Friday, 27 June 2025
Politics

“ผบ.ทสส.” ประชุมผบ.เหล่าทัพ รับทราบผลการปฎิบัติงาน-แก้ปัญหาโควิด-19 พร้อมสั่งการเหล่าทัพ ดูแลปชช. สนับสนุน รบ-สธ. แก้ไขปัญาโควิด-19 

ที่กองบัญชาการกองทัพอากาศ (บก.ทอ.) พล.ต.ธีรพงศ์ ปัทมสิงห์ ณ อยุธยา รองโฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย เปิดเผยว่า พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.ทสส.) เป็นประธานการประชุมผู้บัญชาการเหล่าทัพ ครั้งที่ 4 โดยมี ผู้บัญชาการเหล่าทัพ และผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เข้าร่วม

โดยผู้บัญชาการทหารสูงสุด แจ้งให้ที่ประชุมทราบว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ได้แสดงความขอบคุณ กองบัญชาการกองทัพไทย เหล่าทัพ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ได้ทุ่มเท เสียสละทำให้ภารกิจต่าง ๆ ของรัฐบาลคลี่คลายไปได้ด้วยดี โดยเฉพาะการแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 การแก้ไขปัญาความมั่นคงตามแนวชายแดน การจัดตั้งโรงพยาบาลสนาม การจัดรถรับ-ส่ง ในการเคลื่อนย้ายผู้ติดเชื้อ โควิด-19 การแจกจ่ายอาหารเพื่อสนับสนุนชุมชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ รวมทั้งเรื่องการบริจาคโลหิต ซึ่งได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องทำให้สามารถบรรเทาผลกระทบที่เกิดขึ้นกับประชาชนได้เป็นอย่างมาก

ทั้งนี้กองทัพได้ดำเนินการสกัดกั้นการลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฏหมายตั้งแต่แนวชายแดนเข้ามาจนถึงพื้นที่ตอนใน โดยใช้กำลังป้องกันชายแดนทำการตั้งจุดตรวจ/จุดสกัดการลาดตระเวนและเฝ้าตรวจ เสริมด้วยการใช้ยุทโธปกรณ์พิเศษในการลาดตระเวนเฝ้าตรวจ เช่น โดรนลาดตระเวนทางอากาศ กล้อง CCTV และกล้องตรวจจับความเคลื่อนไหวบริเวณช่องทางตามธรรมชาติในพื้นที่เสี่ยง การใช้เครือข่ายภาคประชาชน และผู้นำหมู่บ้าน แจ้งเบาะแส และข่าวสารและตามที่ นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง สั่งการให้ผู้ว่าราชการชายแดนใช้กลไกศูนย์สั่งการจังหวัดชายแดนไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน (ศส.ชท.) บูรณาการการปฏิบัติร่วมกับหน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่ ซึ่งผู้บัญชาการทหารสูงสุด/ผู้อำนวยการกองอำนวยการปฏิบัตินโยบายชายแดนไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน (ผบ.ทสส./ผอ.นชท.) ได้ประชุมมอบแนวทางในการปฏิบัติของส่วนราชการตามกลไกของ กอ.นชท. เพื่อบูรณาการและขับเคลื่อนการบริหารจัดการชายแดนฯ  

โดนเน้นย้ำให้กำลังทหารในพื้นที่กองทัพภาค ทัพเรือภาค และกองกำลังป้องกันชายแดนต่างๆ สนับสนุนการปฏิบัติของ ศส.ชท. จังหวัดทั้งในพื้นที่ชายแดนทางบก และทางทะเล โดยในระดับส่วนกลาง กอ.นชท. จะช่วยกำกับดูแลและขับเคลื่อนงานในส่วนที่เกี่ยวข้องกับหน่วยงานอื่น เช่น การบูรณาการด้านการข่าว ติดตามการสืบสวน / สอบสวน / ดำเนินคดี การนำแรงงานต่างด้าวเข้าสู่ระบบ 

ในเรื่องการเตรียมการรับทหารใหม่ที่กำลังจะเข้ามาประจำการในวันที่ 1 ก.ค. 64 นี้ กองทัพได้เตรียมมาตรการควบคุมและป้องกันโรค รองรับในรูปแบบที่เป็นมาตรฐานเดียวกันทุกเหล่าทัพ โดยมีมาตรการเริ่มตั้งแต่การเตรียมความพร้อมของหน่วยฝึกและกำลังพลครูฝึก กระบวนการรับตัวทหารใหม่จากภูมิลำเนา ณ ตำบลต้นทาง การปฏิบัติและมาตรการควบคุมระหว่างการเคลื่อนย้าย จนถึงตำบลปลายทางเข้าที่ตั้งหน่วยฝึกทหารใหม่ที่กำหนด และมาตรการควบคุมการปฏิบัติในห้วงระหว่างการฝึก ทั้งนี้ หน่วยฝึกทหารใหม่ทุกหน่วยมีมาตรการที่สำคัญคือจะทำลักษณะหน่วยฝึกให้เป็น Bubble and Seal ทุกหน่วย ครูฝึกทุกคนได้รับการฉีดวัคซีนก่อนแล้วและทำการกักตัวตามมาตรฐานที่กำหนดก่อนที่ทหารใหม่จะเข้าหน่วย/ทหารใหม่ที่เข้ามา 14 วันแรกจะยังไม่ฝึก จะเป็นการเฝ้าสังเกตุอาการ และทหารใหม่จะได้รับการฉีดวัคซีนทุกคน 
   
ที่ประชุมได้รับทราบภาพรวมของการปฏิบัติการทางไซเบอร์ของกองทัพไทยในปัจจุบันที่ได้กำหนดให้มิติทางไซเบอร์เป็นมิติที่ 5 ของการรบ นอกเหนือจากมิติทางบก มิติทางน้ำ มิติทางอากาศ และมิติทางอวกาศ 
โดยศูนย์ไซเบอร์ทหาร และศูนย์ไซเบอร์เหล่าทัพ ได้ร่วมกันพัฒนาขีดความสามารถของการปฏิบัติการทางไซเบอร์ ให้มีความพร้อมในการรับมือกับภัยคุกคามในทุกรูปแบบ

ในขณะที่ กองทัพบก ได้นำเสนอการปฏิบัติการแก้ไขปัญหาสถานการณ์ไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละอองในภาคเหนือ โดยได้จัดตั้งกองบัญชาการควบคุมสถานการณ์ไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละอองภาคเหนือ กองทัพภาคที่ 3 ส่วนหน้า เพื่อบูรณาการกับส่วนราชการในพื้นที่ในการขับเคลื่อนแก้ไขปัญหาดังกล่าวอย่างเป็นระบบส่งผลให้สถานการณ์ไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละอองในปี64 ดีขึ้นตามลำดับ

นอกจากนี้ ที่ประชุมได้รับทราบแนวคิดการปฏิบัติการสำหรับสงครามที่ใช้เครือข่ายเป็นศูนย์กลาง (Network Centric Warfare) ของกองทัพเรือ ที่ได้นำมาประยุกต์ใช้และพัฒนา โดยหากเสร็จสมบูรณ์ภายในปี 65 จะทำให้กองทัพเรือมีระบบควบคุมการบังคับบัญชาที่มีประสิทธิภาพ ครอบคลุมพื้นที่ทั้ง 2 ฝั่งมหาสมุทร 3 พื้นที่ปฏิบัติการ และพื้นที่รับผิดชอบของกองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด

สำหรับ กองทัพอากาศ ได้ยืนยันถึงขีดความสามารถด้านการข่าวกรองในการเฝ้าตรวจลาดตระเวน และการปฏิบัติการที่ใช้เครือข่ายเป็นศูนย์กลางสนับสนุนภารกิจการดับไฟป่าในพื้นที่ภาคเหนือ โดยได้จัดอากาศยานไร้คนขับ Aerostar ทำการบินลาดตระเวนค้นหาจุดเกิดไฟป่า และส่งภาพ Video Downlink แบบ Near Real Time มายังกองบัญชาการและควบคุมฯ เพื่อยืนยันเป้าหมายจุดเกิดไฟป่า ทำให้เจ้าหน้าที่ดับไฟป่าภาคพื้นสามารถเข้าพื้นที่ได้อย่างแม่นยำและรวดเร็วมากขึ้น 

ทางด้าน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้มอบหมายให้ กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค รับผิดชอบดูแลในการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดที่เกี่ยวกับสินค้าควบคุมสลาก วัตถุอันตราย ขายตรง สินค้าที่ต้องได้รับมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม เครื่องสำอาง อาหาร และยา โดยมีการบูรณาการร่วมกับหน่วยงานอื่น ๆ ของรัฐ ทั้งนี้ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนสามารถร้องเรียนได้ที่สายด่วน 1135 และเพจเฟซบุ๊ค กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค

กองทัพไทย โดยกองบัญชาการกองทัพไทย กองทัพบก กองทัพเรือ กองทัพอากาศ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ไม่เคยหยุดนิ่งที่จะพัฒนาขีดความสามารถในด้านต่างๆ เพื่อมุ่งมั่นไปสู่เป้าหมายในการแก้ไขปัญหาที่สำคัญของชาติ ตอบสนองนโยบายของรัฐบาล เสริมสร้างความมั่นคงของรัฐ และเพื่อประโยชน์สุขของประเทศชาติและประชาชน

สำหรับ การประชุมผู้บัญชาการเหล่าทัพ มีวัตถุประสงค์เพื่อบูรณาการการปฏิบัติงานร่วมกันก่อให้เกิดความประสานสอดคล้อง มีเอกภาพ เสริมสร้างความสามัคคีระหว่าง กองบัญชาการกองทัพไทย เหล่าทัพ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ อันจะนำไปสู่การสร้างความมั่นคงให้กับประเทศชาติและประชาชน ซึ่งจัดขึ้นเป็นประจำทุก 2 เดือน หมุนเวียนกันเป็นเจ้าภาพ สำหรับการประชุมครั้งต่อไปมีกำหนดจัดขึ้นในเดือนสิงหาคม โดยมี 

เอกชนถก “บิ๊กตู่” เสนอมาตรการช่วยเหลือเอสเอ็มอี

นายแสงชัย ธีรกุลวาณิช ประธานสมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย กล่าวภายหลังคณะเอกชนได้หารือกับนายกรัฐมนตรีเพื่อเสนอแนวทางช่วยเหลือ โดยใช้เวลานานกว่า 2 ชั่วโมง ว่า นายกฯ ยืนยันช่วยเหลือเอสเอ็มอีโดยรับขอเสนอทั้งหมดไปทำต่อ ทั้งการขอพักชำระหนี้เงินต้นและดอกเบี้ย 6-12 เดือน และตั้งกองทุนฟื้นฟู เอ็นพีแอล เพื่อช่วยพยุงกิจการเอสเอ็มอีที่เข้าไม่ถึงการกู้เงินจากธนาคารพาณิชย์ อีกทั้งยังเสนอให้รัฐแก้เงื่อนไขกองทุนประกันสังคม 3 หมื่นล้านบาท ให้เอสเอ็มอีเข้าถึงง่ายขึ้น โดยรมว.แรงงานยืนยันกำลังปรับแก้ไขแล้ว รวมทั้งแก้ไขเงื่อนไขซอฟต์โลนให้เข้าถึงสะดวกขึ้น

นายแสงชัย กล่าวว่า ตอนนี้มีเอสเอ็มอีที่เป็นหนี้เสีย หรือเอ็นพีแอล ในระบบคิดเป็นวงเงินถึง 2.4 แสนล้านบาท แถมยังมีกลุ่มไฟเหลืองที่จวนเจียนจะเป็นหนี้เสียอีก 4.4 แสนล้านบาท ซึ่งถ้ารวม 2 ส่วนนี้ คิดเป็นสัดส่วน 20% ของสินเชื่อเอสเอ็มอีทั้งระบบที่มีอยู่ 3.5 ล้านล้านบาท โดยเฉพาะกลุ่มไฟเหลืองถือว่าน่าเป็นห่วงมาก เพราะปรับเพิ่มขึ้นมาจากก่อนที่เกิดโควิดมีวงเงินอยู่ที่ 1.7 แสนล้านบาท แต่เมื่อเกิดโควิดขึ้นก็ปรับเพิ่มขึ้นมาถึง 4.4 แสนล้านบาท

ทั้งนี้ นายกฯ ยังรับข้อเสนออื่นๆ จากภาคเอกชนอีก โดย นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยกล่าวว่า ได้เสนอให้ปล่อยสินเชื่อให้เอสเอ็มอีผ่านผู้ประกอบการค้าปลีก ขอให้ปลดล็อคให้ลูกหนี้ที่ติดเครดิตบูโร หรือเป็นหนี้เสียเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ ซึ่งเรื่องนี้อยู่ในดุลพินิจกระทรวงการคลังและธนาคารแห่งประเทศไทยทำได้โดยไม่ต้องแก้กฎหมาย และอยากให้หาทางกระตุ้นการใช้จ่ายผ่านการใช้เงินกู้ 5 แสนล้านบาท โดยอยากให้ปรับโครงการยิ่งใช้ยิ่งได้ ที่มีวิธีการมากมาเป็นโครงการที่คล้ายกับช้อปดีมีคืน ที่คนเข้าไปใช้ได้ง่ายกว่า

นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า กรอบเวลาในการช่วยเหลือนั้น จากการหารือยังไม่มีกำหนดออกมา แต่คิดว่าอยู่ในกรอบที่นายกฯ วางไว้ 120 วันที่จะเปิดประเทศอยู่แล้ว จึงขอรีบช่วยในช่วงเวลานี้ พอถึงเวลาเปิดประเทศจะได้มีเงินไหลเข้ามาทำธุรกิจต่อไปได้

พลังประชาชาติไทย ยันจุดยืนพรรค 5 ข้อ

นายเขตรัฐ เหล่าธรรมทัศน์ โฆษกพรรครวมพลังประชาชาติไทย กล่าวถึงจุดยืนของพรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช.) ในประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ว่า พรรครปช.มีจุดยืน 5 ข้อ ดังนี้

​1.) พรรคยึดมั่นในการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ซึ่งเป็นประเพณีการปกครองประเทศอันนับเนื่องตั้งแต่รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรสยาม พ.ศ. 2475 เป็นต้นมาจนถึงปัจจุบัน จุดยืนของพรรค รปช. ในเรื่องรัฐธรรมนูญ จึงให้ความสำคัญเป็นพิเศษเกี่ยวกับเนื้อหาสาระแห่งบทบัญญัติ ในรัฐธรรมนูญที่จะต้องดำรงเจตนารมย์ดังกล่าวนี้อย่างแท้จริง

​2.) ข้อพิจารณาของพรรคอยู่ที่ประเด็นการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ ดังที่ได้มีการเสนอกันอยู่ในขณะนี้ว่าจะเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติและประชาชนส่วนใหญ่อย่างไรคือคำถามที่สังคมได้ตั้งไว้กับตัวแทนของพวกเขา

​3.) ในสถานการณ์ปัจจุบันการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญต้องคำนึงถึงความประสงค์ของประชาชนส่วนใหญ่ในประเทศ มิใช่แก้ไขรัฐธรรมนูญตามความต้องการของนักการเมืองและพรรคการเมือง

​4.) การแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญจะต้องมีจุดมุ่งหมายให้ระบบการเมืองดีขึ้น สอดคล้องกับเจตนารมณ์ของประชาชนในเรื่องการปฏิรูปการเมือง และยกระดับคุณภาพของนักการเมืองให้ดีขึ้น ไม่ใช่การแก้ไขเพิ่มเติมเพื่อให้พรรคการเมืองและนักการเมืองสามารถกลับไปประพฤติปฏิบัติแบบเก่าๆ เดิมๆ จนเป็นเหตุให้เกิดวิกฤติทางการเมืองอย่างที่เคยเกิดขึ้นในอดีตที่ผ่านมา

​5.) รัฐธรรมนูญจะต้องไม่เปิดโอกาสให้เกิดการบิดเบือนการใช้อำนาจของฝ่ายบริหาร ฝ่ายนิติบัญญัติ และฝ่ายตุลาการ คือต้องมีดุลยภาพแห่ง 3 อำนาจอธิปไตยของปวงชน และต้องธำรงหลักประกันแห่งความยุติธรรม จริยธรรม หลักธรรมาภิบาล และการตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐโดยองค์กรอิสระอย่างมีประสิทธิภาพอย่างแท้จริง

“ผมมีเจตนารมณ์ที่อยากจะเชิญชวนให้สมาชิกรัฐสภาทุกท่านเเละประชาชนคนไทยทุกคนร่วมกันพิจารณาญัตติด่วน 13 ร่างของการแก้ไขรัฐธรรมนูญไปพร้อมกันด้วยความเคารพทุกความคิดเห็นที่อาจจะเหมือนและแตกต่างกันออกไป” นายเขตรัฐ กล่าว

“โฆษกรัฐบาล” เผย ตั้งเป้าส่งออกสินค้าฮาลาลโต 3 เปอร์เซ็นต์ มูลค่ากว่าแสนล้าน เจาะตลาดประเทศมุสลิม ชี้ ใช้โมเดล “เกษตรผลิต พาณิชย์ตลาด” เป็นผู้นำการผลิต สร้างมาตรฐานคุณภาพ

ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลเห็นโอกาสการผลิตและการส่งออกสินค้าอาหารฮาลาลและผลผลิตสินค้าเกษตรมาตรฐานที่โตต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปี ไปสู่ตลาดกลุ่มประเทศมุสลิม และประเทศที่มีชาวมุสลิมอาศัยอยู่มาก เช่น อินเดีย จีน รัสเซีย สหรัฐอเมริกา คาดว่ามีประชากรชาวมุสลิมทั่วโลกกว่า 2 พันล้านคน มูลค่าตลาดประมาณ 1.2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ทางกระทรวงพาณิชย์ จึงตั้งเป้าการส่งออกสินค้าฮาลาลทุกประเภทไปยังกลุ่มประเทศมุสลิม ของปี 2564 ไว้ที่ 1.22 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 3เปอร์เซ็นต์ มูลค่า 1.18 แสนล้านบาท โดยประเทศไทยได้เปรียบที่สามารถผลิตสินค้าหลากหลาย มีมาตรฐาน ตอบสนองความต้องการของตลาดได้ดี และขณะนี้มีบริษัทที่ได้รับรองมาตรฐานอาหารฮาลาลประมาณ 5,000 บริษัท มีผลิตภัณฑ์ที่ผ่านการรับรองฮากว่า 160,000 รายการ จึงเชื่อมั่นว่าประเทศไทย มีศักยภาพเป็นประเทศผู้นําในการพัฒนา ผลิต และส่งออกสินค้าเกษตรและอาหารที่ได้รับความเชื่อมั่นในตลาดโลก

น.ส.รัชดา กล่าวว่า รัฐบาลใช้โมเดล “เกษตรผลิต พาณิชย์ตลาด” เพื่อขับเคลื่อนการเป็นผู้ผลิตในตลาดโลก โดยร่วมกับหลายภาคส่วน ให้ครอบคลุมเพิ่มศักยภาพหน่วยงานรับรองมาตรฐานฮาลาล ใช้เทคโนโลยีทันสมัยตรวจสอบพร้อมสร้างองค์ความรู้ในการผลิต การบริหารจัดการตั้งแต่ระดับฟาร์มจนถึงผู้บริโภค และพัฒนาฐานข้อมูลฮาลาล เป็นต้น นอกจากนั้นมีกิจกรรมพัฒนาศักยภาพการตลาดฮาลาลสู่สากล อาทิ จัดอบรมให้ความรู้กับผู้ประกอบการเกี่ยวกับการผลิตสินค้าฮาลาลที่ถูกต้องตามหลักศาสนา และคำนึงถึงความต้องการของผู้บริโภคในแต่ละประเทศ จัดกิจกรรมส่งเสริมการขายร่วมกับห้างค้าปลีก ซุปเปอร์สโตร์ชั้นนำ จับคู่เจรจาค้าสินค้าอาหารฮาลาลออนไลน์ ในอาเซียน จีน แอฟริกา และตะวันออกกลาง รวมถึงประชาสัมพันธ์ภาพลักษณ์สินค้าฮาลาลไทย และการสร้างความร่วมมือที่ดีกับผู้เกี่ยวข้องกับสินค้าฮาลาลในตลาดประเทศมุสลิม เป็นต้น ทั้งนี้กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ พร้อมให้ข้อมูลเพิ่มเติมแก่ผู้ประกอบการที่มีความสนใจตลาดสินค้าฮาลาลที่มีแนวโน้มขยายตัวเพิ่มมากขึ้น และเพิ่มช่องทางการค้าออนไลน์เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้บริโภคตามวิถีชีวิตในยุคปัจจุบัน 

“โฆษกรัฐบาล” เผย ปชช.แจ้งเบาะแส ร้องทุกข์จากโควิด-19 กว่า5 เดือน ยุติเรื่องได้กว่า 2.4 แสนเรื่อง 

นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงความคืบหน้าการเปิดให้ประชาชนรับแจ้งเบาะแส ร้องทุกข์ขอความช่วยเหลือ สอบถามข้อมูล เสนอความคิดเห็นและข้อเสนอแนะเกี่ยวกับโควิด-19 ผ่าน 5 ช่องทาง 1111 ของรัฐบาล ว่า ตั้งแต่วันที่ 7 ม.ค. - 23 มิ.ย.ที่ผ่านมา มีการแจ้งข้อมูลทั้งหมด 249,448 เรื่อง แบ่งเป็น

1.) แจ้งเบาะแสบ่อนการพนัน จำนวน 652 เรื่อง  

2.) แจ้งเบาะแสไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดตามความในมาตรา 9 แห่ง พ.ร.ก. ฉุกเฉินฯ และแรงงานเข้าเมืองผิดกฎหมาย จำนวน  432 เรื่อง และ 3.ร้องทุกข์ขอความช่วยเหลือ สอบถามข้อมูล เสนอความคิดเห็นหรือข้อเสนอแนะเกี่ยวกับโควิด-19 จำนวน 248,364 เรื่อง 

ขณะนี้สามารถยุติเรื่องได้แล้ว จำนวน 248,166 เรื่อง และรอผลการพิจารณาอีก 1,282 เรื่อง ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวที่เห็นผลเป็นรูปธรรม เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลและนายกรัฐมนตรี ที่ต้องการสนับสนุนให้ภาคประชาชนมีส่วนร่วมตรวจสอบ โดยเสนอเรื่องราวร้องทุกข์ แจ้งเบาะแสการกระทำผิดกฎหมาย และเสนอข้อคิดเห็น ข้อเสนอแนะและคำติชมด้วยตนเอง หรือผ่านทางจดหมาย โทรศัพท์ โทรสาร และทางเว็บไซต์ www.1111.go.th ซึ่งเป็นช่องทางการให้บริการประชาชน ที่มีความสะดวกและรวดเร็ว สามารถให้บริการได้ตลอดเวลา

“ตู่” ประกาศยุติการชุมนุมกลุ่มไทยไม่ทน เผย อาจมีมือที่ 3 สร้างสถานการณ์ นัดชุมนุมใหม่อีกครั้งเสาร์นี้ เวลาเดิม

ที่สี่แยกนางเลิ้ง หลังแกนนำสลับขึ้นปราศรัยโจมตีรัฐบาลของพล.อ.ประยุทธ์ระยะหนึ่ง นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำกลุ่มไทยไม่ทน ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ได้ประกาศยุติการชุมนุม โดยขี้แจงว่า เนื่องจากเวลานี้มืดแล้ว เกรงว่าจะมีคนเข้ามาสร้างสถานการณ์ โดยได้รับแจ้งจากนายนิติธร ล้ำเหลือ หรือทนายนกเขา ว่ามีรายงานจะมีคนเข้ามาสร้างสถานการณ์ในบริเวณที่ชุมนุม จึงขอยุติการชุมนุมก่อน และนัดรวมตัวกันอีกครั้งในวันเสาร์ที่ 26  มิ.ย.เวลา 16.00 น. พี่สะพานผ่านฟ้าลีลาศที่เดิมและมีแนวโน้มว่าจะค้างคืนเพื่อขับไล่ประยุทธ์ออกจากตำแหน่ง

“วันนี้เรายุติการชุมนุมทั้งฝ่ายของเรา และฝ่ายของทนายนกเขาก็ยุติการชุมนุม เพราะเราเป็นผู้ใหญ่แล้วผ่านอะไรกันมามาก เห็นสัญญาณอะไรบางอย่าง ในการเตรียมสร้างสถานการณ์ จึงไม่อยากประชาชนเดือดร้อนและไม่ปลอดภัย เพราะวันนี้เรามากันเองด้วยความสงบ แต่คอยดูว่าเมื่อเรากลับไปแล้วก็จะเกิดตูมตามขึ้นมา เพราะทางทนายนกเขาและผมก็เห็นเช่นกัน เพราะได้มีการส่งคนเข้าไปอยู่ตามจุดต่างๆ ซึ่งเราไม่คิดว่าจะเป็นอย่างนี้ และจะเร็วแบบนี้ เพราะมากันดีๆ และครั้งหน้าเราก็จะมากันดีๆเช่นนี้อีก ยืนยัน จะใช้สันติวิธีในการชุมนุม”นายจตุพรกล่าว

"คณะกรรมการยุทธศาสตร์ กทม.ก้าวไกล" ออกแถลงการณ์ เรียกร้อง "กทม.-รัฐบาล-ศบค." ทำงานแบบบูรณาการ เร่งแก้วิกฤติผู้ป่วยโควิด-19 ล้นระบบสาธารณสุข หยุดเล่นการเมือง

เรืออากาศโทธนเดช เพ็งสุข กรรมการยุทธศาสตร์กรุงเทพมหานคร พรรคก้าวไกล กล่าวว่า ที่ประชุมคณะกรรมการยุทธศาสตร์ฯ มีมติได้ออกแถลงการณ์เพื่อเรียกร้องให้ กทม. รัฐบาล และ ศบค. บูรณาการทำงานเพื่อแก้ไขวิกฤติโควิด-19 ที่กำลังรุนแรงขึ้นในเวลานี้อย่างเร่งด่วน

เรืออากาศโทธนเดช กล่าวต่อว่า จากสถานการณ์โรคระบาดโควิด-19 ที่กำลังแพร่ระบาดในจังหวัดกรุงเทพมหานคร ในห้วงเวลาปัจจุบันพบว่ามียอดผู้ติดเชื้อสูงขึ้น และยอดผู้เสียชีวิตที่เพิ่มขึ้นอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน ในขณะที่ประสิทธิภาพการบริหารจัดการสถานการณ์ของภาครัฐขาดเสถียรภาพ สวนทางกัน ในนามของคณะกรรมการยุทธศาสตร์กรุงเทพ พรรคก้าวไกล ขอเรียกร้องให้ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครตลอดจนหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วน เร่งนำข้อเรียกร้องต่อไปนี้ไปดำเนินการเป็นวาระเร่งด่วน โดยหวังเป็นอย่างยิ่งว่าเมื่อผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครและนายกรัฐมนตรีทราบถึงแถลงการณ์ฉบับนี้แล้วจะเร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาดังกล่าวตามคำแนะนำเพื่อช่วยเหลือประชาชนต่อไป

เรืออากาศโทธนเดช กล่าวอีกว่า สำหรับข้อเรียกร้องคณะกรรมการยุทธศาสตร์กรุงเทพมหานคร พรรคก้าวไกล มี 5 ข้อ ได้แก่

1.) กรุงเทพมหานครต้องดำเนินการตั้งจุดตรวจเชิงรุกให้เพิ่มขึ้น ทั่วถึง และครอบคลุม รวมทั้งเพิ่มบริการรับและส่งตรวจ

2.) จัดหาสถานที่รองรับผู้ป่วย 24 ชั่วโมง

3.) จัดหาสถานที่ส่งต่อที่มีคุณภาพ มาตรฐานอย่างรวดเร็วและทันเวลา

4.) เร่งแก้ไขปัญหาการจัดการวัคซีนที่กำลังมีอยู่ในขณะนี้

5.) ขอให้ กรุงเทพมหานคร รัฐบาล และ ศบค. ทำงานร่วมกันแบบบูรณาการ หยุดทะเลาะ หยุดเล่นการเมือง ตั้งมั่นในการแก้ไขปัญหาโดยคำนึงถึงผลประโยชน์ของพ่อแม่พี่น้องประชาชนเป็นที่ตั้งก่อนผลประโยชน์อื่นใด

ดร.เสรี วงษ์มณฑา สมน้ำหน้าพรรคพลังประชารัฐ หลังเหิมเกริมแก้รัฐธรรมนูญ มาตราที่ปราบโกง ลั่นถ้าไม่มี 'บิ๊กตู่' ก็ไร้มนตรา เรียกคะแนน

วันที่ 25 มิถุนายน 2564 ดร.เสรี วงษ์มณฑา ผู้ร่วมก่อตั้งสถาบันทิศทางไทย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กระบุว่า สมน้ำหน้าพรรคพลังประชารัฐที่เหิมเกริมเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตราที่ปราบโกงไม่ให้ สส. ยุ่งเกี่ยวกับการใช้งบประมาณและการไม่ให้รัฐมนตรี สส. ยุ่งเรื่องการโอนย้ายราชการ

นึกว่ามีอำนาจแล้วจะทำอะไรตามอำเภอใจได้กระนั้นหรือ แค่นี้ก็คงได้บทเรียนแล้วสินะ พรรคพลังประชารัฐ ถ้าไม่มีพลเอกประยุทธ์เป็นนายกฯ ก็ไม่ได้มีมนตราอะไรมากมายเลย

เลือกตั้งด้วยบัตร 2 ใบ ถ้าไม่มีพลเอกประยุทธ์เป็นชื่อ candidate นายกฯ จะไม่ได้คะแนนบัญชีรายชื่อมากมายอะไร ส่วน สส. เขต พวกสีเทาอย่าหวังว่าจะได้รับเลือกตั้ง

พรรคเล็กเกิดยาก สส. ปัดเศษคงจะไม่มี พรรคที่คะแนน สส. เขต จะไม่มีส้มหล่นจาก สส.บัญชีรายชื่อ พรรคที่เสียงแน่นอย่างเพื่อไทย ได้ประโยชน์ทั้ง สส. เขต และบัญชีรายชื่อ

พรรคเพื่อไทยจะได้กลับมาจัดตั้งรัฐบาล ส่วนพรรคเก่าแก่ที่เป็นผู้เสนอเรื่องบัตรสองใบนั้นจะฟื้นหรือไม่ก็ต้องดู รักษาระดับเดิมให้ได้ก็แล้วกัน อย่าตกต่ำกว่านี้นะ


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

ก.แรงงาน นำนวัตกรรม e-Testing วัดทักษะรวดเร็ว โปร่งใส แม่นยำ

กระทรวงแรงงาน โดยกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน ชวนแรงงานทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงาน ด้วยระบบ e-Testing ประสิทธิภาพสูง โปร่งใส สร้างความเชื่อมั่น สนับสนุนต่อยอดค่าจ้างฝีมือแรงงาน นายธวัช เบญจาทิกุล อธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน (กพร.) กระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า กระทรวงแรงงานโดยนายสุชาติ  ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน และศาสตราจารย์ นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงแรงงาน มีนโยบายด้านการพัฒนาฝีมือแรงงาน มอบหมายให้กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน ดำเนินการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานเพื่อพัฒนาแรงงานให้มีคุณภาพได้มาตรฐาน ได้รับค่าจ้างที่เป็นธรรม ตามมาตรฐานฝีมือ พร้อมทั้ง สร้างโอกาสการมีงานทำให้แก่แรงงานทุกกลุ่ม ทั้งแรงงานใหม่ แรงงานที่ถูกเลิกจ้างผู้ว่างงาน นักศึกษาที่กำลังจะจบการศึกษาระดับ ปวช. ปวส. และปริญญาตรี เพื่อเป็นแรงงานที่มีคุณภาพเหมาะสมกับความต้องการของตลาดแรงงานในปัจจุบัน 

นายธวัช กล่าวต่อไปว่า กพร.ได้นำเทคโนโลยีสารสนเทศเข้ามาใช้ประกอบภารกิจด้านต่างๆ มุ่งสู่การเป็นรัฐบาลดิจิทัล โดยเฉพาะการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ ที่มีการทดสอบภาคความรู้ และทฤษฎี ซึ่งเดิมการสอบภาคความรู้เป็นระบบเอกสารทำให้เกิดความล่าช้าในการตรวจ ประเมิน และอาจมีความผิดพลาดขึ้นได้จึงมีการปรับปรุงการทดสอบฯ โดยนำระบบเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้เป็นเครื่องมือบริหารจัดการคลังข้อสอบ (Test Bank) และระบบการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ (ภาคความรู้) ด้วยระบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Testing System) ในการจัดเก็บและประมวลผลข้อมูล การรายงานผล การเชื่อมโยงข้อมูล และตรวจสอบข้อมูลผู้เข้ารับการทดสอบในการพัฒนาศักยภาพแรงงาน ซึ่งระบบดังกล่าวช่วยลดการใช้ดุลยพินิจของเจ้าหน้าที่ในการประเมินเพิ่มความสะดวกรวดเร็ว โปร่งใส ถูกต้อง และแม่นยำ มีหลักเกณฑ์การใช้ข้อสอบที่สามารถสุ่มเลือกซึ่งมีระบบที่เป็นมาตรฐานเดียวกัน สร้างความน่าเชื่อถือในการปฏิบัติงานของผู้ทดสอบ และผู้เข้ารับการทดสอบ

การนำระบบ e-Testing มาใช้ในกระบวนการทดสอบก่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดของภารกิจดังกล่าว แรงงานได้วัดทักษะฝีมือด้วยระบบที่มีประสิทธิภาพ ช่วยให้ได้รับค่าจ้างตามมาตรฐานฝีมือ นายจ้างและสถานประกอบกิจการ ใช้เป็นเกณฑ์คัดเลือกบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถ และทัศนคติที่ดีต่อการทำงาน เข้าปฏิบัติงานในองค์กร หรือเลื่อนตำแหน่งต่างๆ ได้อย่างเหมาะสมและเป็นธรรม แรงงานหรือนายจ้างที่สนใจเข้ารับการทดสอบ ติดต่อสอบถามได้ที่สถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน (สพร.) และสำนักงานพัฒนาฝีมือแรงงาน (สนพ.) ซึ่งพัฒนาให้บริการด้วยระบบ e-Testing แล้วทุกแห่งทั่วประเทศ หรือสายด่วนกระทรวงแรงงาน 1506 กด 4 หรือ สำนักพัฒนามาตรฐานและทดสอบฝีมือแรงงาน 02 2454837, 02 2451707 ต่อ 718 อธิบดี กพร.กล่าวทิ้งท้าย
 

“เลขาฯสมช.” รอสธ.ชงล็อกดาวน์กรุงเทพฯ ชี้ สุดท้ายให้ “นายกฯ” เคาะ ยันคำนึงกระทบสาธารณสุข-เศรษฐกิจ เผย ใช้มทบ.11 แจ้งวัฒนะเพิ่ม100เตียง รับคนไข้หนัก-ปานกลาง พร้อมรับ ห่วงม็อบชุมนุม 

ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ. ณัฐพล นาคพาณิชย์ เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปฎิบัติการศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศปก.ศบค.) ให้สัมภาษณ์ถึงข้อเรียกร้องให้ล็อกดาวน์กทม.ว่าเรื่องนี้ต้องรอให้กระทรวงสาธารณสุข พิจารณาและเสนอมา แต่ยังไม่ได้ระบุว่าจะแจ้งเมื่อไหร่ใด เมื่อเสนอมามาแล้ว ต้องรายงานให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะผอ.ศบค.พิจารณาว่าจะมีการล็อกดาวน์หรือไม่ ที่ผ่านมานายกฯ ก็รับฟังทุกส่วน และเรื่องนี้จำเป็นต้องนำเข้าศบค.ชุดใหญ่ พิจารณาด้วย ทั้งนี้สถานการณ์ขณะนี้มีความเป็นห่วงทั้งการแพร่ระบาดและเตียงรองรับผู้ป่วยที่ไม่เพียงพอ และห่วงคนทำมาหากิน หากจะล็อกดาวน์จะดูแลอย่างไรที่จะไม่ทำให้ประชาชนเดือดร้อน เราห่วงทุกอย่างจึงต้องดูให้รอบด้าน 

ผู้สื่อข่าวถามว่าหากออกมาทำมาหากินแล้วเสี่ยงติดโรคจะหนักกว่าเดิม พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า ศบค.ดูอยู่ ทุกวันนี้ส่วนใหญ่เหตุเกิดที่ไซต์งานก่อสร้างและโรงงาน ส่วนจุดที่ประชาชนทำมาหากินทั่วไปยังไม่พบเท่าไหร่ ดังนั้นการพิจารณาต้องรอบคอบทุกด้านไม่ใช่รับฟังด้านใดด้านหนึ่ง 

เมื่อถามว่ากระทรวงสาธารณสุขมีเหตุผลที่กังวลเรื่องใดมากที่สุดที่ต้องการให้ล็อกดาวน์กทม.พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า เรื่องเตียงที่จะรองรับผู้ป่วยเพื่อรักษาพยาบาล ซึ่งทางศปก.ศบค.ได้ประสานทุกแห่ง ทั้งกรุงเทพฯและปริมณฑล และกระทรวงสาธารณสุข เพื่อเพิ่มขีดความสามารถเรื่องเตียงให้มากขึ้น วันนี้คืบหน้ามากเพราะมีเอกชนเข้ามาช่วยด้วย 

เมื่อถามย้ำว่าจะใช้เวลาพิจารณาว่าจะล็อกนานเท่าใด เพราะเวลานี้รพ.ศิริราช รพ.จุฬาฯรพ.ราชวิถี ขอหยุดรับผู้ป่วยเนื่องจากไม่มีเตียงแล้ว พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า ถ้าเสนอมาก็จะพิจารณา ตอนนี้แค่รอสาธารณสุขเสนอมา เมื่อถามว่าถ้าเตียงไม่พอจะต้องรับรักษาเป็นรายกรณีหรือไม่ เพราะมีคนรอเตียงจำนวนมาก พล.อ.ณัฐพลกล่าวว่า พยายามเร่งอยู่ เราทำอย่างเต็มขีดความสามารถ เบื้องต้นจะใช้มณฑลทหารบกที่ 11 แจ้งวัฒนะ ที่รพ.เอกชน เสนอมาดำเนินการรับผู้ป่วยสีแดง ที่อาการหนักประมาณ 50 เตียง และสีเหลือง 50 เตียง คาดว่าภายใน 7 วัน จะปฎิบัติการได้และพอจะคลี่คลายสถานการณ์ได้ โดยใน 1-2 วันนี้ รพ.สนามพลังแผ่นดินของรพ.มงกุฏวัฒนะ จะอาสารับผู้ป่วยไว้ส่วนหนึ่ง และจะประสานส่วนอื่นๆ โดยคณะที่ปรึกษาณ ที่มีนพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร กำลังหารือเพิ่มในจุดอื่นด้วย

ผู้สื่อข่าวถามว่าจะประสานขอบุคลากรการแพทย์ในต่างจังหวัดเข้ามาช่วยด้วยหรือไม่ พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า ต้องขอ เพราะถ้าเพิ่มขีดความสามารถของโรงพยาบาลก็ต้องขอสนับสนุนบุคลากรทางการแพทย์จากกระทรางสาธารณสุข และกระทรวงกลาโหม ตามที่นายกรัฐมนตรี สั่งการไปแล้ว

ผู้สื่อข่าวถามว่าถ้าล็อกดาวน์กทม.จะมีแผนรองรับประชาชนที่จะกลับต่างจังหวัดอย่างไร พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า ต้องพิจารณาทั้งประเทศ เวลาออกมาตรการที่หนึ่งต้องดูภาพรวมทั้งหมด และต้องคำนึงถึงผลกระทบที่อื่นด้วย ไม่ได้มองเฉพาะกรุงเทพฯและปริมณฑล 

เมื่อถามว่ามองไปถึงภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ ที่จะเปิดแต่สวนทางกลับกรุงเทพฯที่จะปิดหรือไม่ หรือไม่ เลขาฯสมช.กล่าวว่า ต้องพิจารณาทั้งหมด

นอกจากนี้ พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ เลขาธิการสภาความ ยังให้สัมภาษณ์ถึงการชุมนุมของกลุ่มต่างๆ เมื่อวันที่24 มิ.ย.ที่ผ่านมา ว่า เมื่อรับผิดชอบตรงนี้ขอพูดในมิติการระบาดไม่ใช่การเมืองก็ยอมรับว่ากังวลเป็นธรรมดา เพราะมีความเสี่ยงมาก แต่เห็นว่าทุกคนที่มาระมัดระวังตัวดี


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top