Saturday, 14 June 2025
NewsFeed

“ผบ.ทบ.”ย้ำแนวทาง“ดับไฟใต้”คำนึงหลักสิทธิมนุษยชน ให้ทหารระมัดระวังพลิกแพลงตามสถานการณ์ลดความสูญเสีย กำชับนโยบาย”บิ๊กตู่”ต้องชัดเจนบังคับใช้ กม.ทุกกรณี /พร้อมขอบคุณช่วยเหลือประชาชื่นนทุกบทบาท

กองทัพภาคที่4 ได้เผยแพร่ผลการประชุมหน่วยขึ้นตรงกองทัพบก (นขต.ทบ.) ที่มี พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) เป็นประธานการประชุม ผ่านระบบ VTC เพื่อมอบนโยบาย และสั่งการ และนำไปปฏิบัติ ปรับใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่หน่วย กำลังพล ตลอดจนพี่น้องประชาชนในสถานการณ์และภัยคุกคามต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น โดยก่อนวาระการประชุม พล.ท.เกรียงไกร ศรีรักษ์ แม่ทัพภาคที่ 4 และ ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 เป็นผู้แทนผู้บัญชาการทหารบกมอบใบประกาศเกียรติคุณ และประกาศชมเชยให้กับหน่วยในพื้นที่กองทัพภาคที่ 4 ที่มีผลการปฏิบัติงานดีเด่น มีประสิทธิภาพเป็นที่ประจักษ์ต่อสายตาพี่น้องประชาชน

ได้แก่ หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 43 หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 46 และกองร้อยเสนารักษ์ที่ 1 กองพันเสนารักษ์ กรมสนับสนุน กองพลทหารราบที่ 15 เพื่อเป็นการแสดงความชื่นชม สร้างขวัญกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ของกำลังพล สมควรได้รับการยกย่องและเชิดชูให้เป็นแบบอย่างที่ดีแก่กำลังพลของกองทัพบกต่อไป ที่ห้องประชุม 1 กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ค่ายสิรินธร อำเภอยะรัง จังหวัดปัตตานี ทั้งนี้ได้เน้นย้ำแก่หน่วยขึ้นตรงกองทัพบกให้ประเมินสถานการณ์ ดำเนินการตามพันธกิจและนโยบาย พร้อมช่วยเหลือพี่น้องประชาชนในทุกโอกาส

โดย พล.อ.ณรงค์พันธ์ ได้กล่าวขอบคุณทุกส่วนถึงการปฏิบัติงานให้ห้วงที่ผ่านมา ทั้งในด้านการช่วยเหลือพี่น้องประชาชนในห้วงของสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด 19 ขอให้ดำรงความมุ่งหมาย และคงประสิทธิภาพการทำงานต่อไป นำทรัพยากรต่างๆที่มีอยู่ทั้งกำลังพล และยุทโธปกรณ์ให้ความช่วยเหลือประชาชนอย่างเต็มกำลัง คงความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ระหว่างการปฏิบัติงานเป็นสำคัญ หน่วยต้องดูแลเรื่องสิทธิ และสวัสดิการแก่กำลังพลอย่างดีที่สุด 

สำหรับภารกิจในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เน้นย้ำกำลังพลให้ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความระมัดระวัง พลิกแพลงสถานการณ์เพื่อลดความสูญที่อาจจะเกิดขึ้น การจับกุมยาเสพติด และการลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย ยังคงต้องเพิ่มมาตรการคุมเข้ม ตามแนวชายแดน เพื่อสกัดกั้นสิ่งผิดกฎหมายทุกชนิดเข้ามาภายในประเทศ ขอขอบคุณกองกำลังชายแดนที่ปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มความสามารถ 

ในส่วนเรื่องการบังคับใช้กฎหมายต่อกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงต้องดำเนินการให้เป็นไปตามหลักมนุษยธรรมเน้นการมีส่วนร่วม ที่ผ่านมาพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้เน้นย้ำมาตลอดให้ดำเนินการเป็นไปตามขั้นตอน และมีความชัดเจนในการบังคับใช้กฎหมายทุกกรณี สำหรับการช่วยเหลือพี่น้องประชาชนในด้านสาธารณภัยอื่นๆ ห้วงเดือนกันยายนถึงธันวาคมของทุกปี พื้นที่ภาคใต้เป็นช่วงของฤดูมรสุมขอให้ทุกหน่วยเตรียมความพร้อมในการบรรเทาสาธารณภัยเข้าช่วยเหลือพี่น้องประชาชนอย่างทันท่วงที โดยไม่ต้องรอคำสั่ง ชื่นชมกำลังพลที่ได้มีจิตอาสาช่วยเหลือพี่น้องประชาชน ซึ่งถือเป็นความภาคภูมิใจของหน่วย และกองทัพบก อันแสดงให้เห็นถึงกำลังพลของกองทัพบกสามารถเป็นที่พึ่งให้กับประชาชนได้ทุกโอกาส  

รมว.เฮ้ง ย้ำ ผู้ประกันตน ม.39,40 กลุ่มตกหล่น 29 จังหวัด เร่งเช็คสิทธิรับเงินเยียวยา ตั้งแต่ 1-31 ต.ค.นี้

นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า หลังจากที่สำนักงานประกันคม (สปส.) ได้ทยอยโอนเงินเยียวยาผู้ประกันตนมาตรา 39 และมาตรา 40 ที่เดือดร้อนจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ใน 29 จังหวัดได้แก่ กรุงเทพมหานคร นครปฐม นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ สมุทรสาคร นราธิวาส ปัตตานี ยะลา สงขลา ฉะเชิงเทรา ชลบุรี พระนครศรีอยุธยา นครราชสีมา ระยอง ราชบุรี สระบุรี สุพรรณบุรี กาญจนบุรี ลพบุรี เพชรบูรณ์ ประจวบคีรีขันธ์ ปราจีนบุรี เพชรบุรี ตาก อ่างทอง นครนายก สมุทรสงคราม และสิงห์บุรี ตามกำหนดไทมไลน์ของแต่ละกลุ่มจังหวัด

พบว่า ผู้ประกันตนที่มีสิทธิตามเงื่อนไข ส่วนใหญ่ได้รับเงินโอนเข้าบัญชีพร้อมเพย์เรียบร้อยแล้ว แต่ยังมีผู้ประกันตนบางส่วนที่พบว่าตนเองมีคุณสมบัติเข้าเกณฑ์ ครบถ้วน คือ สัญชาติไทย ประกอบอาชีพ หรือพักอาศัยอยู่ในจังหวัดพื้นที่สีแดงเข้ม ใน 29 จังหวัด แต่เข้าไปตรวจสอบสถานะตนเองในระบบเว็บไซต์ www.sso.go.th ของสำนักงานประกันสังคม แจ้งว่า “ไม่ได้รับสิทธิ” จึงพลาดการโอนเงินเยียวยาที่ผ่านมา โดยขณะนี้สำนักงานประกันสังคมได้เปิดให้โอกาสให้ “กลุ่มผู้ประกันตนที่ตกหล่น” สามารถยื่นทบทวนสิทธิรับเงินเยียวยาได้แล้วตั้งแต่วันที่ 1-31 ตุลาคม 2564 เป็นต้นไป

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวต่อไปว่า พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีที่กำกับดูแลกระทรวงแรงงาน ได้มีความห่วงใยกลุ่มพี่น้องแรงงานที่ได้รับความลำบากในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ได้กำชับให้ตนเร่งให้ความช่วยเหลือเยียวยาเพื่อแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันแก่ผู้ประกันตน ซึ่งตนได้มอบหมายให้นายทศพล กฤตวงศ์วิมาน เลขาธิการสำนักงานประกันสังคมตรวจสอบข้อมูล เพื่อโอนเงินช่วยเหลือกลุ่มที่มีสิทธิแต่ยังตกหล่นอยู่ ให้ยื่นแบบทบทวนสิทธิ สำหรับขั้นตอนผู้ทบทวนสิทธิสามารถดาวน์โหลดเอกสารแบบคำขอทบทวนสิทธิเยียวยา ได้ที่ www.sso.go.th พร้อมกรอกแบบ ลงลายมือชื่อ ระบุเลขบัตรประชาชนให้ชัดเจน หรือแนบสำเนาบัตรประชาชน สำเนาทะเบียนบ้าน สำเนาใบเสร็จ สลิปชำระเงินสมทบ (ถ้ามี) พร้อมหมายเลขโทรศัพท์เพื่อให้เจ้าหน้าที่สำนักงานประกันสังคมติดต่อกลับได้ นำแบบที่กรอกครบถ้วนแล้วส่งมาทางไปรษณีย์ลงทะเบียนถึงสำนักงานประกันสังคมที่สะดวก 29 จังหวัดสีแดงเข้ม (ยึดวันประทับตามไปรษณีย์เป็นสำคัญ) ทั้งนี้ เพื่อลดการเดินทางมาติดต่อยังสำนักงานประกันสังคมในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ได้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ถึง 31 ตุลาคม 2564 สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่สายด่วน 1506 ให้บริการไม่เว้นวันหยุดราชการตลอด 24 ชั่วโมง

กระทรวงศึกษาธิการจีนสั่งเพิ่มความเข้มงวดตรวจสอบวุฒิการศึกษาจากหลายสถาบัน รวมทั้ง มหาวิทยาลัยเกริกของไทย หากไม่ได้รับการรับรองจะทำให้ปริญญาบัตรไม่สามารถใช้เรียนต่อและทำงานในประเทศจีนได้

ศูนย์นักศึกษาต่างชาติ กระทรวงศึกษาธิการจีน ออกประกาศเมื่อวันที่ 3 ก.ย. ระบุว่าได้รับการร้องเรียนจำนวนมากว่า ในช่วงการระบาดของโรคโควิด สถาบันการศึกษาในต่างประเทศหลายแห่งได้เปิดหลักสูตรการเรียนออนไลน์ที่มีคุณภาพต่ำเพื่อดึงดูดนักศึกษา

เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนักศึกษาชาวจีนที่ไปเรียนในต่างประเทศ และการดำเนินการที่เหมาะสมของตลาดการศึกษา กระทรวงศึกษาธิการจีนจะเพิ่มความเข้มในการตรวจสอบวุฒิการศึกษาจากมหาวิทยาลัยดังต่อไปนี้

1. Sekolah Tinggi Ilmu Ekonomi IBMT อินโดนีเซีย

2. University of Perpetual Help System Dalta ฟิลิปปินส์

3. มหาวิทยาลัยเกริก ประเทศไทย

4. Universidad Rey Juan Carlos สเปน

กระทรวงศึกษาธิการจีนจะเพิ่มระยะเวลาในการตรวจสอบวุฒิการศึกษาจากมหาวิทยาลัยเหล่านี้ โดยใช้เวลาไม่เกิน 60 วันทำการ โดยจะตรวจสอบเอกสารและสถานภาพที่เกี่ยวข้องอย่างเป็นอิสระ

ต้นฉบับประกาศ http://www.cscse.edu.cn/web/xsy/411032/504070/index.html

ก่อนหน้านี้ มีรายงานข่าวว่า มหาวิทยาลัยเกริก ถูกซื้อกิจการโดยกลุ่มทุนจากประเทศจีน เพื่อขยายหลักสูตรนานาชาติโดยมีนักศึกษาชาวจีนเป็นกลุ่มเป้าหมาย ขณะที่หลักสูตรของนักศึกษาไทยก็ยังทำการเรียนการสอนตามปกติ

ขณะนี้ รัฐบาลจีนมีนโยบายจัดระเบียบธุรกิจด้านการศึกษา โดยสั่งระงับกิจการโรงเรียนกวดวิชาจำนวนมาก และกำลังขยายผลมายังการศึกษาในต่างประเทศ ซึ่งมหาวิทยาลัยหลายแห่งเปิดหลักสูตรเพื่อดึงดูดนักศึกษาจีน โดยไม่ได้มาตรฐาน

ก่อนหน้านี้ กระทรวงศึกษาธิการจีนได้มีคำสั่งระงับการรับรองวุฒิการศึกษาของ North Borneo University College ประเทศมาเลเซีย และสั่งเพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบวุฒิการศึกษาจากมหาวิทยาลัยในประเทศเบราลุส


ที่มา: https://mgronline.com/china/detail/9640000087937

กอช. เผย สร้างผลตอบแทนการลงทุนใน 7 เดือนให้สมาชิกได้มากกว่าฝากแบงก์

6 ก.ย. 64 นางสาวจารุลักษณ์ เรืองสุวรรณ เลขาธิการคณะกรรมการกองทุนการออมแห่งชาติ หรือ กอช. เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานล่าสุดในช่วง 7 เดือนของปีนี้ (ถึง 31 กรกฎาคม 2564) โดย กอช. สร้างผลตอบแทนการลงทุนให้สมาชิกได้ร้อยละ 1.14 ต่อปี ซึ่งยังสูงกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำกับธนาคารอยู่ที่ร้อยละ 0.59 ต่อปี

การบริหารเงินลงทุนของ กอช. ยังคงมุ่งเน้นไปที่ความมั่นคงของเงินลงทุน โดยที่ผ่านมา กอช. สร้างผลตอบแทนให้กับสมาชิกอย่างสม่ำเสมอ อัตราผลตอบแทนเฉลี่ยตั้งแต่ตั้งกองทุนอยู่ที่ร้อยละ 2.90 ต่อปีโดยประมาณ ดีกว่าค่าเฉลี่ยของอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำกับธนาคารซึ่งอยู่ที่ร้อยละ 1.30 ต่อปีโดยประมาณ

อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางสถานการณ์โรคระบาดโควิด-19 การลงทุนของ กอช. ยังคงต้องใช้ความระมัดระวัง โดยเน้นการลงทุนไปที่สินทรัพย์ที่มีความมั่นคงสูง ได้แก่ พันธบัตรรัฐบาล เงินฝาก และหุ้นกู้ภาคเอกชนที่มีความน่าเชื่อถือด้านเครดิตที่ดี ถึงแม้สภาวะเศรษฐกิจปัจจุบันที่ยังมีความไม่แน่นอนอยู่ แต่ทาง กอช. เริ่มเห็นสัญญาณที่ดีขึ้นหลายประการ อันบ่งบอกถึงการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ รวมทั้งนโยบายทางการคลังของรัฐบาลที่พยายามจะกระตุ้นและประคับประคองเศรษฐกิจ 

ดังนั้น สินทรัพย์ที่มีการเติบโตสูงและให้รายได้ที่สม่ำเสมอ อาทิ ตราสารทุน และกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ จึงมีความน่าสนใจ และเป็นโอกาสที่ กอช. น่าจะเข้าสะสมลงทุนต่อไป

ทั้งนี้ สมาชิกมั่นใจได้ว่า จะได้รับเงินบำนาญรายเดือนจาก กอช. เมื่ออายุครบ 60 ปีบริบูรณ์ ซึ่งจะได้รับเงินคืนทั้งส่วนที่เป็นเงินออมสะสมของสมาชิก และเงินสมทบเพิ่มจากรัฐบาล พร้อมผลตอบแทนการลงทุนของเงินทั้งหมดได้รับการค้ำประกัน ไม่ต่ำกว่าดอกเบี้ยเงินฝากประจำของธนาคาร วันที่สมาชิกครบอายุ 60 ปี


ที่มา : https://www.thaipost.net/main/detail/115757

อดีตกรรมการผู้ช่วยรองนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความ 'ระวังบาป!' กรณีมีคนกล่าวหา 'มหาสมปอง-มหาไพรวัลย์' อลัชชี

6 ก.ย. 64 นายไพศาล พืชมงคล อดีตกรรมการผู้ช่วยรองนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า การกล่าวหา พระมหาสมปองและพระมหาไพรวัลย์ว่าเป็นอลัชชีนั้น เป็นบาป 

ที่ท่านมหาทั้งสอง พูดจาในเชิงตลกโปกฮาบ้าง ก็เป็นบุคลิกส่วนตัวของท่าน 

ยังไม่ปรากฏว่าท่านล่วงละเมิดพระวินัย โดยเฉพาะในข้อปาราชิก ท่านจึงดำรงฐานะเป็นพระภิกษุในพระพุทธศาสนา อันควรต้องให้ความเคารพ

อัธยาศัยของพระภิกษุแต่ละรูปนั้น เป็นวิบากของแต่ละท่านที่ตกทอดมา บางรูปก็มีอุปนิสัยออกไปทางโลภะ บ้างก็โทสะ บ้างก็โมหะ บ้างก็ฟุ้งไป

แต่ตราบใดที่ท่านยังประพฤติพรหมจรรย์ ดำรงตนอยู่ในพระวินัยแห่งสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านก็ยังเป็นพระภิกษุ และหลายรูปก็บรรลุมรรคผลภูมิธรรมขั้นสูงในพระศาสนาให้ปรากฏมาแล้ว สำหรับท่านพระมหาสมปองและพระมหาไพรวัลย์เอง เมื่อได้ยินเสียงติเตียนแล้ว ก็พึงพิจารณาด้วยปัญญาของท่านเถิดว่า การใดเป็นโลกาวัชชะ การใดเป็นที่ตั้งแห่งความเคารพสักการะศรัทธา ในพระพุทธศาสนา ตอนนั้นท่านพึงทำเถิด

ถ้าท่านมหาทั้ง 2 รูป สนใจจะสนทนาธรรมกันก็ขอนิมนต์ไว้ ณ ที่นี้


ที่มา : https://www.thaipost.net/main/detail/115756

ชงกระทรวงแรงงานขยายเวลาหักเงินสมทบประกันสังคมอีก 3 เดือน

นายพจน์ อร่ามวัฒนานนท์ รองประธานกรรมการหอการค้าไทย และประธานคณะกรรมการแรงงานและพัฒนาฝีมือแรงงาน เปิดเผยว่า ได้จัดทำหนังสือข้อเสนอเป็นการเร่งด่วนไปยังนายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน เพื่อให้สำนักงานประกันสังคม กระทรวงแรงงาน ได้ขยายมาตรการช่วยเหลือการหักเงินสมทบประกันสังคมต่อไปอีก 3 เดือน ระหว่างเดือนกันยายน-พฤศจิกายน 2564 หรือจนกว่าสถานการณ์โควิด-19 จะดีขึ้น เพื่อรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศไทยและประคองการดำเนินธุรกิจของผู้ประกอบการในสถานการณ์การแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 ขณะนี้

ทั้งนี้ที่ผ่านมา กระทรวงแรงงาน ได้พิจารณาข้อเสนอของหอการค้าไทยไปแล้วหลายเรื่อง โดยเฉพาะมาตรการด้านแรงงานในสถานการณ์โควิด-19 ทั้ง 1.มาตรการเชิงรุกในการตรวจคัดกรองความเสี่ยงแรงงานทั้งคนไทยและต่างด้าว 2.มาตรการเร่งรัดจัดสรรวัคซีนป้องกันโควิด-19 ให้กับผู้ประกันตน 3.มาตรการเยียวยาผู้ประกันตนและนายจ้างได้รับความช่วยเหลือในพื้นที่ 29 จังหวัด 4.มาตรการ Factory Sandbox 

5.มาตรการผ่อนผันให้แรงงานข้ามชาติ 3 สัญชาติ กลุ่มมติ 20 สิงหาคม 2562 และกลุ่มมติ 4 สิงหาคม 2563 ให้สามารถทำงานต่อในราชอาณาจักรไทยได้ และ  6.มาตรการลดหย่อนการส่งเงินสมทบประกันสังคมของนายจ้าง ลูกจ้างกลุ่มผู้ประกันตน ตั้งแต่มีนาคม 2563 จนถึงปัจจุบัน ซึ่งส่งผลดีต่อการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและการจ้างงานจากการได้รับผลกระทบของการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 
……….

บราซิลประกาศระงับการใช้วัคซีนซิโนแวคกว่า 12 ล้านโดส หลังตรวจพบว่าผลิตจากโรงงานที่ไม่ได้รับอนุญาต

อันวิซา (Anvisa) ผู้ควบคุมกฎระเบียบด้านสาธารณสุขแห่งรัฐบาลกลางบราซิล เมื่อวันเสาร์ (4 ก.ย.) ระงับใช้วัคซีนโควิด-19 ที่พัฒนาโดยซิโนแวค ไบโอเทค บริษัทสัญชาติจีนกว่า 12 ล้านโดส หลังพบว่ามันผลิตโดยโรงงานที่ไม่ได้อนุญาตแห่งหนึ่ง

ถ้อยแถลงของอันวิซา ระบุว่า พวกเขาได้รับแจ้งจากสถาบันบูตันตัน ของรัฐเซาเปาลู ศูนย์ชีวการแพทย์ที่ร่วมมือกับซิโนแวค ในการผลิตและทดสอบวัคซีนโควิด-19 ในบราซิล ว่ามีวัคซีนจากโรงงานดังกลาวส่งมายังบราซิล 25 ล็อต หรือ 12.1 ล้านโดส

"แผนกการผลิตไม่ได้ผ่านการตรวจสอบและไม่ได้รับการรับรองจากอันวิซา ในการอนุมัติใช้วัคซีนที่กล่าวถึงในกรณีฉุกเฉิน" คณะผู้ควบคุมกฎระเบียบด้านสาธารณสุขแห่งรัฐบาลกลางบราซิลระบุ พร้อมบอกว่า "คำสั่งแบนเป็นมาตรการป้องกันไว้ก่อน เพื่อหลีกเลี่ยงความเป็นไปได้ที่จะก่อความเสี่ยงแก่ประชาชน"

สถาบันบูตันตันยังได้แจ้งต่ออันวิซาด้วยว่าวัคซีนอีก 17 ล็อต รวมแล้ว 9 ล้านโดส ที่ผลิตในโรงงานเดียวกันกำลังมุ่งหน้ามายังบราซิล

ระหว่างคำสั่งแบนเป็นเวลา 90 วัน อันวิซาจะดำเนินการตรวจสอบโรงงานและหาคำตอบเพิ่มเติมเกี่ยวกับความปลอดภัยของกระบวนการผลิตในโครงการจ่ายวัคซีนของบราซิลในช่วงต้นปี วัคซีนส่วนใหญ่ที่ดำเนินการฉีดให้แก่ประชาชนก็คือจากซิโนแวค ก่อนจะเข้าถึงวัคซีนจากผู้ผลิตอื่น ๆ หลังจากนั้น

เมื่อวันเสาร์ (4 ก.ย.) บราซิล รายงานพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่จำนวน 21,804 ราย และเสียชีวิตเพิ่ม 692 คน


(ที่มา : รอยเตอร์)
https://mgronline.com/around/detail/9640000087980

‘บิ๊กบี้’ นำถก ผบ.หน่วยฯ สรุปผลงาน 1 ปี ช่วยเหลือ ปชช. ปรับขีดความสามารถ ทบ. รับมือโควิดควบคู่การ ‘พิทักษ์พล’ ไม่ให้ติดเชื้อ พร้อมขอบคุณทหารเกษียณฯ ก.ย.64ทำงานเพื่อ ทบ.-ประเทศ ยาวนาน เป็นผู้มีความรู้มีประสบการณ์ ให้คำแนะนำแก่หน่วยทหารได้

พล.ท. สันติพงศ์ ธรรมปิยะ โฆษกกองทัพบก เปิดเผยถึงผลการประชุมหน่วยขึ้นตรงกองทัพบกในวันนี้ (6 ก.ย. 64) ซึ่งพล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) เป็นประธานการประชุมผ่านระบบออนไลน์ โดยได้กล่าวถึงการปฏิบัติงานของกองทัพบกในรอบปีที่ผ่านมา พร้อมขอบคุณผู้บังคับหน่วยและกำลังพลทุกนายที่ร่วมกันเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนภารกิจของรัฐบาล ดูแลประชาชนได้อย่างเรียบร้อย ถือเป็นสิ่งที่ยืนยันในความพร้อมจากการฝึกฝนและเตรียมการของกองทัพบกภายใต้สถานการณ์ที่มีความท้าทายเป็นอย่างมาก 

ทั้งการช่วยเหลือประชาชนจากภัยพิบัติ การช่วยเหลือเกษตรกร การแก้ไขสถานการณ์ภัยแล้งและไฟป่า การสกัดกั้นยาเสพติดสิ่งผิดกฎหมายในพื้นที่ชายแดน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่กองทัพบกได้ปฏิบัติอย่างเต็มที่ ในการช่วยเหลือประชาชน การสนับสนุนการปฏิบัติงานของกระทรวงสาธารณสุข ได้นำทรัพยากรทุกอย่างที่มีทั้งกำลังพล สิ่งอุปกรณ์ ความรู้ขีดความสามารถทางทหารมาประยุกต์ใช้ในสถานการณ์โควิด สร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนในความช่วยเหลือจากภาครัฐ 

ซึ่งกองทัพบกยังคงดำรงการปฏิบัติในเรื่องดังกล่าวให้สอดคล้องตามสถานการณ์ต่อไป ควบคู่ไปกับมาตรการพิทักษ์พลเพื่อป้องกันการติดเชื้อภายในหน่วยทหารและกำลังพล ที่หน่วยทหารของกองทัพบกจะยังคงมีความเข้มงวดและไม่ผ่อนปรนมาตรการเร็วเกินไป เพื่อรักษาระดับการป้องกันโควิด-19 และคงความพร้อมในการปฏิบัติภารกิจ การดำเนินชีวิต รวมทั้งการนำบทเรียนจากการปฏิบัติงานในช่วงโควิดที่ผ่านมาเพื่อประยุกต์ใช้ในการฝึกศึกษาทางทหารภายใต้สถานการณ์โรคอุบัติใหม่ที่ยังคงมีอยู่  

การประชุมในวันนี้ ผู้บัญชาการทหารบกให้ความสำคัญกับการปฏิบัติงานในพื้นที่ชายแดน เน้นย้ำภารกิจสกัดกั้นสิ่งผิดกฎหมาย ยาเสพติด แรงงานต่างด้าวลักลอบเข้าเมือง รวมทั้งการบังคับใช้กฎหมายที่เป็นไปตามขั้นตอน ภายใต้ความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน รวมทั้งการดูแลพื้นที่ชายแดนด้วยเครื่องมือและระบบเฝ้าตรวจอย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ความมั่นคงและสงบสุขในพื้นที่ชายแดนจะนำมาซึ่งคุณภาพชีวิตที่ดีของประชาชนและสนับสนุนการป้องกันโรคได้อีกทางหนึ่ง โดยให้กองกำลังป้องกันชายแดนกองทัพบกดำเนินการควบคู่ไปกับการติดตามสถานการณ์ด้านความมั่นคงในภูมิภาค และความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้าน

สำหรับการทำงานของกองทัพบกในรอบปีที่ผ่านมาที่ได้มีการพัฒนาระบบคัดเลือกกำลังพลเข้าปฏิบัติราชการ โดยเฉพาะให้โอกาสทหารกองประจำการและผู้ที่มีใจรักในอาชีพทหาร ได้เข้ามาสู่ระบบการคัดสรรอย่างทั่วถึง ซึ่งนโยบายดังกล่าวจะยังคงเดินหน้าต่อโดยจะเพิ่มระบบการคัดเลือกเข้าเป็นทหารแบบรวมการ เพื่ออำนวยความสะดวกการสมัครสอบเป็นกำลังพลประเภทต่างๆ ได้ในครั้งเดียว สอดรับกับนโยบายให้ผู้ที่อยู่ในพื้นที่ห่างไกลได้มีโอกาสเข้าถึงระบบการคัดเลือกมากขึ้น 

ส่วนในช่วงฤดูฝนนี้ ผู้บัญชาการทหารบกกำชับให้หน่วยทหารได้ติดตามสถานการณ์น้ำและเตรียมแผนการช่วยเหลือประชาชนทั้งในด้านกำลังพล เครื่องมือ รวมถึงการประสานและสนับสนุนหน่วยงานที่รับผิดชอบโดยตรง ย้ำว่าการดำเนินการบรรเทาสาธารณภัยใดๆ ต้องตระหนักถึงความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ ภายใต้มาตรการป้องกันการติดเชื้อ ทั้งกับประชาชนและผู้ปฏิบัติงานเป็นสำคัญ  

ผู้บัญชาการทหารบกได้ใช้วาระการประชุมในครั้งนี้กล่าวขอบคุณผู้ที่เกษียณอายุราชการในเดือนกันยายน 2564 ถือว่าเป็นผู้ที่ทำคุณประโยชน์และได้ใช้ช่วงเวลาของการรับราชการปฏิบัติงานเพื่อกองทัพบก ประชาชนและประเทศชาติมาอย่างยาวนาน ขอให้ทุกหน่วยดูแลให้ทุกท่านเกษียณอย่างมีสุขภาพที่ดี ทั้งนี้ ผู้เกษียณอายุราชการเป็นผู้มีความรู้มีประสบการณ์ สามารถที่จะให้คำแนะนำคำปรึกษาแก่หน่วยทหาร และถือว่าเป็นครอบครัวของกองทัพบกตลอดไป

รองผอ.สำนักพุทธ ชี้!! เทศน์ผ่านไลฟ์ของ 'พระมหาสมปอง-พระมหาไพรวัลย์' เป็นไปตามยุคสมัย แต่เจ้าอาวาสจะพิจารณาว่าเหมาะสมหรือไม่ เปิดพ.ร.บสงฆ์ ให้อำนาจพิจารณาโทษได้

กระแสการไลฟ์เฟซบุ๊กของ 'พระมหาไพรวัลย์ วรวณฺโณ' และ 'พระมหาสมปอง ตาลปุตฺโต' พระภิกษุวัดสร้อยทอง กทม. เป็นที่นิยมและสร้างความฮือฮาต่อเนื่อง 2 คืนที่ผ่านมา ยอดผู้ชมไลฟ์เกิน 2 แสนคน ด้วยการไลฟ์พูดคุยที่มีความบันเทิงเป็นเนื้อหาหลัก สอดแทรกธรรมะประปราย ลีลาท่าทางการพูดคุย ขบขันบันเทิง ศัพท์ภาษาแสลงที่ใช้ภาษาวัยรุ่น ยุคโซเชียลมีเดีย หยอก กัดกัน เน้นอารมณ์ขัน จนเกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ บ้างตั้งข้อสังเกตถึงความสำรวมในสมณเพศ และวินัยสงฆ์

นายสิปป์บวร แก้วงาม รองผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) มองว่า การตัดสินว่าผิดหรือไม่ผิดวินัยสงฆ์ ไม่ใช่หน้าที่ของสำนักพุทธศาสนา แต่เป็นหน้าที่ของเจ้าคณะผู้ปกครองสงฆ์ คือ 'เจ้าอาวาส' ที่เป็นผู้บังคับบัญชาขั้นต้นของพระทั้ง 2 รูป 

"พระสองรูปนี้ไม่ได้เป็นเจ้าคณะปกครอง ท่านเป็นเพียงพระลูกวัดวัดหนึ่ง เพราะฉะนั้นหน้าที่โดยตรงที่จะต้องพิจารณาว่าเรื่องนี้เหมาะหรือไม่เหมาะ ก็คือ เจ้าอาวาสวัดที่เป็นผู้บังคับบัญชาชั้นต้นของพระสองรูปนี้"

"ท่านจะต้องพิจารณาว่าที่พระในปกครองของท่านได้ทำการเผยแผร่รูปแบบพระพุทธศาสนาในรูปแบบนี้มันเหมาะสมหรือไม่ มันมีอะไรควรและมีอะไรไม่ควรก็เป็นเรื่องของทางเจ้าอาวาสที่จะต้องใช้ดุลยพินิจวิเคราะห์อย่างละเอียดถี่ถ้วน" รองผอ.พศ. กล่าว

นอกจากนี้ รองผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ยังบอกอีกว่า ส่วนตัวมองว่าการเผยแผ่พระพุทธศาสนา ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีอยู่แล้ว เมื่อวันเวลาผ่านไป ยุคสมัยเปลี่ยนไป คงไม่มีใครอยากนั่งฟังธรรมแบบยุคก่อน แต่สิ่งสำคัญในความเป็นพระภิกษุสงฆ์คือ 'ความสำรวม' ซึ่งตนเองเชื่อว่าประชาชนสามารถพิจารณาได้เองว่าพระทั้ง 2 รูป ที่เผยแผ่พุทธศาสนาผ่านไลฟ์สดนั้นมีความเหมาะสมหรือไม่ ส่วนตัวจะไม่ไปวิเคราะห์แทน

ขณะที่ พ.ร.บ.คณะสงฆ์ พ.ศ. 2505 ได้บัญญัติไว้ชัดเจนในมาตรา 38 ว่า เจ้าอาวาสมีหน้าที่อบรมบ่มนิสัยบรรพชิตและคฤหัสถ์ให้ตั้งอยู่บนความเลื่อมใสศรัทธาในพระพุทธศาสนา และหากบรรพชิตและคฤหัสถ์ไม่อยู่ในโอวาทของเจ้าอาวาส เจ้าอาวาสสามารถขับให้เสียจากวัดได้

อย่างไรก็ตาม ล่าสุด นายณรงค์ ทรงอารมณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ  (พศ.) ก็ได้ออกมาเปิดเผยว่า เท่าที่ดูแล้วไม่ถือว่ามีความผิดวินัยรุนแรงของพระสงฆ์ ทั้งนี้ พศ. มอบหมายให้ นายสิปบวร โฆษกพศ. เป็นผู้ดูแลเรื่องนี้ แต่โดยหลักขั้นตอนเจ้าคณะกรุงเทพมหานคร ซึ่งขณะนี้เจ้าอาวาสวัดหัวลำโพงทำหน้าที่รักษาการณ์เจ้าคณะกรุงเทพมหานคร ซึ่งแม้ไม่ได้แต่งตั้งอย่างเป็นทางการ แต่ก็มีอำนาจเต็มที่จะปกครองสั่งการอย่างหนึ่งอย่างใดได้ตามเห็นสมควร


ที่มา : https://www.pptvhd36.com/news/สังคม/155665
https://ch3plus.com/news/program/256408

เพจไทรักษา โพสต์ข้อความขอโทษแทนคนไทย หลังมีกลุ่มด้อยค่าวัคซีน ย้ำ เป็นเพียงแค่บางกลุ่มเท่านั้น

ไม่นานมานี้ เพจเฟซบุ๊ก 'ไทรักษา' ได้โพสต์ข้อความพร้อมรูปภาพว่า... 

จากที่ สถานเอกอัคราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย ได้ออกแถลงการณ์ผ่านเฟซบุ๊ก ในเรื่องที่คนไทยบางกลุ่ม "กำลังด้อยค่าวัคซีน Sinovac ของจีน" 

พวกเรา...ในฐานะเด็กรุ่นใหม่ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในสังคม ก็รู้สึกเศร้าใจกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นร่วมกับคนไทยอีกมากมายเช่นกัน 

วันนี้เราจึงต้องมาแสดงออก เพื่อขอบคุณพี่น้องชาวจีนในความรักและน้ำใจที่มีให้คนไทยโดยไม่หวังสิ่งตอบแทนใด ๆ เลย...

ในตอนนี้ เราทุกคนต่างรับรู้กันดีแล้วว่า ไม่มีวัคซีนยี่ห้อไหนที่ดีที่สุด และเราคนไทยก็กำลังเข้าใจไปในทางที่ดีแล้ว 

ขอชี้แจงกับพี่น้องชาวจีน และสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทยว่า... 

>> คนไทยที่ด้อยค่าวัคซีนของจีน เป็นเพียงคนกลุ่มเล็ก ๆ เท่านั้น ไม่ใช่การแสดงออกของคนไทยทั้งหมด

พวกเรา จึงขอออกมาส่งเสียงแทนคนไทยอีกนับล้าน ๆ คน เพื่อเอ่ยคำขอโทษต่อพี่น้องชาวจีน พร้อมกับคำมั่นสัญญา ว่าเราจะรักและจริงใจต่อกันเสมอไม่เปลี่ยนแปลง จากคนไทย จากประเทศไทยค่ะ 好朋友 ... 

#ขอโทษพี่น้องชาวจีน
#ประเทศไทย
#Sinovac

ทั้งนี้ ทางเพจยังได้โพสต์เพิ่มเติมอีกว่า... 

เพิ่งได้ทราบข่าวเมื่อสักครู่ว่า "เสียงขอบคุณและคำขอโทษ" จากพวกเราคนไทยทุกคน ที่ได้ช่วยกันส่งไปถึงพี่น้องชาวจีน เริ่มถูกเผยแพร่ในโซเชียลของประเทศจีนแล้วครับ


ที่มา : https://www.facebook.com/112605123796060/posts/354831459573424/


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top