Tuesday, 13 May 2025
NewsFeed

'บราซิล' ฉีดซิโนแวคทั้งเมือง ทำยอดตายจากโควิดลด 95%

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ผลการศึกษาเบื้องต้นของรัฐเซาเปาลู และสถาบันบูตันตัน ซึ่งเป็นผู้ผลิตวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ของบริษัท ซิโนแวค ในบราซิล บ่งชี้ว่า วัคซีน CoronaVac ของซิโนแวคมีประสิทธิภาพในการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในเมืองเล็กแห่งหนึ่งของบราซิล หลังจากที่ทางการบราซิลได้ฉีดวัคซีนดังกล่าวให้กับประชากรวัยผู้ใหญ่เป็นสัดส่วน 75% ของทั้งเมือง โดยเป็นการฉีดครบทั้งสองโดส

ผลการศึกษาดังกล่าวเป็นการศึกษาประสิทธิภาพของการฉีดวัคซีนในเมืองเซอร์รานา ซึ่งมีประชากรประมาณ 45,000 คน โดยอัตราการติดเชื้อลดลงอย่างมากหลังประชาชนส่วนใหญ่ได้รับวัคซีนโดสแรก แต่จำเป็นต้องฉีดครบสองโดสจึงจะควบคุมการแพร่ระบาดได้

ผลการศึกษาเบื้องต้นเปิดเผยว่า เมืองเซอร์รานามียอดผู้เสียชีวิตลดลงถึง 95% หลังปูพรมฉีดวัคซีนเป็นเวลา 5 สัปดาห์ ขณะที่ยอดผู้ติดเชื้อแบบแสดงอาการลดลง 80% และอัตราการเข้ารักษาในโรงพยาบาลลดลง 86% เมื่อเทียบกับเมืองใกล้เคียงที่ยังได้รับผลกระทบรุนแรงจากการแพร่ระบาด

นอกจากนี้ เมืองเซอร์รานายังไม่พบผลข้างเคียงรุนแรงจากการฉีดวัคซีนของซิโนแวคด้วย และไม่พบผู้เสียชีวิตจากโรคโควิด หลังฉีดวัคซีนครบสองโดสเป็นเวลา 14 วัน

ผลการศึกษาเบื้องต้นซึ่งจะมีการเผยแพร่เร็วๆ นี้แสดงให้เห็นว่า วัคซีนซิโนแวคมีประสิทธิภาพในการจัดการกับไวรัสโควิดสายพันธุ์บราซิล โดยดร.ดิมาส โกบาส ผู้อำนวยการสถาบันบูตันตัน แถลงข่าวต่อสื่อมวลชนเมื่อที่ 31 พ.ค. ว่า การค้นพบนี้จะช่วยรัฐบาลในการคิดค้นนโยบายสาธารณะต่อไป

 

ที่มา : https://www.naewna.com/inter/577080


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

บอร์ด สมอ. ไฟเขียวให้ทำลายสินค้าไม่ได้มาตรฐาน ทั้งเครื่องใช้ไฟฟ้า กระจกนิรภัยรถยนต์ หมวกกันน็อค และของเล่น มูลค่ากว่า 30 ล้านบาท พร้อมกำชับให้ สมอ. ดำเนินการทำลายตามกฎหมายโรงงานอย่างเคร่งครัด

นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยภายหลังการประชุมบอร์ด สมอ. เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2564 ที่ผ่านมาว่า กระทรวงอุตสาหกรรมให้ความสำคัญกับการคุ้มครองประชาชนให้ปลอดภัยจากการใช้สินค้าที่มีคุณภาพมาตรฐาน ทั้งที่ผลิตในประเทศและนำเข้า โดยถือเป็นภารกิจสำคัญนอกเหนือจากการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้ภาคอุตสาหกรรม ซึ่งได้มอบหมายให้สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม หรือ สมอ. ดำเนินการควบคุมและกำกับติดตามการจำหน่ายสินค้าในท้องตลาดอย่างเข้มงวด เพื่อความปลอดภัยและคุณภาพชีวิตที่ดีของประชาชน โดยเฉพาะในช่วงสถานการณ์โควิด-19 เพื่อมิให้เป็นการซ้ำเติมประชาชนที่กำลังอยู่ในภาวะเดือดร้อน และได้กำชับบอร์ด สมอ. ให้เร่งรัดดำเนินการด้านมาตรฐานโดยเฉพาะสินค้าที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยของประชาชน

นายวันชัย พนมชัย เลขาธิการสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) กล่าวเพิ่มเติมว่า ในการประชุมบอร์ด สมอ. เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2564 ที่ผ่านมา ได้มีมติเห็นชอบให้ สมอ. ควบคุมสินค้า 2 รายการ เพื่อความปลอดภัยของประชาชน และคุ้มครองเศรษฐกิจของประเทศ ได้แก่ เหล็กกล้าทรงแบนรีดร้อนสำหรับงานโครงสร้างเครื่องจักรกล และเตารีดไฟฟ้าสำหรับใช้ในที่อยู่อาศัย เนื่องจาก สมอ. ได้มีการทบทวนแก้ไขมาตรฐานให้มีความทันสมัย เพื่อให้สอดคล้องกับเทคโนโลยีการผลิตในปัจจุบัน ประกอบกับในรอบปี 2561-2563 มีการนำเข้าเหล็กชนิดนี้เข้ามาในประเทศไทยเป็นมูลค่ากว่า 87,000 ล้านบาท และนำเข้าเตารีดไฟฟ้าเป็นมูลค่ากว่า 2,000 ล้านบาท ดังนั้น เพื่อป้องกันมิให้มีการนำเข้าสินค้าที่ไม่ได้มาตรฐานเข้ามาจำหน่าย เพื่อความปลอดภัยของผู้บริโภคในประเทศ สมอ. จึงขอความเห็นชอบบอร์ดควบคุมสินค้าดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง

นอกจากนี้ บอร์ด สมอ. ยังเห็นชอบให้จัดทำมาตรฐาน ทั้งที่เป็นมาตรฐานใหม่ และมาตรฐานเดิมที่นำมาทบทวนแก้ไขปรับปรุง รวมทั้งสิ้น 34 มาตรฐาน ได้แก่ คอนกรีตแห้งสำเร็จรูป, คอนกรีตแห้งสำหรับสภาพแวดล้อมทางทะเล, เสื้อชูชีพ, เครื่องใช้ไฟฟ้าสำหรับทำความสะอาดพื้นผิว, กระทะไฟฟ้าที่ใช้ในร้านอาหาร, หม้อทอดไฟฟ้า, เครื่องเลเซอร์กำจัดขน, เครื่องตัดผม (ปัตตาเลี่ยน), ดวงโคมไฟฟ้า, ภาชนะเหล็กหล้าไร้สนิมสำหรับอาหาร, เลื่อยไฟฟ้า และเคเบิลเส้นใยนำแสงโทรคมนาคม เป็นต้น และเห็นชอบในการทุบ ทำลายสินค้าไม่ได้มาตรฐานของผู้ประกอบการจำนวน 12 ราย ที่คดีถึงที่สุดแล้ว เป็นมูลค่ากว่า 30 ล้านบาท ได้แก่ เครื่องใช้ไฟฟ้าประเภทเครื่องทำความสะอาดผิวหน้า, เครื่องเล่นแผ่นดิสก์, บัลลาสต์สำหรับหลอดฟลูออเรสเซนต์, ชุดสายพ่วง, หม้อต้มแว็กซ์, กล่องรับสัญญาณดิจิตอลทีวี, ของเล่น, หมวกกันน็อค และกระจกนิรภัยรถยนต์ เป็นต้น ทั้งนี้ สมอ. ได้ส่งให้ผู้รับกำจัดซากที่ได้รับอนุญาตตาม พรบ.โรงงานฯ ดำเนินการทำลายสินค้าดังกล่าว เลขาธิการ สมอ. กล่าวทิ้งท้าย


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

‘ปารีณา’ สุดดีใจ ได้กลับมาสภาในฐานะกมธ.งบประมาณ เปรย คิดถึงบรรยากาศ อยากขออภิปรายด้วยและประท้วงบ้าง แต่ได้แค่รับชม พร้อมเผย หวังกลับมาเป็น ส.ส. อีกครั้ง

เมื่อเวลา 08.50 น. วันที่ 4 มิ.ย. ที่รัฐสภา น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ เปิดเผยว่า รู้สึกดีใจมากที่ได้กลับมาทำงาน โดยส่วนตัวตนอยู่สภามา 16 ปี ไม่เคยต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ เมื่อหยุดไปก็คิดถึงสภา เมื่อดูบรรยากาศการอภิปรายร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ 65 ในสภา ในขณะที่หยุดปฏิบัติหน้าที่ รู้สึกอยากจะขออภิปรายด้วยและอยากประท้วงบ้าง แต่ได้แค่รับชม

เมื่อถามต่อว่าเหมือนขาดสีสันในการประท้วงเรื่ององครักษ์พิทักษ์นายกใช่หรือไม่ น.ส.ปารีณา กล่าวว่า ไม่ได้เป็นองครักษ์ เป็นสมาชิกรัฐสภา หากผู้ใดทำผิดข้อบังคับในการประชุมก็จำเป็นต้องประท้วง เพื่อไม่ให้เสียเวลาและไม่เกิดประโยชน์กับประชาชน 

เมื่อถามว่าคาดหวังที่จะกลับมาทำหน้าที่ส.ส.หรือไม่ น.ส.ปารีณา กล่าวว่า คาดหวังมาก เพราะเมื่อเรื่องไปถึงศาลก็มั่นใจในระบบยุติธรรม ทำให้มีความหวัง และศาลก็เปิดให้สู้คดีอย่างเต็มที่ 

เมื่อถามว่ามีความกังวลในเรื่องคดีที่จะมีการนัดครั้งแรกหรือไม่ น.ส.ปารีณา กล่าวว่า นัดแรกจะเป็นการนัดวันว่าจะมีการไต่สวนวันใด ก็ต้องเตรียมพยาน หลักฐาน เอกสารต่างๆ ซึ่งได้มีการเพิ่มทีมทนายที่ทางพรรคพลังประชารัฐเป็นผู้ดูแลจัดการ

เมื่อถามถึงการทำหน้าที่กมธ.ครั้งนี้ จะทำหน้าที่อย่างไร น.ส.ปารีณา กล่าวว่า ตนก็ทำหน้าที่ตามปกติ ซึ่งตนก็เป็นส.ส.มาหลายปีอยู่มาหลายกมธ. มีเพียงกมธ.เดียวที่ไม่ปกติ มีการใช้อำนาจเกินขอบเขต ซึ่งตนเคยร้องคณะกรรมาธิการการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ (กมธ.ป.ป.ช.) ไปหลายเรื่องแล้ว แต่เรื่องก็ยังเงียบอยู่ 


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes 
คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

‘ยิ่งลักษณ์’ แนะนำหนังสือ หวังรัฐบาลเตรียมพร้อม ชี้ ทุกภาคส่วนต้องปรับตัว

วันที่ 4 มิ.ย.2564 น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า เมื่อวันก่อนที่พี่โทนี่เล่าในคลับเฮ้าส์ว่า ดิฉันได้มอบหนังสือ Quantum Marketing ให้ท่าน เพราะดิฉันเห็นว่าหนังสือเล่มนี้น่าสนใจมาก ช่วยจุดประกายให้เห็นว่าอนาคตเราต้องเตรียมตัวอย่างไร เพื่อให้พร้อมกับการแข่งขันในโลกธุรกิจ ดิฉันจึงถือโอกาสมาเล่าให้ฟัง เผื่อท่านไหนสนใจจะได้ไปซื้อมาลองอ่านดูค่ะ 

หนังสือเล่มนี้พูดถึงศาสตร์การตลาดที่เราเคยใช้ว่าไม่เพียงพอซะแล้ว เทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่พัฒนาขึ้นทำให้ต้อง rethink หรือคิดใหม่ ทำใหม่ ว่าการทำธุรกิจต่อไปในอนาคตจะต้องเปลี่ยนแปลงแบบไหน เพื่อจะใช้ประโยชน์สูงสุดจากสิ่งใหม่ที่เกิดขึ้น และพร้อมที่จะแข่งขันได้ 

Quantum Marketing เป็นการตลาดไม่ใช่แค่การขายเก่ง แต่ต้องวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก เพื่อจะได้เข้าใจลูกค้า และผู้บริโภคในระดับลึกลงในแต่ละคน อย่างที่พี่โทนี่เคยพูดถึงอยู่บ่อย ๆ เรื่อง Data Analytics ต่อไปนักการตลาดเองจะต้องคิดถึงขั้นที่เรียกว่า เป็น Quantum CMO (Quantum Chief Marketing Officer) กันเลยก็ว่าได้  เพราะการตลาดพื้นฐานในอนาคตนั้นไม่คำนึงถึงแต่การนำ 4Ps คือ ยุทธศาสตร์ด้านสินค้า ราคา ช่องทางการขาย และการโปรโมทแบบเดิมมาใช้ แต่กลับต้องเอาวิธีทางการตลาดเดิมร่วมกับการใช้ข้อมูลเชิงลึก และเทคโนโลยีสมัยใหม่ ไม่ว่าจะเป็นเอไอ (AI ย่อมาจาก Artificial Intelligence หรือปัญญาประดิษฐ์), เออาร์ (AR ย่อมาจาก Augmented Reality หรือเทคโนโลยีที่ทำให้เห็นภาพเสมือนจริง), อุปกรณ์สำหรับสวมใส่ (wearable), 5จี, หรือ บล็อกเชน เป็นต้น นำมาประยุกต์เข้าด้วยกัน บวกรวมเข้ากับการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก และการประมวลผลแบบรวดเร็วและทันที (real time) จะทำให้เรารู้จักลูกค้ามากขึ้น ลึกขึ้น ประเมินได้อย่างรู้ใจ เข้าใจถึงอารมณ์เขาได้ พูดง่าย ๆ คือ คิดว่าถ้าลูกค้าเป็นคนที่เรารัก จะต้องทำอย่างไรให้เขารักเรามากขึ้น เพื่อจะได้ทำสินค้า หรือบริการที่ตอบโจทย์ในระดับรายบุคคล เสนอบริการให้ลูกค้าก่อนที่เขาจะร้องขอจากเราซะอีก เปรียบข้อมูลเสมือนของมีค่าที่ลอยอยู่ทั่วไปในอากาศ อยู่ที่ใครจะตักตวงโอกาสนี้ได้มากกว่า และเร็วกว่ากันค่ะ

ส่วนการบริการ หรือการขายในโลกอนาคต ต้องมีการปรับตัว และอบรมบุคลากรให้เข้าถึงเทคโนโลยี เพราะในอนาคตข้างหน้าอุปกรณ์ทุกอย่างจะเชื่อมต่อด้วยอินเตอร์เน็ต

ดังนั้นเพื่อเตรียมตัวให้พร้อม ทุกภาคส่วนต้องปรับตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งภาคธุรกิจที่ต้องสร้างความพร้อมให้กับบุคลากรของท่าน ให้เข้าใจ และนำเอาศักยภาพของเทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้นมาใช้ ควบคู่กับข้อมูลที่ต่อไปจะมีมาก ซับซ้อน และลึกซึ้งมากขึ้น และดิฉันหวังว่ารัฐบาลจะมีแผนงานการเตรียมความพร้อมเหล่านี้ให้กับประชาชน รวมถึงภาคธุรกิจด้วยนะคะ 

อย่าให้โลกเปลี่ยนแปลงไปแล้ว เราต้องวิ่งตาม  แต่เราต้องวิ่งไปพร้อม ๆ กับโลกที่เปลี่ยนแปลงไปค่ะ เริ่มเตรียมตัวแต่เนิ่น ๆ นะคะ ถ้าใครสนใจ เอาไว้ถามพี่โทนี่ หรือขอให้พี่โทนี่เล่ารายละเอียดให้ฟังในคลับเฮ้าส์คราวหน้าก็ได้นะคะ

ราเมศ เผย กมธ งบประมาณ ปชป ลุย วาระ 2 คำนึงถึงประโยชน์ส่วนรวมสูงสุด

นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ได้กล่าวถึงการพิจารณา ร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2565 ว่า

พรรคพอใจในการอภิปรายของสมาชิกสภาผู้แทนราษฏรของพรรคที่ได้ทำหน้าที่ในการพิจารณางบประมาณอย่างเต็มที่ ในวาระที่หนึ่ง การอภิปรายที่ตรงไปตรงมา สร้างสรรค์ มีทั้งประเด็นสนับสนุนและเสนอแนะ โดยยึดประโยชน์ของส่วนรวมเป็นที่ตั้ง คำอภิปรายจะเกิดประโยชน์ในการพิจารณาในวาระที่สอง แต่การทำหน้าที่จะไม่จบเพียงเท่านั้น เพราะในวาระที่สองที่จะมีการพิจารณาในรายละเอียด ทั้งในส่วนของกรรมาธิการในสัดส่วนของพรรคที่จะต้องทุ่มเทในการพิจารณาเพื่อปรับปรุงแก้ไขให้การจัดสรรงบประมาณเกิดประโยชน์ต่อประชาชนและประเทศมากที่สุด รวมถึง ส.ส.ในส่วนของพรรคที่จะมีการแปรญัตติตามข้อบังคับต่อไป ต้องยอมรับว่าการทำงานของ กมธ งบประมาณ ต้องแข่งกับเวลาเพราะระยะเวลาในการพิจารณาในวาระที่สองมีเพียง105 วัน ซึ่งรัฐบาลส่งมาถึงสภาผู้แทนราษฎร วันนี้(17 พ.ค.) คือวันที่ต้องเริ่มนับหนึ่ง ฉะนั้นเหลือเวลาอีกไม่มากในการพิจารณา แต่เชื่อว่า กมธ จะดำเนินการได้แล้วเสร็จทันภายในกำหนดระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด 

นายราเมศ กล่าวต่อว่า ส่วนพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคม จากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เพิ่มเติม วงเงินไม่เกิน 500,000 ล้านบาท นั้น ส่วนของพรรค ต้องรอนายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ประธาน ส.ส.พรรค ได้นัดประชุม ส.ส. เพื่อได้พูดคุยในรายละเอียดต่อไปก่อนจะมีการประชุมสภาผู้แทนราษฎรในวันพุธที่ 9 มิ.ย.64

จีนแซงไต้หวัน ขึ้นแท่น Supplier อันดับ 1 ให้กับ Apple สวนกระแสนโยบายคว่ำบาตรของรัฐบาลสหรัฐฯ

สำนักข่าว Nikkei Asia ได้อ้างรายงานข้อมูลจาก Apple Supplier Responsibility Report ประจำปี 2020 พบว่า จีนได้แซงหน้าไต้หวัน กลายเป็นผู้ส่งออกชิ้นส่วนอุปกรณ์ให้กับ Apple เป็นอันดับ 1 ไปเสียแล้ว แม้จีนจะเจออุปสรรคจากมาตรการกีดกันการค้า และคว่ำบาตรจากรัฐบาลสหรัฐฯ อย่างหนักในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาก็ตาม

จากรายงานพบว่ามีบริษัทมากถึง 200 แห่งที่เป็นฐานผลิตชิ้นส่วนอุปกรณ์ให้บริษัท Apple และในจำนวนนี้ เป็นบริษัทที่ตั้งอยู่ในจีน และ ฮ่องกงถึง 51 แห่ง เพิ่มขึ้นจากปี 2018 ที่พบบริษัทจีนเพียง 42 แห่งที่รับงานผลิตชิ้นส่วนให้ Apple จึงทำให้จีนกลายเป็นประเทศผู้ผลิตชิ้นส่วนป้อนโรงงาน Apple มากที่สุด จากที่เคยเป็นตำแหน่งของไต้หวันอยู่นานหลายปี

และการเพิ่มฐานการผลิตในจีน ยังทำให้ Apple สามารถขยายศักยภาพในการผลิตในเอเชียได้เป็นอย่างดี ส่วนเหตุผลหลักที่ทำให้ Apple ตัดสินใจเลือกบริษัทของจีนเป็นฐานการผลิตชิ้นส่วนหลักเพราะต้นทุนการผลิตที่ต่ำกว่าใครในท้องตลาด ที่เป็นปัจจัยสำคัญในการสร้างผลกำไรที่เพิ่มมากขึ้นให้กับทุกสินค้าของ Apple

จากรายงายยังพบว่ากว่า 98% ของต้นทุนการผลิตของ Apple ถูกใช้ไปกับการลงทุนใน Supplier และขั้นตอนการประกอบชิ้นส่วนจากโรงงานทั้งใน และต่างประเทศ จึงชี้ให้เห็นได้ว่า Apple พึ่งพาบริษัทผู้ผลิตชิ้นส่วนต่างๆ จากโรงงาน Supplier ทั่วโลกอย่างมาก

และถึงแม้ว่า Apple จะมีชื่อเสียงอย่างมากในด้านมาตรฐานของสินค้า แต่ทั้งนี้การควบคุมต้นทุนก็ยังคงเป็นเป้าหมายหลักของการผลิต ที่ทำให้ Supplier จากจีนเข้ามาตอบโจทย์ในเรื่องนี้ ที่แม้แต่ผู้บริหารการผลิตของ Apple ยังต้องยอมรับว่า บริษัทในจีนมีความสามารถในการผลิตชิ้นส่วน อุปกรณ์ได้ตามมาตรฐานที่ต้องการ ในราคาที่ถูกกว่าฐานการผลิตที่อื่นมากๆ ซึ่งเป็นข้อดีที่ Apple ไม่สามารถมองข้ามได้

จากการประกาศสงครามการค้ากับจีนตั้งแต่สมัยประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมพ์ ในปี 2017 ต่อเนื่องมาถึงรัฐบาลของโจ ไบเดน ที่เริ่มคว่ำบาตรผลิตภัณฑ์ของจีนด้วยเหตุผลด้านการละเมิดสิทธิมนุษยชน จนมีข่าวว่าหลายบริษัทของอเมริกา รวมถึง Apple วางแผนที่จะย้ายฐานการผลิตออกจากจีนไปยังประเทศอื่น เช่น เวียดนาม และ อินเดีย

แต่จากรายงานนี้กลับพบว่าประเทศที่ได้รับผลกระทบจากการย้ายฐานการผลิตของ Apple มากที่สุดคือ ญี่ปุ่น จากเดิมที่เคยมีบริษัทผลิตชิ้นส่วนให้ Apple ถึง 43 แห่งในปี 2017 แต่ล่าสุด ลดเหลือเพียง 34 บริษัท ส่วนไต้หวันที่เคยเป็นเบอร์ 1 ของกลุ่ม Supplier ของ Apple มาโดยตลอด จากเดิมที่มี 52 บริษัท ตอนนี้เหลือเพียง 48 บริษัท

ตอนนี้แม้แต่บริษัท Supplier รายใหญ่ของ Apple ทั้ง Foxconn และ Pegatron ที่มีฐานการผลิตหลายประเทศ ก็ยังต้องระวังจะเสียตลาดให้กับ Supplier จากจีนที่ตอนนี้มาแรงเหลือเกิน ส่วนมาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐที่ผ่านมา ส่งผลให้ Apple จำเป็นต้องเลิกสัญญากับบริษัทผู้ผลิตชิ้นส่วนจีนเพียงรายเดียวก็คือ O-Film Technology ที่มีข่าวว่ามีการใช้แรงงานชาวมุสลิมอุยกูร์ในโรงงาน ส่วนโรงงานอื่นๆในจีนยังไม่ได้รับผลกระทบจากมาตรการของสหรัฐฯ

ถึงจะยอมรับว่าตลาดผู้ผลิตชิ้นส่วนจีนยังสดใส แต่ยังมีอยู่สิ่งหนึ่งที่จีนยังพัฒนาได้ไม่ถึงระดับที่สามารถแข่งขันได้ในตลาดชั้นนำได้ คือการผลิต ‘เซมิคอนดักเตอร์’ ที่เป็นหัวใจในการประมวลผลขั้นสูง นอกจากนี้ อัตราค่าแรง และค่าครองชีพของจีน มีแนวโน้มสูงขึ้นตามการขยายตัวทางเศรษฐกิจอย่างมากภายในประเทศ ที่ทำให้จีนเองก็ต้องขยายโรงงานไปตั้งในประเทศอื่นที่ต้นทุนการผลิตต่ำกว่าอย่างเช่นในเวียดนาม

และด้วยการลงทุนทั้งสหรัฐ และ จีน ก็ทำให้เวียดนามกลายฐาน Supplier ที่เติบโตอย่างมาก จากเดิมที่เคยมีบริษัท Supplier ให้กับ Apple อยู่ 14 บริษัทในปี 2018 เพิ่มเป็น 21 บริษัทจากรายงานปีล่าสุดซึ่งในจำนวนนี้ก็เป็นบริษัทจากจีนที่มาลงทุนในเวียดนามถึง 7 บริษัทด้วยนั่นเอง

ต้องมอบมงกุฎเจ้าตลาดแห่ง Supplier ให้พี่จีนจริงๆ

 

อ้างอิง

https://asia.nikkei.com/Business/China-tech/China-ousts-Taiwan-as-Apple-s-biggest-source-of-suppliers

https://www.technologytimes.pk/2021/06/02/china-superseded-taiwan-as-apples-number-one-supplier-source/

https://www.apple.com/supplier-responsibility/pdf/Apple-Supplier-List.pdf


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา ทรงสวมรองพระบาท DoiTung x Onitsuka Tiger

สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา ทรงสวมรองพระบาท "DoiTung x Onitsuka Tiger" ซึ่งเป็นการผสมผสานระหว่าง ดอยตุงเหนือสุดแดนสยาม กับเสือโอนิซึกะมาเจอกัน จนกลายเป็นแฟชั่นไอเท็มที่น่าครอบครองขนาดนี้ 

สำหรับการแปลงโฉมรองเท้าในตำนาน เป็นคอลเลกชันพิเศษ ด้วยผ้าทอไทยจากฝีมือแม่ๆ ป้าๆ เมืองล้านนา คือความลงตัวของแบรนด์ไทยกับญี่ปุ่น

ทั้งนี้ รองเท้าผ้าทอมือผลงานช่างฝีมือดอยตุงมีทั้งหมด 5 ลวดลายบนรองเท้ารุ่นยอดนิยม 3 รุ่น แถมยังใช้วัสดุที่ส่งผลกระทบต่อโลกน้อยลงอย่าง better cotton เส้นใยพลาสติกรีไซเคิล และผลิตด้วยกระบวนการเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม สอบถามหรือสั่งซื้อผ่านช่องทาง

• Line: @doitung_lifestyle (https://lin.ee/4WsH652)
• ดอยตุงไลฟ์สไตล์ สำนักงานมูลนิธิแม่ฟ้าหลวงฯ ถ. พระราม 4
• Onitsuka Tiger Global Flagship Store สยามสแควร์วัน
www.onitsukatiger.com/th/th-th

 

ภาพจาก : เรารัก สมเด็จเจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา : Our Beloved HRH Princess Bajrakitiyabha


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes 
คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

‘ธนกร’ วอนกลุ่มไม่หวังดีหยุดสร้างเฟคนิวส์โจมตีงบ 65 จวกสร้างความสับสนให้ประชาชนยิ่งซ้ำเติมประเทศ จี้ดีอีเอสเร่งเอาผิด

นายธนกร วังบุญคงชนะ เลขานุการรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า หลังจากที่สภาผู้แทนราษฎรมีมติเห็นชอบ พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี2565 ในวาระแรก ก็มีกลุ่มผู้ไม่หวังดีออกมาสร้างข่าวเท็จเผยแพร่ตามโซเชียลต่างๆ ในหลายประเด็นด้วยกัน อาทิ 

1.) สถาบันพระมหากษัตริย์ได้งบประมาณปี 65 จำนวน 3 หมื่นกว่าล้านบาท ทั้งที่ในข้อเท็จจริง เป็นงบประมาณที่รัฐบาลโดยหน่วยงาน/กระทรวงต่างๆ ดำเนินการให้กับประชาชนตามแนวทางพระราชดำริ ที่เน้นพัฒนาคุณภาพชีวิต/ปากท้องของประชาชน ส่วนงบสำหรับหน่วยงานในพระองค์ได้รับงบประมาณ 8,761 ล้านบาท คิดเป็น 0.26% ของงบประมาณประเทศทั้งหมด และได้รับลดลงจากปี2564 จำนวน 219 ล้านบาท ซึ่งโดนปรับลดด้วยซ้ำไป นายธนกร กล่าวต่อว่า 

2.) งบของกระทรวงศึกษาถูกตัด 20,000 ล้านบาท ทั้งที่ในความจริง งบกระทรวงศึกษาลดลงร้อยละ 1.14 เนื่องจากจำนวนนักเรียนลดลง 60,000 คน ตามโครงสร้างประชากรของประเทศที่มีอัตราการเกิดลดลง แต่งบประมาณในเรื่องพัฒนาการศึกษาเพิ่มมากขึ้นจากปี 2563 ถึง 5,000 ล้านบาท คิดเป็น 103.27% 

3.) งบกระทรวงสาธารณสุขถูกตัด 4,300 ล้านบาท ทั้งๆ ที่โควิดระบาดหนัก ในความเป็นจริง งบกระทรวงสาธารณสุขที่ถูกตัด เป็นค่าใช้จ่ายฝึกอบรมสัมมนา ค่าใช้จ่ายการประชุม ค่าใช้จ่ายประชาสัมพันธ์ ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายที่ไม่กระทบการให้บริการประชาชน และด้านการเสริมสร้างศักยภาพทรัพยากรมนุษย์กลับได้งบประมาณเพิ่มถึง 10,000 ล้านบาท 

4.) กล่าวหาว่างบสถาบันวัคซีนให้แค่ 22 ล้านบาท ทั้งที่ความจริงรัฐบาลตั้งงบประมาณปี 63-64 และใช้เงินกู้เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายเรื่องจัดหาวัคซีนทั้งจากต่างประเทศและผลิตในประเทศ 21,000 ล้านบาท นายธนกร กล่าวอีกว่า 

5.) มีการกล่าวหาว่า งบประมาณบัตรทองถูกตัด 2,000 ล้านบาท ทั้งที่ในความเป็นจริง งบประมาณโครงการหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า ปี 2565 ได้รับงบประมาณสูงถึง 198,891 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีงบประมาณ 2564 ที่ตั้งไว้ 194,508 ล้านบาท และมีการเพิ่มสิทธิประโยชน์ค่ารักษาพยาบาลให้ประชาชนอีก13 รายการ 

6.) ข้อกล่าวหาว่างบกองทัพได้เพิ่ม 2,700 ล้านบาท และงบประมาณสูงมากกว่างบกระทรวงสาธารณสุข ทั้งที่ในข้อเท็จจริง งบประมาณด้านสาธารณสุข 295,673.9 ล้านบาท สูงกว่างบประมาณ กลาโหม 92,399 ล้านบาท กระทรวงกลาโหมถูกลดงบประมาณจากปี 2563-64 อย่างต่อเนื่อง ปี 2563 อยู่ที่ 232,000 ล้านบาท ปี 64 อยู่ที่ 215,000 ล้านบาท และปี 65 อยู่ที่ 203,000 ล้านบาท และตัวเลขที่ฝ่ายค้านกล่าวว่ากองทัพได้งบเพิ่มนั้นเป็นตัวเลขที่นำเอาเฉพาะโครงการด้านยุทโธปกรณ์ของปีงบประมาณ 64 และ 65 มาคำนวณ และกล่าวหาว่ากองทัพได้งบประมาณเพิ่มเติม ทั้งๆ ที่ในภาพรวมงบกลาโหมถูกตัดเยอะเป็นอันดับต้นๆ และ

7.) งบบัตรสวัสดิการประชารัฐ ถูกตัด 20,000 ล้านบาทแต่ในข้อเท็จจริงเนื่องจากกองทุนบัตรสวัสดิการประชารัฐยังเหลือเงินอยู่ 20,400 ล้านบาท ดังนั้น เมื่อรวมกับงบประมาณปี 65 ที่ตั้งให้ 30,000 ล้านบาท จะมีเงินให้บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 50,000 ล้านบาท กับประชาชนที่ได้รับบัตรสวัสดิการ 14.6 ล้านคนครบถ้วน อย่างไรก็ตาม ตนหวังว่าการกระทำดังกล่าวคงไม่มีพรรคการเมืองอยู่เบื้องหลัง เพราะเป็นการซ้ำเติมปัญหาให้กับประเทศ และขอให้กระทรวงดีอีเอสเร่งดำเนินการเอาผิดคนกลุ่มนี้ทันทีด้วย


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes 
คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

‘หมอยง’ แจงชัด คำว่า “อาการไม่พึงประสงค์” จากการฉีดวัคซีน ต้องแยกออกจากคำว่า “อาการข้างเคียง” พร้อมตัดพ้อข่าวในเชิงลบมีแต่ผู้คนสนใจ แต่พออธิบายข้อเท็จจริง กลับไม่เป็นข่าว

ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Yong Poovorawan เรื่อง โควิด-19 วัคซีนกับอาการไม่พึงประสงค์ โดยระบุว่า ขณะนี้ทั่วโลกมีการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ไปแล้วไม่น้อยกว่า 2 พันล้านโดส ไม่เคยมีวัคซีนใดที่ฉีดได้รวดเร็วและมากเท่านี้

อาการไม่พึงประสงค์ ต้องแยกจากอาการข้างเคียง

อาการไม่พึงประสงค์ เกิดขึ้น หลังการให้วัคซีน เป็นเหตุการณ์อะไรก็ตาม ที่เกิดขึ้นหลังการให้วัคซีนใน 2 สัปดาห์ เราจะรวบรวมเป็นอาการไม่พึงประสงค์ แล้วสรุป ว่าเกี่ยวข้องกับวัคซีนหรือไม่ เป็นความเป็นไปได้ที่เกี่ยวข้องกับวัคซีน น่าจะเกี่ยวข้อง หรือเกี่ยวข้อง จึงต้องอาศัยการช่วยวิเคราะห์อย่างละเอียด 

อย่างที่ผมเคยเล่าให้ฟังว่า ฉีดวัคซีนแล้วเสียชีวิต ใน 2 วันต่อมา ก็ถือว่าเป็นอาการไม่พึงประสงค์อย่างร้ายแรง แต่เมื่อไปศึกษารายละเอียด พบว่าการเสียชีวิตถูกยิงตาย ก็ต้องศึกษาต่อไปอีกว่า วัคซีนมีผลทำให้พฤติกรรมก้าวร้าว หรือไม่ ถ้าก้าวร้าวแล้วถูกยิงตาย วัคซีนก็อาจจะเป็นสาเหตุได้

ผมอยู่ในการศึกษาวัคซีนมามาก แม้กระทั่งฉีดวัคซีนไปแล้ว เดินออกจากโรงพยาบาล เดินตกท่อ ก็ยังต้องหาสาเหตุว่าเกี่ยวข้องกับวัคซีนหรือไม่ เพราะวัคซีนอาจทำให้เวียนศีรษะ แล้วเดินตกท่อก็ได้ แต่ถ้าไปเดินสะดุดแล้วตกท่อ ก็ไม่น่าจะเป็นสาเหตุ

ในขณะนี้ประเทศไทยฉีดวัคซีนไปถึง 3.8 ล้านโดส ถ้าเฝ้าระวังอาการ เอาแค่ 7 วันก็พอ ก็เท่ากับ ไม่น้อยกว่า 25 ล้านวัน ชีวิตคน หรือเท่ากับ 65 หมื่นปี หรือเรียกง่ายๆ คนเรามีอายุ 80 ปี ก็อย่างน้อย 800 คนที่เมื่อนับรวมวันกัน ตั้งแต่เกิดจนตายก็จะเท่ากับ 25 ล้านวัน ฟังดูแล้วเข้าใจยากไปหน่อย ถ้าพูดง่ายๆ ชีวิต 25 ล้านวัน เท่ากับชีวิตของคน 800 คน ที่มีอายุอยู่ถึง 80 ปี เมื่อวันเวลาดังกล่าวดังที่ยกตัวอย่างก็ต้องมีการเสียชีวิต ตามโลกแห่งความเป็นจริง แต่การให้วัคซีนส่วนใหญ่แล้วให้กับคนแข็งแรง เหตุการณ์จึงไม่ได้เกิดถึงขนาดนั้น

ดังนั้นเมื่อเกิดอาการไม่พึงประสงค์ โดยเฉพาะอาการใหม่ จะต้องมีการรายงาน ว่าโรคนั้นเกี่ยวข้องกับหรือเป็นอาการข้างเคียงกับวัคซีนหรือไม่ เช่น การให้วัคซีนไวรัส Vector เกิดการมีลิ่มเลือดและมีเกล็ดเลือดต่ำ (คนละโรคกับเส้นเลือดดำอุดตัน) โรคนี้ก็พบได้อยู่แล้ว แต่เมื่อมาเปรียบเทียบกับอุบัติการณ์ของคนปกติที่พบในชีวิตจริง แล้วพบว่าเกิดจากวัคซีนได้มากกว่า ก็เป็นที่ยอมรับว่า การเกิดลิ่มเลือดชนิดที่มีเกล็ดเลือดต่ำ ว่ามีความเกี่ยวข้องกับการฉีดวัคซีนชนิด virus Vector แต่อุบัติการณ์จะเกิดในคนอายุน้อย และมีอุบัติการณ์ทั้งสิ้นประมาณ 1 ในแสน เมื่อเทียบประโยชน์แล้วมีมากกว่าก็เดินหน้าให้วัคซีน และโรคดังกล่าวก็รักษาได้ ถ้ารู้เร็ว

เช่นเดียวกันการฉีดวัคซีน mRNA เช่นของ Pfizer ขณะนี้มีรายงานการเกิดกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ โดยเฉพาะในคนอายุน้อย ข้อมูลนี้กำลังเฝ้าระวัง โดยเฉพาะในอเมริกาและอิสราเอล เริ่มให้ความสำคัญ ก็จะต้องศึกษาเพิ่มเติมว่า อุบัติการณ์ในการฉีดวัคซีนในคนอายุน้อยของ Pfizer มีโอกาสเกิดมากกว่าคนที่ไม่ได้ฉีด แล้วเกิดกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบเท่าใด จะต้องคำนึงถึงผลได้ของวัคซีนเปรียบเทียบกับการเกิดกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ และ ผลระยะยาวของหัวใจ

วัคซีนที่ใช้อยู่ขณะนี้เป็นวัคซีนใหม่ จึงจำเป็นต้องบันทึกอาการไม่พึงประสงค์ ลงอย่างละเอียด และจำเป็นต้องใช้นักวิชาการมาวิเคราะห์ และคำนึงถึง ประโยชน์ที่ได้ กลับผลเสียที่จะเกิดจากการฉีดวัคซีน

เราจำเป็นจะต้องใช้ทั้งเหตุและผล เข้ามาร่วมการตัดสินใจ 

ข่าวในเชิงลบ จะออกมาเร็วและผู้คนสนใจ แต่เมื่อความจริงปรากฏ ว่าเกี่ยวข้องหรือไม่เกี่ยวข้องกับวัคซีน ก็มักจะไม่เป็นข่าวออกมาเลย เช่นในรายการเสียชีวิต จะเป็นข่าวอย่างรวดเร็ว แต่ผลของการสอบสวนต้องใช้เวลา และเมื่อผลสอบสวนออกมาแล้ว ก็มักจะไม่ได้เป็นข่าวแล้ว

 

ที่มา : https://www.facebook.com/story.php?story_fbid=5784089378300298&id=100000978797641


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes 
คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

พล.อ.ประวิตร ติดตาม เร่งรัด แก้ประมงผิดกม. "IUU Fishing" สั่งบังคับใช้กม.ต่อเนื่อง ปราบปรามค้ามนุษย์ ภาคประมง เร่งเยียวยาผู้กระทบโควิด-19 ย้ำปฏิบัติตาม MMPA เคร่งครัด มุ่งยกระดับประมงไทย สู่สากล ส่งเสริมภาคส่งออก กระตุ้นศก.ไทย

เมื่อ 4 มิ.ย.64  พล.ต.พัชร์ชศักดิ์ ปฏิรูปานนท์ ผช.โฆษกประจำรอง นรม. เปิดเผยว่า เวลา10.00น. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รอง นรม. ได้เป็นประธานการประชุม คณะกรรมการนโยบายการประมงแห่งชาติ ครั้งที่ 2/2564 ณ ห้องประชุมวิจิตรวาทการ สมช. ทำเนียบรัฐบาล

ที่ประชุม ได้รับทราบความคืบหน้า การแก้ไขปัญหาการทำประมงผิด กม. อาทิ การจดทะเบียนเรือประมงพื้นบ้าน จากการสำรวจเมื่อ 20 พ.ค.64 มีจำนวน 56,087 ลำ ซึ่งกรมเจ้าท่า เป็นหน่วยงานหลักจะดำเนินการตรวจวัด และจัดทำอัตลักษณ์เรือประมงพื้นบ้านให้แล้วเสร็จใน 31 พ.ค.64 รวมทั้งรับทราบความคืบหน้าแนวทางตามมาตรการ MMPA (Marine Mammal Protection Act) ซึ่งเป็นการควบคุมสินค้าประมง ที่ไม่มีแหล่งมาจากการทำประมง ที่มีผลกระทบต่อการคร่าชีวิต หรือทำให้บาดเจ็บอย่างรุนแรง แก่สัตว์ทะเลที่เลี้ยงลูกด้วยนม และจะส่งสินค้าเข้าสู่ตลาดสหรัฐฯ ตั้งแต่ 1 ม.ค.66 พร้อมทั้งได้รับทราบ ผลการช่วยเหลือ/เยียวยาผู้ทำการประมง จำนวน 188,134 ราย เป็นเงิน 2,822,010,000 บาท และขยายเวลาชั่วคราว แรงงานต่างด้าวภาคประมง ให้อยู่ในราชอาณาจักร สำหรับผู้ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 อย่างทั่วถึง เป็นธรรม

คณะกรรมการฯ ได้ร่วมกันพิจารณาเห็นชอบ แผนการบริหารจัดการประมงทะเลของประเทศไทย พ.ศ.2563-2565 โดยมุ่งจัดการประมงให้ยั่งยืน ภายใต้ความเป็นอยู่ และสิ่งแวดล้อมที่ดี รวมถึงเห็นชอบแผนปฏิบัติการระดับชาติว่าด้วย การป้องกัน ยับยั้ง และขจัดการทำประมง IUU (NPOA-IUU) ฉบับที่ 2 เพื่อปรับปรุงแก้ไขให้เหมาะสม และครอบคลุมกิจกรรมการทำประมงทะเล ทุกมิติ พร้อมทั้งเห็นชอบมาตรการ เร่งรัดดำเนินคดีตามกฎหมายว่าด้วย การทำประมงและแรงงานในภาคประมง เพื่อให้ได้ผลทางคดี ที่มีความรวดเร็ว และเป็นธรรม

พล.อ.ประวิตร ได้ย้ำว่ารัฐบาล ยืนยัน ความมุ่งมั่นที่จะต่อต้าน IUU Fishing มาอย่างต่อเนื่อง ภายใต้กรอบ EU และสหรัฐฯ เพื่อยกระดับการทำประมงของไทยสู่มาตรฐานสากล โดยมุ่งแก้ปัญหาให้ได้อย่างยั่งยืน และได้กำชับ กรมประมง,กรมเจ้าท่า,ศรชล.,สตช. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้บูรณาการทำงาน อย่างแน่นแฟ้น ขับเคลื่อนนโยบายตามมติที่ประชุม และแผนงานที่กำหนดไว้ ให้บรรลุผลสำเร็จ พร้อมขอให้สร้างการรับรู้ ให้ทุกภาคส่วน ได้รับทราบ ซึ่งจะส่งผลดี ต่อภาพลักษณ์ของไทย และส่งเสริมภาคการส่งออก รองรับการกระตุ้นเศรษฐกิจ ต่อไป


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top