Saturday, 17 May 2025
NewsFeed

ณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ส.ส. เขตบางขุนเทียน และโฆษกพรรคก้าวไกล กล่าวแสดงความเห็นต่อแนวทางบริหารสถานการณ์โควิด-19 โดยเฉพาะการลักหลับออกคำสั่งปิดแคมป์แรงงานเป็นเวลา 30 วัน ว่า...

ณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ส.ส. เขตบางขุนเทียน และโฆษกพรรคก้าวไกล กล่าวแสดงความเห็นต่อแนวทางบริหารสถานการณ์โควิด-19 โดยเฉพาะการลักหลับออกคำสั่งปิดแคมป์แรงงานเป็นเวลา 30 วัน ว่า...

คำสั่งดังกล่าวไม่ได้ออกมาเพื่อบริหารสถานการณ์วิกฤติโควิดที่เกิดขึ้น ซึ่งต้องยอมรับว่านี่คือเข้าสู่ระลอก 4 แล้ว โดยการกระจายเชื้อเกิดขึ้นเป็นวงกว้างไม่ใช่เฉพาะในแคมป์แรงงานหรือร้านอาหารเท่านั้น แต่สามารถจะพบได้จากชีวิตประจำวันในชุมชน หมู่บ้าน หอพัก คอนโดมิเนียม ที่ทำงาน แต่การสั่งที่เน้นลงไปที่แรงงาน เป็นเรื่องของการที่ พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะนายกรัฐมนตรีที่นั่งเป็นประธานสารพัดชุดเฉพาะกิจ ไม่ว่าจะเป็น ประธานศูนย์อำนวยการจัดการวัคซีนแบบ Single Command, ผู้อำนวยการ ศบค.กรุงเทพและปริมณฑล, ผู้อำนวยการ ศบค. และประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ ที่ได้รวบอำนาจใน พ.ร.บ. ทั้ง 31 ฉบับจากสาธารณสุขและหน่วยงานมาไว้กับตนเอง ต้องการหาแพะมารับบาปแทนตัวเองที่ไม่สามารถบริหารสถานการณ์ได้ หรือต้องบอกว่าเป็นตัวการสำคัญที่ลากให้สถานการณ์เดินมาถึงจุดนี้ได้

“การโทษไปที่แคมป์แรงงาน ก็เพื่อบอกชาวกรุงเทพว่าคนกลุ่มนี้เป็นต้นเหตุของตัวเลขที่พุ่งสูงในช่วงนี้ทั้งที่สถานการณ์ที่เป็นจริงไม่ใช่อย่างนั้นเสียทั้งหมด ในสถานการณ์นี้ยังมีคนทำงานหรือคนกรุงเทพทั่วไปอย่างพวกเราที่ต้องออกไปทำงานแลกข้าว แลกอาหาร แลกค่าแรง ที่หยุดงานไม่ได้และยังสามารถที่จะกระจายเชื้อได้อยู่ดี แต่อาจเป็นเพราะแรงงานเป็นกลุ่มที่มีปากเสียงในสังคมน้อยอยู่แล้ว จึงทำให้รัฐบาลเลือกพวกเขามาเป็นเหยื่อรองรับอารมณ์ของสังคมแทนตัวเองในครั้งนี้ และพยายามตีเนียนหาวิธีลดตัวเลขผู้ติดเชื้อและการหาเตียงในกรุงเทพฯ ด้วยการลักหลักออกประกาศปิดแคมป์ตอนตี 1 เป้าหมายเพื่อให้เกิดความโกลาหลและให้คนรีบกลับต่างจังหวัดก่อนประกาศจะมีผลบังคับใช้จริง กรุงเทพฯ จะได้มีเตียงเหลือพอ

โร้ดแม็ปนี้เป็น พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เองที่หลุดพูดออกมา การกระทำแบบนี้ต้องบอกว่าเลวร้ายมากเพราะนอกจากวิกฤติในกรุงเทพฯ จะไม่ลดแล้วยังจะเป็นการส่งเชื้อให้กระจายไปทั่วประเทศอีกด้วย และถ้าเกิดสถานการณ์นั้นเมื่อไหร่ เชื่อได้เลยว่า พล.อ.ประยุทธ์ก็จะออกมาด่าตราหน้าพวกเขาว่าไม่มีความรับผิดชอบต่อสังคม ทั้งที่สถานการณ์นี้เป็นท่านเองที่สร้างมันขึ้นมาทั้งนั้น”

ณัฐชา กล่าวว่า การกระทำกับแรงงานเช่นนี้คือภาพสะท้อนอย่างชัดเจนว่า รัฐบาลนี้มองคนไม่เท่ากันมาโดยตลอด และบริหารวิกฤติอย่างอำมหิต แรงงานคือคนอีกระดับที่จะถูกจัดการอย่างไรก็ได้ ทั้งที่ความจริงแล้วสิ่งที่แรงงานต้องการก็ไม่ต่างจากคนอื่นในประเทศนี้ เขาต้องการได้รับการตรวจที่รัฐบาลต้องตรวจเชิงรุก เขาต้องการพื้นที่กักตัวแยกตัวที่ได้รับการดูแลอย่างเป็นมนุษย์ไม่ใช่คุกสังกะสีที่เรียกว่าแคมป์คนงานที่มีทหารเฝ้าคุม เขาต้องการหมอพยาบาลและการรักษาเมื่อเจ็บป่วย และเขาก็ต้องการการชดเชยเยียวยาอย่างสมเหตุสมผลเมื่อมีคำสั่งของรัฐมากระทบ ตนเชื่อว่า หากพวกเขาได้รับการปฏิบัติอย่างให้เกียรติ ยอมรับ และเข้าใจ ไม่ว่ามาตรการจะเข้มงวดแค่ไหนเขาก็ยินดีจะปฏิบัติตาม

“ถ้ารัฐบาลมองคนเท่ากันจะไม่มีประกาศลักหลับเช่นนี้ออกมา สิ่งที่ผู้นำที่มีวุฒิภาวะทั่วโลกทำให้เห็นตลอด คือทุกครั้งที่เขาจะมีมาตรการใดออกมากระทบต่อพี่น้องประชาชน เขามักเริ่มต้นด้วยคำขอโทษ เริ่มต้นด้วยความเห็นใจและเริ่มต้นด้วยการชี้แจงถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้น จากนั้นเขาจะพูดถึงวิธีการดูแลเยียวยาที่เขาจะทำเพื่อชดเชยผลกระทบเหล่านี้ ไม่ใช่เริ่มต้นด้วยการแถลงข่าวอย่างยิ้มแย้มเล่นมุกกันในวันที่ผู้ติดเชื้อพุ่งไปกว่า 4,000 คนต่อวัน และมีผู้เสียชีวิตมากขึ้นเรื่อย ๆ ไม่ใช่เริ่มต้นด้วยการลักหลับออกคำสั่งโดยไม่พูดถึงการเยียวยาอะไรเลยและหายหน้าไปเพราะติดเสาร์อาทิตย์ ผมคิดว่าหากเราจะต้องมีผู้นำที่ไร้วุฒิภาวะเช่นนี้ สู้เราไม่มีเสียเลยจะดีกว่า เพราะถ้าไม่มีเรายังพอหาทางออกกันเองได้ แต่ถ้ามีแบบนี้ ต่อให้คนทั้งประเทศมีทางออก คนอย่าง พล.อ.ประยุทธ์ นี่แหละที่จะขวางทางออกไปหาความหวังของประเทศนี้ตลอดเวลา”

ณัฐชา ยังได้กล่าวต่อว่า วิกฤตของพี่น้องแรงงานที่กำลังประสบในขณะนี้ตนเองสัมผัสได้ดีในฐานะที่เคยเป็นผู้รับเหมาก่อสร้าง และอยู่ในสายงานนี้มาตลอดตั้งแต่เรียนจบในฐานะเด็กอาชีวะคนหนึ่ง การสั่งแรงงานก่อสร้างหยุดทำงานเป็นเวลาหนึ่งเดือน มันคือ ‘คำสั่งตาย’ สั่งให้พวกเขาอด สั่งให้ขาดรายได้ และจะขาดลมหายใจในท้ายที่สุด คำสั่งที่ออกมาจึงเป็นเหมือนคำสั่งของคนที่ไม่มีความเข้าใจในเรื่องนี้เลย เหตุใดตนจึงกล้าพูดเช่นนี้ นั่นก็เพราะแรงงานก่อสร้างมากกว่าร้อยละ 90 คือผู้ใช้แรงงานที่ได้รับค่าจ้างเป็นรายวัน วันไหนที่ไม่ทำงานเท่ากับว่าไม่มีรายได้

ส่วนที่พักของคนงานจะถูกสร้างและออกแบบเพื่อนอนตอนกลางคืนอย่างเดียว เวลากลางวันอาศัยอยู่ไม่ได้เพราะก่อสร้างด้วยสังกะสี อากาศจะร้อนจนแทบสุก ปกติเขาจึงทำงานเกือบ 7 วัน น้อยมากที่จะอยู่ที่แคมป์นอกจากกลับมานอน

ดังนั้น เมื่อมีการสั่งพวกเขาห้ามทำงาน จึงเท่ากับสั่งให้เขาต้องใช้ชีวิตแบบไม่มีรายได้ภายในแคมป์สังกะสีร้อน ๆ เป็นเวลาหนึ่งเดือน ซึ่งแค่อยู่จริงแค่วันสองวันก็แทบอยู่ไม่ได้แล้ว จึงไม่ต้องแปลกใจว่าเมื่อคำสั่งออกมาว่าจะต้องอยู่แบบนี้เป็นเดือน ๆ ทำไมเขาจึงตัดสินใจไปเสี่ยงตายเอาที่บ้านเกิดดีกว่า

“ล่าสุด ได้ยินว่าท่านจะชดเชยค่าแรงให้แค่ร้อยละ 50 เรื่องนี้ก็ยังไม่ชัดเจน แต่หนี้และดอกเบี้ยชัดมากและยังเดินเต็มที่ ปกติแรงงานยังสามารถลดค่าใช้จ่ายจากการกินกับไซต์งานได้ แต่เท่าที่ทราบเรื่องกระทั่งเรื่องการดูแลอาหารการกินก็ยังไม่ชัดเจน ที่ร้ายกว่านั้นคืองบเยียวยาท่านยังจะไปเอามาเงินกองทุนประกันสังคมมาใช้ จึงยิ่งเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสมมาก เพราะเงินก้อนนี้คือเงินของนายจ้างและลูกจ้างที่สะสมไว้เพื่ออนาคต ส่วนรัฐมีแต่ค้างหนี้ประกันสังคมอีกหลายหมื่นล้านบาท ไม่ยอมจ่ายแล้วยังจะไปล้วงเงินกระเป๋าของเขาเองแล้วบอกว่าเป็นเงินเยียวยาได้อย่างไร กู้เงินมาแล้วตั้งมากมายทำไมจึงไม่ใช้เงินของรัฐชดเชย เงินกองทุนประกันสังคมที่ควรจะเป็นหลักประกันความมั่นคงของคนทำงานหรือเป็นบำนาญยามแก่เฒ่าของลูกจ้างกลับถูกรัฐบาลล้วงกระเป๋ามาใช้เพื่อแก้ปัญหาความไร้ประสิทธิภาพของตัวเอง ถ้ายังทำแบบนี้ต่อไปเรื่อย ๆ กองทุนประกันสังคมก็อาจมีความเสี่ยงที่จะล้มได้”

ณัฐชา ย้ำว่า ขอเรียกร้องไปยังนายกรัฐมนตรี และศบค. รวมถึงทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและเป็นผู้ออกคำสั่งที่สิ้นคิดนี้ว่า จะต้องมีการชดเชยทันทีอย่างเต็มที่ การชดเชยในที่นี้คือการชดเชยรายได้ การรับผิดชอบต่อชีวิตข้างหลังของพวกเขา ไม่ใช่แค่การแจกอาหารแห้งให้ประทังชีวิต ภาระที่อยู่เบื้องหลังของคนงานก่อสร้าง คือครอบครัว พ่อแม่ ลูกเมีย หากพวกเขาไม่มีรายได้ อีกหลายชีวิตก็ไร้อนาคตเช่นเดียวกัน

นอกจากนี้ คำสั่งดังกล่าวไม่ได้กระทบเฉพาะแรงงานเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงผู้ที่อยู่ในธุรกิจนี้ทั้งระบบ อย่างผู้รับเหมาก่อสร้างเองก็มีผลกระทบเช่นกัน เพราะทุกครั้งที่ส่งมอบงานล่าช้าเขาก็ต้องจ่ายค่าปรับ ยังมีค่าวัสดุอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่แพงขึ้น หรือต้องสั่งใหม่ ต้นทุนเหล่านี้ใครจะเป็นผู้รับผิดชอบ จนถึงตอนนี้พี่น้องประชาชนทั้งประเทศอวดครวญ ร่ำร้อง เป็นเสียงเดียวกันว่าพวกเขาไม่ไหวแล้ว

การบริหารจัดการที่ล้มเหลวซ้ำ ๆ ของรัฐบาลเวลานี้ไม่ต่างอะไรเลยกับการบดขยี้ชีวิตของพวกเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่า เชื่อว่าสำหรับประชาชนตอนนี้คงเหลือแค่คำตอบเดียวเท่านั้นที่เขาอยากให้ความหวังเป็นจริงที่สุด นั่นก็คือ การได้เห็น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ออกไปเสียที


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

ศ.ดร.กนก บี้ ประภัตร ฉีดวัคซีนวัวแก้โรคลัมปี สกิน หลังรับปากสภาเร่งแก้ไขตั้งแต่ 17 มิ.ย. ผ่านไปเกือบสองสัปดาห์ ไร้เงาปศุสัตว์ลงพื้นที่แก้ปัญหา แถมมีไอ้โม่งโผล่ รับฉีดวัคซีนตัวละ 500-700 บาท ถาม ปศุสัตว์จังหวัดทำอะไรอยู่ เกษตรกรรอไม่ไหวแล้ว

ศ.ดร.กนก วงษ์ตระหง่าน รองหัวหน้าพรรประชาธิปัตย์ เรียกร้องให้นายประภัตร โพธสุธน รมช.เกษตรฯ รีบแก้ปัญหาโรคลัมปีสกินกำลังระบาดหนักในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และกำลังแพร่ระบาดไปในหลายพื้นที่ ของประเทศ หลังรับปากที่ประชุมสภาไว้ เมื่อวันที่ 17 มิถุนายน ยืนยันจะเร่งเยียวยาเกษตรกรด้วยอัตราค่าเสียหายใหม่พร้อมกับจัดหาวัคซีนไปฉีดวัวโดยเร็วที่สุด แต่จนถึงวันนี้ (28 มิถุนายน) เป็นเวลาเกือบสองสัปดาห์แล้ว ที่รัฐมนตรีประภัตรบอกสภาว่า สั่งการให้กรมปศุสัตว์เร่งจัดหาวัคซีนและไปฉีดวัคซีนให้วัวของเกษตรกรนั้น เกษตรกรยังไม่พบเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์ในพื้นที่เลย

มีส.ส.จำนวนหนึ่งติดต่อสอบถามไปยังปศุสัตว์จังหวัดว่าเมื่อไหร่จะไปฉีดวัคซีนให้วัวของเกษตรกรในพื้นที่ คำตอบที่ได้รับจากปศุสัตว์จังหวัดคือ “กำลังทำแผนการฉีดวัคซีน” นับเป็นคำตอบที่ไม่ตรงกับคำถามคือ “เมื่อไหร่จะไปฉีดวัคซีน” คำถามคืออะไรเกิดขึ้นที่กรมปศุสัตว์และปศุสัตว์จังหวัด ในเวลาเดียวกันกลับมีบุคคลจำนวนหนึ่งลงไปรับจ้างฉีดวัคซีนวัวให้เกษตรกร โดยคิดค่าบริการตัวละ 500-700 บาท

“เกษตรกรต้องเห็นวัวของตัวเองตายไปทีละตัวสองตัว หลายคนวัวตายจนหมดแล้ว ทำอะไรไม่ได้นอกจากนั่งนอนร้องไห้ที่บ้าน และอย่างดีที่ทำได้คือบอกส.ส.ในพื้นที่ของตนเท่านั้นวิกฤตโรคลัมปีสกินเกิดขึ้นคู่ขนานกับโรคโควิด-19 ทั้งสองโรคมีหลักการแก้ปัญหาเหมือนกัน คือ ด้วยความเร็ว ความแม่นยำ ความทั่วถึงของการแก้ปัญหา ซึ่งดูเหมือนกรมปศุสัตว์และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ยังไปไม่ถึงการแก้ปัญหาที่ถูกต้องและควรจะเป็น ถ้ากรมปศุสัตว์และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ยังคิดอะไรไม่ออก ทำอะไรไม่ถูก ผมขอเสนอข้อคิดง่าย ๆ และปฏิบัติได้ คือ

1.) อะไรที่ศบค.ทำถูกต้องให้ทำตาม

และ 2.) อะไรที่ศบค.ทำไม่ถูกต้องไม่ต้องทำซ้ำ เกษตรกรเลี้ยงวัวรอไม่ไหวแล้วจริง ๆ ครับ” ศ.ดร.กนก กล่าว

ฟาดไม่ยั้ง! รองโฆษก ปชป. สวน เรืองไกร ลามปาม‘ปธ.ชวน’ปมใช้รถลงพื้นที่แจกแมสก์ช่วยชาวบ้าน แนะสอบหัวหน้าพรรคตัวเองด้วย

นางสาวศิริภา อินทวิเชียร รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณี นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ  ให้ข่าวจะร้องต่อ ป.ป.ช. เพื่อตรวจสอบการใช้รถประจำตำแหน่ง ประธานรัฐสภา ในฐานะประธานมูลนิธิเพื่อสังคมและการศึกษาลงพื้นที่แจกหน้ากากอนามัยให้ประชาชนที่ขาดแคลนใช้สำหรับป้องกันโควิด-19

โดยยืนยันว่า การลงพื้นที่ดังกล่าวของ ประธานรัฐสภา เป็นการเดินทางลงพื้นที่เพื่อพบปะและรับฟังปัญหาของประชาชนและหน่วยงานราชการต่าง ๆ ซึ่งเป็นภารกิจหนึ่งของประธานรัฐสภาเพราะปัจจุบันมีปัญหาการขาดแคลนหน้ากากอนามัยในพื้นที่จังหวัดต่าง ๆ

ดังนั้น การลงพื้นที่มอบหน้ากากอนามัยให้กับหน่วยงานราชการและประชาชนของนายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา จึงถือเป็นการปฏิบัติภารกิจในตำแหน่งหน้าที่ของประธานรัฐสภา ในฐานะสมาชิกรัฐสภาซึ่งเป็นผู้แทนปวงชน โดยเฉพาะในสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ซึ่งประชาชนกำลังประสบปัญหาความเดือดร้อนนั้นชอบด้วยกฎหมาย หากต้องการตรวจสอบเชื่อว่าท่านชวน เองก็ยินดี เพราะท่านเป็นแบบอย่างในการปฎิบัติตามกฎหมายมาโดยตลอด และท่านเองก็กำชับในการเดินทางทุกครั้งว่าให้เดินทางเท่าที่จำเป็น ไม่ต้องมีคณะติดตาม จะมีก็แต่รถที่ช่วยขนของในยามกรณีที่จำเป็นเท่านั้น 

นางสาวศิริภา กล่าวว่า หากนายเรืองไกรว่างงาน หรืออยากสร้างผลงานให้กับพรรคใหม่ ที่ย้ายมา แนะนำให้เอาเวลาไปตรวจสอบหัวหน้าพรรคท่านเองด้วยว่าการใช้รถประจำตำแหน่งเดินทางไปยังมูลนิธิป่ารอยต่อทุกๆเช้านั้นชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ถือเป็นการใช้รถประจำตำแหน่งในภารกิจของมูลนิธิหรือเป็นภารกิจของรองนายกรัฐมนตรี เชื่อว่าหัวหน้าพรรคท่านเองก็คงยินดีให้มีการตรวจสอบเหมือนที่โดนตรวจสอบอยู่บ่อยครั้ง

‘ศิริกัญญา’ จี้รัฐบาลหยุดล้วงกระเป๋าผู้ประกันตน เอาเงินกองทุนประกันสังคมไปจ่ายเยียวยาล็อกดาวน์ ถาม! เงินกู้สำหรับเยียวก็มีทำไมไม่ใช้

‘ศิริกัญญา’ ร้องหยุดเยียวยาเหลื่อมล้ำลักลั่น จี้รัฐบาลหยุดล้วงกระเป๋าผู้ประกันตน เอาเงินกองทุนประกันสังคมไปจ่ายเยียวยาล็อกดาวน์ ถาม! เงินกู้สำหรับเยียวก็มีทำไมไม่ใช้??? แถมไม่มีวี่แววจะคืนเงิน ซ้ำร้ายงบประมาณปีหน้าประกันสังคมถูกตัดอีก 2 หมื่นล้าน!

นางสาวศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล เปิดเผยต่อสื่อมวลชน วิจารณ์มาตรการการเยียวยาล่าสุดหลังรัฐบาลออกคำสั่งล็อกดาวน์แคมป์คนงานก่อสร้างและไม่อนุญาตให้นั่งในร้านอาหารในพื้นที่กรุงเทพและปริมณฑล

โดยนางสาวศิริกัญญากล่าวว่ามาตรการเยียวยาล่าสุด ที่เขียนออกมาได้ซับซ้อน มีเงื่อนไขซ้อนเงื่อนไขเต็มไปหมด เงื่อนไขสำคัญคือบริษัทอยู่ในระบบประกันสังคมหรือไม่ ทำให้การจ่ายเงินเยียวยาเกิดอาการลักลั่นโดยไม่จำเป็น กลายเป็นว่าลูกจ้างใหม่จะไม่ได้รับเงินเยียวยา เพราะเงื่อนไขการเยียวยาของประกันสังคมคือต้องส่งเงินสมทบไม่น้อยกว่า 6 เดือน ส่วนคนที่นายจ้างไม่ได้เข้าประกันสังคมจะได้เงินแค่ 2,000 บาท

ถามว่ามันเป็นความผิดอะไรของลูกจ้างประกันสังคมใหม่? ถามว่ามันเป็นความผิดอะไรของลูกจ้างที่นายจ้างไม่ยอมเข้าระบบ? ถามว่าแรงงานข้ามชาติที่สมทบประกันสังคม จะได้เงินเยียวยาหรือไม่? ยังไม่ต้องพูดถึงร้านอาหารที่ไม่ได้เข้าประกันสังคม ยินดีด้วยคุณจะได้เงิน 3,000 บาทถ้วน 

โดยอีกประเด็นที่สำคัญ คือการที่รัฐบาลเลือกใช้มาตรการเยียวยาจากกองทุนประกันสังคม แทนที่จะใช้จากงบประมาณตาม พ.ร.ก.เงินกู้ฯ “จากการลดสมทบกองทุนประกันสังคม 4 ครั้ง รวม 88,831 ล้านบาท และจากเยียวยาจากเหตุสุดวิสัย 2 ครั้ง รวม 11,400 ล้านบาท รวมแล้วใช้ไปกับโควิดประมาณ 100,321 ล้านบาท รวมครั้งนี้ด้วยก็จะเป็นเงินกว่า 103,731 ล้านบาท

ต้องย้ำอีกครั้ง เงินประกันสังคมเป็นการสมทบระหว่างนายจ้าง ลูกจ้าง และรัฐบาล เพื่อดูแลสวัสดิการและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนทำงานในปัจจุบันและอนาคต จึงไม่ใช่งบประมาณที่จะนำออกมาใช้เยียวยาในยามวิกฤติ ดังนั้นบอร์ดประกันสังคมที่นั่งอยู่ตอนนี้แล้วอนุมัติเงินให้รัฐบาลใช้ควรตระหนักไว้ด้วยว่าคุณกำลังขูดเลือดเนื้อผู้ประกันตนทั้งประเทศเพื่อนำเงินไปใช้ในสิ่งที่ผิดวัตถุประสงค์

ที่ผ่านมา รัฐล้วงเอาเงินกองทุนประกันสังคมไปมากแล้ว ทั้งๆ ที่ก็มีเงินกู้จาก พ.ร.ก.กู้เงินทั้ง 2 ฉบับคือ 1 ล้านล้าน และ 5 แสนล้าน พร้อมจ่ายเยียวยาให้ตรงวัตถุประสงค์อยู่แล้ว” นางสาวศิริกัญญากล่าว โดยรองหัวหน้าพรรคก้าวไกลกล่าวเพิ่มเติมว่า นอกจากจะไม่วี่แววว่ารัฐบาลจะคืนเงินให้กองทุนประกันสังคมแล้ว ในร่างกฎหมายงบประมาณประจำปี 2565 ประกันสังคมยังถูกตัดงบลงอีกเกือบ 2 หมื่นล้านบาท

‘กระทิง’ ต่อเวลาขวิดโครแอตฯ 5-3 ลิ่วผ่านเข้ารอบ 8 ทีม ศึกยูโร

ฟุตบอลยูโร 2020 รอบ 16 ทีม คู่ที่ 5 โครเอเชีย ลงสนามเจอ สเปน เกมนี้ "โครแอต" มีแกนนำเป็น ลูก้า โมดริช, อันเต้ เรบิช และ บรูโน่ เพ็ตโควิช ยิงเป้า ส่วน "กระทิงดุ" ยังมั่นใจใช้ อัลบาโร่ โมราต้า ลงยิงพร้อมกับ เฟอร์ราน ตอร์เรส และ พาโบล ซาราเบีย

เกมนี้สู้กันมันหยด ผลัดกันรุก-รับ ยิงกันกระจายจบ 90 นาที เสมอกัน 3-3 ต้องต่อเวลาพิเศษ

และเป็นกองเชียร์สเปน ที่ได้เฮ เมื่ออัลบาโร่ โมราต้า และมิเกล โอยาร์ซาบัล ช่วยกันยิงคนละ 1 ลูก จบเกม 120 นาที สเปนเบียดโครแอตฯ เข้ารอบ 8 ทีมสุดท้ายแบบทุลักทุเล เข้าไปเจอ สวิตเซอร์แลนด์ วันที่ 2 กรกฎาคม นี้


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

"เอ็มบัปเป้" บอดโทษ "ตราไก่" พ่ายดวลเป้า ส่ง "สวิตเซอร์แลนด์" หักปากกาเซียน พลิกเข้ารอบ 8 ทีม

ยูโร 2020 คู่ที่ 6 ของรอบ 16 ทีม ฝรั่งเศส แชมป์โลกทีมล่าสุด ที่มาในฐานะเต็งแชมป์ของรายการนี้ ลงสนามเจอ สวิตเซอร์แลนด์ เกมนี้ "ตราไก่" จัดทัพใหญ่ใช้คู่หน้า คีเลียน เอ็มบัปเป้ กับ คาริม เบนเซม่า และ พอล ป๊อกบา กับ อองตวน กรีซมันน์ ทำเกม ส่วน สวิตเซอร์แลนด์ มี แฮริส เซเฟโรวิช จับมือยิงกับ บรีล เอ็มโบโล่ และ เซอร์ดาน ชากิรี ปั้นเกมแดนกลาง

เกมนี้ ทีมตราไก่ เป็นต่อค่อนข้างเยอะ และทำท่าจะเข้ารอบต่อไปอย่างไม่ยากนัก เมื่อเป็นฝ่ายออกนำไปก่อน 3-1 แต่สวิตเซอร์แลนด์ ยิง 2 ประตูช่วง 10 นาทีสุดท้าย ตามตีเสมอ 3-3 ต้องต่อเวลาพิเศษ แต่ก็ยังทำอะไรกันไม่ได้ สุดท้ายตัดสินด้วยการยิงจุดโทษ

โดยทีมชาติสวิตเซอร์แลนด์ ยิงเข้าทั้ง 5 คน ส่วนฝรั่งเศส 4 คนแรก พอล ป๊อกบา, โอลิวิเยร์ ชิรูด์, มาร์คุส ตูราม, เพรสเนล คิมเปมเบ้ ยิงเข้าทุกคน แต่เมื่อถึงคนสุดท้าย คีเลียน เอ็มบัปเป้ ปรากฏว่ายิงไปติดเซฟ ยานน์ ซอมเมอร์ ส่งให้ สวิตเซอร์แลนด์ ชนะดวลจุดโทษ 5-4 เข้ารอบ 8 ทีมสุดท้าย ไปเจอกับ สเปน คืนวันที่ 2 กรกฎาคมนี้


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

“กรณ์” ห่วงสถานการณ์โควิดกระทบเศรษฐกิจยาว หวั่นเปิดประเทศไม่ได้ใน 120 วัน หากไม่เพิ่มจำนวนการฉีดวัคซีน เสนอรัฐอัดฉีดเงินเยียวยาลูกจ้าง และผู้ประกอบการเอสเอ็มอีต่อเนื่อง 3 เดือน ชี้เม็ดเงินน้อยนิดเมื่อเทียบกับเงินกู้ 5 แสนล้านที่รัฐมีอำนาจในมือ

นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคกล้า อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ไลฟ์สดผ่านเฟซบุ๊ก แสดงความเป็นห่วงต่อสถานการณ์โควิด ที่มีผู้ติดเชื้อเพิ่มสูงขึ้นแตะเกือบห้าพันรายต่อวัน ในขณะที่มีผู้หายป่วยออกจากโรงพยาบาลมีจำนวนประมาณ 3,000 ราย นั่นหมายความว่าจำนวนเตียงที่ว่างติดลบไปถึง 2,000 เตียง พรรคกล้าและอีกหลาย ๆ องค์กรที่ได้พยายามเป็นผู้ประสานหาเตียงให้ผู้ป่วยทราบดีว่ามีความยากลำบากมาก โดยเฉพาะในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาหลายครอบครัวต้องเป็นทุกข์กับการรอเตียง

หัวหน้าพรรคกล้า กล่าวว่า สถานการณ์ในขณะนี้ ทำให้เราสัมผัสได้ว่า จำเป็นต้องปรับยุทธศาสตร์ และทัศนคติที่มีต่อไวรัสแน่นอนว่า คำตอบสุดท้ายคือ การฉีดวัคซีน ซึ่งในปัจจุบันมีการฉีดวัคซีน 250,000 เข็มต่อวัน ซึ่งเท่ากับ 7.5 ล้านเข็มต่อเดือน และภายในสิ้นปีก็จะฉีดได้ประมาณ 40 ล้านเข็ม เมื่อเทียบกับเป้าหมายที่จะไปให้ถึง 100 ล้านเข็ม จึงยังห่างไกล ต้องปรับการฉีดให้ได้วันละ 500,000 เข็ม จึงจะเข้าเป้า และครอบคลุม

นอกจากนี้สิ่งที่น่าห่วง คือ การเปิดประเทศภายใน 120 วัน ตามที่นายกรัฐมนตรีประกาศไว้ ซึ่งหมายความว่าภายใน 4 เดือน ประชาชนคนไทยจะต้องเข้าถึงวัคซีนได้แล้ว 70% แต่หากยังฉีดกันในจำนวน 250,000 เข็มต่อวัน ไม่มีทางทันแน่นอน วันนี้รัฐบาลจึงต้องประเมินตามสถานการณ์ความเป็นจริง หากไม่ยอมรับความจริงก็จะไม่สามารถเตรียมมาตรการได้ทัน และจะเกิดผลกระทบทางเศรษฐกิจที่จะตามมา หากเราเปิดประเทศได้ช้า

“หมดเวลาที่เราจะพยายามนำเสนอข่าวให้เข้าหู ว่าเป็นข่าวดี แต่เป็นจังหวะที่ผู้นำต้องกล้าที่จะพูดความจริงกับประชาชน เพื่อให้หน่วยงานภาครัฐ เร่งเตรียมตัว ในส่วนของการฉีดวัคซีน ถ้าเราจะเปิดประเทศให้ได้ ต้องฉีด 70% ของประชากร แต่อัตราที่ฉีดปัจจุบันไม่มีทางถึงแน่นอน และการฉีดเพียงเข็มเดียวก็ยังไม่สมควร

ประเด็นที่ท้าทาย คือ รัฐบาลจะบริหารจัดการให้เพียงพอและทันท่วงทีได้อย่างไร โดยเฉพาะสถานการณ์ผู้ป่วยที่เพิ่มสูงขึ้น เตียงขาดแคลน ซึ่งเป็นภาวะที่หนักหนาสาหัสต่อระบบสาธารณสุขอย่างมาก เราจึงต้องมาปรับความคิดกัน แนวโน้มการทำมาหากินของคนไทยที่ต้องทนความยากลำบากกันไปอีกเท่าไร และจะต้องปรับตัวกันอย่างไร ต่อสัญญาณที่รัฐบาลส่งออกมา” นายกรณ์ กล่าว

นอกจากนี้ ต้องยอมรับว่าต้นตอการแพร่เชื้อส่วนใหญ่เกิดจากกิจกรรมใต้ดิน และในส่วนของแคมป์คนงานก็เป็นเรื่องที่พวกเราได้ตักเตือนเจ้าหน้าที่ของรัฐมาหลายเดือนว่าให้ระมัดระวังว่าจะเป็นแหล่งแพร่เชื้อสำคัญ ซี่งหละหลวมมากในการตรวจสอบ กทม.ควรต้องมาตรวจสอบเชิงรุกว่ามีใครอาศัยอยู่ในแคมป์บ้าง ห้ามเข้าออก ห้ามเปลี่ยนคนงาน แต่ที่ผ่านมาก็ไม่ได้เข้มงวด จนทำให้กลายเป็นคลัสเตอร์การแพร่เชื้อ และการประกาศมาตรการกึ่งล็อกดาวน์ที่รัฐประกาศออกมาล่าสุด ก็สร้างความอึดอัดให้กับประชาชนและผู้ประกอบการร้านอาหาร ที่เขารู้สึกว่าไม่ยุติธรรมเพราะไม่ใช่ความผิดเขาที่ระวังตัวกันมาตลอด แต่ต้องมารับเคราะห์กรรมจากมาตรการ ที่ทำให้เขาขาดรายได้อีกรอบ และเป็นการประกาศอย่างฉับพลัน ทำให้ร้านค้า ร้านอาหารตั้งตัวแทบไม่ติด เกิดความเสียหายต่อเศรษฐกิจเป็นอย่างมาก ดังนั้นการจะเปิดประเทศภายใน 120 วัน หรือ 4 เดือน จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องเตรียมพร้อม

อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวด้วยว่า มาตรการเยียวยาผู้ประกอบการ เริ่มมีนโยบายที่เข้าเป้า พรรคกล้าเรียกร้องมาโดยตลอดโดยเฉพาะผู้ประกอบการร้านอาหาร วันนี้รัฐบาลตั้งงบไว้ที่ 7,500 ล้านบาท ส่วนหนึ่งเป็นงบจากกองทุนประกันสังคมที่มีผู้ประกันตนอยู่เกือบเจ็ดแสนคน ตามกฎหมาย โดยกำหนดให้พวกเขาได้รับสิทธิชดเชยรายได้ 50 เปอร์เซ็นต์ ชดเชยรายได้สูงสุดไม่เกิน 7,500 บาท รวมถึงการจัดสรรเงินจาก เงินกู้ พ.ร.ก.ห้าแสนล้าน เพิ่มเติมให้รายละ 2,000 บาท ซึ่งเป็นการจ่ายให้แค่ครั้งเดียวและเดือนเดียว

นอกจากนี้ รัฐจะเยียวยาให้ผู้ประกอบการเพิ่มเติมตามรายหัวลูกจ้าง โดยคำนวณตามสูตร ลูกจ้างจะได้รับเยียวยา 3,000 บาท เพดานสูงสุดไม่เกิน 200 คน หรือไม่เกิน 600,000 บาทต่อกิจการ เพื่อผ่อนหนักเป็นเบาในแง่ภาระค่าใช้จ่าย ซึ่งก็สมเหตุสมผล เพราะเป้าหมายหลักที่เราเรียกร้องคือ เอสเอ็มอี ผู้ประกอบการรายเล็ก ก็มีลูกจ้างแค่หลักหน่วยหลักสิบ เพดานดังกล่าว น่าจะครอบคลุมได้ทั้งหมด

“นโยบายลักษณะนี้ มาถูกทาง แต่ไม่น่าเพียงพอ สำหรับลูกจ้าง การได้รับเงินชดเชย จากกองทุนประกันสังคมสูงสุด 7,500 บาท และเมื่อร่วมกับเงินสมทบทุนอีก 2,000 บาท หากคิดเป็นสัดส่วนรายได้เฉลี่ย 20,000 บาทต่อเดือน ก็ยังต่ำกว่าครึ่ง ไม่น่าเพียงพอ ต่อภาระค่าใช้จ่ายที่ทุกคนต้องมี และยิ่งมาตรการที่ประกาศให้เพียงแค่ 1 เดือน ยิ่งทำให้ผู้ประกันตนมีความกังวลว่าเมื่อพ้นเดือนไปแล้วเขาจะอยู่อย่างไร

ดังนั้น จึงอยากฝากไปถึง ครม.เศรษฐกิจ ที่พิจารณาเรื่องนี้ว่า ขอให้ขยายวงเงินและขยายเวลาในการช่วยเหลือ โดยวงเงินสมทบที่เหมาะสม คือ 5,000 บาท บวกกับเงินชดเชยรายได้สูงสุด 7,500 บาท ก็จะเป็นเงิน 12,500 บาท ก็น่าจะพอประทังชีวิตให้กับครอบครัวช่วงนี้ ผมคำนวณแล้ว ในแง่ภาระต่องบประมาณของรัฐเป็นวงเงินที่น่าจะแบกรับไว้ได้ เพราะวงเงินที่รัฐจัดสรรไว้เพื่อการชดเชยให้ผู้ประกันตน และผู้ประกอบการโดยรวมมีเพียงแค่ประมาณ 4,000 ล้านบาท งบที่รัฐบาลประกาศไว้รวมกับกองทุนประกันสังคมเป็นเงิน 7,500 ล้านบาท เมื่อเทียบกับเงินกู้ 5 แสนล้าน มันน้อยมาก นี่คือวิธีการที่จะเยียวยาที่ถูกจุด ตรงเป้าที่สุด และต้องขยายเวลาไปเป็นสามเดือน และถ้าเป็นไปอย่างที่ผมเสนอขยายวงเงินจาก 2,000 เป็น 5,000 บาท รัฐจะต้องจัดสรรเงินเพิ่มเป็น 5,000 ล้านบาท ต่อเดือน ภาระค่าใช้จ่ายของรัฐ ก็จะเพิ่มเป็น 15,000 ล้าน จาก 5 แสนล้าน ซึ่งเป็นอำนาจในมือที่รัฐบาลสามารถดำเนินการได้ และจะส่งผลต่อคุณภาพชีวิตของประชาชนที่ไม่ได้เป็นต้นเหตุของการแพร่เชื้อในรอบปัจจุบันแต่ต้องมารับเคราะห์แทน” นายกรณ์ กล่าว

หัวหน้าพรรคกล้า กล่าวถึง ภาพยาวที่รัฐบาลต้องเตรียมการไว้เพิ่มเติมสำหรับการเยียวยาพี่น้องประชาชนและผู้ประกอบการ คือ เท่าที่ดูสถานการณ์ โอกาสที่เราจะอยู่สถานภาพที่จะเปิดประเทศได้ใน 120 วัน อย่างเก่งคือ 50:50 อย่างที่กล่าวข้างต้นแล้วว่า โอกาสจะไปอยู่ที่ในจุดนั้นน้อยมาก และหากวัคซีนมาช้า ภายในสิ้นปีก็อาจไม่ทัน และอาจทอดยาวถึงต้นปี หรืออาจจะถึงกลางปีหน้า เราต้องอดทนไปนานถึง 6 เดือน ถ้าโชคร้ายก็เป็นปี ในสถานการณ์ที่เป็นจริงเช่นนี้ รัฐบาลมีมาตรการอะไร เพื่อที่ประชาชนจะคลายความกังวลและสบายใจในการต่อสู้ได้บ้าง งบประมาณ 5 แสนล้านต้องใช้อย่างสมเหตุสมผล ซึ่งเพียงพอในระดับที่มีความน่าเชื่อถือ ต้องคิดให้รอบด้านเพื่อสร้างขวัญและกำลังใจให้กับประชาชนว่ารัฐคิดเผื่อไว้สำหรับสถานการณ์ที่อาจเลวร้าย จังหวะนี้ การเข้าถึงข้อมูลข้อเท็จจริง เรื่องของการสื่อสาร เรื่องของแนวโน้มโอกาส และการเตรียมมาตรการที่ตอบโจทย์ความต้องการของประชาชนที่ได้รับผลกระทบ

นอกจากนี้ นายกรณ์ ยังได้หยิบยก ข้อเสนอ 5 ข้อ ที่พรรคกล้า ได้เคยนำเสนอไปแล้วเพื่อให้รัฐบาลดำเนินการต่อเนื่องเพื่อลดผลกระทบต่อเศรษฐกิจในภาพรวม ซึ่งประกอบไปด้วย

1.) ควรเร่งเจรจากับ Platform online ที่ร้านอาหารทั้งหลายใช้เป็นช่องทางขายและจัดส่งอาหารอยู่ในปัจจุบัน ไม่ให้คิดค่าธรรมเนียมการใช้บริการหรือ GP เกินร้อยละ 15 อย่างน้อยก็ในช่วงที่มีการแพร่ระบาดของโควิด เพื่อแบ่งเบาภาระให้ผู้ประกอบการและประชาชน

2.) รัฐควรช่วยเหลือเยียวยาค่าจ้างเงินเดือนของพนักงานในร้านอาหารเหล่านี้ร้อยละ 50 ในช่วงที่รัฐบาลประกาศห้ามมีลูกค้านั่งในร้านอาหาร

3.) งดการจัดเก็บภาษีในรอบระยะเวลาบัญชี 1 ปีที่ผ่านมา ให้กับผู้ที่ได้รับผลกระทบจากคำสั่ง

4.) ผ่อนผันการผ่อนชำระเงินกู้และดอกเบี้ยของผู้ประกอบการร้านอาหาร ด้วยมาตรการงดผ่อนต้นผ่อนดอก ไปอีกอย่างน้อย 6 เดือน

และ 5.) ในกรณีที่ร้านอาหารมีค่าเช่าพื้นที่ เช่น ร้านอาหารในห้างสรรพสินค้า เจ้าของพื้นที่ควรลดค่าเช่าให้ด้วย อย่างน้อยร้อยละ 50 และเจ้าของพื้นที่สามารถนำส่วนลดที่ให้กับร้านอาหารเหล่านั้น ไปขอลดหย่อนภาษีจากทางรัฐบาลได้ ในรอบบัญชีถัดไป เพื่อเป็นการชดเชยและลดค่าใช้จ่ายให้ร้านอาหารที่ต้องเสียค่าเช่าทุกเดือน

“อยากฝากบอกว่า พรรคกล้า เราจะติดตามและเสนอแนะรัฐบาลอย่างสร้างสรรค์ เพื่อช่วยคลี่คลายสถานการณ์ เราเปิดโอกาสให้ประชาชนแสดงความเห็น เสนอแนะวิธีการที่จะช่วยให้เขาอยู่รอดได้ มีวิธีใดได้บ้าง บางส่วนก็นำไปสู่การปฏิบัติ บางส่วนก็ยังไม่ได้ทำ” นายกรณ์ กล่าวทิ้งท้าย


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

นพ.สุรโชค ต่างวิวัฒน์ รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา ปฏิบัติราชการแทนเลขาธิการ (อย.) ทำหนังสือด่วนที่สุด เรื่องแจ้งเตือนเฝ้าระวังการเก็บรักษาวัคซีน CoronaVac เลขทะเบียน 1C 3/64 (NBC) หรือ วัคซีนซิโนแวค

วันนี้ (29 มิ.ย. 64) นพ.สุรโชค ต่างวิวัฒน์ รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา ปฏิบัติราชการแทนเลขาธิการ (อย.) ทำหนังสือด่วนที่สุด เรื่องแจ้งเตือนเฝ้าระวังการเก็บรักษาวัคซีน CoronaVac เลขทะเบียน 1C 3/64 (NBC) หรือ วัคซีนซิโนแวค โดยระบุว่า…

เรียนนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด/ผู้อำนวยการโรงพยาบาล ด้วยสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ได้รับรายงานวัคซีน CoronaVac รุ่นการผลิต C202105079 เลขทะเบียน 1C 3/64 (NBC) รุ่นการผลิต C202105079 วันที่ผลิต 10.05.2021 วันหมดอายุ 09.11.2021 มีลักษณะสารละลายของวัคซีนมีการรวมตัวเป็นเจลใส ติดบริเวณด้านในของขวดวัคซีนและเจลดังกล่าวไม่หายไปหลังการเขย่า ซึ่งจากรายงานพบเพียงในแหล่งฉีดวัคซีนบางแห่งเท่านั้น

ทั้งนี้ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา พิจารณาแล้วเห็นว่า ปัญหาดังกล่าวอาจเกิดจากกระบวนการเก็บรักษาและการขนส่งที่ไม่ควบคุมอุณหภูมิให้เป็นไปตามที่ได้รับอนุมัติในทะเบียนตำรับยา คือ 2-8 องศาเซลเซียส

ดังนั้น เพื่อเป็นการคุ้มครองผู้บริโภคให้ได้รับวัคซีนที่มีคุณภาพ ประสิทธิภาพ และปลอดภัย อย.จึงเห็นควรให้แจ้งเตือนเฝ้าระวังการเก็บรักษาวัคซีนให้เป็นไปตามแนวทางการบริหารจัดการวัคซีน ของกรมควบคุมโรคซึ่งระบุคำแนะนำสำหรับการเก็บรักษาวัคซีนโควิด-19 ของบริษัท Sinovac Life Sciences จำกัด ให้เก็บไว้ที่ชั้นกลางหรือชั้นที่ 2 ของตู้เย็น และห่างจากจุดปล่อยความเย็น ทั้งนี้ หากท่านพบลักษณะของปัญหาดังกล่าว ขอให้ระงับการฉีดวัคซีนรุ่นการผลิตที่พบและแจ้งให้ อย.ทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป

 

 

ที่มา : https://www.tnnthailand.com/news/covid19/83899


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

'หมอศิริราช' ชี้!! พบสายพันธุ์ ‘เดลต้า’ ‘เกินครึ่ง’ ใน ‘รพ.ศิริราช’

นพ.นิธิพัฒน์ เจียรกุล แพทย์โรงพยาบาลศิริราช โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า…

Officially COVID-ICU attending physician from June 28 to July 4, 2021

เป็นวันแรกของเดือนนี้ที่กลับมาเป็นอาจารย์ประจำการหอผู้ป่วยไอซียูโควิดแห่งแรกของศิริราชรวม 7 เตียง ขณะนี้กิจการเราดีมาก จึงขยายไปอีกสองที่ ที่ละ 6 เตียง รวมทั้งหมดจึงเป็น 19 เตียง ซึ่งเต็มมาเกือบตลอดเดือนนี้ และคาดว่าจะเป็นแบบนี้ในเดือนหน้าอีกทั้งเดือน ถ้าเป็นเชิงพาณิชย์สงสัยอัตราการเติบโตของมูลค่าเพิ่มนับว่าก้าวกระโดด2

ข้อมูลจากการสุ่มตรวจเมื่อราวสิบวันก่อน ในศิริราชพบสายพันธุ์เดลต้าประมาณ 30% ถ้าถึงวันนี้น่าจะเกินครึ่งไปแล้ว สัปดาห์นี้จะลองส่งตรวจในผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรงดูว่าจะพบคิดเป็นสัดส่วนเท่าไร สายพันธุ์นี้นอกจากจะแพร่ได้ง่ายไปสู่ทั้งเด็ก คนท้อง และคนชรา ยังอาจจะเกิดปอดอักเสบได้เร็วและได้แรงกว่าสายพันธุ์เดิม ๆ ที่เราคุ้นเคย นี่เป็นตัวแปรหนึ่งที่ทำให้เรียกการระบาดช่วงนี้เป็นระลอกสี่ และเป็นตัวชี้ขาดหนึ่งในความยากง่ายของการควบคุมโรคภายหลังเริ่มใช้มาตรการต่าง ๆ ที่เผยโฉมให้ชัดเจนวันนี้ คงต้องลุ้นกันตัวโก่งเหมือนบอลยูโรที่มาได้ครึ่งทางของรอบ 16 ทีมแล้ว

ในบรรดาผู้ป่วยทั้ง 7 รายที่ดูแลอยู่ตอนนี้ สองในเจ็ดน่าจะมาจากสายพันธุ์เจ้าปัญหา วันนี้ย้ายผู้ป่วยเก่าได้สองรายและนำรายใหม่เข้ามาแทน คาดว่าเจ้าตัวร้ายคงกลายเป็นขาใหญ่ของที่นี่แทนคือ 4 จาก 7 ราย ที่น่าสนใจคือผู้ป่วย 3 รายเป็นอาจารย์อาวุโสของผมเอง ทุกท่านแม้อยู่ในวัยเกือบหรือเกิน 80 แล้ว แต่ยังแข็งแรงดีและไม่มีโรคหรือภาวะเสี่ยงชัดเจน ที่สำคัญคือทั้งหมดหาต้นตอคนนำเชื้อมาให้ได้ไม่ชัดเจน แสดงถึงมีการลุกลามของเชื้อเข้าไปในชุมชนวงกว้าง ซึ่งเป็นอีกสัญญาณบ่งชี้ของการระบาดระลอกสี่ ภาวนาให้เหล่าครูทุกท่านได้รับผลดีของการดูแลรักษาโดยไม่มีภาวะแทรกซ้อนรุนแรงหรือเรื้อรัง นี่ช่วยตอกย้ำอีกครั้งว่า วัคซีนที่กำลังจะได้มาในเดือนหน้า จะต้องเร่งฉีดให้กับผู้สูงอายุและผู้มีโรคเรื้อรังเป็นอันดับต้น ๆ

กองทัพเดินด้วยท้องฉันใด ทีมของเราหลังจากตรวจเยี่ยมผู้ป่วยกันเรียบร้อยแล้ว วันนี้งานไม่ยุ่งมาก จึงสั่งพิซซ่าและโค้กมาปลุกขวัญลูกทีม เรามีแพทย์ 7 คน กับพยาบาล 12 คนสำหรับดูแลผู้ป่วย 7 ราย แต่ในโรงพยาบาลที่พร้อมน้อยกว่าเรานั้น ปริมาณงานเท่ากันนี้ เขาอาจใช้คนแค่ครึ่งเดียวของเราหรืออาจไม่ถึงเสียด้วยซ้ำ คิดดูแล้วกันว่ามันจะหนักหนาสาหัสขนาดไหน แล้วอย่างนี้จะใจดำไม่ควบคุมโรคจริงจังให้กับพวกเขาพอจะได้มีโอกาสผ่อนคลายบ้างเลยหรือ

ในยามที่กรุงเทพกำลังจะถูกข้าศึกโควิดสายพันธุ์ภารตะตีแตก ได้มีการระดมทหารใหม่ที่เพิ่งสำเร็จการฝึกฝนเป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญมาเสริมทัพ พวกเขาเหล่านี้ถูกส่งตัวจากหัวเมืองมาร่ำเรียนในเมืองหลวง เพื่อหวังกลับไปเป็นกำลังสำคัญดูแลสุขภาพพี่น้องประชาชนในต่างจังหวัด การกะเกณฑ์เขามาช่วยงานก่อนส่งตัวกลับที่ตั้ง ควรเป็นไปโดยความยินยอมของทั้งตัวเขา หัวหน้างานเขา และที่สำคัญประชาชนในพื้นที่เขาหากสถานการณ์โควิดที่นั่นยังเบาบางอยู่ วอนผู้ใหญ่ที่เกี่ยวข้องทั้งหลายอย่ารานน้ำใจผู้น้อยมากไปนักเลย สายงานแพทย์เราใช้ระบบอาวุโสและคุณธรรมในการร้อยรัดพวกเราเข้าด้วยกันไว้ มากกว่าการใช้อำนาจสั่งการตามระดับบังคับบัญชาเหมือนวิชาชีพอื่น

อย่าปล่อยให้เรื่องเล็กน้อยกลายเป็นไฟไหม้ฟางก่อความบาดหมางใจกันโดยใช่เหตุ ที่จริงเราน่าจะช่วยกันประสานเสียงว่า การแก้ไขหลักของสถานการณ์ในกรุงเทพต้องเน้นการควบคุมโรคให้อยู่หมัด มากกว่าการขยายเตียงโควิดในโรงพยาบาลต่อไปไม่มีที่สิ้นสุด

 

 

ที่มา : https://www.thaipost.net/main/detail/107988


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

ม็อบสาวอะโกโก้ บาร์ อาบนวด บุกทำเนียบ ร้องรัฐบาลขอเยียวยา 5 พัน หลังถูกสั่งปิดกิจการ

เมื่อเวลา 09.00 น. ที่บริเวณหน้าทำเนียบรัฐบาล มูลนิธิเอ็มพาวเวอร์ และตัวแทนพนักงานบริการในสถานบริการ อาบอบนวด อะโกโก้ บาร์ คาราโอเกะ และพนักงานบริการอิสระออนไลน์ ยื่นหนังสือ ถึงพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ผ่านนายธนกร วังบุญคงชนะ เลขานุการรัฐมนตรี ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะโฆษก ประจำศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบของการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) เพื่อเรียกร้องให้ภาครัฐดำเนินการเยียวยาพนักงานบริการ เนื่องจากคำสั่งปิดสถานบริการตามมาตรการของรัฐและศบค. เป็นจำนวนเงิน 5,000 บาทต่อเดือน จนกว่าสถานการณ์จะกลับมาปกติ

นอกจากนี้ ทางกลุ่มยังได้จัดกิจกรรม "สั่งปิดได้ต้องเยียวยาด้วย ตบส้นสูงพบกันหน้าทำเนียบ" โดยนำรองเท้าส้นสูงจำนวน 30 คู่ มีข้อความโดยแต่ละคู่นั้นจะเขียนข้อความติดไว้ อาทิ การเยียวยารัฐไม่แก้ปัญหา แต่แก้ผ้าเอาหน้ารอด, สั่งปิดร้านอาหาร สามารถขายเหล้าเบียร์ได้ แต่บาร์ถูกสั่งปิดต่อ คุณเอาส่วนไหนคิด, ภาษีเราก็เสียเหมือนคนอื่น ทำไมไม่เยียวยาเราบ้าง, ควรหยุดล่อซื้อเพื่อป้องกันโควิด 

รวมถึงมีการนำชุดบิกินี มาโชว์ ถือเป็นสัญลักษณ์ของพนักงานบริการ แต่ไม่ได้ใช้เนื่องจากถูกสั่งปิดกิจการ เพราะได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 แล้วยังไม่ได้รับการเยียวยาจากรัฐบาลและศบค.


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes 
คลิก????https://lin.ee/vfTXud9


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top