Sunday, 18 May 2025
NewsFeed

“รองประธานสภาฯ” มั่นใจเดินหน้าประชุมสภาฯ ไม่เป็นคลัสเตอร์ใหม่ เห็นใจพ่อค้าแม่ค้าบ่นอุบขายลำบาก หลังสภาฯเพิ่มมาตรการเข้ม ย้ำ การ์ดต้องไม่ตก หวังส.ส.มาทำหน้าที่

ที่รัฐสภา นายศุภชัย โพธิ์สุ รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 2 ลงมาตรวจพื้นที่ห้องอาหาร บริเวณชั้น 1  ภายในอาคารรัฐสภาฝั่ง ส.ส. หลังจากทราบว่ามีแม่ค้าขายอาหารติดโควิด-19 ทั้งนี้ นายศุภชัย กล่าวภายหลังได้พูดคุยกับพ่อค้าแม่ค้าที่ขายอาหาร ว่า ทุกคนบ่นว่าค้าขายลำบากขึ้น เนื่องจากมาตรการของทางสภาฯมีความเข้มข้น และยังมีแม่ค้าบางคนที่ติดเชื้อโควิด-19 ทำให้หลายร้านต้องถูกปิดไปก่อน 

อย่างไรก็ตาม นายชวน หลีกภัย ประธานสภาฯ ต้องการให้การประชุมสามารถเดินหน้าไปได้ พร้อมกับมีมาตรการที่เข้มงวด เพราะหากมี ส.ส.ติดเชื้อโควิด-19 และกลายเป็นคลัสเตอร์ใหม่ก็จะเสียหายพอสมควร ทางสภาฯจึงต้องเข้มงวดทุกด้าน ตนเข้าใจเจตนาของประธานสภาฯ โดยท่านมองว่าสภาฯ ยังสามารถควบคุมและกำกับได้ โดยที่การ์ดต้องไม่ตก จึงอยากให้เข้าใจว่าเราทำงานเพื่อประชาชน และผลประโยชน์ของประเทศเป็นหลัก

เมื่อถามว่า มั่นใจหรือไม่ว่าสภาฯจะไม่เป็นคลัสเตอร์ใหม่ นายศุภชัย กล่าวว่า ยังมั่นใจ เพราะก่อนหน้านี้ที่มีส.ว.ติดโควิด 1 ท่าน ก็ติดมาจากข้างนอก และท่านไม่ได้เข้าร่วมประชุมรัฐสภาครั้งที่ผ่านมา ส่วนคนที่เป็นกลุ่มเสี่ยงก็ได้รับการตรวจหาเชื้อ และกักตัวเรียบร้อยแล้ว

เมื่อถามว่า หากการประชุมสภาฯวันนี้องค์ประชุมล่มจะดำเนินการอย่างไร นายศุภชัย กล่าวว่า เป็นดุลยพินิจของประธานสภาฯ หากเปิดประชุมไปแล้ว 30 นาที องค์ประชุมไม่ครบก็ต้องเลื่อนการประชุมออกไป ซึ่งเราเข้าใจกัน และไม่โทษกัน รวมทั้งไม่โทษประธานสภาฯ แต่เราจะยึดตามสถานการณ์ และหวังว่าส.ส.จะมาปฏิบัติหน้าที่กัน ทั้งนี้ เราเสี่ยงกันทุกคนไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน สิ่งสำคัญเราต้องการ์ดไม่ตก

"แรมโบ้" ซัด "พี่โทนี่" คนไทยไม่ชอบผู้นำพูดมาก-พูดเก่ง-ขี้โกง อย่ามาทำตัวด้อยค่าคนอื่น

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีนายโทนี่ วู้ดซัม หรือ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี  ร่วมสนทนาในรายการ CARE ClubHouse x CARE Talk วิพากษ์วิจารณ์การออกประกาศของ ศบค.เพื่อยับยั้งการแพร่ระบาดเชื้อโควิด-19 และการบริหารจัดการวัคซีน ว่า การออกประกาศนั้นเพราะอยากให้สถานการณ์การแพร่ระบาดเชื้อโควิดคลี่คลายลง เนื่องจากทั้งการรับประทานอาหารในร้านนั้นเสี่ยงต่อการติดเชื้อ ส่วนแคมป์คนงาน เป็นที่ที่มีการแพร่ระบาดต่อเนื่อง ทั้งนี้มีระยะเวลา 1 เดือน และตลอดทั้งเดือนภาครัฐได้มีการเยียวยา บรรเทาความเดือดร้อนให้กับประชาชนด้วย 

ส่วนการบริหารจัดการวัคซีนนายกฯ รัฐบาล บุคลากรทางการแพทย์ ร่วมมือกันทำงานอย่างหนักในการจัดหาวัคซีน และนำมาฉีดให้กับประชาชนให้ได้มากที่สุด ซึ่งขณะนี้มีวัคซีนทยอยเข้ามาอย่างต่อเนื่อง และยังมีวัคซีนยี่ห้ออื่นๆอีกที่ อย.ได้อนุมัติ และมียี่ห้อที่รอขึ้นทะเบียนเพื่อเป็นทางเลือกให้กับประชาชน ยืนยันว่าทุกอย่างจะเป็นไปตามแผนที่รัฐบาลได้วางเอาไว้อย่างแน่นอน 

"นายโทนี่ไม่ต้องทำเป็นห่วงคนไทย ทั้งที่ตัวเองหนีคดีไปอยู่ต่างประเทศ สุขสบาย การที่นายโทนี่อยากจะอาสาจัดหาวัคซีนให้กับประเทศไทย แต่ตนเองมองว่านายโทนี่คงไม่ได้เป็นห่วงจริง เป็นคำพูดเพื่อตัวเองดูดีว่าห่วงใยคนไทย แท้ที่จริงไม่ใช่เช่นนั้น ถ้าห่วงจริงทำไมจึงโดนคดีทุจริตมากมาย อีกทั้งคงไม่มีความจำเป็นที่จะมาช่วยเพราะนายกฯ รัฐบาล สามารถบริหารจัดการเองได้ และถ้านายโทนี่ เก่งกาจ มีความสามารถจริง ก็คงไม่ต้องระเห็ด หนีหัวซุกหัวซุนไปต่างประเทศ แล้วไม่ต้องมาอ้างว่าถูกกลั่นแกล้งหรือกล่าวหากระบวนการยุติธรรม เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นนายโทนี่ทำเองทั้งนั้น แค่ให้กลับมาสู้คดีในแผ่นดินเกิดตัวเองยังไม่กล้า นับประสาอะไรจะกล้าอาสามาช่วยโน่นช่วยนี่ ชนักเต็มหลังซะขนาดนั้น

นายเสกสกล กล่าวว่า เข้าใจว่านายโทนี่เป็นนักโทษหนีคดี สถานะคงจะทำอะไรเช่นนี้ไม่ได้ ซึ่งหากอยากจะช่วยประเทศไทย ขอให้ช่วยเคลียร์ตัวเองก่อน กลับมารับโทษที่ประเทศไทย จะสง่างามมากกว่าอยู่ต่างประเทศแล้วออกมาพูดเลอะเทอะ บิดเบือน  ทำให้คนไทยเกิดความสับสน เข้าใจผิด สิ่งที่นายโทนี่จะช่วยประเทศไทยและคนไทยดีกว่าวัคซีน คือหยุดพูดหยุดโจมตีป้ายสีคนอื่น นั่นคือวัคซีนที่ดีที่สุด ที่นายโทนี่ ควรจัดหามาให้

"การพูดให้ดูดีแต่เที่ยวไปด้อยค่าคนอื่น ไม่ใช่วิสัยของผู้นำที่ดี คนไทยสาปแช่งผู้นำที่ดีแต่พูดและคิดแต่โกงกินมากที่สุด ตรงข้ามคนไทยส่วนใหญ่จะชอบผู้นำที่ใจซื่อมือสะอาดไม่คิดโกงบ้านกินเมือง และไม่ต้องเป็นคนพูดเก่งพูดมากและบิดเบือนข้อมมูลให้ประชาชนสับสนเกิดความแตกแยก คนไทยส่วนใหญ่คิดเช่นนั้นหวังว่านายโทนี่คงเข้าใจ" นายเสกสกล กล่าว

“กห.จับมือ กษ.” ช่วยเกษตรกรรับซื้อและกระจายสินค้าการเกษตร 42 พื้นที่ทั่วประเทศ 

พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม เปิดเผยว่า พล.อ.ณัฐ อินทรเจริญ ปลัดกระทรวงกลาโหม (กห.) และ นาย ทองเปลว กองจันทร์ ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กษ.)ได้เป็นผู้แทนระหว่างกระทรวง กห.และ กษ. ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการรับซื้อผลผลิตทางการเกษตรและการสนับสนุนพื้นที่จำหน่ายและกระจายผลผลิตทางการเกษตร

บันทึกข้อตกลงดังกล่าว เป็นการยืนยันความร่วมมือของทั้งสองกระทรวงในการรับซื้อผลผลิตทางการเกษตรและสนับสนุนพื้นที่จำหน่ายและกระจายผลผลิตการเกษตร เช่น ผลผลิตทางปศุสัตว์ การประมง ผักผลไม้ตามฤดูกาล ผลิตภัณฑ์นม ไข่ สินค้าเกษตรอินทรีย์ และผลผลิตทางการเกษตรที่สำคัญอื่น ๆ เป็นต้น 

โดย กระทรวงเกษตรฯ จะดำเนินการจัดการผลผลิตทางการเกษตรให้เป็นไปตามกลไกลทางการตลาดเป็นลำดับแรก เมื่อผลผลิตทางการเกษตรล้นตลาดและมีราคาตกต่ำ กระทรวงกลาโหมโดยทุกเหล่าทัพพร้อมให้การสนับสนุนการรับซื้อผลผลิตทางการเกษตรกระจายให้กับหน่วยทหารทั่วประเทศ รวมทั้งสนับสนุนพื้นที่จำหน่าย กระจายสินค้าการเกษตรให้กับประชาชนในชุมชนต่าง ๆ รอบหน่วยทหารทุกเหล่าทัพ จำนวน 42 พื้นที่ 26 จว.ทั่วประเทศ  โดยในขั้นต้นจะเร่งดำเนินการในพื้นที่นำร่องกระจายผลผลิตทางการเกษตรใน 6 พื้นที่ ได้แก่ จังหวัดเชียงใหม่, เชียงราย, นครสวรรค์, สุราษฎร์ธานี, กระบี่ และสงขลา

โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมากระทรวงกลาโหม โดยทุกเหล่าทัพได้สนับสนุน กระทรวงเกษตรฯ รับซื้อสินค้าการเกษตรและสนับสนุนพื้นที่จำหน่ายและกระจายผลผลิตการเกษตร ช่วยเหลือเกษตรกรอย่างต่อเนื่องที่ผ่านมา ทั้งนี้การลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือดังกล่าว จะสามารถสนับสนุนและช่วยเหลือเกษตร ลดค่าขนส่งและกระจายสินค้าการเกษตรได้เร็วขึ้น ในราคาที่เป็นธรรมกับทั้งเกษตรกรและประชาชน เพื่อบรรเทาผลกระทบ กรณีผลผลิตทางการเกษตรล้นตลาด และมีราคาตกต่ำ อันเนื่องมาจากสถานการณ์ต่างๆตามนโยบายของรัฐบาลที่เป็นรูปธรรม
 

อารยะขัดขืน! ผู้ประกอบการร้านอาหาร ผุดแคมเปญ #กูจะเปิดมึงจะทำไม ต่อต้านมาตรการห้ามนั่งกินที่ร้าน พร้อมเชิญชวนให้มาร่วมลงชื่อ

จากกรณีราชกิจจานุเบกษา ได้ออกประกาศล็อกดาวน์กรุงเทพฯ และปริมณฑล รวมถึงพื้นที่ชายแดนภาคใต้ ปิดไม่ให้นั่งทานอาหารในร้าน ล็อกแคมป์คนงานเป็นเวลากว่า 1 เดือน

ทำให้โลกออนไลน์ออกมาวิพากษ์วิจารณ์การออกประกาศดังกล่าว เนื่องจากก่อนหน้านี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ออกมาบอกว่าจะไม่มีการล็อกดาวน์ ทำให้เกิดความเสียหายต่อสินค้าที่สั่งไว้จำนวนมาก เนื่องจากเพิ่งได้ขยายเวลาเปิดร้านอาหารถึงเวลา 23.00 น. ได้เพียง 1 สัปดาห์เท่านั้น

ล่าสุดในโลกออนไลน์ มีการผุดแคมเปญใหม่ #กูจะเปิดมึงจะทำไม จากกลุ่มผู้ประกอบการร้านอาหาร ที่เรียกร้องให้บรรดาร้านอาหารแสดงอารยะขัดขืนต่อมาตรการดังกล่าว

ทั้งนี้ มีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง โพสต์ข้อความระบุว่า ร้านไหนอยากร่วมแคมเปญ #กูจะเปิดมึงจะทำไม มาค่ะ จะร้านกาแฟ ร้านอาหาร ร้านลาบ ร้านคราฟท์เบียร์ ร้านเหล้า ลงชื่อกันไว้ก่อนได้เลยค่ะ

ใจความระบุว่า เราจะชวนคุณเปิดขายอาหาร+เครื่องดื่มกลับบ้าน และจัด event เปิดเวทีปราศรัย เล่นดนตรี unplugged ในร้าน ให้เข้าฟังร้านละ 20 คน จัดทีละเขต (ถ้าดูในฟอร์มจะเห็นว่าเราให้ระบุพื้นที่ สน.ไว้) เขตละ 5-10 ร้านในวันเดียวกัน ใครใคร่ไปร้านไหนไป แล้วก็เปลี่ยนไปจัดเขตอื่นต่อ ไอเดียมาจากงานคืนกลางคืน ของศิลปิน ปชต. กับร้าน Junk House Music Bar

กิจกรรมระยะสอง : Open!

ส่งเสียงขนาดนี้แล้วไม่ฟัง เราก็อย่าฟังมัน

เปิดร้านค่ะ เปิดให้นั่ง ขายเหล้าเบียร์ เล่นดนตรีสด แบบมีมาตรการ รักษาระยะห่าง ไม่ต้องประชาสัมพันธ์ ไม่ต้องเอิกเกริก แต่เปิดโอกาสให้ลูกค้าประจำและเพื่อนฝูงได้มาสนับสนุนคุณ ถ้ามีการมาจับกุม เราก็รวมพลังกันด่าและสู้ ถึงตอนนั้น เครือข่ายเราก็จะแข็งแรงแล้ว

กิจกรรมระยะสาม : Market Place + Mob

ถ้าทำขนาดนี้แล้วยังไม่เกิดอะไร ลงถนนกันเถอะ

ออกร้านขายอาหารบนถนนกันค่ะ เปิดลานเบียร์ ตั้งเวทีเล่นดนตรี แล้วก็ปราศรัยใหญ่ด่าพวกมัน เชื่อว่าคนเอาแน่ ลูกค้าคุณจะตามมาซื้อ มวลชนจะมากินมา support แน่ ๆ

เริ่มต้นจากการกรอกฟอร์มค่ะ ย้ำอีกที

ทั้งหมดนี้เป็นไอเดียเบื้องต้นจากการปรึกษาหลาย ๆ คนนะคะ ซึ่งเราเข้าใจค่ะว่ามันมีความเสี่ยงหลายอย่าง แต่จุดนี้ถ้าจะสร้างเครือข่ายและเกราะป้องกันช่วยเหลือกัน คุณต้องแสดงความกล้าหาญและประกาศตัวแล้วล่ะ

นั่นแหละ เริ่มจากการกรอกฟอร์ม หรือไปชวนร้านโปรดของคุณให้มาลงชื่อกัน

ทั้งนี้ จากการตรวจสอบ ยังพบว่า แฮชแท็ก #กูจะเปิดมึงจะทำไม ยังติดเทรนด์ทวิตเตอร์ อันดับ 1 ของประเทศไทย ในวันที่ 30 มิถุนายน อีกด้วย

 

ที่มา : https://www.khaosod.co.th/covid-19/news_6481398


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

ศรีสุวรรณ ยื่น ป.ป.ช. สอบน็อตทิพย์ กรมทางหลวง เชื่อไม่ได้มีแค่แห่งเดียว

ที่สำนักงาน ป.ป.ช. นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ได้เดินทางมายื่นคำร้องต่อ ป.ป.ช. เพื่อขอให้สอบเอาผิดกรมทางหลวง กรณีปล่อยให้ผู้รับเหมาทำน็อตทิพย์เพื่อหลอกตาโดยไม่มีการเชื่อมต่อกับพื้นปูนซีเมนต์จริงบริเวณเสาราวจับบันไดและเสาโครงหลังคากันแดดฝนในโครงการปรับปรุงสะพานลอย บนถนนกาญจนาภิเษกหรือถนนวงแหวนตะวันตก มูลค่าเกือบ 10 ล้านบาท ตามที่สื่อมวลชนและโซเชียลมีเดียได้นำมาเผยแพร่ประจานให้รู้กันทั่ว

กรณีดังกล่าวผู้บริหารของแขวงทางหลวงนนทบุรี และวิศวกรโยธาปฏิบัติการ กรมทางหลวง ได้รีบออกมาแก้ข่าวและอ้างกับสื่อมวลชนว่า เป็นการก่อสร้างเพิ่มเติมช่วงโครงหลังคากันฝน ครอบทับสะพานลอยเก่ามีอยู่แล้ว ผู้รับเหมาจึงเพิ่มเติมเสาขึ้นมาเพื่อยึดติดกับโครงสร้างสะพานลอยของเดิม ซึ่งโครงสร้างสะพานลอยของเดิมนั้นมีเสาพร้อมน็อตติดกับพื้นอยู่ก่อนแล้ว ทางผู้รับเหมาจึงนำแผ่นเหล็กของฐานเสาใหม่มาเชื่อมกับฐานเหล็กเก่าเพื่อต้องการให้แข็งแรงมากขึ้น และแผ่นสแตนเลสที่ทำลอยไว้เป็นการทำโชว์เพื่อความสวยงามของผู้รับเหมา ไม่ได้เกี่ยวข้องหรือมีผลกระทบกับโครงสร้างหลักแต่อย่างใด

แต่จากการตรวจสอบพบว่า มีหลายเสาสแตนเลสที่ลอยสูงจากพื้นปูนของตัวสะพานและหรือบันไดสะพานลอยดังกล่าว ไม่มีตัวน็อตที่ขันติดกับพื้นแต่อย่างใด แต่มีบางจุด บางเสาเท่านั้น ที่อาจทำในลักษณะเหมือนเป็นการติดหัวน็อตไว้เพื่อหลอกตาไว้ ซึ่งหากตรวจสอบทุกโครงเสาสแตนเลสทั้งหมดทั้งสองด้านของสะพานลอย และโครงหลังคาก็เชื่อว่า จะมีหลายเสาที่ไม่มีตัวน็อตด้านล่างที่ขันติดกับพื้นปูนหรือพื้นสะพาน เพื่อให้ทุกเสามั่นคง แข็งแรง และสร้างความปลอดภัยให้กับประชาชนผู้สัญจร และใช้ประโยชน์จากสะพานดังกล่าว นอกจากนั้นการเชื่อมโครงหลังคาสะพานลอยที่มีการอ็อคเชื่อมเพียงจุดเล็ก ๆ ไม่มีการเชื่อมรอบเสาแต่อย่างใด

ซึ่งคำชี้แจงของวิศวกรกรมทางหลวงจึงฟังไม่ขึ้น และเชื่อว่ายังมีอีกหลายโครงการสะพานลอยของถนนกาญจนาภิเษก และถนนทางหลวงต่าง ๆ ทั่วประเทศ ที่อาจมีลักษณะเช่นเดียวกัน หรือปล่อยให้ผู้รับเหมาดำเนินการโดยอำเภอใจ เพียงแต่ยังไม่ถูกจับพิรุธขึ้นมาเสียก่อน ด้วยเหตุดังกล่าวสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย จึงนำความพร้อมหลักฐานมายื่นคำร้องต่อ ป.ป.ช.เพื่อใช้อำนาจตาม พรป.ป.ป.ช.2561 ในการสอบสวนเอาผิดผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดตั้งแต่วิศวกร ผู้อำนวยการแขวงทางหลวง ไปจนถึงอธิบดีกรมทางหลวง ว่าเข้าข่ายทุจริตต่อหน้าที่ หรือกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการหรือไม่

เลขาฯ สมช. วอนผู้ประกอบการร้านอาหารหยุดแคมเปญ ‘#กูจะเปิดมึงจะทำไม’ หวั่น ยิ่งทำเชื้อระบาดหนัก ยัน รัฐจ่ายเยียวยาเยอะกว่าทุกรอบ

เมื่อวันที่ 30 มิ.ย. เวลา 09.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการ ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศปก.ศบค.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ผู้ประกอบการร้านอาหารร่วมกันผุดแคมเปญ ‘#กูจะเปิดมึงจะทำไม’ ในสื่อโซเชียล เพื่อแสดงอารยะขัดขืนต่อมาตรการของศบค.ที่ไม่ให้นั่งรับประทานอาหารในร้าน ว่า ขณะนี้รับทราบแล้ว และขอความร่วมมือให้หยุดการกระทำดังกล่าว เพราะถ้าทำอย่างนั้น มีโอกาสเสี่ยงทั้งตัวผู้ประกอบการและผู้บริโภค

ผู้สื่อข่าวถามว่าถ้ายังมีการเดินหน้าแคมเปญนี้อยู่ รัฐบาลจำเป็นต้องใช้มาตรการทางกฎหมายไปจัดการหรือไม่ พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า คงต้องดูด้วย แต่ในขั้นต้นอยากขอความร่วมมือก่อน ในบรรยากาศเป็นอย่างนี้ ถ้าไปใช้มาตรการกฎหมายในทันที อาจทำให้ตรึงเครียดมากขึ้น ตอนนี้เราคงเข้าไปพูดคุยขอความร่วมมือว่าถ้าทำอย่างนั้น อาจทำให้เกิดการแพร่ระบาดมากขึ้น และที่ผ่านมา จากการสอบสวนโรค พบว่ามาจากลักษณะรวมกลุ่มไปรับประทานอาหารแล้วติดเชื้อกันมา

เมื่อถามว่าช่วงที่มีตัวแทนผู้ประกอบการร้านอาหารมาหารือกับ ศบค. ได้พูดถึงเงื่อนไขที่จะไม่ปฏิบัติตาม บ้างหรือไม่ พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า ไม่ได้พูด เขาขอให้รัฐบาลดูแลเยียวยา รอบนี้ ศบศ. เยียวยาเยอะ ทั้งผู้ประกอบการและพนักงาน

เมื่อถามย้ำว่าเป็นไปได้หรือไม่ที่จะเชิญผู้ประกอบการที่ผุดแคมเปญนี้มาหารือกันก่อน เพื่อไม่ให้ไปประท้วงลงถนน พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า คงต้องขอความร่วมมือจากสื่อมวลชนให้ทำความเข้าใจในเรื่องนี้กับทุกคนว่าถ้าทำอย่างนั้น จะทำให้เกิดการติดเชื้อและแพร่ระบาดมากขึ้น รวมถึงสังคมโดยรวมเดือดร้อนไปด้วย จึงต้องขอความร่วมมือและความเห็นใจ ส่วนรัฐบาล และศบค. จะขอดูสถานการณ์เมื่อผ่านไป 15 วัน ถ้าคลี่คลาย ก็จะพิจารณาผ่อนคลายให้ ขอประเมินก่อน และในวันนี้ยังเห็นว่าตัวเลขทรงตัวอยู่ ทั้งที่มีมาตรการออกมาแล้ว

ต่อข้อคำถามว่าผู้ประกอบการธุรกิจกลางคืนและสถานบันเทิงที่ถูกสั่งปิดมาตั้งแต่รอบแรก มองว่ายังไม่ได้รับการเยียวยาจากรัฐบาล เหมือนกับธุรกิจประเภทอื่น กล่าวว่า รอบนี้เขาก็ได้รับการดูแลด้วยตามที่คณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ 29 มิ.ย. ที่ผ่านมา แต่อาจไม่เท่ากับที่เขาขอมา

เมื่อถามถึงกรณีที่มีอาจารย์แพทย์จากโรงพยาบาลศิริราชบอกว่าตอนนี้ถือว่าเข้าสู่การระบาดระลอกที่ 4 ในเร็ว ๆ นี้ พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า ใช่ เพราะปัจจุบัน สายพันธุ์เดลตาที่มาจากประเทศอินเดีย มีการแพร่ระบาดที่เร็ว อาจารย์แพทย์หลายท่านก็เป็นห่วง จึงได้เสนอมาตรการต่าง ๆ ออกมาด้วยความห่วงใย แต่ก็รับทราบถึงความเดือนร้อนของประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ประกอบการและพนักงาน แม้มีการฉีดวัคซีนป้องกันแล้ว อย่างเช่น ประเทษอิสราเอลและอังกฤษมีปริมาณการฉีดวัคซีนให้ประชาชนจำนวนมากพอแล้ว แต่เขาก็ยังย้อนกลับมาล็อกดาวน์อีกรอบ การฉีดวัคซีนไม่ได้รับประกันว่าไม่ติดเชื้อ แต่ยังต้องระวังกันเหมือนเดิม

ต่อข้อถามถึงสถานการณ์ รพ.ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง จังหวัดปัตตานีที่เริ่มจะรับปริมาณผู้ป่วยไม่ไหวแล้ว พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า ยอมรับว่าเป็นห่วงเรื่องนี้เช่นกัน

เมื่อถามว่ากรณีที่พบสารละลายลักษณะเจลอยู่ในขวดวัคซีนของบริษัท ซิโนแวค บางล็อต พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุขยืนยันแล้วสาเหตุเกิดจากอะไร ให้ฟังจากกระทรวงสาธารณสุขเป็นหลัก แต่ตนยืนยันว่าไม่ได้มีการฉีดวัคซีนตัวที่มีปัญหาให้กับประชาชน และวัคซีนไม่ได้เกิดปัญหาตั้งแต่ต้น แต่เกิดจากการเก็บในที่ที่มีอุณหภูมิเย็นเกินไป ไม่ได้เป็นทั้งล็อต เมื่อเขาพบก่อน จึงมีการแจ้งเตือน


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

กรมประมง เร่งออก Seabook แรงงานต่างด้าว 

นายมีศักดิ์ ภักดีคง อธิบดีกรมประมง เปิดเผยว่า ขณะนี้ที่ประชุมครม. ได้มีมติเห็นชอบตามแนวทางการแก้ไขปัญหาแรงงานต่างด้าว โดยให้กรมประมงใช้อำนาจตามมาตรา 83 แห่งพระราชกำหนดการประมง พ.ศ. 2558 ต่ออายุหนังสือคนประจำเรือ (Seabook เล่มเหลือง) ให้กับแรงงานต่างด้าวที่ได้รับหนังสือคนประจำเรือ ตามมติครม. เมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2563 ออกไปอีก 1 ปี นับแต่วันที่หนังสือคนประจำเรือเดิมสิ้นอายุ 

ทั้งนี้ ล่าสุดนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรและสหกรณ์ ได้สั่งการให้กรมประมงดำเนินการในเรื่องนี้อย่างเร่งด่วน โดยในวันที่ 1 กรกฎาคม นี้ กรมประมงจะได้จัดประชุมร่วมกับสำนักงานประมงจังหวัดชายทะเล สมาคมการประมงชายทะเลในพื้นที่ทั้ง 22 จังหวัด และสมาคมการประมงแห่งประเทศไทย เพื่อเร่งดำเนินการต่ออายุหนังสือคนประจำเรือให้เสร็จสิ้นต่อไป

สำหรับแรงงานต่างด้าวที่จะขอต่ออายุหนังสือคนประจำเรือ (Seabook เล่มเหลือง) จะต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไข ดังนี้ 

1.) ต้องเป็นคนต่างด้าวที่ได้รับหนังสือคนประจำเรือตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 31 มีนาคม พ.ศ.2563  

2.) เจ้าของเรือได้จัดทำหนังสือสัญญาจ้างตามแบบที่กำหนดในประกาศกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน ซึ่งเจ้าหน้าที่กรมสวัสดิการฯ ได้ตรวจสอบความถูกต้องครบถ้วนของสัญญาจ้างและลงลายมือชื่อกำกับไว้ 

3.) คนต่างด้าวต้องมีใบรับรองการตรวจสุขภาพซึ่งครอบคลุมถึงการตรวจโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 และการประกันสุขภาพมีอายุคุ้มครองอย่างน้อยหนึ่งปี ตามประกาศกระทรวงสาธารณสุขว่าด้วยการตรวจสุขภาพและประกันสุขภาพแรงงานต่างด้าว 

4.) คนต่างด้าวจะต้องยื่นคำขอจัดเก็บข้อมูลอัตลักษณ์บุคคลที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองตรวจคนเข้าเมืองจังหวัด หรือสถานที่อื่นที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองกำหนด ภายใน 45 วัน นับแต่วันที่ได้รับใบรับคำขอต่ออายุหนังสือคนประจำเรือจากกรมประมง 

"บิ๊กตู่" เตรียมลงพื้นที่ภูเก็ต 1 ก.ค. นี้ นำร่องเปิดประเทศ “ภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์” คาดการณ์รับนักท่องเที่ยวต่างชาติกว่า 100,000 คน ในไตรมาส 3 นี้

นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐ เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมมีกำหนดลงพื้นที่ตรวจราชการที่จังหวัดภูเก็ต ตรวจเยี่ยมระบบการคัดกรองผู้เดินทางเข้าออกจังหวัดภูเก็ตทางบก ทั้งยานพาหนะ บุคคล และเอกสารต่าง ๆ เพื่อเตรียมความพร้อมในการเปิดเศรษฐกิจท่องเที่ยวตามโครงการ Phuket Sandbox จังหวัดภูเก็ต ณ ด่านตรวจภูเก็ต จากนั้น จะเป็นประธานประชุมติดตามความคืบหน้าการดำเนินการมาตรการต่าง ๆ ภายใต้โครงการ Phuket Sandbox ร่วมกับส่วนราชการ และภาคเอกชน ณ โรงแรมรอยัลภูเก็ตซิตี้ อำเภอเมืองภูเก็ต และเปิดโครงการ “ฮักไทย ฮักภูเก็ต” (HUG THAIS HUG PHUKET) ภายใต้โครงการ “ฮักไทย” ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัล ภูเก็ต อำเภอเมืองภูเก็ต และตรวจเยี่ยมความพร้อมการอำนวยความสะดวกนักท่องเที่ยว  ณ อุทยานแห่งชาติสิรินาถ โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีจะตรวจเยี่ยมการคัดกรองผู้เดินทางเข้าออกจังหวัดภูเก็ตทางอากาศ และให้การต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างประเทศตามโครงการ Phuket Sandbox ที่สนามบินนานาชาติภูเก็ตด้วยก่อนเดินทางกลับกรุงเทพมหานครในเย็นวันเดียวกัน

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวถึงการการลงพื้นที่ของนายกรัฐมนตรีในครั้งนี้ว่า จะเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญในการกระตุ้นเศรษฐกิจไทย ช่วยอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและบริการที่เกี่ยวเนื่อง ให้สามารถกลับมาฟื้นตัวโดยเร็ว เพิ่มโอกาสการจ้างงาน ต่อยอดสินค้าบริการ ในธุรกิจกิจการท่องเที่ยวในระดับต่าง ๆ รวมถึงการลงทุนด้วย ซึ่งต้องดำเนินการควบคู่ไปกับ New Normal หรือการท่องเที่ยวที่ปลอดภัย เพื่อให้การท่องเที่ยวของไทยกลับมาเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศให้เติบโตอย่างต่อเนื่องต่อไป รัฐบาลโดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ประมาณการณ์นักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศ ภายใต้โครงการ Phuket Sandbox จำนวน 100,000 คน ในไตรมาส 3 (เดือน ก.ค. - ก.ย. 64) ซึ่งคาดว่าจะสร้างรายได้อยู่ที่ 8.9 พันล้านบาท    

ทั้งนี้ ตลอดเดือนกรกฎาคม 2564 มียอดจอง Booking ของผู้โดยสารที่จะเข้ามา Phuket Sandbox ประมาณ 11,894 คน ข้อมูลจาก 6 สายการบิน แบ่งเป็นผู้โดยสารขาเข้าประมาณ 8,281 คน ขาออก 3,613 คน คาดการณ์ปริมาณเที่ยวบินทั้งหมดประมาณ 426 เที่ยวบิน เฉลี่ยที่ประมาณ 13 เที่ยวบิน/วัน 

อย่างไรก็ตาม ศบค. ได้กำหนดแผนการชะลอหรือยกเลิกโครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ กรณีสถานการณ์มีการเปลี่ยนแปลง หากมีจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่มากกว่า 90 ราย/สัปดาห์ ในลักษณะการกระจายโรคในจังหวัดทั้ง 3 อำเภอ และมากกว่า 6 ตำบล ที่มีการระบาดเกิน 3 คลัสเตอร์ หรือมีการระบาดในวงกว้างที่หาสาเหตุหรือความเชื่อมโยงไม่ได้ รวมทั้งความพร้อมในการรองรับผู้ป่วย กรณีมีผู้ติดเชื้อครองเตียงโรงพยาบาล ตั้งแต่ 80% ของศักยภาพของจังหวัดที่มีการพบการระบาดของเชื้อกลายพันธุ์แบบวงกว้าง แบบควบคุมไม่ได้ ด้วย

อนึ่ง จังหวัดภูเก็ตได้ออกกำหนดมาตรการตรวจคัดกรองการเดินทางเข้าจังหวัดภูเก็ตตามมาตรการป้องกันและควบคุมโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 รองรับการเปิดเมือง Phuket Sandbox ดังต่อไปนี้

1.) การเดินทางเข้าภูเก็ตจากต่างประเทศ ดังนี้ เดินทางจากประเทศที่กำหนด โดยพำนักในประเทศที่กำหนดอย่างน้อย 21 วัน มีหนังสือรับรองการเดินทางเข้าประเทศไทย (COE) ได้รับวัคซีนครบโดส อย่างน้อย 14 วัน กรณีเด็กอายุน้อยกว่า 6 ขวบ สามารถเดินทางได้โดยไม่ต้องมีใบรับรองว่าไม่มีเชื้อโควิด-19 ในระยะเวลา 72 ชั่วโมงก่อนเดินทาง มีกรมธรรม์ประกันภัยซึ่งรวมถึงกรณีโรคโควิด-19 ในวงเงินไม่น้อยกว่า 100,000 ดอลลาร์สหรัฐ ผ่านการตรวจโควิด-19 ด้วยวิธี RT-PRC ใน 3 ระยะเวลาดังต่อไปนี้ ครั้งที่ 1 ณ วันที่เดินทางถึงภูเก็ต (วันที่ 0) ครั้งที่ 2 ระหว่างวันที่ 6-7 และครั้งที่ 3 ระหว่างวันที่ 12-13 หลังจากเข้าพักในโรงแรมที่ได้รับมาตรฐาน SHA+ (SHA Plus) ในจังหวัดภูเก็ตเป็นระยะเวลา 14 คืน จึงสามารถเดินทางออกไปจังหวัดอื่น ๆ ในประเทศไทยได้ ติดตั้งแอปพลิเคชัน Thailand Plus และ Tracing Application : Morchana เมื่อเดินทางออกจากภูเก็ตเมื่อครบ 14 วัน โดยต้องมีหลักฐานยืนยันการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ที่แสดงว่าตรวจไม่พบเชื้อโควิด-19 ตลอดระยะเวลา 14 คืนที่พำนักอยู่ในจังหวัดภูเก็ต

2.) การเดินทางเข้าจังหวัดภูเก็ตจากภายในประเทศ ดังนี้

(1) ต้องเป็นผู้ที่ได้รับวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ครบ 2 เข็ม หรือครบโดสตามจำนวนวัคซีนแต่ละชนิด หรือได้รับวัคซีนชนิด AstraZeneca จำนวน 1 เข็ม มาแล้วเป็นระยะเวลาอย่างน้อย 14 วัน หรือผลตรวจหาเชื้อโควิด-19 ด้วยวิธีการ RT-PCR หรือวิธีการ Antigen Test ผลเป็นลบอายุไม่เกิน 7 วันก่อนการเดินทางหากเป็นผู้ป่วยด้วยโรคโควิด-19 และได้รับการรักษาหายมาแล้วไม่เกิน 90 วัน และต้องมีหนังสือรับรองการได้รับการรักษา (ไม่ต้องปฏิบัติตามข้อ 1-2)  ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถเดินทางท่องเที่ยวได้ภายในจังหวัดภูเก็ตและไม่จำเป็นต้องอยู่ภูเก็ตถึง 14 วัน 

เปิดสถิติ 4 นักเตะคีย์แมน ที่พลาดท่าตกรอบ 16 ทีมสุดท้าย ยูโร 2020

ศึกรอบ 16 ทีมสุดท้ายของฟุตบอลยูโร 2020 จบลงไปเป็นที่เรียบร้อย มี 8 ทีมเข้ารอบ เตรียมไปเจอกันต่อที่สนามหน้า ส่วนอีก 8 ทีมที่ตกรอบ ก็เตรียมไปเจอกันที่สนามบิน ผ่าม!! กลับบ้านสิครับรอไร! โดยเฉพาะกับบรรดาสตาร์ของหลาย ๆ ทีมที่จบภารกิจ ‘แบกทีม’ ไปเป็นที่เรียบร้อย

ไม่ว่าจะเป็น คริสเตียโน่ โรนัลโด้, แกเร็ธ เบล, เอ็นโกโล่ ก็องเต้ หรือ ลูก้า โมดริช ทั้งหมดไปเจอกันที่สนามบิน ไม่ช่าย! ทั้งหมดจบเส้นทางยูโร 2020 ลากกระเป๋าขึ้นเครื่องไปเรียบร้อยแล้ว แต่ถึงอย่างนั้น พวกเขาก็ได้ฝากผลงาน ‘การแบกทีม’ หรือจะเรียกว่า เป็นหัวใจของทีม เอาไว้อย่างน่าชื่นชม เราจึงไปรวบรวมผลงานที่พวกเขาทำเอาไว้ในยูโรครั้งนี้มาให้ดูกันครับ...


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

‘บิ๊กตู่’ ปลื้ม วัคซีนโควิด-19 ไทย รุดหน้า คาดช่วยส่งออก สร้างรายได้ให้ประเทศ

เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีได้ติดตามและแสดงความชื่นชมความก้าวหน้าผลงานวิจัยวัคซีนโควิด-19 โดยทีมแพทย์และนักวิจัยไทย เป็นอีกความหวังของประเทศในการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคฯ ซึ่งนายกฯ ให้ความสำคัญในการส่งเสริมการวิจัยและพัฒนาวัคซีนภายในประเทศ 2 แนวทางสำคัญ คือ

1.) ให้การสนับสนุนสถาบันวัคซีนแห่งชาติ คณะแพทย์ในมหาวิทยาลัย และองค์กรชั้นนำ ในการวิจัยและพัฒนาวัคซีนในรูปแบบต่าง ๆ

และ 2.) รับการถ่ายทอดกระบวนการผลิตวัคซีนจากต่างประเทศโดยบริษัท Siam Bioscience Co,.Ltd. ของไทย สำหรับวางรากฐานในไทยเพื่อพึ่งพาตนเองด้านวัคซีน ลดงบประมาณการจัดซื้อและสามารถส่งออกเชิงพาณิชย์ได้ในอนาคตอีกด้วย

น.ส.รัชดา กล่าวว่า สำหรับความคืบหน้าการวิจัยพัฒนาวัคซีนโควิด-19 ในไทย ประกอบด้วย

1.) โครงการศึกษาวิจัยระยะที่ 1/2 เพื่อประเมินความปลอดภัย และความสามารถในการกระตุ้นภูมิคุ้มกันของวัคซีน NDV-HXP-S ในประเทศโดยองค์การเภสัชกรรม (อภ.) ร่วมกับศูนย์วัคซีน คณะเวชศาสตร์เขตร้อน มหาวิทยาลัยมหิดล เริ่มฉีดอาสาสมัครเมื่อวันที่ 22 มีนาคม ซึ่งวัคซีน NDV-HXP-S มีจุดเด่น คือ โรงงานของ อภ. มีความพร้อมในการผลิตระดับอุตสาหกรรม โดยใช้เทคโนโลยีเดียวกับวัคซีนไข้หวัดใหญ่ และได้รับความร่วมมือระดับนานาชาติจากองค์กร PATH ในการสนับสนุนกล้าเชื้อไวรัส คำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ รวมถึงการร่วมกันวิจัยจากผู้ผลิตจากประเทศเวียดนามและบราซิล

2.) โครงการพัฒนา mRNA วัคซีนเพื่อป้องกันการติดเชื้อไวรัสโคโรนา SARS-CoV-2 โดยศูนย์วิจัยวัคซีน คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งเป็นวัคซีนชนิด mRNA ที่ใช้เทคโนโลยีการผลิตเช่นเดียวกับวัคซีนจาก Pfizer-BioNTech และวัคซีนจาก Moderna ผลศึกษาการทดลองใน “หนู และ ลิง” พบว่า กระตุ้นภูมิคุ้มกันได้ในระดับสูง ช่วยยับยั้งการติดเชื้อในสัตว์ทดลองได้ โดยเริ่มการศึกษาในมนุษย์ เมื่อวันที่ 14 มิถุนายน ทดสอบในระยะที่ 1 ใช้อาสาสมัครจำนวน 72 คน ซึ่งวัคซีน ChulaCov19 มีจุดเด่น คือ สามารถอยู่ในอุณหภูมิตู้เย็น (2-8 องศาเซลเซียส) ได้นาน 3 เดือน และเก็บในอุณหภูมิห้อง (25 องศาเซลเซียส) ได้นาน 2 สัปดาห์

จากการทดลองในหนูทดลองชนิดพิเศษที่ออกแบบให้สามารถเกิดโรคโควิด-19 ได้ พบว่า เมื่อหนูได้รับวัคซีน ChulaCov19 ครบ 2 เข็ม ห่างกัน 3 สัปดาห์ แล้วให้หนูทดลองได้รับเชื้อโควิด-19 เข้าทางจมูก สามารถป้องกันหนูทดลองไม่ให้ป่วยและยับยั้งไม่ให้เชื้อไวรัสเข้าสู่กระแสเลือด รวมทั้งสามารถลดจำนวนเชื้อในจมูกและในปอดลงไปอย่างน้อย 10,000,000 เท่า มีความปลอดภัยในสัตว์ทดลอง วัคซีนชนิด mRNA ยังสามารถปรับแต่งวัคซีนต้นแบบตามพันธุกรรมของเชื้อกลายพันธุ์ได้อย่างรวดเร็ว

3.) โครงการพัฒนาและผลิตวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ชนิด DNA (วัคซีนโควิเจน) โดยบริษัท ไบโอเนท-เอเชีย จำกัด ผลการทดสอบในหนูทดลอง พบว่า วัคซีนมีความปลอดภัย และสร้างภูมิคุ้มกันได้ดีมาก ขณะนี้อยู่ระหว่างการยื่นขออนุมัติกับทาง อย. เพื่อทดสอบในมนุษย์ในระยะที่ 1 และคาดว่าจะวิจัยในคนระยะที่ 2 และ 3 ในปีนี้ (ข้อมูลเมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2564) โดยมีแผนการทดสอบในมนุษย์ในระยะที่ 1 ในประเทศออสเตรเลียรวมด้วย

นอกจากนี้ ยังมีการวิจัยของบริษัทใบยา ไฟโตฟาร์ม จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทสตาร์ทอัพของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จากศูนย์กลางนวัตกรรมแห่งจุฬาลงกรณ์ฯ CU Innovation Hub ที่ใช้ใบยาสูบเป็นพืชในกระบวนการสร้างวัคซีน หลังจากที่มีการผลิตวัคซีนล็อตแรกเสร็จ จะนำไปสู่ขั้นตอนการทดสอบวัคซีนในมนุษย์ คาดจะอยู่ในช่วงประมาณเดือนสิงหาคม-กันยายนนี้

น.ส.รัชดา กล่าวว่า บริษัท AstraZeneca ประเทศไทย แจ้งแผนการส่งมอบวัคซีนให้กระทรวงสาธารณสุข ครบ 6 ล้านโดสในสัปดาห์นี้ ตามแผนทั้งหมด 61 ล้านโดส และในช่วงต้นของเดือนกรกฎาคม จะมีวัคซีนจากการสนับสนุนของรัฐบาลญี่ปุ่น อีกจำนวน 1.05 ล้านโดส ขณะเดียวกัน ระบบ "หมอพร้อม" ได้เลื่อนการฉีดวัคซีนให้เร็วขึ้นแก่ผู้ลงทะเบียนกลุ่มผู้สูงอายุ และกลุ่ม 7 โรคเสี่ยง ในพื้นที่กทม. จากเดือน สิงหาคม เป็น กรกฎาคม

ส่วนกรมการแพทย์ ได้เปิดให้ผู้สูงอายุตั้งแต่ 75 ปีขึ้นไป สามารถรับการฉีดวัคซีนที่ศูนย์ฉีดวัคซีนกลางบางซื่อ แบบระบบ On-site เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้สูงอายุที่ไม่สามารถลงทะเบียนออนไลน์ได้ โดยจะเริ่ม 30 มิถุนายน-18 กรกฎาคม

ทั้งนี้ รัฐบาลได้เร่งเดินหน้า ตามแผนการฉีดวัคซีนให้ครอบคลุมประชากรร้อยละ 70 เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ประเทศเร็วที่สุด


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top