Friday, 23 May 2025
NewsFeed

'พล.ต.ท.ประจวบฯ' ชื่นชมสองตำรวจ สภ.เมืองราชบุรี บุกชาร์จตัวช่วยเหลือหญิงสาวคิดสั้นหวังกระโดนสะพานข้ามแม่น้ำจบชีวิต ปฏิบัติหน้าที่สมความเป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์

เมื่อวานนี้ (28 ก.ย. 67) พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ รักษาราชการแทนรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผู้ช่วย ผบ.ตร.รรท.รอง ผบ.ตร.) ในฐานะหัวหน้าคณะทำงานขับเคลื่อนงานจราจร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้กำชับการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรหน่วยต่าง ๆ ทั่วประเทศ ให้อำนวยความสะดวกและช่วยเหลือพี่น้องประชาชนอย่างเต็มกำลัง ตามมาตรฐานสุภาพบุรุษจราจร สำหรับตำรวจจราจรที่ปฏิบัติหน้าที่จนเป็นที่ชื่นชมของประชาชนในวงกว้างจนเป็นที่ประจักษ์ ขอให้ผู้บังคับบัญชาชื่นชมให้กำลังใจ เพื่อเป็นแบบอย่างที่ดีแก่ตำรวจนายอื่น และเป็นขวัญกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ด้วยดีต่อไป

วันนี้ (28 กันยายน 2567) พล.ต.ท.นิธิธร จินตกานนท์ ผบช.ประจำ สง.ผบ.ตร. ในฐานะหัวหน้าฝ่ายเสริมสร้างภาพลักษณ์ตำรวจจราจร คณะทำงานขับเคลื่อนงานจราจร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า พล.ต.ท.ประจวบ ฯ ได้ชื่นชมเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองราชบุรี 2 ราย ได้แก่ ร.ต.ต.วิเชียร มณีวิหค รอง สว.(จร.) สภ.เมืองราชบุรี และ ร.ต.ต.สุพจน์ อุดมสุข รอง สว.(ป.) สภ.เมืองราชบุรี ที่รีบเดินทางไปช่วยเหลือหญิงสาวคิดสั้น หวังจบชีวิตหนีปัญหา บริเวณสะพานรถไฟจุฬาลงกรณ์ อ.เมือง จ.ราชบุรี ได้สำเร็จและปลอดภัย

เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 27 กันยายน 2567 ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 13.30 น. ศูนย์วิทยุ 191 ได้รับแจ้งเหตุจากพลเมืองดีว่า พบหญิงสาวนั่งร้องไห้อยู่บนขอบสะพานรถไฟจุฬาลงกรณ์ อ.เมือง จ.ราชบุรี ซึ่งเป็นสะพานรถไฟข้ามแม่น้ำแม่กลอง เกรงว่าจะกระโดดน้ำหวังฆ่าตัวตาย จึงแจ้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าตรวจสอบ หลังรับแจ้งเหตุ ร.ต.ต.วิเชียร มณีวิหค รอง สว.(จร.) สภ.เมือง และ ร.ต.ต.สุพจน์ อุดมสุข รอง สว.(ป) สภ.เมืองราชบุรี  จึงรีบเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมเจ้าหน้าที่มูลนิธิปฐมบรมราชานุสรณ์ ราชบุรี และเจ้าหน้าที่มูลนิธิประชานุกูล ราชบุรี ที่เกิดเหตุพบรถจักรยานยนต์ของหญิงสาวดังกล่าวจอดอยู่บริเวณทางขึ้นสะพาน และพบหญิงสาวนั่งอยู่บนขอบสะพานรถไฟ อยู่ในอาการร้องไห้เศร้าโศกเสียใจ เจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งสองนายจึงใช้ยุทธวิธีการเจรจาเกลี้ยกล่อมพูดจาหว่านล้อม ให้หญิงสาวคนดังกล่าวสงบสติอารมณ์ และเข้าชาร์จตัวช่วยเหลือได้สำเร็จ นำตัวมาอยู่ในที่ปลอดภัย พร้อมพูดปลอบใจจนหญิงสาวกลับมามีสติ และยอมให้ทางเจ้าหน้าที่นำตัวไปโรงพยาบาลเพื่อดูอาการ ก่อนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะพาหญิงสาวกลับไปส่งที่บ้านใน อ.จอมบึง 

จากการสอบถามทราบว่าหญิงสาวคนดังกล่าว กล่าวว่า ตนป่วยเป็นโรคซึมเศร้าและมีโรคประจำตัวหลายโรค ซึ่งที่ผ่านมาทำงานหนักเพื่อหาเงินมารักษาตัวแต่ก็ยังไม่พอ จนต้องทำให้ครอบครัวช่วยหาเงินมารักษา ทำให้คิดมากว่าเป็นภาระของครอบครัว จึงตัดสินใจจบชีวิตตนเอง ซึ่งระหว่างกำลังจะโดดลงแม่น้ำ ได้โทรศัพท์ไปสั่งลาญาติ แต่ทางตำรวจมาช่วยเหลือไว้ได้ทัน

พล.ต.ท.ประจวบ ฯ กล่าวว่า จากกรณีเหตุการณ์ดังกล่าว ต้องขอขอบคุณและชื่นชม ร.ต.ต.วิเชียรฯ และ ร.ต.ต.สุพจน์ฯ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองราชบุรี ที่ได้รับแจ้งเหตุดังกล่าวแล้วออกไปให้การช่วยเหลือด้วยความรวดเร็ว ตลอดจนเจ้าหน้าที่มูลนิธิฯ และพลเมืองดีทุกคนที่ไม่นิ่งดูดายในการรีบให้ความช่วยเหลือผู้ที่ประสบปัญหา ซึ่งการปฏิบัติหน้าที่อย่างรวดเร็วของตำรวจในเหตุการณ์ดังกล่าวจนสามารถช่วยเหลือประชาชนได้สำเร็จ ถือเป็นแบบอย่างที่ดีในการปฏิบัติหน้าที่ดูแลพี่น้องประชาชนสมความเป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ 

ทั้งนี้ หากพี่น้องประชาชนพบเห็นหรือประสบเหตุ สามารถแจ้ง ขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทันทีตลอด 24 ชั่วโมง ทางช่องทาง
- โทร. 191 จราจรทุก สน./สภ. ทั่วประเทศ 
- โทร. 1197 สายด่วนตำรวจจราจร ในเขตกรุงเทพมหานคร และปริมณฑล 
- โทร. 1193 ตำรวจทางหลวงทั่วประเทศ 
- โทร. 1599 สายด่วนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

ทร.โดย สอ.รฝ. ระดมพลเร่งฟื้นฟูบ้านพักอาศัย ในพื้นที่แม่สาย เชียงราย

(เมื่อวานนี้ 28 ก.ย. 67) ชุดฟื้นฟู หน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง (สอ.รฝ.) กองทัพเรือ ร่วมกับหน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขง เริ่มดำเนินการตามแผนฟื้นฟูบ้านพักอาศัย ที่ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ ตามที่ได้รับแจ้งจากหัวหน้าชุมชน ที่ได้ลงสำรวจและรับแบ่งมอบงาน จากอำเภอและกรมการทหารช่าง โดยแบ่งออกเป็น 2 พื้นที่  ได้แก่ พื้นที่เหมืองแดงใต้ จำนวน 4 หลัง และพื้นที่ชุมชนปิยะพร จำนวน 6 หลัง
ซึ่งในแต่ละพื้นที่ได้ดำเนินการฟื้นฟูและนำโคลนที่อุดตัน บริเวณท่อระบายและพื้นที่บ้านเรือนของประชาชนออก โดยในบางพื้นที่ได้ดำเนินการเสร็จแล้ว 100 % โดย ชุดฟื้นฟูหน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง จะดำเนินการ เร่งฟื้นฟู ตามพื้นที่ต่าง ๆ ในเขต อำเภอเมืองแม่สาย จังหวัดเชียงราย ที่ได้รับมอบหมาย ต่อไป

นิราช/นันทพล ทิพย์ศรี รายงาน 0909535645

นครราชสีมา - กองทัพภาคที่ 2 จัดพิธี รับ–ส่งหน้าที่ แม่ทัพภาคที่ 2 คนใหม่ ดูแลพื้นที่ภาคอีสาน

เมื่อวานนี้ (28 ก.ย. 67) เวลา 10.30 น. ณ กองบัญชาการกองทัพภาคที่ 2 พลโท อดุลย์ บุญธรรมเจริญ แม่ทัพภาคที่ 2 และพลโทบุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 (ท่านใหม่) ร่วมกระทำพิธีรับ – ส่งหน้าที่แม่ทัพภาคที่ 2 โดยได้กระทำพิธีสักการะพระศรีสัมพุทธโมลี พระพุทธวิชัยเสนีย์นาถ อนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี อนุสาวรีย์วีรไทย พระบรมรูป ร.5 พระบรมราชานุสาวรีย์  หลังจากนั้นจึงลงนามเอกสารรับ – ส่งหน้าที่แม่ทัพภาคที่ 2 ณ ห้องประชุมกองบัญชาการกองทัพภาคที่ 2  ก่อนจะเดินทางมายังบริเวณพิธีรับ – ส่งหน้าที่แม่ทัพภาคที่ 2 ณ ลานหน้าสโมสรร่วมเริงไชย โดยขึ้นแท่นรับการเคารพ  พันเอก กิติพงศ์ พ่วงอยู่ ผู้อำนวยการกองกำลังพล ได้อ่านประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี ตามที่ทรงมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ  แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวมอบหน้าที่และการบังคับบัญชา และได้ส่งมอบธงประจำกองทัพภาคที่ 2 พร้อมทั้งเอกสารรับ - ส่งหน้าที่ แก่แม่ทัพภาคที่ 2 (ท่านใหม่) จากนั้น จึงกล่าวรับมอบหน้าที่และการบังคับบัญชา เสร็จแล้วทั้ง 2 ท่าน จึงขึ้นแท่นรับการเคารพจากกองผสมหมู่ธงสวนสนาม ซึ่งจัดจาก หมู่ธงประจำหน่วยขึ้นตรงกองทัพภาคที่ 2 จำนวน 83 หมู่ธง

สำหรับ พลโท บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 สำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนเตรียมทหาร รุ่นที่ 26 โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า รุ่นที่ 37 โรงเรียนเสนาธิการทหารบก หลักสูตรหลักประจำ ชุดที่ 77 เคยดำรงตำแหน่งสำคัญ อาทิ ผู้บังคับกองพันทหารราบที่ 3 กรมทหารราบที่ 3 ค่ายพระยอดเมืองขวาง จ.นครพนม ,ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 22, เสนาธิการกองพลทหารราบที่ 3, ผู้บังคับการกรมทหารราบที่ 3 ค่ายกฤษณ์สีวะรา จ.สกลนคร, ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 3, รองแม่ทัพภาคที่ 2, แม่ทัพน้อยที่ 2 ก่อนที่จะดำรงตำแหน่ง แม่ทัพภาคที่ 2 ลำดับที่ 44 
สำหรับท่านแม่ทัพบุญสิน หรือแม่ทัพกุ้ง ได้รับความไว้วางใจจากผู้บังคับบัญชาให้ดำรงตำแหน่งโดยเฉพาะตำแหน่งคุมกำลังรบสำคัญๆตลอดการรับราชการ รวมทั้งได้รับความร่วมมือจากผู้ใต้บังคับบัญชาทุกระดับ โดยการนำความรู้ ทักษะ และประสบการณ์ในการบูรณาการขับเคลื่อนนโยบายทั้งในส่วนของกองทัพบกและในส่วนของรัฐบาล  รวมถึงส่วนราชการ และภาคเอกชน ในการแก้ไขปัญหาต่างๆ ทั้งในอดีตและปัจจุบัน การปฏิบัติภารกิจอย่างเต็มขีดความสามารถ ส่งผลให้มีผลการปฏิบัติงานสำเร็จมากมาย จนเป็นที่ประจักษ์  โดยที่สำคัญท่านได้ให้ความสำคัญกับการพัฒนาหน่วย พัฒนากำลังพล ดูแล ใส่ใจ เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา กำลังพลในทุกระดับจนถึงพลทหารน้องเล็กคนสุดท้องกองทัพบก เสมือนคนในครอบครัวเดียวกัน เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจในการปฏิบัติงานให้กำลังพล ส่งผลให้บรรลุทุกๆภารกิจอย่างมีประสิทธิภาพ  จนเป็นที่ยอมรับของผู้บังคับบัญชาระดับสูงในทุกระดับ และเป็นที่เชื่อมั่นศรัทธาของพี่น้องประชาชน คนรากหญ้าชาวอีสาน ซึ่งท่านใช้ภาษาอีสานสื่อสารกับพี่น้องประชาชนในการลงพื้นที่ทุกครั้ง จึงสามารถเข้าใจบริบทของพี่น้องประชาชนในพื้นที่ภาคอีสานได้อย่างดี ตลอดการทำงานที่ผ่านมาจนมาถึงปัจจุบัน  

#ศูนย์ข่าวมุกดาหาร
#กองทัพภาคที่2
#กองกำลังสุรศักดิ์มนตรี

เดวิท โชคชัย มุกดาหาร รายงาน 092-5259777

'สวนดุสิตโพล' กาง 25 ตัวชี้วัด 'ดัชนีการเมืองไทย' พร้อมเทียบฟอร์มนักการเมือง ‘รัฐบาล-ฝ่ายค้าน’

(29 ก.ย. 67) 'สวนดุสิตโพล' มหาวิทยาลัยสวนดุสิต สำรวจความคิดเห็นประชาชนทั่วประเทศ เรื่อง 'ดัชนีการเมืองไทย ประจำเดือนกันยายน 2567' กลุ่มตัวอย่าง จำนวน 2,183 คน (สำรวจทางออนไลน์และภาคสนาม) ระหว่างวันที่ 23-27 กันยายน 2567 โดยมีตัวชี้วัด 25 ประเด็นที่บ่งบอกถึงความเชื่อมั่นต่อการเมืองไทยในด้านต่าง ๆ ซึ่งแต่ละตัวชี้วัดจะมีคะแนนเต็ม 10 คะแนน สรุปผลเรียงลำดับจากค่าคะแนนสูงสุดไปถึงต่ำสุด ได้ดังนี้

1. 'ดัชนีการเมืองไทย' เดือนกันยายน 2567 ภาพรวมคะแนนเต็ม 10 ได้ 4.80 คะแนน (เดือนสิงหาคม 2567 ได้ 4.46 คะแนน)

2. ประชาชนให้คะแนน 25 ตัวชี้วัด 'ดัชนีการเมืองไทย' โดยคะแนนเต็ม 10 เรียงลำดับจากมากไปหาน้อย ได้ดังนี้ 

3. นักการเมืองฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้านที่ประชาชนคิดว่ามีบทบาทโดดเด่นในเดือนกันยายน 67 

4. ผลงานของฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้านที่ประชาชนชื่นชอบในเดือนกันยายน 67 

นางสาวพรพรรณ บัวทอง ประธานสวนดุสิตโพล ระบุว่า คะแนนดัชนีการเมืองไทยเพิ่มขึ้นทุกตัวชี้วัดครั้งแรกในรอบ 6 เดือน โดยได้ปัจจัยเชิงบวกที่สร้างความพึงพอใจให้กับประชาชนทั้งการได้นายกฯ คนใหม่ การเร่งแจกเงินหมื่นช่วยคนเปราะบาง การช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม การช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายด้านพลังงาน ผลงานเหล่านี้เข้าถึงปากท้องและครัวเรือนของประชาชนโดยตรง ทำให้รับรู้ได้ว่ารัฐบาลกำลังมุ่งมั่นแก้ปัญหาอย่างจริงจัง แม้จะมีความกังวลผลของเงินหมื่นในระยะยาวแต่ก็นับว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่ช่วยเหลือประชาชนได้บ้าง

ด้าน ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.เขมภัทท์ เย็นเปี่ยม อาจารย์ประจำหลักสูตรรัฐประศาสนศาสตรบัณฑิต โรงเรียนกฎหมายและการเมือง มหาวิทยาลัยสวนดุสิต อธิบายว่า คะแนนดัชนีการเมืองไทยปรับเพิ่มขึ้นในรอบ 3 เดือนที่ผ่านมา โดยคะแนนของฝ่ายค้านเพิ่มขึ้นจากเดือนที่แล้วเป็นเพราะการทำหน้าที่อภิปรายงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2568 มีการนำเสนอข้อมูลที่ชัดเจน เป็นปากเป็นเสียงแทนประชาชนได้ ในขณะที่คะแนนฝั่งรัฐบาลก็ขยับเพิ่มขึ้นเช่นกัน เนื่องจากได้นายกรัฐมนตรีคนใหม่และการจัดตั้งคณะรัฐมนตรีเรียบร้อยลงตัว และได้เริ่มขับเคลื่อนนโยบายสำคัญ ๆ เช่น นโยบายเรือธงดิจิทัลวอลเล็ตที่ปรับเปลี่ยนมาแจกรูปแบบเงินสด ทำให้ประชาชนรู้สึกว่าได้รับเงินหมื่นจริง ๆ รวมทั้งการที่รัฐบาลคลอดมาตรการเยียวยาให้กับผู้ประสบอุทกภัย ทำให้รู้สึกว่ารัฐบาลไม่ได้ทอดทิ้งประชาชน แม้ว่าการบริหารจัดการสถานการณ์น้ำท่วมจะมีความล่าช้าก็ตาม รวมทั้งการตรึงราคาก๊าซหุงต้ม การปรับค่าแรงขั้นต่ำเป็น 400 บาทต่อวันที่อาจเกิดขึ้น ทำให้ประชาชนรู้สึกว่ารัฐบาลเริ่มขับเคลื่อนนโยบายการแก้ปัญหาด้านเศรษฐกิจ จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้คะแนนของนายกรัฐมนตรีและผลงานของรัฐบาลขยับเพิ่มขึ้นนั่นเอง

'แม่ค้า' โอด 'กินเจ 67' ผักแพง!! ผลจากน้ำท่วมหลายพื้นที่ ประชาชนเริ่มปรับเปลี่ยนพฤติกรรม หันซื้อ 'ผักจัดชุด' แทน

(29 ก.ย.67) ผู้สื่อข่าวได้ออกไปสำรวจราคาผักสดในตลาดสดเทศบาลเมืองศรีราชา อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี พบว่าหลังจากในพื้นที่หลายจังหวัดมีฝนตกหนัก ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมหลายพื้นที่ โดยเฉพาะในภาคเหนือ ภาคอีสาน ภาคกลาง ส่งผลทำให้พืชผลทางการเกษตรประเภทผักสด ถูกน้ำท่วมจนได้รับความเสียหาย โดยพบว่าเทศกาลถือศีลกินเจในปีนี้ ผักแต่ละชนิดปรับราคาแพงขึ้นประมาณ 10 - 20 บาท ต่อกิโลกรัม

ด้านนางกรรณิกา ศิริวงษ์ แม่ค้าขายผักสดในตลาดเทศบาลเมืองศรีราชา กล่าวว่าในช่วงก่อนเทศกาลถือศีลกินเจในวันที่ 3-11 ต.ค.นี้ ช่วงนี้ราคาผักเริ่มขยับราคาขึ้นเป็นบางอย่างแต่ที่แพงสุดก็คงจะเป็นผักขึ้นฉ่าย ซึ่งตอนนี้พุ่งสูงถึงกิโลกรัมละ 180 บาท และคาดว่าราคาผักต่าง ๆ อาจจะขยับขึ้นอีก 5-10 บาทต่อกิโลกรัม เมื่อถึงช่วงเทศกาลกินเจจริง ๆ สำหรับราคาผักแต่ละอย่างในตอนนี้

อาทิ ผักขึ้นฉ่ายราคา กก.ละ 180 บาท หัวไชเท้าราคา กก.ละ 35-40 บาท ผักกาดขาวราคา กก.ละ 45-50 บาท ผักกวางตุ้งราคา กก.ละ 35-40 บาท คะน้าราคา กก.ละ 40-50 บาท กะหล่ำปลีราคา กก.ละ 45-50 บาท ถั่วฝักยาวราคา กก.ละ 60-70 บาท มะระราคา กก.ละ 50 บาทผักบุ้งจีน 40-50 บาท 

ซึ่งสาเหตุน่าจะมาจากน้ำท่วมในหลายพื้นที่ทำให้ผลิตผลการเกษตรเสียหาย และต้นทุนการขนส่งเพิ่มมากขึ้น ประกอบกับเป็นช่วงเทศกาลกินเจอีกด้วย ซึ่งในส่วนของผู้มาจับจ่ายเข้าใจในสถานการณ์ดังกล่าว ยังมาจับจ่ายกันเช่นเดิมแต่อาจลดจำนวนลงบ้าง

ประชาชนผู้บริโภคบอกว่ายิ่งใกล้กินเจ ราคาผักก็จะขยับขึ้นอีกเนื่องจากพื้นที่เพาะปลูกประสบปัญหาน้ำท่วมจึงต้องปรับลดในการซื้อ โดยปกติจะซื้อครั้งละครึ่งกก.และ 1 กก. แต่ตอนนี้ปรับลดในการซื้อโดยจะเลือกซื้อเป็นตะกร้าที่แม่ค้าจัดไว้ให้แล้ว โดยราคาตะกร้าละ 50-60 บาท

ประชาธิปัตย์ถอดรหัสน้ำท่วมภัยแล้งกระทบประชาชนและเศรษฐกิจรุนแรง มุ่งแก้ต้นเหตุเดินหน้าโลว์คาร์บอนลดโลกเดือด

(29 ก.ย. 67) เปิดเวที “เดโมแครต ฟอรั่ม”พลิกโอกาสในวิกฤตโลกรวนสุดขั้วสู่เศรษฐกิจคาร์บอนมูลค่า 23 ล้านล้านบาทตามนโยบายเศรษฐกิจ-สิ่งแวดล้อมของ “เฉลิมชัย”

ตามที่นายอันโตนิโอ กูเตร์เรส เลขาธิการ สหประชาชาติ กล่าวเตือนไว้เมื่อปลายเดือนกรกฎาคมปีที่แล้วว่า สามสัปดาห์แรกของเดือนกรกฎาคม 2023 ทำสถิติร้อนที่สุดเท่าที่เคยวัดกันมา โลกร้อนขึ้น 1.5 องศา การเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศเกิดขึ้นแล้ว เป็นสิ่งที่น่ากลัวมาก และนี่แค่จุดเริ่มต้นเป็นจุดจบของภาวะโลกร้อนและเป็นจุดเริ่มต้นของภาวะโลกเดือด (Global Boiling) นอกจากนี้ธนาคารโลกได้เรียกร้องให้ประเทศไทยเร่งการเปลี่ยนแปลงสู่เศรษฐกิจที่มีคาร์บอนต่ำ โดยเน้นว่ามีโอกาสในการลงทุนที่ยั่งยืนถึงประมาณ 632 พันล้านเหรียญสหรัฐ (23ล้านล้านบาท)นั้น
นายอลงกรณ์ พลบุตร รองประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ พรรคประชาธิปัตย์เปิดเผยวันนี้ว่า หนึ่งในความท้าทายสำคัญในปัจจุบันและอนาคตคือผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ(Climate Change)ที่รุนแรงและรวดเร็ว

จากสถานการณ์ดังกล่าวทำให้ประเทศไทยต้องเร่งขับเคลื่อนสู่เป้าหมายว่าความเป็นกลางทางคาร์บอน ในปี 2050 และคาร์บอนเป็นศูนย์หรือซีโร่คาร์บอนภายในปี 2065 เพื่อรับมือกับภาวะโลกรวนโลกร้อนทะเลเดือดแบบสุดขั้วซึ่งเป็นภัยคุกคามต่ออนาคตของประเทศไทย ในมุมมองของพรรคประชาธิปัตย์เห็นว่าเราสามารถสร้างโอกาสในวิกฤตโดยสร้างโมเดลเศรษฐกิจคาร์บอน(Carbon Economy)ครอบคลุมตั้งแต่คาร์บอน ฟุ้ตปริ้นท์(carbon footprint) คาร์บอน เครดิต(carbon credit)จนถึงมาตรการปรับคาร์บอนก่อนข้ามพรมแดน(CBAM:Carbon Border Adjustment Mechanism)สามารถสร้างงานสร้างอาชีพสร้างเทคโนโลยีสร้างธุรกิจและสร้างระบบเศรษฐกิจใหม่ให้กับประเทศ

นายอลงกรณ์กล่าวต่อไปว่า พรรคประชาธิปัตย์กำลังเดินหน้าสู่ยุคปรับเปลี่ยน(Democrat in Transformation)จากองค์กรพรรคการเมืองเก่าแก่ที่สุดสู่องค์กรพรรคการเมืองของประชาชนที่ก้าวหน้าทันสมัยทันโลกเพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงประเทศทุกมิติทั้งมิติการพัฒนา การเมืองการปกครอง เศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อมและเทคโนโลยีรวมทั้งการเป็นพรรคการเมืองสีเขียว(Green Democrat Party) ตามนโยบายและวิสัยทัศน์ที่มุ่งเน้นเรื่องเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อมของ ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน หัวหน้าพรรคโดยเฉพาะประเด็นเมกะเทรนด์ที่ส่งผลกระทบต่อประเทศไทยโดยตรงทั้งในปัจจุบันและอนาคต พรรคประชาธิปัตย์จึงได้จัดเวทีเดโมแครต ฟอรั่ม (Democrat Forum)ครั้งที่ 1 หัวข้อ  “เศรษฐกิจคาร์บอน : โอกาสในวิกฤตโลกรวนน้ำท่วมภัยแล้งสุดขั้ว“ ในวันที่ 1 ตุลาคมนี้ระหว่างเวลา 9.00 -11.00 ที่ห้องประชุมชั้น 3 อาคาร ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช พรรคประชาธิปัตย์ โดยมีวิทยากรทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ภาควิชาการ ภาคเกษตรกรและภาคประชาชน 

1.นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย หรือผู้แทน
2.นายสนั่น อังอุบลกุล
ประธานคณะกรรมการหอการค้าไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยหรือผู้แทน
3. ดร.พิรุณ สัยยะสิทธิ์พานิช
อธิบดีกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม
4. ดร.ณัฐริกา วายุภาพ นิติพน
รักษาการองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก 
5.ดร.สุวัฒน์ ทองธนากุล บรรณาธิการ Green Innovation
6.นายสานิตย์ จิตต์นุพงศ์ 
ตัวแทนเกษตรกร
ผู้ริเริ่มโครงการข้าวรักษ์โลก
BCG Model
7.ศาสตราจารย์ ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ นำเสนอ
“บทเรียนในต่างประเทศสู่การแก้ปัญหาน้ำท่วมในประเทศไทย“
มาร่วมในการเสวนาครั้งนี้มี ดร.เจนจิรารัตนเพียร โฆษกพรรคเป็นพิธีกร(MC)นายร่มธรรม ขำนุรักษ์ ส.ส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์เป็นผู้ดำเนินรายการเสวนา(moderator)

สำหรับผู้สนใจร่วมงานเดโมแครต ฟอรั่ม สามารถลงทะเบียนล่วงหน้าได้ที่: https://form.democrat.or.th/democrat-forum1 (50ท่านแรกที่ลงทะเบียน ได้รับต้นกล้าไม้คนละ2ต้นเพื่อปลูกลดโลกเดือด)

ทั้งนี้มีการถ่ายทอดสดผ่าน Facebook Live พรรคประชาธิปัตย์
http://www.facebook.com/democratpartyth
หรือสอบถามเพิ่มเติม
โทร: 080 052 7574

#ประชาธิปัตย์ #พรรคประชาธิปัตย์ #DemocratPartyTH #DemocratForum #สภาพภูมิอากาศ
#โลกร้อนโลกรวน #เศรษฐกิจคาร์บอน
#คาร์บอน เครดิต #ซีโร่ คาร์บอน

'เพจดัง' แชร์ภาพแม่ตั๊กร่วมวงกินข้าวกับตำรวจหลายนาย อ้าง!! แบ็กดีมีชัยไปกว่าครึ่ง ฟากชาวเน็ตหวั่นคดีไม่คืบหน้า

(29 ก.ย. 67) กรณีที่ น.ส.กรกนก สุวรรณบุตร หรือแม่ตั๊ก เจ้าของผลิตภัณฑ์อาหารเสริมและห้างเพชรทองเคทูเอ็น ถนนหทัยราษฎร์ เขตคลองสามวา กรุงเทพฯ ถูกลูกค้าที่ซื้อทองรูปพรรณออนไลน์โพสต์ลงโซเชียลฯ ว่านำทองที่ซื้อไปขายที่ร้านทองเจ้าอื่นแล้วไม่มีร้านไหนรับซื้อ เพราะไม่มีเปอร์เซ็นต์ทองและไม่มียี่ห้อ ทำให้ลูกค้าคนอื่น ๆ ที่ซื้อทองออนไลน์เอาไว้เพื่อเก็งกำไรแห่เอามาขายคืนที่ร้าน เพราะเชื่อว่าเป็นทองเปอร์เซ็นต์ต่ำ และยังมีลูกค้าส่วนหนึ่งแจ้งความกับตำรวจ แต่เมื่อสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) เรียกไปให้ถ้อยคำ ปรากฏว่าแม่ตั้ก และนายกานต์พล เรืองอร่าม หรือป๋าเบียร์ สามี หลบหน้า ขอเลื่อนให้ถ้อยคำเมื่อวันศุกร์ที่ 27 ก.ย. ที่ผ่านมา อ้างว่าขอจัดการซื้อทองรูปพรรณคืนจากผู้เสียหายให้เรียบร้อยก่อน

ล่าสุด เฟซบุ๊ก 'อีซ้อขยี้ข่าว : อีซ้อ' โพสต์ภาพขณะที่แม่ตั๊กกำลังจิบไวน์กับผู้อื่น พร้อมข้อความระบุว่า...

"เป็นแม่ค้าออนไลน์ ที่มีตำรวจมาดื่มไวน์ถึงบ้าน แบ็คดีมีชัยกว่าครึ่ง ระดับบิ๊กใหญ่ใน ปคบ. ล่าสุดทำไมต้องซ่อนรูป ซ่อนโพสต์กันยกแก๊ง" 

และโพสต์อีกภาพระบุว่า "เจอบ่อยซะด้วย" 

ทำให้ชาวเน็ตวิพากษ์วิจารณ์ว่า จะกระทบกับการทำสำนวนคดี เพราะมีผู้เสียหายรวมตัวแจ้งความเอาผิดฐานฉ้อโกงประชาชน ขณะที่ตำรวจ บก.ปคบ.เตรียมออกหมายเรียกตัวมาแจ้งข้อหา และตำรวจ บก.สอท. จ่อดำเนินคดีความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ รวมถึง ปปง. เตรียมเข้ามาตรวจสอบทรัพย์สิน

รายงานข่าวเพิ่มเติมระบุว่า สำหรับนายตำรวจที่อยู่ในภาพ เกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อเดือน ส.ค. 66 เจ้าหน้าที่ตำรวจที่อยู่ในรูปเป็นตำรวจยศ พ.ต.ท. ระดับรอง ผกก. สังกัดอยู่ที่ บก.ปอท. และ ร.ต.ต. (นรต.53) ประจำอยู่ที่ กก.4.บก.ปคบ. ส่วนอีกรายเป็นตำรวจสังกัดอยู่ บช.สอท. คาดว่าตำรวจทั้งหมดที่อยู่ในภาพน่าจะรู้จักกับแม่ตั๊ก ชวนกันไปกินข้าว

พล.ต.ต.วิทยา ศรีประเสริฐภาพ ผบก.ปคบ. กล่าวถึงกรณีมีเพจสื่อมวลชนลงภาพตำรวจนั่งกินข้าวกับแม่ตั๊ก ที่ห้องอาหารญี่ปุ่นแห่งหนึ่ง ระบุว่าเป็นตำรวจระดับสูง บก.ปคบ. และ บช.สอท. ว่า ได้สั่งการให้ตรวจสอบภาพข่าวจากเพจดังกล่าวแล้ว เบื้องต้นได้รับรายงานว่า ตำรวจที่นั่งกินอาหารอยู่กับแม่ตั๊กนั้น ไม่ได้เป็นตำรวจระดับสูงของ บก.ปคบ. เท่าที่ทราบเป็นตำรวจระดับยศ พ.ต.ท. ตำแหน่งรองผู้กำกับการ ไม่ได้สังกัด บก.ปคบ. ส่วนในนั้นมี 1 ราย เป็นตำรวจยศ ร.ต.ต. อยู่ใน บก.ปคบ. แต่ไม่ใช่ กก.1.บก.ปคบ. ส่วนอีกรายเป็นตำรวจจากหน่วยงานอื่น ขณะนี้กำลังให้ตรวจสอบตำรวจที่อยู่ในรูป พร้อมทั้งให้ทำรายงานชี้แจงไปแล้ว

'ดร.ธรณ์' ชี้ 'โลกร้อน-ทะเลเดือด' ทำให้เกิด 'ซอมบี้เฮอริเคน' เข้าฝั่งแล้วอ่อนแรง แต่เด้งลงทะเล เร่งความแรงแล้วกลับเข้ามาใหม่

(29 ก.ย. 67) เฟซบุ๊ก 'Thon Thamrongnawasawat' หรือ ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านนิเวศทางทะเล และรองคณบดี คณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้ออกมาโพสต์ระบุข้อความว่า...

“โลกร้อนทะเลเดือดทำให้เกิดซอมบี้เฮอริเคน 

'zombie herricane' เป็นศัพท์ทั่วไป ใช้อธิบายถึงพายุที่ไม่ยอมตาย เข้าฝั่งแล้วอ่อนแรง แต่เด้งลงทะเลและเร่งความแรงกลับเข้ามาใหม่ เฮอริเคนจอห์น ที่เพิ่งสร้างความเสียหายอย่างหนักให้เม็กซิโก คือพายุซอมบี้ล่าสุด พายุหมุนเกิดในทะเล ได้พลังจากความร้อนของผิวน้ำ น้ำทะเลที่ร้อนขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้เกิด 2 ปรากฏการณ์ของพายุในยุคโลกร้อน

ข้อแรกคือพายุทวีความแรงขึ้นอย่างเร็ว ยางิใช้เวลา 48 ชม. จากโซนร้อนเป็นซูเปอร์ไต้ฝุ่น จอห์นที่เป็นแค่ดีเปรสชั่นในบ่ายวันที่ 22 กลายเป็นเฮอริเคนระดับ 3 ในวันที่ 24 ก่อนเข้าฝั่งเม็กซิโกด้วยความเร็วลม 195 กม./ชม. แต่จอห์นยังมีข้อ 2 ข้อสองคือจอห์นไม่ยอมสลายทั้งที่เข้าฝั่งแล้ว บางส่วนของพายุกลับไปสู่ทะเล น้ำที่ร้อนจัดทำให้กลายเป็นเฮอริเคนอีกครั้งอย่างรวดเร็ว ก่อนเข้าฝั่งเป็นหนสอง

จอห์นจึงเป็นเสมือนซอมบี้ พายุไม่ยอมตาย เพื่อนธรณ์ลองดูภาพประกอบ จะเห็นจุดสีฟ้าเป็นแค่โซนร้อน ไล่เข้าไปหาฝั่ง กลายเป็นจุดสี หมายถึงเฮอริเคนระดับต่าง ๆ ชนฝั่ง พายุกลับออกมาเป็นโซนร้อน ก่อนเร่งเป็นจุดสี แปลว่ากลายเป็นเฮอริเคนอีกครั้ง ก่อนจะเข้าฝั่งในระดับ 1 

Acapulco คือเมืองที่โดนหนสอง เกิดน้ำท่วมหลายแห่ง สร้างความเสียหายให้กับเมืองที่เพิ่งฟื้นจาก Otis เมื่อปีก่อน Otis คือพายุที่เร่งความแรงเร็วสุด ๆ จากโซนร้อนกลายเป็นเฮอริเคนระดับ 5 ถล่มเมืองแบบไม่ทันตั้งตัวด้วยความเร็วลมถึง 266 กม./ชม. (ผมเคยเขียนเรื่องนี้ไปแล้วครับ ปลายเดือนตุลา ปีก่อน)

ผู้เชี่ยวชาญด้านสภาพภูมิอากาศบอกว่า ความร้อนที่เกิดจากก๊าซเรือนกระจก มากกว่า 90% ถูกดูดซับโดยทะเล จนทะเลอั้นไม่ไหว ร้อนขึ้นเรื่อย ๆ ไม่ยอมหยุด จะทำให้พายุผิดปรกติเกิดมากขึ้นในอนาคต 

ทั้งข้อ 1 และข้อ 2 น้ำทะเลที่ทำให้เกิดพายุซอมบี้จอห์น ร้อน 32 องศา Speedy Zombie และ Rain bomb คือศัพท์ใหม่ที่เราไม่อยากได้ยิน แต่มันจะมีมาบ่อยขึ้น เพราะเราหยุดก๊าซเรือนกระจกไม่ได้ ขอแสดงความเสียใจกับทุกความสูญเสียในเม็กซิโกครับ

วันนี้ผมจะไปเล่าให้ฟังเพิ่มที่ FM99 ตอนเที่ยงครึ่ง และก็ไปเล่าบนเวที SX (ศูนย์สิริกิติ์) บ่ายห้าโมง เพื่อนธรณ์สนใจติดตามได้ครับ”

🟢สรุปหนังสือเศรษฐศาสตร์เล่มเดียวอยู่ (ฉบับปรับปรุงใหม่) ของธนาคารแห่งประเทศไทย (Part 1)

📌หนังสือ 'เศรษฐศาสตร์เล่มเดียวอยู่' จากแบงก์ชาติ อธิบายถึงเศรษฐศาสตร์ในชีวิตประจำวัน เข้าใจง่าย และใช้ได้จริง เพราะเศรษฐศาสตร์คือเรื่องของการตัดสินใจท่ามกลางทรัพยากรที่มีจำกัดและความต้องการที่ไม่สิ้นสุด การเข้าใจเศรษฐศาสตร์จะช่วยให้เราตัดสินใจได้ดีขึ้นในทุก ๆ ด้านของชีวิต ไม่ว่าจะเป็นการจัดการเงิน การลงทุน หรือการเลือกใช้ทรัพยากรให้เกิดประโยชน์สูงสุด 

โดยได้อธิบายแนวคิดเศรษฐศาสตร์ที่เราควรรู้ ได้แก่...

>>การตัดสินใจเลือก (Trade-offs) ทุกครั้งที่เราทำการตัดสินใจ เราต้องเลือกสิ่งหนึ่งและเสียอีกสิ่งเสมอ เช่น การเลือกทำงานพิเศษแทนการพักผ่อน

>>ค่าเสียโอกาส (Opportunity Cost) เมื่อเลือกทำบางอย่าง เราเสียโอกาสจากการทำสิ่งอื่น เช่น ถ้าเลือกลงทุนในหุ้นก็เสียโอกาสจากการฝากเงินธนาคาร และค่าเสียโอกาสก็คือเราอาจจะไม่ได้รับดอกเบี้ยเงินฝากที่เราควรจะได้รับนั่นเอง

>>ทรัพยากรมีจำกัด (Scarcity) โลกนี้มีทรัพยากรจำกัด ไม่ว่าจะเป็นเงิน ทรัพยากรธรรมชาติ หรือเวลา เราจึงต้องใช้อย่างมีประสิทธิภาพเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการขาดแคลนทรัพยากร 

'เอกนัฏ' ปลื้ม!! ความนิยม 'พีระพันธุ์-รวมไทยสร้างชาติ' เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ให้คำมั่น!! มุ่งทำงานบริหาร-ขับเคลื่อนการเมืองเพื่อประเทศชาติต่อไป

(29 ก.ย. 67) นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม และเลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติได้โพสต์เฟซบุ๊กถึงผลโพลล่าสุดของ NIDA Poll โดยระบุว่า...

"ดูจากผล NIDA Poll ที่ออกมาวันนี้ 

"คะแนนดีขึ้นทั้งท่านหัวหน้าพีระพันธุ์และพรรครวมไทยสร้างชาติ ตั้งแต่หลังเลือกตั้งจาก 3% เป็น 5% เป็น 8% จนกระทั่งวันนี้กลับขึ้นมาเรื่อย ๆ จนใกล้แตะ 10% 

"ขอบคุณทุกท่านที่เชื่อมั่นหัวหน้าพีระพันธุ์ ที่เชื่อมั่นพรรคฯ พวกเรายังต้องทำงานกันอย่างหนัก ทั้งงานบริหารบ้านเมือง และขับเคลื่อนงานการเมือง เป็นกำลังใจให้ทีมงานและผู้สนับสนุนทุก ๆ คนครับ"


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top