Sunday, 15 June 2025
NewsFeed

"พรรคกล้า" เปิดเคมเปญ "รวมพลผู้กล้า" รับสมัครลงผู้สนใจลงเลือกตั้ง ส.ส.-ส.ก. สอดรับสัญญาณเลือกตั้งท้องถิ่น - ระดับชาติ เตรียมพรรคให้พร้อมทุกสถานการณ์ 

เพจเฟซบุ๊ก "กรณ์ จาติกวณิช - Korn Chatikavanij" หัวหน้าพรรคกล้า และเพจ "อรรถวิชช์ สุวรรณภักดี" เลขาธิการพรรคกล้า โพสต์รูปว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. และ ส.ก. พร้อมข้อความ รวมพล ผู้กล้า รับสมัครผู้ลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.- ส.ก. พรรคกล้า ประกาศเดินหน้าเต็มตัวสรรหาผู้สมัครรับเลือกตั้ง พร้อมเน้นย้ำอุดมการปฏิบัตินิยม ทำการเมืองสร้างสรรค์ แก้ปัญหาเศรษฐกิจปากท้อง ต่อสู้ระบบราชการหลัง พร้อม QR Code และลิงค์ candidate.klaparty.org ให้ผู้สนใจสมัคร กรอกประวัติในระบบออนไลน์ได้ทันที 

นายแสนยากรณ์ สิงห์วีรธรรม โฆษกพรรคกล้า กล่าวว่า สัญญาณเกี่ยวกับการเลือกตั้งเริ่มชัดเจนขึ้น ทั้งรัฐสภาเตรียมลงมติวาระ 3 แก้ไขระบบเลือกตั้ง ส่วนกระทรวงมหาดไทยก็เตรียมให้ ครม. พิจารณากำหนดวันเลือกตั้งท้องถิ่นระดับ อบต. เมืองพัทยา กรุงเทพมหานคร พรรคกล้าเป็นพรรคการเมืองใหม่ ส่วนอายุรัฐบาลก็เหลืออยู่เพียง 1 ปี 10 เดือน และยังมีกระแสข่าวยุบสภาเกิดขึ้นเรื่อย ๆ พรรคกล้าในฐานะพรรคการเมืองใหม่ ต้องเตรียมความพร้อมโดยเร็ว 

"ที่หัวหน้าและเลขาธิการพรรคกล้า โพสต์รูปข้อความประกาศรับสมัครผู้ลงสมัครรับเลือกตั้ง ก็เพราะต้องการเปิดกว้างให้ผู้สนใจในทุกช่วงอายุ ทุกสาขาอาชีพ ได้มีช่องทางเข้ามามีส่วนร่วมทางการเมือง บนแนวทางที่ยึดถือหลักปฏิบัตินิยม ลงมือทำเพื่อแก้ไขปัญหาประเทศ พร้อมสื่อสารในทางสาธารณะว่าพรรคกล้าเอาจริง ไม่ได้หวังเป็นแค่พรรคการเมืองขนาดเล็ก รวมถึงเป็นการเตรียมพรรคให้พร้อมทุกสถานการณ์ หากมีอุบัติเหตุทางการเมืองเกิดขึ้นในอนาคต" โฆษกพรรคกล้ากล่าว

“ประวิตร” เร่ง “ยุทธศาสตร์ 5G” พัฒนาโครงการสำคัญ ลดเหลื่อมล้ำ เห็นชอบโครงการ ส่งเสริมการบริการปชช.-เข้าถึงการแพทย์ 

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการบริหารกองทุนพัฒนาดิจิทัล เพื่อเศรษฐกิจและสังคม ครั้งที่ 4/2564  ผ่านระบบวิดีโอ คอนเฟอเรนซ์ มีนายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม(ดีอีเอส)เข้าร่วม 

โดยที่ประชุมเห็นชอบโครงการตามที่ผ่านการพิจารณาจากคณะอนุกรรมการกลั่นกรองฯแล้ว  อาทิ โครงการจัดตั้งศูนย์บริการการแพทย์ทางไกลเพื่อขยายการเข้าถึงการบริการประชาชน โครงการจัดหาระบบและอุปกรณ์5G Smart City ในพื้นที่อีอีซี โครงการฐานบิ๊กดาต้า ระบบวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อบริหารพื้นที่ปฏิรูปที่ดิน โครงการส่งเสริมสนับสนุนการพัฒนาเว็บไซต์ที่ทุกคนเข้าถึงได้ ,โครงการพัฒนาประสิทธิภาพการวัดมูลค่าเศรษฐกิจดิจิทัล และโครงการดีมีเดีย เป็นต้น และเห็นชอบโครงการตามมาตรา 26 (6) สำหรับการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ 5G ของประเทศไทยในการต่อยอดการใช้ประโยชน์ของเทคโนโลยีที่สำคัญ 4 โครงการ ได้แก่ 1.โครงการติดตั้งเทคโนโลยี 5G สำหรับระบบบริหารจัดการเมืองอัจฉริยะ 2.โครงการนำร่องเกษตรดิจิทัล เพื่อการพัฒนาระบบส่งเสริมการเพาะเลี้ยงสาหร่ายผมนางและปลากะพงขาวในลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลา 3.โครงการนำร่องการพัฒนาด้านเทคโนโลยี 5G ต้นแบบสำหรับให้บริการประชาชน จ.เชียงใหม่ และ 4.โครงการ 5G เพื่อการคัดกรองและแจ้งเตือนสำหรับ เตรียมความพร้อมการเปิด เศรษฐกิจท่องเที่ยว จ.ภูเก็ต

พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า กรรมการกองทุนฯและคณะอนุกรรมการกลั่นกรองฯ ให้กำกับ ติดตาม การดำเนินโครงการที่ผ่านความเห็นชอบแล้ววันนี้ ให้เป็นไปตามเป้าหมายภายใต้กรอบเวลา และงป.ให้มีความโปร่งใส ตรวจสอบได้ และต้องเกิดประโยชน์ เป็นรูปธรรม ตามวัตถุประสงค์ สามารถเพิ่มประสิทธิภาพการบริการประชาชน และส่งเสริมการเข้าถึงทางการแพทย์ เพื่อรองรับสถานการณ์โควิด-19 และ ลดความเหลื่อมล้ำประชาชน ให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ ของประเทศ

"ชัยธวัช" เผย "ก้าวไกล" รอหยั่งเชิง มติครม. เคาะเลือกตั้งท้องถิ่น ก่อนเปิดตัวผู้สมัคร ผู้ว่าฯ กทม. ชี้ คุณสมบัติจะต้องบริหารกทม.ช่วงวิกฤต-หลังวิกฤตโควิดได้ จ่อ ผลักดันแก้กม.เพิ่มอำนาจให้กทม. หลังพบปัญหาบริหารงานซับซ้อน

นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีในวันที่ 7 ก.ย.นี้ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย เตรียมเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาเห็นสมควรให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่น หรือผู้บริหารท้องถิ่นขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 3 ประเภท ได้แก่ องค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) กรุงเทพมหานคร (กทม.) และเมืองพัทยา ว่า พรรคก้าวไกลจะส่งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (ส.ก.) ส่วนสนาม อบต. และเมืองพัทยา จะเป็นของคณะก้าวหน้า 

เมื่อถามว่า พรรคก้าวไกลจะเปิดตัวผู้สมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครเมื่อใด นายชัยธวัช กล่าวว่า ขณะนี้ต้องรอดูความชัดเจนเรื่องการเลือกตั้ง แผนเดิมที่เราทราบคือจะมีการเลือกตั้ง อบต. ก่อน ถัดมาจะเป็น กทม. และเมืองพัทยา แต่ล่าสุดกระทรวงมหาดไทยเตรียมเสนอให้เลือกตั้งพร้อมกันทั้ง 3 ประเภท 

เมื่อถามถึงกระบวนการคัดเลือกผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร นายชัยธวัช กล่าวว่า ขณะนี้จะอยู่ระหว่างการพิจารณาคัดเลือก จึงยังไม่สามารถลงรายละเอียดได้ว่ามีตัวเลือกกี่คน เราขอดูมติครม. ในวันพรุ่งนี้ (7 ก.ย.) ก่อน โดยคุณสมบัติของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครที่พรรคก้าวไกลจะเสนอนั้น จะต้องมีความเป็นผู้นำ สามารถบริหารกทม.ในช่วงสถานการณ์วิกฤตและหลังวิกฤตโควิด-19 ได้ และต้องเข้าใจปัญหาพื้นฐานของกทม.ว่าจะสามารถใช้อำนาจที่มีอยู่ในการแก้ปัญหาพื้นฐานได้อย่างไร ทั้งเรื่องการจัดการเมืองและเศรษฐกิจท้องถิ่น นอกจากนี้ เราจะพยายามผลักดันการแก้กฎหมายเพื่อเพิ่มอำนาจให้กทม. เพื่อให้คนกทม.มีอำนาจมากขึ้น เพราะการบริหารกทม.ที่ผ่านมามีปัญหาเรื่องการบริหารงานซ้อนทับกันระหว่างการบริหารส่วนกลางของรัฐบาล และกทม. 

"พรรคกล้า" เปิดเคมเปญ "รวมพลผู้กล้า" รับสมัครลงผู้สนใจลงเลือกตั้ง ส.ส.-ส.ก. สอดรับสัญญาณเลือกตั้งท้องถิ่น - ระดับชาติ เตรียมพรรคให้พร้อมทุกสถานการณ์ 

เพจเฟสบุ๊ก "กรณ์ จาติกวณิช - Korn Chatikavanij" หัวหน้าพรรคกล้า และเพจ "อรรถวิชช์ สุวรรณภักดี" เลขาธิการพรรคกล้า โพสต์รูปว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. และ ส.ก. พร้อมข้อความ รวมพล ผู้กล้า รับสมัครผู้ลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.- ส.ก. พรรคกล้า ประกาศเดินหน้าเต็มตัวสรรหาผู้สมัครรับเลือกตั้ง พร้อมเน้นย้ำอุดมการปฏิบัตินิยม ทำการเมืองสร้างสรรค์ แก้ปัญหาเศรษฐกิจปากท้อง ต่อสู้ระบบราชการหลัง พร้อม QR Code และลิงค์ candidate.klaparty.org ให้ผู้สนใจสมัครกรอกประวัติในระบบออนไลน์ได้ทันที 

นายแสนยากรณ์ สิงห์วีรธรรม โฆษกพรรคกล้า กล่าวว่า สัญญาณเกี่ยวกับการเลือกตั้งเริ่มชัดเจนขึ้น ทั้งรัฐสภาเตรียมลงมติวาระ 3 แก้ไขระบบเลือกตั้ง ส่วนกระทรวงมหาดไทยก็เตรียมให้ ครม. พิจารณากำหนดวันเลือกตั้งท้องถิ่นระดับ อบต. เมืองพัทยา กรุงเทพมหานคร พรรคกล้าเป็นพรรคการเมืองใหม่ ส่วนอายุรัฐบาลก็เหลืออยู่เพียง 1 ปี 10 เดือน และยังมีกระแสข่าวยุบสภาเกิดขึ้นเรื่อย ๆ พรรคกล้าในฐานะพรรคการเมืองใหม่ ต้องเตรียมความพร้อมโดยเร็ว 

"ที่หัวหน้าและเลขาธิการพรรคกล้า โพสต์รูปข้อความประกาศรับสมัครผู้ลงสมัครรับเลือกตั้ง ก็เพราะต้องการเปิดกว้างให้ผู้สนใจในทุกช่วงอายุ ทุกสาขาอาชีพ ได้มีช่องทางเข้ามามีส่วนร่วมทางการเมือง บนแนวทางที่ยึดถือหลักปฏิบัตินิยม ลงมือทำเพื่อแก้ไขปัญหาประเทศ พร้อมสื่อสารในทางสาธารณะว่าพรรคกล้าเอาจริง ไม่ได้หวังเป็นแค่พรรคการเมืองขนาดเล็ก รวมถึงเป็นการเตรียมพรรคให้พร้อมทุกสถานการณ์ หากมีอุบัติเหตุทางการเมืองเกิดขึ้นในอนาคต" โฆษกพรรคกล้ากล่าว

สคบ.รื้อกฎหมายช่วยลูกหนี้เงินผ่อนไม่เจอรีดเงินเกินจริง

นายสุวิทย์ วิจิตรโสภา รองเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) เปิดเผยว่า ได้รายงานที่ประชุมคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ที่มีนายอนุชา นาคาศัย รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน รับทราบแนวทางช่วยผู้บริโภคที่ได้รับความเดือดร้อนจากปัญหาหนี้สิน โดยสคบ. กำลังปรับปรุงแก้ไขประกาศคณะกรรมการว่าด้วยสัญญา เพื่อช่วยเหลือผู้บริโภคที่เป็นลูกหนี้ในสัญญาเช่าซื้อ โดยเฉพาะสัญญาเช่าซื้อรถยนต์ และจักรยานยนต์ หลังพบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตโควิด-19 รายได้ลดลงจนหมดกำลังในการผ่อนจ่ายค่าสินค้าต่าง ๆ ซึ่งแนวทางการช่วยเหลือผ่านการปรับปรุงกฎหมายครั้งนี้น่าจะได้ข้อสรุปในเดือนก.ย.นี้ 

สำหรับแนวทางการช่วยเหลือแบ่งออกเป็นการช่วยเหลือเรื่องของสัญญาเช่าซื้อในด้านต่าง ๆ เช่น การปรับปรุงอัตราดอกเบี้ยของธุรกิจเช่าซื้อ ที่ผ่านมาไม่มีกฎหมายหรือหน่วยงานใดเข้ามากำกับดูแลในเรื่องดอกเบี้ยของธุรกิจเช่าซื้อเป็นการเฉพาะ ทำให้ไม่มีการกำหนดเพดานอัตราดอกเบี้ยเอาไว้ จึงเป็นช่องให้มีการคิดดอกเบี้ยที่สูงเกินจริงจนเป็นภาระต่อผู้บริโภค สคบ. จึงได้หารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และเตรียมออกกฎหมายภายใต้พ.ร.บ.คุ้มครองผู้บริโภค ประกาศเรื่องของเพดานการคิดอัตราดอกเบี้ยที่เหมาะสมออกมา 

ขณะที่การพิจารณาอัตราเบี้ยปรับในกรณีที่ผู้บริโภคผิดสัญญา โดยจะกำหนดอัตราของเบี้ยปรับให้สอดคล้องกับประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ที่มีการแก้ไขเพิ่มเติมในมาตรา 224/1 และมาตรา 7 ซึ่งกำหนดแนวทางในเรื่องนี้เอาไว้อย่างชัดเจน รวมทั้งการปรับปรุงแนวทางในการขายทอดตลาด เช่น การกำหนดให้ผู้เช่าซื้อมีส่วนร่วมในการกำหนดราคาเริ่มต้นในการขายทอดตลาด หรือในกรณีที่มีการยึดและขายทอดตลาดแล้วหากได้จำนวนเงินน้อยกว่ามูลหนี้ที่ค้างชำระ เดิมกำหนดให้ผู้เช่าซื้อรับผิดชอบในส่วนที่ขาด แต่แนวทางใหม่ที่ออกมา เบื้องต้นอาจเปิดทางให้ลูกหนี้ไม่ต้องรับผิดชอบหนี้ หลังจากถูกยึดรถไปแล้ว เพราะถือว่าสิ้นสุดสัญญา 

นอกจากนี้ยังให้สิทธิกับผู้บริโภคในการคืนรถยนต์ และจักรยานยนต์ กับผู้ให้เช่าซื้อได้เพื่อเป็นการยกเลิกสัญญาในทันที แต่ก็ต้องมาตกลงเรื่องของหนี้ที่ค้างชำระต่าง ๆ เช่น ค่างวด ค่าปรับ และค่าทวงถาม ให้เสร็จสิ้น หรือในกรณีรถเสื่อมค่า มีรอย หรือเกิดอุบัติเหตุทำให้เสียหาย ผู้ให้เช่าซื้อก็อาจพิสูจน์ความเสียหาย และสามารถเรียกค่าเสียหายจากส่วนนี้ได้ แต่ต้องเป็นไปตามความเหมาะสม เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมทั้ง 2 ฝ่าย

'นิพิฏฐ์' โพสต์ข้อความ ฟังธรรมต้องฟังให้เกิดปัญญา ลั่น!! ท่านไม่สำรวม อายศาสนาอื่น

นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ อดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ โพสต์เฟซบุ๊ก หัวข้อ เพราะมีเรา จึงมีสงฆ์ โดยระบุรายละเอียดว่า ปกติผมไม่ค่อยเขียนเรื่องพระหรอก แต่วันนี้ ต้องเขียน เพราะมีคนถามมาเยอะในฐานะที่ ผมเป็นนักการเมืองไม่กี่คนที่ได้รับพระราชทานรางวัล "เสาเสมาธรรมจักร" จึงขอแสดงความเห็นบ้าง ตามสมควร 

1.) พระพุทธองค์ทรงฝากศาสนาไว้กับภิกษุ, ภิกษุณี, อุบาสก, อุบาสิกา มิได้ฝากไว้กับสงฆ์ผู้เป็นสาวกเพียงอย่างเดียว เราเป็นผู้อุปถัมภ์สงฆ์ให้ท่านมีเวลาศึกษาพระธรรมวินัยเพื่อมาสั่งสอนเรา เพราะมีเราจึงมีสงฆ์ ไม่มีเราก็ไม่มีสงฆ์ สงฆ์ท่านจึงควรรับฟังเราบ้าง

2.) ถ้าสิ่งไหนที่สงฆ์ท่านทำแล้วเป็นความสุขของท่าน ก็ให้ท่านทำไปเถอะ ผมก็ไม่อยากไปขัดความสุขของท่าน เห็นท่านพูดคุยหัวเราะร่วนกันเชียว ถ้าให้ผมเขียนตรง ๆ ก็คือ "ท่านไม่สำรวม" ผมอายคนในศาสนาอื่น กลัวเขาจะหมิ่นเอาได้ว่าสงฆ์ของเราสอนธรรมด้วยอาการไม่สำรวมอย่างนี้หรือ

3.) สำหรับชาวบ้านอย่างเรา ผมขอแนะนำให้อ่านหนังสือ "พุทธธรรม" ของสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ประยุทธ์ ปยุตฺโต) เลือกอ่านบางเล่ม บางบท ถือเป็นหนังสือ 1 ใน 100 เล่มที่คนไทย "ต้องอ่าน" ครับ หนังสือ "พุทธรรม" ไม่ต้องหาซื้อ เข้าไปใน google แล้วพิมพ์คำว่า "หนังสือพุทธธรรม" แล้วโหลดอ่านได้เลย สะดวกสบาย ถ้าให้ผมแนะนำ ผมแนะนำให้อ่านภาค 3 อารยธรรมวิถี ตอนที่ 6 ชีวิตที่ดีเป็นอย่างไร ก็น่าจะพอแล้วสำหรับการเกิดมาในโลกนี้และได้พบพระพุทธศาสนา 

4.) ส่วนท่านใดจะฟังพระสงฆ์ท่านใดพูดสนุก ๆ คลายเครียด ก็ฟังไปครับ แต่สำคัญสำหรับชาวพุทธต้องฟังให้เกิด "ปัญญา" ด้วย ถ้าฟังแล้วสนุก แต่ไม่เกิดปัญญา นั่นไม่ใช่คำสอนของพระพุทธองค์ แต่เป็นการพูดตลกของพระ ก็ไม่ว่าไร ผมไม่กล้าว่าใครหรอก

ผมอาจจะพลาดตรงที่ผมไม่เคยฟังพระคุณเจ้าท่านอื่นสอนธรรม ก็ต้องกราบนมัสการขออภัยไว้ตรงนี้  ผมคงอายุมากแล้วจึงไม่มีเวลาฟังธรรมของพระสงฆ์ท่านอื่นมากนัก จึงอ่าน/ฟัง เฉพาะคำสอนหลวงพ่อพุทธทาส กับ สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ป.อ. ปยุตฺโต) เท่านั้น


ที่มา : https://www.facebook.com/100000777267045/posts/4244908312211702/
https://www.thaipost.net/main/detail/115748

นายกฯ ประชุม บอร์ดบีโอไอ ย้ำรัฐบาลเร่งหาแนวทางช่วยเหลือเอสเอ็มอีและภาคธุรกิจ ผ่านมาตรการส่งเสริมการลงทุน และการให้สิทธิพิเศษต่าง ๆ บรรเทาผลกระทบโควิด-19 

ณ ห้อง PMOC ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บอร์ดบีโอไอ) ครั้งที่ 3/2564 ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ โดยมีนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และผู้ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมการประชุม นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สรุปสาระสำคัญของการประชุม ดังนี้ 

นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า รัฐบาลได้เร่งหาแนวทางช่วยเหลือเอสเอ็มอีและภาคธุรกิจผ่านมาตรการส่งเสริมการลงทุนและการให้สิทธิพิเศษต่าง ๆ ของบีโอไอ ที่จะต้องเร่งดำเนินการให้เร็วที่สุด เพราะไม่อาจคาดได้ว่าโควิด-19 จะอยู่ไปอีกถึงเมื่อไร โดยต้องทำทุกอย่างให้เกิดผลสัมฤทธิ์ เป็นรูปธรรม โปร่งใส เป็นธรรม ดำเนินการอย่างสุจริต สามารถตรวจสอบได้ทุกประการ ทุกหน่วยงานต้องบูรณาการการทำงานให้มีผลสัมฤทธิ์ ตามเป้าหมาย สิ่งที่ทำได้ขอให้ทำทันที ที่สำคัญ คือ การระวังไม่ทำให้คนตกงาน พร้อมหาแนวทางให้คนมาทำงานร่วมกับเครื่องจักรได้มากขึ้น เพื่อคนไทย มีอาชีพสุจริต มีความมั่นคง นายกรัฐมนตรีย้ำด้วยว่า เราต้องเดินหน้าประเทศไปด้วยกัน ทั้งการพัฒนาคน 4.0 อุตสาหกรรม 4.0 ซึ่งความคิดก็ต้อง 4.0 ด้วย หากยังปฏิบัติแบบเดิม ๆ ก็จะเดินหน้าไปไม่ได้  

ผลการประชุมบอร์ดบีโอไอที่สำคัญ 
1. บอร์ดบีโอไอเห็นชอบมาตรการบรรเทาผลกระทบจากสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) และสนับสนุนการพัฒนาวัคซีนและ/หรือยาในประเทศ ตามที่ฝ่ายเลขานุการเสนอ ดังนี้ 1) การผ่อนผันขยายเวลาดำเนินการให้ได้รับการรับรองมาตรฐานสากล เช่น ISO 9002, CMMI หรือมาตรฐานอื่นที่เทียบเท่า 2) การผ่อนผันการขออนุญาตหยุดดำเนินกิจการชั่วคราวเป็นระยะเวลาเกินกว่า 2 เดือน
2. เห็นชอบมาตรการส่งเสริมการลงทุนเพื่อการจัดการสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน 
3. อนุมัติปรับปรุงประเภทกิจการการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าแบบแบตเตอรี่ รถสามล้อไฟฟ้าแบบแบตเตอรี่ และรถโดยสารไฟฟ้าและรถบรรทุกไฟฟ้าแบบแบตเตอรี่ และอนุมัติเปิดให้การส่งเสริมการลงทุนกิจการผลิตรถจักรยานไฟฟ้า (ELECTRIC BICYCLE/ E-BIKE) 

นอกจากนี้ บอร์ดบีโอไออนุมัติการขอรับการส่งเสริม (ขยายกิจการ) ผลิตไฟฟ้าและไอน้ำระบบ COGENERATION ของบริษัท โกลว์ พลังงาน จำกัด (มหาชน) มูลค่าเงินลงทุนทั้งสิ้น 6,046 ล้านบาท (ไม่รวมที่ดินและทุนหมุนเวียน 5,568.0 ล้านบาท) เป็นหุ้นไทยทั้งสิ้น ที่ตั้งนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด จังหวัดระยอง  และรับทราบภาวะการส่งเสริมการลงทุนใน 6 เดือนแรกของปี 2564 จำนวนโครงการ เพิ่มขึ้น 14% การขอรับส่งเสริมการลงทุนจำนวน 801 โครงการ อยู่ในพื้นที่ EEC 232 โครงการ คิดเป็นร้อยละ 29 ของโครงการทั้งหมด เงินลงทุน เพิ่มขึ้น 158% เงินลงทุนทั้งสิ้น 386,200 ล้านบาท อยู่ในพื้นที่ EEC 126,640 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 33 ของเงินลงทุนทั้งหมด 

มาตรการรัฐช่วยรายจ่ายประชาชนหนุนเงินเฟ้อเริ่มลดลง

นายวิชานัน นิวาตจินดา รองผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) เปิดเผยว่า เงินเฟ้อทั่วไปเดือนส.ค.ลดลง 0.02 % เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีที่แล้ว เนื่องจากมาตรการลดภาระค่าครองชีพของรัฐ โดยเฉพาะการลดค่าเล่าเรียน-ค่าธรรมเนียมการศึกษา ค่ากระแสไฟฟ้า และค่าน้ำประปา ประกอบกับราคาสินค้ากลุ่มอาหารสดบางชนิดมีราคาลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนค่อนข้างมาก โดยเฉพาะข้าว เนื้อสัตว์ ผักสด และผลไม้สด 

ขณะเดียวกัน ราคาสินค้าในกลุ่มพลังงานแม้จะยังขยายตัวต่อเนื่อง แต่เป็นอัตราที่ชะลอลงจากเดือนที่ผ่านมา ขณะที่สินค้าอื่น ๆ บางชนิดมีราคาสูงขึ้น โดยเฉพาะไข่ไก่และเครื่องประกอบอาหาร และบางชนิดราคาทรงตัว ซึ่งเคลื่อนไหวสอดคล้องกับสถานการณ์ ส่งผลให้เงินเฟ้อในเดือนนี้ปรับลดลง ส่วน เงินเฟ้อพื้นฐาน เมื่อหักอาหารสดและพลังงานออกแล้ว ขยายตัว 0.07 %  ชะลอตัวลงจากเดือนก่อนหน้าที่ขยายตัว 0.14 % เฉลี่ย 8 เดือน (ม.ค.- ส.ค.) ปี 2564 สูงขึ้น 0.73 %

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าเงินเฟ้อในเดือนนี้จะปรับตัวลดลง แต่เครื่องชี้วัดเศรษฐกิจสำคัญที่เกี่ยวข้องหลายตัวยังมีสัญญาณที่ดี เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยยอดการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มจากการใช้จ่ายภายในประเทศและจากการนำเข้า ยังคงขยายตัว ภาคการส่งออกยังได้รับอานิสงส์จากเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าสำคัญที่ฟื้นตัว

นอกจากนี้ยังประเมินว่า เงินเฟ้อในเดือนก.ย.นี้ มีแนวโน้มกลับมาขยายตัวในระดับที่ไม่สูงมากนัก โดยมีปัจจัยสำคัญจากการสิ้นสุดมาตรการลดค่ากระแสไฟฟ้าและค่าน้ำประปา ซึ่งสิ้นสุดในเดือนส.ค.นี้ อีกทั้งราคาพลังงานมีแนวโน้มทรงตัวหรือลดลงเล็กน้อยจากการเพิ่มกำลังการผลิตของผู้ผลิตโลก ประกอบกับสถานการณ์โควิด-19 ที่มีแนวโน้มเริ่มคลี่คลาย ซึ่ง ราคาอาหารสดและการต่ออายุมาตรการลดค่าครองชีพของรัฐเป็นปัจจัยผันแปรสำคัญที่ส่งผลต่อเงินเฟ้อในเดือนก.ย. โดยกระทรวงพาณิชย์คาดว่าเงินเฟ้อเฉลี่ยในปี 2564 จะอยู่ระหว่าง 0.7 – 1.7 % 

'สี จิ้นผิง' ดันนโยบาย Common Prosperity บีบคนรวยช่วยคนจน ลดความเหลื่อมล้ำ บริษัทยักษ์ใหญ่ในจีนต่างขานรับแบบไม่อิดออด

รศ.ดร.อักษรศรี พานิชสาส์น อาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ อดีตผู้อำนวยการศูนย์วิจัยยุทธศาสตร์ไทย-จีน แห่ง วช. ได้โพสต์ลงเฟซบุ๊กว่า... 

#บีบคนรวยช่วยคนจน แนวคิด Common Prosperity #ลดเหลื่อมล้ำแบบจีน แนวคิดนี้ริเริ่มโดยเหมาเจ๋อตงถูกนำมาลงมือทำอย่างจริงจังในยุคสีจิ้นผิง #จัดระเบียบความรวย เพื่อให้ “มั่งคั่งร่วมกัน” ได้รับการขานรับจากมหาเศรษฐีจีนผู้ก่อตั้งบริษัทยักษ์ใหญ่และบรรดาบิ๊กเทคในจีนเป็นอย่างดี #น้อมรับไม่งอแง  

#รวยแล้วต้องแทนคุณแผ่นดิน การตั้งโครงการหรือกองทุนเพื่อช่วยเหลือสังคมด้านต่าง ๆ ของบริษัทที่รวยแล้วของจีน เพื่อหันมาช่วยคนจีนที่ด้อยโอกาสมากขึ้น โดยเน้นช่วยใน 3 หลักประกันขั้นพื้นฐานและจำเป็นที่สีจิ้นผิงประกาศให้คนจีนต้องเข้าถึงและรับบริการได้ครบ คือ การศึกษาขั้นพื้นฐาน Education การเข้าถึงสาธารณสุขขั้นพื้นฐาน Healthcare และที่อยู่อาศัย Housing 

ตัวอย่างโครงการ/นโยบายช่วยเหลือสังคมของมหาเศรษฐีจีนหรือบริษัทมั่งคั่ง #รวยแล้วต้องแบ่งปัน เช่น... 

-- #Alibaba ตั้งงบ 100,000 ล้านหยวน (US$15.5 billion) เพื่อส่งเสริมความเท่าเทียมกันในจีน ระยะโครงการถึงปี 2025 ผ่านการโปรโมทการลงทุนในเทคโนโลยี ช่วยสนับสนุนบริษัทขนาดเล็ก ช่วยพัฒนาชนบท ช่วยบริษัทขนาดเล็กขยายกิจการไปต่างประเทศ จ้างงานให้เสริมรายได้พิเศษสำหรับผู้ไม่ได้ทำงานประจำ รวมทั้งพนักงานส่งของหรือคนขับรถ

-- #Pinduoduo นาย Chen Lei ประธานและซีอีโอของบริษัทฯ ประกาศว่า บริษัทจะตั้งงบ 10,000 ล้านหยวน​ (US$1.5 billion) เพื่อสนับสนุนโครงการด้านการเกษตรเพื่อช่วยคนชนบทที่มีรายได้ต่ำกว่าคนเมือง มี income gap ห่างกัน 3 เท่า

-- #Tencent ประกาศตั้งกองทุนอีก 7,700 ล้าน US$ เพื่อช่วยคนมีรายได้น้อย ให้ความช่วยเหลือด้านสุขภาพ สนับสนุนการพัฒนาของชนบท และการศึกษาของชาวบ้านชนบท

-- #Geely บริษัทผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ของจีน จะแจกหุ้น 1.67ล้าน ให้กับพนักงาน 10,884 คน

รวมทั้งมหาเศรษฐีผู้ก่อตั้ง #Meituan บริษัทจัดส่งอาหารรายใหญ่ของจีนก็ขานรับที่จะทำโครงการช่วยผู้อื่นและยกย่องชื่นชมนโยบาย Common Prosperity ของสีจิ้นผิง

สีจิ้นผิงใช้แนวคิด #CommonProsperity หวังจะบีบคนรวยช่วยคนจน เพื่อลดปัญหารวยกระจุก #IncomeGap และเพื่อบีบคนรวยแล้วต้องแบ่งปัน #รวยแล้วต้องมีจิตสำนึกรับผิดชอบต่อสังคม เพื่อสร้างเสถียรภาพทางสังคมในระยะยาว จะสำเร็จหรือไม่ เกาะติดกันค่ะ

共同繁荣  gong tong fan rong อ่านว่า “ก้ง ถง ฝัน หรง” #มั่งคั่งไปด้วยกัน

#เหมาเจ๋อตงริเริ่ม #สีจิ้นผิงลงมือทำ 
"Common prosperity" was first mentioned in the 1950s by Mao Zedong, founding leader of what was then an impoverished country, and repeated in the 1980s by Deng Xiaoping, who modernized an economy devastated by the Cultural Revolution.

#ใครรวยได้รวยก่อน ยุคเติ้งเสี่ยวผิง
Deng said that allowing some people and regions to get rich first would speed up economic growth and help achieve the ultimate goal of common prosperity.

China became an economic powerhouse under a hybrid policy of "socialism with Chinese characteristics", but it also deepened inequality, especially between urban and rural areas, a divide that threatens social stability.


Credit : 
https://www.scmp.com/tech/big-tech/article/3147185/chinas-big-tech-answers-xis-call-common-prosperity-tencent-meituan
และ
https://www.reuters.com/world/china/what-is-chinas-common-prosperity-drive-why-does-it-matter-2021-09-02/


ที่มา: ดร.อักษรศรี พานิชสาส์น
https://www.facebook.com/1037140385/posts/10223890601746410/?d=n

จี้ ศธ. จริงจังปรับหลักสูตรเรียนออนไลน์ ‘วิโรจน์’ แนะประกาศจำกัดการบ้านให้ชัด ตัดวิชาไม่เหมาะออก จัดงบใหม่ เยียวยาความสูญเสีย เพื่อสร้างความปกติใหม่ในระบบการศึกษาจี้ ศธ. จริงจังปรับหลักสูตรเรียนออนไลน์ ‘วิโรจน์’ แนะประกาศจำกัดการบ้านให้ชัด ตัดวิชาไม่เหมาะ

ต่อกรณีที่มีเสียงสะท้อนถึงปัญหาการเรียนออนไลน์ที่ไม่มีประสิทธิภาพ สร้างภาระให้กับผู้ปกครอง โรงเรียนและครูในหลายด้าน แต่ไม่มีการดำเนินการอย่างจริงจังเพื่อแก้ไขปัญหาจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในช่วงเวลาที่ผ่านมานั้น 

วิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคก้าวไกล ระบุว่า ต้องยอมรับว่า ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิดที่รุนแรง ยืดเยื้อ ยาวนาน และมีความเป็นไปได้สูงว่า การระบาดของโรคยังคงต้องทอดยาวในระดับที่ไม่สามารถวางใจได้ต่อไปอีกหลายเดือน มาตรการการเรียนออนไลน์ที่ทำอยู่ในปัจจุบัน เป็นเพียงมาตรการในระยะสั้นเท่านั้น เพราะด้วยปัญหาความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาที่เกิดขึ้นกับทั้งโรงเรียน และครอบครัวของนักเรียน การเรียนออนไลน์ภายใต้หลักสูตรที่ไม่ได้ปรับปรุงอะไรเลย นอกจากจะไม่ได้ประสิทธิผลอย่างที่ควรจะเป็นและส่งผลเสียต่อเจตคติต่อการเรียนรู้แล้ว ยังจะเป็นการซ้ำเติมปัญหาความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาให้เพิ่มมากขึ้นอีกด้วย นักเรียนที่เข้าไม่ถึงทรัพยากรกร ก็จะยิ่งถูกทิ้งห่างมากขึ้น เมื่อเทียบกับนักเรียนที่มีเศรษฐสถานะที่ดีกว่า 

ทั้งนี้ วิโรจน์ จึงมีข้อเสนอแนะต่อกระทรวงศึกษาธิการว่า กระทรวงศึกษาธิการ ควรปรับเปลี่ยนการเรียนการสอนแบบออนไลน์ เพื่อให้มีความเหมาะสมต่อการเป็นมาตรการในระยะยาว ที่ตอบโจทย์กับปัญหาความเหลื่อมล้ำได้แล้ว ไม่ว่าจะเป็น

1. ปรับปรุงหลักสูตรการเรียนการสอนเป็นกรณีเฉพาะ โดยให้สอนเฉพาะวิชาหลักเท่านั้น ได้แก่ คณิตศาสตร์ ภาษาไทย ภาษาอังกฤษ และวิทยาศาสตร์ สำหรับวิชาอื่นๆ ที่การเรียนการสอนไม่เหมาะกับการเรียนแบบออนไลน์ เช่น สังคมศึกษา ศิลปะ ดนตรี พลศึกษา สุขศึกษา การงานอาชีพ พระพุทธศาสนา หน้าที่พลเมือง ลูกเสือ และเนื้อหาวิชาที่เกี่ยวข้องกับการทดลองในห้องปฏิบัติการ และการฝึกปฏิบัติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสายอาชีวศึกษา ให้พิจารณาพักการเรียนการสอนไว้ก่อน แล้วให้ปรับรูปแบบการเรียนการสอน ให้อยู่ในรูปแบบที่บูรณาการวิชาเหล่านี้เข้าด้วยกัน แล้วจัดการเรียนการสอนที๋โรงเรียน ในรูปแบบกิจกรรม เมื่อโรงเรียนสามารถเปิดได้ สำหรับนักเรียนที่เรียนในระดับชั้นที่เป็นปลายช่วงชั้นที่ไม่สามารถเลื่อนการเรียนการสอนได้ อาจจำเป็นต้องเรียนแบบออนไลน์ แต่ก็ควรปรับการเรียนการสอนให้อยู่ในรูปแบบบูรณาการหลายวิชาเข้าด้วยกัน เพื่อลดเวลาเรียนลง

2. กระทรวงศึกษาธิการ ควรมีออกประกาศอย่างจริงจัง เพื่อให้โรงเรียนจำกัดการสั่งการบ้าน และรายงาน ที่เป็นภาระแก่นักเรียน โดยการบ้านควรมีเฉพาะในวิชาหลักเท่านั้น และไม่ควรสั่งการบ้านที่เป็นภาระแก่นักเรียน และไม่ตอบวัตถุประสงค์การเรียนรู้ อาทิ การให้นักเรียนถ่ายคลิปการเดาะลูกตระกร้อ ถ่ายคลิปการรำต่างๆ ซึ่งเป็นภาระแก่พ่อแม่ ผู้ปกครองเป็นอย่างมาก

3. ปรับเปลี่ยนรูปแบบการประเมินผล ให้ใช้การสอบ กับเฉพาะวิชาหลัก เช่น คณิตศาสตร์ ภาษาไทย ภาษาอังกฤษ และวิทยาศาสตร์ เท่านั้น สำหรับวิชาอื่นๆ ไม่ได้พักการเรียนเอาไว้สอนในเทอมหน้า ให้ใช้การประเมินผลด้วยวิธีอื่น เช่น การตอบคำถามท้ายคาบ การมีส่วนร่วมในชั้นเรียน หรือวิธีการอื่นๆ ที่ไม่ใช่การสอบ และไม่ใช่การมอบหมายรายงาน ที่เป็นสร้างภาระให้กับนักเรียน

4. กระทรวงศึกษาธิการ ควรจัดทำสื่อการเรียนรู้กลางที่มีคุณภาพ พร้อมเอกสารประกอบการเรียนการสอนที่ครบถ้วน ในทุกรายวิชา ทุกระดับชั้น ที่นักเรียนทุกคนทั่วประเทศ สามารถใช้ในการเรียนรู้ด้วยตนเองได้ ต้องยอมรับว่า ปัจจุบันโรงเรียนที่มีเงินทุนสนับสนุน ก็สามารถพัฒนาสื่อการเรียนรู้ที่มีคุณภาพได้ แต่จะจำกัดให้แต่นักเรียนของตนเท่านั้น ที่จะเข้าถึงสื่อการเรียนรู้นั้นได้ สำหรับสื่อการเรียนรู้ DLTV และ DLIT ที่มีอยู่ ก็ไม่มีคุณภาพที่มากพอ นอกจากนี้ กระทรวงศึกษาธิการยังควรจัดสรรงบประมาณ เพื่อจัดซื้อแท็บเล็ต พร้อมซิมอินเตอร์เน็ต เอาไว้จำนวนหนึ่ง สำรองไว้ที่สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา เพื่อจ่ายแจกให้กับนักเรียนที่ขาดแคลนได้ใช้เรียนแบบออนไลน์อย่างเท่าเทียมกัน รวมทั้งจัดสรรงบประมาณรายหัวใหม่ โดยเพิ่มเติมค่าใช้จ่ายด้านอุปกรณ์การศึกษา และอาจโอนเงินในส่วนของค่าชุดนักเรียนให้มาเป็นค่าอุปกรณ์ทางการศึกษาแทน เพื่อให้พ่อแม่ ผู้ปกครอง สามารถนำเงินดังกล่าวไปจัดซื้อแท็บเล็ต พร้อมกับชำระค่าอินเตอร์เน็ตได้

5. ต้องยอมรับว่า เงินเยียวยานักเรียน 2,000 บาท เป็นเพียงเงินเยียวยาเบื้องต้นเท่านั้นปัจจุบันนักเรียนจำนวนไม่น้อยกำลังประสบกับภาวะทุพโภชนาการ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อพัฒนาการในระยะยาว ในสถานการณ์โรคระบาด ที่โรงเรียนไม่สามารถจัดการเรียนการสอนได้ตามปกติ กระทรวงศึกษาธิการ จึงควรหารือกับนายกรัฐมนตรี ในการใช้อำนาจตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน จัดสรรเงินรายหัวที่อุดหนุนโรงเรียนส่วนหนึ่ง จ่ายเป็นค่ายังชีพให้แก่นักเรียน สำหรับโรงเรียนเอกชนที่รับเงินอุดหนุนรายหัว ซึ่งเงินอุดหนุนดังกล่าวมีเงินเดือนของครูผู้สอนรวมอยู่ในนั้นด้วย ให้รัฐบาลพิจารณาใช้งบกลาง หรืองบประมาณจากเงินกู้ อุดหนุนเพิ่มเติม โดยให้ใช้มาตรการนี้ทั้งในเทอมนี้ และเทอมถัดไป จนกว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 จะคลี่คลาย

6. กระทรวงศึกษาธิการควรเสนอต่อรัฐบาล ให้พิจารณาตรา พ.ร.ก. กู้ยืมเงินเพื่อการศึกษาในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยให้ผู้ปกครอง นักเรียน นิสิต นักศึกษา สามารถกู้ยืมเงินในระยะสั้น แบบปลอดดอกเบี้ย เพื่อการศึกษา ผ่านธนาคารพาณิชย์ โดยให้รัฐบาลรับผิดชอบดอกเบี้ย และค้ำประกันเงินกู้ให้

7. กระทรวงศึกษาธิการควรเสนอต่อรัฐบาล ให้พิจารณออก พ.ร.ก. ชดเชยเยียวยาแก่เด็ก และเยาวชนที่สูญเสียพ่อแม่ หรือผู้ปกครอง จากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2010 (COVID-19) โดยให้รัฐบาลอุดหนุนงบประมาณเพื่อเลี้ยงดู และส่งเสริมการศึกษา ให้กับเด็กเหล่านี้ โดยให้กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) เป็นผู้จ่ายเงิน และติดตามผล

8. เร่งจัดหาวัคซีนที่มีความปลอดภัย และมีประสิทธิผลต่อเชื้อกลายพันธุ์ มาฉีดให้กับนักเรียน ครู และบุคลากรทางการศึกษา โดยมีกำหนดการ และแผนการฉีดวัคซีนที่ชัดเจน เพื่อให้โรงเรียนสามารถกลับมาเปิดการเรียนการสอนได้ตามปกติ ให้เร็วที่สุด

“สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด ณ วันนี้ เป็นสิ่งที่ต้องยอมรับแล้ว เราอาจจะไม่สามารถกำจัดให้โรคๆ นี้ออกไปจากโลกใบนี้ได้ อย่างไรก็ตาม พัฒนาการ และการเรียนรู้ของเด็กๆ และประชาชนคนไทย มีความจำเป็นต้องเดินหน้าต่อ กระทรวงศึกษาธิการ มีความจำเป็นต้องวางกลยุทธ์ใหม่ วางหลักสูตรใหม่ กำหนดแผนการเรียนการสอนใหม่ จัดสรรงบประมาณใหม่ เพื่อสร้างความเป็นปกติใหม่ (New Normal) ของระบบการศึกษาไทยได้แล้ว” วิโรจน์ ระบุ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top