Monday, 30 June 2025
Politics

‘บิ๊กตู่’ ยืนยันรัฐบาลดูแลประชาชนทุกมิติ ย้ำระบบสาธารณสุขไทยมีประสิทธิภาพ ลั่นจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด ไม่ท้อ ไม่ถอดใจลาออก วอนฝ่ายการเมืองอย่าซ้ำเติมปัญหา ไม่บิดเบือนข้อมูลข่าวสาร ร่วมกันเป็นกำลังใจให้บุคลากรทางการแพทย์และเจ้าหน้าที่ทุกฝ่าย

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ยืนยัน ยังไม่คิดถอดใจในการทำหน้าที่ เพราะไม่ใช่เวลา และยังเดินหน้าทำงานหนักต่อเนื่อง และคิดว่าได้ทำงานอย่างดีที่สุดแล้ว พร้อมกับรับฟังเสียงประชาชน รวมถึงติดตามสถานการณ์จากคณะแพทย์และสาธารณสุข ซึ่งก็เห็นใจเพราะบางคนทำงานต่อเนื่องมา 60 วัน โดยไม่มีวันพัก และได้สั่งการให้ไปดูแลในการเบิกค่าเบี้ยเลี้ยงเพิ่มเติมตามระเบียบราชการ รวมถึงเจ้าหน้าที่ทุกฝ่าย พร้อมกับขอร้องนักการเมืองอย่านำเรื่องสถานการณ์โควิดมาเป็นประเด็นทางการเมืองเพื่อสร้างความเกลียดชังกัน เพราะขณะนี้ประเทศชาติมีปัญหา

“ผมเห็นใจ ผมเสียใจ และพยายามแก้ไขปัญหาอุปสรรคที่มีมากมาย นายกฯ ก็ยินดีทำหน้าที่ให้ดีที่สุด และต้องเป็นความร่วมมือระหว่างกัน ด้วยข้อมูล ด้วยข้อเท็จจริงต่าง ๆ ที่ตรงกัน ถึงจะแก้ปัญหาได้…นายกฯ ไม่เคยท้อ แต่ก็เสียใจกับคนที่สูญเสีย และให้กำลังใจกับคนที่ทำงาน อย่าท้อแท้”

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ยอมรับว่า มีความกังวลใจต่อกรณีผู้ป่วยติดเชื้อรอรับการรักษาตัวอยู่ที่บ้าน ซึ่งอาจไม่สามารถโทรศัพท์ติดต่อหน่วยงานต่าง ๆ ได้ เพราะมีคนใช้บริการเป็นจำนวนมากในแต่ละวัน แต่วันนี้ได้มีการปลดล็อกและเปิดช่องทางการติดต่อให้มากขึ้น และมอบหมายให้กสทช. มาช่วยดูแลเรื่องการให้บริการฟรีในการติดต่อด้านสาธารณสุขแล้ว

นายกรัฐมนตรี ย้ำว่า ศบค.ยังถือเป็นกลไกหนึ่งที่มีความสำคัญ ซึ่งเป็นการบูรณาการการทำงานของทุกกระทรวงและให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสามารถทำงานตามอำนาจหน้าที่ของตัวเองได้ เพราะหากมีเพียงกระทรวงสาธารณสุขเพียงอย่างเดียว ก็จะติดขัดในข้อกฎหมายหากต้องขอความร่วมมือจากหน่วยงานอื่น ๆ จึงเป็นที่มาที่ต้องออกพรก.ฉุกเฉิน

ส่วนแนวทางการจัดหาวัคซีนเพิ่มเติมนั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข ยืนยันว่า ในเดือนสิงหาคมจะดีขึ้น ซึ่งในหลายประเทศยังมีปัญหาเรื่องการสั่งจองวัคซีนเช่นกัน เพราะประเทศผู้ผลิตวัคซีนก็มีขีดความสามารถในการผลิต เพราะมีหลายประเทศสั่งจองเหมือนกัน

ส่วนโรงงานผลิตวัคซีนในไทย เป็นการรับออเดอร์โดยการถ่ายทอดเทคโนโลยีมา ซึ่งบริษัทแม่จะเป็นผู้บริหารจัดการและจัดส่งในอาเซียน ซึ่งวัคซีนที่เข้ามาต้องมีการตรวจสอบมาตรฐานทุกยี่ห้อก่อนจะกระจายส่งมอบ และแต่ละจังหวัดจะได้รับการฉีดตามสถานการณ์การแพร่ระบาด และขอร้องอย่ามัวจับผิดกันเลย

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในเรื่องวัคซีนยังได้ให้กระทรวงการต่างประเทศช่วยเร่งเจรจาอีกทางหนึ่งกับบริษัทผู้ผลิตที่จะติดต่อจัดหาซื้อเพิ่มเติม หากสามารถนำเข้าได้จริงและมีคุณภาพพร้อมที่จะปลดล็อกการนำเข้าและให้ผ่านมาตรฐานกระทรวงสาธารณสุข โดยเปิดรับทุกยี่ห้อ และยืนยันว่า วัคซีนไฟเซอร์จากสหรัฐอเมริกาจะมาในวันที่ 30 ก.ค.

พร้อมยืนยันว่า ศูนย์ฉีดวัคซีนกลางบางซื่อ ไม่ได้มีปัญหาในระดับผู้บริหาร แต่มีปัญหาภายนอกคือ มีประชาชนรอรับการฉีดวัคซีนเป็นจำนวนมากและเกิดภาพความแออัด ซึ่งต้องมีการเร่งการฉีดวัคซีนให้รวดเร็ว โดยเฉพาะกลุ่มผู้บริการ ทั้งพนักงานขับรถ การส่งไปรษณีย์ การส่งอาหาร ส่วนการปิดร้านอาหารในห้างสรรพสินค้า เนื่องจากทางคณะแพทย์มีความเป็นห่วง เพราะยังมีพบการแอบรับประทานอาหาร และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อยู่

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ยังระบุด้วยว่า ได้เสนอในการประชุมกับทางผู้ว่าราชการ 12 จังหวัดเมื่อวานนี้ว่า ควรจะมีจัดตั้งหมู่บ้านสีฟ้าเกิดขึ้น โดยให้ชุมชนดูแลกันเองให้เกิดความเข้มแข็ง เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับประชาชน รวมถึงการเร่งการเบิกจ่ายช่วยเหลือบุคลากรทางการแพทย์


โปรเด็ด! ถึง 31 ก.ค. นี้ Ford Ranger, MG ZS, Mazda 2 และ Nissan อัลเมร่า ทักไลน์ @THESHOPSTIMES

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

"แรมโบ้"จวก"ปลดแอกภูเก็ต” วางผ้าเปื้อนสีเลือด เป็นคนไทยหรือเปล่า บี้ จนท.ใช้กฎหมายเข้มเอาผิดคนเลวทราม ทำปชช.เดือดร้อน ปลุกชาวภูเก็ตประนาม 

นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวกรณีที่กลุ่มปลดแอกภูเก็ต ออกมาสร้างความปั่นป่วนให้ชาวภูเก็ต โดยนำผ้าขาวมัน คล้ายผ้าห่อศพ ใช้สีแดงทาให้เหมือนเปื้อนเลือด ไปวางตามจุดต่างๆ เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 29 ก.ค.ที่ผ่านมา ว่า เป็นการกระทำที่ไร้สามัญสำนึกของความเป็นคน เอาเรื่องของความเป็นความตายมาล้อเล่น ในขณะที่จังหวัดภูเก็ต กำลังเปิดรับนักท่องเที่ยว ผู้ประกอบการของจังหวัดภูเก็ต ที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 จะได้กลับมาประกอบอาชีพได้ตามปกติ  แทนที่กลุ่มคนเหล่านี้จะช่วยกันสร้างบรรยากาศที่ดี เพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยว ทำให้ประชาชนคนภูเก็ตมีรายได้และมีชีวิตที่ดีขึ้น แต่คนเหล่านี้คอยซ้ำเติมทำให้สถานการณ์แย่ลง เพราะหวังผลทางการเมือง ไม่อยากให้รัฐบาล ทำกิจกรรมภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ ได้สำเร็จ เพราะหวั่นว่าพวกตนเองจะเสียคะแนนนิยม ถ้ารัฐบาลทำสำเร็จให้คนภูเก็ตมีเศรษฐกิจรายได้มากขึ้น ถือเป็นความคิดที่ชั่วช้าต่ำทรามที่สุด

นายเสกสกล กล่าวว่า การกระทำของคนกลุ่มนี้ทำให้เห็นได้ชัดว่าเป็นพวกถ่วงความเจริญ ของบ้านของเมือง ด้วยการเอาคำว่าประชาธิปไตยมาแอบอ้าง การเคลื่อนไหวก็มีกลุ่มการเมืองอยู่เบื้องหลัง เช่น การจัดคาร์ม็อบ จนชาวภูเก็ตจำนวนหนึ่งไม่อดทน ต้องออกมาขับไล่พวกป่วนบ้านป่วนเมือง และท้ายที่สุดก็มีคนออกมาแฉว่ามีบรรดาที่ปรึกษาของ ส.ส.พรรคก้าวไกลบางคน เป็นผู้อยู่เบื้องหลังกิจกรรมดังกล่าว ถึงแม้บรรดาคนเหล่านั้นจะออกมาบอกว่า เป็นเพียงผู้สังเกตุการณ์ แต่ฟังไม่ขึ้น ทุกวันนี้จะเห็นได้ว่าเกิดม็อบแต่ละครั้งก็จะมีส.ส.พรรคก้าวไกลไปร่วมอยู่ด้วยเสมอ และเมื่อแกนนำม็อบถูกจับ ก็จะมี ส.ส.พรรคนี้คอยวิ่งประกันตัวทุกครั้ง หัวหน้าพรรคก้าวไกลจึงต้องคอยตักเตือนสส.หรือคนในพรรคด้วยอย่าได้ไปเกี่ยวข้องกับกิจกรรมเช่นนี้ จะทำให้พรรคเสียหายได้ 

"การกระทำเลวๆที่ชัดเจนเช่นนี้ หวังเพื่อแอบอ้างเรียกร้องประชาธิปไตยบังหน้า คือการโกหกตอแหลพี่น้องคนไทย ขณะที่นายกฯและรัฐบาลตั้งใจจะช่วยคนภูเก็ตให้มีชีวิตใหม่ มีชีวิตที่ดีขึ้น คนเลวพวกนี้กับมาขัดขวาง เป็นตัวถ่วงความเจริญ ตนจึงขอวิงวอนให้คนภูเก็ตและคนไทยที่รักความถูกต้องได้ประณามพวกเลวชาติชั่วเหล่านี้ อย่าให้มีที่ยืนในสังคมและขอเรียกร้องให้ทางผู้ว่าฯภูเก็ตและเจ้าหน้าที่ตำรวจได้บังคับใช้กฎหมายดำเนินคดีกับผู้ที่อยู่เบื้องหลังผู้ที่สนับสนุนและกลุ่มคนสารเลวกลุ่มนี้ที่ขัดขวางการทำมาหากินของพี่น้องชาวภูเก็ต ย่ำยีหัวใจคนภูเก็ตเกินไป กลุ่มนี้คงไม่ใช่เลือดเนื้อเชื้อไขคนไทยอย่างแน่นอนจิตใจจึงโหดเหี้ยมอำมหิตเช่นนี้  ควรรีบเอาไปเข้าคุกเข้าตารางโดยเร็ว เพื่อชดใช้ในการกระทำที่เลวระยำที่สุดในครั้งนี้"

ราเมศ รวมนักกฎหมาย ช่วยครอบครัวผู้เสียชีวิตจากโควิด เรื่องทรัพย์สิน จัดการมรดก และด้านกฎหมายทุกเรื่อง

นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์ ได้กล่าวถึงการให้ความช่วยเหลือครอบครัวของพี่น้องประชาชนที่เสียชีวิตจากไวรัสโควิด 19 ว่า

จากเมื่อครั้งที่มีกรณีบริษัทประกันภัยบอกเลิกกรมธรรม์ประกันภัยโควิด ตนได้ประกาศรวมนักกฎหมายกันกว่า 180 คน ขณะนี้มียอดรวม 240 คน ที่เป็นนักกฎหมายอยู่ทั่วประเทศทุกจังหวัด เพื่อเตรียมช่วยประชาชนที่ได้รับผลกระทบในขณะนั้น จากการออกมาเรียกร้องและช่วยกันหลายภาคส่วนบริษัทประกันภัยก็ถอย ยกเลิกการดำเนินการดังกล่าว 

ขณะนี้เมื่อเห็นจำนวนผู้เสียชีวิต ก็มีกรณีที่ครอบครัวผู้เสียชีวิตต้องดำเนินการจัดการในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับกฎหมายภายหลังคนในครอบครัวที่ได้เสียชีวิต ไม่ว่าจะเป็น ภาระหนี้สิน เรื่องสัญญาต่างๆที่ผู้เสียชีวิตอาจจะทำไว้ เรื่องการจัดการทรัพย์สิน คือการจัดการมรดก และเรื่องที่เกี่ยวข้องด้านกฎหมาย 
ในส่วนของคณะกรรมการกฎหมายพรรค ได้ร่วมกับกลุ่มนักกฎหมายกลุ่มดังกล่าวกว่า 240 คน ทั่วทั้งประเทศ ร่วมกันเพื่อให้ความช่วยเหลือด้านกฎหมายปรึกษาด้านกฎหมาย ร้องจัดการมรดก และเรื่องอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย ประชาชนสามารถใช้บริการผ่านทางโทรศัพท์ ได้โดยไม่ต้องเดินทางมาที่ทำการพรรค โดยติดต่อ ได้ที่เบอร์โทรศัพท์กลาง  091-401-7777 095-458-2444  0813599703 
ทุกจังหวัดจะมีนักกฎหมายที่พร้อมให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มที่

นายราเมศกล่าวต่อว่า  การดำเนินการทั้งหมดจะมี ศูนย์บริการกฎหมายสู้ภัยโควิด 19 เป็นหลักในการเป็นศูนย์กลางซึ่งพรรคได้เปิดบริการให้กับประชาชนผู้ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัส โควิด 19 ตั้งแต่ วันที่ 30 มีนาคม 2563  ซึ่งให้บริการประชาชนมานานแล้ว ด้วยมีเจตนารมณ์ต้องการร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือประชาชนในสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งความเดือดร้อนของประชาชนในเรื่องกฎหมายบางคนต้องถูกเลิกจ้าง ถูกพักงานเนื่องจากกิจการได้ปิดลงชั่วคราวหรือถึงขั้นถูกฟ้องคดี เพราะมีปัญหาหนี้สิน รวมถึงการมีปัญหาในการเข้าถึงสิทธิต่างๆของรัฐที่ประชาชนพึ่งมีพึ่งได้ หรือบางรายมีหนี้สินเมื่อไม่มีรายได้ก็ต้องการประนอมหนี้หรือชะลอคดีไว้ก่อน รวมถึงปัญหาข้อร้องเรียนในเรื่องต่างๆ
ศูนย์บริการกฎหมายจะให้ความช่วยเหลือให้คำปรึกษากับประชาชน โดยมีทีมนักกฎหมาย ที่ทำหน้าที่ให้คำปรึกษา การรับสิทธิ การเข้าถึงสิทธิอันพึงมีพึงได้ การประนอมหนี้ การหยุดงาน การเลิกจ้างการถูกฟ้องคดีต่างๆพร้อมทั้งให้คำแนะนำการปฏิบัติตนในสภาวการณ์ในช่วงที่มีการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน รวมถึงรับฟังแลกเปลี่ยนทุกเรื่องที่เกี่ยวกับสถานการณ์ช่วงการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19"

นายราเมศ กล่าวตอนท้ายว่า สถานการณ์ของประเทศช่วงนี้ ไม่มีสิ่งไหนดีไปกว่าการช่วยกันคนละไม้ละมือ ช่วยเหลือตามกำลังที่ทุกคนสามารถช่วยได้ เราทุกคนจะผ่านสถานการณ์นี้ไปด้วยกัน

“ชวน”ยันทุกฝ่ายต้องช่วยกัน หาวัคซีนป้องกันโควิด หลังประสานประธานสภาฯ จีน ช่วยสนับสนุนวัคซีนรุ่นใหม่ให้ไทย ชี้! เมื่อไม่มีวัคซีนก็ต้องป้องกัน เผยเดือน ก.ค.สภาฯติดโควิดแล้ว 16 คน  

ที่รัฐสภา นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีการประสานกับประธานสภาประชาชนแห่งชาติ สาธารณรัฐประชาชนจีน เพื่อขอวัคซีนซิโนฟาร์ม ว่า เป็นการคุยกันทั้งสองฝ่าย ซึ่งมีประเด็นในเรื่องอื่นๆ ด้วยแต่ที่เสนอในนามของฝ่ายไทย มี 3 เรื่อง คือ 1.เรื่องนักเรียนไทย ซึ่งเป็นเรื่องที่ทางกระทรวงต่างประเทศทำอยู่ 2.เรื่องสายการบิน ซึ่งเป็นเรื่องชองฝ่ายบริหาร แต่เมื่อมีโอกาส จึงได้ขอให้ประธานสภาประชาชนแห่งชาติจีนติดตามเรื่องนี้ให้ด้วย และ 3.เรื่องของวัคซีน ซึ่งต้องขอขอบคุณที่ในยามยากลำบากจีนได้แสดงความเป็นมิตรแท้ ในยามที่เรามีปัญหาได้จัดส่งวัคซีนมาช่วยเราจำนวนมาก แต่ในขณะนี้สถานการณ์ในประเทศเรายังมีความรุนแรงอยู่ จึงได้ขอความกรุณาประธานสภาฯ จีน ดังนั้น ถ้าเป็นไปได้ขอให้ช่วยสนับสนุนให้จีนส่งวัคซีนรุ่นใหม่มาช่วยประเทศไทยเพิ่มขึ้น เผื่อว่าประธานสภาฯ จีนจะได้มีโอกาสได้คุยกับผู้บริหารของรัฐบาลจีน ซึ่งเรื่องเหล่านี้ได้คุยกันเมื่อ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาแล้วแต่ยังไม่ได้รับรายงานกลับมาว่าทางจีนจะบริจาควัคซีนให้อีกหรือไม่ เพราะเป็นการฝากให้ประธานสภาฯ จีนช่วยสนับสนุนเท่านั้น ซึ่งเราก็ได้บอกเขาไปตรงๆ ว่าขณะนี้ประเทศเป็นช่วงเวลาที่มีความต้องการวัคซีนสูง เพราะวัคซีนเราไม่พอ 

เมื่อถามว่า วัคซีนที่ขอไปคือซิโนฟาร์มใช่หรือไม่ นายชวน กล่าวว่า ไม่ได้ระบุว่าเป็นวัคซีนชนิดใด เพียงแต่บอกว่าอยากได้วัคซีนรุ่นใหม่ที่จะมาช่วยประเทศไทย และที่ผ่านมาจีนก็ช่วยประเทศไทยมามากแล้ว ช่วยมากกว่าทุกประเทศ แต่เราก็ยังไม่พอ ซึ่งก็เหมือนกับกรณีขอวัคซีนไฟเซอร์จากสหรัฐฯ ก็เป็นเรื่องที่เพื่อนที่สหรัฐฯส่งข่าวมา และเรื่องนี้ทาง รมว.ต่างประเทศ บอกว่าทำมาก่อนแล้ว แต่ยังไม่สำเร็จเป็นรูปธรรม นอกจากนั้นยังมีหมอที่สหรัฐฯได้โทรศัพท์มาหาตนว่าวัคซีนของ สหรัฐฯที่เหลืออยู่มากเป็นการกระจายไปยังรัฐต่างๆ จึงไม่ใช่ของง่าย แต่สิ่งที่เขาช่วยมาส่วนหนึ่งแน่นอนอยู่แล้ว ซึ่งรัฐบาลก็ทำมาก่อนอยู่แล้ว ดังนั้นมีทางไหนที่จะหาทางช่วยกันได้เราก็ต้องช่วยกัน เพราะในต่างประเทศเขาไม่รู้ว่าเรามีปัญหาในเรื่องความต้องการวัคซีน ต่อไปหากวัคซีนมีมากขึ้นความหมายก็จะน้อยลง แต่ตอนนี้วัคซีนมีความหมายมาก อย่างไรก็ตามวัคซีนไฟเซอร์อีก 1 ล้านโดสที่จะส่งตามมานั้น ตนไม่คิดว่าจะเป็นส่วนที่ได้ประสานไปแต่เป็นเรื่องที่เขาได้ติดต่อกันอยู่แล้ว แต่พวกเราติดต่อในวงนอก

“เมื่อเราพยายามช่วยกันให้เกิดความเร่งด่วนหลังจากนี้วัคซีนออกมามากความต้องการก็จะน้อยลง แต่ตอนนี้พี่น้องประชาชนเขาต้องการวัคซีนจึงเป็นช่วงสำคัญที่ทุกคนต้องช่วยกัน เพราะเป็นภาระของทุกฝ่าย ถึงแม้จะเป็นภาระหน้าที่โดยตรงของรัฐบาล แต่ในฐานะนิติบัญญัติมีทางไหนที่เราจะช่วยเสริมได้ เพื่อช่วยแก้ปัญหาให้ประชาชนได้รับการดูแลทั่วถึงมากขึ้น อย่างเมื่อวาน(29 ก.ค.)ผมได้ฉีดวัคซีนเข็มที่ 2 มา ก็ได้มีการพูดคุยกับแพทย์และผู้หลักผู้ใหญ่ ซึ่งก็ให้พยายามช่วยรณรงค์ว่าอย่าไปคิดว่าเมื่อวัคซีนไม่มีแล้วจะต้องติดเชื้อ แต่ทุกคนต้องป้องกันให้มาก” นายชวน กล่าว 

นายชวน กล่าวต่อว่า ตนจึงย้ำเน้นในเรื่องการสวมหน้ากากอนามัย โดยเฉพาะในหน่วยงานอย่าให้ติดโดยเด็ดขาด แม้กระทั่งในสภาฯ เพียงเดือน ก.ค.มีผู้ติดเชื้อ 16 คน แต่ทั้ง 16 คนทางเลขาธิการสภาฯ ดูอย่างเข้มข้นไม่ให้เข้ามาในสภา ส่วนใหญ่ไม่ได้ติดจากสภาฯ แต่ติดจากญาติพี่น้อง รายล่าสุดเป็นนิติกร เมื่อดูไทม์ไลน์แล้วสันนิษฐานว่าน่าจะติดจากตอนไปตลาด ดังนั้นที่สภาฯถึงอย่างไรก็ต้องทำให้เข้มที่สุดเพราะต้องมีการประชุมสภาฯ เราหนีไม่พ้น จะต้องพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปี 65 จึงต้องพยายามให้เกิดความปลอดภัยที่สุด เท่าที่จะสามารถเป็นไปได้ในขณะที่ข้างนอกมีการติดเชื้อเพิ่มขึ้น ข้างในสภาฯก็ไม่ได้หมายความว่าจะปลอดโปร่งอยู่ฝ่ายเดียว จึงเป็นเรื่องที่ไม่แแปลกที่จะมีคนติดเชื้อเพิ่มขึ้น เพียงแต่เมื่อติดแล้วขอให้รู้ตัวและสะกัดคนๆ นั้นไว้ ไม่ให้สัมผัสกับคนอื่น

'ยิ่งลักษณ์' อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความแสดงความห่วงใยพี่น้องประชาชนไทยในภาวะสถานการณ์การระบาดโรคโควิด-19

นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์เฟซบุ๊ก Yingluck Shinawatra ระบุว่า ดิฉันได้เฝ้าติดตามสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 ในไทยด้วยความเป็นห่วงมาโดยตลอดค่ะ จึงขอส่งกำลังใจให้พี่น้องประชาชนรวมถึงบุคลากรด่านหน้าไปจนถึงทีมงานสนับสนุนทุกท่าน ทุกคนทำงานอย่างเหน็ดเหนื่อย ดิฉันขอไม่วิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นเพราะอะไรที่นำพาประเทศเรามาถึงภาวะการณ์เช่นนี้ ได้แต่ขอภาวนาให้ระดับนโยบายทำในสิ่งที่ถูกที่ควร เพื่อให้คนไทยได้มีชีวิตความเป็นอยู่ทางสาธารณสุขที่ปลอดภัยที่สุด

ดิฉันกังวลค่ะว่าวิกฤติที่เกิดขึ้นกำลังทำลายระบบเศรษฐกิจ และคุณภาพชีวิตของพี่น้องประชาชนอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน มาตรการของภาครัฐทำให้ประชาชนจำนวนมากขาดอาชีพ ขาดรายได้ และมีความเสี่ยงตกงานเพิ่มขึ้น หนี้ครัวเรือนพุ่งไม่หยุด ผู้ประกอบการทั้งรายย่อย รายเล็ก รายกลาง แม้แต่รายใหญ่ในหลายธุรกิจ กำลังเผชิญกับภาวะขาดรายได้ ขาดสภาพคล่อง

ขณะที่หลายโรงงานในภาคส่งออกที่เป็นเครื่องจักรเดียวของเศรษฐกิจมีผู้ติดเชื้อเป็นหลักพัน ส่งผลกระทบไปทั้งห่วงโซ่อุปทานการผลิต เสี่ยงลามไปถึงระบบธนาคารที่เป็นหัวใจ และเส้นเลือดของระบบเศรษฐกิจ เพราะเมื่อรายได้หดหายลง การชำระเงินต้นและดอกเบี้ยก็จะยากมากขึ้น

ในอดีตภาคการเกษตรเคยเป็นที่หลบภัยของผู้ตกงาน แต่ในวันนี้กำลังอ่อนแออย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ราคาสินค้าเกษตรหลัก ๆ ตกต่ำแทบทุกผลผลิต การผลักคนกลับสู่ต่างจังหวัดไม่ทำให้อะไรดีขึ้นเพราะคนไม่มีหนทางทำกิน ทุกคนจนลง สวนทางกับค่าครองชีพทั้งสินค้าอุปโภคบริโภค สาธารณูปโภค รวมไปถึงราคาเชื้อเพลิงกลับทะยานสูงขึ้น

ขณะที่การลงทุนทางตรงทั้งจากธุรกิจไทยและต่างชาติที่เคยหวังว่าจะก่อให้เกิดการจ้างงานใหม่แก่ผู้จบการศึกษา ยังมองไม่เห็นอนาคตเพราะต้องรอจนกว่าความเชื่อมั่นจะกลับมา นอกจากนี้ปัญหาความอ่อนแอทางการคลังทั้งของรัฐบาลกลาง และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น คงทำให้ประชาชน ภาคเอกชน ต้องหันมาพึ่งพิงตัวเอง และพึ่งพากันและกันเป็นหลัก

ดิฉันขอส่งความห่วงใยไปยังครอบครัวของผู้สูญเสียและร่วมเป็นแรงใจให้คนไทยผ่านพ้นความยากลำบากทั้งความปลอดภัยจากโรคร้ายและภัยทางเศรษฐกิจที่กำลังรุมเร้าไปให้ได้นะคะ ดิฉันมั่นใจค่ะว่าในทุกวิกฤติยังมีความหวังและโอกาส หากประเทศเรามีผู้นำและรัฐบาลที่มีวิสัยทัศน์ แต่สถานการณ์ในปัจจุบันประเทศต้องการมืออาชีพเข้ามาแก้ไขปัญหา พร้อมกับจัดหาวัคซีนที่สามารถรับมือกับเชื้อกลายพันธุ์อย่างเร่งด่วน และต้องไม่ลืมที่จะดูแลเยียวยาประชาชนที่กำลังหายใจรวยรินเพราะพิษเศรษฐกิจจากการบริหารผิดพลาดของรัฐบาล

ดิฉันหวังว่าวันนั้นจะมาถึงเร็ว ๆ ค่ะ


ที่มา : https://www.facebook.com/Y.Shinawatra/photos/a.201001219944341/4579207935456959


โปรเด็ด! ถึง 31 ก.ค. นี้ Ford Ranger, MG ZS, Mazda 2 และ Nissan อัลเมร่า ทักไลน์ @THESHOPSTIMES

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

"ยุทธพงศ์" ร้อง "ประธานสภาฯ" สอบ ถอยเบนซ์ 5 ล้าน ขณะเป็นกมธ.งบ 65 ก่อนบรรจุวาระ 2-3

ที่รัฐสภา นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ในฐานะคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2565 ยื่นหนังสือถึง นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ผ่านนายสมบูรณ์ อุทัยเวียนกุล เลขานุการประธานสภาผู้แทนราษฎร เรื่อง ขอให้ตรวจสอบนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ในฐานะกมธ.งบประมาณฯ ในสัดส่วนพรรคพลังประชารัฐ กรณีได้รับรถเมอร์ซิเดสเบนซ์หรูป้ายแดง มูลค่า 5 ล้านบาท ในขณะปฏิบัติหน้าที่เป็นกมธ.งบประมาณฯ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 144 ที่ถือเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ

นายยุทธพงศ์ กล่าวว่า เนื่องจากนายเรืองไกรได้โพสต์รูปคู่กับรถเมอร์ซิเดสเบนซ์ เมื่อวันที่ 18 ก.ค. ที่ผ่านมา พร้อมระบุข้อความว่า มีผู้ใหญ่ใจดีให้เงินซื้อรถใหม่เอาไว้ใช้ตามใจที่อยากได้ s 560 ป้ายแดง เลข 8807 ซึ่งปรากฏให้เห็นตามข่าว ต่อมาวันที่ 19 ก.ค. นายเรืองไกรยังให้รายละเอียดข้อมูลดังกล่าวเกี่ยวกับผู้ใหญ่ใจดีถึงการเจรจาต่อรองเรื่องเงินสด 20-30 ล้านบาท หรือผู้ใหญ่ใจดีจะให้เป็นรถยนต์แก่นายเรืองไกร และนายเรืองไกรยังได้ยอมรับในรายการเจาะลึกทั่วไทยโดยอ้างถึงผู้ใหญ่ใจดี แต่ต้องการปกปิดชื่อและสถานะของผู้ให้ทรัพย์สินดังกล่าว ตนจึงอยากให้ตรวจสอบว่าเงินสดจำนวน 5 ล้านบาทได้มาอย่างไร ได้มาอย่างโปร่งใสหรือไม่ เกี่ยวข้องกับการพิจารณางบประมาณฯ หรือไม่ และได้แจ้งธุรกรรมทางการเงินกับ ปปง. หรือไม่

"นายเรืองไกรเป็นนักตรวจสอบ ตรวจสอบคนอื่นมาเยอะ ก่อนจะไปตรวจสอบคนอื่นก็ควรปัดกวาดบ้านตัวเองให้สะอาดก่อน" นายยุทธพงศ์ กล่าว

นายยุทธพงษ์ กล่าวต่อว่า สาเหตุที่ตนมายื่นเรื่องต่อนายชวนนั้น เนื่องจากนายชวนเป็นผู้บรรจุระเบียบวาระการประชุม ซึ่งหลังจากที่ นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง ในฐานะประธานกมธ.งบฯ และนายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะรองประธานงบฯ คนที่ 4 ตรวจสอบเรื่องนี้เรียบร้อยแล้วจะต้องรายงานต่อประธานสภาฯ ก่อนบรรจุระเบียบวาระการประชุม พ.ร.บ.งบ 65 ในวาระที่ 2 และ 3 ซึ่งหาก พ.ร.บ.งบ 65 มีปัญหาในการพิจารณาว่ามีเรื่องผลประโยชน์หรือส่วนได้ส่วนเสีย อาจขัดต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 144 นายชวนจะได้ตรวจสอบก่อนบรรจุระเบียบวาระว่า ร่างพ.ร.บ.งบ 65 ถูกต้องหรือไม่ ด้านนายสมบูรณ์ กล่าวว่า ตนจะนำหนังสือดังกล่าวเข้าไปตามระเบียบของสภาและจะนำไปกราบเรียนนายชวนเพื่อพิจารณาและสั่งการต่อไป

นายกรัฐมนตรี ลงนามในราชกิจจานุเบกษา ประกาศห้ามเผยแพร่ข่าว ข้อมูลสร้างความหวาดกลัว บิดเบือน สับสน พร้อมให้อำนาจ กสทช. สั่ง ISP ตัดเน็ตได้ทันที

ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่ง พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 (ฉบับที่ 29) โดยระบุว่า เนื่องจากมีการเผยแพร่ข้อความอันเป็นเท็จทำให้ประชาชนเกิดความหวาดกลัว หรือข้อมูลข่าวสารที่บิดเบือนเพื่อให้ประชาชนเกิดความเข้าใจผิดหรือสับสน ปฏิบัติตนไม่ถูกต้องจนเกิดความเสียหาย หรือเหตุการณ์ร้ายแรงมากขึ้นในสถานการณ์ฉุกเฉิน จนกระทบต่อความมั่นคงของรัฐ การละเมิดสิทธิเสรีภาพของบุคคลอื่น การรักษาความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน หรือการรักษาสุขภาพของประชาชนโดยผ่านทางสื่อต่าง ๆ โดยเฉพาะอินเทอร์เน็ต อันเป็นการช้ำเติมสถานการณ์ฉุกเฉินให้วิกฤติยิ่งขึ้น จำเป็นต้องมีมาตรการที่กำหนดให้การใช้สิทธิหรือเสรีภาพในการแสดงออกเป็นไปอย่างมีเหตุผล ถูกต้องตรงตามข้อเท็จจริงและมีความรับผิดชอบต่อความสงบสุขของสังคมส่วนรวมในสถานการณ์ฉุกเฉินเช่นนี้

นายกรัฐมนตรี จึงได้ออกข้อกำหนด ห้ามผู้ใดเสนอข่าว จำหน่าย หรือทำให้แพร่หลาย ซึ่งหนังสือ สิ่งพิมพ์ หรือสื่ออื่นใดที่มีข้อความอันอาจทำให้ประชาชนเกิดความหวาดกลัว หรือเจตนาบิดเบือนข้อมูลข่าวสาร ทำให้เกิดความเข้าใจผิดในสถานการณ์ฉุกเฉินจนกระทบต่อความมั่นคงของรัฐ หรือความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชนในเขตพื้นที่ที่ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน

ในกรณีมีการเผยแพร่ข้อความหรือข่าวสารดังกล่าวข้างต้นในอินเทอร์เน็ต ให้สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (สำนักงาน กสทช.) แจ้งผู้รับใบอนุญาตการให้บริการอินเทอร์เน็ตทุกรายทราบ และให้ตรวจสอบว่าข้อความหรือข่าวสารดังกล่าวมีที่มาจากเลขที่อยู่ไอพี (IP address) ใด หากเป็นเลขที่อยู่ไอพี (IP address) ที่ตนเป็นผู้ให้บริการ ให้แจ้งรายละเอียดต่อสำนักงาน กสทช. และให้ระงับการให้บริการอินเทอร์เน็ตแก่เลขที่อยู่ไอพี (IP address) นั้นทันที และให้สำนักงาน กสทช.ส่งรายละเอียดตามที่ได้รับแจ้งตามวรรคหนึ่งให้แก่สำนักงานตำรวจแห่งชาติโดยเร็วเพื่อดำเนินคดีต่อไป


โปรเด็ด! ถึง 31 ก.ค. นี้ Ford Ranger, MG ZS, Mazda 2 และ Nissan อัลเมร่า ทักไลน์ @THESHOPSTIMES

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

ทอ.จัดโครงการ “ทัพฟ้าส่งเวชภัณฑ์ทั่วไทย ร่วมใจฝ่าวิกฤตโควิด-19” สนับสนุนอากาศยาน นำส่งอุปกรณ์ทางการแพทย์ ให้โรงพยาบาลในพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วประเทศ

ที่กองทัพอากาศ พล.อ.อ.แอร์บูล  สุทธิวรรณ ผู้บัญชาการทหารอากาศ (ผบ.ทอ.) ในฐานะผู้บัญชาการศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองทัพอากาศ ได้สั่งการให้ ศูนย์ปฏิบัติการพลเรือน-ทหาร ศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองทัพอากาศ (ศป.พรท.ศบภ.ทอ.) สนับสนุนการลำเลียงอุปกรณ์การแพทย์ไปยังสถานพยาบาลทั่วประเทศ ซึ่งกองทัพอากาศร่วมกับมูลนิธิหลักประกันสุขภาพไทย และโครงการทุก(ข์)ภัย ไทยช่วยกัน ร่วมปฏิบัติภารกิจ “เติมน้ำใจ ต่อ...ลมหายใจ” โดยได้ดำเนินการจัดหาอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่จำเป็นให้กับโรงพยาบาลที่ขาดแคลนทั่วประเทศไทย เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนและช่วยเหลือผู้ป่วยโรคโควิด-19 

โดยวันนี้ กองทัพอากาศได้จัดเครื่องบินลำเลียงแบบที่ 16 (ATR) ในการลำเลียงอุปกรณ์ทางการแพทย์ ประกอบด้วย เครื่องช่วยหายใจ High Flow จำนวน 6 เครื่อง, หน้ากาก N95 จำนวน 3,000 ชิ้น, ชุด PPE จำนวน 300 ชุด และอุปกรณ์ปกป้องทางเดินหายใจแบบอากาศบริสุทธิ์ (PAPR) จำนวน 3 เครื่อง ไปส่งมอบให้กับ โรงพยาบาลยะลา โรงพยาบาลปัตตานี และโรงพยาบาลนราธิวาส เพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยโรคโควิด-19 ที่มีความจำเป็นเร่งด่วน 

ทั้งนี้กองทัพอากาศได้จัดเตรียมเครื่องบินลำเลียง อาทิ C-130, ATR ฯ ล ฯ ซึ่งขึ้นอยู่กับน้ำหนักและปริมาตรของอุปกรณ์ทางการแพทย์ พร้อมกำลังพลที่เกี่ยวข้อง เพื่อสนับสนุนภารกิจ “เติมน้ำใจ ต่อ...ลมหายใจ” อย่างต่อเนื่อง ในการลำเลียงอุปกรณ์ทางการแพทย์ไปส่งยังสถานพยาบาลในพื้นที่จังหวัดต่าง ๆ ทั่วประเทศสัปดาห์ละ ๒ ครั้ง หรือมากกว่านั้นตามความจำเป็นเร่งด่วน 

"ม็อบทะลุฟ้า" บุกพรรคภูมิใจไทย ทวงถามข้อเรียกร้อง ให้ถอนตัวพรรคร่วมรัฐบาล  ก่อนจะแปะสติ้กเกอร์ข้อความเสียดสี-ปาสีแดงใส่ป้ายพรรค-เผาหุ่นจำลองพลเอกประยุทธ์ แสดงออกเชิงสัญลักษณ์การเมือง 

ที่พรรคภูมิใจไทย กลุ่มผู้ชุมนุม "ทะลุฟ้า" นำโดย นายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือ ไผ่-ดาวดิน  และแนวร่วมอ่านแถลงการณ์และยื่นหนังสือถึงพรรคร่วมรัฐบาลซึ่งเป็นข้อความเพียงคำเดียว หน้าพรรคภูมิใจไทย เพื่อทวงถามข้อเรียกร้องให้ถอนตัวจากพรรคร่วมรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ด้วยชี้ถึงความล้มเหลวในการบริหารวิกฤตโควิด-19 
       
หลังกลุ่มผู้ชุมนุมทะลุฟ้าประกาศขีดเส้นภายใน 10 นาทีไม่มีแกนนำของพรรคมารับหนังสือ มีการติดสติ้กเกอร์โลโก้และข้อความเสียดสีทางการเมืองว่า "ภูมิใจตู่" พร้อมทั้งการปาถุงที่บรรจุสีแดงปาใส่ที่ป้ายชื่อพรรคและประตูทางเข้าที่ทำการพรรคภูมิใจไทย ก่อนจะตะโกนขับไล่พลเอกประยุทธ์ให้ลาออกจากตำแหน่ง   
      
นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรมนำหุ่นไล่กาที่มีหน้ากากหน้ารูปหน้าของนายกรัฐมนตรีด้วย 3 หุ่น มาทำกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ด้วยการเผาหุ่นก่อน 1 หุ่นที่พรรคภูมิใจไทย  โดยตำรวจพยายามเข้ามาดับไฟและขอร้องอย่าเผาหุ่นแล้ว แต่ผู้ชุมนุมก็คัดค้านอย่างสันติด้วยการนั่งคุกเข่าขวางและชูมือสัญลักษณ์การชุมนุม และระหว่างการทำกิจกรรม ผู้กำกับจาก สน.บางเขน ประกาศแจ้งต่อผู้ชุมนุมรับทราบว่าการชุมนุมเป็นการกระทำฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และขอให้เลิกทำกิจกรรม จากนั้นผู้ชุมนุมตะโกนไล่ตำรวจและรถประกาศถอยร่นออกไป 


     
ทั้งนี้ หลังทำกิจกรรมนานกว่า 1 ชม. กลุ่มผู้ขุมนุม ได้เคลื่อนย้ายไปทำกิจกรรมต่อที่พรรคพลังประชารัฐ และพรรคประชาธิปัตย์ โดยระหว่างทำกิจกรรมเนื่องจากติดกับถนนทำให้การจราจรบริเวณนั้นติดขัดช่วงที่ทำกิจกรรม

ราเมศ โฆษก ปชป ตรวจความเสียหาย ที่ทำการพรรค ย้ำเกินกรอบกฎหมาย ลั่น แจ้งความ ดำเนินคดีถึงที่สุด

นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการกฎหมายพรรค ได้เข้าตรวจสอบความเสียหายที่ทำการพรรค โดยได้กล่าวว่า การแสดงออกของผู้ชุมนุมมกลุ่ม "ทะลุฟ้า" ที่ได้เดินทางมายังพรรคประชาธิปัตย์ ต้องบอกว่าไม่ใช่การเดินทางมาชุมนุมโดยสงบ การเดินทางมาครั้งนี้ได้มีการทำลายทรัพย์สินของพรรคให้เกิดความเสียหายเป็นอย่างมาก การปาสีใส่ทรัพย์สินของพรรคไม่ว่าจะเป็นป้ายหน้าพรรค  ฝาผนัง กระจก ทุกอย่างเกิดความเสียหาย 

นี่ไม่ใช่การแสดงเชิงสัญลักษณ์ที่อยู่ในกรอบของกฎหมาย เป็นการกระทำที่เกินกรอบของกฎหมายบ้านเมือง การมาเพื่อพูดคุย ปราศรัย สามารถทำได้ พรรคพร้อมรับฟังทุกเรื่อง แต่ไม่ใช่มากระทำการทำลายทรัพย์สินของพรรคแบบนี้ อยากถามกลุ่มผู้ชุมนุมเหมือนกันว่าวันนึงถ้ามีคนมาทำลายข้าวของในบ้านคุณ คุณจะยอมหรือไม่ 

พรรคมีความจำเป็นต้องแจ้งความดำเนินคดี อันเนื่องมาจากการทำลายทรัพย์สินของพรรคให้เกิดความเสียหาย บ้านเมืองมีกฎหมาย เรื่องนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องดำเนินการอย่างจริงจังเพื่อบังคับใช้กฎหมายให้เกิดความศักดิ์สิทธิต่อไป


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top