Friday, 27 June 2025
Politics

ผู้ประกอบอาชีพธุรกิจกลางคืน-ธุรกิจบันเทิง ร้อง นายกฯ เยียวยาผู้ประกอบการ คนกลางคืน 

ที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ของทำเนียบรัฐบาล สมาพันธ์ผู้ประกอบอาชีพธุรกิจกลางคืนและธุรกิจบันเทิงแห่งประเทศไทย นำโดย นายนนทเดช บูรณะสิทธิพร ยื่นหนังสือถึงพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เพื่อเสนอแนวทางให้รัฐบาลมีมาตรการเยียวยากับผู้มีอาชีพธุรกิจกลางคืน

นายนนทเดช กล่าวว่า การระบาดโควิดระลอก 3 และมีข้อกำหนดให้ปิดสถานบริการ ทำให้ส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการ ซึ่งไม่ได้มีแค่เจ้าของธุรกิจ แต่ยังมีพนักงานสาขาอาชีพอื่น จึงขอให้นายกฯพิจารณามาตรการเยียวยาเพื่อให้ความเป็นธรรม

โดยนายธนกร วังบุญคงชนะ เลขานุการรัฐมนตรี ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะโฆษก ประจำศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบของการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบศ. เป็นตัวแทนรับหนังสือ กล่าวว่า จะนำเรื่องดังกล่าวเสนอต่อที่ประชุม ศบค.เพื่อให้การช่วยเหลือต่อไป

“อนันต์”เสียงอ่อน เป็นผู้แทนฯไม่สามารถเลี่ยงการประชุมสภาฯได้ กำชับทุกฝ่ายปฏิบัติตามมาตรการอย่างเคร่งครัด พร้อมแจงเลื่อนประชุม กมธ.กิจการสภาฯเพื่อทบทวนมาตรการให้รอบคอบ ชี้ไม่ใช่ห่วงแค่ ส.ส.ต้องคิดถึง “รก.-จนท.-ผู้ชี้แจง ด้วย

นายอนันต์ ผลอำนวย ส.ส.กำแพงเพชร พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) กิจการสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎรในวันที่ 30 มิ.ย.-1 ก.ค. ว่า เท่าที่สอบถาม ส.ส.หลายคนมีความกังวลต่อสถานการณ์โควิดในพื้นที่ กทม.ที่รุนแรงมากขึ้น พบการติดเชื้อที่รวดเร็วในวงกว้าง มีข้อมูลทางการแพทย์ว่าอาจเป็นเชื้อสายพันธุ์ใหม่ที่ติดต่อกันได้อย่างรวดเร็ว รวมทั้งยังเชื่อว่ามีผู้ที่ติดเชื้อแต่ไม่มีอาการและไม่ได้รับการตรวจอีกเป็นจำนวนมาก ในฐานะประธาน กมธ.ฯ ชพยายามประสานงาน และกำชับให้ ส.ส.และผู้ที่เกี่ยวข้องปฏิบัติตามมาตรการทางสาธารณสุขอย่างเข้มงวด และเคร่งครัด เพื่อให้การทำงานของสภาฯ ทั้งในส่วนของการประชุมสภาฯ และการประชุมของ กมธ.ดำเนินไปได้โดยไม่ก่อปัญหาหรือสร้างคลัสเตอร์ใหม่ขึ้นมา ส่วนที่ระบุว่า ส.ส.บางพรรคจะไม่เข้าร่วมประชุมสภาฯนั้น ก็เป็นเพียงการให้ข้อมูลตามที่ได้พูดคุยสอบถามถึงข้อกังวลเป็นการภายในเท่านั้น
        
“คนเป็นผู้แทนฯ ไม่สามารถหลีกเลี่ยงการประชุมสภาฯ ได้ เพราะเป็นหน้าที่ที่สำคัญในการติดตามและแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน ทั้งนี้การประชุมหรือการดำเนินภารกิจใด ๆ ในสภาฯขณะนี้ต้องคำนึงถึงความปลอดภัยเป็นหลัก ต้องไม่ปล่อยให้เกิดปัญหาซ้ำเติม เป็นวิกฤตซ้อนวิกฤตเพิ่มขึ้นไปอีก ดังนั้นนอกเหนือจากการดูแลตัวเองตามมาตรการทางสาธารณสุขแล้ว ยังต้องกำชับและขอความร่วมมือผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดปฏิบัติตามมาตรการของทางรัฐสภาอย่างเคร่งครัดด้วย” นายอนันต์ กล่าว
        
ส่วนกรณีออกคำสั่งเลื่อนประชุม กมธ.กิจการสภาฯออกไปอย่างน้อย 30 วันหรือจนกว่าสถานการณ์โควิดจะคลี่คลายลงนั้น นายอนันต์ กล่าวว่า เป็นเพียงการเลื่อนเพื่อพิจารณาตามสถานการณ์ และทบทวนมาตรการทางสาธารณสุขในการคัดกรองผู้เข้าร่วมประชุม โดยต้องตรวจสอบความพร้อมของ กมธ.และผู้เกี่ยวข้อง ทั้งในเรื่องการตรวจเชื้อ และการรับวัคซีน เป็นต้น เพื่อให้สอดคล้องกับมาตรการของรัฐบาลต่าง ๆ ซึ่งการทำงานในสภาฯ ไม่เพียงแต่ถามความเห็นของ ส.ส.เท่านั้น เราต้องคำนึงถึงข้าราชการ เจ้าหน้าที่ และผู้ชี้แจงด้วย หากทุกฝ่ายมีความมั่นใจ และเห็นตรงกันว่ามีความพร้อม ยืนยันว่า กมธ.กิจการสภาฯก็จะนัดประชุมทันที

“จุรินทร์” เชื่อไม่มีอุปสรรค์ สามารถเดินหน้าแก้รธน.ได้ ขอทุกฝ่ายอย่าตั้งแง่ว่าเป็นร่างของใคร ชี้ถ้าไม่ร่วมใจกันโอกาสสำเร็จยาก ส่วนส.ว.เตรียมยื่นศาลรธน.ตีความเป็นเรื่องแต่ละบุคคล

ที่กระทรวงพาณิชย์ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายฯและรมว.พาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ก่อนเข้าร่วมประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ฉบับพรรปคระชาธิปัตย์ อาจมีปัญหา ว่า ได้คุยกับหลายพรรคการเมือง และนักกฎหมาย ฝ่ายกฎหมายของหลายฝ่าย รวมทั้งประสภการณ์ในฐานะสมาชิกรัฐสภา ตนจึงไม่คิดว่าจะมีปัญหา แต่สามารถที่จะเดินหน้าต่อไปได้ เพราะการเขียนหลักการณ์เป็นการเขียนกว้าง ๆ ว่าต้องแก้เรื่องอะไรด้วยเหตุผลอะไร เมื่อไปสู่วาระที่สอง ก็เป็นหน้าที่ของคณะกรรมาธิการ และสมาชิกรัฐสภาที่ต้องไปปรับปรุงแก้ไขมาตราอื่น ๆ ที่ยังขัดแย้งกับหลักการให้สอดคล้องได้ แม้แต่แก้ตัวเลขมาตราอื่น ๆ ก็แก้ได้ เพราะถ้าผลของการรับหลักการณ์ทำให้ต้องเพิ่มมาตรา มาตราที่เหลือก็ต้องขยับชื่อตัวเลขก็สามารถทำได้ เพราะฉะนั้นร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของพรรคประชาธิปัตย์ที่รับหลักการ แม้ระบุไว้แค่ 2-3 มาตรา แต่มาตราไหนที่แก้แล้วขัดแย้งกับมาตราหลักก็สามารถแก้ไขได้ ซึ่งเป็นไปตามข้อบังคับ ตนจึงไม่คิดว่าจะมีอุปสรรค์อะไรในการที่จะเดินหน้าต่อไปได้ และขณะนี้ก็มีผู้เริ่มยื่นเรื่องขอแปรญัตติเข้าไปที่กมธ.แล้ว 

ส่วนกรณีมี ส.ว. เตรียมจะไปยื่นเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญให้วินิจฉัยร่างรัฐธรรมนูญ ร่างที่ 13 ของพรรคประชาธิปัตย์ นายจุรินทร์ กล่าวว่า สุดแล้วแต่ อันนั้นก็เป็นเรื่องที่แต่ละบุคคล แต่ละกรณีจะดำเนินการไป แต่สำหรับตน และพรรคประชาธิปัตย์เห็นว่าร่างที่รับหลักการไปสามารถเดินหน้าไปได้ตามขั้นตอนกระบวนการปกติ ตามข้อบังคับของรัฐสภาได้ และความจริงก็อยากให้ช่วยกันที่จะทำให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้ประสบความสำเร็จได้ 

“อะไรที่ไม่จำเป็น ก็ไม่ควรไปตั้งแง่ ว่าเป็นร่างของพรรคไหน เป็นร่างของใคร อย่างไร เพราะสุดท้ายมันก็คือความร่วมมือร่วมใจของ ทั้ง ส.ส. รัฐบาล ส.ส.ฝ่ายค้าน และส.ว.ถ้าสามฝ่ายไม่ร่วมใจกัน โอกาสจะประสบความสำเร็จ มันก็ยาก และผมก็เชื่อว่าทุกฝ่ายก็อยากเห็นประเทศเป็นประชาธิปไตยยิ่งขึ้น เพราะมันเป็นทางเดียวที่จะทำให้ประเทศไทยสามารถเดินหน้าไปได้ทั้งทางการเมือง เศรษฐกิจ สังคม ได้อย่างยั่งยืน นั่นก็คือการที่จะเดินหน้าไปสู่วิถีประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ซึ่งเป็นสิ่งที่เรากำลังเดินอยู่ ขั้นตอนกระบวนการของการแก้รัฐธรรมนูญฉบับนี้ เป็นส่วนหนึ่งที่จะเดินหน้าไปสู่ประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขที่สมบูรณ์ยิ่งขึ้น” หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าว 

ป.ป.ช. ชี้มูลฯ กิตติรัตน์ ละเว้นปฏิบัติหน้าที่ ปล่อยให้มีการเอื้อประโยชน์ “สยามอินดิก้า” บริษัทค้าข้าวชื่อดัง เป็นผู้ส่งมอบข้าวให้ “BULOG” พร้อม ฟัน อดีตบิ๊ก อคส.-เอกชน ผิดหลายกระทง

นายนิวัติไชย เกษมมงคล รองเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ในฐานะโฆษกสำนักงาน ป.ป.ช. แถลงผลการประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. ว่า สืบเนื่องจากคณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้มีมติแต่งตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนเพื่อไต่สวนข้อเท็จจริงเรื่องกล่าวหา นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กับพวก กรณีละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต โดยละเว้นไม่ควบคุมดูแลหรือสั่งการให้มีการตรวจสอบ กรณีองค์การคลังสินค้าคัดเลือกบริษัท สยามอินดิก้า จำกัด ให้เป็นผู้ส่งมอบข้าวให้ BULOG ประเทศอินโดนีเซีย โดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย

ทั้งนี้ จากการไต่สวนข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า เมื่อวันที่ 18 สิงหาคม 2554 องค์การคลังสินค้ากับองค์การสำรองอาหาร หรือ BULOG ของรัฐบาลอินโดนีเซีย ทำสัญญาซื้อขายข้าว ปริมาณ 300,000 ตัน ในราคาตันละ 559 เหรียญสหรัฐ และเพื่อดำเนินการให้เป็นไปตามสัญญาดังกล่าว องค์การคลังสินค้าจึงได้ออกประกาศเชิญชวนผู้ประกอบการค้าข้าวให้เสนอขายข้าวขาว 15% เพื่อส่งมอบให้แก่ BULOG ของรัฐบาลอินโดนีเซีย 

โดยวิธียื่นซองเสนอราคา ในวันที่ 13 ธันวาคม 2554 โดยไม่ปรากฏว่าหนังสือดังกล่าวได้มีการประกาศเป็นการทั่วไปซึ่งไม่ชอบด้วยระเบียบองค์การคลังสินค้าว่าด้วยการจัดซื้อสินค้าเพื่อการค้าปกติ พ.ศ. 2541 ต่อมาเมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2554 มีผู้ยื่นซองเสนอราคา จำนวน 2 ราย ได้แก่ บริษัท สยามอินดิก้า จำกัด และบริษัท นครสวรรค์ค้าข้าว จำกัด ซึ่งทั้งสองบริษัทได้มอบอำนาจให้พนักงานของบริษัท สยามอินดิก้า จำกัด เป็นผู้มายื่นซองเสนอราคา ผลการพิจารณาคุณสมบัติปรากฏว่า บริษัท นครสวรรค์ค้าข้าว จำกัด ไม่ผ่านการพิจารณาคุณสมบัติ จึงเหลือเพียงบริษัท สยามอินดิก้า จำกัด เพียงบริษัทเดียว นายสุรศักดิ์ ศรีประภา ประธานกรรมการองค์การคลังสินค้าและได้รับมอบหมายให้รักษาการในตำแหน่งผู้อำนวยการองค์การคลังสินค้าในขณะนั้น จึงได้อนุมัติให้บริษัท สยามอินดิก้า จำกัด เป็นผู้ส่งมอบข้าวให้แก่ BULOG ของรัฐบาลอินโดนีเซีย 

นายนิวัติไชย กล่าวว่า โดยองค์การคลังสินค้าได้ตกลงทำสัญญาซื้อขายข้าวกับบริษัท สยามอินดิก้า จำกัด จำนวน 100,000 ตัน ราคาตันละ 559 เหรียญสหรัฐ และต่อมาองค์การคลังสินค้าได้มีการทำบันทึกต่อท้ายสัญญากับบริษัท สยามอินดิก้า จำกัด เพื่อตกลงซื้อขายข้าวเพิ่มเติมอีก จำนวน 200,000 ตัน โดยไม่มีการออกประกาศเชิญชวนเป็นการทั่วไปให้ผู้ประกอบการค้าข้าวเสนอราคาขายข้าวเพื่อแข่งขันราคากันแต่อย่างใด กรณีดังกล่าวจึงถือได้ว่านายสุรศักดิ์ นายพิทีรต์ ตั้งพสสวัสดิ์ หรือนายพิพรรธารย์ มาตธินินทร์ รองผู้อำนวยการองค์การคลังสินค้า และนายสมศักดิ์ วงศ์วัฒนศานต์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการองค์การคลังสินค้า ได้ร่วมกระทำไปโดยมุ่งหมายและมีวัตถุประสงค์ ที่จะเอื้ออำนวยให้บริษัท สยามอินดิก้า จำกัด ได้เข้าเป็นผู้มีสิทธิทำสัญญากับองค์การคลังสินค้าและไม่ต้องแข่งขันราคากับผู้เสนอราคารายอื่น โดยหลีกเลี่ยงการแข่งขันราคาอย่างเป็นธรรม อันเป็นการใช้อำนาจในตำแหน่งโดยมิชอบเพื่อแสวงหาประโยชน์อันมิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายสำหรับตนเองหรือผู้อื่น อันเป็นการเสียหายแก่องค์การคลังสินค้า

นายนิวัติไชย กล่าวว่า ข้อเท็จจริงยังรับฟังได้อีกว่า ภายหลังจากที่องค์การคลังสินค้าได้คัดเลือกบริษัท สยามอินดิก้า จำกัด ให้เป็นผู้ส่งมอบให้แก่ BULOG ของรัฐบาลอินโดนีเซีย ตัวแทนสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทยได้เข้าพบนายกิตติ ที่ทำเนียบรัฐบาล เพื่อทักท้วงว่าการคัดเลือกบริษัท สยามอินดิก้า จำกัด ให้เป็นผู้ส่งมอบข้าวให้ BULOG ประเทศอินโดนีเซีย มีการดำเนินการที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งนายกิตติรัตน์ ทราบข้อเท็จจริงอยู่แล้วว่าองค์การคลังสินค้าได้คัดเลือกบริษัท สยามอินดิก้า จำกัด ให้เป็นผู้ส่งมอบข้าวให้ BULOG ประเทศอินโดนีเซีย แต่นายกิตติรัตน์ ไม่ใช้อำนาจในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ สั่งการให้มีการตรวจสอบ หรือดำเนินการใด ๆ เพื่อยับยั้งหรือแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับดำเนินการที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายขององค์การคลังสินค้าดังกล่าว กลับแจ้งแก่ผู้แทนสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย รวมถึงให้ข่าวแก่สื่อมวลชนว่าจะไม่มีการทบทวนเรื่องดังกล่าว โดยกล่าวอ้างว่าการดำเนินการขององค์การคลังสินค้าเป็นไปโดยชอบ และทางฝ่าย BULOG ของรัฐบาลอินโดนีเซีย เป็นผู้เลือกบริษัท สยามอินดิก้า จำกัด แต่ปรากฏว่า BULOG ไม่เคยให้ข้อเสนอแนะหรือแนะนำรายชื่อผู้ส่งออกข้าวให้กับองค์การคลังสินค้าแต่อย่างใด แสดงให้เห็นเจตนาว่าต้องการเอื้อประโยชน์ให้แก่บริษัท สยามอินดิก้า จำกัด ได้เป็นผู้ส่งมอบข้าวให้แก่ BULOG ของรัฐบาลอินโดนีเซีย แต่เพียงผู้เดียว 
 
นายนิวัติไชย กล่าวว่า คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาแล้วมีมติ ดังต่อไปนี้ การกระทำของนายกิตติรัตน์ มีมูลความผิดอาญาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 123/1 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ประกอบพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 192 ส่วนการกระทำของนายสุรศักดิ์ นายพิทีรต์ดิ์ หรือนายพิพรรธารย์ นายสมศักดิ์ และบริษัท สยามอินดิก้า จำกัด กับพวก มีมูลความผิดอาญาตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 มาตรา 4 มาตรา 10 และมาตรา 12 พระราชบัญญัติ  ว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2502 มาตรา 8 และมาตรา 11 และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 123/1 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ประกอบพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 192 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86

‘ศิริกัญญา’ ร้องหยุดเยียวยาเหลื่อมล้ำลักลั่น จี้รัฐบาลหยุดล้วงกระเป๋าผู้ประกันตน เอาเงินกองทุนประกันสังคมไปจ่ายเยียวยาล็อกดาวน์ ถาม! เงินกู้สำหรับเยียวก็มีทำไมไม่ใช้???

วันที่ 29 มิถุนายน 2564 นางสาวศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล เปิดเผยต่อสื่อมวลชน วิจารณ์มาตรการการเยียวยาล่าสุดหลังรัฐบาลออกคำสั่งล็อกดาวน์แคมป์คนงานก่อสร้างและไม่อนุญาตให้นั่งในร้านอาหารในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล

โดยนางสาวศิริกัญญา กล่าวว่า มาตรการเยียวยาล่าสุด ที่เขียนออกมาได้ซับซ้อน มีเงื่อนไขซ้อนเงื่อนไขเต็มไปหมด เงื่อนไขสำคัญ คือบริษัทอยู่ในระบบประกันสังคมหรือไม่ ทำให้การจ่ายเงินเยียวยาเกิดอาการลักลั่นโดยไม่จำเป็น กลายเป็นว่าลูกจ้างใหม่จะไม่ได้รับเงินเยียวยา เพราะเงื่อนไขการเยียวยาของประกันสังคมคือต้องส่งเงินสมทบไม่น้อยกว่า 6 เดือน ส่วนคนที่นายจ้างไม่ได้เข้าประกันสังคมจะได้เงินแค่ 2,000 บาท

ถามว่ามันเป็นความผิดอะไรของลูกจ้างประกันสังคมไหม? ถามว่ามันเป็นความผิดอะไรของลูกจ้างที่นายจ้างไม่ยอมเข้าระบบ? ถามว่าแรงงานข้ามชาติที่สมทบประกันสังคม จะได้เงินเยียวยาหรือไม่? ยังไม่ต้องพูดถึงร้านอาหารที่ไม่ได้เข้าประกันสังคม ยินดีด้วยคุณจะได้เงิน 3,000 บาทถ้วน

โดยอีกประเด็นที่สำคัญ คือการที่รัฐบาลเลือกใช้มาตรการเยียวยาจากกองทุนประกันสังคม แทนที่จะใช้จากงบประมาณตาม พ.ร.ก.เงินกู้ฯ

“จากการลดสมทบกองทุนประกันสังคม 4 ครั้ง รวม 88,831 ล้านบาท และจากเยียวยาจากเหตุสุดวิสัย 2 ครั้ง รวม 11,400 ล้านบาท รวมแล้วใช้ไปกับโควิดประมาณ 100,321 ล้านบาท รวมครั้งนี้ด้วยก็จะเป็นเงินกว่า 103,731 ล้านบาท

ต้องย้ำอีกครั้ง เงินประกันสังคมเป็นการสมทบระหว่างนายจ้าง ลูกจ้าง และรัฐบาล เพื่อดูแลสวัสดิการและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนทำงานในปัจจุบันและอนาคต จึงไม่ใช่งบประมาณที่จะนำออกมาใช้เยียวยาในยามวิกฤติ ดังนั้นบอร์ดประกันสังคมที่นั่งอยู่ตอนนี้แล้วอนุมัติเงินให้รัฐบาลใช้ควรตระหนักไว้ด้วยว่าคุณกำลังขูดเลือดเนื้อผู้ประกันตนทั้งประเทศเพื่อนำเงินไปใช้ในสิ่งที่ผิดวัตถุประสงค์

ที่ผ่านมา รัฐล้วงเอาเงินกองทุนประกันสังคมไปมากแล้ว ทั้ง ๆ ที่ก็มีเงินกู้จาก พ.ร.ก.กู้เงินทั้ง 2 ฉบับคือ 1 ล้านล้าน และ 5 แสนล้าน พร้อมจ่ายเยียวยาให้ตรงวัตถุประสงค์อยู่แล้ว” นางสาวศิริกัญญากล่าว

โดยรองหัวหน้าพรรคก้าวไกลกล่าวเพิ่มเติมว่า นอกจากจะไม่วี่แววว่ารัฐบาลจะคืนเงินให้กองทุนประกันสังคมแล้ว ในร่างกฎหมายงบประมาณประจำปี 2565 ประกันสังคมยังถูกตัดงบลงอีกเกือบ 2 หมื่นล้านบาท


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

“เรืองไกร” ลุยยื่น “ชวน” เองขอรายละเอียดยิบปมใช้รถหลวงผิดระเบียบหรือไม่ จ่อสอบ จนท.รายอื่นอีก

นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ กรรมาธิการงบประมาณ 65 กล่าวว่า ในวันที่ 30 มิ.ย. ต้นจะเดินทางไปยื่นหนังสือต่อนายชวน หลีกภัย ประธานสภาฯ เพื่ ฝอขอข้อมูลรถประจำตำแหน่ง ทะเบียน ฮภ 2882 กรุงเทพมหานคร เพื่อประกอบการพิจารณางบประมาณรายจ่าย พ.ศ.2565 ของสำนักงานเลขาธิการสภาฯ และเพื่อประกอบการตรวจสอบรถประจำตำแหน่งของเจ้าหน้าที่ของรัฐรายอื่น ๆ ต่อไปด้วย ทั้งนี้ ประธานรัฐสภาและประธานสภาฯ ตามปกติมีหน้าที่และอำนาจตามรัฐธรรมนูญ ตามข้อบังคับ ตามกฎหมาย ที่เกี่ยวข้องอย่างไรบ้าง ขอเอกสารประกอบการพิจารณาด้วย รถทะเบียน ฮภ 2882 ถูกใช้เป็นรถประจำตำแหน่งประธานรัฐสภา หรือประธานสภาฯ ซึ่งมีเพียงคันเดียวใช่หรือไม่ รถทะเบียน ฮภ 2882 จัดซื้อโดยเงินงบประมาณปีใด ราคาเท่าใด มีการคืนเงินงบประมาณที่เหลือหรือไม่ อย่างไร เมื่อวันที่เท่าใด ขอเอกสารการเงินการบัญชีและเอกสารประกอบดังกล่าวทั้งหมดด้วย 

นายเรืองไกร กล่าวต่อว่า รถประจำตำแหน่งคันดังกล่าว มีการจัดทำทะเบียนแยกประเภทตามข้อ 9 ของระเบียบสำนักนายกฯ ว่าด้วยรถราชการ พ.ศ.2523 ครบถ้วนหรือไม่ ขอเอกสารทะเบียนแยกประเภทดังกล่าวด้วย เพื่อประกอบการพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2565 ขอทราบข้อมูลว่ารถประจำตำแหน่งทะเบียน ฮภ 2882 มีการบันทึกบัญชีทรัพย์สินถาวร รายการยานพาหนะ ที่สำนักงานเลขาธิการสภาฯ อย่างไร มีอายุการใช้งานกี่ปี มีการคิดค่าเสื่อมราคาปีละเท่าใด ค่าเสื่อมราคาสะสม ณ วันที่ 30 ก.ย.63 เป็นเท่าใด เก็บรักษาที่อยู่ในความควบคุมและความรับผิดชอบของใคร สภาฯ มีการซ่อมบำรุงอย่างไร ขอรายละเอียดประวัติการซ่อมบำรุง รวมทั้งเอกสารการเงินการบัญชีและใบเสร็จด้วย นอกจากนี้มีการตรวจสอบมลพิษ ทุกระยะเวลา 6 เดือน หรือทุกระยะ 15,000 กิโลเมตรหรือไม่ ขอหลักฐานการตรวจสอบมลพิษด้วย มีการทำประกันภัยอย่างไร มีการต่อทะเบียนรถครบถ้วนเป็นประจำทุกปี หรือไม่ ขอเอกสารที่เกี่ยวข้องด้วย มีการใช้โดยเป็นไปตามเงื่อนไขข้อ 13 ของระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยรถราชการ พ.ศ.2523 โดยถูกต้องครบถ้วนหรือไม่ เคยมีการนำไปใช้นอกเหนือหน้าที่ปกติตามข้อ 19 วรรคสาม ของระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยรถราชการ พ.ศ.2523 หรือไม่

นายเรืองไกร กล่าวอีกว่า รถประจำตำแหน่งคันดังกล่าว มีการเติมน้ำมันด้วยเงินของประธานรัฐสภาเองตามเงื่อนไขข้อ 21 ของระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยรถราชการ พ.ศ. 2523 หรือไม่ ขอบิลค่าน้ำมันมาประกอบการพิจารณาด้วย นอกจากนี้มีการนำไปใช้แจกหน้ากากอนามัยซึ่งรับบริจาคมาในนามมูลนิธิฯ ตามคำร้องที่เกี่ยวข้องไปแล้วทั้งหมดกี่ครั้ง กี่วัน ที่ไหนบ้าง เวลาใด มีใครร่วมบ้าง มีรายงานการเดินทางไปปฏิบัติภารกิจดังกล่าวแต่ละครั้งหรือไม่ จึงเรียนมาเพื่อขอให้ท่านประธานสภาฯ ได้สั่งการให้ผู้มีหน้าที่เกี่ยวข้อง ได้ชี้แจงและจัดส่งเอกสารข้อมูลรถประจำตำแหน่ง ทะเบียน ฮภ 2882 กรุงเทพมหานคร ให้ตนโดยเร็ว เพราะจะนำไปเป็นกรณีตัวอย่างที่สามารถตรวจสอบได้ เพื่อประกอบการพิจารณางบประมาณรายจ่าย พ.ศ. 2565 ของสำนักงานเลขาธิการสภาฯ และเพื่อประกอบการตรวจสอบรถประจำตำแหน่งของเจ้าหน้าที่ของรัฐรายอื่นๆ ต่อไปด้วย

โฆษกฯ รัฐ แจงแทน “บิ๊กตู่” อ้างคนงานหนีออกจากแคมป์จำนวนไม่มาก เหตุรัฐยังไม่ชัดเจนมาตรการช่วยเหลือ “ห่วง” เอกชนไม่สนนโนบายเวิร์คฟอร์มโฮม

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ตอบคำถามแทนพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ กรณีการปิดแคมป์งานทำให้มีแรงงานส่วนหนึ่งหนีกลับจังหวัดทำให้คนในพื้นที่ต่างจังหวัดเกิดความกลัวเรื่องการกระจายของเชื้อไวรัสโควิด-19 ว่า เรื่องนี้ได้รับคำชี้แจงจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานเบื้องต้นจากที่ได้มีการประชุมกับสมาคมอุตสาหกรรมก่อสร้างไทยในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยได้รับการยืนยันว่าการที่มีประกาศปิดแคมป์คนงานแล้วมีกระแสข่าวคนงานออกจากพื้นที่กลับภูมิลำเนานั้น ภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องกับสมาคมอุตสาหกรรมก่อสร้างไทยยืนยันว่า เป็นจำนวนน้อยเท่านั้นที่เดินทางกลับภูมิลำเนา เนื่องจากขณะนั้นอาจจะยังไม่ทราบถึงมาตรการที่รัฐบาลจะให้ความช่วยเหลือ บางแคมป์มีคนงาน 800-900 คน ก็ยอมรับว่ามีคนงานกลับภูมิลำเนาจริงแต่มีจำนวนเพียงไม่กี่สิบคนเท่านั้น ดังนั้น การใช้คำว่าผึ้งแตกรัง อาจจะไม่ใช่อย่างนั้นทั้งหมดนอกจากนี้ เมื่อกระทรวงแรงงานมีมาตรการเยียวยาต่างๆแล้ว จะมีการเข้าไปควบคุมดูแลร่วมกับฝ่ายความมั่นคง เข้าไปดูแลเรื่องอาหารการกิน ความเป็นอยู่ และการตรวจเช็คชื่อและจ่ายเงินสดทุกๆ 5 วัน ให้กับแรงงานและแคมป์คนงานด้วย

นายอนุชา กล่าวว่า ส่วนที่เกี่ยวกับพื้นที่ต่างจังหวัด ได้มีการประสานกระทรวงมหาดไทย และคนในพื้นที่จังหวัดนั้นๆให้พิจารณาให้ความสำคัญกับผู้ที่เดินทางมาจากพื้นที่เสี่ยง ดังนั้น การเดินทางกลับจะมีการพิจารณาโดยกระทรวงาธารณสุข และกระทรวงมหาดไทยที่ดูแลในพื้นที่อยู่ โดยที่ผ่านมาจะมีแต่ละจังหวัดประกาศให้ผู้ที่เดินทางมาจาก 10 จังหวัดเสี่ยงกักตัว และรายงานตัวกับผู้นำชุมชน หรืออสม. แต่อย่างไรก็ตาม จนถึง ณ วันนี้ เราได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากภาคเอกชนที่ควบคุมแคมป์คนงานไม่ให้เดินทางกลับภูมิลำเนา หรือออกจากแคมป์ 

เมื่อถามว่า นายกฯเป็นห่วงหรือไม่ที่มีบริษัทเอกชนหลายบริษัทเริ่มไม่ใช้มาตรการเวิร์คฟอร์มโฮม หรือทำงานที่บ้านแล้ว นายอนุชา กล่าวว่า นายกฯมีความเป็นห่วงในกรณีนี้ และอยากขอความร่วมมือจากภาคเอกชนในการให้พนักงานได้ทำงานที่บ้านเหมือนช่วงก่อนหน้านี้ โดยส่วนราชการนายกฯ ได้กำชับหน่วยงานต่างๆพิจารณาอย่างเข้มงวดในการให้พนักงานราชการในหน่วยงานต่างๆดำเนินการในลักษณะเดียวกันจนกว่าสถานการณ์จะดีขึ้นกว่าปัจจุบัน 

เมื่อถามว่า ตัวเลขผู้ติดเชื้อที่เพิ่มสูงขึ้น 400-5,000 คน สะท้อนว่าไม่สามารถควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 หรือไม่ และจะทำให้ตัวเลขลดลงได้อย่างไร นายอนุชา กล่าวว่า จากมาตรการที่รัฐบาลมีการออกประกาศมา เป็นส่วนหนึ่งในการควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งทั้งหมดต้องหวังว่าประชาชนจะเข้าใจที่ต้องดำเนินการในลักษณะเช่นนี้เพื่อให้การควบคุมการแพร่ระบาดมีประสิทธิภาพ

เมื่อถามถึงมาตรการช่วยเหลือศิลปิน ลูกจ้างฟรีแลนซ์ และผู้ประกอบการสถานบันเทิงที่ถูกสั่งปิดมานานหลานเดือน นายอนุชา กล่าวว่า นายกฯได้มีการพูดคุยกับทางทีมเศรษฐกิจว่านอกเหนือจากการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากการออกระเบียบฉบับล่าสุดแล้ว ผู้ประกอบการรายอื่นๆ นายกฯ ได้ให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องพิจาณรามาตรการออกมาเยียวยาให้เร็วที่สุด 

เมื่อถามถึงกรณีบางจังหวัดระงับการฉีดวัคซีนให้กับคนอายุ 60 ปี และผู้ที่เป้นกลุ่มเสี่ยง 7 โรค โดยระบุวัคซีนไม่เพียงพอ นายอนุชา กล่าวว่า ที่ได้มีการเจรจากับผู้ผลิตวัคซีน เช่น แอสตราเซเนกา ก็ยังยืนยันที่จะส่งมอบวัคซีนให้รัฐบาลไทยในจำนวนเป้าหมายเดิมที่ได้มีการเจรจากันไว้ที่ 61 ล้านโดส ซึ่งในเดือนมิถุนายนนี้ ยืนยันแล้วว่าที่จะมีการส่งมอบ 6 ล้านโดสก็ยังเป็นไปตามที่ได้พูดคุยกันไว้ เช่นเดียวกันกับวัคซีนอื่นๆ ที่จะมีเพิ่มเติมเข้ามาอย่างต่อเนื่อง เช่น ชิโนแว็กที่ได้รับการยืนยันจากประเทศจีนแล้ว และในที่ประชุม ครม. ก็ได้รับทราบว่าประเทศญี่ปุ่นจะส่งวัคซีนให้กับไทยจำนวน 1 ล้าน 5 หมื่นโดส ภายในต้นเดือนกรกฎาคมนี้ ทั้งนี้ นายกฯได้ให้ความสำคัญกับการฉีดวัคซีนให้ผู้สูงอายุ และ 7 โรคกลุ่มเสี่ยง ได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เก่ยวข้องจัดลำดับความสำคัญให้ผู้ที่ลงทะเบียนในหมอพร้อมได้รับการฉีดวัคซีนโดยเร็วที่สุด

เมื่อถามว่าวัคซีนซิโนแว็กอาจจะป้องกันไวรัสสายพันธุ์อื่นได้ไม่ดีพอ จะมีการทบทวนการนำเข้าหรือไม่ นายอนุชา กล่าวว่า เรื่องนี้ นายกฯได้พูดคุย และหารือกับที่ปรึกษาด้านสาธารณสุขเพื่อบริหารจัดการวัคซีนแล้ว ในการนำวัคซีนยี่ห้องอื่น ๆ เข้ามา เพื่อให้คนไทยมีภูมิคุ้มกันทั้งนี้ รัฐบาล และบุคลากรทางการแพทย์อยากให้ทุกท่านได้ฉีดวัคซีนที่รัฐบาลหามา หรือวัคซีนทางเลือกอื่น ๆ เพราะการฉีดวัคซีนจำทำให้เกิดภูมิ และเมื่อติดเชื้อแล้วการที่จะมีอาการรุนแรง และการเสียชีวิตจะน้อยลง

ผบ.ทบ. กำชับหน่วย จัดกำลังหนุน ศบค. ดูแลแคมป์ก่อสร้าง 10 จังหวัด ซีลพื้นที่ระงับเคลื่อนย้าย พร้อมรับทหารใหม่เข้าหน่วยแบบปลอดโควิด ชูนโยบายฝึกทักษะชีวิตวิถีใหม่ 

ที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) พล.ท.สันติพงศ์ ธรรมปิยะ โฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า ตามที่ ศบค. ได้ออกประกาศข้อกำหนดฉบับที่ 25 เกี่ยวกับมาตรการเร่งด่วนเพื่อสกัดกั้นการระบาดในพื้นที่เป้าหมายเฉพาะ ควบคุมที่พักแรงงานและเขตก่อสร้างที่มีความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาด COVID ใน กทม., ปริมณฑล และ จชต. รวม 10 จังหวัด มีผลตั้งแต่ 28 มิ.ย. 64 และศูนย์ปฏิบัติการด้านความมั่นคงกองทัพบก ได้รับมอบภารกิจให้เข้าควบคุมดูแลพื้นที่แคมป์คนงานตามมาตรการดังกล่าวนั้น 

พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ได้กำชับให้ทุกกองทัพภาคบูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่รับผิดชอบและสนับสนุนในมาตรการดังกล่าวอย่างเต็มขีดความสามารถเกิดประสิทธิภาพสูงสุด โดยเฉพาะการควบคุมพื้นที่ให้มีความปลอดภัยในการป้องกันเชื้อ ทั้งกับคนงานและเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงาน ที่ต้องดำรงมาตรการพิทักษ์พลอย่างเคร่งครัด เพื่อร่างกายแข็งแรงพร้อมปฏิบัติภารกิจ ควบคู่ไปกับการขอความร่วมมือให้ทุกส่วนในพื้นที่เสี่ยงปฏิบัติตามมาตรการเร่งด่วนของ ศบค. ทั้งนี้ในพื้นที่ กทม. ซึ่งกองทัพบกได้รับมอบหมายให้ดูแลใน 27 เขตนั้น กองทัพบกโดยกองทัพภาคที่ 1 ได้จัดกำลังร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจและเทศกิจเข้าดูแลควบคุมแคมป์ที่เกิดการแพร่ระบาดตามที่ กทม. กำหนดแล้ว 45 แห่ง สำหรับในเขตปริมณฑลและ จชต. กองทัพภาคที่ 1 และ 4 ก็ได้ดำเนินการร่วมกับทางจังหวัดตรวจสอบพื้นที่เพื่อควบคุมแคมป์คนงานที่เกิดคลัสเตอร์ในรูปแบบเดียวกัน รวมทั้งการจัดตั้งจุดตรวจร่วมควบคุมการเคลื่อนย้ายแรงงานข้ามพื้นที่ในช่วง 30 วันจากนี้ โดยรัฐบาลได้ให้ความเร่งด่วนในการฉีดวัคซีนให้กับเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงาน เพื่อให้เกิดความปลอดภัยจากการปฏิบัติหน้าที่ในครั้งนี้ 

อย่างไรก็ตามเพื่อเป็นการบรรเทาและช่วยเหลือประชาชน ผู้บัญชาการทหารบกยังได้กำชับให้หน่วยทหารเข้าช่วยอุดหนุนผู้ประกอบการร้านค้าที่ได้รับผลกระทบในช่วงมาตรการเฉพาะด้วย พร้อมมองว่าในสถานการณ์ COVID-19 ในปัจจุบันทุกภาคส่วนต้องร่วมกันจำกัดการแพร่ระบาดและปฏิบัติตนตามมาตรการป้องกันโรคอย่างเคร่งครัด ลดจำนวนผู้ป่วยเข้าสู่ระบบการรักษา รวมทั้งผู้เสียชีวิต ซึ่งในห้วง 2 เดือนที่ผ่านมาในพื้นที่ กทม. กองทัพบกได้อนุเคราะห์ฌาปนสถาน 3 แห่ง เพื่อจัดพิธีเผาศพให้กับผู้เสียชีวิตจาก COVID-19 แล้วถึง 232 ราย ล่าสุด กองทัพบกจะได้ประสานกับวัดต่าง ๆ ในพื้นที่ กทม. เพื่อร่วมเป็นสถานที่จัดพิธีเผาศพผู้เสียชีวิตจาก COVID-19 โดยจะสนับสนุนเจ้าหน้าที่และอุปกรณ์ น้ำยาฆ่าเชื้อ ให้กับทางวัด เพื่อช่วยเหลือบรรเทาทุกข์ให้กับญาติผู้เสียชีวิตและเป็นทางเลือกในการจัดพิธีศพต่อไป

และจากการที่กองทัพบกจะดำเนินการรับทหารใหม่ ผลัด 1/64 ซึ่งหน่วยฝึกทหารใหม่ทั่วประเทศได้มีการเตรียมมาตรการป้องกัน COVID-19 อย่างเคร่งครัด ตั้งแต่การรายงานตัว การเดินทาง พิธีแรกรับเข้าสู่หน่วยทหาร ที่สำคัญจะมีการตรวจคัดกรองและเตรียมการด้านการแพทย์รองรับผู้ที่มารายงานตัวเข้าประจำการแล้วตรวจพบว่ามีการติดเชื้อ COVID-19 รวมถึงการฉีดวัคซีนให้กับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องและทหารใหม่ โดยกองทัพบกเตรียมแผนฉีดวัคซีนให้กับทหารใหม่ทุกนายในสัปดาห์แรกที่เข้าประจำการ

 อย่างไรก็ตาม ผู้บัญชาการทหารบกให้ความสำคัญกับการดูแลทหารกองประจำการให้เป็นไปแบบวิถีใหม่อย่างเคร่งครัด นอกเหนือจากการบ่มเพาะให้มีวินัยด้านการทหาร โดยมอบให้หน่วยทหารพิจารณาปรับรูปแบบการฝึกและวิถีชีวิตความเป็นอยู่ภายในหน่วยทหารในทุกกิจการกิจกรรม รวมถึงการฝึกทหารกองประจำการทุกนายให้เกิดทักษะในเรื่องการดำเนินชีวิตวิถีใหม่ ในการปฏิบัติงานและการดำเนินชีวิตประจำวัน

ก.แรงงาน แจง กรณีล็อกดาวน์แคมป์ก่อสร้าง มีมาตรการเยียวยาคนงานดูแลค่าชดเชยระหว่างหยุดงาน

นายประทีป ทรงลำยอง โฆษกกระทรวงแรงงาน กล่าวว่า จากการปรากฏข่าวสารในสื่อสังคมออนไลน์ กรณี "การล็อกดาวน์แคมป์ก่อสร้าง สาวโพสต์โวย พ่อถูกกักตัวในแคมป์ก่อสร้าง ทหารคุมออกไปตรวจไม่ได้ ซ้ำมีข้าวให้เพียง 50 กล่อง แต่คนในแคมป์ 400 คน" จากที่มาข่าว : อมรินทร์ทีวี https://www.amarintv.com/news/detail/86501 นั้น ในเรื่องนี้กระทรวงแรงงานขอชี้แจงในส่วนที่เกี่ยวข้องว่า ตามที่ท่านนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้มีการประชุมร่วมกับคณะที่ปรึกษาด้านการสาธารณสุขในศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) 

เมื่อวันที่ 25 มิถุนายนที่ผ่านมา ซึ่งที่ประชุมได้มีมติให้ปิดแคมป์คนงานก่อสร้าง งดการเดินทางและเคลื่อนย้ายแรงงานในพื้นที่จังหวัดสีแดงเข้ม ได้แก่ กรุงเทพมหานคร ปทุมธานี นนทบุรี สมุทรสาคร สมุทรปราการ นครปฐม สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส เป็นเวลา 1 เดือน เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในคลัสเตอร์แคมป์คนงานนั้น และได้มอบหมายให้กระทรวงแรงงานดูแลค่าใช้จ่าย เงินชดเชยให้แก่ลูกจ้างแทนผู้ประกอบการนั้น

นายประทีป กล่าวต่อว่า ในส่วนมาตรการรองรับของกระทรวงแรงงานเพื่อช่วยเหลือเยียวยาลูกจ้างในแคมป์คนงาน ได้แก่

1) การจ่ายค่าชดเชย กรณีเป็นผู้ประกันตนจะได้รับ 50 เปอร์เซ็นของค่าจ้าง ซึ่งผู้ประกันตนจะต้องจ่ายประกันสังคมมาแล้วไม่ต่ำกว่า 6 เดือนใน 15 เดือน ส่วนกรณีไม่เป็นผู้ประกันตน จะขอความร่วมมือนายจ้างจ่าย

2) ขอความร่วมมือนายจ้างสถานประกอบการดูแลเรื่องอาหารแก่คนงานทั้ง 3 มื้อ โดยกระทรวงแรงงานจะร่วมสนับสนุนเครื่องอุปโภคบริโภค

3) ตรวจคัดกรองโควิดเชิงรุกในแคมป์คนงาน หากพบเชื้อนำเข้าสู่การรักษา

4) ฉีดวัคซีนโควิด-19

และ 5) ประเมินสถานการณ์ทุก 15 วัน

“กระทรวงแรงงานได้พยายามให้ความช่วยเหลือในเรื่องอาหาร โดยการขอรับบริจาคเครื่องอุปโภคบริโภคจากผู้ประกอบการรายใหญ่ เช่น บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร หรือซีพีเอฟ บริษัทในเครือแสงทอง-อัครา เพื่อนำไปช่วยเหลือพี่น้องผู้ใช้แรงงานตามมาตรการปิดแคมป์คนงาน ซึ่งในเบื้องต้นได้รับบริจาคปลากระป๋อง 90,000 กระป๋อง และไข่ไก่ 250,000 ฟอง และนำไปมอบให้สมาคมอุตสาหกรรมก่อสร้างไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ เพื่อส่งต่อให้พี่น้องผู้ใช้แรงงานตามแคมป์คนงานต่างๆ ต่อไป” โฆษกกระทรวงแรงงาน กล่าวในตอนท้าย

ครม. เห็นชอบ ปรับหลักเกณฑ์ คชจ.ในการรักษา ผู้ป่วย โควิด-19 ให้สอดคล้องปัจจุบัน

ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า เห็นชอบหลักเกณฑ์  วิธีการ และเงื่อนไขการกำหนดค่าใช้จ่ายในการดำเนินการผู้ป่วยฉุกเฉินโรคติดต่ออันตราย ตามกฎหมายว่าด้วยโรคติดต่อ กรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด -19 ฉบับที่ 4 ซึ่งเป็นการปรับปรุงรายละเอียดของฉบับก่อนหน้านี้ เนื่องจากไม่สอดคล้องกับสภาวการณ์ปัจจุบันที่มีการระบาดเป็นวงกว้าง รวดเร็วและรุนแรงมากขึ้น และไม่ครอบคลุมถึงบัญชีและอัตราค่าใช้จ่ายบางรายการที่มีความจำเป็นต้องใช้กับผู้ป่วยโรคโควิด -19

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า สำหรับหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่ปรับปรุงใหม่มีรายละเอียดที่สำคัญดังนี้ ค่าห้องและค่าอาหารทั้งหอผู้ป่วยวิกฤตและห้องแยกโรควันละ 6,250 บาท , ค่าบริการพยาบาลทั่วไปไอซียูวันละ 7,400 บาท , ค่าบริการแพทย์ขณะส่งผู้ป่วยด้วยรถพยาบาลครั้งละ 2,000 บาท , ค่ารถยนต์รับส่งต่อผู้ป่วยจากบ้านหรือโรงแรมไปและกลับครั้งละ 875 บาท, ค่าอวัยวะเทียมและอุปกรณ์ในการบำบัดโรคชุดละ 13,750 บาท เพิ่มข้อความ “ยา Remdesivir 100 mg inj. ให้เบิกจากกระทรวงสาธารณสุข” เป็นต้น


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top