Wednesday, 14 May 2025
NewsFeed

ตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดกาญจนบุรี “ทลายแก๊งลักลอบส่งออกรถจักรยานยนต์” ตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดสระแก้ว “จับกุมแก๊งคนจีนลักลอบเข้าเมืองพร้อมขบวนการ”

ตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เรื่องการควบคุมกำกับดูแลชาวต่างชาติที่เข้ามาพำนักอาศัยหรือเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.สุวัฒน์  แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.ดํารงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. มอบหมายให้ สตม.ดำเนินการตรวจสอบชาวต่างชาติที่มีหมายจับตำรวจสากล หรือมีพฤติกรรมไม่เหมาะสมในขณะที่พำนักอาศัยอยู่ในประเทศไทย กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิต และทรัพย์สินของประชาชน หรือเป็นลักษณะการกระทำผิดเข้าข่ายอาชญากรรมข้ามชาติ ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศ

สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง โดย พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม., พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.รุ่งโรจน์ ฐากูรปุณยสิริ ผบก.ตม.3, และ ว่าที่ พ.ต.อ.จิรพงศ์ รุจิรดำรงค์ชัย ผกก.สส.บก.ตม.3 ร่วมแถลงข่าวจับกุม โดยมีรายละเอียด ดังนี้

1). ตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดกาญจนบุรี “ทลายแก๊งลักลอบส่งออกรถจักรยานยนต์” ในห้วงที่ผ่านมา ตม.จว.กาญจนบุรี เข้มงวดกวดขันกับขบวนการลักลอบเข้า-ออกตามแนวชายแดนธรรมชาติอยู่เสมอมา โดยยกตัวอย่างในกรณีนี้ กลุ่มผู้ต้องหามีความพยายามนำรถจักรยานยนต์ออกจากประเทศไทยโดยไม่ผ่านพิธีการทางศุลกากรที่ถูกต้อง ทั้งยังให้การช่วยเหลือช่อนเร้น นำพา บุคคลต่างด้าวซึ่งหลบหนีเข้าเมืองโดยการขนย้ายฝ่าฝืน พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินฯอีกด้วย โดยมีรายละเอียดดังนี้

ก่อนเกิดเหตุชุดจับกุมได้ทำการสืบสวนทราบว่า จะมีกลุ่มบุคคลลักลอบขนย้ายรถจักรยานยนต์โดยใช้เส้นทางออกจากประเทศไทยไปยังประเทศเมียนมาร์ ผ่านช่องทางธรรมชาติบริเวณชายป่าห้วยวายอ ต.บ้องตี้ อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี จึงได้วางแผนทำการจับกุมโดยได้บูรณาการกำลังกับหลายหน่วยงานราชการในพื้นที่ไปดักซุ่มอยู่บริเวณดังกล่าว ขณะซุ่มดูอยู่จนถึงเวลาประมาณ 00.30 น. ได้พบเห็นรถยนต์กระบะ จำนวน 2 คัน บรรทุกรถจักรยานยนต์ด้านหลังกระบะทั้ง 2 คัน ขับเข้ามาในที่เกิดเหตุลักษณะต้องสงสัยตามข้อมูลทางการสืบสวน ระยะเวลาต่อมาไม่นานขณะที่ซุ่มสังเกตอยู่พบว่ามีกลุ่มบุคคลลักษณะคล้ายคนเมียนมาเดินมาขึ้นรถ 2 คันดังกล่าว จึงเข้าไปตรวจสอบพบว่ารถกระบะคันแรก เป็นรถยี่ห้อโตโยต้า รุ่นวีโก้ สีน้ำตาล บรรทุกรถจักรยานยนต์จำนวน 1 คัน เป็นรถยี่ห้อฮอนด้า รุ่นเวฟ สีขาว มีนายโลโซ อายุ 43 ปี  ผู้ต้องหาที่ 1 เป็นผู้ขับและมีนายชยากร อายุ 21 ปี ผู้ต้องหาที่ 3 เป็นผู้นั่งโดยสารมาด้วยในรถ รถกระบะคันที่สอง เป็นรถยี่ห้อเชฟโรเล็ต สีขาว บรรทุกรถจักรยานยนต์ 2 คัน เป็นรถยี่ห้อฮอนด้า รุ่นเวฟ125ไอ สีเทาดำ และรถยี่ห้อฮอนด้า รุ่นเวฟไอ สีดำ มีนายเชนโกอู อายุ 21 ปี ผู้ต้องหาที่ 2 เป็นผู้ขับรถ มีนายนิชาออง อายุ 27 ปี ผู้ต้องหาที่ 4 นายอองเมียวทู อายุ 19 ปี ผู้ต้องหาที่ 5 และนายโซ้ง อายุ 20 ปี ผู้ต้องหาที่ 6 เป็นผู้นั่งโดยสารมาด้วยในรถ ในส่วนกลุ่มคนต่างด้าวชาวเมียนมาอีก 19 คนนั้น ได้ตรวจสอบแล้วพบว่าเป็นคนหลบหนีเข้าเมือง ไม่มีหนังสือเดินทางหรือเอกสารอื่นติดตัวมาอย่างใด

การแจ้งข้อกล่าวหา : ผู้ต้องหาที่ 1-6 “ร่วมกันพยายามส่งออกไปนอกราชอาณาจักรซึ่งของที่ยังไม่ผ่านพิธีการศุลกากร”

ผู้ต้องหาที่ 1-2 “ช่วยเหลือ ซ่อนเร้น หรือช่วยด้วยประการใด ๆ ให้บุคคลต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายพ้นจากการจับกุม”

ผู้ต้องหาที่ 7-25 (คนต่างด้าว 19 คน) “เป็นบุคคลต่างด้าวหลบหนีเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต ฝ่าฝืนและไม่ปฏิบัติตามคำสั่งเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อหรือผู้ว่าราชการ ฝ่าฝืนข้อกำหนดออกตามความแห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548”

 การตรวจยึดของกลาง :

1. รถยนต์กระบะ ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นวีโก้ สีน้ำตาล ทะเบียน กาญจนบุรี

2. รถยนต์กระบะ ยี่ห้อเชฟโรเล็ต สีขาว ทะเบียน กรุงเทพฯ

3. รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นเวฟ๑๒๕ไอ สีขาว ไม่ติดป้ายทะเบียน

4. รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นเวฟ๑๒๕ไอ สีเทา-ดำ ไม่ติดป้ายทะเบียน

5. รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นเวฟไอ สีดำ ไม่ติดป้ายทะเบียน

6. โทรศัพท์มือถือ จำนวน 2 เครื่อง

สอบถามผู้ต้องหาที่ 1-6 ให้การรับสารภาพสอดคล้องกันว่า รับการว่างจ้างจากนายหน้าฝั่งประเทศเมียนมาโดยการติดต่อผ่านโทรศัพท์มือถือ ให้บรรทุกรถจักรยานยนต์จากประเทศไทยไปส่งที่เมียนมาโดยในระหว่างทางให้แวะรับผู้ต้องหาที่ 7-25 ไปด้วยและรับค่าจ้างเที่ยวละ 3,000 – 5,000 บาท จากการสืบสวนมีข้อมูลเป็นไปได้ว่ากลุ่มขบวนการนี้อาจลักลอบกระทำผิดในลักษณะเดียวกันอยู่หลายครั้ง

โดยในส่วนรถยนต์กระบะของกลางตรวจสอบประวัติย้อนหลังพบว่ามีส่วนเกี่ยวพันกับการกระทำผิดข้อหาฝ่าฝืน พ.ร.บ.โรคติดต่อฯ(เดินทางข้ามพื้นที่ควบคุมโรค) มาแล้วถึง 2 ครั้ง จึงจับกุมตัวพร้อมของกลางนำส่งดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย

2). ตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดสระแก้ว “จับกุมแก๊งคนจีนลักลอบเข้าเมืองพร้อมขบวนการ”

ในห้วงนี้ตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดสระแก้วมีการเข้มงวดตรวจสอบตรึงแนวชายแดนอย่างต่อเนื่อง โดยมีการกวดขันจับกุมบุคคล ที่ลักลอบเข้า–ออกไม่ผ่านช่องทางที่ได้รับอนุญาตถูกต้อง ตลอดจนขบวนการที่คอยช่วยเหลือบุคคลเหล่านี้อยู่ ในครั้งนี้ได้ทำการจับกุม กลุ่มคนจีนซึ่งใช้ประเทศไทยเป็นทางผ่านลักลอบเข้ามาตามช่องทางธรรมชาติโดยต้องการจะลักลอบเดินทางออกไปประเทศกัมพูชา โดยสามารถจับได้พร้อมขบวนการช่วยเหลือซึ่งมีรายละเอียดดังนี้

ก่อนเกิดเหตุ ชุดสืบสวนตม.จว.สระแก้ว ได้ร่วมทำการสืบสวนทราบว่าจะมีการลักลอบเดินทางเข้าหลบหนีเข้าเมืองผ่านพื้นที่บ้านโคคลาน ม.1 ต.โคคลาน อ.ตาพระยา จ.สระแก้ว โดยใช้รถยนต์เก๋ง ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นยาริส สีขาว จึงได้บูรณาการกำลังกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกันในพื้นที่วางแผนจับกุม  โดยทำการไปดักซุ่มบริเวณที่เกิดเหตุ เมื่อถึงเวลาประมาณ 10.00 น. ได้พบรถยนต์ลักษณะตรงตามข้อมูลที่สืบสวนมาจึงได้เข้าไปแสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตรวจสอบรถคันดังกล่าว พบว่าเป็นรถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นยาริส สีขาว สระแก้ว มีนายศักดิ์ชายผู้ต้องหาที่ 1 เป็นผู้ขับรถยนต์คันดังกล่าว ตรวจพบคนต่างด้าวเชื้อชาติจีนอีกจำนวน 6 คน ผู้ต้องหาที่ 2-7 นั่งอัดกันโดยสารมากับรถตรวจสอบแล้วไม่มีเอกสารหลักฐานหนังสือเดินทางอย่างใด

การแจ้งข้อกล่าวหา : ผู้ต้องหาที่ 1 “นำพาคนต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักรหรือกระทำการด้วยประการใด ๆ อันเป็นการอุปการะหรือช่วยเหลือให้ความสะดวกแก่คนต่างด้าวให้เข้ามาในราชอาณาจักรโดยผิดกฎหมาย”

ผู้ต้องหาที่ 2-7 (คนต่างด้าวชาวจีน) “เป็นบุคคลต่างด้าวเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต”

การตรวจยึดของกลาง : รถยนต์เก๋ง ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นยาริส สีขาว ทะเบียน สระแก้ว

จากการซักถามผู้ต้องหาที่ 1 ให้การยอมรับสารภาพว่าได้รับการจ้างวานให้รับคนจีนไปส่งยังบริเวณใกล้พรมแดนธรรมชาติ บ้านกุดเตย ม.5 ต.ตาพระยา อ.ตาพระยา จ.สระแก้ว โดยจะมีคนมารับอีกทอดรับค่าจ้างจำนวน หัวละ 800 บาท โดยรับว่าทำเป็นลักษณะเช่นนี้เป็นประจำหลายครั้ง

ซักถามผู้ต้องหาที่ 2-7 ให้การรับสารภาพว่า เดินทางมาจากเมืองยูนนาน ประเทศจีน เดินทางผ่านประเทศเมียนมา จำนวน 3 วัน ลักลอบเข้ามาประเทศไทยพักที่กรุงเทพฯ 2 วัน และเดินทางมาถึงที่เกิดเหตุ ต้องการข้ามไปทำงานที่คาสิโนในประเทศกัมพูชา ทางชุดจับกุมจะได้สืบสวนขยายผลติดตามขบวนการซึ่งให้ความช่วยเหลือทั้งหมดที่เกี่ยวข้องมาดำเนินคดีต่อไป

สตม.ขอเรียนให้ท่านทราบว่า สตม. มีมาตรการในการตรวจสอบ กวดขัน และปราบปรามการกระทำความผิดในด้านต่างๆรวมทั้งดำเนินการตรวจสอบชาวไทยและชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตราย ต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน อันทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศชาติ หากประชาชนท่านใดพบเห็นเบาะแสการกระทำความผิด กรุณาแจ้งมายัง สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เลขที่ 507 ซ.สวนพลู แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กรุงเทพมหานคร 10120 หรือที่หมายเลขโทรศัพท์ 1178  หรือที่ www.immigration.go.th

 

กก.สส.บก.ตม.4 ตรวจเข้มต่างด้าวในพื้นที่ เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 พบ Overstay หลายราย รวมกันกว่า 10 ราย

ตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เรื่องการควบคุมกำกับดูแลชาวต่างชาติที่เข้ามาพำนักอาศัยหรือเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.สุวัฒน์  แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.ดํารงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. มอบหมายให้ สตม. ดำเนินการตรวจสอบชาวต่างชาติที่มีหมายจับตำรวจสากล หรือมีพฤติกรรมไม่เหมาะสมในขณะที่พำนักอาศัยอยู่ในประเทศไทย กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิต และทรัพย์สินของประชาชน หรือเป็นลักษณะการกระทำผิดเข้าข่ายอาชญากรรมข้ามชาติ ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศ

สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง โดย พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม., พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.กฤษฎา กาญจนอลงกรณ์ ผบก.ตม.4, พ.ต.อ.พิษณุ สิทธิฑูรย์ ผกก.สส.บก.ตม.4 ร่วมแถลงข่าวจับกุม โดยมีรายละเอียด ดังนี้

ตามนโยบายของ ผบก.ตม.4 ให้ตรวจสอบบุคคลต่างด้าวที่อยู่และเข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาตหรือการอนุญาติสิ้นสุดในพื้นที่ อีกทั้งเน้นย้ำป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 บก.ตม.4 โดยกองกำกับการสืบสวนสอบสวนตรวจคนเข้าเมือง 4 จึงนำรถยนต์ตรวจการอัจฉริยะ(BMW) ออกตรวจสอบพื้นที่รับผิดชอบ เมื่อพบบุคคลต่างด้าวต้องสงสัย และเดินทางมาจากประเทศที่มีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 อย่างรุนแรง จึงได้เชิญตัวมาตรวจสอบด้วยระบบสารสนเทศสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง(Biometrics) ซึ่งสามารถตรวจพบและจับกุมผู้กระทำความผิดได้ทั้งสิ้น จำนวน 14 ราย ได้แก่

 1. Mr.Njibili สัญชาติ แคมเมอรูน overstay จำนวน 2,779 วัน จับกุมได้ที่จังหวัดขอนแก่น

 2. Mr.Atemapac สัญชาติ แคมเมอรูน overstay จำนวน 1931 วัน จับกุมได้ที่จังหวัดขอนแก่น

 3. MR.SEN อายุ 25 ปี สัญชาติ กัมพูชา overstay จำนวน 1,436 วัน จับกุมได้ที่จังหวัดชัยภูมิ

 4. MR.MOHAMED อายุ 69 ปี สัญชาติ เมียนมา overstay จำนวน 1,350 วัน จับกุมได้ที่จังหวัดอุดรธานี

 5. MR.YOGESH อายุ 29 ปี สัญชาติ อินเดีย overstay จำนวน 1,267 วัน จับกุมได้ที่จังหวัดสุรินทร์

 6. MR.ANAND อายุ 19 ปี สัญชาติ อินเดีย overstay จำนวน 996 วัน จับกุมได้ที่จังหวัดร้อยเอ็ด

 7. MR.SHRAVAN อายุ 29 ปี สัญชาติ อินเดีย overstay จำนวน 979 วัน จับกุมได้ที่จังหวัดนครราชสีมา

 8. MR.BHOLA อายุ 31 ปี สัญชาติ อินเดีย overstay จำนวน 764 วัน จับกุมได้ที่จังหวัดยโสธร

 9. MR.SHAILENDRA อายุ 32 ปี สัญชาติ overstay จำนวน 742 วัน จับกุมได้ที่จังหวัดสุรินทร์

 10. MR.VALENDAR อายุ 31 ปี สัญชาติ อินเดีย overstay จำนวน 715 วัน จับกุมได้ที่จังหวัดยโสธร

 11. MR.RAJESH อายุ 32 ปี สัญชาติ overstay จำนวน 672 วัน จับกุมได้ที่จังหวัดนครราชสีมา

 12. MR.SANTOSH อายุ 41 ปี สัญชาติ อินเดีย overstay จำนวน 664 วัน จับกุมได้ที่จังหวัดมหาสารคาม

 13. Mr.Nwofor สัญชาติ แคมเมอรูน overstay จำนวน 495 วัน จับกุมได้ที่จังหวัดขอนแก่น

 14. MR.DINH อายุ 31 ปี สัญชาติ เวียดนาม overstay จำนวน 213 วัน จับกุมได้ที่จังหวัดหนองคาย

 จึงนำตัวผู้ต้องหาทั้งหมดส่งพนักงานสอบสวนในพื้นที่ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

สตม.ขอเรียนให้ท่านทราบว่า สตม. มีมาตรการในการตรวจสอบ กวดขัน และปราบปรามการกระทำความผิดในด้านต่างๆรวมทั้งดำเนินการตรวจสอบชาวไทยและชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตราย ต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน อันทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศชาติ หากประชาชนท่านใดพบเห็นเบาะแสการกระทำความผิด กรุณาแจ้งมายัง สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เลขที่ 507 ซ.สวนพลู แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กรุงเทพมหานคร 10120 หรือที่หมายเลขโทรศัพท์ 1178  หรือที่ www.immigration.go.th

เคลียร์ชัดๆ กับคำถามคาใจใครหลายคน ก่อนไปฉีดวัคซีนโควิด ดื่มชา กาแฟ ได้หรือไม่

เคลียร์ชัดๆ กับคำถามคาใจใครหลายคน ก่อนไปฉีดวัคซีนโควิด ดื่มชา กาแฟ ได้หรือไม่


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

คอบอลชาวไทยเฮ!! หลัง 'รองเท้าแอร์โร่ซอฟ' ทุ่ม 5 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ คว้าลิขสิทธิ์ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป หรือยูโร 2020 ยิงสด NBT2HD SPORT ครบ 51 นัด เริ่มคิกออฟคู่แรก อิตาลี VS ตุรกี คืนนี้ (ศุกร์ที่ 11 มิถุนายน 2564)

หลังจากมีคำถามกันหนาหูในหมู่คนไทยว่า 'ยูโร 2020' รอบนี้จะมีโอกาสได้รับชมกันทางฟรีทีวีหรือไม่ เนื่องจากยังไม่มีการประกาศอย่างชัดเจนจากหน่วยงานใดๆ ว่าจะมีการนำลิขสิทธิ์สัญญาณการถ่ายทอดสด 'ฟุตบอลยูโร 2020' มาเผยแพร่

แน่นอนว่าส่วนหนึ่งเพราะในสถานการณ์นี้ ทางภาครัฐบาลอาจจะไม่สามารถนำงบภาษีที่เก็บจากประชาชนมาคืนความสุข ด้วยการไปร่วมประมูลซื้อลิขสิทธิ์มาถ่ายทอดสดผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจ (ทีวีพูล) หรือผ่านช่องทางอื่นได้ ต้องเป็นช่องทีวีเอกชนเท่านั้น ถึงจะสามารถประมูลฟุตบอลยูโร มาถ่ายทอดสดให้คนไทยได้ดูกัน เพียงแต่ในช่วงที่ผ่านมาก็ยังไม่มีเอกชนรายใดขอซื้อลิขสิทธิ์เข้ามาถ่ายทอด จนคนไทยส่วนใหญ่น่าจะไปหวังพึ่งลิงก์เถื่อนที่ดูไปสะดุดไป อย่างไร้อรรถรส

อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 11 มิถุนายน 2564 ที่สังเวียนแข้งยูโร 2020 พร้อมคิกออฟนั้น คอบอลชาวไทยก็ยิ้มได้ถ้วนหน้า หลังจากมีการประกาศชัดถึงการถ่ายทอดบอลยูโร2020 ลงหน้าจอฟรีทีวีเมืองไทยเป็นที่แน่นอนแล้ว

ทั้งนี้การถ่ายทอดสดฟุตบอลยูโร 2020 ตลอด 51 นัดในครั้งนี้ เกิดขึ้นได้จากผู้สนับสนุนหลักอย่างบริษัท ซัมมิทฟุตแวร์ จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่าย รองเท้ายี่ห้อ 'แอร์โร่ซอฟ' ภายใต้ ‘นายโกมล จึงรุ่งเรืองกิจ’ ประธานกรรมการ ผู้ที่ตั้งใจจะมอบความสุขให้แก่คนไทยในยามโรคระบาดยังไม่จางหาย ได้รับชมกันเต็มอิ่มทุกนัดแบบไม่สะดุด

ในส่วนของลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดในครั้งนี้ ทางแอร์โร่ซอฟ เป็นภาคเอกชนรายเดียวในการทุ่มงบ 5 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซื้อสิทธิ์การถ่ายทอดสดจากทางสหพันธ์ฟุตบอลยุโรปหรือ 'ยูฟ่า' เพื่อให้คนไทยได้รับชมการถ่ายทอดสดฟรีทุกนัดตลอด 1 เดือน (11 มิ.ย. - 11 ก.ค.64) ทางช่อง NBT2HD SPORT

สำหรับ ‘นายโกมล จึงรุ่งเรืองกิจ’ ประธานกรรมการ บริษัท ซัมมิทฟุตแวร์ จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่าย รองเท้ายี่ห้อ 'แอร์โร่ซอฟ' ถือเป็นอีกผู้ใหญ่ใจดีของสังคมไทย และเป็นบุคคลที่มักเข้ามาช่วยเหลือเรื่องใหญ่ๆ ในสังคมไทยแบบไม่ออกหน้าอย่างต่อเนื่อง โดยก่อนหน้านี้ได้บริจาคเงิน จำนวน 100 ล้านบาท พร้อมด้วยอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่จำเป็น ประกอบด้วย อุปกรณ์ป้องกันใบหน้าและตา (Face Shield) จำนวน 3,000 ชิ้น และเครื่องช่วยหายใจไฮโฟลว์ (Airvo 2) จำนวน 10 ชิ้น ให้กับมูลนิธิโรงพยาบาลศิริราช เพื่อสนับสนุนการดูแลรักษาผู้ป่วยโควิด-19 และจัดหาอุปกรณ์ทางการแพทย์ใช้ในการรักษา


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

“แรมโบ้” ยัน ไร้สัญญาณยุบสภาฯ แย้ม เงื่อนไขเดียวแยกทาง “พรรคร่วมทำงานไม่ได้” 

นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกระแสข่าวยุบสภาว่า ยืนยันว่ายังไม่มีสัญญาณยุบสภาฯจากนายกรัฐมนตรี ตามที่มีกระแสข่าวแน่นอน และการทำงานในสภาฯ ยังเป็นไปได้ด้วยดี เห็นได้จากสภาฯ เห็นชอบร่างพ.ร.บ.งบประมาณ ปี 65 วาระแรกและพ.ร.ก.กู้เงิน 5 แสนล้านบาท ที่ฝ่ายค้านบางส่วนโหวตเห็นชอบด้วย และเวลา 1 ปีที่เหลือของรัฐบาลยังต้องเร่งรัดทำงานแก้ไขปัญหาให้ประชาชน หากไม่มีผลงานประชาชนจะไม่ไว้วางใจ และมั่นใจว่านายกฯจะไม่ทำอย่างนั้น เพราะสภาฯ ไม่ได้มีความผิด และพรรคร่วมรัฐบาล ไม่มีสัญญาณถอนตัว ทุกนโยบายของพรรคร่วมที่หาเสียงไว้ หากเป็นนโยบายที่ดีประชาชนได้ประโยชน์ก็ผลักดันเป็นนโยบายรัฐบาล

นายเสกสกล กล่าวว่า เงื่อนไขเดียวหากจะยุบสภาฯคือพรรคร่วมทำงานร่วมกันไม่ได้ เพราะมองแต่ผลประโยชน์ของตนเองหรือพรรค มากกว่าประชาชน แต่ตอนนี้ทำงานร่วมกันได้ดีมีเอกภาพ ความคิดเห็นที่แตกต่างถือเป็นเรื่องธรรมดา แต่รัฐมนตรีทุกคนของพรรคร่วมรัฐบาล คิดถึงแต่ประชาชนและประเทศชาติ เหมือนกับฝ่ายนิติบัญญัติ ที่ฝ่ายค้านและรัฐบาลยังทำงานร่วมกันได้ สามารถเสนอแนะรัฐบาลผ่านเวทีสภาฯ หรือกรรมาธิการได้ แต่อย่าบิดเบือนข้อเท็จจริงหรือโจมตีใส่ร้ายป้ายสีนายกฯ และครม. ทำลายขัดขวางการทำงานของรัฐบาล มากเกินไปเพราะประชาชนอาจจะเสียโอกาสได้

“ประยุทธ์” หารือเอกอัครราชทูตอินโดนีเซีย เร่งยกระดับการค้าและการลงทุน เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจหลังสถานการณ์โควิด-19

ที่ห้องสีงาช้าง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล นายรัคมัต บูดีมัน (H.E. Mr. Rachmat Budiman) เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐอินโดนีเซียประจำประเทศไทยเข้าเยี่ยมคารวะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในโอกาสเข้ารับตำแหน่ง

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่าอินโดนีเซียเป็นพันธมิตรที่ใกล้ชิด มีความสัมพันธ์ที่ราบรื่นมาอย่างต่อเนื่อง มีความร่วมมือที่แน่นแฟ้นทั้งในระดับภูมิภาคและระหว่างประเทศ หวังว่าความรู้และประสบการณ์ของเอกอัครราชทูตอินโดนีเซีย จะช่วยกระชับความสัมพันธ์และยกระดับความร่วมมือระหว่างทั้งสองฝ่ายให้เพิ่มมากยิ่งขึ้นในทุกมิติ โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรียังฝากความปรารถนาดีไปยังประธานาธิบดีอินโดนีเซีย และภริยา พร้อมขอบคุณรัฐบาลอินโดนีเซียที่ให้การสนับสนุนสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงจาการ์ตา ในการอำนวยความสะดวกในการนำคนไทยกลับประเทศไทยตลอดช่วงสถานการณ์โควิด-19 

เอกอัครราชทูตอินโดนีเซีย กล่าวแสดงความรู้สึกยินดีที่ได้มาดำรงตำแหน่งในไทย พร้อมยืนยันจะช่วยส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างไทย-อินโดนีเซีย ให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นทั้งในระดับทวิภาคีและอาเซียน โดยใช้ประโยชน์จากกลไกทวิภาคีและกรอบความร่วมมือในอาเซียนและพหุภาคีให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ทั้งสองฝ่าย ทั้งความร่วมมือในการฟื้นฟูเศรษฐกิจจากผลกระทบของสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ความร่วมมือด้านการประมง ความมั่นคง การศึกษา รวมถึงการแลกเปลี่ยนทางด้านวัฒนธรรมและดนตรี

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากนั้นทั้งสองฝ่ายได้หารือถึงความร่วมมือเพื่อการฟื้นฟูหลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 โดยต่างเห็นพ้องว่า ทั้งสองประเทศมีศักยภาพที่จะต่อยอดจากความร่วมมือทางเศรษฐกิจที่มีอยู่ และขยายความร่วมมือทางการค้าและการลงทุนให้เพิ่มขึ้นด้วยกันทั้งสองฝ่าย เพื่อสนับสนุนให้เกิดการฟื้นฟูเศรษฐกิจของทั้งสองประเทศ ผ่านการส่งเสริมการค้า และหาแนวทางลดอุปสรรคทางการค้าในสาขาที่เป็นผลประโยชน์ร่วมกัน อาทิ สินค้าเกษตร และประมง โดยนายกรัฐมนตรียินดีสนับสนุนการลงทุนของภาคเอกชนไทยในอินโดนีเซีย และขอให้อินโดนีเซียช่วยดูแลและอำนวยความสะดวกแก่นักลงทุนไทยในอินโดนีเซีย ขณะเดียวกันรัฐบาลไทยเชิญชวนให้มีการลงทุนในไทย เพิ่มเติม ซึ่งเอกอัครราชทูตอินโดนีเซียกล่าวว่ายินดีสนับสนุนการลงทุนในไทย และมีภาคเอกชนของอินโดนีเซียหลายแห่งสนใจ 

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีและเอกอัครราชทูตอินโดนีเซีย ยังหารือถึงความร่วมมือด้านความมั่นคง โดยหวังว่าเมื่อสถานการณ์โรคโควิด-19 คลี่คลาย ทั้งสองฝ่ายจะขับเคลื่อนกิจกรรมและความร่วมมือต่าง ๆ เช่น การประชุมเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร การศึกษาและการฝึกอบรมด้านความมั่นคงและป้องกันประเทศ รวมทั้งการปราบปรามยาเสพติด ให้มีความคืบหน้าต่อไป

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรียังยืนยันความร่วมมือกับอินโดนีเซียและอาเซียนในการแก้ไขสถานการณ์ความไม่สงบในเมียนมา โดยไทยสนับสนุนฉันทามติ 5 ข้อของอาเซียน และหวังว่าปัญหาในเมียนมาจะสามารถแก้ไขด้วยสันติวิธี

"ชัยวุฒิ" จับตาพนันออนไลน์ช่วงฟุตบอลยูโร-โคปาฯ ลั่นเอาจริงจับทุกเว็บ ฮึ่ม “พริตตี้-คอลัมนิสต์-เน็ตไอดอล” โฆษณาแอบแฝงโดนด้วย

นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทอลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) เปิดเผยว่า ตนได้ประสานงานศูนย์ปราบการอาชญากรรมทางเทคโนโลยี สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปอส.ตร.) เพื่อดำเนินการปราบปรามการกระทำผิด ลักลอบเปิดเว็บพนันออนไลน์ทุกประเภท โดยเฉพาะการเล่นพนันฟุตบอลออนไลน์ ซึ่งเป็นที่นิยม และพบว่ามีการเปิดเว็บไซต์เพื่อให้ประชาชนเข้าไปเล่นการพนันแพร่ระบาดอย่างหนัก ที่ผ่านมากระทรวงดีอีเอส และ ศปอส.ตร.ได้ดำเนินการจับกุมผู้กระทำผิดเป็นจำนวนมาก ตลอดจนการประสานกับ สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ไปยังโอเปอเรเตอร์ผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ และผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตทุกรายในการร่วมมือกันเฝ้าระวังและรวบรวมข้อมูลเพื่อดำเนินการปิดกั้นเว็บไซต์พนันต่างๆ

“ผมกำชับให้ทุกหน่วยงานร่วมกันปราบปรามการพนันทุกรูปแบบและบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มข้นอย่างต่อเนื่อง เพราะการพนันถือเป็นปัญหาระดับชาติ และส่งผลไปสู่ปัญหาในครอบครัว เนื่องจากมีการมอมเมาประชาชนทั้งผู้ใหญ่ และเยาวชน สร้างความเสียหายมากมายทั้งในแง่เศรษฐกิจ และสังคม” นายชัยวุฒิ กล่าว

รมว.ดีอีเอส กล่าวด้วยว่า จากสถิติที่ผ่านมาพบว่า ยอดการเล่นพนันทั้งออฟไลน์ และออนไลน์จะสูงมากขึ้นในช่วงที่มีการแข่งขันทัวนาเมนทร์สำคัญ ดังนั้นช่วงที่มีการแข่งขันฟุตบอลแห่งชาติยุโรป หรือยูโร 2020 ที่จะมีขึ้นในวันที่ 12 มิ.ย.นี้ รวมถึงรายการโกปาอาเมริกา 2021 หรือฟุตบอลชิงแชมป์ทวีปอเมริกาใต้ ที่จะเริ่มในช่วงไล่เลี่ยกัน ตนจึงสั่งการให้ทุกหน่วยงานตรวจสอบ และค้นหาเว็บไซต์ที่กระทำผิดทั้งในลักษณะการพนัน หรือการแอบแฝงโดยการทายผลการแข่งขันฟุตบอล ซึ่งหากพบการกระทำผิดกฎหมายจะดำเนินปิดทุกเว็บไซต์

“ผมไม่ได้ขู่ ผมทำจริง เพราะมีสถิติบ่งบอกว่าในช่วงที่มีมหกรรมการกีฬาใหญ่ๆ จะมีพวกที่อาศัยจังหวะมอมเมาประชาชนด้วยการจัดให้มีการทายผลการแข่งขัน เรื่องนี้ผมจะดำเนินการอย่างเด็ดขาด เพราะต้องการให้ใช้โลกโซเชียล สังคมออนไลน์ กันอย่างสร้างสรรค์ และมีประโยชน์ให้มากที่สุด" นายชัยวุฒิ กล่าว

นายชัยวุฒิ กล่าวอีกว่า ขอเตือนไปยังผู้ใช้ช่องทางโซเชียลมีเดียโฆษณาให้ประชาชนเข้าไปเล่นการพนัน ไม่ว่าจะเป็นพริตตี้ คอลัมนิสต์ หรืออินฟูลเอนเซอร์ทั้งหลาย หากพบว่าเข้าข่ายเชิญชวนให้เล่นการพนัน ถือว่ามีความผิดด้วยเช่นกัน จึงขอให้งดการกระทำที่เป็นการโฆษณาชวนเชื่อในทุกประเภท ทั้งนี้ผู้ที่มีเบาะแสพนันออนไลน์สามารถแจ้งได้ที่เพจกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม https://www.facebook.com/prmdes.official/ และสายด่วนกระทรวงดีอีเอส 1212 ตลอด 24 ชม. โดยข้อมูลจะถูกปกปิดเป็นความลับ

โฆษกก้าวไกล แนะ รมว.ศธ. นำงบ 5 แสนล้านที่เพิ่งผ่านสภา มาปรับใช้ในการเยียวยาสถานศึกษา-ผู้ปกครอง เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายในช่วงเปิดเทอม 14 มิถุนายนนี้

นางสาวสุทธวรรณ สุบรรณ ณ อยุธยา โฆษกพรรคก้าวไกล กล่าวถึง การเปิดภาคเรียนของสถานศึกษาในวันที่ 14 มิถุนายนนี้ ตามที่กระทรวงศึกษาธิการออกประกาศ โดยก่อนหน้านี้ 27 พฤษภาคม คุณตรีนุช เทียนทอง รมว.ศธ.ออกประกาศกำหนดแนวปฏิบัติการเก็บเงินบำรุงการศึกษา ค่าธรรมเนียมการศึกษา ค่าธรรมเนียมการเรียน และค่าธรรมเนียมอื่น ให้โรงเรียนหรือสถานศึกษาในสังกัดหรือในกำกับของ ศธ. ถือปฏิบัตินั้น ตนมองว่าภาระไปตกอยู่กับโรงเรียนเอกชนขนาดเล็กและขนาดกลาง ซึ่งรับภาระค่าใช้จ่ายหนัก คุณตรีนุชต้องดูด้วยว่าต้นทุนที่จะลดได้มาจากไหน ไม่ใช่ประกาศลดแล้วสั่งให้โรงเรียนปฏิบัติตามคำสั่งของคุณเท่านั้น ในสถานการณ์ภายใต้สภาวะวิกฤตเช่นนี้ เราต้องการรัฐที่มีประสิทธิภาพและรับผิดชอบชีวิตของประชาชนในทุกมิติ 

นาวสาวสุทธวรรณ ระบุอีกว่า แน่นอนว่าเราเห็นด้วยกับการคืนเงินบำรุงการศึกษาให้กับผู้ปกครองในส่วนที่ไม่ได้จัดกิจกรรมการเรียนการสอนในระหว่างการแพร่ระบาดของโควิด แต่ในอีกมิตินึงท่านไม่ควรโยนภาระในแก่สถานศึกษามากจนเกินไป เพราะโรงเรียนทุกโรงเรียน ไม่ว่าจะรัฐหรือเอกชน ก็มีค่าใช้จ่ายที่เป็น fixed cost กันอยู่แล้วทุกเดือน ทั้งเงินเดือนครู แม่บ้าน รปภ. ธุรการ ที่ต้องจ่าย ส่วนภาครัฐที่เป็นข้าราชการอาจไม่เท่าไหร่ แต่คนที่เป็นสัญญาจ้างต่าง ๆ ถ้าลดต้นทุนออกตรงนี้ไปจะลำบากทันที ส่วนเอกชนไม่ว่าจะขยับส่วนไหนทุกอย่างเป็นค่าใช้จ่ายหมด เงินเดือนบุคลากร ค่าบำรุงรักษาสถานที่ ค่าบริหารจัดการ ค่าสาธารณูปโภค ในส่วนนี้ไม่ได้ลดลง ถ้าโรงเรียนไหนกู้เงินมาลงทุนปรับปรุงพื้นที่ ดอกเบี้ยที่กู้มาก็ยังคงวิ่งไปอยู่ ที่ผ่านมารัฐไม่ได้มีมาตรการช่วยเรื่องการพักเงินต้นและดอกเบี้ยอย่างเป็นรูปธรรมเลย ดังนั้นค่าใช้จ่ายที่ท่านคิดจะนำมาเป็นส่วนลดให้ผู้ปกครองได้ในความเป็นจริงจึงไม่มากนัก 

ทั้งนี้นางสาวสุทธวรรณยังให้กระทรวงศึกษาธิการทบทวนมาตรการที่ออกมาในทุกมิติอีกครั้ง ท่านควรจ่ายเงินอุดหนุนเพื่อช่วยเหลือผู้ปกครองแทนโรงเรียนเหล่านั้น โดยการใช้ก้อนเงินกู้ 500,000 ล้าน ที่เพิ่งผ่านสภาไปมาบริหารจัดการ นอกจากนี้ ศธ.ยังควรกำหนดมาตรการเพื่อช่วยเหลือผู้ปกครองให้ชัดเจน เช่น ชุดนักเรียน ยังไม่จำเป็นต้องให้ซื้อใหม่ เรียนออนไลน์ยิ่งไม่ต้องใช้ เพื่อลดภาระค่าใช้จ่าย วันที่นักเรียนต้องไปโรงเรียนควรอนุโลมเรื่องการแต่งกาย ไม่ต้องใส่ชุดนักเรียนก็ได้ ให้ใส่ชุดไปรเวทที่สุภาพแทน นี่เป็นพื้นฐานที่เรียบง่ายที่สุดที่กระทรวงศึกษาธิการจะสามารถลดภาระผู้ปกครองและสถานศึกษาได้

“เพจ เรือดำน้ำไทย” โพสต์คลิป ขนขุนพลลูกประดู่แจงเหตุจำเป็นต้องมีเรือดำน้ำ เสริมมิติปฏิบัติการใต้น้ำ ชี้อาจดูเป็นเรื่องไกลตัว แต่อยากให้เข้าใจว่ามีความจำเป็น ไม่อยากกลายเป็นจำเลยอีกต่อไป

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า “เพจ เรือดำน้ำไทย Thai Submarines” ของกองทัพเรือ ได้เผยแพร่สารคดีกองทัพเรือ โดยโพสต์ข้อความระบุว่า “ความคิด ความเข้าใจ และความจริงใจในการบอกเล่าครั้งใหม่ถึงเรื่องราวของ "เรือดำน้ำ" ...อย่าให้การทำหน้าที่เป็นจำเลยอีกต่อไป” พร้อมคลิปวิดีโอ ซึ่งมีตอนหนึ่งชี้แจงถึงเหตุผลและความจำเป็นการมีเรือดำน้ำ โดยพล.ร.ต.นเรศ วงศ์ตระกูล ผู้อำนวยการสำนักปฏิบัติการ กรมยุทธการทหารเรือ กล่าวว่า กองทัพเรือให้ความสำคัญกับปัญหาที่เกิดขึ้นทุกวันนี้ แต่สิ่งสำคัญภารกิจหลักกองทัพเรือต้องเตรียมความพร้อมในการปกป้อง รักษา อธิปไตยของชาติและความมั่นคงทางทะเลตามอำนาจหน้าที่ที่กำหนดไว้ตามกฎหมาย กองทัพเรือจำเป็นต้องมีเครื่องมือเหล่านี้ปฏิบัติการในลักษณะผสมผสานร่วมกัน ทั้งบนอากาศ ผิวน้ำ และใต้น้ำ ซึ่งเรือดำน้ำของกองทัพเรือถูกปลดประจำการไปแล้ว และไม่ได้รับการจัดหาอีกเลย  ทำให้เราขาดการปฏิบัติการมิติใต้น้ำตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา และกองทัพเรือพยายามปรับลดความเสี่ยงที่เกิดขึ้นด้วยการใช้เครื่องมืออื่นๆ แต่ก็ยังเกิดความเสี่ยงที่สูงอยู่ 

ด้านพล.ร.อ.เชษฐา ใจเปี่ยม โฆษกกองทัพเรือ กล่าวว่า เรื่องราวระหว่างหลักประกันความมั่นคงของชาติทางทะเลกับการช่วยเหลือประชาชนในเวลาที่ชาติประสบภาวะวิกฤต กองทัพเรือเป็นหน่วยงานหนึ่งที่ตั้งใจทำทุกอย่างอย่างสุดกำลัง โดยเฉพาะวิกฤตที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ขณะนี้ เราได้ทุ่มเทกำลังพล ยุทโธปกรณ์ ตลอดจนการปรับงบประมาณทุกภาคส่วนมารองรับ สำหรับการสร้างการรับรู้เรื่องกำลังรบอันเป็นหลักประกันความมั่นคงของชาติทางทะเล อาจดูเป็นเรื่องไกลตัว ในภาวะการณ์เช่นนี้ แต่อยากให้เข้าใจว่ามีความจำเป็นที่จะต้องสร้างการรับรู้ร่วมกัน เพียงแต่อยากบอกถึงการทำหน้าที่ของเราโดยตระหนักถึงสถานการณ์ในปัจจุบัน อย่าให้การทำหน้าที่นี้ของเรากลายเป็นจำเลยอีกต่อไป

ผู้สื่อข่าวรายงาน ทั้งนี้เป็นที่น่าสังเกตว่าการเผยแพร่คลิปดังกล่าวนั้น คาดว่าเพื่อต้องการสร้างความรับรู้และความเข้าใจกับประชาชน เพราะในช่วงนี้ทางสภาฯ โดยคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณจ่ายประจำปีงบประมาณพ.ศ.2565 กำลังมีการพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณปีพ.ศ.2565 อยู่ในขณะนี้

แนะดันไทยสู่สังคมไร้เงินสด รัฐยังต้องพัฒนาอีกเพียบ

สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เปิดเผยถึงแนวทางการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานระบบการชำระเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์แห่งชาติ หรือเนชั่นแนล อี-เพย์เมนต์ ว่า การทำธุรกรรมไร้เงินสดของไทยยังมีมูลค่าที่ไม่สูงมากนักหากไทยต้องการยกระดับให้เป็น สังคมไร้เงินสดมากขึ้น จำเป็นต้องได้รับการพัฒนาขึ้นอีก แต่ก็ยังพบว่ามีช่องว่างหรือข้อจำกัดในทางปฏิบัติ เช่น ทักษะด้านดิจิทัลของคนไทยอยู่ในระดับต่ำ โดยเฉพาะกลุ่มประชากรผู้มีรายได้น้อยและผู้สูงอายุ เห็นได้จากจำนวนคนไม่น้อยที่ต้องเดินทางมาลงทะเบียนรับสิทธิ์ช่วยเหลือของรัฐที่ธนาคารเอง 

ขณะเดียวกันยังพบอีกว่า ในด้านโครงสร้างพื้นฐานเกี่ยวกับอินเทอร์เน็ตยังไม่ครอบคลุม และมีต้นทุนสูงเมื่อเทียบกับรายได้ของกลุ่มผู้รายได้น้อย จึงเป็นข้อจำกัดในการเข้าถึงและการใช้เทคโนโลยี รวมถึงอาจนำไปสู่พฤติกรรมเสี่ยงต่อการถูกหลอกและการสูญเสียทางการเงินได้อีกด้วย 

ทั้งนี้ สศช. มีข้อเสนอแนะแนวทางในการส่งเสริม และแก้ไขข้อจำกัดเพื่อนำไปสู่การเป็นสังคมไร้เงินสด คือ ภาครัฐควรสนับสนุนให้มีโครงข่ายอินเทอร์เน็ต ความเร็วสูงที่ครอบคลุมและมีคุณภาพมากขึ้น โดยเฉพาะในพื้นที่ห่างไกล รวมถึงอาจมีการอุดหนุนช่วยเหลือการเข้าถึง อุปกรณ์และสัญญาณอินเทอร์เน็ตของกลุ่มผู้มีรายได้น้อย และการเสริมสร้างการมีทักษะความรู้ด้านการเงินและ ความรู้ดิจิทัล โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบางที่อาจเข้าไม่ถึงองค์ความรู้และตามไม่ทันเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว เพื่อให้เท่าทันและปูองกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากภัยคุกคามทางดิจิทัล 

รวมทั้งการสนับสนุนและส่งเสริมให้มี ระบบธุรกรรมทางการเงินในรูปแบบดิจิทัลอย่างทั่วถึงและครอบคลุม โดยเฉพาะร้านค้ารายย่อยให้มีบริการ รับชำระเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อนำไปสู่การใช้งานที่แพร่หลายของบริการทางการเงินรูปแบบดิจิทัลมากยิ่งขึ้น  เช่นเดียวกับการมีกลไกติดตามดูแลรักษาฐานข้อมูลและความปลอดภัยทางไซเบอร์ที่มีความรัดกุมทันต่อการเปลี่ยนแปลง ทางเทคโนโลยี เพื่อสร้างความเชื่อมั่นแก่ประชาชนในการใช้บริการ และการนำข้อมูลธุรกรรมทางการเงิน อิเล็กทรอนิกส์มาใช้ประโยชน์ต่อยอด ทั้ง การพัฒนาเครื่องมือทางการเงินในการให้กู้ยืม รวมทั้งการนำข้อมูล มาใช้ประกอบการให้ความช่วยเหลือประชาชนได้ เพื่อลดการตกหล่นและคัดกรองกลุ่มเป้าหมายได้อย่างรวดเร็ว


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top