Monday, 12 May 2025
NewsFeed

“บิ๊กตู่” ยันพรรคร่วมไร้ปัญหา หลัง “ชาดา” ชวน “เสี่ยหนู” กลับบ้าน เจ้าตัวแจงกลางวง ครม.สมาชิกอาจเข้าใจผิด เตรียมลุกแจงในสภา พร้อมทำความเข้าใจสมาชิกพรรค

ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ตอบคำถาม แทนพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชานายกรัฐมนตรี ที่ได้มอบหมายให้ตอบคำถามสื่อมวลชน ถึงเหตุผลที่ ศบค. ชะลอ มติ กทม.ในเรื่องการผ่อนคลายกิจการกิจกรรม 5 ประเภทว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดในภาพรวมของกรุงเทพมหานคร ปัจจุบันยังคงมีอยู่ ดังนั้นการที่คณะกรรมการโรคติดต่อ ของกรุงเทพมหานคร ประชุมกันและมีผลสรุปออกมานั้น ก็ยังไม่ได้มีการนำเสนอเข้าศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล ดังนั้นมติของคณะกรรมการโรคติดต่อกรุงเทพมหานครจึงยังไม่มีผล เป็นเพียงการแถลงข่าวผลประชุมของคณะกรรมการ โรคติดต่อ กทม. ซึ่งจะต้องนำเข้าสู่การพิจารณาของ ศบค.ชุดใหญ่อีกครั้งก่อน เพื่อพิจารณารายละเอียดต่างๆ จึงได้มีการชะลอมติดังกล่าวไว้ ยืนยันว่าคำสั่งดังกล่าวของ กทม.ยังไม่มีผล แต่ยอมรับว่าอาจส่งผลทำให้ประชาชนเกิดความสับสนในเบื้องต้น 

นายอนุชา กล่าวว่า ในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้มีการพูดถึงเรื่องของงบประมาณในส่วนของกระทรวงสาธารณสุข ดังนั้นที่สื่อมวลชนถามว่า นายกรัฐมนตรีมีความเห็นอย่างไร ต่อท่าทีของพรรคร่วมรัฐบาลที่ไม่พอใจกับการจัดสรรงบประมาณนั้น เรื่องดังกบ่าว พล.อ.ประยุทธ์ได้ชี้แจงว่า เรื่องดังกล่าวหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลจะได้มีการพูดคุยกับสมาชิกพรรคของตัวเองในรายละเอียดเพิ่มเติม ซึ่งในที่ประชุม ครม.วันเดียวกันนี้นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้ชี้แจงว่าอาจจะเกิดการเข้าใจผิดกันในเรื่องการจัดสรรงบประมาณ เพราะนอกเหนือจากงบประมาณในรายกระทรวงแล้ว ในส่วนของกระทรวงสาธารณสุข ยังมีงบประมาณอื่นๆทั้งที่เป็นงบกลาง และงบที่นำมาใช้จากกรอบวงเงินกู้ ซึ่งเมื่อนำมาบวกกันแล้ว จะเห็นได้ว่ารัฐบาลให้ความสำคัญในการแก้ไขปัญหา โควิด-19 

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า งบประมาณในส่วนของกระทรวงสาธารณสุขมีอยู่ทั้งสิ้นประมาณ 153,900 กว่าล้านบาทก็จริง แต่ยังมีในส่วนของงบประมานที่ตั้งไว้ที่กองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ และมีงบประมาณที่ตั้งไว้ที่กองทุนการแพทย์ฉุกเฉินอีก เพราะฉะนั้นเมื่อรวมกันแล้วก็จะมีวงเงินในส่วนของงบปกติตั้งไว้ถึง 293,000 กว่าล้านบาท แต่ไม่ได้มีการพูดถึง มีการพูดถึงเฉพาะงบที่กระทรวงสาธารณสุขได้รับจึงอาจทำให้เกิดความเข้าใจผิดขึ้นมาได้ ตัวอย่างเช่นงบที่มาจากงบกลางล่าสุดที่ได้มีการอนุมัติไป 311 ล้านบาท เพื่อให้เป็นค่าใช้จ่ายในการป้องกันโรค โควิด-19 ในเรือนจำและทัณฑสถานทั่วประเทศ ส่วนนี้ก็เป็นงบประมาณที่มาจากกรอบวงเงินรายจ่ายประจำปีที่เป็นงบกลาง เป็นรายการค่าใช้จ่ายเพื่อบรรเทาแก้ไขปัญหาเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากโรค โควิด-19 นอกจากนี้งบกลางยังมีอีกหลายส่วนที่ดำเนินการไปแล้ว อาทิ รัฐบาลได้จัดให้มี สถานกักกันโรคที่รัฐจัดให้กับประชาชนที่ต้องกักตัว 14 วัน หรือ State Quarantine ที่ผ่านมา ครม. ได้ใช้งบกลางในการดูแล โดยประชาชนไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดใด หรือแม้กระทั่งการจัดหาวัคซีน จำนวนหลาย 10 ล้านโด้ส ก็ใช้เงินจากงบกลางทั้งสิ้น ไม่ได้ผ่านมาในส่วนของงบกระทรวงสาธารณสุข หากไปดูตัวเลขของกระทรวงสาธารณสุขอย่างเดียวก็จะไม่สามารถเห็นตัวเลขที่รัฐบาลใช้ในการควบคุมการแพร่ระบาดของโรค โควิด-19 ได้ ต้องนำงบประมาณในส่วนอื่นๆ ทั้งงบจากเงินกู้ งบจากส่วนกลางมาบวกรวม ทั้งการคัดกรองผู้ติดเชื้อ การจัดหารถโมบายในการตรวจคัดกรองต่างๆ ทั้งหมดมาจากงบเงินกู้ทั้งสิ้น

“ประเด็นที่สื่อมวลชนสอบถามมาว่านายกรัฐมนตรีจะแก้ปัญหา และดูแลพรรคร่วมรัฐบาลอย่างไร หลังเกิดความระหองระแหงขึ้นมานั้น เรื่องดังกล่าว พล.อ.ประยุทธ์ ยืนยันว่าไม่ได้มีความระหองระแหงในพรรคร่วมรัฐบาลอะไรทั้งสิ้น ในการประชุมครม.ก็ได้มีการพูดคุยกันด้วยดีทุกอย่าง ทุกพรรคการเมืองที่เป็นพรรคร่วมรัฐบาลก็ได้มีการชี้แจงว่าจะได้ทำการพูดคุยกับสมาชิกของพรรคตัวเองเพื่อ ชี้แจงให้เกิดความเข้าใจในรายละเอียดเพิ่มเติม โดยนายอนุทิน ได้บอกว่าในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรหลังจากที่สมาชิกได้อภิปรายในบางส่วนแล้ว ก็จะลุกขึ้นชี้แจงด้วยตัวเองถึงงบประมาณของกระทรวงสาธาณสุขที่ได้รับอย่างเหมาะสม โดยนายกรัฐมนตรีได้กรุณาจัดสรรงบประมาณทั้งในส่วนของงบกลาง  งบเงินกู้เพิ่มเติมให้กับกระทรวงสาธารณสุขด้วย ยืนยันว่าการทำงานของรัฐบาลในปัจจุบันไม่มีปัญหาใดใดทั้งสิ้น ยังทำงานด้วยความพยายามที่จะทำทุกสิ่งทุกอย่างให้ประชาชนมีความชัดเจนในทุกเรื่องไม่ว่าจะเป็นเรื่องการจัดการการฉีดวัคซีน การจัดหาวัคซีนทั้งวัคซีนหลักและวัคซีนทางเลือก รัฐบาลจะดำเนินการทุกอย่างเพื่อให้การแพทยระบาดของโรค โควิด-19 ทุเลาลงให้ได้มากที่สุด”นายอนุชากล่าว

นายอนุช่ กล่าวว่า ส่วนเรื่องการเยียวยาต่างๆนั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณา โดยเฉพาะเงิน 5 แสนล้าน จาก พ.ร.ก.เงินกู้ ก็จะมีการนำเข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร ก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้รับความร่วมมือที่ดีจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทุกคน โดยแผนงานทั้งหมดมีอย่างชัดเจนว่าจะใช้เงินจำนวน 5 แสนล้านบาทอย่างไร จะนำไปใช้ในกรอบอย่างไรบ้าง ซึ่งทั้งหมดเกี่ยวข้องกับกระทรวงสาธารณสุขทั้งสิ้น ทั้งการจัดหาเวชภัณฑ์ การจัดหาอุปกรณ์ต่างๆในการดูแลผู้ป่วย การจัดหาวัคซีน การเยียวยาในอนาคตให้กับประชาชนและการฟื้นฟูเศรษฐกิจ

‘สุเทพ’ จี้ รัฐบาลเยียวยา ‘นวดสปา’ หลัง กมธ.แรงงานฯ รับเรื่องร้องขอความเป็นธรรม ซัด ‘ประยุทธ์’ ต้นตอปัญหาควรลาออก เพื่อเปิดทางมีรัฐบาลใหม่ ด้าน ‘ทวีศักดิ์’ ชี้ คำสั่ง กทม.- ศบค. ขาดความชัดเจน เล่นกับความทุกข์ร้อนของประชาชน

สุเทพ อู่อ้น ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการเเรงงาน สภาผู้เเทนราษฎร พร้อม ทวีศักดิ์ ทักษิณ กรรมาธิการฯ รับหนังสือร้องของความเป็นธรรมจากกลุ่มอาชีพนวดและสปา ที่เรียกร้องให้รัฐบาลให้ผ่อนปรนเเละยกเลิกมาตรการสั่งปิด หลังได้รับผลกระทบจากมาตรการควบคุมการเเพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา 2019 ทั้ง 3 ระลอก เเต่ไม่ได้รับการเยียวยาใดๆ จากภาครัฐ 

สุเทพ กล่าวว่า ตนรู้สึกเศร้าใจกับการบริหารงานของรัฐบาลที่ส่งผลกระทบเดือดร้อนกับพี่น้องประชาชน ซึ่งเกิดจากความไม่ชัดเจนด้านนโยบายของ ศบค.และรัฐบาล ความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน ผู้ใช้เเรงงาน ผู้ประกอบการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ประกอบการในภาคส่วนต่างๆที่ไม่ได้รับอนุญาตให้เปิดสถานประกอบการ ทั้งร้านนวดเเละสปา ร้านอาหาร สนามกีฬา หรือสถานประกอบการ อื่นๆ ทั้งหมด ตนจะนำเรื่องเข้าสู่ที่ประชุมของคณะกรรมาธิการเพื่อดำเนินการอย่างเร่งด่วน ขณะนี้มีหลายกลุ่มที่เดือดร้อนมาก เช่น พี่น้องเเรงงานนอกระบบกลุ่มรถยนต์ขับขี่สาธารณะ (แท็กซี่), กลุ่มลูกจ้างที่ถูกเลิกจ้างกว่า 1,300 คน จากบริษัทบิลเลียน จังหวัดสมุทรปราการ ซึ่งนับตั้งเเต่ถูกเลิกจ้างยังไม่ได้รับการเยียวยาจากผู้ประกอบการ จากสถานการณ์ที่มีความลำบากไปทั่วเช่นนี้ จึงขอเรียกร้องให้ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ลาออกเพื่อเปิดทางให้บุคคลมีความสามรถเข้ามาบริหารงานแทน 

ด้าน ทวีศักดิ์ ทักษิณ ในฐานะกรรมาธิการฯ กล่าวว่า กลุ่มผู้ประกอบการนวดแผนไทยเเละสปา ได้รับผลกระทบเป็นวงกว้างจากนโยบายที่ไม่ชัดเจนของภาครัฐที่ใช้ควบคุมการเเพร่ระบาดไวรัสโคโรนา 2019 ซึ่ โดย เมื่อวานนี้ (31 พ.ค. 64 ) ทางกรุงเทพมหานครออกมาตรการปลดล็อก 5 กลุ่มธุรกิจซึ่งมีร้านนวดเเละสปาให้กลับมาเปิดกิจการได้ เเต่ไม่ทันข้ามวัน ในช่วงเย็น ทางศบค.กลับออกเเถลงการณ์ให้ชะลอมาตรการดังกล่าว จึงส่งผลกระทบต่อทางด้านจิตใจของพี่น้องประชาชนเเละผู้ประกอบการมาก เพราะทันที่ที่ได้ข่าวว่าปลดล็อก จากต้นทุนที่ไม่มีอยู่แล้วด้วยหวังว่าจะเปิดกิจการได้จึงไปกู้หนี้ยืมสินแต่สุดท้ายก็โดนยกเลิกไป เรื่องความเดือดร้อนของประชาชนแบบนี้ไม่ควรเกิดรัฐบาลต้องมีความชัดเจนต่อกรณีที่เกิดขึ้น

พิทักษ์ โยธา นายกสมาคมจารวีเพื่ออนุรักษ์นวดแผนไทย กล่าวว่า ในวันนี้ที่มายื่นเรื่องต่อประธานกรรมาธิการเเรงงาน เพื่อขอคัดค้านคำสั่งของ ศบค. ให้ปิดสถานที่ต่างๆรวมร้านนวดเเละสปาออกไปอีก 14 วัน กรณีความไม่ชัดเจนระหว่าง ศบค.กับ กทม. ที่เกิดขึ้น ผู้ประกอบการไม่มีทุนเป็นเดิมอยู่เเล้ว เเต่เมื่อรัฐประกาศมาตรการคลายล็อกออกมาก็ต้องเตรียมพร้อมเปิดร้านอีกครั้ง โดยต้องไปกู้นายทุนนอกระบบมาก่อน ทั้งในการพ่นยา ฆ่าเชื้อ เสื้อผ้า ซื้อหน้ากากอนามัย พอมาตรการรัฐออกมาสั่งปิดอีก 14 วัน ทุกคนแทบล้มทั้งยืน เพราะหนี้นอกระบบเขาเก็บเป็นรายวัน ไม่รู้จะเอารายได้มาจากไหน ตั้งแต่ระลอกแรกพวกเราได้รับผลกระทบด้วยการสั่งปิดทุกครั้งและแทบไม่ได้รับการเยียวยาเลย โครงการเราชนะ มีผู้ได้รับการช่วยเหลือเพียง 65% เท่านั้น อีก 35% คือ มีรายได้ในในปี 2562 เกิน 300,000 บาท ซึ่งทางรัฐบาลใช้ AI ตรวจสอบ แต่เราได้รับผลกระทบในปี 2563 จึงไม่ได้รับความช่วยเหลือ พนักงานของเราจะไปสมัครงานที่ไหนไม่ว่า ปั้มน้ำมัน ร้านอาหาร ก็ไม่มีตำแหน่งให้ ไม่รู้พวกเขาจะกินอยู่อย่างไรต่อไป จึงต้องการให้กรรมาธิการช่วยเหลือในกรณีดังกล่าว 

ขณะที่ อักษิกา จันทรวินิจ ตัวเเทนผู้ประกอบการร้านนวดเพื่อสุขภาพในกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า ตลอดระยะเวลา 1 ปีที่ผ่าน นโยบายต่างๆ ที่ออกโดยศูนย์บริหารสถานการณ์เเพร่ระบาดโรคไวรัสโคโรนา 2019 ( ศบค.) ทำให้กิจการได้รับผลกระทบจำนวนมาก แต่เป็นนโยบายแบบหว่านแห ปัจจุบันมีจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมากเเละมีอยู่ทุกภาคส่วน มีหน่วยงานราชการ มีธนาคาร เเละมีร้านสะดวกซื้อ ที่พบว่ามีผู้ติดเชื้อทุกๆหน่วยงาน เเต่ทุกหน่วยงานได้รับการดูเเลอย่างเป็นธรรม ไม่มีหน่วยงานไหนถูกปิดทุกที่ทั่วประเทศเหมือนสปา ร้านสักคิ้ว ฟิตเนส ตรงนี้จึงต้องขอความเป็นธรรม เราขอให้ ศบค.และ กทม.ดูเเลพวกเราอย่างเท่าเทียม เราต้องการพื้นที่ในการทำงานได้ในภาวะติดเชื้อ เราไม่มีวันทำให้จำนวนตัวเลขผู้ติดเชื้อลดลงได้ภายในเร็ววันนี้  ศบค. ทำลายความเชื่อมั่นผู้ประกอบการที่มีความตั้งใจ แต่ ศบค. ไม่เคยเห็นความตั้งใจดังกล่าวในการรับผิดชอบสังคมของพวกเรา กลับใช้นโยบายสั่งปิดเเบบหว่านแหและเหมารวม ขอเรียกร้ององให้ภาครัฐเร่งดูเเลผู้ประกอบการและพนักงานนวดสปาอย่างเร่งด่วน

'เจริญขวัญ แพรกทอง บลาฮาสสกี้' ของคุณเจริญขวัญ แพรกทอง บลาฮาสสกี้ นักเขียน และคนไทยในอเมริกา ได้โพสต์สถานการณ์การฉีดวัคซีนไปแล้วในหลายมลรัฐของสหรัฐอเมริกาว่า...

จากเฟซบุ๊ก 'เจริญขวัญ แพรกทอง บลาฮาสสกี้' ของคุณเจริญขวัญ แพรกทอง บลาฮาสสกี้ นักเขียน และคนไทยในอเมริกา ได้โพสต์สถานการณ์การฉีดวัคซีนไปแล้วในหลายมลรัฐของสหรัฐอเมริกาว่า...

ข้อมูลที่เป็นข้อเท็จจริง

วันที่ 1 มิถุนายน 2564

รัฐอินเดียน่า (ไม่บริการคนที่ไม่ใช่พลเมือง)

ฉีดวัคซีนครบสองเข็มแค่ 35 %

ส่วนรัฐยอดนิยมที่เปิดเสรีบริการนักท่องเที่ยวจากดัชนีวันที่ 1 มิถุนายน 2564

นิวยอร์กพลเมืองที่ฉีดครบสองเข็มแค่ 46%

แคลิฟอร์เนียจำนวนคนฉีดครบสองเข็ม 43%

รัฐอิลลินอยส์แค่ 39%

นอกจากนี้ ยังมีบทสนทนาของคนไทยในสหรัฐฯ ที่สะท้อนความกังวลใจต่อสถานการณ์ในสหรัฐฯ หลังจากเริ่มมีฉีดวัคซีนในประเทศ แต่ยังไม่ครอบคลุมพอจะกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติ

โดยบางความเห็นมองว่า ตอนนี้รัฐเริ่มเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้ามา ทั้งมาจากละติอเมริกา / จากเอเชีย ส่อแววคุมยาก

บางความเห็นมองว่าเริ่มพบคนอเมริกันไม่ใส่หน้ากากมากขึ้น ตามแหล่งสาธารณะมีใส่กันราว 10% แถมเดินเบียดกันไปมา

สิ่งเหล่านี้สะท้อนความต้องการอิสรภาพของคนในประเทศ ที่ดูเหมือนจะสวนทางกับสถานการณ์การควบคุมเชื้อ หลังตัวเลขการฉีดวัคซีนดูจะยังไม่ครอบคลุม ปล่อยต่างชาติเข้าเมือง และเริ่มการ์ดตกกันเอง

ความกังวลเกี่ยวกับการกลับมาระบาดซ้ำใน USA จึงเริ่มมีกันพูดถึงขึ้นมาอีกเป็นระยะๆ

จริงอีกด้านจากอเมริกา

 

ที่มา: https://www.facebook.com/story.php?story_fbid=10219625949502786&id=1337643342

https://usafacts.org/visualizations/covid-vaccine-tracker-states/state/illinois


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

ครม. อนุมัติเงินค่าตอบแทน อสม. 3 เดือน พร้อมจัดหารถเก็บตัวอย่างชีวนิรภัย

นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุม ครม. อนุมัติโครงการค่าตอบแทน เยียวยา ชดเชย และเสี่ยงภัย สำหรับการปฏิบัติงานของอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) อีก 3 เดือน ตั้งแต่เดือนก.ค.-ก.ย. 2564 วงเงินรวมไม่เกิน 1,575 ล้านบาท เพื่อสร้างขวัญและกำลังใจที่ดีแก่ อสม. ผู้ปฏิบัติงานในการเฝ้าระวัง ป้องกัน และควบคุมโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ในชุมชน ซึ่งที่ผ่านมา อสม. ได้รับค่าตอบแทนเพิ่มเติมอย่างถ้วนหน้ามาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงเดือนมี.ค. 2563-มิ.ย. 2564 เป็นระยะเวลา 16 เดือน กรอบวงเงินรวม 8,348 ล้านบาทแล้ว 

ทั้งนี้ยังอนุมัติกรอบวงเงิน 129 ล้านบาทสำหรับจัดหารถเก็บตัวอย่างชีวนิรภัยแบบ 2 จุดบริการ จำนวน 11 คัน และรถวิเคราะห์ผลด่วนพิเศษ (Express Analysis Mobile Unit) จำนวน 11 คัน เพื่อดำเนินการค้นหาผู้ติดเชื้อในระดับพื้นที่และเป็นห้องปฏิบัติการเคลื่อนที่ในการตรวจวิเคราะห์ผลโรคโควิด-19 รวมจำนวน 22 คัน โดยมีแผนที่จะใช้รถเก็บตัวอย่างชีวนิรภัยและรถวิเคราะห์ผลด่วนพิเศษในเดือน ส.ค. และ ก.ย. 2564 เพื่อช่วยสนับสนุนการค้นหาผู้ป่วยเชิงรุกโดยเฉพาะในชุมชนแออัด ตลาด แคมป์คนงาน รวมถึงคลัสเตอร์ใหม่ๆ ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตซึ่งในปัจจุบันไทยมีการใช้งานรถวิเคราะห์ผลด่วนพิเศษ จำนวน 5 คัน ควบคู่กับรถเก็บตัวอย่างชีวนิรภัย จำนวน 21 คัน

“รัฐบาลและประชาชนมีความซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณ จากที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี พระราชทานรถตรวจโรคติดเชื้อชีวนิรภัย ซึ่งประสบความสำเร็จช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในระบบการเฝ้าระวังและค้นหาผู้ติดเชื้อโรคโควิด-19 เชิงรุก ควบคุมการระบาดของโรคโควิด-19 ให้อยู่ในวงจำกัดช่วยลดผลกระทบทางด้านสุขภาพ เศรษฐกิจ การท่องเที่ยว สังคม และเพิ่มความมั่นคงของประเทศด้วย”

“รมว.คมนาคม” ติดตามความก้าวหน้า การเตรียมการเปิดให้บริการและการบริหารโครงการระบบรถไฟชานเมือง (สายสีแดง) และสถานีกลางบางซื่อ

นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนมาคม เป็นประธานประชุมคณะกรรมการเตรียมการเปิดให้บริการและการบริหารโครงการระบบรถไฟชานเมือง (สายสีแดง) และสถานีกลางบางซื่อ ครั้งที่ 3/2564 (ผ่านระบบ Zoom) เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2564 เวลา 14.30 น. โดยมีนายชยธรรม์ พรหมศร ปลัดกระทรวงคมนาคม หัวหน้าหน่วยงานและผู้บริหารหน่วยงานในสังกัดกระทรวงคมนาคมที่เกี่ยวข้อง ผู้แทนกระทรวงการคลัง ผู้แทนสำนักงบประมาณ และคณะกรรมการฯ ร่วมประชุม

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า กระทรวงคมนาคม โดยการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ได้ดำเนินการก่อสร้างระบบรถไฟชานเมือง (สายสีแดง) และสถานีกลางบางซื่อ เพื่อเป็นศูนย์กลางในการเดินทางของระบบรางของประเทศแล้วเสร็จ และเตรียมการเปิดให้ประชาชนทดลองใช้บริการ (Soft Opening) ในช่วงเดือนกรกฎาคม 2564 และเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการในช่วงเดือนพฤศจิกายน 2564 เพื่อให้การเตรียมการเปิดให้บริการและการบริหารโครงการฯ เป็นไปตามแผนงานที่กำหนด จึงได้เร่งรัดการดำเนินการในด้านต่างๆ ดังนี้ 
.
1.) การเตรียมความพร้อมด้านการเดินรถของการรถไฟแห่งประเทศไทยทั้งระบบ รวมทั้งการเชื่อมต่อการให้บริการระบบขนส่ง ประกอบด้วย

(1.1) ปรับลดจำนวนรถไฟเข้าสถานีกรุงเทพ (หัวลำโพง) โดยวางแผนปรับลดขบวนรถไฟ เหลือเพียง 22 ขบวน โดยมีแผนจะเริ่มปรับตารางเดินรถในวันที่ 1 สิงหาคม 2564 เพื่อให้ผู้โดยสาร ได้มีการปรับพฤติกรรมในการเดินทาง ทั้งนี้ ขบวนรถไฟที่ให้บริการในระยะนี้ ยังคงจะวิ่งให้บริการบนทางรถไฟเดิม และในวันที่ 1 ธันวาคม 2564 จะใช้ตารางเดินรถเช่นเดียวกับเดือนสิงหาคม แต่จะวิ่งให้บริการบนโครงสร้างยกระดับ สำหรับรถไฟเส้นทางสายเหนือและตะวันออกเฉียงเหนือ

(1.2) ปรับเส้นทางรถโดยสารประจำทาง เพื่อเชื่อมต่อการเดินทาง โดยกรมการขนส่งทางบก และองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ ได้ปรับปรุงเส้นทางรถโดยสารประจำทางเพื่อเชื่อมต่อการเดินทางกับสถานีหลัก โดยจะปรับปรุงเส้นทางให้แล้วเสร็จก่อนการเปิดให้บริการแบบ Soft Opening ในเดือนกรกฎาคม 2564

2.) การเตรียมความพร้อมด้านสถานีของโครงการระบบรถไฟชานเมือง (สายสีแดง) ซึ่งได้ดำเนินการประกวดราคาหาผู้รับจ้างเพื่อปรับปรุงสถานีตลิ่งชัน บางบำหรุ บางซ่อน ปัจจุบันอยู่ระหว่างการขออนุมัติ ออกประกวดราคา ซึ่งคาดว่าจะได้ผู้รับจ้างภายในเดือนมิถุนายน 2564 และการจ้างบริการเตรียมความพร้อมการเปิดใช้สถานีกลางบางซื่อและสถานีรถไฟฟ้า 12 สถานี ประกอบด้วย งานจ้างทำความสะอาดและกำจัดขยะ งานจ้างบริการรักษาความปลอดภัยและจราจร งานจ้างบริหารจัดการงานอาคารและสถานที่บริเวณรถไฟฟ้าสายสีแดง งานจ้างบริการรักษาความปลอดภัยและทำความสะอาดอาคารและพื้นที่โดยรอบของโรงซ่อมบำรุงรถไฟฟ้าสายสีแดงและทำความสะอาดขบวนรถไฟฟ้าสายสีแดง งานจ้างติดตั้งระบบจัดการจราจรภายในบริเวณลานจอดรถสถานีกลางบางซื่อ และจัดเก็บค่าบริการจอดรถ 

3.) การเตรียมความพร้อมด้านการกำหนดจุดเปลี่ยนถ่ายผู้โดยสารและสินค้า (Gateway/Hub) โดย รฟท. ได้ดำเนินการจัดทำแผนการปรับปรุงจุดเชื่อมต่อผู้โดยสาร และจุดเชื่อมต่อสินค้า โดยแบ่งแผนการดำเนินงานออกเป็น 3 ระยะ ประกอบด้วย

ระยะเร่งด่วน ปรับปรุงพื้นที่ทางเข้าสถานีรถไฟรังสิตทั้งทางฝั่งตะวันออก (รังสิต) และฝั่งตะวันตก (ปทุมธานี) ให้แล้วเสร็จก่อนการเปิดให้บริการ Soft Opening ในเดือนกรกฎาคม 2564 นี้ และปรับปรุงพื้นที่จุดจอดรถอโศกให้แล้วเสร็จ ภายในเดือนพฤศจิกายน 2564 ก่อนการเปิดให้บริการรถไฟสายสีแดงอย่างเป็นทางการ

ระยะกลาง ปรับปรุงสถานีตลิ่งชัน เพื่อรองรับการหยุดขบวนของรถไฟทางไกลเพื่อเชื่อมต่อระบบเข้าสู่รถไฟฟ้าชานเมือง โดยคาดกว่าจะแล้วเสร็จประมาณกลางปี 2565 

ระยะยาว พัฒนาสถานีเชียงรากน้อยและสถานีวัดสุวรรณ โดยออกแบบและก่อสร้างเป็นจุดเชื่อมต่อสำหรับการขนถ่ายสินค้า และการเปลี่ยนรูปแบบการขนส่งสินค้าอย่างครบวงจร โดยคาดว่าจะออกแบบแล้วเสร็จประมาณกลางปี 2565 และก่อสร้างแล้วเสร็จประมาณกลางปี 2566 รวมถึงการออกแบบและก่อสร้างสะพานกลับรถบริเวณทิศใต้ของสถานีรังสิต เพื่อให้ระบบขนส่งสาธารณะสามารถเข้าถึงสถานีรังสิตทั้ง 2 ฝั่งได้โดยสะดวก โดยมีแผนการดำเนินการให้แล้วเสร็จในช่วงกลางปี 2566 เช่นเดียวกัน

4.) การเตรียมความพร้อมด้านราคาค่าโดยสารและบัตรโดยสาร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้มอบหมายให้กำหนดอัตราค่าโดยสารของโครงการรถไฟชานเมือง (สายสีแดง) ให้เหมาะสม สอดคล้องตามต้นทุน โดยไม่เป็นภาระต่อค่าใช้จ่ายในการเดินทางของประชาชน และไม่เป็นภาระทางการเงินของ รฟท. โดย รฟท. ได้ประมาณการต้นทุน ปริมาณผู้โดยสาร และความถี่การเดินรถ เพื่อกำหนดอัตราค่าโดยสารตามระยะทางให้มีความเหมาะสม รวมถึง พิจารณาแนวทางการปรับลดค่าใช้จ่ายและการส่งเสริมการเดินทางเพื่อเพิ่มรายได้ต่อไป

นอกจากนี้ ยังได้เตรียมความพร้อมเพื่อให้ระบบจัดเก็บค่าโดยสารรองรับตามมาตรฐานเทคโนโลยีบัตร EMV (Europay Mastercard and Visa) โดยให้จัดทำข้อมูลกรอบระยะเวลาการดำเนินงาน งบประมาณที่คาดว่าจะใช้ รวมทั้งแนวทางการดำเนินงานเพื่อให้สามารถเปิดใช้บริการได้ภายในปลายปี 2564และยังได้พิจารณาร่างข้อกำหนดการพัฒนาระบบบัตรโดยสาร หรือระบบตั๋วโดยสาร ซึ่งอยู่ระหว่างรวบรวมข้อเสนอแนะและความเห็นเพิ่มเติม ก่อนเสนอกระทรวงคมนาคมต่อไป

และยังได้กำหนดแนวทางการจัดเก็บอัตราค่าแรกเข้าในการเดินทางเชื่อมต่อ โดยการจัดเก็บค่าแรกเข้าแบบไม่ซ้ำซ้อน ระหว่างรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินและรถไฟชานเมืองสายสีแดง มีประเด็นที่จะต้องพิจารณาเพิ่มเติม ประกอบด้วย เงื่อนไขการจัดเก็บค่าแรกเข้า กรณีที่ผู้โดยสารเปลี่ยนถ่ายระบบรวมถึงเงื่อนไขการจัดแบ่งและชดเชยค่าแรกเข้า ระยะเวลาในการเปลี่ยนถ่ายระบบ และกรณีเปลี่ยนถ่ายกับระบบรถไฟฟ้าที่อยู่นอกเหนือความรับผิดชอบของ รฟม. โดยการเดินทางเชื่อมระหว่างรถไฟชานเมือง (สายสีแดง) และรถไฟฟ้าสายสีชมพูในอนาคต อยู่ระหว่างการพิจารณากำหนดวิธีการแบ่งรายได้และค่าใช้จ่ายร่วมกันก่อนเสนอต่อกระทรวงคมนาคมต่อไป

5.) ด้านการสื่อสารสาธารณะ รฟท.ได้เปิดช่องทางในการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารการดำเนินงาน และรับฟังความคิดของประชาชนผู้ใช้บริการ โดยประชาชนผู้ใช้บริการสามารถติดตามข้อมูลข่าวสารความก้าวหน้าการดำเนินงานและแสดงความคิดเห็น ข้อเสนอแนะ ได้ทาง Facebook Fanpage : Bang sue Grand Station เพื่อกระทรวงฯ และ รฟท. จะได้นำมาใช้ในการปรับปรุงเพื่อให้ผู้ใช้บริการได้รับบริการที่ดีที่สุดต่อไป

นอกจากนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้เปิดเผยว่า ได้ลงนามแต่งตั้งคณะอนุกรรมการเพิ่มขึ้นอีก 2 คณะ ได้แก่ คณะอนุกรรมการฯด้านการพิจารณาดำเนินการขอพระราชทานชื่อโครงการระบบรถไฟชานเมือง (สายสีแดง) และพิธีการที่เกี่ยวข้อง และคณะอนุกรรมการฯ ด้านการพัฒนาสถานีกรุงเทพ (สถานีหัวลำโพง) และพื้นที่ช่วงสถานีกลางบางซื่อ-สถานีกรุงเทพ เพื่อสาธารณประโยชน์ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงานของคณะกรรมการฯ ให้สามารถดำเนินการในด้านต่างๆ ที่เกี่ยวข้องได้อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยต่อไป

ศปก.ศบค.เผย กระทรวงสาธารณสุข เตรียมกระจายวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า ในวันที่ 3 หรือ 4 มิ.ย.นี้ เพื่อเริ่มฉีด 7 มิ.ย.

พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศปก.ศบค.) กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุขแจ้งข้อมูลมาว่าจะเริ่มกระจายวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าไปในจังหวัดต่างๆ ตั้งแต่วันที่ 3 หรือวันที่ 4 มิ.ย.เป็นต้นไป เพื่อใช้สำหรับการฉีดให้กับประชาชนกลุ่มทั่วไปภายในวันที่ 7 มิ.ย.นี้

อย่างไรก็ตาม คงไม่สามารถบอกได้ว่าการฉีดวัคซีนให้กับประชาชนในเดือน มิ.ย.จะเป็นไปตามที่กำหนดไว้ในแผนกระจายวัคซีนหรือไม่ เพราะการส่งมอบวัคซีนของแอสตร้าเซนเนก้าจะทยอยส่งเป็นล็อต ซึ่งการวางแผนฯ คำนวณจากวัคซีนเต็มจำนวน แต่วัคซีนที่ได้มาเป็นการทยอยส่งเป็นระลอก จึงไม่อยากรับปาก เนื่องจากประสบการณ์ที่ผ่านมาอาจมีเหตุการณ์ที่ขัดข้องเล็กๆน้อยๆ ทำให้เกิดความล่าช้าไปบ้าง แต่หากยึดตามสัญญาก็เป็นไปตามนั้น

ทั้งนี้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข ได้ชี้แจงก่อนหน้านี้แล้วว่าการจัดส่งวัคซีนจะเป็นการทยอยส่งมอบ ซึ่งภายในเดือน มิ.ย.นี้จะส่งมอบครบจำนวน 6 ล้านโดส จึงจำเป็นต้องพิจาณาเป็นรายเดือน ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขจะทยอยแจกจ่ายต่อไปตามจำนวนวัคซีนที่ได้รับเข้ามา

"มีการรายงานมายัง ศบค.ว่า วัคซีนจะเข้ามาจำนวน 6 ล้านโดสในเดือน มิ.ย. เป็นแอสตร้าเซนเนก้าและซิโนแวก ส่วนวัคซีนของซิโนฟาร์มนั้นยังไม่ทราบรายละเอียด" พล.อ.ณัฐพล กล่าว

ส่วนการฉีดวัคซีนในพื้นที่ต่างจังหวัดจะได้ครบตามจำนวนคนที่ลงทะเบียนไว้หรือไม่นั้น พล.อ.ณัฐพล ระบุว่า ขึ้นอยู่กับจำนวนวัคซีน อาจได้ครบหรือไม่ครบแล้วแต่ละจังหวัด แต่บางจังหวัดที่มีคนลงทะเบียนจำนวนมากอาจจะได้ไม่ครบ สำหรับประชาชนที่ลงทะเบียนก่อนหน้านี้หากอยู่ในระบบแอปลิเคชัน "หมอพร้อม" จะมีการแจ้งกลับไปว่าจะมีการเลื่อนฉีดวัคซีนออกไปหรือไม่อย่างไร ส่วนคนที่ไม่ได้อยู่ในระบบแอปพลิเคชันจะมีการแจ้งผ่าน อสม.ผ่านสายงานการลงทะเบียนในช่องทางนั้นๆ

สำหรับกรณีที่องค์การปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ต้องการจัดซื้อวัคซีนซิโนฟาร์มนั้น เลขาฯ สมช. กล่าวว่า ขณะนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ในฐานะผู้อำนวยการ ศบค. กำลังพิจารณาอยู่


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

“บิ๊กป้อม” ให้เปิดปฎิบัติการกวาดล้างยาเสพติดชั้นใน-ชุมชนเมือง ย้ำ ไม่ให้ไทยเป็นทางผ่านส่งออกยาเสพติด กระทบภาพลักษณ์ประเทศ สั่งสอบลึกฟันเชื่อมโยงทุกระดับที่เกี่ยวข้อง

พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษก ประจำ รองนายกรัฐมนตรี (ฝ่ายความมั่นคง) เปิดเผยว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวชื่นชมและให้กำลังใจการปฎิบัติงานของฝ่ายความมั่นคง ทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครอง และ ปปส. ทุกระดับที่ร่วมกันสกัดกั้นและกวาดล้างยาเสพติดตามนโยบายของรัฐบาลต่อเนื่องที่ผ่านมา โดยเฉพาะพื้นที่ภาคเหนือ ที่ฝ่ายทหารและตำรวจได้ร่วมกันสนธิกำลังเข้าสกัดกั้น จับกุมการลักลอบขนย้ายและยึดยาเสพติดได้จำนวนมากในแต่ละครั้ง  

โดยภาพรวม ตั้งแต่ 1 ม.ค.- 31 พ.ค.64 ที่ผ่านมา สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ 99,421 คน ยึดยาบ้าได้กว่า 210.42 ล้านเม็ด ยาไอซ์กว่า 11.4 ตัน และยึดสารเสพติดอื่นๆ ได้อีกจำนวนมาก ทั้งนี้พบความเคลื่อนไหว ของขบวนการค้ายาเสพติดผ่านการขนส่งพัสดุและการติดต่อผ่านสื่อสังคมออนไลน์มากขึ้นในช่วงสถานการณ์แพร่ระบาดของ COVID-19 ที่ผ่านมา

ทั้งนี้พล.อ.ประวิตร ได้ย้ำเป็นนโยบายและสั่งการกับฝ่ายความมั่นคง ต้องไม่ให้ขบวนการค้ายาเสพติดใช้ไทยเป็นเส้นทางผ่าน ลักลอบลำเลียงยาเสพติดจากไทยส่งออกไปยังประเทศที่ 3 โดยเด็ดขาด ซึ่งมีผลกระทบต่อภาพลักษณ์ต่อประเทศโดยตรง โดยเฉพาะกรณีการซุกซ่อนลำเลียงยาเสพติดจำนวนมากไปในสินค้ารูปแบบต่างๆ ทั้งอุปกรณ์ไฟฟ้าและอาหารเสริม ซึ่งถูกตรวจพบในฮ่องกง ออสเตรเลียและเกาหลีใต้ เมื่อ พ.ค.ที่ผ่านมา 

โดยขอให้ ตร.ประสานกับ ปปส.และศุลกากร ให้ความสำคัญคุมเข้มกวดขันสินค้าผ่านระบบศุลกากรอย่างจริงจัง และให้ร่วมกันเร่งสืบสวนขยายผลทางลึกเชื่อมโยงขบวนการตั้งแต่ต้นทางถึงปลายทางและบังคับใช้กฎหมายยึดทรัพย์เอาผิดทั้งหมดไม่มียกเว้น และหากมีเจ้าหน้าที่รัฐรู้เห็นเป็นใจหรือมีส่วนเกี่ยวข้องให้ดำเนินการทั้งทางวินัยและอาญาอย่างเด็ดขาดในทุกระดับ โดยให้รายงานผลให้ทราบโดยเร็ว

“พล.อ.ประวิตร ได้กำชับ ขอให้ฝ่ายความมั่นคง ทหาร ตำรวจ และฝ่ายปกครอง คุมเข้มสกัดกั้นยาเสพติดในพื้นที่ชายแดนและคงความต่อเนื่อง พร้อมให้เปิดปฏิบัติการกวาดล้างยาเสพติด ในพื้นที่ชั้นใน ชุมชนเขตเมืองอย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งให้ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) ประสานการทำงานร่วมกับ ป.ป.ส. ติดตามความเคลื่อนไหวของเครือข่ายขบวนการค้ายาเสพติดผ่านสื่อสังคมออนไลน์และส่งผ่านทางพัสดุไปรษณีย์  เพื่อลดปัญหาภัยคุกคามบั่นทอนสังคมและเหตุของอาชญกรรม ลูกโซ่ที่กระทบต่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนที่เกิดขึ้น ซ้ำเติมปัญหาโรคระบาดที่กำลังเกิดขึ้น” พล.ท.คงชีพ กล่าว

รองโฆษก ปชป. โพสต์เฟซบุ๊กกรณีตำรวจออกหมายจับ “ลุงพล” ในคดีน้องชมพู่

โดยนางดรุณวรรณ ชาญพิพัฒนชัย รองโฆษก ปชป. โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว ถึงกรณีตำรวจออกหมายจับ “ลุงพล” ในคดีน้องชมพู่ ว่า 1 ปี คดีน้องชมพู่ #บางทีฆาตกรก็มาในรูปแบบของสื่อ (บางคน) ก่อนอื่นขอแสดงความยินดีกับครอบครัวน้องชมพู่ ที่ตำรวจได้อกหมายจับลุงพล เป็นที่เรียบร้อยแล้ว หลังจากใช้เวลามาปีกว่า

คดีน้องชมพู่ อาจไม่ใช่เด็กคนเดียวที่เป็นเหยื่อจากฆาตกร แต่ยังมีผู้ใหญ่อีกหลายคนที่ตกเป็นเหยื่อของสื่อบางคน บางค่าย ที่ไร้จรรยาบรรณ ที่สมควรต้องแสดงความรับผิดชอบบ้างในฐานะที่มีส่วนฉุดกระชากสังคมให้บิดเบี้ยวจากการทำหน้าที่ เพียงแค่หวังเรทติ้ง 

เฝ้าติดตามการรายงานนี้อย่างห่างๆ เพราะทนดูไม่ได้กับสื่อบางช่องที่นั่งเล่าข่าวเรื่องนี้ได้เป็นเวลานานในแต่ละวัน เหมือนเป็นซีรีส์หนังดังอยู่แรมเดือน สร้างให้ผู้ต้องสงสัยคนหนึ่งกลายเป็นฮีโร่ ทั้งๆ ที่มีสถานะที่ยังไม่ชัดเจนว่าจะเป็นฆาตกร หรือแค่ผู้ต้องสงสัย 

ทฤษฏีการกำหนดวาระของสื่อหรือ Agenda Setting ทำให้เห็นปรากฏการณ์นี้ได้ชัด ว่าความพยายามที่จะยัดเยียดข้อมูลให้ผู้รับสารอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้คนสนใจในประเด็นเหล่านั้นไปสักระยะ จนทำให้ผู้คนคล้อยตามจนทำให้รู้สึกว่าต้องสนใจและให้ความสำคัญราวกับดูละครหลังข่าวที่พลาดไม่ได้ในสักตอน โดยอาศัยช่องว่างทางความรู้ของผู้รับสารในฐานะคนเสพสื่อที่อาจไม่รู้เท่าทัน

และตราบใดที่สื่อ (บางคน) ยังต้องการเรทติ้งจนลืมความรับผิดชอบ เหตุการณ์แบบนี้คงเกิดขึ้นได้อีก 

พฤติกรรมแบบนี้จึงไม่ต่างกับการเป็นฆาตกรที่ฆ่าคนไทยแบบผ่อนส่งด้วยการสร้างค่านิยมที่ผิดๆ ให้กับสังคมไทย จากการที่มีคนหลายคนติดตามรายการ และอาจนำไปเป็นแบบอย่างได้ว่าการเป็นผู้ต้องหาที่คดียังไม่ถึงที่สุดก็สามารถกลายเป็นพระเอกได้ในชั่วข้ามคืน ถ้ามีสือช่วยทำหน้าที่ในการประกอบสร้างความจริง ช่วยปั้นดินให้เป็นดาว แต่แท้ที่จริงแล้วเป็นดินที่เปื้อนโคลนด้วยซ้ำ

วันนี้นอกจากเอาใจช่วยให้ตำรวจจับตัวผู้ต้องหาได้แล้ว ยังอยากได้ยินคำขอโทษจากสื่อบางคน และไม่แน่ใจว่าระหว่างคำขอโทษจากสื่อ กับการจับตัวผู้ต้องหาได้ อะไรจะเกิดขึ้นก่อนกัน 
ดรุณวรรณ

2 มิถุนายน 2564

"ชวน" แจง ปมขัดแย้งตำรวจสภา-คนติดตาม "ธรรมนัส" ชี้ ไม่ได้ทำผิดแค่เสียงดัง และไม่ได้สมัครใจไปขอโทษแต่เป็นคำสั่งผู้บังคับบัญชา พร้อมให้กำลังใจตำรวจสภา ย้ำ อย่าไปกลัว ให้ปฏิบัติหน้าที่อย่างเคร่งครัดต่อไป

เมื่อวันที่ 2 มิถุนายน 2564 ที่รัฐสภา นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงกรณีความขัดแย้งระหว่างตำรวจสภาและผู้ติดตาม รอ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ว่า ได้ทราบเรื่องแล้ว และได้เชิญตำรวจประจำสภามาพูดคุยเมื่อวานนี้ เวลา 22.00 น. เพื่อเล่าเหตุการณ์ให้ฟัง ซึ่งเขาเล่าให้ฟังว่ามีปัญหากับผู้ติดตามรัฐมนตรี ซึ่งมีสุภาพสตรีคนหนึ่งไม่มีบัตรจึงขอตรวจบัตร และสุภาพสตรีบอกว่าบัตรอยู่ที่รถ ส่วนผู้ติดตามอีก 2 คน ทางตำรวจสภาได้บอกให้ไปขึ้นอีกทางหนึ่งที่ไม่ใช่ทางที่ส.ส.ขึ้น จึงเป็นที่มาของปัญหาที่เกิดจากการพูดเสียงดัง และมีผู้ใหญ่ในสภาแนะนำว่าให้ไปขอโทษ แต่อย่างไรก็ตามอยากให้ไปฟังรายละเอียดกับเจ้าตัวจะดีกว่า 

นายชวน กล่าวต่อว่า ในส่วนของตนจะได้ให้เลขาธิการสอบสวนข้อมูลเอาไว้ เพื่อใช้เป็นแนวทางให้กับเจ้าหน้าที่ในการปฏิบัติงาน เขาจะได้มีกำลังใจในการทำงาน เดี๋ยวจะหวาดกลัวและไม่กล้าปฏิบัติหน้าที่เพราะเป็นมาตรการที่เราขอความร่วมมือ แต่ภาพรวมโดยทั่วไปส.ส.และบุคคลทั่วไปที่เข้ามาปฏิบัติหน้าที่ในสภาเกือบทุกคนก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้บุคคลภายนอกนำเชื้อเข้ามา จึงมีการควบคุมผู้ที่ติดตามส.ส. แต่ในกรณีนี้ตำรวจสภาได้ทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา ซึ่งได้บอกกับผู้ติดตามและรัฐมนตรีว่าเป็นการปฏิบัติหน้าที่ตามที่ประธานสภาสั่ง 

นายชวน กล่าวอีกว่า ทั้งนี้ตนก็ได้ให้กำลังใจและให้ปฏิบัติหน้าที่อย่างเคร่งครัดอย่างนี้ต่อไป เพราะเป็นวิธีเดียวที่สามารถป้องกันไม่ให้คนที่ติดเชื้อภายนอกมาแพร่เชื้อในสภาได้ ถ้าสามารถทำตามมาตรการได้ก็จะทำให้การทำงานใน 120 วันเป็นไปได้ด้วยดี เพราะหากมีการติดเชื้อขึ้นมาก็จะทำให้ยุ่งยาก จึงต้องดูแลเรื่องนี้ ซึ่งต้องยอมรับว่าเป็นจุดอ่อนของคนไทย เรื่องวินัยเคารพกฎเกณฑ์ ไม่ใช่เฉพาะในสภา จึงอยากให้สภาเป็นแบบอย่างเคารพกฎเกณฑ์กติกา เพราะตนเองเป็นฝ่ายนิติบัญญัติออกกฎหมายบังคับคนทั้งประเทศ 

เมื่อถามว่ามีข่าวว่าให้ตำรวจสภาไปกราบขอโทษ มีการสอบถามข้อมูลตรงนี้หรือไม่ นายชวน กล่าวว่า เป็นเรื่องที่ผู้บังคับบัญชาของตำรวจสภาแนะนำให้ไปขอโทษ ซึ่งเจ้าตัวเขาก็ไม่ได้สมัครใจแต่เพราะไม่อยากให้มีเรื่องกับส.ส. แต่เท่าที่ฟังจากที่เขาเล่า ตำรวจสภาก็ไม่ได้ทำผิดอะไร แค่เสียงดังเหมือนเช่นในสภาก็มีส.ส.บางคนที่เสียงดัง แต่ไม่ได้ดังแบบก้าวร้าว 

“ผมก็เตือนเสมอว่าอย่าไปกลัวผู้ติดตาม ซึ่งตัวนักการเมืองเอง ถ้าทำอะไรบกพร่องก็กระทบต่อประชาชนในเขตเลือกตั้งของเขา แต่ว่าผู้ติดตามไม่ค่อยรู้เรื่อง บางทีไปทำอะไรที่เกินเลย มีการแสดงวาจา เช่น กรณีฉีดวัคซีนมีบางคนไปแสดงวาจาและมารยาทที่ไม่เหมาะสมกับเจ้าหน้าที่แพทย์และพยาบาล” นายชวน กล่าว

“โฆษกปชป.” เมิน “แม้ว” พลาดพิงประชาธิปัตย์ ยัย รมต.พรรค ไม่มีคำว่าเหนื่อยจากการทำในสิ่งที่ดีให้ปชช.

เมื่อวันที่ 2 มิถุนายน  2564 นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ใช้ชื่อ "โทนี่ วู้ดซัม" ร่วมเสวนา ในคลับเฮาส์และเฟซบุ๊กของ CARE คิด เคลื่อน ไทย โดยมีการพูดถึงพรรคประชาธิปัตย์ พอหรือยังในการร่วมรัฐบาล ว่าทุกคนในพรรคไม่ได้ให้ความสำคัญต่อคำพูดของนายทักษิณ เพราะพรรคประชาธิปัตย์ มีหลักในการทำงานชัดเจน คือมุ่งทำประโยชน์ให้กับประชาชนและประเทศตามภาระหน้าที่ที่รับผิดชอบ ยึดความสุจริตเป็นที่ตั้ง การผลักดันนโยบายต่างๆ จนสำเร็จ การช่วยเหลือพี่น้องเกษตรกรจากโครงการประกันรายได้ การมุ่งมั่นพัฒนาสังคมและความมั่นคงของประชาชนอย่างยั่งยืนในทุกด้าน การมุ่งมั่นพัฒนาระบบชลประทานให้กับประชาชน การดูแลเรื่องที่ดินทำกิน เรื่องเอกสารสิทธิ เรื่องการศึกษา และอีกหลายนโยบายที่ทุกกระทรวงที่มีรัฐมนตรีของพรรคได้เข้าไปทำหน้าที่จนสำเร็จ 

“รัฐมนตรีพรรคไม่มีคำว่าเหนื่อยจากการคิดทำในสิ่งที่ดี ไม่มีการทุจริตคิดร้ายต่อประเทศ จึงไม่ต้องเหนื่อยกับการหนีคดี และพรรคจะเดินหน้าทุ่มเททำงานให้ดีที่สุด มั่นใจในผลสำเร็จของงานที่จะเป็นคำตอบให้กับประชาชนได้ในวันข้างหน้า” นายราเมศ กล่าว


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top