Sunday, 18 May 2025
NewsFeed

‘ศิริกัญญา’ ร้องหยุดเยียวยาเหลื่อมล้ำลักลั่น จี้รัฐบาลหยุดล้วงกระเป๋าผู้ประกันตน เอาเงินกองทุนประกันสังคมไปจ่ายเยียวยาล็อกดาวน์ ถาม! เงินกู้สำหรับเยียวก็มีทำไมไม่ใช้???

วันที่ 29 มิถุนายน 2564 นางสาวศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล เปิดเผยต่อสื่อมวลชน วิจารณ์มาตรการการเยียวยาล่าสุดหลังรัฐบาลออกคำสั่งล็อกดาวน์แคมป์คนงานก่อสร้างและไม่อนุญาตให้นั่งในร้านอาหารในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล

โดยนางสาวศิริกัญญา กล่าวว่า มาตรการเยียวยาล่าสุด ที่เขียนออกมาได้ซับซ้อน มีเงื่อนไขซ้อนเงื่อนไขเต็มไปหมด เงื่อนไขสำคัญ คือบริษัทอยู่ในระบบประกันสังคมหรือไม่ ทำให้การจ่ายเงินเยียวยาเกิดอาการลักลั่นโดยไม่จำเป็น กลายเป็นว่าลูกจ้างใหม่จะไม่ได้รับเงินเยียวยา เพราะเงื่อนไขการเยียวยาของประกันสังคมคือต้องส่งเงินสมทบไม่น้อยกว่า 6 เดือน ส่วนคนที่นายจ้างไม่ได้เข้าประกันสังคมจะได้เงินแค่ 2,000 บาท

ถามว่ามันเป็นความผิดอะไรของลูกจ้างประกันสังคมไหม? ถามว่ามันเป็นความผิดอะไรของลูกจ้างที่นายจ้างไม่ยอมเข้าระบบ? ถามว่าแรงงานข้ามชาติที่สมทบประกันสังคม จะได้เงินเยียวยาหรือไม่? ยังไม่ต้องพูดถึงร้านอาหารที่ไม่ได้เข้าประกันสังคม ยินดีด้วยคุณจะได้เงิน 3,000 บาทถ้วน

โดยอีกประเด็นที่สำคัญ คือการที่รัฐบาลเลือกใช้มาตรการเยียวยาจากกองทุนประกันสังคม แทนที่จะใช้จากงบประมาณตาม พ.ร.ก.เงินกู้ฯ

“จากการลดสมทบกองทุนประกันสังคม 4 ครั้ง รวม 88,831 ล้านบาท และจากเยียวยาจากเหตุสุดวิสัย 2 ครั้ง รวม 11,400 ล้านบาท รวมแล้วใช้ไปกับโควิดประมาณ 100,321 ล้านบาท รวมครั้งนี้ด้วยก็จะเป็นเงินกว่า 103,731 ล้านบาท

ต้องย้ำอีกครั้ง เงินประกันสังคมเป็นการสมทบระหว่างนายจ้าง ลูกจ้าง และรัฐบาล เพื่อดูแลสวัสดิการและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนทำงานในปัจจุบันและอนาคต จึงไม่ใช่งบประมาณที่จะนำออกมาใช้เยียวยาในยามวิกฤติ ดังนั้นบอร์ดประกันสังคมที่นั่งอยู่ตอนนี้แล้วอนุมัติเงินให้รัฐบาลใช้ควรตระหนักไว้ด้วยว่าคุณกำลังขูดเลือดเนื้อผู้ประกันตนทั้งประเทศเพื่อนำเงินไปใช้ในสิ่งที่ผิดวัตถุประสงค์

ที่ผ่านมา รัฐล้วงเอาเงินกองทุนประกันสังคมไปมากแล้ว ทั้ง ๆ ที่ก็มีเงินกู้จาก พ.ร.ก.กู้เงินทั้ง 2 ฉบับคือ 1 ล้านล้าน และ 5 แสนล้าน พร้อมจ่ายเยียวยาให้ตรงวัตถุประสงค์อยู่แล้ว” นางสาวศิริกัญญากล่าว

โดยรองหัวหน้าพรรคก้าวไกลกล่าวเพิ่มเติมว่า นอกจากจะไม่วี่แววว่ารัฐบาลจะคืนเงินให้กองทุนประกันสังคมแล้ว ในร่างกฎหมายงบประมาณประจำปี 2565 ประกันสังคมยังถูกตัดงบลงอีกเกือบ 2 หมื่นล้านบาท


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

ตกรอบ แต่ฟอร์มดี 'ปอล ป็อกบา' นักเตะทรงผมเด่นจากทีมชาติฝรั่งเศส

#เก็บตกยูโร2020 ⚽

เก็บกระเป๋ากลับบ้านไปอีกราย สำหรับทีมชาติฝรั่งเศส เต็งหนึ่งที่หลายฝ่ายตั้งเป้าว่าจะคว้าแชมปยูโรหนนี้ แต่สุดท้ายไม่มีอะไรที่แน่นอน โดยเฉพาะเกมที่เตะนัดเดียวตกรอบแบบนี้

ถึงฝรั่งเศสจะปิดฉากยูโร 2020 ลงไป แต่ชื่อของนักเตะคนหนึ่งในทีมกลับถูกพูดถึงค่อนข้างมาก ไม่ใช่ใครที่ไหน พี่ป็อก-ปอล ป็อกบา นักเตะทรงผมดีเด่นนั่นยังไง

ไปแซวว่าเป็นนักเตะทรงผมดีเด่น ประเดี๋ยวพี่ป็อกจะโกรธเอา เพราะฟอร์มการเล่นของพี่ป็อกในทัวร์นาเม้นท์นี้ ดูดีผิดทรงผมตัวเองอย่างมาก

มีสถิติที่บ่งชี้ว่า ป็อกบาทำผลงานในยูโรครั้งนี้ได้ดีจริงอะไรจริง โดยสามารถทำประตูได้ 1 ประตู แอสซิสต์ให้เพื่อนทำประตูไปอีก 1 ประตู การจ่ายบอลแม่นยำคิดเป็น 86% ความพยายามในการยิงประตู 8 ครั้ง เข้าสกัดสำเร็จ 7 ครั้ง และแย่งบอลมาครองได้ถึง 11 ครั้ง

เรียกว่าฟอร์มหรูดูมีชาติตระกูลเอามาก ๆ ซึ่งข้อสันนิษฐานหนึ่งที่บ่งชี้ว่า สาเหตุที่ทำให้ฟอร์มป็อกบาเด็ดสะระตี่แบบนี้ เพราะพี่แกเปลี่ยนทรงผม ไม่ช่าย! เรื่องนั้นมันปกติอยู่แล้ว

แต่เหตุที่ป็อกบาทำผลงานได้ดี เรื่องของเรื่อง เพราะมีเพื่อนร่วมทีมที่มีฝีเท้าจัดจ้านทั้งนั้น โดยเฉพาะแผงมิดฟิลด์ที่แข็งแกร่งอย่าง เอ็นโกโล่ ก็องเต้ อาเดรียง หรือโกร็องแต็ง โตลิสโซ่ ไม่นับรวม อ็องตวน กรีซมันน์ เพื่อนซี้ที่มองตาก็รู้ใจ

ด้วยเหตุนี้เลยทำให้พี่ป็อกดูเล่นสบาย คลายกังวล และเคลื่อนที่อยู่ในตำแหน่งที่ดีเสมอ แม้ฝรั่งเศสจะไปไม่ได้ไกลอย่างที่คิด แต่ผลงานส่วนตัวของพี่ป็อกก็พอจะกลบความพลาดหวังในครั้งนี้ไปได้

ที่สำคัญ มันยังส่งผลไปถึงเรื่องค่าตัว ที่หากมีแนวโน้มว่า เจ้าตัวจะย้ายออกจากแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในซัมเมอร์นี้ พี่ป็อกก็คงได้ ‘อัปค่าเหนื่อย’ มาปรับแต่งทรงผมอีกไม่น้อยเลยทีเดียว (เข้าใจเลือกฟอร์มดีนะเพ่!)


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

เตียงขาดแคลน! เปิดเงื่อนไขกลุ่มติดเชื้อโควิด อยากกักตัวอยู่บ้านต้องทำตามนี้!

จากสถานการณ์การระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในประเทศไทยที่ขยายเป็นวงกว้างต่อเนื่อง โดยเฉพาะพื้นที่ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ซึ่งอาจทำให้การรองรับของสถานพยาบาลไม่เพียงพอต่อปริมาณผู้ป่วย 

กรมการแพทย์ จึงได้มีแนวทางปรับการรักษาให้สอดคล้องกับสถานการณ์ดังกล่าว โดยให้กลุ่มผู้ป่วยที่ติดเชื้อแต่ไม่แสดงอาการ สามารถกักตัวรักษาได้ที่บ้าน ภายใต้การดูแลของทีมแพทย์ พยาบาล ซึ่งจะทำให้โรงพยาบาลสนาม สามารถบริหารจัดการเตียงให้กับผู้ป่วยที่มีอาการหนักได้

สำหรับกลุ่มผู้ติดเชื้อที่สามารถกักตัวได้ที่บ้าน (Home Isolation) นั้น ต้องมีอายุน้อยกว่า 60 ปี, ไม่มีอาการ (asymptomatic cases), มีสุขภาพร่างกายแข็งแรง, อยู่คนเดียว หรือ มีผู้อยู่ร่วมที่พักไม่เกิน 1 คน, ไม่มีภาวะอ้วน (ภาวะอ้วน หมายถึง ดัชนีมวลกาย > 30 กก./ม.2 หรือ น้ำหนักตัว > 90 กก.) 

และที่สำคัญที่สุด ไม่ป่วย โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง (COPD) โรคไตเรื้อรัง (CKD) โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคหลอดเลือดสมอง โรคเบาหวานที่ควบคุมไม่ได้ และโรคอื่น ๆ ตามดุลยพินิจของแพทย์ และผู้ป่วยยินยอมแยกตัวในที่พักของตนเองอย่างเคร่งครัด


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes 
คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

ครม.ยกเลิก 27 ก.ค. เป็นวันหยุดพิเศษ เหตุต้องปรับตามสถานการณ์โควิด-19 ห้ามเดินทางข้ามจังหวัด

เมื่อวันที่ 29 มิถุนายน ที่ทำเนียบรัฐบาล นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี ว่า ตามที่คณะรัฐมนตรีเคยกำหนดให้วันอังคารที่ 27 กรกฎาคม 2564 เป็นวันหยุดพิเศษต่อเนื่อง เพื่อให้ได้หยุดต่อเนื่องหลายวัน ตั้งแต่วันที่ 24 กรกฎาคม ตรงกับวันอาสาฬหบูชา วันที่ 25 กรกฎาคม ตรงกับวันเข้าพรรษา วันที่ 26 กรกฎาคมเป็นวันหยุดชดเชยวันอาสาฬหาบูชา

และในวันพุธที่ 28 กรกฎาคมตรงกับวันเฉลิมพระชนพรรษาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งมติครม.เมื่อปีที่ผ่านมาจึงได้เห็นชอบให้วันอังคารที่ 27 กรกฎาคมเป็นวันหยุดพิเศษ เพื่อที่จะได้มีวันหยุดระยะยาวหลายวันเพื่อให้ประชาชนเดินทางออกไปท่องเที่ยวเพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ

แต่นั่นคือเหตุการณ์เมื่อปีที่แล้ว แต่เมื่อมาพิจารณาสถานการณ์ในปีนี้ จะต้องมีมาตรการเข้มงวดขึ้นในมาตรการสาธารณสุขและทาง ศบค. ได้ขอความร่วมมือให้ประชาชนหลีกเลี่ยงการเดินทางข้ามจังหวัด ดังนั้น เมื่อพิจารณาสถานการณ์ในปัจจุบันแล้ว ครม. จึงมีมติเห็นชอบให้ยกเลิกประกาศที่เคยให้วันอังคารที่ 27 กรกฎาคมเป็นวันหยุดพิเศษ

ส่วนประชาชนที่เคยวางแผนเรื่องการเดินทางในช่วงวันหยุดยาวดังกล่าวนั้น ครม. กำชับให้ภาคราชการและหน่วยงานส่วนที่เกี่ยวข้อง ให้อำนวยความสะดวกแก่ประชาชนในเรื่องการยกเลิกตั๋วเดินทางหรือการจองที่พักเพื่อให้ความสะดวกกับประชาชนด้วย


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

รมว.เฮ้ง ส่งมอบปลากระป๋องและไข่ไก่แก่สมาคมก่อสร้างไทย ช่วยเหลือตามมาตรการปิดแคมป์คนงาน สู้ภัยโควิด-19

นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ส่งมอบปลากระป๋องจำนวน 90,000 กระป๋อง และไข่ไก่จำนวน 250,000 ฟอง แก่ นายปิติพันธุ์ ธนศรีวนิชชัย รองเลขาธิการ สมาคมอุตสาหกรรมก่อสร้างไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ เป็นผู้รับมอบ โดยมี นางธิวัลรัตน์ อังกินันทน์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน นางเธียรรัตน์ นะวะมะวัฒน์ โฆษกกระทรวงแรงงาน (ฝ่ายการเมือง) นายสุทธิ สุโกศล ปลัดกระทรวงแรงงาน พร้อมด้วยผู้บริหารระดับสูงกระทรวงแรงงาน เข้าร่วมในครั้งนี้ด้วย ณ ห้องจัตุมงคล ชั้น 6 อาคารกระทรวงแรงงาน 

นายสุชาติ กล่าวว่า ท่าน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม และกระทรวงแรงงานภายใต้การกำกับดูแลของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้มีความห่วงใยพี่น้องผู้ใช้แรงงานจากกรณีที่ทาง ศบค.มีมติให้ปิดแคมป์คนงานก่อสร้าง งดการเดินทางและเคลื่อนย้ายแรงงานในพื้นที่จังหวัดสีแดงเข้ม ได้แก่ กรุงเทพมหานคร ปทุมธานี นนทบุรี สมุทรสาคร สมุทรปราการ นครปฐม เป็นเวลา 1 เดือน เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในคลัสเตอร์แคมป์คนงานนั้น และได้มอบหมายให้กระทรวงแรงงานดูแลแรงงานที่ได้รับผลกระทบในครั้งนี้โดยการจ่ายเยียวยาสิทธิประโยชน์ทดแทนกรณีว่างงาน 50 เปอร์เซ็นของค่าจ้างนั้น

“ในวันนี้กระทรวงแรงงาน ขอขอบคุณภาคเอกชนอย่างบริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป ที่ได้มอบปลากระป๋อง 90,000 กระป๋อง บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร หรือซีพีเอฟที่ได้มอบไข่ไก่ 200,000 ฟอง และบริษัทในเครือแสงทอง-อัครา ได้มอบไข่ไก่ 50,000 ฟอง ที่ร่วมแรงร่วมใจกับภาครัฐ สนับสนุนเครื่องอุปโภคบริโภค ซึ่งกระทรวงแรงงานได้ส่งมอบให้แก่สมาคมอุตสาหกรรมก่อสร้างไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ เพื่อนำไปช่วยเหลือพี่น้องผู้ใช้แรงงานตามมาตรการปิดแคมป์คนงานต่อไป” นายสุชาติ กล่าวในท้ายสุด

“เรืองไกร” ลุยยื่น “ชวน” เองขอรายละเอียดยิบปมใช้รถหลวงผิดระเบียบหรือไม่ จ่อสอบ จนท.รายอื่นอีก

นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ กรรมาธิการงบประมาณ 65 กล่าวว่า ในวันที่ 30 มิ.ย. ต้นจะเดินทางไปยื่นหนังสือต่อนายชวน หลีกภัย ประธานสภาฯ เพื่ ฝอขอข้อมูลรถประจำตำแหน่ง ทะเบียน ฮภ 2882 กรุงเทพมหานคร เพื่อประกอบการพิจารณางบประมาณรายจ่าย พ.ศ.2565 ของสำนักงานเลขาธิการสภาฯ และเพื่อประกอบการตรวจสอบรถประจำตำแหน่งของเจ้าหน้าที่ของรัฐรายอื่น ๆ ต่อไปด้วย ทั้งนี้ ประธานรัฐสภาและประธานสภาฯ ตามปกติมีหน้าที่และอำนาจตามรัฐธรรมนูญ ตามข้อบังคับ ตามกฎหมาย ที่เกี่ยวข้องอย่างไรบ้าง ขอเอกสารประกอบการพิจารณาด้วย รถทะเบียน ฮภ 2882 ถูกใช้เป็นรถประจำตำแหน่งประธานรัฐสภา หรือประธานสภาฯ ซึ่งมีเพียงคันเดียวใช่หรือไม่ รถทะเบียน ฮภ 2882 จัดซื้อโดยเงินงบประมาณปีใด ราคาเท่าใด มีการคืนเงินงบประมาณที่เหลือหรือไม่ อย่างไร เมื่อวันที่เท่าใด ขอเอกสารการเงินการบัญชีและเอกสารประกอบดังกล่าวทั้งหมดด้วย 

นายเรืองไกร กล่าวต่อว่า รถประจำตำแหน่งคันดังกล่าว มีการจัดทำทะเบียนแยกประเภทตามข้อ 9 ของระเบียบสำนักนายกฯ ว่าด้วยรถราชการ พ.ศ.2523 ครบถ้วนหรือไม่ ขอเอกสารทะเบียนแยกประเภทดังกล่าวด้วย เพื่อประกอบการพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2565 ขอทราบข้อมูลว่ารถประจำตำแหน่งทะเบียน ฮภ 2882 มีการบันทึกบัญชีทรัพย์สินถาวร รายการยานพาหนะ ที่สำนักงานเลขาธิการสภาฯ อย่างไร มีอายุการใช้งานกี่ปี มีการคิดค่าเสื่อมราคาปีละเท่าใด ค่าเสื่อมราคาสะสม ณ วันที่ 30 ก.ย.63 เป็นเท่าใด เก็บรักษาที่อยู่ในความควบคุมและความรับผิดชอบของใคร สภาฯ มีการซ่อมบำรุงอย่างไร ขอรายละเอียดประวัติการซ่อมบำรุง รวมทั้งเอกสารการเงินการบัญชีและใบเสร็จด้วย นอกจากนี้มีการตรวจสอบมลพิษ ทุกระยะเวลา 6 เดือน หรือทุกระยะ 15,000 กิโลเมตรหรือไม่ ขอหลักฐานการตรวจสอบมลพิษด้วย มีการทำประกันภัยอย่างไร มีการต่อทะเบียนรถครบถ้วนเป็นประจำทุกปี หรือไม่ ขอเอกสารที่เกี่ยวข้องด้วย มีการใช้โดยเป็นไปตามเงื่อนไขข้อ 13 ของระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยรถราชการ พ.ศ.2523 โดยถูกต้องครบถ้วนหรือไม่ เคยมีการนำไปใช้นอกเหนือหน้าที่ปกติตามข้อ 19 วรรคสาม ของระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยรถราชการ พ.ศ.2523 หรือไม่

นายเรืองไกร กล่าวอีกว่า รถประจำตำแหน่งคันดังกล่าว มีการเติมน้ำมันด้วยเงินของประธานรัฐสภาเองตามเงื่อนไขข้อ 21 ของระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยรถราชการ พ.ศ. 2523 หรือไม่ ขอบิลค่าน้ำมันมาประกอบการพิจารณาด้วย นอกจากนี้มีการนำไปใช้แจกหน้ากากอนามัยซึ่งรับบริจาคมาในนามมูลนิธิฯ ตามคำร้องที่เกี่ยวข้องไปแล้วทั้งหมดกี่ครั้ง กี่วัน ที่ไหนบ้าง เวลาใด มีใครร่วมบ้าง มีรายงานการเดินทางไปปฏิบัติภารกิจดังกล่าวแต่ละครั้งหรือไม่ จึงเรียนมาเพื่อขอให้ท่านประธานสภาฯ ได้สั่งการให้ผู้มีหน้าที่เกี่ยวข้อง ได้ชี้แจงและจัดส่งเอกสารข้อมูลรถประจำตำแหน่ง ทะเบียน ฮภ 2882 กรุงเทพมหานคร ให้ตนโดยเร็ว เพราะจะนำไปเป็นกรณีตัวอย่างที่สามารถตรวจสอบได้ เพื่อประกอบการพิจารณางบประมาณรายจ่าย พ.ศ. 2565 ของสำนักงานเลขาธิการสภาฯ และเพื่อประกอบการตรวจสอบรถประจำตำแหน่งของเจ้าหน้าที่ของรัฐรายอื่นๆ ต่อไปด้วย

ครม.เคาะเยียวยาลูกจ้าง-นายจ้าง เจอปิดกิจการ 1 เดือน

นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมครม. เห็นชอบในหลักการมาตรการบรรเทาผลกระทบต่อกลุ่มแรงงานและผู้ประกอบการ ที่ได้รับผลกระทบจากข้อกำหนดควบคุมไวรัสโควิด-19 ฉบับที่ 25 ทั้งแรงงานและผู้ประกอบการที่อยู่ในระบบประกันสังคม และนอกระบบ ในกิจการก่อสร้าง กิจการที่พักแรมและบริการด้านอาหาร กิจกรรมสาขาศิลปะ ความบันเทิงและนันทนาการ และกิจกรรมบริการด้านอื่น ๆ ในระยะเวลา 1 เดือน 

สำหรับรูปแบบการช่วยเหลือ กลุ่มแรก คือ แรงงานที่เป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 33 สัญชาติไทย ซึ่งเป็นเงินช่วยเหลือเพิ่มเติม ในอัตรา 2,000 บาทต่อคน ซึ่งเป็นการให้ความช่วยเหลือเพิ่มเติมจากการให้ความช่วยเหลือผ่านระบบประกันสังคมที่ได้มีการให้ความช่วยเหลือแก่ลูกจ้างและนายจ้างตามกฎกระทรวงการได้รับประโยชน์ทดแทนในกรณี ว่างงานเนื่องจากมีเหตุสุดวิสัยอันเกิดจากการระบาดของโรคติดต่ออันตรายตามกฎหมายว่าด้วยโรคติดต่อ พ.ศ. 2563 ในอัตรา 50% ของค่าจ้างรายวัน สูงสุดไม่เกิน 7,500 บาท ตลอดระยะเวลาที่มีคำสั่งปิดสถานที่ แต่ไม่เกิน 90 วัน

กลุ่มที่ 2 ผู้ประกอบการหรือนายจ้าง จะได้รับความช่วยเหลือตามจำนวนลูกจ้างสูงสุดไม่เกิน 200 คน ในอัตรา 3,000 บาทต่อคน และกลุ่มที่ 3 ผู้ประกอบการหรือนายจ้างที่ไม่ได้อยู่ในระบบประกันสังคม แยกเป็น 3 กรณี คือ กรณีที่เป็นผู้ประกอบการที่มีลูกจ้าง ให้ลงทะเบียนกับสำนักงานประกันสังคมภายในเดือนก.ค.64 จะได้รับเงินช่วยเหลือตามจำนวนลูกจ้างสูงสุด ไม่เกิน 200 คน ในอัตรา 3,000 บาทต่อคน และลูกจ้างที่เป็นสัญชาติไทยจะได้รับความช่วยเหลือในอัตรา 2,000 บาทต่อคน 

กรณีที่เป็นผู้ประกอบการที่ไม่มีลูกจ้างให้ลงทะเบียน ผ่านแอปพลิเคชันถุงเงิน ผ่านโครงการคนละครึ่ง ภายในเดือนก.ค.เช่นกัน โดยผู้ประกอบการ จะได้รับความช่วยเหลือในอัตรา 3,000 บาท และกรณีที่เป็นผู้ประกอบการร้านอาหาร เครื่องดื่ม ของโครงการคนละครึ่งที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนกับสำนักงานประกันสังคม เนื่องจากไม่มีลูกจ้าง จะได้รับการช่วยเหลือในอัตรา 3,000 บาท สำหรับผู้ประกอบการที่อยู่ในโครงการคนละครึ่งและมีลูกจ้างแต่ยัง ไม่อยู่ในระบบประกันสังคมให้ลงทะเบียนกับสำนักงานประกันสังคมภายในเดือน ก.ค.นี้ 

โฆษกฯ รัฐ แจงแทน “บิ๊กตู่” อ้างคนงานหนีออกจากแคมป์จำนวนไม่มาก เหตุรัฐยังไม่ชัดเจนมาตรการช่วยเหลือ “ห่วง” เอกชนไม่สนนโนบายเวิร์คฟอร์มโฮม

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ตอบคำถามแทนพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ กรณีการปิดแคมป์งานทำให้มีแรงงานส่วนหนึ่งหนีกลับจังหวัดทำให้คนในพื้นที่ต่างจังหวัดเกิดความกลัวเรื่องการกระจายของเชื้อไวรัสโควิด-19 ว่า เรื่องนี้ได้รับคำชี้แจงจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานเบื้องต้นจากที่ได้มีการประชุมกับสมาคมอุตสาหกรรมก่อสร้างไทยในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยได้รับการยืนยันว่าการที่มีประกาศปิดแคมป์คนงานแล้วมีกระแสข่าวคนงานออกจากพื้นที่กลับภูมิลำเนานั้น ภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องกับสมาคมอุตสาหกรรมก่อสร้างไทยยืนยันว่า เป็นจำนวนน้อยเท่านั้นที่เดินทางกลับภูมิลำเนา เนื่องจากขณะนั้นอาจจะยังไม่ทราบถึงมาตรการที่รัฐบาลจะให้ความช่วยเหลือ บางแคมป์มีคนงาน 800-900 คน ก็ยอมรับว่ามีคนงานกลับภูมิลำเนาจริงแต่มีจำนวนเพียงไม่กี่สิบคนเท่านั้น ดังนั้น การใช้คำว่าผึ้งแตกรัง อาจจะไม่ใช่อย่างนั้นทั้งหมดนอกจากนี้ เมื่อกระทรวงแรงงานมีมาตรการเยียวยาต่างๆแล้ว จะมีการเข้าไปควบคุมดูแลร่วมกับฝ่ายความมั่นคง เข้าไปดูแลเรื่องอาหารการกิน ความเป็นอยู่ และการตรวจเช็คชื่อและจ่ายเงินสดทุกๆ 5 วัน ให้กับแรงงานและแคมป์คนงานด้วย

นายอนุชา กล่าวว่า ส่วนที่เกี่ยวกับพื้นที่ต่างจังหวัด ได้มีการประสานกระทรวงมหาดไทย และคนในพื้นที่จังหวัดนั้นๆให้พิจารณาให้ความสำคัญกับผู้ที่เดินทางมาจากพื้นที่เสี่ยง ดังนั้น การเดินทางกลับจะมีการพิจารณาโดยกระทรวงาธารณสุข และกระทรวงมหาดไทยที่ดูแลในพื้นที่อยู่ โดยที่ผ่านมาจะมีแต่ละจังหวัดประกาศให้ผู้ที่เดินทางมาจาก 10 จังหวัดเสี่ยงกักตัว และรายงานตัวกับผู้นำชุมชน หรืออสม. แต่อย่างไรก็ตาม จนถึง ณ วันนี้ เราได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากภาคเอกชนที่ควบคุมแคมป์คนงานไม่ให้เดินทางกลับภูมิลำเนา หรือออกจากแคมป์ 

เมื่อถามว่า นายกฯเป็นห่วงหรือไม่ที่มีบริษัทเอกชนหลายบริษัทเริ่มไม่ใช้มาตรการเวิร์คฟอร์มโฮม หรือทำงานที่บ้านแล้ว นายอนุชา กล่าวว่า นายกฯมีความเป็นห่วงในกรณีนี้ และอยากขอความร่วมมือจากภาคเอกชนในการให้พนักงานได้ทำงานที่บ้านเหมือนช่วงก่อนหน้านี้ โดยส่วนราชการนายกฯ ได้กำชับหน่วยงานต่างๆพิจารณาอย่างเข้มงวดในการให้พนักงานราชการในหน่วยงานต่างๆดำเนินการในลักษณะเดียวกันจนกว่าสถานการณ์จะดีขึ้นกว่าปัจจุบัน 

เมื่อถามว่า ตัวเลขผู้ติดเชื้อที่เพิ่มสูงขึ้น 400-5,000 คน สะท้อนว่าไม่สามารถควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 หรือไม่ และจะทำให้ตัวเลขลดลงได้อย่างไร นายอนุชา กล่าวว่า จากมาตรการที่รัฐบาลมีการออกประกาศมา เป็นส่วนหนึ่งในการควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งทั้งหมดต้องหวังว่าประชาชนจะเข้าใจที่ต้องดำเนินการในลักษณะเช่นนี้เพื่อให้การควบคุมการแพร่ระบาดมีประสิทธิภาพ

เมื่อถามถึงมาตรการช่วยเหลือศิลปิน ลูกจ้างฟรีแลนซ์ และผู้ประกอบการสถานบันเทิงที่ถูกสั่งปิดมานานหลานเดือน นายอนุชา กล่าวว่า นายกฯได้มีการพูดคุยกับทางทีมเศรษฐกิจว่านอกเหนือจากการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากการออกระเบียบฉบับล่าสุดแล้ว ผู้ประกอบการรายอื่นๆ นายกฯ ได้ให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องพิจาณรามาตรการออกมาเยียวยาให้เร็วที่สุด 

เมื่อถามถึงกรณีบางจังหวัดระงับการฉีดวัคซีนให้กับคนอายุ 60 ปี และผู้ที่เป้นกลุ่มเสี่ยง 7 โรค โดยระบุวัคซีนไม่เพียงพอ นายอนุชา กล่าวว่า ที่ได้มีการเจรจากับผู้ผลิตวัคซีน เช่น แอสตราเซเนกา ก็ยังยืนยันที่จะส่งมอบวัคซีนให้รัฐบาลไทยในจำนวนเป้าหมายเดิมที่ได้มีการเจรจากันไว้ที่ 61 ล้านโดส ซึ่งในเดือนมิถุนายนนี้ ยืนยันแล้วว่าที่จะมีการส่งมอบ 6 ล้านโดสก็ยังเป็นไปตามที่ได้พูดคุยกันไว้ เช่นเดียวกันกับวัคซีนอื่นๆ ที่จะมีเพิ่มเติมเข้ามาอย่างต่อเนื่อง เช่น ชิโนแว็กที่ได้รับการยืนยันจากประเทศจีนแล้ว และในที่ประชุม ครม. ก็ได้รับทราบว่าประเทศญี่ปุ่นจะส่งวัคซีนให้กับไทยจำนวน 1 ล้าน 5 หมื่นโดส ภายในต้นเดือนกรกฎาคมนี้ ทั้งนี้ นายกฯได้ให้ความสำคัญกับการฉีดวัคซีนให้ผู้สูงอายุ และ 7 โรคกลุ่มเสี่ยง ได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เก่ยวข้องจัดลำดับความสำคัญให้ผู้ที่ลงทะเบียนในหมอพร้อมได้รับการฉีดวัคซีนโดยเร็วที่สุด

เมื่อถามว่าวัคซีนซิโนแว็กอาจจะป้องกันไวรัสสายพันธุ์อื่นได้ไม่ดีพอ จะมีการทบทวนการนำเข้าหรือไม่ นายอนุชา กล่าวว่า เรื่องนี้ นายกฯได้พูดคุย และหารือกับที่ปรึกษาด้านสาธารณสุขเพื่อบริหารจัดการวัคซีนแล้ว ในการนำวัคซีนยี่ห้องอื่น ๆ เข้ามา เพื่อให้คนไทยมีภูมิคุ้มกันทั้งนี้ รัฐบาล และบุคลากรทางการแพทย์อยากให้ทุกท่านได้ฉีดวัคซีนที่รัฐบาลหามา หรือวัคซีนทางเลือกอื่น ๆ เพราะการฉีดวัคซีนจำทำให้เกิดภูมิ และเมื่อติดเชื้อแล้วการที่จะมีอาการรุนแรง และการเสียชีวิตจะน้อยลง

ผบ.ทบ. กำชับหน่วย จัดกำลังหนุน ศบค. ดูแลแคมป์ก่อสร้าง 10 จังหวัด ซีลพื้นที่ระงับเคลื่อนย้าย พร้อมรับทหารใหม่เข้าหน่วยแบบปลอดโควิด ชูนโยบายฝึกทักษะชีวิตวิถีใหม่ 

ที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) พล.ท.สันติพงศ์ ธรรมปิยะ โฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า ตามที่ ศบค. ได้ออกประกาศข้อกำหนดฉบับที่ 25 เกี่ยวกับมาตรการเร่งด่วนเพื่อสกัดกั้นการระบาดในพื้นที่เป้าหมายเฉพาะ ควบคุมที่พักแรงงานและเขตก่อสร้างที่มีความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาด COVID ใน กทม., ปริมณฑล และ จชต. รวม 10 จังหวัด มีผลตั้งแต่ 28 มิ.ย. 64 และศูนย์ปฏิบัติการด้านความมั่นคงกองทัพบก ได้รับมอบภารกิจให้เข้าควบคุมดูแลพื้นที่แคมป์คนงานตามมาตรการดังกล่าวนั้น 

พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ได้กำชับให้ทุกกองทัพภาคบูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่รับผิดชอบและสนับสนุนในมาตรการดังกล่าวอย่างเต็มขีดความสามารถเกิดประสิทธิภาพสูงสุด โดยเฉพาะการควบคุมพื้นที่ให้มีความปลอดภัยในการป้องกันเชื้อ ทั้งกับคนงานและเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงาน ที่ต้องดำรงมาตรการพิทักษ์พลอย่างเคร่งครัด เพื่อร่างกายแข็งแรงพร้อมปฏิบัติภารกิจ ควบคู่ไปกับการขอความร่วมมือให้ทุกส่วนในพื้นที่เสี่ยงปฏิบัติตามมาตรการเร่งด่วนของ ศบค. ทั้งนี้ในพื้นที่ กทม. ซึ่งกองทัพบกได้รับมอบหมายให้ดูแลใน 27 เขตนั้น กองทัพบกโดยกองทัพภาคที่ 1 ได้จัดกำลังร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจและเทศกิจเข้าดูแลควบคุมแคมป์ที่เกิดการแพร่ระบาดตามที่ กทม. กำหนดแล้ว 45 แห่ง สำหรับในเขตปริมณฑลและ จชต. กองทัพภาคที่ 1 และ 4 ก็ได้ดำเนินการร่วมกับทางจังหวัดตรวจสอบพื้นที่เพื่อควบคุมแคมป์คนงานที่เกิดคลัสเตอร์ในรูปแบบเดียวกัน รวมทั้งการจัดตั้งจุดตรวจร่วมควบคุมการเคลื่อนย้ายแรงงานข้ามพื้นที่ในช่วง 30 วันจากนี้ โดยรัฐบาลได้ให้ความเร่งด่วนในการฉีดวัคซีนให้กับเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงาน เพื่อให้เกิดความปลอดภัยจากการปฏิบัติหน้าที่ในครั้งนี้ 

อย่างไรก็ตามเพื่อเป็นการบรรเทาและช่วยเหลือประชาชน ผู้บัญชาการทหารบกยังได้กำชับให้หน่วยทหารเข้าช่วยอุดหนุนผู้ประกอบการร้านค้าที่ได้รับผลกระทบในช่วงมาตรการเฉพาะด้วย พร้อมมองว่าในสถานการณ์ COVID-19 ในปัจจุบันทุกภาคส่วนต้องร่วมกันจำกัดการแพร่ระบาดและปฏิบัติตนตามมาตรการป้องกันโรคอย่างเคร่งครัด ลดจำนวนผู้ป่วยเข้าสู่ระบบการรักษา รวมทั้งผู้เสียชีวิต ซึ่งในห้วง 2 เดือนที่ผ่านมาในพื้นที่ กทม. กองทัพบกได้อนุเคราะห์ฌาปนสถาน 3 แห่ง เพื่อจัดพิธีเผาศพให้กับผู้เสียชีวิตจาก COVID-19 แล้วถึง 232 ราย ล่าสุด กองทัพบกจะได้ประสานกับวัดต่าง ๆ ในพื้นที่ กทม. เพื่อร่วมเป็นสถานที่จัดพิธีเผาศพผู้เสียชีวิตจาก COVID-19 โดยจะสนับสนุนเจ้าหน้าที่และอุปกรณ์ น้ำยาฆ่าเชื้อ ให้กับทางวัด เพื่อช่วยเหลือบรรเทาทุกข์ให้กับญาติผู้เสียชีวิตและเป็นทางเลือกในการจัดพิธีศพต่อไป

และจากการที่กองทัพบกจะดำเนินการรับทหารใหม่ ผลัด 1/64 ซึ่งหน่วยฝึกทหารใหม่ทั่วประเทศได้มีการเตรียมมาตรการป้องกัน COVID-19 อย่างเคร่งครัด ตั้งแต่การรายงานตัว การเดินทาง พิธีแรกรับเข้าสู่หน่วยทหาร ที่สำคัญจะมีการตรวจคัดกรองและเตรียมการด้านการแพทย์รองรับผู้ที่มารายงานตัวเข้าประจำการแล้วตรวจพบว่ามีการติดเชื้อ COVID-19 รวมถึงการฉีดวัคซีนให้กับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องและทหารใหม่ โดยกองทัพบกเตรียมแผนฉีดวัคซีนให้กับทหารใหม่ทุกนายในสัปดาห์แรกที่เข้าประจำการ

 อย่างไรก็ตาม ผู้บัญชาการทหารบกให้ความสำคัญกับการดูแลทหารกองประจำการให้เป็นไปแบบวิถีใหม่อย่างเคร่งครัด นอกเหนือจากการบ่มเพาะให้มีวินัยด้านการทหาร โดยมอบให้หน่วยทหารพิจารณาปรับรูปแบบการฝึกและวิถีชีวิตความเป็นอยู่ภายในหน่วยทหารในทุกกิจการกิจกรรม รวมถึงการฝึกทหารกองประจำการทุกนายให้เกิดทักษะในเรื่องการดำเนินชีวิตวิถีใหม่ ในการปฏิบัติงานและการดำเนินชีวิตประจำวัน

การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) อนุมัติจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมใหม่ 1 แห่ง คาดหลังก่อสร้างแล้วเสร็จและเปิดดำเนินการจะสร้างเม็ดเงินลงทุนในประเทศอีกประมาณ 64,000 ล้านบาท เกิดอัตราการจ้างงานเพิ่มขึ้นประมาณ 16,000 คน! 

การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) อนุมัติจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมใหม่ 1 แห่ง พื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) รองรับอุตสาหกรรมเป้าหมาย และอุตสาหกรรมที่ได้รับการส่งเสริมในพื้นที่อีอีซี คาดหลังก่อสร้างแล้วเสร็จและเปิดดำเนินการจะสร้างเม็ดเงินลงทุนในประเทศอีกประมาณ 64,000 ล้านบาท เกิดอัตราการจ้างงานเพิ่มขึ้นประมาณ 16,000 คน!  

นายวีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) เปิดเผยว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ ที่ประชุมคณะกรรมการ กนอ. (บอร์ด กนอ.) อนุมัติให้จัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมใหม่ 1 แห่ง โดยร่วมดำเนินงานกับบริษัท เอเพ็กซ์ ปาร์ค จำกัด ในรูปแบบของนิคมอุตสาหกรรมร่วมดำเนินงาน ซึ่งเป็นการเพิ่มพื้นที่เพื่อรองรับการลงทุนในพื้นที่อีอีซี การขยายตัวของอุตสาหกรรมเป้าหมาย S-Curve และ New S-Curve และอุตสาหกรรมที่ได้รับการส่งเสริมตามโครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ตอบสนองนโยบายส่งเสริมและสนับสนุนการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมในพื้นที่ที่มีศักยภาพตามยุทธศาสตร์ของประเทศเชิงพื้นที่ (Area based) โดยเอกชนเป็นผู้ลงทุนพัฒนาและให้บริการระบบสาธารณูปโภคภายใต้การกำกับของ กนอ.  

โครงการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมเอเพ็กซ์กรีน อิสดัสเตรียล เอสเตท ตั้งอยู่ในท้องที่ตำบลหัวสำโรง และตำบลแปลงยาว อำเภอแปลงยาว จังหวัดฉะเชิงเทรา พื้นที่ประมาณ 2,191 ไร่ โดยที่ตั้งของโครงการฯ อยู่ห่างจากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิประมาณ 80 กิโลเมตร ท่าเรือพาณิชย์แหลมฉบัง ประมาณ 100 กิโลเมตร สนามบินอู่ตะเภา ประมาณ 120 กิโลเมตร ห่างจากท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด ประมาณ 130 กิโลเมตร ห่างจากนิคมอุตสาหกรรมเกตเวย์ซิตี้ ประมาณ 10 กิโลเมตร และนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ชลบุรี ประมาณ 50 กิโลเมตร 

สภาพพื้นที่โครงการเป็นพื้นที่ดอนที่ไม่มีความเสี่ยงต่อน้ำท่วมถึง ในส่วนของตัวโครงการแบ่งพื้นที่เป็นพื้นที่เขตอุตสาหกรรมทั่วไปประมาณ 1,600 ไร่ พื้นที่สาธารณูปโภค พื้นที่สีเขียว และแนวกันชนประมาณ 591 ไร่ 

โดยคาดว่าจะใช้ระยะเวลาพัฒนาพื้นที่ทั้งหมดและเปิดให้บริการได้ภายใน 2 ปี ซึ่งหลังจากเปิดดำเนินการแล้วจะก่อให้เกิดมูลค่าการลงทุนประมาณ 64,000 ล้านบาท เกิดการจ้างแรงงานเพิ่มขึ้นประมาณ 16,000 คน ในกลุ่มอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์โลหะ เครื่องจักร และอุปกรณ์ขนส่ง กลุ่มอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ กลุ่มเกษตรกรรมและผลผลิตจากการเกษตรที่มีความต้องการใช้น้ำต่ำ กลุ่มอุตสาหกรรมเบา กลุ่มอุตสาหกรรมบริการและสาธารณูปโภค กลุ่มการพัฒนาอุตสาหกรรมโดยใช้เทคโนโลยีขั้นสูง และกลุ่มอุตสาหกรรมที่ได้รับการส่งเสริมตามโครงการในพื้นที่อีอีซี  

“โครงการฯ ดังกล่าวสนองตอบต่อนโยบายการพัฒนาพื้นที่อีอีซีของรัฐบาล ซึ่งที่ผ่านมามีการขับเคลื่อนและพัฒนาพื้นที่มาอย่างต่อเนื่อง ทั้งการวางโครงสร้างพื้นฐานในระบบสาธารณูปโภค อาทิ รถไฟฟ้าความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน สนามบินอู่ตะเภาเมืองการบินภาคตะวันออก ท่าเรือแหลมฉบังระยะที่ 3 ท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด ระยะ 3 และชักจูงการลงทุนและการพัฒนาอุตสาหกรรมเป้าหมาย S-Curve และ New S-Curve โดย กนอ.ได้รับมอบหมายจากรัฐบาลให้จัดเตรียมพื้นที่เพื่อรองรับนักลงทุน 

ซึ่งจากการพิจารณาข้อเสนอของโครงการจัดตั้งนิคมฯ ดังกล่าวแล้ว กนอ.เห็นว่า นอกจากศักยภาพของโครงการฯ ทั้งในด้านทำเลที่ตั้ง การเชื่อมโยงเครือข่ายด้านคมนาคมขนส่ง และโครงสร้างพื้นฐานต่าง ๆ แล้ว บริษัทฯ ยังมีความพร้อม มีฐานลูกค้า และมีประสบการณ์การดำเนินธุรกิจ ที่คาดว่าจะทำให้โครงการฯ ประสบความสำเร็จได้เป็นอย่างดี” นายวีริศ อัมระปาล กล่าว

การจัดตั้งนิคมฯ ดังกล่าว ได้นำแนวคิดนิคมอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ (Eco Industrial Town) มาประยุกต์ใช้ในการออกแบบ โดยจัดให้มีพื้นที่สีเขียวและพื้นที่แนวกันชนรอบพื้นที่โครงการฯ รวมทั้งจัดสรรพื้นที่สีเขียวภายในนิคมอุตสาหกรรม และในส่วนของน้ำทิ้งได้นำไปผ่านการบำบัดและปรับปรุงคุณภาพก่อนนำกลับไปใช้ประโยชน์ใหม่ (Recycle) เพื่อลดอัตราการระบายน้ำทิ้งออกนอกพื้นที่ ใช้แนวคิดออกแบบอาคารแบบอารยสถาปัตย์ และออกแบบอาคารเพื่อการอนุรักษ์พลังงาน (Green Building) ลดการใช้พลังงาน การปล่อยก๊าซเรือนกระจก และหันมาใช้พลังงานทดแทนเสริมพลังงานหลัก ซึ่งสอดคล้องและเป็นไปตามข้อบังคับของคณะกรรมการกนอ. ว่าด้วยมาตรฐานระบบสาธารณูปโภคสิ่งอำนวยความสะดวกและบริการสำหรับนิคมอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ พ.ศ. 2557 และที่แก้ไขเพิ่มเติม


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes 
คลิก????https://lin.ee/vfTXud9


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top