Monday, 12 May 2025
NewsFeed

คลังเคาะมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้สินเชื่อรายย่อย

เมื่อวันที่ 2 มิถุนายน 2564 นางสาวกุลยา ตันติเตมิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ระลอกใหม่ที่เริ่มกลับมาแพร่ระบาดตั้งแต่เดือนธันวาคม 2563 และจวบจนกระทั่งถึงปัจจุบัน ความรุนแรงของการแพร่ระบาดก็ยังไม่บรรเทาเบาบางลง รวมทั้งยังได้มีการแพร่กระจายไปยังพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศ

ส่งผลกระทบต่อสภาวะเศรษฐกิจ การจ้างงาน และสภาพความเป็นอยู่ของประชาชนคนไทยในวงกว้าง สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ในฐานะที่เป็นหน่วยงานที่ได้รับมอบหมายจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังให้ทำหน้าที่กำกับดูแลธุรกิจสินเชื่อรายย่อยระดับจังหวัดภายใต้การกำกับ (สินเชื่อ พิโกไฟแนนซ์) จึงได้ออกหนังสือขอความร่วมมือผู้ประกอบธุรกิจสินเชื่อพิโกไฟแนนซ์ให้ความช่วยเหลือและบรรเทาผลกระทบจาก COVID-19 ให้กับลูกหนี้ตามความเหมาะสมและตามสมควรที่ผู้ประกอบธุรกิจสินเชื่อพิโกไฟแนนซ์แต่ละรายจะสามารถให้ความช่วยเหลือแก่ลูกหนี้ของตนเองได้ โดยการ (1) ลดค่างวดหรือขยายระยะเวลาการชำระหนี้ (2) เปลี่ยนประเภทหนี้จากระยะสั้นเป็นระยะยาว (3) พักชำระค่างวดหรือพักเงินต้นและจ่ายดอกเบี้ยบางส่วน หรือพักเงินหรือพิจารณาลดอัตราดอกเบี้ย หรือวิธีการอื่นใดที่จะสามารถช่วยบรรเทาภาระหนี้กับลูกหนี้ได้ นอกจากนี้ ยังได้ขยายระยะเวลาการส่งรายงานงบการเงินสำหรับรอบปีบัญชี พ.ศ.2563 ให้แก่ผู้ประกอบธุรกิจสินเชื่อพิโกไฟแนนซ์ออกไปเป็นภายในวันที่ 30 มิถุนายน พ.ศ.2564 

ทั้งนี้ สศค. หวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้รับความร่วมมือจากผู้ประกอบธุรกิจสินเชื่อพิโกไฟแนนซ์เพื่อให้ความช่วยเหลือประชาชนที่เป็นลูกหนี้ของกลุ่มธุรกิจสินเชื่อพิโกไฟแนนซ์ ซึ่งจะช่วยทำให้ประชาชน คนไทยผ่านพ้นสถานการณ์ COVID-19 ในครั้งนี้ไปด้วยกัน ดังเช่นเมื่อครั้งที่ได้รับผลกระทบจาก COVID-19 ระลอกแรกเมื่อปี 2563

“โรม” ยื่น ร่างแก้ไข ป.อาญา เอาผิด “ผู้พิพากษา-ศาล” เข้าสภา ชี้ เป็นจุดเริ่มต้นปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมไทย

เมื่อวันที่ 2 มิถุนายน 2564 ที่รัฐสภา นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ยื่นร่าง พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฏหมายาญา (ฉบับที่...) พ.ศ... ต่อนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ผ่าน นพ.สุกิจ อัถโถปกรณ์ ที่ปรึกษาประธานสภาผู้แทนราษฎร

โดยนายรังสิมันต์ กล่าวว่า มีวัตถุประสงค์ในการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา โดยเพิ่มฐานความผิดใหม่ที่ไม่มีในระบบกฎหมาย คือ ความผิดฐานบิดเบือนกฎหมาย ซึ่งจะบังคับใช้ต่อพนักงานการยุติธรรม รวมไปถึงศาลรัฐธรรมนูญ จะเห็นได้ว่าการตัดสินคดีที่เกี่ยวข้องกับคุณสมบัติรัฐมนตรี กรณีของบริษัทโตโยต้า กรณีการไม่ให้ประกันตัวแกนนำราษฎรโดยไม่มีเหตุผลที่อยู่บนพื้นฐานของกฎหมาย สิ่งเหล่านี้แสดงให้เห็นชัดเจนว่าความยุติธรรมกำลังผิดเพี้ยนและต้องการได้รับการแก้ไข บางคนอาจตั้งคำถามว่าร่างฉบับนี้ที่เราทำขึ้นมาต่างกับเรื่องอื่นๆ อย่างไร เช่นเรื่องผู้พิพากษารับสินบนก็มีกฎหมายที่กำหนดฐานความผิดเอาไว้แล้ว แต่ในระบบกฎหมายของไทยมีช่องว่างคือหากไม่ใช่กรณีรับสินบนแต่เป็นความสัมพันธ์ส่วนตัว หรือมีมูลเหตุจูงใจทางการเมืองแล้วบิดเบือนกฎหมาย ซึ่งไทยยังไม่มีกฎหมายที่กำหนดฐานความผิดนี้เลย ดังนั้นนี่จึงเป็นการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมที่พรรคก้าวไกลทราบดีว่าไม่สามารถทำให้เสร็จสิ้นด้วยกฎหมายฉบับเดียว แต่ยังมีอีกหลายวาระที่ต้องดำเนินการต่อไป ฃกระบวนการยุติธรรมที่ดีคือกระบวนการยุติธรรมที่สามารถตรวจสอบได้ กระบวนการยุติธรรมที่ดีและได้รับความเห็นด้วยชอบธรรมจากประชาชน

"ชาดา" ปัดชวน "อนุทิน" กลับบ้าน ลั่นไม่มีอะไรแค่คุยกันก็จบ ยันการแสดงความเห็นไม่เกี่ยวโหวตงบฯ 65 

เมื่อวันที่ 2 มิถุนายน 2564 ที่รัฐสภา นายชาดา ไทยเศรษฐ์ ส.ส. อุทัยธานี พรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงกรณีที่เคยอภิปรายชวนนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคถูมิใจไทยให้กลับบ้าน หากพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ไม่รัก โดยเป็นการกล่าวเพียงสั้นๆ ว่า สิ่งที่อภิปรายในวันนั้น ไม่ได้มีผลต่อการลงมติรับหรือไม่รับร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2565 วงเงิน 3.1 ล้านล้านบาท วาระแรก เพราะการลงมติพรรคจะมีการหารือกันอีกครั้งวันนี้ ในเวลา 13.00 น. ยืนยันว่า เป็นคนละเรื่องกัน เพราะได้มีการพูดคุยทำความเข้าใจแล้วก็จบ ไม่มีปัญหาอะไร

ประกันสังคม สรุปผลดูแลผู้ประกันตนตรวจโควิด-19 เชิงรุก ภาพรวม 10 จุด ล่าสุด 31 พ.ค. 64 ช่วยคัดกรองฯ ไปแล้วกว่า 2.35 แสนคน

นายทศพล กฤตวงศ์วิมาน เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม กระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ซึ่งกระทรวงแรงงานภายใต้การกำกับดูแลของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน มีนโยบายให้ความสำคัญกับการควบคุมป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 ให้กับผู้ประกันตน จึงได้สั่งการให้สำนักงานประกันสังคมบูรณาการร่วมกับกระทรวงมหาดไทย โดยกรุงเทพมหานคร และกระทรวงสาธารณสุข โดย สปสช. ดำเนินการตรวจหาเชื้อโควิด-19 เชิงรุก ให้กับผู้ประกันตนโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น ภายใต้โครงการ “แรงงาน...เราสู้ด้วยกัน” เป้าหมายเพื่อดูแลผู้ประกันตนในระบบประกันสังคมตามมาตรา 33 มาตรา 39 และมาตรา 40 โดยเพิ่มช่องทางบริการตรวจเชื้อให้กับผู้ประกันตนที่เป็นกลุ่มเสี่ยง 10 จุดที่อยู่ในพื้นที่ในกรุงเทพฯ ปทุมธานี สมุทรปราการ นนทบุรี ชลบุรี เชียงใหม่ สมุทรสาคร ภูเก็ต ระยอง และพระนครศรีอยุธยา เพื่อลดปัญหาความแออัดการตรวจคัดกรองในโรงพยาบาล และให้ผู้ประกันตนสามารถเข้ารับการตรวจคัดกรองได้อย่างสะดวก รวดเร็ว ไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น

อย่างไรก็ดีโครงการดังกล่าว ได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานภาคเอกชน และโรงพยาบาลในเครือข่ายประกันสังคมดำเนินการตรวจโควิดเชิงรุกเป็นไปอย่างเรียบร้อย สามารถช่วยเหลือและบรรเทาสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 คลี่คลายความแออัดจากการเข้ารับบริการตรวจคัดกรอง ลดการกระจายของโรคป้องกันการเกิดคลัสเตอร์ใหม่ ในสถานประกอบได้เป็นที่น่าพอใจเป็นอย่างมาก

นายทศพล กล่าวต่อไปว่า สำหรับภาพรวมในการดำเนินการตรวจโควิด-19 เชิงรุกให้กับผู้ประกันตน ณ 31 พ.ค. 64 ยอดรวมสะสมทั้งสิ้น ของการเปิดให้บริการ ตั้งแต่วันที่ 16 เม.ย.-31 พ.ค.64 จุดตรวจอาคารกีฬาเวสน์ 1 ศูนย์เยาวชน กรุงเทพมหานคร (ไทย-ญี่ปุ่น) เขตดินแดง มีผู้มาตรวจจำนวน 89,921 คน ที่จังหวัดปทุมธานี จุดตรวจวิทยาลัยการอาชีวศึกษาปทุมธานี มีผู้มาตรวจจำนวน 15,862 คน ตรวจเชิงรุก ในสถานประกอบการ มีผู้มาตรวจ จำนวน 25,416 คน รวมทั้งสิ้น 41,278 คน ที่จังหวัดสมุทรปราการ จุดตรวจสถาบันฝีมือแรงงาน ภาค 1 มีผู้มาตรวจจำนวน 9,453 คน ตรวจเชิงรุกในสถานประกอบการมีผู้มาตรวจจำนวน 23,727 คน รวมทั้งสิ้นจำนวน 32,680 คน ที่จังหวัดนนทบุรี จุดตรวจเทศบาลเมืองพิมลราช มีผู้มาตรวจทั้งสิ้นจำนวน 3,369 คน ตรวจเชิงรุกในสถานประกอบการ มีผู้มาตรวจจำนวน 12,494 คน รวมทั้งสิ้นจำนวน 15,863 คน ที่จังหวัดชลบุรี ตรวจเชิงรุกในสถานประกอบการ มีผู้มาตรวจทั้งสิ้นจำนวน 23,000 คน ที่จังหวัดเชียงใหม่ ตรวจเชิงรุกในสถานประกอบการ มีผู้มาตรวจทั้งสิ้น จำนวน 10,777 คน ที่จังหวัดสมุทรสาคร ตรวจเชิงรุกในสถานประกอบการ มีผู้มาตรวจทั้งสิ้นจำนวน 11,413 คน ที่จังหวัดภูเก็ตมีผู้มาตรวจทั้งสิ้นจำนวน 690 คน ที่จังหวัดระยอง ตรวจเชิงรุกในสถานประกอบการ มีผู้มาตรวจทั้งสิ้นจำนวน 6,675 คน และที่จังหวัดอยุธยา ตรวจเชิงรุกในสถานประกอบการ มีผู้มาตรวจทั้งสิ้นจำนวน 3,211 คน โดยภาพรวมทั้ง 10 จุด ในการตรวจโควิด-19 เชิงรุกให้กับผู้ประกันตน มีผู้มาตรวจทั้งสิ้นจำนวน 235,508 คน

เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม กล่าวในตอนท้ายว่า สำนักงานประกันสังคม พร้อมร่วมขับเคลื่อน การดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาล และนายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ที่มุ่งมั่นให้ความช่วยเหลือผู้ประกันตนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อ และควบคุมการแพร่ระบาดในช่วงที่รอการฉีดวัคซีนให้แก่ผู้ประกันตนต่อไป

“องอาจ” ย้ำ ส.ส. ปชป. วิพากษ์งบเพื่อส่วนรวม ไม่มีวาระซ่อนเร้น

นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรค และประธาน ส.ส. พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีปรารภในที่ประชุม ครม. ถึง ส.ส. พรรคร่วมรัฐบาลอภิปรายวิพากษ์วิจารณืการจัดทำงบประมาณโดยระบุว่า “ขอให้ช่วยๆ กัน ตรงไหนเกี่ยวข้อง ก็ให้ช่วยเร่งตอบ ปากก็ว่าโอเค แต่ปล่อยให้ลูกพรรคซัดโครมๆ” ว่า ในส่วนของ ส.ส. พรรคประชาธิปัตย์ ขอยืนยันว่าเราทำหน้าที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรอภิปรายวิพากษ์วิจารณ์บนพื้นฐานของการทำหน้าที่เพื่อส่วนรวม ไม่ได้ทำเพื่อประโยชน์ของใครคนใดคนหนึ่ง

การเป็น ส.ส. ที่มาจากการเลือกตั้งจากประชาชน เราจึงคำนึงถึงประโยชน์ของราษฎร และเอาส่วนรวมเป็นตัวตั้ง ขณะเดียวกันในฐานะที่เป็น ส.ส. พรรคร่วมรัฐบาล เราก็อภิปรายบนพื้นฐานของ ส.ส. พรรคร่วมรัฐบาล นอกจากจะวิพากษ์วิจารณ์ข้อด้อยของการจัดทำงบประมาณแล้ว เรายังมีข้อเสนอแนะที่เป็นประโยชน์

ถ้ารัฐบาล ผู้บริหารกระทรวง หน่วยงาน องค์กรต่างๆ ที่ใช้งบประมาณ นำไปปรับปรุงแก้ไขก็จะช่วยทำให้เกิดการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อประโยชน์ของราษฎรและส่วนรวมอย่างแท้จริง

ขอยืนยันว่าการอภิปรายวิพากษ์วิจารณ์การจัดทำงบประมาณของ ส.ส. พรรคประชาธิปัตย์ ไม่มีวาระซ่อนเร้นทางการเมือง ไม่มีผลประโยชน์แอบแฝง หรืออภิปรายเพื่อต่อรองทางการเมืองแต่อย่างใด แต่เป็นการอภิปรายงบประมาณอย่างตรงไปตรงมา ว่าไปตามเนื้อผ้า เพื่อให้ได้งบประมาณที่เหมาะสมต่อการพัฒนาประเทศให้เจริญก้าวหน้ามากยิ่งขึ้นต่อไป

หวังว่านากยรัฐมนตรีจะพิจารณาทำหน้าที่ของพรคการเมือง ส.ส. พรรคร่วมรัฐบาลแบบแยกแยะ และเรียนรู้ทำความเข้าใจถึงบทบาทหน้าที่ของ ส.ส. ที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชนให้มากยิ่งขึ้น เพื่อให้การทำงานร่วมกันของพรรคร่วมรัฐบาลทั้งใน ครม. ทั้งในสภาเป็นไปอย่างราบรื่น เพื่อให้รัฐบาลเดินหน้าแก้ปัญหาประชาชนได้ตามเจตนารมณ์ที่ตั้งเป้าหมายไว้ต่อไป

กบฉ.ต่ออายุพ.ร.ก.ฉุกเฉิน ฯ 20มิ.ย.-19 ก.ย. ปรับลด ‘อ.กาบัง จ.ยะลา’ จากพื้นที่ประกาศฉุกเฉินฯ สั่ง ลักลอบเข้าเมือง หวั่นแพร่โควิด

ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์ฉุกเฉิน (กบฉ.)ครั้งที่ 2/2564 

โดยที่ประชุมเห็นชอบขยายเวลา การประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขตท้องที่ทุกอำเภอในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาค ยกเว้น อ.แม่ลาน อ.ไม้แก่น จ.ปัตตานี อ.เบตง อ.กาบัง จ.ยะลา และอ.สุไหงโก-ลก อ.สุคิริน,อ.ศรีสาคร จ.นราธิวาส ออกไปอีก 3 เดือน ตั้งแต่วันที่ 20 มิ.ย.-19 ก.ย.64 เพื่อให้เกิดความต่อเนื่อง และมีประสิทธิภาพในการดูแลรักษาความปลอดภัยชีวิต และทรัพย์สิน ของประชาชนในพื้นที่ และเห็นชอบตามที่กอ.รมน.ภาค 4 เสนอปรับลดพื้นที่การประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินฯ ซึ่งผ่านเกณฑ์การประเมินแล้ว ได้แก่พื้นที่ อ.กาบัง จ.ยะลา เป็นไปตามแผนงานปรับลดพื้นที่ฯสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล และเห็นชอบให้เพิ่มเติมตัวชี้วัด ความพึงพอใจของประชาชน ต่อเศรษฐกิจ สังคม ควบคู่สถิติทางคดี

นอกจากนั้นรับทราบ ผลการปฎิบัติงานตามพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ของกอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ระหว่างวันที่ 20 มี.ค.-18 พ.ค.ที่ผ่านมา สถานการณ์ภาพรวมดีขึ้น การก่อเหตุความรุนแรงมีแนวโน้มลดลงและประชาชนเข้าใจการปฏิบัติงานของภาครัฐ

พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ขอให้กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า เฝ้าระวังการลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมายอย่างเข้มงวด เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19  และขอบคุณเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงทุกนายที่เสียสละ ทุ่มเทการทำงาน จนสามารถปรับลดพื้นที่ประกาศฉุกเฉินบางส่วนได้ผล ส่งเสริมภาพลักษณ์ที่ดีของประเทศ ตามนโยบายของรัฐบาล และขอเป็นกำลังใจการปฏิบัติงานของจนท.ให้ประสบความสำเร็จปลอดภัยจากภารกิจ และโควิด-19 ทุกคน

ทนายตั้ม พา ‘ลุงพล’ มอบตัว หลังตกเป็นผู้ต้องหาคดี ‘น้องชมพู่’

จากกรณีการหายตัวไปของ “น้องชมพู่” ด.ญ.อรวรรณ วงศ์ศรีชา เด็กหญิงวัย 3 ขวบ ซึ่งหายตัวไปจากบ้านพักในหมู่บ้านกกกอก ต.กกตูม อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร เมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม 2563 ก่อนถูกพบเสียชีวิตอยู่บริเวณเขาภูเหล็กไฟ บ้านกกกอก ห่างจากบ้านพักประมาณ 5 กิโลเมตร เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2563 เวลาผ่านไปนานกว่า 1 ปี เจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่สามารถนำตัวผู้กระทำผิดมานำเนินคดีได้

โดยเมื่อวันที่ 1 มิถุนายน ศาลจังหวัดมุกดาหารได้อนุมัติหมายจับ นายไชย์พล วิภา หรือ ลุงพล ผู้ต้องหาในคดีการเสียชีวิตของ “น้องชมพู่” เลขหมายจับที่ 53/2564 ลงวันที่ 1 มิถุนายน 2564 ใน 3 ข้อหา

คือพรากเด็กอายุไม่เกินสิบห้าปี ไปเสียจากบิดามารดา โดยปราศจากเหตุอันควร, ทอดทิ้งเด็กอายุไม่เกินเก้าปี เพื่อให้เด็กนั้นพ้นไปเสียจากตน โดยประการที่ทำให้เด็กนั้นปราศจากผู้ดูแล เป็นเหตุให้เด็กถึงแก่ความตาย, และกระทำการใดๆ แก่ศพ หรือสภาพแวดล้อมในบริเวณที่พบศพ ก่อนการชันสูตรพลิกศพเสร็จสิ้น ในประการที่น่าจะทำให้การชันสูตรพลิกศพหรือผลทางคดีเปลี่ยนแปลงไป

เมื่อวันที่ 2 มิถุนายน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม ทนายความของนายไชย์พล หรือลุงพล ผู้ต้องหาตามหมายจับ ในคดีการเสียชีวิตของน้องชมพู่เลขหมายจับที่ 53/2564 ลงวันที่ 1 มิถุนายน 2564 ในข้อหาพรากเด็กอายุไม่เกินสิบห้าปี ไปเสียจากบิดามารดา โดยปราศจากเหตุอันควร, ทอดทิ้งเด็กอายุไม่เกินเก้าปี เพื่อให้เด็กนั้นพ้นไปเสียจากตน โดยประการที่ทำให้เด็กนั้นปราศจากผู้ดูแล เป็นเหตุให้เด็กถึงแก่ความตายและกระทำการใดๆ แก่ศพหรือสภาพแวดล้อมในบริเวณที่พบศพ ก่อนการชันสูตรพลิกศพเสร็จสิ้น ในประการที่น่าจะทำให้การชันสูตรพลิกศพหรือผลทางคดีเปลี่ยนแปลงไป เปิดเผยว่า วันนี้ตนจะพานายไชย์พลไปมอบตัวกับ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เวลา 10.00 น.

 

ที่มา : https://www.matichon.co.th/news-monitor/news_2754307

ภาพจาก : ภาพจาก ทวิตเตอร์ @fm91trafficpro


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

"จิรายุ” ย้ำมติฝ่ายค้านไม่รับร่างพ.ร.บ.งบ 65 เผยถ้าได้โอกาสนั่ง กมธ.งบ เตรียมตรวจสอบเข้ม พร้อมจับตาค่ำนี้ พรรคไหนลงมติเป็นสะพานทอด “ประยุทธ์” อยู่ต่อ 8 ปี

ที่รัฐสภา นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการทำงานของคณะกรรรมาธิการงบประมาณว่า ถ้าตนได้มีโอกาสเข้าไปเป็นกรรมาธิการงบประมาณก็จะติดตามตรวจสอบโดยเฉพาะงบเหลือจ่ายว่ามีการใช้จ่ายงบเหลือจ่ายไปในทางที่ถูกหรือไม่ ไม่ใช่เป็นการเทกระจาดใช้ และนี่จะเป็นครั้งแรกที่พรรคฝ่ายค้านจะทำหน้าที่ในชั้นกรรมาธิการงบประมาณใหญ่อย่างเข้มข้นและเราจะส่งขุนพลฝีมือดีเข้าไปในกมธ.ในฐานะฝ่ายค้านเพื่อติดตามตรวจสอบการใช้งบประมาณอย่างจริงจัง ทั้งนี้ยังคงย้ำมติของพรรคเพื่อไทยและพรรคฝ่ายค้านว่ายังคงยืนยันเจตนารมณ์เหมือนเดิมคือลงมติไม่รับร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 65 ในร่างแรก ซึ่งเรามีความจำเป็นที่จะลงมติไม่รับร่างเพราะจำเป็นต้องตัดไฟตั้งแต่ต้นลม ทั้งนี้การที่งบประมาณไม่ผ่านก็เป็นเรื่องของรัฐบาลว่าจะลาออกหรือยุบสภาตามแต่ดุลยพินิจที่จะรับผิดชอบต่อสังคมและการเงิน 

นายจิรายุ กล่าวต่อว่า ตลอดทั้ง 2 วันของการอภิปรายพรรคร่วมรัฐบาลยังคตำหนิติเตียนรัฐบาลในการจัดทำงบประมาณ ซึ่งเราไม่ได้คาดหวังว่าพรรคร่วมรัฐบาลจะตัดสินใจอย่างไร แต่เชื่อว่าสังคมจะตัดสินใจในสิ่งที่พรรคร่วมรัฐบาลได้ให้สัตยาบรรณกับประชาชนในช่วงเลือกตั้งว่าไม่อยากร่วมกับรัฐบาลเผด็จการ ฉะนั้นในช่วงค่ำของวันนี้ขอให้ประชาชนได้ติดตามการลงมติ ว่าพรรคการเมืองใดจะเป็นสะพานทอดให้กับพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี อยู่ต่อเข้าสู่ปีที่ 8 หรือไม่

นายจิรายุ กล่าวถึงกรณีงบประมาณกระทรวงกลาโหม ว่า เวลาที่มาของบประมาณกับสภา ท่านก็เขียนมาอย่างชัดเจนโดยเฉพาะแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาอาวุธยุทโธปกรณ์ที่มีระบบไว้ในยุทธศาสตร์ชาติจนถึงปี 80 ว่าจะค่อยๆ เพิ่มวัสดุอุปกรณ์โดยนำเข้าจากต่างประเทศ 50% และใช้ของไทยอีก 50% โดยเมื่อปีที่แล้วทางกองทัพอากาศได้มานำเสนอลดปริมาณการนำเข้าและจะใช้วัสดุอุปกรณ์ในประเทศ ทางกมธ.งบยังได้ชื่นชมกองทัพอากาศแต่เมื่อต้นปีที่ผ่านมาอยากให้ตรวจสอบว่าเหล่ากองทัพได้ใช้งบประมาณอย่างถูกต้องตามที่ให้ไว้กับรัฐสภาหรือไม่ หรือมีการไปคุยกับพ่อค้าอาวุธยุทโธปกรณ์หรือไม่ ฉะนั้นจึงควรมีคำตอบต่อประชาชน

รมว.ต่างประเทศสหรัฐฯ พบ “บิ๊กตู่” ย้ำความเป็นพันธมิตรที่แน่นแฟ้น พร้อมผลักดันความร่วมมือด้านวัคซีนโควิด-19

ที่ห้องสีงาช้าง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบ รัฐบาล นางเวนดี้ อาร์. เชอร์แมน (H.E. Mrs. Wendy R. Sherman) รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐอเมริกา เข้าเยี่ยมคารวะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เนื่องในโอกาสเยือนประเทศไทย

นายกรัฐมนตรี กล่าวต้อนรับและแสดงความยินดีกับการรับตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐอเมริกา พร้อมเชื่อมั่นว่า ด้วยประสบการณ์และความเชี่ยวชาญของ รมช.กต. สหรัฐฯ จะมีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมมิตรภาพระหว่างไทยกับสหรัฐฯ ที่ยาวนานกว่า 188 ปี ให้แน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีฝากความยินดีถึงนายโจเซฟ อาร์. ไบเดน ที่ได้รับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา พร้อมระบุว่าไทยได้ติดตามนโยบายของสหรัฐฯ อย่างต่อเนื่อง และหวังว่าไทยกับสหรัฐฯ จะเพิ่มพูนความร่วมมือที่เป็นประโยชน์ต่อกันในลักษณะ Win-Win ต่อไป

ด้านรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐอเมริกา กล่าวขอบคุณนายกรัฐมนตรีที่ให้การต้อนรับ พร้อมชื่นชมความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับสหรัฐฯ ที่มีมายาวนานหลายทศวรรษ มีความร่วมมือระหว่างกันที่แน่นแฟ้น โดยเฉพาะด้านความมั่นคง และเศรษฐกิจ และ เห็นว่าขณะนี้หลายประเทศทั่วโลกกำลังเผชิญกับสถานการณ์ที่ยากลำบากจากโควิด-19 ซึ่งสหรัฐฯ เข้าใจและมีนโยบายด้านการจัดหาวัคซีนเพื่อช่วยเหลือหลาย ๆ ประเทศให้ผ่านพ้นจากสถานการณ์ดังกล่าวรวมถึงพร้อมให้การสนับสนุนไทยในการเข้าถึงวัคซีน ซึ่งนายกรัฐมนตรี กล่าวขอบคุณและยินดีรับการสนับสนุนโดยจะดำเนินการตามกระบวนการนำเข้าวัคซีนต่อไป

จากนั้นทั้งสองฝ่ายได้หารือในประเด็นสำคัญอื่น ๆ ร่วมกัน อาทิ ประเด็นเรื่องสภาพภูมิอากาศที่สหรัฐฯ ให้ความสำคัญ ซึ่งนายกรัฐมนตรียืนยันว่าไทยให้ความสำคัญ และสอดคล้องกับนโยบายส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว  (Bio-Circular-Green  Economy: BCG Economy) ของไทย ซึ่งจะนำเข้าเป็นวาระสำคัญในการประชุมเอเปค ปี 2565 ต่อไป ในส่วนประเด็นเรื่องความมั่นคงของมนุษย์ โดยเฉพาะการต่อต้านการค้ามนุษย์ รัฐบาลได้กำหนดเป็นวาระแห่งชาติ และมุ่งมั่นแก้ปัญหาผ่านความร่วมมือกับภาคส่วนต่าง ๆ ซึ่ง รมช.กต. สหรัฐฯ ชื่นชมความมุ่งมั่นของไทยและพร้อมสนับสนุนไทย

นอกจากนี้ ในประเด็นความร่วมมือพหุภาคี นายกรัฐมนตรีชื่นชมสหรัฐฯ ที่มีบทบาทอย่างสร้างสรรค์ในภูมิภาคอาเซียน และอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขงมาโดยตลอด ยืนยันว่า ไทยพร้อมสนับสนุนบทบาทที่สร้างสรรค์และความร่วมมือกับสหรัฐฯ ต่อไป ซึ่งในตอนท้าย ทั้งสองได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นต่อสถานการณ์ในเมียนมา ที่ผ่านมาได้ติดตามสถานการณ์ในเมียนมาอย่างใกล้ชิด เชื่อมั่นว่าไทยและอาเซียนมีการดำเนินการที่สร้างสรรค์เพื่อหาทางออกที่สันติ 

รมช.ต่างประเทศฯ สหรัฐฯ กล่าวแสดงความห่วงกังวลเกี่ยวกับกรณีผู้หนีภัย ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อประเทศไทย ซึ่งนายกรัฐมนตรีเน้นย้ำว่า ไทยมีประสบการณ์เกี่ยวกับผู้หนีภัยภายใต้หลักมนุษยธรรมพร้อมยืนยันว่าไทยมุ่งหวังให้เกิดการแก้ไขปัญหาโดยสันติวิธี 

ประเมินตลาดที่อยู่อาศัยครึ่งหลังปีนี้ยังซม

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินตลาดที่อยู่อาศัยในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลในช่วงครึ่งหลังของปี 2564 พบว่า กิจกรรมการซื้อขายที่อยู่อาศัยในช่วงครึ่งหลังของปี 2564 อาจมีโอกาสขยับเพิ่มขึ้นกว่าช่วงครึ่งปีแรก หลังจากยอดจองซื้อที่อยู่อาศัยที่หดตัวถึง 24.2% หรือมีจำนวนเหลือเพียง 2.1 หมื่นหน่วย ต่ำที่สุดในรอบ 5 ปี และการเปิดโครงการใหม่ของผู้ประกอบการก็มีเพียง 2 หมื่นหน่วย หดตัว 35% โดยกลุ่มที่มีกำลังซื้อและมองหาที่อยู่อาศัยน่าจะกลับมาได้บ้าง และผู้ประกอบการน่าจะกลับมาทำกิจกรรมการตลาดกระตุ้นการขายได้มากขึ้น แต่ยังนับว่าต่ำกว่าในช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากกำลังซื้อของผู้บริโภคโดยภาพรวมยังไม่ฟื้น โดยเฉพาะกลุ่มระดับล่าง-กลางล่าง ที่เป็นกลุ่มลูกค้ากลุ่มหลัก 

“ตลาดอาจจะฟื้นตัวในระดับต่ำ จากปัจจัยหลายอย่างที่ต้องติดตาม โดยเฉพาะสถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด-19 และการฉีดวัคซีน ทั้งนี้ประเมินว่า หากประเทศไทยสามารถควบคุมการระบาดของโควิดได้ในช่วงเดือนก.ค. พร้อมๆ กับการฉีดวัคซีนเป็นไปตามแผน เช่นเดียวกับการออกแผนกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะข้างหน้า จะช่วยสนับสนุนเศรษฐกิจและเพิ่มความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภคในประเทศได้”

ส่วนการโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล ทั้งปี 64 จะมีเพียง 1.76-1.82 แสนหน่วย หรือติดลบ 10.5- 7.4% ต่อเนื่องจากปี 63 ส่วนการลงทุนโครงการที่อยู่อาศัยใหม่ในช่วงครึ่งหลังของปี 64 ผู้ประกอบการพัฒนาที่อยู่อาศัยยังคงเจอโจทย์ท้าทาย เพราะนอกจากความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยที่ยังอ่อนแอแล้ว ยังมีปัจจัยลบที่ส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ทั้ง ความท้าทายในการระบายสินค้าคงเหลือ ทำให้ผู้ประกอบการต้องแข่งขันกันทำตลาดเพื่อชิงกลุ่มผู้บริโภคที่มีจำนวนจำกัดด้วย


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top