Sunday, 18 May 2025
NewsFeed

รอเลยพรุ่งนี้เงินเข้าแล้ว “คนละครึ่ง” 1,500 บาท

น.ส.กุลยา ตันติเตมิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยถึงโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 3 ซึ่งจะเริ่มโอนเงินให้ในวันที่ 1 ก.ค. นี้ ว่า กระทรวงการคลังพร้อมโอนเงินโครงการคนละครึ่ง เข้าแอปพลิเคชันเป๋าตัง ให้ผู้มีสิทธิ 25.5 ล้านคน ได้เริ่มใช้วันแรก 1 ก.ค. นี้ เป็นต้นไป

ทั้งนี้ ในการโอนเงินลงไปให้นั้น ในรอบแรกจะโอนก่อน 1,500 บาท เพื่อใช้จ่ายระหว่างเดือน ก.ค.-ก.ย. 64 และรอบที่ 2 โอนวันที่ 1 ต.ค. อีก 1,500 บาท เพื่อใช้เดือน ต.ค.-ธ.ค. 64

ส่วนโครงการยิ่งใช้ยิ่งได้จะเริ่มใช้จ่ายได้ 1 ก.ค. นี้ เช่นกัน โดยมีผู้ผ่านสิทธิแล้ว 4.2 แสนคน และคลังยังได้ปรับเงื่อนไขให้สามารถใช้จ่ายได้เพิ่มขึ้นเป็นวันละ 10,000 บาท ซึ่งจะเสนอ ครม. เพื่อให้เริ่มทันวันที่ 15 ก.ค. นี้ เพื่อจูงใจให้คนเข้ามาร่วมโครงการมากขึ้น

ทั้งนี้ คลังขอย้ำว่าสำหรับประชาชนที่ได้รับเอสเอ็มเอส ระบุข้อความลงทะเบียนสำเร็จ โปรดใช้สิทธิผ่านแอปเป๋าตัง เริ่มวันที่ 1 ก.ค. 64 หากเข้าแอปพลิเคชันเป๋าตัง แล้วขึ้นข้อความว่าไม่พบข้อมูลการลงทะเบียน หรือระบบกำลังดำเนินการตรวจสอบ ขอให้อัปเดตแอปพลิเคชันเป๋าตัง เป็นเวอร์ชันล่าสุดก่อนเข้าใช้งาน เมื่ออัปเดตแอปพลิเคชันเป๋าตังเป็นเวอร์ชั่นปัจจุบันแล้ว จะได้รับข้อความ โครงการคนละครึ่ง สามารถใช้ได้ 1 ก.ค. 64


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

ใครมีสกิลทำอาหาร ยกมือขึ้น!! สพฐ. เชิญชวนนักเรียนมัธยมฯ แข่งขันทำอาหาร ต่อยอดอาชีพเชฟมือทอง ในรายการแข่งขัน “สุดยอดเชฟนักคิด สู่นักธุรกิจรุ่นเยาว์”

สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) โดยสำนักบริหารงานการมัธยมศึกษาตอนปลาย (สมป.) จับมือกับดุสิตธานีและเชฟพล ตัณฑเสถียร จัดแข่งขันประลองฝีมือนักเรียนมัธยมศึกษา ที่ชอบการทำอาหาร ในรายการแข่งขัน “สุดยอดเชฟนักคิด สู่นักธุรกิจรุ่นเยาว์” ขานรับนโยบาย สพฐ. ด้านการสร้างโอกาสและคุณภาพนักเรียน ค้นหาเชฟมือทองรุ่นเยาว์ ที่อนาคตจะประสบความสำเร็จในอาชีพธุรกิจการประกอบอาหาร

ทั้งนี้ จะมีการแข่งขันระดับภูมิภาคก่อน เพื่อคัดเลือกทีมที่ชนะมาแข่งขันกันที่ส่วนกลางวิทยาลัยดุสิตธานี ซึ่งจะเริ่มรับสมัครระหว่างวันที่ 10-31 กรกฎาคม 2564 โดยศูนย์ภาคเหนือ จังหวัดเชียงราย เชียงใหม่ พะเยา แพร่ แม่ฮ่องสอน ลำปาง ลำพูน อุตรดิตถ์ พิจิตร พิษณุโลก เพชรบูรณ์ สุโขทัย กำแพงเพชร และจังหวัดตาก ส่งใบสมัครที่ Email:[email protected] โทรศัพท์ 09-5497-9516, 08-6182-8187

ศูนย์ภาคกลาง จังหวัดชัยนาท นครนายก นครปฐม นครสรรค์ นนทบุรี ปทุมธานี พระนครศรีอยุธยา ลพบุรี สมุทรปราการ สมุทรสงคราม สมุทรสาคร สิงห์บุรี สุพรรณบุรี สระบุรี อ่างทอง อุทัยธานี จันทบุรี ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ตราด ปราจีนบุรี ระยอง สระแก้ว กาญจนบุรี เพชรบุรี และจังหวัดราชบุรี ส่งใบสมัครที่ Email:[email protected] หรือ [email protected] โทรศัพท์ 09-3846-8702, 08-3915-9625

ศูนย์ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จังหวัดกาฬสินธุ์ ขอนแก่น ชัยภูมิ นครพนม นครราชสีมา บึงกาฬ บุรีรัมย์ มหาสารคาม มุกดาหาร ยโสธร ร้อยเอ็ด เลย สกลนคร สุรินทร์ ศรีสะเกษ หนองคาย หนองบัวลำภู อุดรธานี อุบลราชธานี และจังหวัดอำนาจเจริญ ส่งใบสมัครที่ Email:[email protected] โทรศัพท์ 08-2545-9678

ศูนย์ภาคใต้ จังหวัดกระบี่ ชุมพร ตรัง นครศรีธรรมราช นราธิวาส ปัตตานี พังงา พัทลุง ภูเก็ต ระนอง สตูล สงขลา สุราษฎร์ธานี ยะลา และจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ส่งใบสมัครที่ Email:yothinkhon@hotmailçom โทรศัพท์ 08-6270-7446

และศูนย์กรุงเทพมหานคร ส่งใบสมัครที่ Email:[email protected] โทรศัพท์ 08-8560-9600

โดยทีมชนะเลิศจะได้รับรางวัลเงินสดพร้อมโล่เกียรติยศ รางวัลที่ 1 เงินสด 50,000 บาท รางวัลที่ 2 เงินสด 30,000 บาท และรางวัลที่ 3 เงินสด 20,000 บาท

ลิงก์ใบสมัคร 
https://drive.google.com/file/d/19P9TFGOa2Y1itxXQq-EhQddM1Ug15HSE/view?usp=sharing


ที่มา:

https://www.facebook.com/101216422215115/posts/102618908741533/?d=n
https://www.matichon.co.th/publicize/news_2788659

ทบ. มอบม้าทหารให้ชาวลำปาง ร่วมสืบสานเอกลักษณ์รถม้าคู่เมือง 

ร้อยเอกหญิง กัญญ์ณณัฐ พรนิพัทธ์กุล ผู้ช่วยโฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า ตามที่ พลเอก ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก ได้ให้ความสำคัญในการสืบสานเอกลักษณ์วัฒนธรรมของประเทศไทย โดยเฉพาะเอกลักษณ์อันสำคัญของชาวลำปาง เมืองแห่งรถม้าที่มีความผูกพันกับประชาชนในพื้นที่มายาวนานร่วม 100 ปี และนับเป็นจังหวัดเดียวที่ยังคงมีการใช้ม้าเป็นพาหนะให้บริการประชาชนตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน 

โดยผู้บัญชาการทหารบกได้มีดำริให้มณฑลทหารบกที่ 32 ร่วมกับกองการสัตว์และเกษตรกรรมที่ 3 กรมการสัตว์ทหารบก พิจารณาสนับสนุนม้าของกองทัพบกที่มีสุขภาพแข็งแรง ผ่านการดูแลฝึกฝนจนสามารถเสริมภารกิจด้านต่างๆ ทั้งงานพระราชพิธีและปฏิบัติการทางทหาร อาทิ การลาดตระเวนเฝ้าระวัง สกัดกั้นแนวชายแดนหรือพื้นที่ที่มีข้อจำกัดต่อการเข้าถึง และการช่วยขนย้ายบรรทุกสิ่งอุปกรณ์ต่างๆ ตลอดจนการช่วยเหลือประชาชนผ่านโครงการอาชาบำบัด, โรงเรียนสอนขี่ม้าและส่งเสริมด้านการกีฬาเพื่อสนับสนุนการแข่งขันของเยาวชนในระดับประเทศและนานาชาติ

โดยได้ร่วมกับส่วนราชการจังหวัดและชมรมขี่ม้า จ.ลำปาง สำรวจความต้องการของประชาชนในพื้นที่ และดำเนินการส่งมอบม้าจำนวนทั้งสิ้น 12 ตัว พร้อมอาหารและเวชภัณฑ์ ณ โพนี่แคมป์ อ.เมือง จ.ลำปาง เมื่อวันที่ 29 มิ.ย.64 ที่ผ่านมา ภายใต้รูปแบบกิจกรรมสอดคล้องตามมาตรการ ศบค. เพื่อช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อน และลดภาระประชาชนในการจัดหาม้าตัวใหม่ที่มาราคาค่อนข้างสูง ทดแทนตัวเดิมที่มีอายุและการใช้งานระยะเวลานาน 

ขณะเดียวกันทางหน่วยจะมีการติดตามข่าวสาร แลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างส่วนราชการในพื้นที่และประชาชน เพื่อสร้างการมีส่วนร่วมในการดูแลอนุรักษ์ม้า ส่งเสริมการประกอบอาชีพสร้างรายได้ให้ชุมชนผ่านรถม้าบริการท่องเที่ยว และเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนการท่องเที่ยวจังหวัด เตรียมความพร้อมรับนักท่องเที่ยวหากสถานการณ์คลี่คลายในอนาคต ตลอดจนร่วมสืบสานเอกลักษณ์รถม้าคู่เมืองให้คงอยู่สืบไป 

ทั้งนี้ การดำเนินการดังกล่าวเป็นหนึ่งในภารกิจการช่วยเหลือประชาชน โดยเฉพาะในช่วงที่เผชิญกับสถานการณ์การแพร่ระบาดโรคโควิด-19 ซึ่งกองทัพบกยืนยันจะดำรงการใช้ศักยภาพของทรัพยากรที่มีอยู่ในทุกมิติให้เกิดประสิทธิภาพอย่างสูงสุดเพื่อดูแลเคียงข้างประชาชน และร่วมฟื้นฟูบรรเทาทุกภาคส่วนที่ได้รับผลกระทบให้สามารถข้ามผ่านวิกฤตการณ์ กลับมาดำเนินตามสภาวะปกติสุขได้โดยเร็ว

“โฆษก ศบศ.” แจง 4 มาตรการเริ่มใช้สิทธิวันนี้ คนละครึ่ง ยิ่งใช้ยิ่งได้ บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ชี้หวังช่วยประชาชนและกระตุ้นเศรษฐกิจ เผยมาตรการช่วยแรงงานผู้ประกอบการ 6 จังหวัด ครอบคลุมกลุ่มธุรกิจกลางคืนและบันเทิงด้วย

เมื่อวันที่ 1 ก.ค. นายธนกร วังบุญคงชนะ เลขานุการรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะโฆษกประจำศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบศ.) เปิดเผยว่า มติครม. เห็นชอบมาตรการช่วยเหลือในระยะเร่งด่วนสำหรับกลุ่มแรงงานและผู้ประกอบการ ในกิจการ 3 หมวด ประกอบด้วย ก่อสร้าง ที่พักแรม และบริการด้านอาหาร ศิลปะ บันเทิง และนันทนาการ ทั้งที่อยู่ในระบบและนอกระบบประกันสังคม ในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด 6 จังหวัด ที่ได้รับผลกระทบจากการปฏิบัติตามข้อกำหนด (ฉบับที่ 25) ได้แก่ กรุงเทพมหานครและปริมณฑล ประกอบด้วย จังหวัดนครปฐม นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ และสมุทรสาคร

ซึ่งเป็นมาตรการเร่งด่วนที่จะชดเชย เยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากการปิดกิจการชั่วคราว เป็นระยะเวลา 1 เดือน ซึ่งรวมถึงข้อร้องเรียนจากสมาพันธ์ผู้ประกอบอาชีพธุรกิจกลางคืนและธุรกิจบันเทิง ผับ บาร์ ร้านอาหาร ที่ได้รับผลกระทบจากโรคระบาดโควิด-19 ซึ่งตนได้เป็นผู้แทนของรัฐบาลรับหนังสือร้องเรียน โดยมาตรการดังกล่าว ครอบคลุมข้อร้องเรียนของสมาพันธ์ผู้ประกอบอาชีพธุรกิจกลางคืนที่ได้รับความเดือดร้อนถูกสั่งปิดกิจการด้วย

นายธนกร กล่าวว่า สำหรับมาตรการเร่งด่วน มีดังนี้

1.) กลุ่มแรงงานที่อยู่ในระบบประกันตนตามมาตรา 33 สัญชาติไทย จะได้รับเงินช่วยเหลือ 2,000 บาทต่อคน เพิ่มเติมจากการที่ลูกจ้างได้รับประโยชน์ทดแทนในกรณีว่างงานในอัตราร้อยละ 50 ของค่าจ้างรายวัน (สูงสุดไม่เกิน 7,500 บาท) ส่วนผู้ประกอบการหรือนายจ้าง จะได้รับความช่วยเหลือตามจำนวนลูกจ้าง สูงสุดไม่เกิน 200 คน ในอัตรา 3,000 บาทต่อคน

2.) ผู้ประกอบการหรือนายจ้างที่ไม่ได้อยู่ในระบบประกันสังคม ให้นายจ้างลงทะเบียนกับสำนักงานประกันสังคมภายในเดือนกรกฎาคม 2564 จะได้รับเงินช่วยเหลือตามจำนวนลูกจ้างสูงสุด ไม่เกิน 200 คน ในอัตรา 3,000 บาทต่อคน และลูกจ้างที่เป็นสัญชาติไทยจะได้รับความช่วยเหลือในอัตรา 2,000 บาทต่อคน

3.) กรณีที่เป็นผู้ประกอบการที่ไม่มีลูกจ้าง ให้ลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชัน “ถุงเงิน” ผ่านโครงการคนละครึ่ง ภายในเดือนกรกฎาคม 2564 โดยผู้ประกอบการจะได้รับความช่วยเหลือในอัตรา 3,000 บาท

4.) ผู้ประกอบการในหมวดร้านอาหาร เครื่องดื่ม ของโครงการคนละครึ่งที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนกับสำนักงานประกันสังคม เนื่องจากไม่มีลูกจ้างจะได้รับการช่วยเหลือในอัตรา 3,000 บาท อย่างไรก็ตาม กลุ่มนักดนตรีอิสระ และผู้เดือดร้อนรับค่าจ้างแบบรายวัน รัฐบาลก็จะหามาตรการที่เหมาะสมมาช่วยต่อไป

นายธนกร กล่าวว่า 4 มาตรการนั้นจะเริ่มใช้สิทธิในวันนี้ (1 ก.ค.) ประกอบมาตรการเพิ่มกำลังซื้อให้กับผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ครอบคลุมผู้มีสิทธิจำนวน 13.65 ล้านคน รัฐบาลสนับสนุนให้คนละ 200 บาท เป็นระยะเวลา 6 เดือน มีเม็ดเงินสู่ระบบเศรษฐกิจ 16,380 ล้านบาท มาตรการเพิ่มกำลังซื้อให้กับผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ เช่น ผู้ป่วยติดเตียง ครอบคลุมผู้มีสิทธิจำนวน 2.5 ล้านคน รัฐบาลสนับสนุนให้คนละ 200 บาท เป็นระยะเวลา 6 เดือน เม็ดเงินสู่ระบบเศรษฐกิจ 3,000 ล้านบาท โครงการคนละครึ่ง เฟส 3 ครอบคลุมผู้มีสิทธิจำนวน 31 ล้านคน เปิดให้มีการลงทะเบียนแล้วกว่า 28 ล้านคน โดยรัฐบาลสนับสนุนค่าใช้จ่ายครึ่งหนึ่ง 150 บาทต่อวันต่อคน ตลอดโครงการ 3,000 บาท ใช้เม็ดเงิน 93,000 ล้านบาท เม็ดเงินสู่ระบบเศรษฐกิจ 186,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นโครงการที่ท่านนายกฯ เป็นคนต้นคิด และโครงการยิ่งใช้ยิ่งได้ กระตุ้นการบริโภคภายในประเทศผ่านผู้ที่มีกำลังซื้อ ครอบคลุมผู้มีสิทธิจำนวน 4 ล้านคน มีเม็ดเงินสู่ระบบเศรษฐกิจ 268,000 ล้านบาท ลงทะเบียนแล้วกว่า 400,000 คน

ทั้งนี้ เชื่อว่ามาตรการดังกล่าวจะช่วยเยียยยาและกระตุ้นเศรษฐกิจ เกิดการจับจ่ายใช้สอยในประเทศได้


โปรเด็ด! ถึง 15 ก.ค. นี้ Ford Ranger, MG ZS, Mazda 2 และ Nissan อัลเมร่า ทักไลน์ @THESHOPSTIMES

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

ศรีสุวรรณ จ่อร้อง ป.ป.ช. สอบจริยธรรมร้ายแรง 277 ส.ส. ที่โดดประชุม ทำสภาล่ม

นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เปิดเผยว่า ตามที่เกิดกรณีการประชุมสภาผู้แทนราษฎรเมื่อวันที่ 30 มิ.ย.64 ล่ม อันเนื่องมาจากมี ส.ส.เข้าร่วมประชุมไม่ครบในระหว่างการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย เมื่อมีการตรวจสอบองค์ประชุมพบว่ามี ส.ส.มาแสดงตนแค่ 206 คน จาก 483 คน โดยมี ส.ส.จำนวน 277 คนไม่แสดงตนนั้น

นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า การไม่เดินทางมาร่วมประชุมสภาฯ หรือมาประชุมแต่ไม่แสดงตน จนเป็นเหตุให้องค์ประชุมไม่ครบ ไม่สามารถพิจารณาร่างกฎหมายต่อไปได้ ประธานสภาฯจึงต้องสั่งปิดการประชุมไปนั้น ถือว่าเป็นเหตุร้ายแรง ที่สังคมไทยไม่ควรปล่อยให้สมาชิกผู้ทรงเกียรติแต่ชื่อเหล่านี้ กินเงินภาษีของประชาชนโดยไม่ยอมทำงานตามหน้าที่ต่อไปได้ เป็นเหตุให้ถูกสังคมวิพากษ์วิจารณ์ทำให้สภาฯเสื่อม 

อันเป็นพฤติการณ์ที่ขัดหรือแย้งต่อหน้าที่ของตนตามที่ได้ปฏิญาณตนในที่ประชุมแห่งสภาที่ตนเป็นสมาชิก ตามรัฐธรรมนูญ 2560 ม.115 จึงถือได้ว่าเป็นการฝ่าฝืนมาตรฐานทางจริยธรรมฯ 2561 อย่างร้ายแรง ประกอบข้อบังคับ ว่าด้วยประมวลจริยธรรมของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและกรรมาธิการ 2563 ตามที่รัฐธรรมนูญ 2560 ม.128 และ ม.219 วรรคสอง บัญญัติไว้ สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย จึงจะนำรายชื่อ ส.ส.ทั้ง 277 คน ไปยื่นร้องในวันศุกร์ที่ 2 ก.ค.64 เวลา 10.00 น. ที่สำนักงาน ป.ป.ช.นนทบุรี  เพื่อให้ ป.ป.ช.ทำการสอบสวนชี้มูลความผิด เพื่อส่งอัยการฟ้องต่อศาลอาญา แผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง

"นายกฯ ควงทีม สธ." บินภูเก็ต สร้างความมั่นใจเปิดโครงการ "ภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์” ไม่หวั่นโควิดยังระบาดหนัก

ที่ท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 (บน.6) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม พร้อมด้วยคณะ อาทิ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและรมว.สาธารณสุข พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม นายดิตทัต โหรตระกิตย์ เลขาธิการนายกฯ นายฉัตรชัย พรหมเลิศ ปลัดกระทรวงมหาดไทย นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ เลขาฯสมช.เดินทางลงพื้นที่ตรวจราชการจังหวัดภูเก็ต และโครงการภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์ โดยนายกฯ โดยสารเครื่องบินกองทัพอากาศ Air bus 320 หมายเลข 60205

โดยตามกำหนดการ เวลา 09.45 น.   นายกฯและคณะ ตรวจเยี่ยมการคัดกรองนักท่องเที่ยว เข้า – ออก จังหวัดภูเก็ต ณ ด่านตรวจภูเก็ต  ตำบลไม้ขาว อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต จากนั้นเดินทางไปยังโรงแรมรอยัลภูเก็ตซิตี้ ตำบลตลาดใหญ่ อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ต เพื่อเป็นประธานการประชุมติดตามโครงการภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลอดการลงพื้นที่ นายกฯโดยสารรถToyota Alphard ทะเบียน กษ 199 

จากนั้น เวลา 13.45 น.นายกฯเป็นประธานในพิธีเปิดโครงการส่งเสริมเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว “HUG THAIS HUG PHUKET” จัดโดยหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย จังหวัดภูเก็ต และหอการค้าจังหวัดภูเก็ต ที่ศูนย์การค้า เซ็นทรัล ภูเก็ต ตำบลวิชิต อำเภอเมือง

ก่อนจะเดินทางไปยังอุทยานแห่งชาติสิรินาถ ตำบลสาคู อำเภอเมือง เพื่อตรวจเยี่ยมความพร้อมการอำนวยความสะดวกนักท่องเที่ยว เยี่ยมชมการฟื้นคืนสภาพของชายหาดและการบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จากนั้น เวลา 17.10 น. นายกฯต้อนรับนักท่องเที่ยว สายการบิน สิงคโปร์ แอร์ไลน์ ที่อาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศ ท่าอากาศยานนานาชาติภูเก็ต ตำบลไม้ขาว อำเภอถลาง ก่อนจะเดินทางกลับกรุงเทพในเวลา 18.40น.

“วิษณุ” ชี้ สภาฯล่มไม่ตื่นเต้น แค่ครั้งแรกในสมัยนี้ ระบุโควิดอาจเป็นเหตุหรือแค่เทคนิคทางกฎหมาย ห่วงประชุมร่วมรัฐสภา ล่ม อาจกระทบเรื่องสำคัญ 

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์เหตุสภาล่มในช่วงพิจารณาร่างพ.ร.บ.วัตถุอันตราย (ฉบับที่) พ.ศ. … ว่า ไม่แน่ใจว่าสาเหตุที่สภาฯล่มเพราะปัญหาส.ส.กลัวโควิด หรือไม่เห็นด้วยกับร่างพ.ร.บ.ดังกล่าว เนื่องจากมีหลายฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยกับมาตรา 6 ของร่างพ.ร.บ.ฉบับนี้จึงดึงกันไปมา 

ผู้สื่อข่าวถามว่าพรรคประชาธิปัตย์กับพรรคภูมิใจไทย ระบุว่าหากกฎหมายดังกล่าวผ่านการพิจารณา เกรงว่าสารเคมีอันตราย 3 ชนิดที่ถูกห้ามใช้จะกลับมาใช้ได้ นายวิษณุ กล่าวว่า “นี่ไงคือปัญหาที่ทำให้สภาล่ม ว่าเป็นเพราะโควิด-19 หรือเพราะตัวร่างกฎหมายดังกล่าว” 

เมื่อถามย้ำว่าร่างเดิมของรัฐบาลกำหนดให้ 3 สารเคมีสามารถกลับมาใช้ได้ใช่หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ไม่ทราบ ตอบไม่ถูก และได้ยินมาว่ากระทรวงและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำลังทำงานกันอยู่ 

ผู้สื่อข่าวถามว่าเหตุการณ์สภาล่มจะกระทบภาพลักษณ์ต่อสายตาประชาชนอย่างไร นายวิษณุ กล่าวว่า ไม่ได้ล่มบ่อย สมัยประชุมนี้เพิ่งล่มครั้งแรก เราต้องเข้าใจเพราะมีเหตุโควิด แม้สภาฯจะบอกไม่ต้องกลัวเพราะมีมาตรการ แต่ถ้าส.ส.เขากลัวก็ไม่รู้จะว่าอย่างไร และขอย้ำว่าที่ล่มไม่รู้เป็นเพราะกลัวโควิดหรือเพราะขัดแย้งกันเรื่องกฎหมาย 

เมื่อถามว่าหากเป็นเหตุผลกลัวโควิดจะส่งผลกระทบต่อกฎหมายสำคัญของรัฐบาลหรือไม่รวมถึงร่างพ.ร.บ.งบประมาณ 65 นายวิษณุ กล่าวว่า ก็ต้องคอยดูกันต่อไป มีเหตุตรงไหนก็ป้องกันและแก้ไขตรงนั้น เมื่อผ่านไปสักระยะหนึ่งไม่มีติดเชื้อเพิ่มคนจะได้วางใจ ส่วนกฎหมายงบประมาณ 65 ยังไม่ต้องกังวลเพราะอีกนาน แต่เราคงไม่รอให้ไปถึงครบ 105 วัน นอกจากนั้นยังมีกฎหมายที่สำคัญกว่านั้นเช่นกฎหมายที่ต้องประชุมร่วมรัฐสภา 

เมื่อถามว่าประธานวิปรัฐบาลอ้างว่าเหตุที่ล่มเป็นเพราะเทคนิคในการคัดค้านกฎหมาย นายวิษณุ กล่าวว่า ก็เหมือนการประชุมสภาฯเวลาคนไม่เห็นด้วยก็ใช้วิธีวอล์กเอาท์ หรือใช้วิธีเดินออกกันแล้วนับองค์ประชุม เป็นเทคนิคของสภาที่มีเยอะมากมายเท่าที่เห็น อย่าเป็นเรื่องตื่นเต้นอะไร แต่ถ้าเป็นกฎหมายสำคัญแล้วเป็นแบบนี้จะเป็นเรื่องใหญ่ แต่กรณีนี้อาจจะไม่ใช่กรณีสำคัญมีการถกเถียงมาหลายครั้ง และตนยังนึกในใจว่าแม้จะไม่มีโควิด แต่ถ้ายอมหรือไม่ยอมกันขึ้นมาก็อาจมีการวอล์กเอาท์เกิดขึ้นได้

ผู้สื่อข่าวถามว่ากฎหมายดังกล่าวถือเป็นกฎหมายการเงินถ้าลงมติแล้วไม่ผ่านกระทบรัฐบาลหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ไม่กระทบ เพราะผ่านวาระหนึ่งมาแล้ว ถ้าจะกระทบคือตกไปตั้งแต่วาระหนึ่ง เรื่องนี้ไม่มีกฎหมายบังคับแต่เป็นมารยาทและธรรมเนียมที่ถือมา เหมือนกรณีถ้าสภาฯไม่ไว้วางใจรัฐบาลก็ต้องหาทางออกเช่นลาออกหรือยุบสภา เหมือนที่ประเทศอังกฤษและประเทศไทยยึดถือ 

เมื่อถามถึงกรณี นายสมบูรณ์ อุทัยเวียนกุล เลขานุการประธานสภาฯ ออกมาระบุใครอยากรู้รายชื่อส.ส.ไม่เข้าประชุมให้มาดูได้ที่สภาฯเพื่อตัดสินใจในการเลือกตั้งครั้งแต่ไป แบบนี้เห็นด้วยหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ไม่ทราบเรื่อง

บอร์ดสับปะรดไฟเขียวแผนดันส่งออก สร้างมูลค่าเพิ่ม

น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายและพัฒนาสับปะรดแห่งชาติ เห็นชอบแก้ไขปัญหาขาดแคลนแรงงานต่างด้าวในอุตสาหกรรมสับปะรด โดยให้กรมการจัดหางาน กระทรวงแรงงาน เร่งรัดการปรับปรุงบันทึกข้อตกลงด้านการจ้างงานแรงงานระยะสั้นในภาคการเกษตรกับประเทศ ลาว กัมพูชา เมียนมา และเวียดนาม และนำกลับมารายงานให้ที่ประชุมทราบ

ทั้งนี้ยังเห็นชอบแผนปฏิบัติการด้านสับปะรด พ.ศ. 2563-2565 ซึ่งมีเป้าหมายเพิ่มประสิทธิภาพและบริหารจัดการผลิต เพิ่มศักยภาพอุตสาหกรรมแปรรูป เพิ่มศักยภาพการส่งออก โดยที่ประชุมเน้นย้ำถึงการใช้นโยบายเศรษฐกิจ BCG (เศรษฐกิจชีวภาพ/Bio เศรษฐกิจหมุนเวียน/Circular และเศรษฐกิจสีเขียว/Green) ของรัฐบาลเป็นแนวทางการดำเนินการของทุกภาคส่วน ส่งเสริมการนำนวัตกรรมมาใช้ในการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสับปะรด เพื่อเกิดเป็นมูลค่าทางเศรษฐกิจอย่างเป็นรูปธรรม

นอกจากนี้เตรียมพร้อมการบริหารจัดการผลผลิตสับปะรดช่วงครึ่งปีหลัง ซึ่งคาดว่าจะมีผลผลิตออกมามากในช่วง ต.ค. - ธ.ค. ทั้งนี้ 10 จังหวัดที่เป็นแหล่งผลิตสับปะรดของประเทศ ได้มีความพร้อมในเรื่องนี้อยู่แล้ว เป็นการดำเนินการของคณะกรรมการเพื่อแก้ไขปัญหาเกษตรกรอันเนื่องมาจากผลผลิตการเกษตรระดับจังหวัด (คพจ.) ร่วมกับหลายกระทรวง อาทิ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงมหาดไทย โดยเฉพาะกระทรวงพาณิชย์ได้จัดคณะทำงานด้านการตลาดระดับจังหวัด ที่จะมาเป็นหลักในการกระจายผลผลิต การเพิ่มช่องทางการขายonline และ offline การส่งเสริมการบริโภค การเชื่อมโยงตลาดล่วงหน้า การทำสัญญาข้อตกลงกับโรงงานแปรรูป การส่งเสริมการแปรรูป

สำหรับการส่งออกสับปะรดรวมทุกผลิตภัณฑ์ ตัวเลขช่วง ม.ค.- เม.ย. 64 มีมูลค่า 6.64 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นจากในช่วงเดียวกันของปี 63 ที่มีมูลค่า 5.83 พันล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 14.14 % อย่างไรก็ตาม แม้แนวโน้มการส่งออกจะดีขึ้น แต่หากเทียบกับช่วงก่อนปี 2562 พบว่ามีมูลค่าลดลง 

“โรม” เปิดหลักฐาน 2 ตำรวจสันติบาลข่มขู่ถึงคอนโด เผยรู้ชื่อ เชื่อเกี่ยวปมอภิปรายตั๋วช้าง

ที่รัฐสภา นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล แถลงถึงความคืบหน้ากรณีที่มีบุคคลไม่ทราบชื่อติดตามคุกคามตนและภรรยามาถึงที่พัก ว่า ขณะนี้ทราบแล้วว่าเป็นใคร ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการเข้ามาคุกคามคือหน่วยงานสันติบาล ตนคิดว่าหน่วยงานของรัฐไม่สามารถทำภารกิจแบบนี้ได้ แต่ก็ต้องยอมรับว่าในข้อกฎหมายยังไม่ชัด ว่าจะดำเนินการทางกฎหมายอย่างไร ทั้งนี้การที่อยู่ๆ มีสันติบาลมาอ้างว่าเป็นเพื่อนของภรรยาของตน จะขอขึ้นไปบนห้อง นั่นไม่ใช่เรื่องปกติ ตนขอสร้างมาตรฐาน เพื่อให้เจ้าหน้าที่ของรัฐรู้ว่าไม่สามารถใช้อำนาจหน้าที่ซึ่งเป็นตำแหน่งทางราชการมาข่มขู่ประชาชนได้ 

นายรังสิมันต์ กล่าวว่า เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 26 พ.ค ที่ผ่านมา โดยรูปจากกล้องวงจรปิดของอาคารที่พักอาศัยของตนปรากฏเป็นชาย 2 คน สวมหน้ากากอนามัยไม่ปรากฏใบหน้าชัดเจน ซึ่งเมื่อตนได้แจ้งความที่สภ.รัตนาธิเบศร์ มีประชาชนให้เบาะแสทางเฟซบุ๊กแฟนเพจส่วนตัวว่าชาย 2 คนที่เข้ามาเป็นใคร ขณะที่สภ.รัตนาธิเบศร์ ก็มีหนังสือมาให้หนึ่งฉบับระบุว่า เป็นสันติบาลจริงๆ นอกจากนี้ยังมีพลเมืองดีได้ระบุว่าสันติบาลที่เข้ามานั้น หนึ่งในนั้น คือ รองสารวัตรกองกำกับการสันติบาล 1    

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายรังสิมันต์ได้ชี้จุดข้อสังเกตของตำรวจคนดังกล่าว ทั้งการแต่งกายและรองเท้า นาฬิกาที่ตรงกัน เงาในแว่นตาที่สะท้อนรถยนต์ของตำรวจรายดังกล่าว เทียบกับภาพถ่ายของนายตำรวจคนนี้ด้วย

นายรังสิมันต์ กล่าวย้ำอีกว่า ตนไม่เคยมีความโกรธแค้นและไม่ได้รู้จักกับตำรวจนายนี้มาก่อน จึงเป็นไปได้ว่าการมาของตำรวจนายนี้เป็นการมาโดยได้รับคำสั่ง คำถามคือคำสั่งนั้นมาจากใคร เหตุใดตำรวจสันติบาล 2 คนบุกเข้ามาที่คอนโดเพื่อหวังจะเจอภรรยาของตน ภรรยาของตนก็ไม่เคยทำความผิดใด ถ้าสิ่งเหล่านี้ไม่ใช่การข่มขู่คุกคามแล้วจะเรียกว่าอะไร จากข้อมูลเชิงลึกที่ตนทราบมีความเป็นไปได้ว่ากระทำดังกล่าวอาจจะเกิดขึ้นจากอภิปรายไม่ไว้วางใจตั๋วช้าง ซึ่งมีเจ้าหน้าที่ตำรวจและผู้มีอำนาจจำนวนมากเสียผลประโยชน์ 

เมื่อถามว่าเหตุการณ์นี้สะท้อนถึงความผิดปกติในการทำหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ท่ามกลางสถานการณ์บ้านเมืองขณะนี้หรือไม่ นายรังสิมันต์ กล่าวว่าเราอยู่ในสถานการณ์ที่ความจริงแล้วควรจะปกติ เพราะมีการเลือกตั้งและมีสภาฯ แต่สิ่งที่เห็นมาโดยตลอดคือมีการข่มขู่คุกคามแต่จับมือใครดมไม่ได้ แต่รอบนี้ตนทราบชื่อของตำรวจที่เข้ามาคุกคาม ตนจึงหวังว่าในรอบนี้จะเป็นมาตรฐานว่าจะใช้ตำแหน่งหน้าที่ทางราชการไปข่มขู่คุกคามใครไม่ได้ แม้ตอนนี้ยังอยู่ในขั้นตอนการปรึกษาฝ่ายกฎหมายว่าจะทำเช่นไรต่อไป แต่ตนอยากเห็นการสร้างมาตรฐานและก็หวังว่าเราจะไม่เห็นสันติบาล เจ้าหน้าที่ของรัฐ หรือใครก็ตามไปข่มขู่คุกคามประชาชนอีก

“ประวิตร” เร่งเดินหน้าแก้ปัญหาค้ามนุษย์ ย้ำ ให้คุ้มครองเหยื่อ-อย่าเกียร์ว่าง ช่วงโควิดระบาด สั่งฟัน จนท.เอี่ยวค้ามนุษย์ 

ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รอง นายกรัฐมนตรี เป็นประธานประชุมคณะกรรมการประสานและกำกับการดำเนินงานป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ครั้งที่2/2564 และการประชุมคณะกรรมการป้องกันเจ้าหน้าที่ของรัฐมีให้เกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์ครั้งที่1/ 2564 มีนายจุติ ไกรฤกษ์ รมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ร่วมประชุม เพื่อขับเคลื่อนแผนและการปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ ที่รัฐบาลกำหนดเป็นวาระแห่งชาติ

โดยที่ประชุมเห็นชอบแผนปฏิบัติการด้านการป้องกันและแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ ประจำปี 2564 เน้นให้ความสำคัญต่อการแก้ปัญหาและป้องกันผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต โดยเน้นการเพิ่มประสิทธิภาพป้องกันปราบปรามอาชญากรรมทางอินเตอร์เน็ตที่เกี่ยวข้องกับเด็กและเยาวชน การป้องกันการค้ามนุษย์ด้านแรงงานและการคุ้มครองแรงงานต่างด้าว รวมทั้งเน้นการยกระดับการแก้ปัญหาให้เป็นที่ยอมรับระดับสากล ในประเด็นการพัฒนาศักยภาพเจ้าหน้าที่ และการคุ้มครองผู้เสียหาย

นอกจากนั้นรับทราบผลการดำเนินงานทางวินัยและดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่รัฐที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์ ตั้งแต่ปี 2555ถึงปัจจุบัน รวม 77 ราย และได้ปรับปรุงขั้นตอนการดำเนินการกับเจ้าหน้าที่รัฐมิให้เกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์ โดยให้เพิ่มช่องทางการรับแจ้งเหตุให้สามารถดำเนินคดีอาญากับเจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้อง และกำหนดความหมายของการค้ามนุษย์ให้ครอบคลุมถึงการนำพาบุคคลเข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต  

พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ขอบคุณและเป็นกำลังใจให้กับเจ้าหน้าทีทุกระดับที่มุ่งมั่นปฏิบัติงาน พร้อมย้ำเจตนารมณ์และความมุ่งมั่นของรัฐบาลเพื่อขจัดการค้ามนุษย์ให้เป็นวาระแห่งชาติ ต้องให้ความสำคัญในการขับเคลื่อนร่วมกันอย่างจริงจังและมีพัฒนาการในทางที่ดีขึ้น ต้องไม่ให้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19เป็นช่องว่างหรือข้อจำกัดของการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ทุกระดับในทุกหน่วยงาน พร้อมทั้งย้ำให้เร่งรัดดำเนินการกับเจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้องทั้งทางวินัยและอาญาอย่างเร่งด่วน นอกจากนั้นให้นำผลงานวิจัยและรายงานข้อคิดเห็นที่ตรงกับข้อเท็จจริงไปขับเคลื่อนแก้ปัญหา หากเรื่องใดไม่ตรงกับข้อเท็จจริงให้ทุกกระทรวงที่เกี่ยวข้อง ทำข้อมูลเสนอผ่าน กระทรวงการต่างประเทศ เพื่อทำความเข้าใจกับองค์กรระหว่างประเทศที่เข้าใจคลาดเคลื่อนภายใน 7 วัน ขณะที่กระทรวงพัฒนาสังคมฯ ทำงานร่วมกับตำรวจ เพื่อปกป้องและคุ้มครองเหยื่อจากการค้ามนุษย์ทั้งคนไทยและต่างประเทศทันที และแยกระหว่างคดีบังคับใช้แรงงานกับคดีค้ามนุษย์ ให้สืบต้นตอความเชื่อมโยงการค้ามนุษย์ที่เกี่ยวข้องกับการลักลอบนำพาผู้หลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายทุกกรณี  ส่วนกระทรวงแรงงานต้องผลักดันให้นายจ้างเร่งลงทะเบียนแรงงานต่างด้าวให้เข้าในระบบโดยเร็ว โดยต้องไม่มีเจ้าหน้าที่รัฐหรือการทุจริตโดยเด็ดขาด


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top