื่อพูดคุย ปราศรัย สามารถทำได้ พรรคพร้อมรับฟังทุกเรื่อง แต่ไม่ใช่มากระทำการทำลายทรัพย์สินของพรรคแบบนี้ อยากถามกลุ่มผู้ชุมนุมเหมือนกันว่าวันนึงถ้ามีคนมาทำลายข้าวของในบ้านคุณ คุณจะยอมหรือไม่ พรรคมีความจำเป็นต้องแจ้งความดำเนินคดี อันเนื่องมาจากการทำลายทรัพย์สินของพรรคให้เกิดความเสียหาย บ้านเมืองมีกฎหมาย เรื่องนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องดำเนินการอย่างจริงจังเพื่อบังคับใช้กฎหมายให้เกิดความศักดิ์สิทธิต่อไป


โปรเด็ด! ถึง 31 ก.ค. นี้ Ford Ranger, MG ZS, Mazda 2 และ Nissan อัลเมร่า ทักไลน์ @THESHOPSTIMES

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

‘ราเมศ’ บุก แจ้งความ มวลชนทะลุฟ้าแล้ว ลั่น ‘เอาให้ถึงที่สุด’

นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ได้เดินทางไปยัง สถานีตำรวจนครบาลบางซื่อ เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับกลุ่มผู้ชุมนุม ทะลุฟ้า จากกรณีบุกรุกเข้าไปในที่ทำการพรรคและทำลายทรัพย์สิน รวมถึงการเผาหุ่นให้เกิดเพลิงใหม้ โดยน่าจะเกิดความเสียหายต่อทรัพย์สิน และความผิดอืนๆที่เกี่ยวข้อง 

นายราเมศได้กล่าวว่า การดำเนินคดี เป็นการใช้สิทธิตามกฎหมาย ตามระบบประชาธิปไตยที่กลุ่มผู้ชุมนุมพยายามเรียกร้อง การไม่เคารพความเห็นผู้อื่น การทำลายทรัพย์สินผู้อื่น การทำผิดกฎหมาย นี่คือความเป็นประชาธิปไตยหรือ ความเลวร้ายของแนวคิดนำไปสู่การกระทำที่ผิดกฎหมาย เมื่อกล้าทำผิดก็ให้กระบวนการยุติธรรมจัดการตามระบบ แล้วติดตามว่าจุดจบคดีนี้จะเป็นอย่างไร หลังจากนี้จะไปเก็บทุกอย่างโดยละเอียดยิบ เพื่อนำมามอบให้พนักงานสอบสวนต่อไป

นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ส.ส.จังหวัดพัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ข้อความระบุ 3 ข้อที่นายทักษิณไม่เปลี่ยน แนะ กลับไทย 'ต้องมีพระนำ'

30 ก.ค. 64 นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ส.ส.จังหวัดพัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กส่วนตัว ถึงนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โดยระบุว่า อดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ คนที่ยังเหมือนเดิม

ผมแอบฟัง แอบอ่าน ความเห็นของอดีตนายกฯทักษิณ ชินวัตร อยู่บ้าง เพื่อไม่ให้ตกข่าว ผมเห็นว่า ท่านอดีตนายกทักษิณ ยังไม่เปลี่ยนแปลง ใน 2-3 เรื่อง คือ

1.) ไม่ค่อยมีกัลยาณมิตรเหมือนเดิม ผมเคยพูดในสภาว่า ท่านจะพังกับคนรอบข้าง ท่านไม่มีกัลยาณมิตร คนใกล้ชิดจะได้ประโยชน์จากท่าน แต่ท่านจะไม่ได้ประโยชน์อะไรจากคนเหล่านี้เลย เพราะเมื่อถึงเวลาคนเหล่านี้จะไปหาที่ใหม่ และฝากคำพูดไว้กับท่านว่า" มันจบแล้วครับนาย" วันนี้ ก็เห็น 2-3 คนเชียร์ท่านอยู่ในคลับเฮาส์ และเวลาเชียร์ท่านนายกทักษิณ ท่านก็ของขึ้นตามแรงเชียร์ทุกครั้ง

นี่!! ท่านยังเหมือนเดิม

2.) ท่านนายกทักษิณ ยังใช้คำพูดไม่น่ารัก เวลาพูดท่านจะแสดงความเหนือชั้นและข่มคนอื่นทุกครั้ง ท่านลืมภาษิตที่ว่า "ความรู้ท่วมหัวเอาตัวไม่รอด" ความไม่น่ารักของท่าน เช่น ท่านพูดถึงคนอื่นว่า "ยังโง่เหมือนเดิม" "โง่กว่าเดิม" และผมยังเข้าใจไปว่า ท่านยังพาดพิงไปถึงพลเอกประยุทธ์ด้วย ทำนองว่า ยึดอำนาจไปแล้วคิดว่าจะฉลาด ก็ยังโง่เหมือนเดิม

อันนี้แหละ ที่ผมว่า ท่าน "ไม่น่ารัก" ไม่เป็นผู้ใหญ่ ผู้ใหญ่เขาไม่ตำหนิใครด้วยถ้อยคำรุนแรงในที่สาธารณะหรอก

3.) สุดท้ายที่ท่านนายกทักษิณพูดว่า ท่านจะกลับเมืองไทยแน่นอน และออกทางประตูหน้าที่สนามบินสุวรรณภูมิ มีสื่อมาถามผม ผมก็บอกว่า มีอยู่ 2-3 วิธี ที่ท่านมาและออกทางประตูหน้าได้ ผมลืมไปอีกวิธีหนึ่ง ที่ท่านสามารถออกทางประตูหน้าได้ คือ "ต้องมีพระนำ"


ที่มา : https://www.facebook.com/NipitPhatthalung/photos/a.580115755392887/5817237455013998/


โปรเด็ด! ถึง 31 ก.ค. นี้ Ford Ranger, MG ZS, Mazda 2 และ Nissan อัลเมร่า ทักไลน์ @THESHOPSTIMES

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

“แสนยากรณ์” ชี้ “บิ๊กตู่” รวบอำนาจจัดการโควิดครบรอบ 3 เดือน ใช้ไม่ได้ผล ถึงเวลารับฟังคนอื่น ยกข้อเสนอ “กรณ์” ออกพระราชกำหนด ปลดล็อกระบบราชการรวมศูนย์ แก้วิกฤตประเทศ อย่ารอจนให้คนมาไล่ปลดนายกฯ ทั้งประเทศ 

นายแสนยากรณ์ สิงห์วีรธรรม โฆษกพรรคกล้า กล่าวถึงการแก้ไขสถานการณ์โควิด-19 ว่า ครบรอบ 3 เดือนที่นายกรัฐมนตรีตัดสินใจแก้ปัญหาโควิด-19 ด้วยวิธีการแบบรวมศูนย์อำนาจกฎหมาย 31 ฉบับไว้ที่ตัวเอง แต่ผลลัพธ์ที่ได้กลับสวนทาง ผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นใกล้แตะหลัก 2 หมื่นคนต่อวันในเร็วๆ นี้ ถึงเวลาที่นายกรัฐมนตรีต้องยอมรับว่า ระบบราชการรวมศูนย์นอกจากไม่ใช่ทางออกแล้ว ยังเป็นอุปสรรคในสถานการณ์วิกฤต จึงขอให้นายกรัฐมนตรีรับฟังข้อเสนอของนายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคกล้า ที่เสนอให้รวบรวมปัญหาอุปสรรคที่ทำให้กระบวนการต่างๆ ล่าช้า แล้วปลดล๊อกปัญหาต่างๆ ให้มีผลทันทีด้วยการออกเป็นพระราชกำหนด และขอให้พิจารณาแนวทางนี้ในการประชุม ครม. นัดถัดไปทันที 

“ตรวจ Rapid Antigen Test พอพบว่าติดเชื้อ แต่บางโรงพยาบาลไม่รับเข้ารักษา บอกว่าต้องตรวจ RT-PCR ก่อน , หากพบว่าติดเชื้อ ควรแจกยาฟาวิพิราเวียร์ที่จุดตรวจทันที ยามีในสต๊อกเดือนสิงหาคมนี้ 40 ล้านเม็ด เดือนกันยายนอีก 40 ล้านเม็ด แต่จุดตรวจหลายที่กลับแจกยาไม่ได้ เพราะยาไปไม่ถึง , ศูนย์พักคอยชุมชนมีประโยชน์มาก แยกตัวจากครอบครัวมากักตัวในศูนย์ที่ชุมชนจัดขึ้น สกัดวงจรการระบาด แต่หลายพื้นที่ตั้งไม่ได้เพราะส่วนราชการในพื้นที่ไม่อนุญาต ทั้งที่ส่วนราชการควรเป็นตัวช่วยทำให้ศูนย์พักคอยเกิดขึ้นทุกพื้นที่ , การกระจายวัคซีนยังไม่มีประสิทธิภาพ ประชาชนโดนเลื่อนคิวหลายครั้ง ขณะที่ประเทศเพื่อนบ้านเราอย่างกัมพูชา อนุญาตให้บริษัทเอกชนสามารถยื่นขอใบอนุญาตนำเข้าวัคซีนทุกยี่ห้อที่ได้รับอนุมัติจากองค์การอนามัยโลก (WHO)แล้ว” นายแสนยากรณ์ กล่าว 

โฆษกพรรคกล้า กล่าวต่อว่า รัฐธรรมนูญหมวดหน้าที่ของรัฐ มาตรา 55 กำหนดว่า รัฐต้องดําเนินการให้ประชาชนได้รับบริการสาธารณสุขที่มีประสิทธิภาพอย่างทั่วถึง แต่หลายคนคนติดเชื้อไม่ได้เตียง บางคนตายคาบ้าน ตายข้างถนน แพทย์พยาบาลทำงานหนักจนติดเชื้อเอง เป็นสัญญาณชี้ชัดว่าระบบสาธารณสุขล้มเหลว รัฐบาลไม่สามารถทำตามรัฐธรรมนูญได้ ถึงเวลาที่นายกรัฐมนตรีควรรับฟังข้อเสนอแนะจากทุกฝ่าย โดยเฉพาะเสียงสะท้อนจากพื้นที่จริง อย่าปล่อยให้ “อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด” อย่างที่ท่านนายกฯ เคยพูดไว้ ซึ่งทางออกที่ดีที่สุดขณะนี้คือการออกพระราชกำหนด ปลดล็อกปัญหา อย่าให้ถึงขั้นออกมาไล่ปลดนายกรัฐมนตรีทั่วประเทศ

“จุรินทร์” สั่งผ่าน คกก.พัฒนาเด็กและเยาวชนแห่งชาติให้ทุกหน่วยรับฟังข้อเสนอสมัชชาเยาวชน ต้องรายงานความคืบหน้าการช่วยแก้ปัญหาทุก 3 เดือน

นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเปิดเผยว่า เมื่อวานนี้ (30ก.ค.) มีการประชุมคณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาเด็กและเยาวชนแห่งชาติ (กดยช.) โดยนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ที่ประชุมมีมติเห็นชอบข้อเสนอของสมัชชาการพัฒนาเด็กและเยาวชนแห่งชาติ และของสมัชชาเด็กและเยาวชนแห่งชาติ ประจำปี 2563 ซึ่งประกอบด้วย การพัฒนาคนรุ่นใหม่ให้มีความสนใจในการรับราชการ การพัฒนาตลาดสินค้าออนไลน์เพื่อผู้ประกอบการรุ่นเยาว์ การสร้างโอกาสทางอาชีพให้กลุ่มเปราะบาง การปรับหลักสูตรเพศศึกษา กฎ ระเบียบในสถานศึกษาให้สอดคล้องกับความหลากหลายและการเปลี่ยนแปลงของสังคม พิจารณาให้สิทธิเด็กและเยาวชนกลุ่มชาติพันธุ์เข้าถึงการกู้ยืมเงินจากกองทุนเพื่อการศึกษา เปิดโอกาสให้นักเรียนนอกระบบสามารถใช้ประสบการณ์การทำงานเทียบเท่าเป็นหน่วยกิตบางวิชาในสถานศึกษา เป็นต้น

มากไปกว่านั้น ที่ประชุมยังได้รับทราบการรายงานสถานการณ์ด้านเด็กและเยาวชน จากกรมกิจการเด็กและเยาวชน กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ซึ่งพบแนวโน้มและปัญหา อาทิ เด็กไม่ได้อาศัยอยู่กับพ่อและแม่มากขึ้น เนื่องจากพ่อแม่ทำงานอยู่คนละจังหวัดจึงต้องให้ลูกอยู่กับปู่ย่าตายาย ภาวะโรคอ้วน เด็กรู้ไม่เท่าทันสื่อออนไลน์ ติดเกมส์ ติดพนัน โรคซึมเศร้าในกลุ่มเยาวชนอายุ18-25 ปี และล่าสุดข้อมูลของไตรมาสแรกปีนี้ รายงานว่า เด็กไทยถูกจัดเป็นอันดับสองของโลกรองจากญี่ปุ่น กว่า 91% เคยถูกกลั่นแกล้งรังแก ด้วยการตบหัว ล้อชื่อพ่อแม่ โดนดูถูก พูดจาเหยียบหยาม 

นางสาวรัชดา กล่าวเพิ่มว่า คณะกรรมการได้ติดตามการดำเนินการของหน่วยงานต่างๆในการแก้ปัญหาดังกล่าว ซึ่งหลายเรื่องจะสำเร็จได้ต้องสร้างความตระหนักในสังคมและครอบครัวถึงภัยใกล้ตัวและแนวทางที่ถูกต้องในการดูแลเด็กและเยาวชนในยุคปัจจุบัน ขณะเดียวกัน เพื่อให้ให้การขับเคลื่อนงานด้านนี้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ มีส่วนร่วมและครอบคลุมคนทุกกลุ่ม มุ่งเป้าสร้างคนรุ่นใหม่เป็นคนดีมีคุณภาพ นายจุรินทร์ ได้สั่งการให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับข้อเสนอของสมัชชาเด็กและเยาวชน  และให้รายงานความคืบหน้าของการดำเนินการและการแก้ปัญหาต่อคณะกรรมการทราบทุกสามเดือน

“บิ๊กบี้” ส่ง “สธน.ทบ.” แจ้งความดำเนินดคี เพจเฟกนิวส์ กุข่าวปฎิวัติ ระบุ เป็นการสร้างเรื่องหวังให้เกิด ความวุ่นวาย ทำปชช.ตื่นตระหนก 

รายงานข่าวว่า จากกรณี ที่ได้มีการปล่อยข่าวเผยแพร่ลงในโซเซียลมีเดีย อ้างว่าผู้บัญชาการทหารบก ได้ทําการรัฐประหาร และนํากําลังทหารเข้าควบคุมบุคคลสําคัญแล้วซึ่งข่าวดังกล่าว “เป็นข่าวเท็จ” เป็นการสร้างเรื่องหวังให้เกิด ความวุ่นวายในสังคม เป็นการกระทําท่ีผิดกฎหมาย ทําลายชื่อเสียงของกองทัพและรัฐบาล ทางพล.อ.ณรงค์พันธุ์ จิตตแก้วแท้  ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ได้มอบให้ พล.ต.บุรินทร์ ทองประไพ ผู้อํานวยการสํานักงานพระธรรมนูญทหารบก (ผอ.สธน.ทบ.) เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้องกับการเผยแพร่ข่าวอันเป็นเท็จ

โดยพล.ต.บุรินทร์ ได้เดินทางเข้าแจ้งความร้องทุกข์ /กล่าวโทษ์ กับทางพนักงานสอบสวน กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) 
ว่า เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 30 ก.ค. 64 กองทัพบก ได้ตรวจสอบ พบว่า
มีผู้ใช้บัญชีเฟซบุ๊กระบุชื่อ "Nathapong Akkara" ได้กระทำการนำเข้าสู่ระบบซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของประเทศ ความปลอดภัยสาธารณะ ความมั่นคงในทางเศรษฐกิจของประเทศ หรือโครงสร้างพื้นฐานอันเป็นประโยชน์ สาธารณะของประเทศ หรือก่อให้เกิดความตื่นตระหนกแก่ประชาชน ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำ ความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 มาตรา 14 (2 ) และความผิดอื่นที่เกี่ยวข้อง กับทางเจ้าของเพจเฟซบุ๊กระบุชื่อ "Nathapong Akkara" และหรือผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในการกระทำผิด อาทิ การแชร์ข้อมูลอันเป็นเท็จ เพื่อให้ได้รับโทษตามกฎหมาย ต่อไป

“เสกสกล” ซัด “ณัฐวุฒิ” หยุดพล่ามการเมือง ชี้ รอประเทศพ้นวิกฤตโควิดก่อนค่อยว่ากัน วอน ให้ใจหมอ-ปชช.ย้อน หรืออยากลงถนนได้รางวัลตอบแทนอีกครั้ง

นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.)โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กพาดพิงถึงนายกรัฐมนตรี โดยเรียกร้องให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ลาออกทันที หลังจากนั้นให้สภาผู้แทนราษฎรเลือกนายกฯจากบัญชีว่าที่นายกฯที่มีอยู่ถ้าไม่ได้นายกฯด้วยวิธีแรกให้ดำเนินการตามรัฐธรรมนูญมาตรา 272 วรรคสอง ส.ว.ต้องร่วมโหวตเพื่อเปิดทางให้มีนายกฯจากคนนอกบัญชีเพื่อทำเรื่องเร่งด่วนคือแก้ปัญหาโควิด แก้ไขรัฐธรรมนูญให้มีสภาร่างรัฐธรรมนูญ(ส.ส.ร.) และให้ตัดอำนาจส.ว.เลือกนายกฯ ว่า

ฟังแนวคิดของนายณัฐวุฒิ แล้วเศร้าใจ ที่พยายามทำทุกวิถีทางที่จะล้มรัฐบาลนี้ให้ได้  แต่ในที่สุดก็เข้าแบบเดิมคืออยากแก้ไขรัฐธรรมนูญ เปลี่ยนนายกฯ ใช้ความเพลี่ยงพล้ำจากวิกฤตโควิดมาซ้ำเติมประเทศแทนที่จะเห็นใจ ช่วยเหลือดูแลประชาชน เหมือนอย่างที่คนอื่น หรือศิลปิน ดารา หลายคนทำ เช่นเอาข้าว เอาน้ำ ยารักษาโรคไปช่วยเหลือ หรือซื้อเครื่องมือทางการแพทย์ ดีกว่าใช้ปากพูดเพราะจะเป็นประโยชน์กว่า และขอร้องให้พักเรื่องการเมืองไว้ก่อนรอให้ผ่านพ้นวิกฤตโควิด ถึงเวลานั้นอยากจะพูดอะไรก็พูดเลยที่เป็นข้อเท็จจริง ซึ่งนายณัฐวุฒิ น่าจะรู้ดีว่าอะไรจริง อะไรเท็จ พูดจริงเป็นอย่างไร พูดเท็จผลคืออะไร อย่าได้คะนองปากในช่วงที่ประชาชนกำลังลำบาก และบุคคลากรทางการแพทย์กำลังทำงานอย่างหนักในตอนนี้ เพราะฉะนั้นอย่ามาแซะกันเรื่องทางการเมืองในตอนนี้

นายเสกสกล กล่าวว่า ยืนยันว่านายกฯ ไม่ท้อและไม่ทิ้งงานที่บริหารแน่นอน และยังประชุมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะทีมแพทย์ทุกวัน พยายามหาวิธีแก้ปัญหาตลอด ไม่ได้มีเวลามารับฟังเรื่องที่คนที่ไม่ได้ใช้สมองคิดออกมาพ่นน้ำลาย หรือคิดแต่เรื่องแก้รัฐธรรมนูญจนประชาชนเบื่อหน่าย ถ้านายณัฐวุฒิ หยุดคิดริษยาจะเป็นคุณูปการต่อประเทศอย่างมาก หรือคงอยากจะลงถนนให้บ้านเมืองหายนะอีกเพราะลงแล้วแกนนำได้รางวัลต่างตอบแทนเป็นรัฐมนตรีถึงสองกระทรวงฯก้าวข้ามศพประชาชนคนเสื้อแดง ไปเอาตำแหน่งเสนาบดีใหญ่โต ยังหวังจะใช้แผนเดิมเพื่อจะได้กลับมารับรางวัลตอบแทนอีกใช่หรือไม่ 

“อยากบอกว่าประวัติบางครั้งก็ไม่ได้บันทึกซ้ำรอยเสมอไป อย่าคิดว่ามวลชนจะรู้ไม่ทันว่าใครสู้แล้วรวย ใครสู้แล้วได้ดิบได้ดี เอาตัวรอด แต่คนที่เจ็บและชอกช้ำที่สุดคือมวลชน ที่ถูกหลอกมาบาดเจ็บล้มตายบนท้องถนน ทอดทิ้งมวลชนอย่างเจ็บปวดหัวใจ ถ้าอยากรู้อะไรดีๆว่าจริงหรือไม่ให้ไปถามนายสมหวัง อัสราษี อดีตเหรัญญิกนปช.เอาเอง ว่าถูกกรมสรรพกร เรียกเก็บภาษี 572 ล้านจนยอมล้มละลาย สาเหตุเป็นเพราะอะไร”

“รองโฆษกปชป.” คาดมีคนคอยให้ท้าย “กลุ่มทะลุฟ้า” มีคดีที่ไรไปประกันตัวทุกที 

นายชัยชนะ เดชเดโช ส.ส.นครศรีธรรมราช และรองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการชุมนุมของกลุ่มทะลุฟ้า เพื่อเรียกร้องให้พรรคประชาธิปัตย์ ถอนตัวจากการร่วมรัฐบาล โดยกลุ่มผู้ชุมนุมมีพฤติกรรมทำลายทรัพย์สิน ป้ายสีตัวอาคาร และก่อความเดือดร้อนรำคาญให้กับประชาชนทั่วไปว่า พฤติกรรมที่เกิดขึ้นทั้งหมด ตนเห็นว่า สวนทางกับสิ่งที่ผู้ชุมนุมพยายามบอกคนทั่วไปว่า เป็นผู้รักประชาธิปไตยและไม่ต้องการการเมืองแบบเดิมๆ แต่สิ่งที่ปรากฏให้เห็นอยู่เป็นระยะๆ ตั้งแต่ที่เริ่มจัดกิจกรรมตั้งแต่เดือนสิงหาคม 63 จนถึงตอนนี้ กลับเป็นการสร้างความไม่สบายใจและเอือมระอาต่อผู้คนในสังคม เพราะนอกจากจุดยืนที่ไม่สามารถเป็นไปได้แล้ว ยังมีข่าวเป็นระยะๆ ในเรื่องของความขัดแย้งของมวลชนด้วยกันเอง และการไม่ยอมฟังความคิดเห็นของคนอื่น ซึ่งถ้าคนรุ่นใหม่รักประชาธิปไตยที่แท้จริงแล้ว จะต้องเคารพในสิทธิเสรีภาพของตนเองและความแตกต่างของผู้อื่น หาทางประสานประโยชน์ระหว่างกัน ไม่ใช่ไปไล่กดดันให้คนอื่น คิดเหมือนตนเอง ซึ่งนั่นไม่ต่างอะไรกับคนเอาแต่ใจ ที่เป็นแนวทางไปสู่ความคิดที่เป็นเผด็จการในเวลาต่อมาได้  
      
“เหตุการณ์ที่เกิดกับพรรคประชาธิปัตย์ พรรคพลังประชารัฐ และพรรคภูมิใจไทย ผมคาดว่าจะต้องมีคนคอยให้ท้ายแน่นอน ที่ผ่านมาปรากฏว่า พอมีการดำเนินคดีก็จะมีบุคคลที่คุ้นหน้าคุ้นตากันดีในวงการเมือง ไปประกันตัวออกมา รวมทั้งใช้จุดอ่อนเรื่องสถานภาพการเป็นนักศึกษาหรือเยาวชน มาเป็นเกราะกำบัง ซึ่งทำให้กลุ่มผู้ชุมนุมบางส่วนได้ใจ ทำให้มีการกระทำที่ผิดกฎหมายและเกิดเหตุทำลายทรัพย์สินบ่อยครั้งขึ้น ดังนั้นผมอยากให้ผู้ชุมนุมหรือน้องๆเยาวชน ที่รักประชาธิปไตยอย่างแท้จริง โปรดใช้วิจารณญาณในการพิจารณาข่าวสารและพฤติกรรมของนักการเมือง โดยเฉพาะนักการเมืองที่สนับสนุนอยู่นั้น ได้ปฏิบัติตนตามหลักประชาธิปไตยหรือช่วยเหลือดูแลประชาชนหรือไม่ เพราะผมเชื่อว่าน้องๆเยาวชนหรือแม้แต่คนในสังคม ต่างก็อยากให้ปัญหาการเมืองไปแก้ไขกันในพื้นที่ที่ถูกที่ควร”นายชัยชนะ กล่าว          นายชัยชนะ กล่าวต่อว่าในเมื่อผู้ชุมนุม กระทำการอันเกินขอบเขตการใช้สิทธิเสรีภาพทางการเมือง มีการละเมิดทรัพย์สินและสวัสดิภาพของประชาชน รวมทั้งฝ่าฝืนข้อกำหนดตาม พ.ร.ก. ฉุกเฉินฯ เพื่อควบคุมการระบาดของโควิด-19 ทางพรรคฯ  ก็ได้ดำเนินการแจ้งความและจะดำเนินคดีอย่างถึงที่สุด เพื่อให้กฎหมายมีความศักดิ์สิทธิ์และไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างแก่บุคคลอื่นๆ ที่คิดจะล้ำเส้นโดยใช้สิทธิเกินเลยตามที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้ ยืนยันว่า สถานการณ์ที่เกิดขึ้นในปัจจุบันนี้ ทางพรรคฯ ไม่ได้คิดเรื่องการเมือง เพราะยังมีปัญหาของประชาชนมากมายรอให้ทางพรรคประชาธิปัตย์แก้ไขอยู่


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top