Friday, 27 June 2025
Politics

“แรมโบ้” ป้อง”บิ๊กตู่” รู้ดีว่าต้องดำเนินการอย่างไร หลังออกมาตรการปิดแคมป์คนงาน ซัด “ชนินทร์” - “ชูวิทย์” อย่าดีแต่ปากทำประโยชน์ให้บ้านเมืองบ้าง

นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรีกล่าวถึงกรณีที่นายชนินทร์ รุ่งธนเกียรติ รองโฆษกพรรคเพื่อไทย และนายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ วิพากษ์วิจารณ์การประกาศปิดแคมป์คนงาน ทำให้แรงงานหนีไปต่างจังหวัด หวั่นโควิดระบาดต่างจังหวัด ว่าที่ผ่านมามีการระบาดตามแคมป์คนงานเป็นจำนวนมาก ซึ่งก่อนที่จะออกมาตรการการปิดแคมป์คนงานในพื้นที่ กทม. ปริมณฑล และ 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้ รวมถึงขอความร่วมมือประชาชนงดเดินทางข้ามจังหวัด พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้หารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว และเชื่อมั่นว่ามาตรการนี้จะทำให้ยับยั้งการระบาดลงได้ นอกจากนี้นายกฯได้สั่งการให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานลงไปช่วยกันดูแลแคมป์คนงานร่วมกับนายจ้างอย่างใกล้ชิดและมอบรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม หารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเป็นการด่วนแล้ว ให้เตรียมกำลังสนับสนุนมาตรการของ ศบค. เพื่อจำกัดควบคุมโรคเฉพาะกลุ่มและกิจกรรมในพื้นที่เสี่ยงสูงอย่างเข้มงวด ไม่ให้ขยายออกนอกพื้นที่จนไม่สามารถควบคุม ทั้งนี้ยังได้ส่งเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ เข้าพื้นที่แล้วตั้งแต่เมื่อวานนี้     

นายเสกสกล กล่าวว่า ขณะเดียวกันเช้าวันนี้ (27 มิ.ย.) ได้มีการประกาศในราชกิจจานุเบกษา ประกาศข้อกำหนดสถานการณ์ฉุกเฉิน สกัดการแพร่ระบาด โควิด-19 ปรับพื้นที่ควบคุมสูงสุด-เข้มงวด เป็น 10 จังหวัด มีผล 28 มิ.ย.นี้ ซึ่งทำให้มีความรัดกุมมากยิ่งขึ้นในการดูแล นายกรัฐมนตรี ศบค.รวมถึงหน่วยงานด้านความมั่นคงรู้ดีว่าจะต้องทำอย่างไร เมื่อประกาศมาตรการออกไปแล้ว จะต้องเร่งดำเนินการทันที นอกจากนี้ยังเตรียมมาตรการรองรับสำหรับแรงงานในแคมป์คนงานแล้ว โดยให้กระทรวงแรงงานดูแลค่าใช้จ่าย และงดชดเชยร้อยละ 50  แก่ลูกจ้างแทนผู้ประกอบการ โดยจะมีการเช็คชื่อคนงานทุกวัน มีการตรวจหาเชื้อเชิงรุกทุกแคมป์ จนเมื่อมั่นใจว่าปลอดภัย และหากได้รับวัคซีนจะปลดล็อกให้กลับมาทำงานได้  

“แม้ว่านายกฯ รัฐบาล จะมีมาตรการอะไรออกมาเพื่อช่วยเหลือประชาชนและยับยั้งการแพร่ระบาดเชื้อโควิด-19 ทางพรรคเพื่อไทยไม่เคยเห็นด้วยกับมาตรการใดเลย จึงตั้งข้อสังเกตว่าอาจเป็นเพราะพรรคเพื่อไทยไม่อยากให้สถานการณ์คลี่คลายลง เพียงเพราะอยากจะใช้โอกาสนี้นำมาตำหนิ กล่าวหา โจมตีนายกฯ และรัฐบาล ในการแก้ไขปัญหา” นายเสกสกล กล่าว

นายเสกสกลกล่าวถึงนายชูวิทย์ที่ออกมานะบุว่านายกฯ แถลงข่าวชู 2 นิ้วเป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสมนั้น ขอชี้แจงว่าเป็นสัญลักษณ์ คือ V : Vaccination การฉีดวัคซีน และ Victory ชัยชนะ ซึ่งนายกฯ เคยใช้สัญลักษณ์เช่นนี้มาแล้ว พล.อ.ประยุทธ์ไม่เคยนำเรื่องโควิดมาเป็นเรื่องตลก ขบขัน มีแต่อยากให้สถานการณ์คลี่คลายลง ซึ่งที่ผ่านมานายกฯ รัฐบาล สาธารณสุข บุคลากรทางการแพทย์ได้ทำงานอย่างหนัก นายชูวิทย์ก็เห็นอยู่แล้ว 

“และการที่นายกฯ แถลงข่าวร่วมกับแพทย์นั้นตนเองมองว่าเป็นเรื่องที่ถูกต้อง และเป็นการสร้างความมั่นใจให้กับประชาชน เพราะขณะนี้ยังมีคนที่ออกมาพูดให้เกิดความสับสนอยู่ เช่น พรรคก้าวไกล พรรคเพื่อไทยและแม้กระทั่งนายชูวิทย์ ที่นึกถึงแต่ตัวเอง วันๆไม่ทำประโยชน์เพื่อประชาชน หรือบ้านเมือง ดีแต่ใช้ปากพูดกล่าวหาจ้องจับผิดเรื่องไม่เป็นเรื่อง โจมตี ตำหนิ คนทำงานอย่างเดียว จนเสียขวัญกำลังใจ พฤติกรรมเช่นนี้ไม่ได้สงสารประเทศชาติประชาชน ดีแต่คอยซ้ำเติมมากกว่า” นายเสกสกลกล่าว

"โฆษกพปชร.” วอนรัฐบาล กระจาย “ฟ้าทะลายโจร" ระหว่างรอเตียง ช่วยบรรเทาอาการโควิด-19

น.ส.พัชรินทร์ ซำศิริพงษ์ ส.ส.กทม.และโฆษกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.)กล่าวถึงสถานการณ์วิกฤตเรื่องเตียงผู้ป่วยโควิด-19 ที่มีผู้ป่วยตกค้างต้องรอการช่วยเหลืออยู่ในที่พักอาศัย ว่า อยากขอให้รัฐบาลพิจารณาเลือกใช้สมุนไพรฟ้าทะลายโจร มีสรรพคุณยับยั้งการเติบโตของไวรัสโควิด-19 ตามที่มีผลงานวิจัยยืนยันไว้และปัจจุบันได้รับการลงทะเบียนในบัญชียาหลักเพื่อให้กับผู้ป่วยและคนในครอบครัวโดยด่วน ระหว่างรอการประสานจากโรงพยาบาล 

เพื่อเป็นการบรรเทาอาการและรักษาเบื้องต้น ก่อนอาการจะรุนแรงจนยากจะช่วยเหลือเมื่อถึงมือแพทย์โดยในผู้ป่วยและกลุ่มเสี่ยง ควรรับประทานตามคำแนะนำในฉลากยา ส่วนผู้ป่วยที่มีโรคตับ ไต หญิงตั้งครรภ์ ผู้ที่มีประวัติแพ้ฟ้าทะลายโจร ควรหลีกเลี่ยง และไม่ควรใช้ร่วมกับยาลดความดัน ทั้งนี้ขอให้เจ้าหน้าที่ที่มีส่วนเกี่ยวข้องเร่งประสานความช่วยเหลือแก่ผู้ป่วยและครอบครัวโดยด่วน เช่นการสนับสนุนเครื่องอุปโภคบริโภค สิ่งของจำเป็นที่ต้องใช้ระหว่างการกักตัวรอการประสานจากเจ้าหน้าที่ เป็นต้น

"วรวุฒิ" ชี้ ประกาศกึ่ง Lockdown ร้านอาหารเดือดร้อน รบ.ออกมาตรการ ผู้ประกอบการก้มหน้าทำตาม แต่ไม่มีแผนเยียวยารองรับ ย้ำต้องเร่งเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากมาตรการอย่างเท่าเทียม 

นายวรวุฒิ อุ่นใจ หัวหน้าทีมเศรษฐกิจเพื่อคนตัวเล็ก รองหัวหน้าพรรคกล้า กล่าวถึงมาตรการกึ่งล็อกดาวน์ที่ออกมาเพิ่มเติมกลางดึกเมื่อคืนที่ผ่านมาว่า นับตั้งแต่สถานการณ์โควิด-19 เกิดขึ้นในประเทศไทย ประชาชนและผู้ประกอบการส่วนหนึ่งได้ปฏิบัติตามคำสั่ง และคำแนะนำของรัฐบาล ด้วยหวังว่าจะช่วยให้วิกฤติครั้งนี้ผ่านไปอย่างรวดเร็ว แม้จะต้องเสียสละความสุขส่วนตัว รวมถึงรายได้ที่ต้องหายไปเกือบหมด 

แต่ระยะเวลากว่าหนึ่งปี ที่รัฐบาลออกมาตรการต่างๆ มาแก้ไขปัญหา กลับไม่สนใจกลุ่มคนที่เสียสละเหล่านี้ ผู้ประกอบการร้านอาหาร ธุรกิจบริการ และการท่องเที่ยว ล้วนขาดรายได้ จนหลาย ๆ รายต้องเลิกจ้างงาน และจำนวนไม่น้อยต้องปิดกิจการ เพราะรัฐบาลขาดมาตรการช่วยเหลือเยียวยาที่เป็นรูปธรรมที่ชัดเจน และจากประกาศกึ่ง Lock down ล่าสุด รัฐประกาศจะเยียวยาค่าจ้างครึ่งหนึ่งให้แรงงานในแคมป์ที่ถูกปิด แต่ร้านอาหารที่ต้องกลับโดนห้ามลูกค้านั่งทานที่ร้าน ยังไม่มีมาตรการเยียวยาใด ๆ รองรับ จึงอยากให้หันมาเยียวยาธุรกิจร้านอาหารด้วย เพราะนอกจากเป็นการช่วยเหลือผู้ประกอบการระดับ SMEs แล้ว ยังเป็นการช่วยเหลือลูกจ้างจำนวนมากในอุตสาหกรรมนี้ด้วย 

ผู้ประกอบการธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการของรัฐ พยายามสื่อสารเรียกร้องขอความช่วยเหลือมาโดยตลอด แต่กลับโดนเพิกเฉยและไร้การเหลียวแลอย่างจริงจัง ทั้งๆ ที่ให้ความร่วมมืออย่างดีมาตลอด พรรคกล้า จึงอยากให้รัฐบาลพิจารณาการให้ช่วยเหลือธุรกิจ SMEs ที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการป้องกันการระบาดของเชื้อโควิด-19 อย่างจริงจังและเสมอภาค เพราะต้องยอมรับว่าความรุนแรงของสถานการณ์ในตอนนี้ ส่วนหนึ่งมาจากการบริหารจัดการของรัฐบาลที่ผิดพลาด รัฐบาลต้องเร่งช่วยเหลือด้านการเงินที่มากกว่าปัจจุบัน ก่อนที่ผู้ประกอบการธุรกิจร้านอาหาร ธุรกิจบริการ และธุรกิจ SMEs ต่างๆ ที่ได้รับผลกระทบเหล่านี้ต้องปิดตัวลง และส่งผลต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว 

ผบ.ทอ.ไม่หวั่น กมธ.ป.ป.ช. สอบแก้ 3 โครงการจัดหายุทโธปกรณ์ ยุค 'บิ๊กนัต' มั่นใจตรงตามระเบียบแป๊ะ ยันทำเพื่อประโยชน์สูงสุด ทอ. ใช้งบคุ้มค่า

น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย ในฐานะกรรมาธิการการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร (กมธ.ป.ป.ช.) เตรียมตรวจสอบความไม่โปร่งใสในการจัดหายุทโธปกรณ์ของกองทัพอากาศ 3 โครงการ มูลค่าเกือบ 3 พันล้านบาท ที่ถูกกล่าวหาว่ามีการดำเนินการผิดระเบียบและขัดต่อกฎหมาย ในลักษณะที่มีการเร่งรีบผิดปกติ และมีการสั่งการให้เปลี่ยนแปลงวัตถุประสงค์และขอบเขตของแต่ละโครงการขึ้นมาใหม่ ซึ่งไม่เป็นไปตามหลักการจัดหาแบบเดิมที่ผ่านการพิจารณาของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่าง ๆ

ล่าสุด พล.อ.ท. ฐานัตถ์ จันทร์อำไพ เจ้ากรมกิจการพลเรือนทหารอากาศ ในฐานะโฆษกกองทัพอากาศ (ทอ.) กล่าวชี้แจงต่อประเด็นดังกล่าว พลอากาศเอกแอร์บูล สุทธิวรรณ ผู้บัญชาการทหารอากาศ (ผบ.ทอ.) ให้นโยบายเรื่องดังกล่าวว่า ท่านทำเพื่อประโยชน์สูงสุดของกองทัพอากาศ และยืนยันว่าเป็นการใช้งบประมาณอย่างคุ้มค่า โดยที่ผ่านมา ผบ.ทอ. ไม่อยากตอบโต้ให้เป็นประเด็น จนกลายเป็นโต้กันไปมา แต่หาก ทาง กมธ.ป.ป.ช จะตรวจสอบ คงเป็นไปตามกระบวนการและขั้นตอน

เมื่อถามว่า ผบ.ทอ.เตรียมการอย่างไร หากกมธ.ป.ป.ช เชิญไปชี้แจงกรณีดังกล่าว พล.อ.ท. ฐานัตถ์ กล่าวว่า ท่านทราบอยู่แล้ว และยืนยันว่าที่ทำไปคิดถึงประโยชน์ที่คุ้มค่าของ ทอ. และยินดีชี้แจงต่อ กมธ ป.ป.ช.

เมื่อถามว่า หาก กมธ ป.ป.ช. เชิญไปชี้แจง ผบ.ทอ.จะไปด้วยตัวเอง หรือ ส่งผู้แทน พล.อ.ท. ฐานัตถ์ กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับ ผบ.ทอ. ว่าช่วงดังกล่าวติดภารกิจจำเป็นหรือไม่ แต่อย่างไรต้องชี้แจงอยู่แล้ว ไม่มีปัญหา

"ผบ. ทอ. ไม่ได้กังวลอะไรเพราะทุกอย่างท่านทำด้วยความถูกต้องอยู่แล้ว ตาม พรบ. ในเรื่องของการจัดซื้อจัดจ้างปี 2560 และได้มีการตรวจสอบระเบียบครบถ้วน ก่อนจะมีการเปลี่ยนแปลงเนื้อหาในรายระเอียดทั้ง 3 โครงการ พิจารณา" โฆษกทอ. กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับ 3 โครงการ ประกอบด้วย 

1.) โครงการพัฒนาและปรับปรุงระบบป้องการทางอากาศ ระยะที่ 7 ( N-SOC C2)  

2.) โครงการพัฒนาการป้องกันฐานที่ตั้งทางทหารของกองทัพ อากาศ(GBAD) และ 

3.) โครงการจัดหาทดแทนวิทยุพื้นดิน-อากาศ มีมูลค่ารวมเกือบ 3 พันล้านบาทถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นการล้มเลิกแนวทางจัดหายุทโธปกรณ์เข้ามาประจำการตามแผนพัฒนากองทัพอากาศ ที่กำหนดไว้ในสมุดปกขาว ซึ่งจัดทำขึ้นในช่วงที่ พลอากาศเอก มานัต วงษ์วาทย์ ดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการทหารอากาศ มีการกำหนดแนวทางการซื้อยุทโธปกรณ์เพื่อต่อยอดไปสู่การวิจัยพัฒนา หรือ “พีแอนด์ดี” เน้นการพึ่งพาตัวเองและเลือกใช้วัสดุอุปกรณ์ในประเทศ 

“วิโรจน์” อัดรบ. ประเมินสถานการณ์พลาด ทำโควิดเลวร้าย คนป่วยตกค้างไร้เตียง นอนตายที่บ้าน หนุนล็อกดาวน์คู่มาตรการเยียวยา แนะหารือผู้เชี่ยวชาญหยุดวิธีคิดโง่เขลา จี้เลิกซื้อ “ซิโนแวค” เหตุกระตุ้นภูมิต่ำ ไม่กันสายพันธุ์เดลต้า

ที่พรรคก้าวไกล นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร โฆษกพรรคก้าวไกล แถลงถึงการที่รัฐบาลประกาศล็อกดาวน์กรุงเทพฯและปริมณฑล ว่า การควบคุมการระบาดของโรคนั้นพบว่าแพทย์ 1 คน ต้องดูแลผู้ป่วยอย่างน้อย 30 ราย บุคลากรการแพทย์ต้องทำงานหนักวันละ 16 ชั่วโมง ต่อเนื่องกันมานานกว่า 3 เดือน แต่ผู้ติดเชื้อโควิด ที่มีจำนวนเพิ่มขึ้น และแนวโน้มผู้ติดเชื้อมีจำนวนมากกว่าผู้ที่หายป่วยกลับบ้าน ทางพรรคก้าวไกลขอเรียกร้องให้รัฐบาลเปิดเผยได้แล้วว่าในแต่ละวันผู้ติดเชื้อใหม่มีจำนวนตรวจที่แท้จริงเท่าใด และจากผู้ที่ติดเชื้อรายใหม่ที่พบเป็นผู้ที่ได้รับวัคซัน 1 เข็มไปแล้วกี่ราย รับวัคซีนครบ 2 เข็มไปแล้วกี่ราย โดยแยกยี่ห้อวัคซีนแจ้งให้ประชาชนทราบด้วย และในจำนวนนี้มีบุคคลากรทางการแพทย์กี่ราย เพื่อให้ประประชาชนได้รับทราบสถานการณ์ที่แท้จริง ซึ่งรัฐบาลมักจะพูดเสมอว่าวัคซีนที่เอามาฉีดกันตาย ไม่กันติด ทั้งที่จริงๆแล้วมีการติดมากน้อยแค่ไหน 

นายวิโรจน์ กล่าวว่า ยืนยันว่าสถานการณ์ที่เลวร้ายที่เกิดขึ้นในกทม.ถ้ารัฐบาลรู้จักหน้าที่ในการทำงานอย่างแท้จริง สถานการณ์ไม่เลวร้ายถึงเพียงนี้ หากรัฐบาลมีการเตรียมความพร้อมทุกอย่าง แม้จะอยู่ในสภานการณ์ที่ลำบากก็ไม่น่าจะเกินกว่าขีดความสามารถที่รัฐบาลจะรับมือได้ดีกว่านี้ ที่ผ่านมางบประมาณด้านสาธารณสุข 4.5 หมื่นล้านบาท ที่กันมาจากการเงินกู้ 1 ล้านล้านบาท รัฐบาลนี้เบิกจ่ายได้เพียงประมาณ  9,556 ล้านบาท หรือ 21 เปอร์เซนต์เท่านั้น รัฐบาลจะอ้างว่าไม่มีงบประมาณไม่ได้ โครงการเตรียมความพร้อมด้านสถานพยาบาลมีการกันเงินเอาไว้ 10,132 ล้านบาท จากเงินกู้ 1 ล้านล้านบาท จากวงเงินสาธารณสุข 4.5 หมื่นล้านบาท เบิกจ่ายไปได้เพียงแค่ 178 ล้านบาทเท่านั้น คืบหน้าแค่ 1.8 เปอร์เซนต์ โครงการเพื่อรับสถานการณ์ฉุกเฉิน 10,497 ล้านบาท เบิกจ่ายไปได้เพียง 127 ล้านบาท คืบหน้าเพียง 8.5 เปอร์เซนต์  

โฆษกพรรคกก้าวไกล กล่าวต่อว่า ทั้งหมดนี้จึงสะท้อนได้ชัดว่า ที่ผ่านมารัฐบาลดูเบาต่อสถานการณ์ ประเมินสถานการณ์ต่ำเกินไป และละเลยไม่ตั้งใจในการทำหน้าที่ ขาดความรับผิดชอบต่อสาธารณชน จนประชาชนโดยเฉพาะในกทม. ต้องเดือดร้อนแสนสาหัส กระทบกับปากท้องการดำเนินชีวิต การทำมาหากิน ประชาชนทุกเพศทุกวัยเดือดร้อน  และสถานการณ์การฉีดวัคซีนก็ยังคงล้าช้า มีประชาชนถูกลอยแพเป็นจำนวนมาก เชื่อว่าระบบจัดการฐานข้อมูลยังคงมั่วอยู่ ยิ่งให้โรงพยาบาลเข้ามากำหนดวันหนัดหมายใหม่ได้เอง เลื่อนคิวได้เอง โดยที่ระบบฐานข้อมูลยังไม่ได้จัดทำให้เชื่อมโยงกัน ระหว่างระบบการจองต่างๆ กับฐานข้อมูลของกระทรวงสาธารณสุข ยิ่งจะทำให้ระบบการจัดการฐานข้อมูลสร้างปัญหาให้กับการจัดการฉีดวัคซีนให้ประชาชนเดือดร้อนกันมากยิ่งขึ้น  ซึ่งเรื่องนี้พรรคก้าวไกลขอเรียกร้องให้รัฐบาลเร่งจัดการปัญหาให้เร็วที่สุด ไม่เช่นนั้นปัญหาจะสะสมแและผู้ที่เดือดร้อนคือประชาชน

นายวิโรจน์ กล่าวต่อว่า สำหรับวัคฉีนซิโนแวค ที่รัฐบาลยืนยันที่จะดำเนินการจัดซื้ออีก 28 ล้านโดสนั้น ถ้าต้องใช้งบฯ จะอยู่ที่ 15,372 ล้านบาทถึง 1,7500 ล้านบาท เรื่องนี้พรรคก้าวไกล ขอเรียกร้องให้รัฐบาลทบทวนอย่างเร่งด่วน เนื่องจากมีข้อท้วงติงจากผู้เชี่ยวชาญและนักวิชาการ ในประเด็นประสิทธิภาพของวัคซีนซิโนแวก และวัคซีนชนิดเชื้อตายอื่น ๆ ว่าอาจจะมีประสิทธิภาพในการป้องกันการแพร่ระบาดได้อย่างจำกัด และไม่ความสามารถในการสร้างภูมิที่ไม่สูงเพียงพอ และมีแนวโน้มว่าอาจจะไม่สามารถรับมือกับเชื้อสายพันธุ์เดลต้าได้ ซึ่งสายพันธุ์ดังกล่าวมีการคาดมายกันว่าจะเป็นสายพันธุ์หลักที่ระบาดในกทม. ภายในเดือน ก.ค.-ส.ค.นี้ 

นายวิโรจน์ กลาวต่อว่า การฉีดวัคซีนซิโนแวก หากรัฐบาลจอ้างว่าฉีด 3 เข็ม แล้วได้ภูมิในระดับน้องๆของ Mrna อย่างไฟเซอร์ พรรคก้าวไกล จึงได้เปรียบเทียบต้นทุนให้รัฐบาลได้ตรหนัก วัคซีนซิโนแวค 3 เข็ม ค่าใช้จ่ายต่อประชาชน อยู่ที่ประมาณ 1,647-1,875 บาทต่อคน เมื่อเทีบกับไฟเซอร์ 2 เข็มมีค่าใช้จ่ายเพียงแค่ 1,216 บาทต่อคน ไม่ว่าจะในแง่ประสิทธิภาพในการป้องกันโรคหรือประสิทธิภาพในการใช้จ่ายงบประมาณ การจัดซื้อวัคซีนชนิด mRNA น่าจะเป็นทางออกในการระงับการแพร่ระบาดจากเชื้อสายพันธ์เดลต้าที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด พรรคก้าวไกลยืนยันว่า การจัดซื้อวัคซีนชนิด mRNA ควรจะเป็นทางออกที่รัฐบาลเร่งพิจารณาและเชื่อว่าจะเป็นการตัดสินใจที่ใช้สติปัญญาในการไตร่ตรองอย่างมีจริยธรรมมากกว่า รัฐบาลจะนอนคดไม่รู้นั่งขู้ไม่เห็นไม่ได้ สิ่งเหล่านี้จะเป็นข้อสังเกตถึงประสิทธิภาพการแพร่ระบาดของวัคซีนซิโนแวคและวัคซีนเชื้อตายที่รัฐบาลนำมาฉีดให้กับประชาชน        

“คำถามที่รัฐบาลต้องชี้แจงกับประชาชนคือเหตุใดการส่งมอบวัคซีนไฟเซอร์ 20 ล้านโดสจึงถูกเลื่อนไปส่งมอบในไตรมาส 4 ทั้งที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ได้มีการเจรจาไว้ตั้งแต่ 20 เม.ย.ซึ่งการส่งมอบที่ล่าช้าถูกเลื่อนไป สวนทางกับประเทศอินโดนีเซียและประเทศฟิลิปปินส์ที่สั่งไป 50 และ 40 ล้านโดสตามลำดับ ซึ่งทั้งสองประเทศมีการแถลงว่าจะส่งมอบให้ในเดือนส.ค. ประเด็นข้อสงสัยนี้รัฐบาลควรเปิดเผยว่าในวันที่ลงนามจองวัคซีนกับไฟเซอร์เป็นวันที่เท่าไร หากมีการลงนามในสัญญาจองวัคซีนก่อนประเทศอินโดนีเซียและประเทศฟิลิปปินส์ ก็ไม่มีเหตุผลอะไรเลยที่ประเทศไทยจะได้รับการส่งมอบวัคซีนช้ากว่าอินโดนีเซียและฟิลิปปินส์ เรื่องนี้รัฐบาลต้องชี้แจงอย่างเร่งด่วน จะไม่ทำตัวเป็นไม่รู้หรือทำตัวเงียบเนียนไม่ได้ ทั้งนี้วันที่ลงนามในสัญญาไม่ได้เป็นความลับใด ๆ ที่ประชาชนไม่อาจรู้ได้เลย ทั้งนี้เพื่อการเร่งการจัดหาวัคซีน พล.อ.ประยุทธ์ควรจะเข้าหารือกับทูตของประเทศสหรัฐฯ ประจำประเทศไทยอย่างเร่งด่วนเพื่อขอความร่วมมือในการเร่งหาวัคซีนชนิด Mrna เพื่อใช้ในการควบคุมการระบาดปกป้องชีวิตและลดความเสี่ยงของบุคลากรทางการแพทย์ที่ปฏิบัติงานอยู่ด่านหน้า” นายวิโรจน์ กล่าว

นายวิโรจน์ กล่าวต่อว่า การล็อกดาวน์กรุงเทพฯ หากสภาวะอยู่ในสถานการณ์ที่วิกฤตจริงๆ การล็อกดาวน์ก็เป็นมาตรการที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แม้ว่าจะหลีกเลี่ยงได้ หากรัฐบาลมีการเตรียมตัวและใช้งบประมาณ 45,000 ล้านบาทได้ดีกว่านี้ก็ตาม รัฐบาลควรชี้แจงและเปิดเผยข้อมูลทั้งหมดให้ประชาชนได้เห็นถึงความจำเป็น และมาตราการล็อกดาวน์ควรมาควบคู่กับการเยียวยาอย่างสมเหตุสมผลกับทั้งประชาชนและผู้ประกอบการ SMEs โดยเฉพาะการเยียวยาค่าเช่าตามจำนวนวันที่มีการล็อกดาวน์ นอกจากนี้รัฐบาลต้องประกาศให้ประชาชนทราบถึงภารกิจที่ชัดเจนว่ารัฐบาลจำเร่งดำเนินการอย่างไรในช่วงที่มีการล็อกดาวน์ รวมถึงต้องมีการตรวจเชิงรุกและพบผู้ป่วยนั้นเป็นข่าวดี ไม่ใช่ข่าวร้ายเพราะจะเป็นการนำผู้ป่วยที่มีอาการเบาบางมารักษา ส่งผลให้อัตรการการเสียชีวิตลดลง ขณะเดียวกันก็จะเป็นการควบคุมการแพร่ระบาด ทั้งนี้รัฐบาลควรให้ผู้ป่วยที่มีอาการเบาบางสามารถรักษาตัวที่บ้านเองได้โดยมีระบบรายงานความคืบหน้าให้กับแพทย์เจ้าของไข้ทราบ และเมื่อมีอาการหนักขึ้นควรมีระบบไปรับมารักษาตัวที่โรงพยาบาล มีระบบให้จ่ายยาหรืออนุญาตให้หมอจ่ายยาเพื่อรักษาผู้ป่วยในตอนที่ยังมีอาการไม่หนักมาก รวมทั้งมีระบบการจัดส่งอาหารให้กับผู้ป่วยเพื่อให้ผู้ป่วยได้กักตัวอยู่ที่บ้านได้อย่างมั่นใจ ทั้งนี้ขอให้เร่งติดตามวัคซีนแอสตราเซเนกาอีก 2,113,000 โดสมาให้ทันภายในวันที่ 30 มิ.ย.โดยเร็วที่สุด เพราะเป็นความหวังในการสกัดกั้นการแพร่ระบาดของโควิดในพื้นที่กรุงเทพฯ 

“ความห่วงใยของพรรคก้าวไกลเกิดจากการที่ รมวมหาดไทย ให้ความเห็นว่าจะช่วยลดการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 หากประชาชนเดินทางกลับบ้านและช่วยแก้ปัญหาเตียงไม่พอได้ ซึ่งรมว.มหาดไทยอ้างว่าหากติดโควิดก็จะมีเตียงต่างจังหวัด ซึ่งพรรคก้าวไกลยืนยันว่าเป็นวิธีคิดที่ขาดสติปัญญาอย่างมาก และการกระทำเช่นนี้ไม่ใช่เป็นการล็กดาวน์ แต่เป็นการกระจายโรคระบาดไปยังทั่วประเทศ จึงขอเรียกร้องให้รัฐบาลเร่งปรึกษาผู้เชี่ยวชาญและยุติวิธีคิดที่โง่เขลาเช่นนี้โดยพลัน”นายวิโรจน์ กล่าว

“ชวน” กรีด “ข้าราชการ” ยังโชคดี มีเงินเดือนประจำ ไม่เดือดร้อนเท่าประชาชน ย้ำ ต้องทำงานเพื่อบ้านเมือง อย่าท้อแท้ปัญหา พร้อมสั่งวางมาตรการเข้มงวด ป้องกันคลัสเตอร์สภา เดินหน้าประชุมต่อ

เมื่อวันที่ 28 มิ.ย. ที่รัฐสภา นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า มี ส.ส. สอบถามเรื่องการขอเลื่อนประชุมสภาผู้แทนราษฎรออกไป แต่ตนได้ชี้แจงว่าได้ออกระเบียบวาระไปแล้วและได้สอบข้อเท็จจริงเรื่องวุฒิสมาชิกติดโควิด-19 ว่าไม่ได้เข้าไปในห้องประชุม และได้มีมาตรการที่เข้มงวดซึ่งทำมาอย่างต่อเนื่องและได้ผลดี พร้อมทั้งทำเรื่องขออนุญาตต่อ ศบค. ในการประชุมตลอดสมัยประชุมด้วยแล้ว จึงเดินหน้าประชุมตามปกติ เว้นแต่เกิดกรณีในความไม่สะดวกจะพิจารณาอีกครั้ง

ส่วนกรณีที่สมาชิกที่อยู่ต่างจังหวัด หากมีการเคลื่อนย้ายบางจังหวัดต้องมีการกักตัว จะส่งผลกระทบหรือไม่นั้น ตนเข้าใจว่ากักตัวผู้ใช้แรงงานไม่ได้กักตัวประชาชนทั่วไป อย่างไรก็ตาม ต้องดูว่ามีปัญหาหรือไม่ เราไม่รู้ว่าประกาศของแต่ละจังหวัดเป็นอย่างไร ตนเข้าใจว่า ส.ส. ส่วนใหญ่กังวลเรื่องนี้ แต่ด้วยสถานการณ์เช่นนี้อะไรที่สามารถทำได้ก็ทำเพื่อให้งานไม่ค้าง แต่หากเป็นผลกระทบส่วนรวมก็ต้องว่ากันอีกครั้งหนึ่ง ไม่ต้องการให้สภาเป็นแหล่งผู้ติดเชื้อจึงได้เข้มงวดมาตรการมาตลอด ในวันเสาร์อาทิตย์ก็มีการทำความสะอาด

เมื่อถามถึงกรณีที่จะต้องเปิดประชุมสภาทุกสัปดาห์ จะต้องมีการประเมินเป็นรายสัปดาห์หรือไม่ นายชวน กล่าวว่า มีเจ้าหน้าที่ทางฝ่ายเลขาฯ สภาติดตามสถานการณ์ตลอดเวลา แต่เราก็ต้องร่วมมือกันช่วยลดปัญหาให้แพทย์ พยาบาล บุคลากรด่านหน้า ดังนั้น มาตรการที่เราสามารถทำได้ง่ายที่สุดคือรณรงค์ให้ประชาชนป้องกันตนเองให้มาก โดยเฉพาะการสวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าที่จะช่วยลดค่าใช้จ่าย จึงประสานฝ่ายบริหารรณรงค์ให้ประชาชนทำหน้ากากผ้า เพราะต้องอยู่กับโควิดอีกยาว และลดขยะที่จะเป็นปัญหามลพิษ

นอกจากนี้ นายชวนยังถามด้วยว่า ที่มีกระแสข่าวว่ามีคนอยากติดเชื้อโควิดเพื่อเอาประกันนั้น มีด้วยหรือ

เมื่อถามว่าคณะกรรมาธิการหลายคณะได้งดประชุมไปเรียบร้อยแล้ว จะส่งผลกระทบต่อการทำงานของ ส.ส. หรือไม่ นายชวน กล่าวว่า หากไม่เสร็จกรรมาธิการก็สามารถขอขยายเวลาได้ ซึ่งคาดว่าจะงดไป 1-2 สัปดาห์เท่านั้น เพราะถึงอย่างไรโควิดยังอยู่อีกนาน แนวทางที่ตนแนะนำในวิธีการทำงาน เช่น ประชุมออนไลน์ หากเลื่อนไปก็จะไม่จบสิ้น

เมื่อถามถึงกรณีข้าราชการสภาฯ อึดอัดและโพสต์วิพากษ์วิจารณ์ถึงมาตรการของสภาฯ นายชวนกล่าวว่า เจ้าหน้าที่รัฐสภาส่วนใหญ่ทำงานที่บ้าน และมีมาทำงานในวันที่มีการประชุมรัฐสภาที่ผ่านมา 3 วัน ยอมรับว่าเขาเหนื่อยและตนเห็นใจ แต่ต้องพูดตรง ๆ ว่าอีกมุมหนึ่งประชาชนน่าเป็นห่วงมาก โดยเฉพาะคนไม่มีเงินเดือน คนมีเงินเดือนยังมีหลักประกัน มีแต่ข้าราชการที่ไม่มีปัญหา ดังนั้น ต้องมีส่วนร่วมทำงานให้กับบ้านเมือง ขออย่าไปท้อแท้ปัญหา เพราะคนอื่นเดือนร้อนกว่าเรา เราพยายามที่จะวางมาตรการอย่างเข้มงวดเพื่อไม่ให้รัฐสภาเกิดคลัสเตอร์ใหม่ แม้จะมีการวิพากษ์วิจารณ์ก็ต้องยอม แต่จะไม่ยอมให้มีการย่อหย่อน ลดความเข้มข้นของมาตรการ

เมื่อถามถึงข้อเสนอให้ ส.ส. ตัดเงินเดือนตัวเองเพื่อช่วยโควิดนั้น นายชวน กล่าวว่า ขอแค่ให้อย่าทุจริตคอร์รัปชันก็พอ

เมื่อถามถึงกรณีที่มีกระแสข่าวว่าสมาชิกวุฒิภา จะไปยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญเรื่องการแก้รัฐธรรมนูญเกี่ยวกับบัตรเลือกตั้งขัดต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่ นายชวน กล่าวว่า ถือเป็นสิทธิที่สมาชิกรัฐสภาทำได้ตามสิทธิของกฎหมาย


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

คลังชง ครม. รับทราบแผนแก้หนี้สินประชาชน

นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังเตรียมรายงานในที่ประชุม ครม. วันที่ 29 มิ.ย.นี้ รับทราบความคืบหน้านโยบายแก้หนี้ครัวเรือน โดยในส่วนของสถาบันการเงินของรัฐได้ทำไปแล้วหลายมาตรการ เช่น ธนาคารออมสิน ได้ออกมาตรการ ยกเว้นการชำระเงินต้นและดอกเบี้ย แก่ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี โรงแรม รีสอร์ต เกสต์เฮาส์ และเซอร์วิสอพาร์ตเมนท์ เป็นระยะเวลา 6 เดือน ส่วนธนาคารอื่นๆ ก็กำลังวางแผนเกี่ยวกับเรื่องนี้แล้วเช่นกัน

ส่วนโครงการยิ่งใช้ยิ่งได้หนึ่งในมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่จะออกมาภายในปลายปีนี้นั้น และยังมีผู้สนใจลงทะเบียนในโครงการน้อย จากเป้าหมาย 4 ล้านสิทธินั้น ขอให้รอดูไปก่อนเพราะขณะนี้โครงการเพิ่งจะเริ่มต้น ส่วนเรื่องการเพิ่มวงเงินในโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 3 ให้ถึง 6,000 บาทต่อคนตามที่เอกชนเสนอนั้น ขอพิจารณาก่อนแต่ตอนนี้ยังยึดตัวเลขเดิมคือ 3,000 บาทต่อคน

ทั้งนี้ที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ได้มอบหมายให้นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พลังงาน กระทรวงการคลัง และธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) หาทางแก้ไขปัญหาหนี้สินของประชาชนรายย่อยให้กับประชาชนกลุ่มต่าง ๆ ได้แก่

1.) หนี้กองทุนกู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) จำนวน 3.6 ล้านคน รวมถึงผู้ค้ำประกัน 2.8 ล้านคน

2.) หนี้ครู/ข้าราชการ 2.8 ล้านบัญชี

3.) หนี้เช่าซื้อรถยนต์และมอเตอร์ไซค์ 27.7 ล้านบัญชี

4.) หนี้บัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคล 49.9 ล้านบัญชี และ 5.ปัญหาหนี้สินอื่น ๆ ของประชาชน 51.2 ล้านบัญชี

“บิ๊กตู่” ถกด่วน ศบศ. ด่วน เยียวยาผู้ได้รับผลกระทบภายหลัง หลังยกระดับควบคุมการแพร่ระบาดโควิด-19

ที่ตึกภักดีบดินทร์ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เรียกประชุมคณะกรรมการบริหารเศรษฐกิจในช่วงสถานการณ์ โควิด-19 หรือ ศบศ. เป็นการด่วนเพื่อหามาตรการเยียวยาทางเศรษฐกิจ ภายหลังมีคำสั่งยกระดับมาตรการเป็นการชั่วคราว เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในพื้นที่กรุงเทพฯ ปริมณฑล และจังหวัดชายแดนใต้ รวมทั้งหมดรวม 10 จังหวัด จากเดิมกำหนดประชุมคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ครั้งที่ 2/2564 ผ่านระบบ VDO Conference

โดยที่ประชุม รับทราบรายงานจากสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ( สศช.) ภายหลังรัฐบาลประกาศยกระดับมาตรการฯโดยประเมินว่าจะมีจังหวัดที่ได้รับผลกระทบ 6 จังหวัด ได้แก่ กทม. นครปฐม นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ สมุทรสาคร และ 4 จังหวัดภาคใต้ รวมทั้งการพิจารณารูปแบบการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจะเป็นกลุ่มผู้ประกอบการในระบบประกันสังคม เป็นผู้ประกันตนในมาตรา 33 ซึ่งคาดว่าภาครัฐจะพิจารณาให้ค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม 1-2 พันบาทต่อเดือน รวมถึงให้กองทุนประกันสังคมจ่ายค่าทดแทนกรณีเหตุสุดวิสัยร้อยละ 50 ในระยะเวลา 1 เดือน ขณะที่ผู้ประกอบการและนายจ้างที่ได้รับผลกระทบ คาดว่าจะเป็นรูปแบบจ่ายค่าทดแทนในสาขาที่ได้รับผลกระทบ

ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ต้องจับตาโครงการคนละครึ่ง เฟส 3 ที่จะเริ่มวันที่ 1 ก.ค.นี้ ว่าจะมีการปรับอย่างไรหรือไม่ หรือจะมีการพิจารณาเพิ่มวงเงินในมาตรการเราชนะ และ ม33 เรารักกัน ที่กำลังจะสิ้นสุดในวันที่ 30 มิ.ย.2564 หรือไม่

ทั้งนี้ ก่อนการประชุม พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ได้พูดคุยอะไรกับสื่อมวลชน ภายหลังถูกวิพากวิจารณ์อย่างหนักในการแถลงข่าวหลังประชุมทีมคณะแพทย์เมื่อวันศุกร์ที่ 25 มิ.ย.ที่ผ่านมา

นายกฯ ส่งสาร 89 ปี สถานปนาสำนักนายกฯ ย้ำความสำเร็จภารกิจอยู่ที่ร่วมมือร่วมใจด้วยหัวใจเป็นข้าราชการที่ดี เพื่อประโยชน์สุข พาปชช.ผ่านพ้นวิกฤติโควิด-19

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้มีสารเนื่องในโอกาสวันสถาปนาสำนักนายกรัฐมนตรี ครบรอบปีที่ 89 วันที่ 28 มิ.ย.2564 ผ่านเพจเฟซบุ๊กสํานักงานปลัดสํานักนายกรัฐมนตรีว่า ตนขอส่งความระลึกถึงและความปรารถนาดีมายังข้าราชการ ลูกจ้าง พนักงานราชการ และเจ้าหน้าที่สำนักนายกรัฐมนตรีทุกคน ตลอดระยะเวลา 89 ปี สำนักนายกรัฐมนตรีมีบทบาทสำคัญในการอำนวยการการบริหารราชการแผ่นดินในทุกมิติ เชื่อมประสานส่วนราชการ ทั้งส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค ส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานในภาคส่วนอื่นเพื่อขับเคลื่อนการนำนโยบายของรัฐบาลไปสู่การปฏิบัติอย่างมีเอกภาพ โดยมุ่งหวังให้พี่น้องประชาชนกินดี อยู่ดีมีความสุข และมีคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้น 

รวมทั้งพัฒนาประเทศให้มีความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน นอกจากนี้ ยังมีบทบาทสำคัญในการบูรณาการภารกิจการบริหารจัดการสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ร่วมกับทุกภาคส่วน เพื่อให้ประเทศชาติก้าวพันผ่านวิกฤติโรคระบาดและพร้อมที่จะก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคง

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ความสำเร็จในการขับเคลื่อนภารกิจของสำนักนายกรัฐมนตรีเกิดจากความร่วมมือร่วมใจของบุคลากรในทุกสังกัด ที่ปฏิบัติงานด้วยหัวใจของการเป็นข้าราชการที่ดี มีความเข้าใจในบทบาทหน้าที่และมุ่งมั่นตอบสนองความต้องการของประชาชนเป็นสำคัญ เพื่อผลักดันให้การปฏิบัติราชการสอดคล้องกับ ยุทธศาสตร์ชาติระยะ 20 ปี แผนปฏิรูปประเทศ แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และนโยบายรัฐบาล

ในขณะเดียวกันสำนักนายกรัฐมนตรียังเป็นต้นแบบในการยกระดับคุณภาพการบริหารจัดการของภาครัฐปรับรูปแบบการทำงานตามแนววิถีใหม่ (New Normal) เน้นการทำงานเชิงรุก เพื่อให้การอำนวยการ กำกับ ติดตาม การบริหารราชการแผ่นดินเป็นไปอย่างมีเอกภาพ สามารถแก้ไขปัญหาให้กับพี่น้องประชาชน อย่างทันท่วงที และเกิดประโยชน์สุขแก่ประชาชนอย่างยั่งยืนตลอดมา

“ในโอกาสนี้ ผมขออาราธนาคุณพระศรีรัตนตรัย และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย อีกทั้งเดซะพระบารมีของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี ได้โปรดดลบันดาลประทานพรให้ผู้บริหารและบุคลากรในสังกัดสำนักนายกรัฐมนตรีทุกท่าน ประสบแต่ความสุข ความสำเร็จ เจริญก้าวหน้า ็ในหน้าที่ราชการมีกำลังกายกำลังใจที่ข้มแขง สมปรารณณาทุกประการโดยทั่วกัน เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศให้มีความเจริญก้าวหน้าและมั่นคงสืบไป” นายกรัฐมนตรีกล่าว

"วิษณุ" ชี้ ร่างแก้ไข รธน. ฉบับปชป. เดินไปได้ เชื่อมือ บัญญัติ-ชินวรณ์-ไพบูลย์  รู้ช่องขยายหลักการระบบลต. 2 ใบ  ยัน มาตรการเข้มโควิด ไม่กระทบประชุมสภา ถกงบฯ65 ทั้งปัด ประกาศ ศบค. ลักหลับ ชี้  ปมห้ามนั่งกินในร้าน เหตุ ต้องถอดหน้ากาก ถือว่าอันตราย 

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กรณีร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของพรรคประชาธิปัตย์ถูกวิจารณ์ว่าเนื้อหาไม่ครอบคลุมถึงการแก้ไขระบบเลือกตั้ง2 ใบ ว่า เป็นเรื่องของคณะกรรมาธิการ และส.ส.ที่จะต้องไปหาทางออกเอาเอง ปัญหานี้ไม่ใช่ปัญหาที่จะขัดรัฐธรรมนูญ แต่เป็นปัญหาที่อาจจะโดยตรงขีดเส้นใต้ว่าอาจจะด้วย เพราะอาจจะไม่ก็ได้ แต่ที่สงสัยคืออาจจะขัดต่อข้อบังคับ ซึ่งการขัดต่อข้อบังคับ อาจจะมีวิธีการทำอย่างอื่นได้ เช่น ข้อบังคับคือว่าจะต้องเสนอแก้ไขในหลักการอะไร เมื่อหลักการนั้น คือมาตรา 83 หรือ 91 ซึ่งไปกระทบกับมาตราอื่นเข้ามันอาจจะเกิดปัญหาที่บางคน อาจจะเห็นว่าไปกระทบกับมาตราอื่นไม่ได้ ก็คือไม่ได้เขียนไว้ แต่ในความเป็นจริงกระทบได้

ผู้สื่อข่าวถามว่า หมายความว่าแก้ไขเพียง 2 มาตรา แต่ในชั้นแปรญัตติไปกระทบมาตราอื่นๆอีก 4  มาตรา ใช่หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า เชื่อว่าได้ เพราะเขาเคยทำมาแล้ว 

เมื่อถามว่า ส่วนตัวมองว่าร่างของพรรคประชาธิปปัตย์ (ปชป.) ยังไปได้ใช่หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ได้ และในที่สุดที่สำคัญกว่านั้นคือการทำกฎหมายลูกเพราะหลายอย่างไปเขียนรายละเอียดไว้ในกฎหมายลูก ซึ่งเป็นเทคนิคของการเขียนกฎหมายเพราะมีคนอย่างนายบัญญัติ บรรทัดฐาน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ซึ่งคนเหล่านี้คงคิดออก 

เมื่อถามว่า เคยมีตัวอย่างหรือไม่ ที่ขอแก้ไข 2 มาตรา แต่เอาเข้าจริงไปขยายอีก 4 มาตรา นายวิษณุ กล่าวว่า มีแต่ไม่ประทบอะไร เพราะไปเขียนในบทเฉพาะการ ซึ่งมีวิธีเขียน ซึ่งเขาเหล่านั้นเก่งกว่าตน เขาก็มีวิธีเขียน 

ผู้สื่อข่าวถามว่า ในขณะเดียวกันก็อาจจะแก้ไขไม่ได้ใช่หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า "คือได้นั้นได้ แต่อีกฝ่ายหนึ่งก็จะไม่ยอมแล้วเถียงว่าไม่ได้ แล้วก็ดึงไปศาลรัฐธรรมนูญ เลยจะเสียเวลา" 

เมื่อถามว่า ถือว่าเป็นความผิดพลาดของรัฐสภาหรือไม่ เพราะแทนที่จะโหวตรับร่างของพรรคการเมืองที่เสนอ 6  มาตรา แต่กลับไปรับร่าง 2 มาตราแทน นายวิษณุ กล่าวว่า "ไม่ใช่ ผมไม่ถือว่าเป็นความผิดพลาดอะไร แต่อาจจะเสียเวลา เพราะถ้าคิดเสียเวลาก็เสียเวลาได้ทุกเรื่อง" 

นอกจากนี้ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดโควิด-19  ของศบค. จะส่งผลต่อการเปิดประชุมรัฐสภาเพื่อพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 65 หรือไม่ ว่า ไม่เป็นอะไร เพราะกมธ.งบประมาณไปประชุมโดยใช้สถานที่อื่นนอกสภาฯ ได้ และยังประชุมผ่านระบบวีดีโอคอนเฟอร์เร้นท์ได้ ส่วนกรณีรวมตัวไม่เกิน 20 คนนั้น ก็ขออนุญาตเพื่อการยกเว้นได้ ซึ่งมีหลายการประชุมที่จัดประชุมเกิน20 คน คือ ประชุมครม., ประชุมคณะกรรมการต่าง ๆ ดังนั้นก็จะไม่กระทบต่อการประชุมสภาฯ แต่อย่างใด 

อีกทั้งได้กล่าวถึง ข้อกำหนดของ ศบค. ที่ประกาศเมื่อตี 1 วันที่ 27 มิ.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งถูกวิจารณ์ว่ากระทันหันเกินไปจนประชาชนไม่ได้เตรียมตัว ถือเป็นการประกาศแบบลักหลับว่า "ไม่ได้ลักหลับ เขาก็เกริ่นให้รู้ โธ่ จะลักหลับอะไร ใครๆ ก็รุมด่ารัฐบาลอยู่ว่า แพลมออกมาจนพวกคนงานเขาหนีออกไปหมดแล้วตั้งแต่วันศุกร์ที่ 25 มิ.ย. แล้วเป็นสัญญาณให้รู้ แต่ก็ต้องยอมรับว่าเรื่องนี้ทางหมอเขาขอว่าจะต้องทันที เพราะต้องชั่งน้ำหนักระหว่างผลกระทบทางเศรษฐกิจ และผลกระทบในทางสุขภาพ เพราะโควิดมันรุนแรงมาก โดยเฉพาะสายพันธุ์เบต้าที่ระบุไว้ในข้อกำหนด ส่วนเหตุผลที่ต้องห้ามนั่งกินในร้านอาหารก็คือการบริโภคอาหาร นั้นมันเป็นเหตุให้ต้องถอดหน้ากากอนามัย นี่คืออันตราย


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top