Monday, 12 May 2025
NewsFeed

จเรตำรวจแห่งชาติ ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมผู้เสียหายคดียาเสพติด พร้อมมอบนโยบายแก่ข้าราชการตำรวจ

วันนี้ 1 มิถุนายน 2564 พลตำรวจเอก วิสณุ ปราสาททองโอสถ จเรตำรวจแห่งชาติ เดินทางมายัง กองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดนที่ 11 โดยมี พลตำรวจตรี จรัล จิตเจือจุน รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 รักษาราชการแทนผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดจันทบุรี พร้อม พลตำรวจตรี สรศักดิ์ ชนะสิทธิ์ ผู้ทรงคุณวุฒิสำนักงานตำรวจแห่งชาติให้การต้อนรับ จากนั้นเดินทางพร้อม นาย สุธี ทองแย้ม ผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรี ไปยังบ้านผู้เสียหายคดียาเสพติด ที่ ต.วังโตนด อ.นายายอาม จ.จันทบุรี เพื่อมอบสิ่งของและเงินช่วยเหลือเป็นขวัญ-กำลังใจ พร้อมสร้างความเชื่อมั่นในทางคดีจะให้ความเป็นธรรม

สำหรับผู้กระทำความผิดถ้ามีมูลกระทำความผิดจริงจะต้องถูกลงโทษทั้งทางวินัยร้ายแรงและทางอาญา ซึ่งขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยกองบังคับการตำรวจตระเวนชายแดนภาค 1 ก็ได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง  กรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปฏิบัติการข่าว กองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดนที่ 11 ถูกพาดพิงว่ากระทำการเรียกรับเงินจากการปฏิบัติหน้าที่ ตามข่าวในสื่อออนไลน์ สำนักข่าวไทย OnIine วันที่ 25 เมษายน 2564 เสนอข่าว "แม่ร้องทุกข์สื่อ ไขปมคลิปเสียงสนทนากับลูกสาว หลังถูกคนในเครื่องแบบอุ้มหายตัวไป กักขัง อ้างถูกจับยาเสพติดพร้อมรีดเงิน 30,000 บาท แลกกับการปล่อยตัวลูกสาว"

ดังนั้น เพื่อให้การตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าว เป็นไปด้วยความเรียบร้อย จึงอาศัยอำนาจตามความในมาตรา 15 แห่งพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2547 และระเบียบสำนักงานตำรวจแห่งชาติว่าด้วยการสั่งให้ข้าราชการตำรวจไปปฏิบัติราชการในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2563 ข้อ 6(2) จึงให้ข้าราชการตำรวจจำนวน 8 นาย ปฏิบัติราชการที่กองบังคับการตำรวจตระเวนชายแดนภาค1(งานการข่าว)โดยขาดจากการปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งเดิม.ซึ่งทางท่านพลตำรวจเอก วิสณุ ปราสาททองโอสถ จเรตำรวจแห่งชาติ ได้กล่าวว่าทุกเรื่องต้องรวดเร็วตรวจสอบได้และเป็นธรรมจากนั้นได้เดินทางต่อมายังกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดจันทบุรี เพื่อตรวจเยี่ยม-มอบแนวทางปฏิบัติ พร้อมมอบพระพุทธรูปให้กับ ข้าราชการตำรวจทุกสภ.ในสังกัดภูธรจังหวัดจันทบุรี เพื่อเป็นขวัญ-กำลังใจและให้มุ่งมั่นในการปฏิบัติหน้าที่อย่างเป็นธรรมต่อไป


ภาพ/ข่าว เอกลักษณ์ อานาภรณ์ ผู้สื่อข่าว จ.จันทบุรี

ศรชล.จับเรือบรรทุกน้ำมันเถื่อน 25,000 ลิตร ปรับกว่า 1.78 ล้านบาทเข้าหลวง

เมื่อวันที่ 31 พ.ค.64 ระหว่างเวลา 15.00-22.00 น. ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลภาค 1 (ศรชล.ภาค 1) โดย ศรชล.จังหวัดสมุทรปราการ ให้ นาวาเอก สุระชัย ยงกัน รอง ผอ.ศรชล.จังหวัดสมุทรปราการ อำนวยการให้ ศคท.จว.สป. ส.รน.๓ กก.๔ บก.รน.  จท.ภูมิภาคสาขาสมุทรปราการ และ สรรพสามิตสมุทรปราการ ตรวจสอบจับกุมเรือ ธนธานี เป็นเรือประเภทบำบัดของเสีย แอบบรรทุกน้ำมันดีเซล ซึ่งยังไม่ได้เสียภาษีสรรพสามิต มีลูกเรือจำนวน 2 คน สัญชาติไทยทั้งหมด โดยไม่มีเอกสารหลักฐานการเสียภาษีสรรพสามิต และหลักฐานผ่านพิธีการทางศุลกากรมาแสดง ในระวางบรรทุกน้ำมัน จำนวน 25,000 ลิตร จึงได้ควบคุมลูกเรือ จำนวน 2 คน มาที่สรรพสามิตสมุทรปราการ เพื่อนำตัวผู้ต้องหาส่งผู้มีอำนาจเปรียบเทียบปรับ ตาม พรบ.ภาษีสรรพสามิต พ.ศ.2560 

ผลการดำเนินการตามกฎหมาย ได้เปรียบเทียบปรับตาม พรบ.สรรพสามิต เป็นเงินทั้งสิ้น จำนวน 1,787,100 บาท ต่อไปแล้ว


ภาพ/ข่าว ปชส.ศรชล.ภาค 1

ชายแดนไทยเมียนมา ริมน้ำสาละวิน สงบต่อเนื่อง 5 วัน เจ้าหน้าที่ทหารราบที่ 7 และทหารพราน 36 เข้าดูแลรักษาพยาบาลและมอบของอุปโภคบริโภค ให้กับผู้หนีภัยความไม่สงบจากเมียนมา ทั้ง 4 แห่ง

นายสิธิชัย จินดาหลวง ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน ในฐานะประธานคณะกรรมการศูนย์สั่งการชายแดน ไทย - เมียนมา ด้านจังหวัดแม่ฮ่องสอน แถลงสถานการณ์ชายแดนไทย-เมียนมา จ.แม่ฮ่องสอน ประจำวันที่ 1มิ.ย. 64 เวลา 12.00 น ว่าสถานการณ์การสู้รบฝั่งเมียนมา ตั้งแต่วันที่ 27 พ.ค. 64 เวลา 17.00 น. เป็นต้นมา ไม่มีการสู้รบระหว่างทหารเมียนมากับกองกำลังชนกลุ่มน้อยกะเหรี่ยง KNU ด้านตรงข้าม อ.แม่สะเรียง และ อ.สบเมย จ.แม่ฮ่องสอน และยังคงไม่มีการปฏิบัติการทางอากาศในฝั่งประเทศเมียนมา เป็นระยะเวลา 32 วัน

สำหรับผู้หนีภัยความไม่สงบชาวเมียนมา (ผภ.สม.) ที่อยู่ในพื้นที่ปลอดภัยชั่วคราวได้เดินทางกลับภูมิลำเนาในประเทศเมียนมา จำนวน 363 คน ยังคงเหลืออยู่ในพื้นที่ปลอดภัยชั่วคราว 4 แห่ง จำนวน 255 คน ดังนี้ พื้นที่ปลอดภัยชั่วคราว บริเวณห้วยมะระ ต.แม่คง อ.แม่สะเรียง จำนวน 7คน พื้นที่ปลอดภัยชั่วคราว บริเวณห้วยจอกลอ ต.แม่คง อ.แม่สะเรียง จำนวน 80 คน พื้นที่ปลอดภัยชั่วคราว บริเวณห้วยโกเกร๊ะ ต.แม่คง อ.แม่สะเรียง จำนวน 135 คน พื้นที่ปลอดภัยชั่วคราว บริเวณบ้านเสาหิน ต.เสาหิน อ.แม่สะเรียง จำนวน 33 คน โดยหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 7 และหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 36 ได้เข้าไปให้ความช่วยเหลือในเรื่องของการรักษาพยาบาลเบื้องต้น และมอบสิ่งของอุปโภคบริโภคให้กับผู้หนีภัยความไม่สงบชาวเมียนมา (ผภ.สม.) ในพื้นที่ปลอดภัยชั่วคราวทั้ง 4 แห่ง เพื่อให้ความช่วยเหลือขั้นต้นตามหลักมนุษยธรรม

ทางด้าน ราษฎรไทยที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ บ.ท่าตาฝั่ง ต.แม่ยวม อ.แม่สะเรียง ที่ได้รับผลกระทบจากการสู้รบ ยังอยู่ในพื้นที่ตำบลรวบรวมพลเรือน 2 แห่ง จำนวน 189 คน อยู่ในพื้นที่ตำบลรวบรวมพลเรือน ห้วยกองกูด ต.แม่ยวม อ.แม่สะเรียง จำนวน 168 คน พื้นที่ตำบลรวบรมพลเรือน ห้วยกองคา ต.แม่ยวม อ.แม่สะเรียงจำนวน 21 คน   


ภาพ/ข่าว  สุกัลยา / ถาวร อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน

ตำรวจอุบลฯ รวบแก๊งรับจ้างส่งยาบ้าข้ามชาติได้ 1 อีก 1 รอดหวุดหวิด พร้อมยาบ้ากว่า 42,000 เม็ด

วันที่ 1 มิ.ย.64 ที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดอุบลราชธานี ถนนสรรพสิทธิ์ ต.ในเมือง อ.เมือง จ.อุบลราชธานี พล.ต.ต.คีรีศักดิ์ ตันตินวะชัย รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 พร้อมด้วย พล.ต.ต.สมพจน์ ขอมปรางค์ ผบก.ภ.จ.อุบลราชธานี พ.ต.อ.ณรงค์ฤทธิ์  ด่านสุวรรณ รอง ผบก.ภ.จ.อุบลราชธานี พ.ต.อ.ชาญชัย อินนรา ผกก.สส.ภ.จ.อุบลราชธานี และพ.ต.ท.นพดล เปลี่ยนรูป รอง ผกก.สส.สภ.เมืองอุบลราชธานี ร่วมกันแถลงข่าวจับกุมคดียาเสพติดรายสำคัญ และของกลางยาบ้า จำนวน 42,000 เม็ด พร้อมด้วยผู้ต้องหา จำนวน 1 คน      

   

สืบเนื่องมาจาก พ.ต.อ.ชาญชัย อินนราผกก.สส.ภ.จ.อุบลราชธานี และพ.ต.ท.นพดล เปลี่ยนรูป  รอง ผกก.สส.สภ.เมืองอุบลราชธานี ได้รับแจ้งจากสายลับ ว่าสามารถสั่งยาเสพติด (ยาบ้า) จากพ่อค้ายาเสพติดชื่อท้าวอ๊อด (ชาวสปป.ลาว) ได้  21 มัด ๆละ 25,000 บาท  จำนวน 42,000 เม็ด เมื่อได้รับแจ้ง พ.ต.อ.ชาญชัย อินนรา และพ.ต.ท.นพดล เปลี่ยนรูป จึงได้วางแผนจับกุม โดยนัดส่งยาเสพติดกันที่ ชายป่าบ้านคำสง่า หมู่ที่ 11 ต.หนองนกทา อ.เขมราฐ จ.อุบลราชธานี 

หลังจากนั้นจึงได้นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจไปดักซุ่มจับกุมที่จุดดังกล่าว ในวันที่ 30 พ.ค. 64 ที่ผ่านมา จนกระทั่งเวลาประมาณ  09.00 น. ได้มีชายสองคน ขี่รถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้าคลิกสีดำไม่ติดแผ่นป้าย เข้ามายังจุดนัดหมายคือชายป่าบ้านคำสง่า โดยชายคนซ้อนท้ายถือลังกระดาษ เมื่อมาถึงชายสองคนได้เจอกับสายลับตามที่นัดกันไว้ และในขณะเดียวกันนั้น สายลับได้ส่งสัญญาณให้เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ดักซุ่มอยู่ในบริเวณดังกล่าว

จากนั้น เจ้าหน้าที่ได้ออกจากจุดซ่อนตัวแล้วแสดงตัวเพื่อจับกุม เมื่อชายทั้งสองคนรู้ว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ก็ตกใจได้วิ่งหลบหนี  แต่เจ้าหน้าที่ได้ติดตามจับกุม จนสามารถจับกุมตัวได้ 1 คน ทราบชื่อต่อมาคือ นายศักดิ์ชัย (สงวนนามสกุล) อายุ 30 ปี มีภูมิลำเนาอยู่ที่ ต.เขมราฐ อ.เขมราฐ จ.อุบลราชธานี  พร้อมด้วยของกลางยาบ้า 21 มัด จำนวน 42,000 เม็ด ส่วนผู้ต้องหาอีกคน วิ่งหลบหนีไปได้  

เบื้องต้น นายศักดิ์ชัย (สงวนนามสกุล) รับสารภาพว่า ผู้ชายอีกคนที่หลบหนีไปได้ ชื่อ นายคณินธร (สงวนนามสกุล) อายุ 20 ปี มีภูมิลำเนาอยู่ในหมู่บ้านเดียวกันกับตน โดยก่อนถูกจับกุมในครั้งนี้ ตนและนายคณินธร ได้รับจ้างขนยาบ้าจากนายอ๊อต (ชาวสปป.ลาว) โดยนายอ๊อต ให้นำยาเสพติดมาส่งให้ลูกค้า ที่บริเวณชายป่าบ้านคำสง่า โดยพวกตนทั้ง 2 คน จะได้รับค่าจ้างเป็นยาบ้าจำนวน 2000 เม็ด 

ซึ่งที่ผ่านมาพวกตนทั้งสองคน เคยรับจ้างขนยาบ้ามาแล้ว 2 ครั้ง แต่ครั้งนี้ ดวงไม่ดี จึงถูกจับกุมดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้แจ้งข้อกล่าวหาแก่นายศักดิ์ชัย ว่า ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) ไว้ในความครอบครองโดยผิดกฎหมาย แล้วนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.เขมราฐ จ.อุบลฯ เพื่อดำเนินการตามกฎหมาย และจะได้ทำการขยายผลเพื่อจะได้ติดตามจับกุมเครือข่าย ส่วนผู้ต้องหาที่หลบหนีไปได้ เจ้าหน้าที่จะได้ติดตามจับกุมตัว มาดำเนินคดีตามกฏหมายต่อไป


ภาพ/ข่าว  ศูนย์ข่าวอุบลฯ 

ดีพร้อม (DIPROM) ออกนโยบายเร่งด่วนสนับสนุนผู้ประกอบการเครื่องมือแพทย์ รับมือวิกฤติสุขภาพและแนวโน้มความต้องการในไทยที่สูงขึ้น

นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า กระทรวงอุตสาหกรรม โดยกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม หรือดีพร้อม (DIPROM) เร่งขับเคลื่อนกลุ่มอุตสาหกรรมเครื่องมือแพทย์ให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง เพื่อสอดคล้องกับแผนการพัฒนาระยะยาวของทางกระทรวงที่ต้องการยกระดับศักยภาพและมาตรฐานของผลิตภัณฑ์เครื่องมือและการให้บริการทางการแพทย์ให้เทียบเท่ากับระดับสากล โดยเน้นการยกระดับการแพทย์ สร้างศูนย์ทดสอบมาตรฐานของผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์ ส่งเสริมการอำนวยความสะดวกในการตรวจและรับรองมาตรฐานผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์ของไทยให้กับผู้ประกอบการอย่างถูกต้อง รวดเร็ว ในราคาที่เป็นธรรมเพื่อให้ผู้ประกอบการไทยสามารถแข่งขันได้มากขึ้น ประกอบกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19

ในประเทศไทยในปัจจุบันที่ยังไม่สามารถควบคุมได้ ทำให้จำนวนผู้ติดเชื้อยังคงเพิ่มขึ้น จากปัจจัยดังกล่าวจึงส่งผลให้ความต้องการเครื่องมือทางการแพทย์ มีเพิ่มมากขึ้นในช่วงที่ผ่านมา โดยกระทรวงอุตสาหกรรมเล็งเห็นถึงความสำคัญและเร่งการสนับสนุนอุตสาหกรรมเครื่องมือทางการแพทย์ในการพัฒนาและผลักดันให้พร้อมรับมือวิกฤติสุขภาพได้อย่างมีสิทธิภาพสูงสุด เพื่อเป็นอีกหนึ่งจิ๊กซอวที่จะช่วยประเทศไทยผ่านวิกฤติโควิด-19 ครั้งนี้ไปให้ได้

นายณัฐพล รังสิตพล อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ดีพร้อม (DIPROM) เร่งดำเนินการปรับแผนและรูปแบบการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีหลังของงบประมาณประจำปี 2564 เพื่อให้สอดรับนโยบายทางกระทรวงอุตสาหกรรม และสอดคล้องกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 โดยหนึ่งในนั้นคือการเร่งสนับสนุนอุตสาหกรรมเครื่องมือแพทย์อย่างครอบคลุมในหลายมิติให้มีความสอดคล้องสถานการณ์และเกิดประสิทธิภาพสูงสุด เพื่อสร้างความพร้อมในการเป็นรากฐานที่สำคัญรองรับต่อสถานการณ์การแพร่ระบาดในปัจจุบันและอนาคต ด้วยการผลักดันให้เกิดความพร้อมในภาคอุตสาหกรรมเครื่องมือแพทย์ ผ่าน 4 มาตรการเร่งด่วน ดังนี้

1.) การส่งเสริมด้านบุคลากรในภาคอุตสาหกรรมเครื่องมือแพทย์ให้มีความพร้อมและองค์ความรู้ทั้งด้านเทคโนโลยีที่ทันสมัย การนำเทคโนโลยีไปประยุกต์ใช้ให้เหมาะสม รวมไปถึงสร้างความรู้ความเข้าใจด้านกฎระเบียบและข้อบังคับของอุตสาหกรรมเครื่องมือแพทย์

2.) การส่งเสริมด้านการพัฒนาต้นแบบผลิตภัณฑ์ เป็นการพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับ AI และ IoT รวมถึงในกลุ่มของการบำบัดฟื้นฟู วินิจฉัย และการรักษา

โดยต้นแบบผลิตภัณฑ์ร้อยละ 25 ของผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการส่งเสริมนั้น จะครอบคลุมทั้งในด้านของการรองรับกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 อาทิ ชุดอุปกรณ์จ่ายอากาศแบบต่อเนื่องสำหรับหน้ากากชนิดครอบเต็มใบหน้า (PAPR) เครื่องทวนสอบเครื่องช่วยหายใจ (Ventilator Tester) ระบบปรึกษาข้อมูลสุขภาพทางไกล ระบบ AI ในการวิเคราะห์โรคปอด และเครื่องดูดละอองฝอยน้ำลาย (เครื่องมือทันตกรรม)

ทั้งนี้ การพัฒนาต้นแบบผลิตภัณฑ์ดำเนินการโดยการบูรณาการร่วมกันระหว่างสถานประกอบการ ภาคการศึกษา และบุคลากรทางการแพทย์ รวมไปถึงสถาบันฯ และสมาคมต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง

3.) การส่งเสริมสถานประกอบการในภาคอุตสาหกรรมการผลิตและบริการ การปรับปรุง และพัฒนากระบวนการผลิตให้สามารถที่จะลดต้นทุน ลดของเสียที่เกิดขึ้นจากการผลิต รวมถึงสามารถผลิตผลิตภัณฑ์ที่ตอบสนองต่อการใช้งานในปัจจุบัน อีกทั้งส่งเสริมในเรื่องการวางแผนการตลาด เพิ่มมูลค่า และยอดขายอีกครั้ง

4.) การส่งเสริมการรวมกลุ่มอุตสาหกรรม เพื่อให้เกิดเป็นกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีความเข้มแข็งและเพิ่มขีดความสามารถของอุตสาหกรรมเครื่องมือแพทย์ การถ่ายทอดเทคโนโลยี และองค์ความรู้รวมถึงวิสัยทัศน์ร่วมกัน การสร้างและรวบข้อมูลเครือข่ายหน่วยทดสอบมาตรฐานเครื่องมือแพทย์ ให้เกิดความพร้อมทุกมิติ อีกทั้งยังร่วมกันพัฒนาต้นแบบผลิตภัณฑ์ใหม่ที่สอดคล้องต่อสถานการณ์ปัจจุบัน

นอกจากนี้ ดีพร้อม ได้ส่งเสริมการเข้าถึงแหล่งเงินทุนในการวิจัยและนวัตกรรมแก่ผู้ประกอบการ ผ่านการเชื่อมโยงหน่วยงานอื่นๆ อาทิ สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) หน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศ (บพข.) สำนักงานสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ (สอวช.) อีกทั้ง ยังช่วยผลักดันให้ผู้ประกอบการนำผลิตภัณฑ์เข้าสู่บัญชีนวัตกรรมไทยและบัญชีสิ่งประดิษฐ์ไทย สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) เป็นอีกหนึ่งช่องทางหนึ่งในการสร้างความน่าเชื่อถือและสามารถจำหน่ายผลิตภัณฑ์ให้กับส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจอีกด้วย

ทั้งนี้ ดีพร้อม ตั้งเป้าว่าภายในปี 2564 ต้องสามารถสนับสนุนผู้ประกอบการและบุคลากรในภาคอุตสาหกรรมเครื่องมือการแพทย์ได้กว่า 100 ผู้ประกอบการ อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาตั้งแต่ปี 2559 – 2563 ดีพร้อม สามารถยกระดับอุตสาหกรรมเครื่องมือแพทย์กว่า 400 ราย อาทิ การพัฒนาชุดอุปกรณ์จ่ายอากาศแบบต่อเนื่องสำหรับหน้ากากชนิดครอบเต็มใบหน้า บริษัท ทีเอ็มดีดี จำกัด โดยทางดีพร้อมได้ให้การสนับสนุนการพัฒนาผลิตภัณฑ์ด้านวัสดุในการผลิต ระบบในการปรับอัตราการไหลของอากาศ แบตเตอรี่ในการใช้งาน และการใช้งานร่วมกับชุดกรองเชื้อไวรัสและแบคทีเรีย ฯลฯ นายณัฐพล กล่าวทิ้งท้าย


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

แบงก์ชาติเปิดผลสำรวจโควิดระลอกใหม่ทำธุรกิจไทยทรุด

ธนาคารแห่งประเทศไทย เปิดเผยผลสำรวจเรื่องผลกระทบจากไวรัสโควิด-19 ต่อภาคธุรกิจไทย ในเดือนพฤษภาคม 2564 พบว่า ในเดือนพฤษภาคม 2564 ระดับการฟื้นตัวของธุรกิจในภาพรวมทรงตัวใกล้เคียงกับเดือนก่อน ซึ่งถูกกดดันจากกำลังซื้อที่ยังอ่อนแอ และผลของการแพร่ระบาดของโควิดระลอกเดือนเมษายนที่ขยายวงกว้าง ขณะที่ภาคก่อสร้างเริ่มได้รับผลจากการติดเชื้อเป็นคลัสเตอร์ในแคมป์คนงาน แต่อย่างไรก็ดีภาคการผลิตยังสามารถฟื้นตัวได้ตามคำสั่งซื้อที่ทยอยกลับมา

ทั้งนี้แต่ละธุรกิจมีมุมมองต่อผลกระทบจากการแพร่ระบาดระลอกเดือนเมษายนแตกต่างกัน โดยภาคท่องเที่ยว คาดว่า จะถูกกระทบมากที่สุด รองลงมาเป็นภาคอสังหาริมทรัพย์ และภาคการค้า ขณะที่ภาคการผลิตได้รับผลกระทบน้อยที่สุด สอดคล้องกับการปรับตัวที่ทำได้มากกว่าธุรกิจอื่น โดยสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิดในไทยที่มีแนวโน้มกลับมารุนแรงขึ้น ทำให้ธุรกิจส่วนใหญ่มีการใช้นโยบายสลับกันมาทำงานเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากเดือนก่อน ส่วนธุรกิจในภาคที่ไม่ใช่การผลิตมีการใช้นโยบายอื่น ๆ เพิ่มเติม อาทิ ลดชั่วโมงทำงาน และ หยุดงานชั่วคราวโดยไม่รับเงินเดือน รวมถึงปลดคนงานเพิ่มในบางธุรกิจ

ขณะเดียวกันจากการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการค้าปลีก (RSI) เดือนพฤษภาคม 2564 ซึ่งจัดทำร่วมกับสมาคมผู้ค้าปลีกไทย พบว่า ความเชื่อมั่นผู้ประกอบการค้าปลีกปรับลดลงต่อเนื่อง ตามการแพร่ระบาดของโควิดระลอกใหม่ที่รุนแรงขึ้น แต่ผู้ประกอบการยังเชื่อมั่นว่าสถานการณ์จะปรับดีขึ้นในอีก 3 เดือน จากผลของการเร่งกระจายวัคซีน

สำหรับประเด็นพิเศษในเดือนนี้ ผู้ประกอบการส่วนใหญ่ประเมินว่ากำลังซื้อของผู้บริโภคแย่ลงจากเดือนก่อนค่อนข้างมาก จากการระบาดที่รุนแรงและยืดเยื้อที่ส่งผลต่อทั้งรายได้ และความกังวลของผู้บริโภค รวมถึงมาตรการสาธารณสุขที่เข้มงวดในหลายพื้นที่ นอกจากนี้ 41% ของผู้ตอบแบบสำรวจ ได้ปรับลดการจ้างงานลงและมีแนวโน้มที่รายได้ลดลงตามชั่วโมงการทำงานและค่าธรรมเนียมขายลดลง และ 39% ของผู้ตอบแบบสำรวจมีสภาพคล่องไม่เกิน 6 เดือน

ทบ.จัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติถวายเป็นพระราชกุศลเนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี พร้อมเชิญชวนร่วมลงนามถวายพระพรออนไลน์

ที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) พ.ต.หญิง ปวีณา ศรีบัวชุม ผู้ช่วยโฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี 3 มิถุนายน 2564 กองทัพบกกำหนดจัดกิจกรรมเพื่อเฉลิมพระเกียรติฯ ถวายเป็นพระราชกุศล ในวโรกาสอันเป็นมหามงคล โดยหน่วยทหารทั่วประเทศจะร่วมกับส่วนราชการ และประชาชนจิตอาสาจัดกิจกรรม การถวายพระพร พิธีทางศาสนา การร่วมกันบำเพ็ญสาธารณะประโยชน์ กิจกรรมจิตอาสาทำความดีช่วยเหลือผู้อื่น โดยเฉพาะการช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ COVID-19 สำหรับในพื้นที่ส่วนกลาง กำหนดจัดกิจกรรมในวันพุธที่ 2 มิ.ย.64 ณ กองบัญชาการกองทัพบก กทม. โดยมีพิธีตักบาตรพระสงฆ์ 10 รูปถวายเป็นพระราชกุศล พิธีถวายราชสดุดีและถวายพระพรชัยมงคล พิธีเจริญพระพุทธมนต์ไถ่ชีวิตกระบือ 6 ตัว ถวายเป็นพระราชกุศล โดยนำไปมอบให้กับเกษตรกรโครงการเกษตรรวมใจอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จ.นครนายก, นำกำลังพลร่วมการบริจาคโลหิตถวายเป็นพระราชกุศล และเพิ่มปริมาณโลหิตสำรองเพื่อช่วยเหลือผู้ป่วย, การจัดนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ และการลงนามถวายพระพร ณ กองบัญชาการกองทัพบก 

กองทัพบกจึงขอเชิญชวนประชาชนร่วมในกิจกรรมกับหน่วยทหารทั่วประเทศ รวมทั้งขอเชิญชวนประชาชนร่วมลงนามถวายพระพรสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 3 มิ.ย.64  ตามที่สำนักพระราชวังได้เปิดให้ประชาชนร่วมลงนาม ผ่านระบบออนไลน์ได้ที่ www.royaloffice.th ระหว่างวันที่ 1-6 มิ.ย.64 

Chinese Embassy Bangkok สถานเอกอัคราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีน ประจำประเทศไทย ได้โพสต์ว่า เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2564 ทางองค์การอนามัยโลก (WHO) ได้ทำการอนุมัติการใช้งานในกรณีฉุกเฉินแก่วัคซีนป้องกันโควิด-19 อย่าง Sinovac ที่ผลิตโดย บริษัท ซิโนแวก ไบโอเทค

จากเฟซบุ๊ก Chinese Embassy Bangkok สถานเอกอัคราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีน ประจำประเทศไทย ได้โพสต์ว่า เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2564 ทางองค์การอนามัยโลก (WHO) ได้ทำการอนุมัติการใช้งานในกรณีฉุกเฉินแก่วัคซีนป้องกันโควิด-19 อย่าง Sinovac ที่ผลิตโดย บริษัท ซิโนแวก ไบโอเทค (Sinovac Biotech) บริษัทเวชภัณฑ์สัญชาติจีนแล้ว

โดยก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 7 พ.ค. องค์การอนามัยโลก ได้ดำเนินการตรวจสอบและอนุมัติวัคซีนที่พัฒนาขึ้นโดยซิโนฟาร์ม (Sinopharm) บริษัทเภสัชภัณฑ์สัญชาติจีน สำหรับใช้ในกรณีฉุกเฉิน ทำให้ Sinovac เป็นลำดับที่สองของวัคซีนจีน ตามหลังวัคซีน Sinopharm

ขณะเดียวกัน Sinovac ก็จัดเป็นลำดับที่ 7 ที่องค์การอนามัยโลกให้การรับรองวัคซีน

1.) Pfizer

2.) AstraZeneca

3.) Covisheild

4.) Johnson & Johnson

5.) Moderna

6.) Sinopharm

ทั้งนี้ ภายหลัง องค์การอนามัยโลก ได้ทำการประเมินวัคซีน Sinovac ของจีน อย่างละเอียดรอบคอบ และอนุมัติ EUL (Emergency Use Listing) เรียบร้อยแล้ว จะส่งผลให้วัคซีน Sinovac สามารถฉีดใน 92 ประเทศ ที่อยู่ในโครงการ COVAX ได้เลย

สำหรับประสิทธิผลในการป้องกันโรคที่รุนแรงจนนอนโรงพยาบาลได้ 100% โดยมีข้อมูลเพิ่มเติม จากอินโดนีเซียว่า ประสิทธิผลในการป้องกันบุคลากรทางการแพทย์ที่ฉีดวัคซีน 120,000 คน สูงถึง 94%

นอกจากนี้ องค์การอนามัยโลก รับรองให้วัคซีนฉีดได้ในประชาชนที่อายุ 18 ปีขึ้นไป และสามารถฉีดในผู้สูงอายุที่มีวัยมากกว่า 60 ปีได้ด้วย

นับเป็นอีกข่าวดี สำหรับผู้ที่ยังกังวลใจเรื่องความปลอดภัยและประสิทธิผลของวัคซีน Sinovac

 

ที่มา:

https://www.blockdit.com/posts/60b65729f85bd50d89b977e0

https://mgronline.com/china/detail/9640000053047

https://www.facebook.com/story.php?story_fbid=4082918435088264&id=846555798724560


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

3 มิถุนายน 2564 กทพ. ยกเว้นค่าผ่านทางพิเศษ 3 สายทาง

​การทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) กระทรวงคมนาคม ยกเว้นค่าผ่านทางพิเศษของทางพิเศษ รวม 3 สายทาง ดังนี้ ทางพิเศษเฉลิมมหานคร (ทางด่วนขั้นที่ 1) จำนวน 19 ด่าน ทางพิเศษศรีรัช (ทางด่วนขั้นที่ 2) จำนวน 31 ด่าน และทางพิเศษอุดรรัถยา (บางปะอิน-ปากเกร็ด) จำนวน 10 ด่าน ในวันพฤหัสบดีที่ 3 มิถุนายน 2564 (วันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี) ตั้งแต่เวลา 00.01 น. ถึง 24.00 น. จำนวน 1 วัน ซึ่งเป็นวันหยุดราชการประจำปีตามประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี โดยเป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลและกระทรวงคมนาคมที่ปรากฏในสัญญาสัมปทาน ฉบับแก้ไขใหม่ระหว่าง กทพ. บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (BEM) และบริษัท ทางด่วนกรุงเทพเหนือ จำกัด (NECL) เพื่อช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายให้แก่ประชาชน

​ทั้งนี้ ในสถานการณ์ COVID-19 กทพ. ขอความร่วมมือให้ผู้ใช้ทางพิเศษอยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ หากไม่มีความจำเป็นที่ต้องเดินทางออกนอกบ้าน หรือหากจำเป็นต้องใช้ทางพิเศษเดินทางในวันปกติที่ไม่ได้ยกเว้นค่าผ่านทาง ควรสมัครใช้บัตร Easy Pass เพื่อหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับธนบัตรหรือเหรียญซึ่งอาจจะเป็น แหล่งสะสมของเชื้อโรค รวมถึงใช้บริการเติมเงิน ในบัตร Easy Pass ผ่าน Application ของธนาคารต่างๆ ซึ่งนอกจากจะได้รับความสะดวกรวดเร็วแล้ว ยังจะช่วยลดความเสี่ยงจากการรับหรือแพร่เชื้อ COVID-19 ได้อีกด้วย

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์บริการข้อมูลผู้ใช้ทางพิเศษ EXAT Call Center โทร 1543 นอกจากนี้ผู้ใช้ทางพิเศษสามารถดาวน์โหลด Application "EXAT Portal" เพื่อตรวจสอบยอดเงินคงเหลือและการใช้บัตร Easy Pass รับข่าวสารโปรโมชั่นและสิทธิประโยชน์ และสามารถเรียกใช้งาน Application อื่นๆ ของ กทพ. อาทิ EXAT Traffic อีกทั้งยังสามารถขอความช่วยเหลือฉุกเฉิน (SOS) ได้อีกช่องทางหนึ่งด้วย

โฆษกกองทัพเรือ แจง ซื้อรถถังเข้าประจำการในนย. ใช้เงินงบประมาณปี 2563 เพื่อทดแทนรถถังหลัก Type 69-II

พล.ร.อ.เชษฐา ใจเปี่ยม โฆษกกองทัพเรือ เปิดเผยว่า ตามที่ มีการกล่าวถึงการจัดส่งรถถังมายังประเทศไทย ในการพิจารณางบประมาณ 2565 ของรัฐบาล เมื่อ 31 พฤษภาคม ที่ผ่านมา นั้น กองทัพเรือ ได้จัดหา ยานเกราะโจมตีสะเทินน้ำสะเทินบก แบบ ZTD 05A  หรือ VN 16  จากสาธารณรัฐประชาชนจีน ในโครงการซื้อยานเกราะโจมตีสะเทินน้ำสะเทินบก ระยะที่ 1 จำนวน 3 คัน วงเงิน 398,143,400 บาท ในปีงบประมาณ 2563  เพื่อทดแทนรถถังหลัก Type 69-II  ของหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน  ทั้งนี้ยานเกราะโจมตีสะเทินน้ำสะเทินบก VN16 จะเข้าประจำการ ในกองพันรถสะเทินน้ำสะเทินบก กองพลนาวิกโยธิน หน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน

สำหรับ ยานเกราะโจมตีสะเทินน้ำสะเทินบก VN16  ออกแบบและผลิตโดย China North Industries Corporation (NORINCO) ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจอุตสาหกรรมความมั่นคงของจีน โดย VN 16 เป็นรถถังเบาสะเทินน้ำสะเทินบก มีน้ำหนักประมาณ 26.5 ตัน ติดตั้งปืนใหญ่รถถังขนาด 105 มม. เกราะทำด้วยอลูมิเนียมอัลลอย มีความเร็วบนถนน 65 กม./ชม. ความเร็วในน้ำ  25 กม./ชม.

โฆษกกองทัพเรือ กล่าวยืนยันว่า การจัดหายานเกราะโจมตีสะเทินน้ำสะเทินบก แบบ VN 16  นั้น เป็นการจัดหาในปีงบประมาณ 2563 ซึ่งเป็นไปตามแผนการเสริมสร้างกำลังกองทัพเท่าที่มีความจำเป็น เพื่อดูแลความมั่นคงในส่วนที่กองทัพเรือรับผิดชอบ โดยดำเนินการในห้วงก่อนการแพร่ระบาดของไวรัส COVID - 19 ทั้งนี้ กองทัพเรือ มุ่งมั่นในการเป็นกองทัพเรือที่ประชาชนเชื่อมั่นและภาคภูมิใจ เป็นที่พึ่งของประชาชนและบริหารจัดการด้วยความโปร่งใส สามารถตรวจสอบได้ ซึ่งกระบวนการจัดหายุทโธปกรณ์เป็นไประเบียบราชการทุกประการ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top