Saturday, 24 May 2025
NewsFeed

ไล่ออก!! 'สาวพม่าปากแจ๋ว' ด่ากราดคนไทยเจ้าของประเทศ ด้านบริษัทผู้จ้างไม่รอช้า พิจารณาลงโทษทางวินัยขั้นสูงสุด

(28 ก.ย.67) จากกรณี สาวพม่าปากแจ๋ว อัดคลิปลงโซเชียลสั่งสอนคนไทย โดยระบุว่า "แค่คนไทย แค่สลิ่มส่วนน้อยราว 2-3% เท่านั้น ที่ออกมาต่อต้าน (กลุ่มแรงงานพม่าผิดกฎหมาย) ไม่ต้องออกมาต่อต้าน ไม่มีประโยชน์ ไม่มีใครให้ค่าคุณหรอก เป็นนายกฯ ให้ได้ก่อน ค่อยมาไล่"

ล่าสุด ทางบริษัทที่จ้างงานสาวพม่าคนดังกล่าว ก็รอช้า ได้ออกประกาศแจ้ง โดยมีข้อความดังนี้...

"เรียน  ท่านลูกค้าผู้มีอุปการะคุณ

สืบเนื่องจากกรณีร้องเรียนถึงพนักงานของบริษัท มาสเตอร์ เวท จำกัด มีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม และได้มีการเผยแพร่ในสื่อสังคมออนไลน์ (Facebook, TikTok) 

จากการสอบสวนและหลักฐานต่าง ๆ ที่ปรากฏ พบว่าพนักงานได้กระทำผิดจริง ในการนี้ขอเรียนให้ทราบว่า บริษัทให้พิจารณาลงโทษทางวินัยตามกฎข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานขั้นสูงสุดแก่พนักงานผู้นั้น โดยให้สิ้นสุดสภาพการเป็นพนักงานนับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป

ทั้งนี้ทางบริษัทฯ ขออภัยต่อการกระทำที่เกิดขึ้น และขอให้คำมั่นว่า จะดูแลพฤติกรรมของพนักงานทุกคน เพื่อมิให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีก"

ภายหลังจากถูกไล่ออก สาวพม่าปากแจ๋วได้รีบออกคลิปมาขอโทษ กล่าวสำนึกผิดในสิ่งที่ทำ และขอโอกาสจากสังคม/คนไทยอีกครั้ง พร้อมกับคำพูดยอดฮิต "รู้เท่าไม่ถึงการณ์" โดยมีชาวเน็ตไทยลงมติเอกฉันท์ "ไม่ให้อภัยและคนต่างชาติที่กล้าต่อว่าคนในชาติที่ให้โอกาสทั้งงานและชีวิตเช่นนี้ ควรถูกส่งกลับประเทศของตนไปทันที"

เปิดแผนแม่บท พัฒนาเมืองใหม่ 'ห้วยใหญ่' สู่เมืองหลวงของ EEC รองรับผู้อาศัย 300,000 คน ตำแหน่งงาน 200,000 ตำแหน่ง

(28 ก.ย.67) เพจ 'โครงสร้างพื้นฐานประเทศไทย Thailand Infrastructure' ได้โพสต์ข้อความในประเด็น เปิดแผนแม่บท พัฒนาเมืองใหม่ห้วยใหญ่ เมืองหลวง EEC (EECiti) เตรียมรับศูนย์กลางการเงิน และการแพทย์แม่นยำ รองรับผู้อาศัยกว่า 300,000 คน ตำแหน่งงานกว่า 200,000 ตำแหน่ง พร้อมรถไฟฟ้าเชื่อมโยง รถไฟความเร็วสูง 3 สนามบิน โดยมีเนื้อหา ระบุว่า...

วันนี้เอารายละเอียดแผนการพัฒนาเมืองใหม่ห้วยใหญ่ ซึ่งถูกวางไว้เป็นศูนย์กลางด้านการเงิน และการแพทย์แม่นยำ ของภูมิภาค CLMVT เพื่อสร้างโอกาส และยกระดับความสามารถในการแข่งขันของไทย ให้สูงขึ้นในระดับโลก!!!

จริง ๆ ผมเคยเอารายละเอียดเบื้องต้น มาสรุปให้ฟังแล้วรอบนึง แต่รอบนี้ทาง EEC ได้เอาผลการศึกษา และผังการใช้พื้นที่ของเมืองใหม่ออกมาให้ดูกันอย่างละเอียด

ล่าสุด กันยายน นี้ ทาง EEC เริ่มทำการขอพื้นที่คืน (เป็นพื้นที่ สปก. สามารถขอมาใช้ได้โดยชดเชยให้กับผู้ใช้พื้นที่เดิม) ในระยะแรก 5,795 ไร่ และจะทยอย ชดเชยพื้นที่ควบคู่การพัฒนาโครงการ จนครบ 14,619 ไร่ ในปี 2568!!!
—————————
จากแผนการพัฒนาเมืองในรายละเอียดล่าสุด มีการเตรียมจัดตั้ง บริษัท พัฒนาเมือง จำกัด ในลักษณะ EEC Holding เพื่อร่วมบริหารจัดการและพัฒนา EEC Capital City ซึ่งดึงเอาผู้อาศัยเดิม เข้ามามีส่วนร่วมในรูปแบบ ผู้ถือหุ้น เพื่อได้รับผลประโยชน์ของการพัฒนาพื้นที่ในระยะยาว

แผนงานของโครงการ มีรายละเอียด คือ...

- ปลายปี 2568 การก่อสร้างโครงข่ายถนนทั้งภายนอก และเชื่อมต่อภายในโครงการ เพื่อเตรียมความพร้อมให้เอกชนเข้าลงทุนพัฒนาพื้นที่ธุรกิจเป้าหมายในโครงการจะเกิดขึ้นในช่วง
- ปี 2569 สามารถเริ่มเข้าปรับพื้นที่ก่อสร้าง 
- ปี 2572 สามารถเปิดดำเนินการในช่วงแรก

คู่ขนานกันในพื้นที่นี้ มีการพัฒนา ศูนย์กีฬาแห่งชาติภาคตะวันออก ของการกีฬาแห่งประเทศไทย ซึ่งอาจจะก่อสร้างสนามกีฬาแห่งใหม่ ขนาด 80,000 ที่นั่งในพื้นที่เมืองใหม่ด้วย

แล้วนอกจากนั้น ได้มีการวางแผนเส้นทางรถไฟฟ้าเชื่อมโยง ระหว่าง สนามบินอู่ตะเภา - เมืองใหม่ - พัทยา ไว้แล้วด้วย!!!
—————————
มาดูรายละเอียดโครงการ EECiti กันก่อนครับ

- ตั้งเป้าให้เป็น 'ศูนย์กลางธุรกิจ และการเงินระดับภูมิภาค เป็นเมืองน่าอยู่อัจฉริยะ 1 ใน 10 ของโลก ในปี 2580' ซึ่งจะเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยแห่งอนาคต โดยธรรมชาติ มนุษย์ และเทคโนโลยีอยู่ร่วมกัน มุ่งสู่เศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน เศรษฐกิจสีเขียว (BGC Economy) พื้นที่นวัตกรรม และคุณภาพชีวิตระดับสากลของประเทศไทย

- สถานที่ตั้งโครงการ อยู่ในพื้นที่ ตำบลห้วยใหญ่ อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี ริมทางหลวงสาย 331 

- วางพื้นที่ถนนเชื่อมโยงมอเตอร์เวย์ สาย 7 บริเวณ ด่านห้วยใหญ่ 

- โดยพื้นที่ทั้งหมด 15,000 ไร่ ซึ่งในระยะแรกใช้พื้นที่ 5,795 ไร่ โดยใช้พื้นที่ สปก. โดยมีการจ่ายค่าทดแทนให้กับประชาชนในพื้นที่

ระยะทางจากจุดศูนย์กลาง สู่พื้นที่สำคัญ...
- 15 กิโลเมตร จากสนามบินอู่ตะเภา
- 10 กิโลเมตร จากพัทยา
- 160 กิโลเมตร จากกรุงเทพฯ

>> แบ่งการจัดการพื้นที่ สีเขียว 30% และพื้นที่พัฒนา 70% 

การจัดวางโซนพื้นที่พัฒนาเมือง ได้แก่...
- ศูนย์สำนักงานภูมิภาค และศูนย์ราชการ EEC
- ศูนย์กลางการเงิน EEC
- ศูนย์การแพทย์แม่นยำ และการแพทย์อนาคต
- ศูนย์การศึกษา วิจัยและพัฒนา นานาชาติ
- ศูนย์ธุรกิจอนาคต
- ที่พักอาศัยสำหรับคนทุกกลุ่ม

การจัดการน้ำ และสิ่งแวดล้อม ตั้งแต่การผลิตน้ำประปา การจัดเก็บน้ำฝน และบำบัดน้ำเสียเพื่อนำกลับมาใช้ใหม่

การใช้พลังงานให้คุ้มค่ามากที่สุด และเป็นเมือง Carbon Net Zero ซึ่งใช้เทคโนโลยีด้านการผลิตไฟฟ้าหมุนเวียน เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม ควบคู่กับการใช้เทคโนโลยีในการลดพลังงาน เช่น การทำความเย็นเป็นพื้นที่ (Cooling District)

การเดินทางภายในพื้นที่ จะมีการวางโครงสร้างพื้นฐานคมนาคมด้วยการไม่ใช้เครื่องยนต์เป็นหลัก เช่น...
- รถไฟเชื่อมโยง รถไฟความเร็วสูง
- รถไฟฟ้ารางเบาในเขตพื้นที่เมืองชั้นใน
- รถเมล์ไฟฟ้า
- เรือโดยสารภายในพื้นที่โครงการ
—————————
โครงการสามารถรองรับจำนวนประชากรในพื้นที่ 300,000 คน ในทุกกลุ่มประชากร แบ่งเป็น...
- พื้นที่อยู่อาศัยรายได้เริ่มต้น-ปานกลาง 70%
- พื้นที่อยู่อาศัยรายได้สูง 30%

สร้างตำแหน่งงานในพื้นที่ 200,000 ตำแหน่ง

แผนยุทธศาสตร์การพัฒนาเมือง 6 ด้าน ได้แก่...
1. ออกแบบเพื่อการเจริญเติบโตของเมือง อย่างยั่งยืน
2. สร้าง Platform ข้อมูลเมืองอัจฉริยะ
3. สร้างระบบเทคโนโลยีความน่าอยู่อัจฉริยะ 7 ด้าน
4. สร้างสภาพแวดล้อมรองรับ เศรษฐกิจนวัตกรรม
5. สร้างการมีส่วนร่วมกับประชาชน
6. สร้างธรรมาภิบาลสากล และการร่วมมือนานาชาติ

มูลค่าการลงทุน รวม 1.34 ล้านล้านบาท!!! โดยแบ่งเป็น 3 ส่วนคือ...
- ภาครัฐ 2.8% (ประมาณ 38,000 ล้านบาท)
- โครงการร่วมทุน (ppp) 9.7% (ประมาณ 133,000 ล้านบาท)
- เอกชนลงทุน 87.5% (ประมาณ 1,200,000 ล้านบาท)
—————————
หวังว่า รัฐบาลปัจจุบัน จะช่วยกันผลักดัน เพื่อใช้ประโยชน์ของโครงการ และพื้นที่ EEC ได้อย่างเต็มที่ พร้อมกับเร่งรัด รถไฟความเร็วสูง 3 สนามบินไปด้วยนะครับ!!!!

พรรคเพื่อไทย
Ing Shinawatra

'สรวงศ์' เล็งดึง 'คนละครึ่ง-เราเที่ยวด้วยกัน' กระตุ้น ศก.โลว์ซีซั่นปีหน้า ลั่น!! นโยบายของรัฐบาลใดที่ทำไว้แล้วดี เอากลับมาใช้แน่นอน

เมื่อวานนี้ (27 ก.ย.67) นายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยถึงแผนกระตุ้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยวปี 68 ว่า ขณะนี้กำลังไล่รื้อแผนในช่วงโลซีซันในปีหน้า โดยจะฟื้นโครงการเราเที่ยวด้วยกัน เพราะแอปพลิเคชันเองก็ยังอยู่ และจากตัวเลขการเดินทางเข้ามาก็ค่อนข้างมาก ซึ่งชัดเจนว่าช่วยได้ทั้งผู้ประกอบการและผู้บริโภค

ขณะที่การกระตุ้นการท่องเที่ยวช่วงปลายปี 67 นายสรวงศ์ ยอมรับว่า ขณะนี้มีเหตุการณ์อุทกภัยทำให้สายการบินยกเลิกเที่ยวบินมากพอสมควร แต่เชื่อไตรมาสสุดท้ายของปีนี้การจองจะยังเหมือนเดิมยังไม่มีการยกเลิกเข้ามา เป็นเครื่องยืนยันได้ว่านักท่องเที่ยวยังมองว่าประเทศไทยเป็นจุดหมายอยู่ และตัวเลขนักท่องเที่ยวปีนี้จะได้ตามเป้าหมายหรือไม่ นายสรวงศ์ กล่าวว่า จะพยายามให้เต็มที่ โดยจะอัดกิจกรรมต่าง ๆ ให้แก่นักท่องเที่ยวและนักลงทุน พร้อมกับหวังว่าอย่าให้เกิดเหตุการณ์แบบอุทกภัยเกิดขึ้นอีก และยืนยันว่าจะพยายามอย่างยิ่งในการกระตุ้นเศรษฐกิจ การท่องเที่ยวและกีฬา พร้อมยอมรับว่าตัวเลขด้านรายได้การท่องเที่ยวยังขาดอีก 8 แสนล้านบาท เป็นเรื่องที่เหนื่อย แต่จากการพูดคุยกับผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยว ในส่วนของประเทศญี่ปุ่น จีน และอินเดีย พบว่านักท่องเที่ยวอินเดียใช้จ่ายเยอะพอสมควร จึงอาจจะมีการเพิ่มไฟลต์บินตรงให้มากขึ้น ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการพูดคุย ขณะที่จีนก็อาจจะมีการส่งเสริมการท่องเที่ยวโดยการไปเปิดเชิญชวนยังมณฑลต่าง ๆในประเทศจีน เพื่อดึงนักท่องเที่ยวจีนที่มีคุณภาพให้กลับมามากขึ้น

ส่วนช่วงโกลเด้นวีคของประเทศจีนคือวันที่ 1 ตุลาคม จะมีแผนกระตุ้นการท่องเที่ยวอย่างไร? นายสรวงศ์ กล่าวว่า ขณะนี้ดูจากตัวเลขไฟลต์บินที่มาจากจีนยังเยอะเหมือนเดิม และหากดูจากจำนวนก็ไม่น่าห่วง แต่เรามุ่งจัดกิจกรรมเพื่อให้เกิดการใช้จ่ายต่อหัวให้มากขึ้น พร้อมยืนยันว่าไม่ห่วงเรื่องจำนวนแล้ว แต่การใช้จ่ายต่อหัวต้องกระตุ้น อย่างไรก็ตาม ช่วงนี้จีนมีปัญหาเรื่องเศรษฐกิจทำให้การใช้จ่ายน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด

เมื่อถามว่า โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจในไทยจะมีการนำโครงการนำคนละครึ่งกลับมาด้วยหรือไม่? นายสรวงศ์ กล่าวว่า พยายามอยู่ เพราะนโยบายไหนที่เป็นของรัฐบาลใดก็ตามที่ทำไว้แล้วดี เราเอากลับมาใช้แน่นอน แต่ต้องปัดฝุ่นให้ดีว่าตรงไหนเป็นข้อเสียก็เรียนรู้จากประสบการณ์ ซึ่งแคมเปญกระตุ้นเศรษฐกิจช่วงโลว์ซีซั่นอาจจะออกราวเดือนมีนาคมหรือเมษายน และใช้ในช่วงหน้าฝน

ขณะที่แผนกระตุ้นการท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวต่างชาติในปีหน้า นายสรวงศ์ กล่าวว่า จะมีการจัดอีเวนต์กระตุ้นการท่องเที่ยว แต่จะต้องมีหลายส่วนที่เข้าไปเสริม เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เข้ามา และเพิ่มประสิทธิภาพ คุณภาพ ซึ่งจะเป็นแผนที่ค่อย ๆ ประกาศออกมา ขณะที่นายกฯเองจะมีแผนภาพใหญ่ของประเทศในปีหน้า และในส่วนของกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬาจะทำตามแนวนโยบาย

ทั้งนี้ จะมีการประเมินผลกระทบจากอุทกภัย และค่าเงินบาทที่แข็งขึ้นหรือไม่ นายสรวงศ์ กล่าวว่า เท่าที่ตรวจสอบตอนนี้ถึงปลายปีไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง และไม่กระทบ แต่จะกระทบในส่วนของการใช้จ่ายรายหัวของนักท่องเที่ยว แต่จะไม่กระทบเรื่องของจำนวน และเราต้องมีมาตรการช่วยเหลือนักท่องเที่ยวด้วย อาทิ การคืนภาษีให้ สะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น พร้อมยืนยันว่าเป้าของรายได้ยังอยู่ที่ 3.5 ล้านล้านบาท ขณะที่การประชุมบอร์ดนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจนัดแรก ยังไม่มีการเรียกประชุม

'มิ้นต์ ชาลิดา' โพสต์!! 'น้องชาย' ถูกฝรั่งเตะเสยคาง หวั่น!! เรื่องเงียบ คู่กรณีเตรียมบินกลับประเทศ

(28 ก.ย.67) นักแสดงสาวชื่อดัง 'มิ้นต์' ชาลิดา วิจิตรวงศ์ทอง ได้โพสต์ข้อความผ่านทางอินสตาแกรมส่วนตัว '@mint_chalida' ระบุข้อความว่า...

"เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นกับน้องชายแท้ ๆ ของมิ้นต์ เมื่อวันที่ 25 กันยายน เวลาประมาณตี 2 ทางพนักงานของร้านได้โทรมาขอความช่วยเหลือจากน้องชายของมิ้นต์ว่า มีชาวต่างชาติเข้ามาบุกรุกและทำร้ายร่างกายพนักงาน...

"น้องชายมิ้นต์เลยรีบขับรถไปที่ร้าน เพื่อไกล่เกลี่ยปัญหา แต่ชาวต่างชาติผู้ก่อเหตุกลับมาทำร้ายร่างกายน้องชายของมิ้นต์ ด้วยการเตะเข้าที่หน้า ครอบครัวมิ้นต์ต้องการให้ผู้ก่อเหตุมารับผิดชอบในสิ่งที่เค้าทำ ใครพอจะมีความรู้ทางด้านกฎหมายหรือทราบว่าเราต้องแจ้งหน่วยงานไหน ให้ดำเนินการให้เร็วที่สุด ก่อนที่เค้าจะออกนอกประเทศในวันที่ 3 ตุลาคม 2024 นี้ *ตอนนี้ทางครอบครัวได้เข้าแจ้งความกับทางสถานีตำรวจห้วยขวางแล้ว" โดยที่ 'มิ้นต์ ชาลิดา' ได้โพสต์ภาพจากกล้องวงจรปิดเหตุการณ์ที่น้องชายของเธอโดนทำร้ายอีกด้วย

'CAAT' เผย!! มีการแจ้งความดำเนินคดีหญิงชาวโปแลนด์แล้ว หลังข่มขู่ มีระเบิดบนอากาศยานขณะทำการบิน จนผู้อื่นตกใจ

(28 ก.ย.67) จากกรณีที่มีการนำเสนอข่าวว่าสายการบินไทยเวียตเจ็ทไม่ได้มีการดำเนินคดีกับผู้โดยสารชาวโปแลนด์ที่ก่อเหตุขู่วางระเบิดเที่ยวบิน VZ961 เส้นทางดานัง- สุวรรณภูมิ เมื่อวันที่ 26 กันยายน 2567  ซึ่งการขู่วางระเบิดในสนามบิน หรือในอากาศยาน ซึ่งเป็นการกระทำที่ผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดบางประการต่อการเดินอากาศ พ.ศ. 2558 มาตรา 22

ล่าสุด สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (CAAT) ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริง และพบว่าได้มีการแจ้งความดำเนินคดีกับผู้ก่อเหตุแล้ว โดยผู้ควบคุมอากาศยานหรือนักบินในเที่ยวบินนั้นเป็นผู้แจ้งความดำเนินคดี จึงไม่ใช่สายการบิน ซึ่งเป็นนิติบุคคลเป็นผู้แจ้งความ ตามที่ปรากฏในข่าว และทางตำรวจได้ดำเนินคดีกับผู้ก่อเหตุ ในข้อหาแจ้งข้อความหรือส่งข่าวสารซึ่งรู้อยู่แล้วว่าเป็นเท็จ และการนั้นเป็นเหตุหรือน่าจะเป็นเหตุให้ผู้ที่อยู่ในท่าอากาศยานหรือผู้ที่อยู่ในอากาศยานในระหว่างการบินตื่นตกใจ ตาม พ.ร.บ. ว่าด้วยความผิดบางประการต่อการเดินอากาศ พ.ศ. 2558 มาตรา 22 ซึ่งมีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และถ้าการกระทำนั้นเป็นเหตุให้เกิดอันตรายต่อความปลอดภัยของอากาศยานในระหว่างการบิน ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 5-15 ปี หรือปรับตั้งแต่ 200,000-600,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

สำหรับคำพูดต้องห้ามที่ไม่ควรพูดทั้งในสนามบินและบนเครื่องบิน เช่น...

- ระเบิด Bomb
- อาวุธและวัตถุอันตราย ปืน Gun or Fire Arm
- การก่อการร้าย Terrorist
- โรคระบาดร้ายแรง

CAAT จึงขอแนะนำว่า ไม่ควรพูดคำต้องห้ามเหล่านี้ แม้จะเป็นการพูดเล่นกับเพื่อน หรือพูดเล่นกับเจ้าหน้าที่ เพราะอาจทำให้ผู้อื่นเกิดความไม่สบายใจ ตื่นตระหนก หรือเกิดความเข้าใจผิดจนอาจจะนำมาสู่ความวุ่นวาย และผู้พูดอาจถูกดำเนินการตามกฎหมายได้

'เผ่าภูมิ' เผย ปชช. กดเงิน 10,000 ตู้ ATM ธ.ก.ส. พุ่ง 18.8 เท่าตัว ออมสินยอดกดเงินรวมพุ่ง 3.7 เท่าตัว ชี้กลุ่มนี้มีเท่าไหร่ใช้หมด กระตุ้น ศก. ทันที

ดร.เผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ให้สัมภาษณ์ว่า วันที่ 25 ก.ย. มีการถอนเงิน ยอดเงิน 10,000 บาท จากตู้ ATM ของ ธ.ก.ส. เพิ่มขึ้น 18.8 เท่าตัว เทียบกับวันที่ 24 ก.ย. 

ยอดถอนเงินตู้ ATM ธนาคารออมสิน วันที่ 25 ก.ย. มีจำนวนรายการถอนเงินพุ่ง 1.76 เท่าตัว จำนวนเงินเพิ่มขึ้น 2.84 เท่าตัว วันที่ 26 ก.ย. มีจำนวนรายการถอนเงินเพิ่มขึ้น 2 เท่าตัว จำนวนเงินเพิ่มขึ้น 3.72 เท่าตัว เทียบกับวันที่ 24 ก.ย.

ตัวเลขเหล่านี้เป็นเครื่องบ่งชี้หนึ่งว่าประชาชนกลุ่มนี้มีความจำเป็นต้องใช้เงินสูง มีเงินไม่พอใช้ มีเท่าไหร่ต้องถอนมาใช้เกือบหมด เป็นกลุ่มที่มี MPC สูง ซึ่งนั่นหมายถึงการกระตุ้นเศรษฐกิจได้ทันทีและมีประสิทธิภาพ

'อลงกรณ์-เอฟเคไอไอ.' ชู 'บางระจันโมเดล' ปกป้องเศรษฐกิจไทย 700,000 ล้าน สนับสนุนอีคอมเมิร์ซไทยจับมือสภาเอสเอ็มอี. รวมพลังสู้แพลตฟอร์มค้าออนไลน์ต่างชาติ

นายอลงกรณ์ พลบุตร ประธานสถาบันเอฟเคไอไอ.ไทยแลนด์( FKII Thailand ) รองประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ ปชป.และ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์เปิดเผยวันนี้ว่า

ตลาดอีคอมเมิร์ซ (eCommerce ) ของไทยมีการซื้อขายผ่านช่องทางอีคอมเมิร์ซและโซเชียลคอมเมิร์ซ(Social commerce)กว่า700,000ล้านบาทต่อปีถูกครอบครองตลาดโดยแพลตฟอร์มต่างชาติแบบครบวงจรเกือบ100% จากต้นน้ำถึงปลายน้ำตั้งแต่ระบบซัพพลายเชน (supply chain system) โรงงานผลิตสินค้า ,ระบบอี-มาร์เก็ตเพลส (eMarketplace) ,ระบบขนส่งโลจิสติกส์ (Logistics) จนถึงระบบการชำระเงิน (Payment Gateway) โดยสินค้าส่วนใหญ่มาจากต่างชาติทำให้เอสเอ็มอี. โรงงานอุตสาหกรรม ธุรกิจค้าปลีกค่าส่งดั้งเดิม ห้างสรรพสินค้า ธุรกิจขนส่งและบริการส่งถึงลูกค้า(last mile delivery)ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงและเสียเปรียบดุลการค้ามากขึ้น

แนวทางหนึ่งในการแก้ไขสถานการณ์ที่เข้าขั้นวิกฤติคือการสนับสนุนบริษัทอีคอมเมิร์ซไทยและเอสเอ็มอี.ไทยโดยสร้าง ระบบนิเวศน์การค้า(Eco-System)ในการซื้อขายในประเทศไทยรวมทั้งผนึกความร่วมมือกันต่อสู้เรียกว่า 'บางระจันโมเดล' และขอให้ภาครัฐกำกับการค้าออนไลน์ข้ามชาติแบบเสรีและเป็นธรรมควบคุมมาตรฐานสินค้าต่างชาติและการเสียภาษีสินค้า-นิติบุคคลรวมทั้งการใช้มาตรการปกป้องคุ้มครองผู้ประกอบการไทยตามกฎกติกา WTO และยกหารือประเด็นการค้าออนไลน์ข้ามพรมแดนรูปแบบใหม่ F2C(Factory to Customer) กรณีเตมู (TEMU) ภายใต้กลไกข้อตกลงทวิภาคีไทย-จีน และพหุภาคี เอฟทีเอ.อาเซียน-จีน ความตกลงDEFA(Digital Economy Framework Agreement)และAEC (ASEAN Economic Community)บนพื้นฐานความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจที่ดีระหว่างไทย-จีนและความร่วมมือในกรอบอาเซียน

ทั้งนี้สถาบันเอฟเคไอไอ.ไทยแลนด์ร่วมกับสถาบันทิวา (TVA) ได้จัดงาน 'รวมพลังไทย : สร้างอาชีพ สร้างชาติ' (Thai Power : Building Careers, Building the Nation) SME - E-COMMERCE COLLABORATION ณ สวนเสียงไผ่ สถาบันทิวา ทาวน์อินทาวน์ กรุงเทพมหานครโดยได้มีการลงนามบันทึกความร่วมมือ 5 องค์กรได้แก่

สถาบันทิวา (TVA) สถาบันพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (ISMED) สภาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมไทย (สภาเอสเอ็มอี) บริษัท โกชิปป์ จำกัด และ บริษัท นีโอเวนเจอร์ โซลูชั่นส์ จำกัด 

เพื่อร่วมกันผลักดันการพัฒนาอีคอมเมิร์ซไทยและเอสเอ็มอี.ไทยนอกจากนี้ยังมีการสัมมนาโดยนายชยดิฐ หุตานุวัชร์ ประธานกรรมการสมาคมสถาบันทิวาได้บรรยายถึงวัตถุประสงค์ของการผนึกความร่วมมือของ 5 องค์กร

นายอลงกรณ์ พลบุตร ประธาน FKII Thailand และ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์กล่าวเปิดงานและบรรยายหัวข้อ 'สถานการณ์ตลาดและผลกระทบของอีคอมเมิร์ซและเอสเอ็มอีไทยกับแนวทางแก้ปัญหา การค้าออนไลน์ข้ามชาติ'

นายสุปรีย์ ทองเพชร ประธานสภาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมไทยบรรยายพิเศษเรื่อง 'ศักยภาพเอสเอ็มอีไทยในการสนับสนุนอีคอมเมิร์ซไทย (Thai SME Potential and Strength for E-Commerce)' นายภาวัต พุฒิดาวัฒน์ CEO บริษัท โกชิปป์ จำกัดบรรยายหัวข้อ 'แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซไทยในสถานการณ์ปัจจุบัน (GoSell & GoShip - E-Commerce Platform : Thailand Situation)' ภญ.ภัสราธาดา วัชรธาดาอาภาภัค CMO บริษัท นีโอเวนเจอร์ โซลูชั่นส์ จำกัด Thailand’s NO.1 Complete Solutions for E-Commerce บรรยายหัวข้อ 'Thai Think, Thai Made, Thai Trade' โดยมีนายราม คุรุวาณิชย์ บอร์ดเอฟเคไอไอ.ไทยแลนด์ สรุปการสัมมนา

ทั้งนี้ภายหลังพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ ระหว่าง สมาคมสถาบันทิวา สถาบันพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม สภาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมไทย บริษัท โกชิปป์ จำกัด และ บริษัท นีโอเวนเจอร์ โซลูชั่นส์ จำกัดได้มีการทำกิจกรรมเชื่อมโยงเครือข่ายธุรกิจเอสเอ็มอี.กับผู้ประกอบการอีคอมเมิร์ซไทยด้วย

'มูลนิธิแม่ฟ้าหลวงฯ' คว้ารางวัลต้นแบบองค์กรยั่งยืน Shaper Award 2024 สะท้อน 50 ปี แห่งความมุ่งมั่น พัฒนาโครงการเพื่อสังคมอย่างต่อเนื่อง

เมื่อวานนี้ (27 ก.ย.67) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังจากมูลนิธิแม่ฟ้าหลวง ในพระบรมราชูปถัมภ์ ซึ่งได้ดำเนินโครงการต่าง ๆ เพื่อสืบสานและต่อยอดพระราชปณิธานตามพระราชปณิธานของสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ‘ช่วยให้เขา ช่วยตัวเขาเอง’ มากว่า 50 ปี โดยมุ่งเน้นการพัฒนาศักยภาพคนเป็นศูนย์กลาง (Human-centric) จนกลายเป็นต้นแบบการพัฒนาเพื่อความยั่งยืน และการดำเนินธุรกิจเพื่อสังคมมาอย่างต่อเนื่องนั้น

ล่าสุด ทางมูลนิธิแม่ฟ้าหลวงฯ ได้รับรางวัล SX Shaper Award 2024 จากคณะกรรมการจัดงาน Sustainability Expo 2024 เพื่อเชิดชูทางมูลนิธิฯ ที่ได้ดำเนินโครงการสำคัญ ๆ ได้แก่ โครงการพัฒนาดอยตุง (พื้นที่ทรงงาน) อันเนื่องมาจากพระราชดำริ โครงการต่าง ๆ ในภาคเหนือ, โครงการพัฒนาทางเลือกเพื่อชีวิตความเป็นอยู่ที่ยั่งยืนไทย-เมียนมา สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา และโครงการจัดการคาร์บอนเครดิตในป่าเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน

ทั้งนี้ มูลนิธิแม่ฟ้าหลวงฯ เชื่อว่า ‘คน’ คือต้นเหตุและทางออกของปัญหาในการยกระดับชีวิตของชุมชน สังคม และสิ่งแวดล้อม จึงต้องเริ่มจากการพัฒนาคน เพราะ “ไม่มีใครอยากเป็นคนไม่ดี แต่ที่เขาไม่ดี เพราะขาดโอกาสและทางเลือก”

ยกตัวอย่าง โครงการพัฒนาดอยตุง (พื้นที่ทรงงาน) อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดเชียงราย เริ่มดำเนินการเมื่อปี 2531 เพื่อเป็นการให้แนวทางการพัฒนาตามตำราแม่ฟ้าหลวงคือการ 'ปลูกป่า ปลูกคน' ซึ่งตลอดระยะเวลา 36 ปีที่ผ่านมา มูลนิธิแม่ฟ้าหลวงฯ ฟื้นฟูป่าได้ประมาณ 90,000ไร่ สร้างอาชีพที่ดีแก่ประชาชนกว่าหนึ่งหมื่นคน

นอกจากนี้ มูลนิธิแม่ฟ้าหลวงฯ ยังร่วมกับภาคีทั้งภาครัฐ เอกชน และประชาชน ได้ดำเนินโครงการจัดการคาร์บอนเครดิตในป่าเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนมาตั้งแต่ปี 2564 จนถึงปีนี้ มีความร่วมมือในป่าชุมชนรวม 129 แห่งใน 9 จังหวัด ครอบคลุมพื้นที่ 194,850 ไร่ ผลิตคาร์บอนเครดิตได้ 500,000 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า และสร้างประโยชน์แก่ชุมชนในป่า 25,082 ครัวเรือน  ซึ่งมูลนิธิแม่ฟ้าหลวงฯ ตั้งเป้าหมายผลิตคาร์บอนเครดิต 1 ล้านตันภายในปี 2570

อีกความสำเร็จของมูลนิธิแม่ฟ้าหลวงฯ คือ การจัดการขยะ โดยมูลนิธิแม่ฟ้าหลวงฯ เริ่มลงมือจัดการขยะจากต้นทางอย่างจริงจังตั้งแต่ปี 2555 จนกระทั่งปลายปี 2561 ประสบความสำเร็จในการทำให้ขยะถูกส่งไปบ่อฝังกลบเป็นศูนย์ และยังขยายแนวคิดนี้ไปยัง 29 หมู่บ้านใน อ.แม่ฟ้าหลวง

ปัจจุบัน มี 24 หมู่บ้านที่สามารถคัดแยกขยะได้อย่างถูกวิธี ดอยตุงไม่มีของเหลือทิ้ง เพราะที่นี่ดำเนินธุรกิจแบบ Zero Waste และตั้งใจสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ให้เป็นมิตรกับโลก โดยทำให้ทุกขั้นตอนการผลิตไม่สร้างขยะด้วยการรีไซเคิล

ไม่ว่าจะเป็นขวดน้ำพลาสติก กากกาแฟ เปลือกแมคคาเดเมีย เศษผ้าจากการทอผ้า น้ำที่ใช้ในการย้อมก็ยังสามารถบำบัดได้ และหมุนเวียนทรัพยากรกลับมาใช้ใหม่ พร้อมทั้งพัฒนาการออกแบบดีไซน์เพิ่มมูลค่าให้กับผลิตภัณฑ์หลักอีกด้วย

ทำให้โครงการพัฒนาดอยตุง (พื้นที่ทรวงงาน) อันเนื่องมาจากพระราชดำริ มูลนิธิแม่ฟ้าหลวงฯ ได้รับมาตรฐาน G Green Production ประเภทเซรามิก ระดับดีเยี่ยม และประเภทสิ่งทอ ระดับดีเยี่ยม ปี 2562 จากกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม

ส่วนโครงการการพัฒนาทางเลือกในการดำรงชีวิตที่ยั่งยืน (Sustainable Alternative Livelihood Development – SALD) เป็นแนวทางการพัฒนาที่เกิดขึ้นจากพระปรัชญาและพระราชปณิธานของสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ในการช่วยเหลือพัฒนาผู้ที่ด้อยโอกาสในสังคม

โดยเน้นการพัฒนาคนอย่างมีบูรณาการ เป็นขั้นเป็นตอน ตามช่วงเวลาที่เหมาะสมกับสถานการณ์ในแต่ละพื้นที่ และนำวิธีคิดและวิธีบริหารจัดการเชิงธุรกิจมาปรับใช้ เช่น ผลิตของที่ตลาดต้องการ มุ่งสร้างประโยชน์สูงสุดจากต้นทุนที่ต่ำที่สุด ด้วยกระบวนการที่มีประสิทธิภาพ รวดเร็ว ไม่ซับซ้อน อีกทั้งศึกษาความเป็นไปได้ก่อนทำโครงการเพื่อลดความเสี่ยง หรือวัดผลเพื่อปรับปรุงการทำงานอยู่ตลอดเวลา

“เพราะความยั่งยืนเป็นเรื่องของทุกคน” ที่จะมาร่วมกันเปลี่ยนโลกใบนี้ให้น่าอยู่อย่างยั่งยืน ผ่านกิจกรรมมากมาย พร้อมแลกเปลี่ยนแนวคิด และไอเดียสุดเจ๋งด้านความยั่งยืนกับวิทยากรชื่อดัง ศิลปิน และเหล่าไอดอลจากทุกแวดวง ตื่นเต้นไปกับสุดยอดนวัตกรรมกอบกู้โลกให้คุณได้เรียนรู้ และพร้อมปรับตัว เพื่อความอยู่รอดในวิถีชีวิตประจำวันยุคโลกเดือดได้อย่างมีความสมดุล

สำหรับงาน Sustainability Expo (SX2024) ได้จัดขึ้นตั้งแต่วันนี้ ถึง วันที่ 6 ตุลาคม 2567 เวลา 10.00-20.00 น. ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ (QSNCC)

ติดตามข่าวสาร และกิจกรรมของ SX ได้ทาง Facebook Page : Sustainability Expo, www.sustainabilityexpo.com และแอดไลน์ @sxofficial ตลอดจนร่วมกิจกรรมมากมายเพื่อโลก ด้วยกันที่ Sustainability Expo 2024: Good Balance, Better World

'อาจารย์อุ๋ย' ชี้!! แจกเงินหมื่น เหมือนตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ ห่วง!! รัฐไร้แผนระยะยาว โดยเฉพาะการแก้หนี้ครัวเรือนไทย

(28 ก.ย.67) จากกรณีที่รัฐบาลได้ดำเนินการแจกเงินหนึ่งหมื่นบาทให้ประชาชนแล้วกว่า 3 ล้านคน นั้น นายประพฤติ ฉัตรประภาชัย หรือ 'อาจารย์อุ๋ย' นักวิชาการด้านกฎหมายและอดีตผู้สมัคร สส. กรุงเทพมหานคร เขตบางกะปิ พรรคประชาธิปัตย์ ได้แสดงความเห็นว่า

เงินหนึ่งหมื่นบาทนั้น เมื่อเทียบกับค่าครองชีพในยุคปัจจุบัน รวมกับภาระหนี้ครัวเรือนที่ประชาชนต้องแบกรับอยู่ขณะนี้ ผมคาดว่าใช้เวลาประมาณสองอาทิตย์ เงินที่ได้รับมาก็คงหมดลง เงินหนึ่งหมื่นบาทก็เหมือนตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ ที่ไม่นานก็จะละลายหายไป ซึ่งผมก็ยังไม่เห็นว่า รัฐบาลจะมีแผนระยะยาวอย่างไร เมื่อถึงเวลานั้น เพราะปัญหาเศรษฐกิจในขณะนี้ เกิดขึ้นจากหลายปัจจัยในเชิงโครงสร้าง ซึ่งสั่งสมมาเป็นเวลานาน ไม่ว่าจะเป็นความสามารถในการแข่งขันทางเศรษฐกิจของประเทศที่ถดถอย สังคมผู้สูงอายุ และที่สำคัญคือ ปัญหาหนี้ครัวเรือน โดยเฉพาะในระดับกลางและระดับล่าง ซึ่งทำให้อัตราการจับจ่ายใช้สอยหดตัวลงในระดับรุนแรง โดยเฉพาะหลังวิกฤตโควิด 

ทั้งนี้ ข้อมูลจากสำนักงานสถิติแห่งชาติ ระบุว่า ในปี 2566 ครัวเรือนทั่วประเทศ มีหนี้สินเฉลี่ยต่อครัวเรือนทั้งสิ้นครัวเรือนละ 197,255 บาท และในสิ้นปี 2567 มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นแตะระดับ 91.4% ต่อ GDP และที่น่าห่วงคือ คือ 2 ใน 3 ของบัญชีหนี้ครัวเรือนไทยเป็น ‘สินเชื่อที่ไม่สร้างรายได้’ กล่าวคือ เป็นสินเชื่อส่วนบุคคล 39% และบัตรเครดิต 29% ซึ่งเป็นหนี้เพื่อการอุปโภค ใช้แล้วหมดไป ไม่ช่วยให้มีรายได้เพิ่มหรือมีชีวิตดีขึ้นในอนาคต

ปัญหาในขณะนี้คล้ายกับปี 40 ตรงที่ว่าเป็นปัญหาเกี่ยวกับการขาดสภาพคล่อง ขาดเงินทุนหมุนเวียน เพียงแต่คราวนี้ไม่ได้เกิดกับบริษัทการเงิน แต่เกิดกับพี่น้องประชาชนในระดับกลางถึงระดับรากหญ้า แม้เม็ดเงินอาจจะไม่มากเท่าปี 40 แต่กระจายตัวเป็นวงกว้างและลึกกว่า จนส่งผลกระทบไปถึงเศรษฐกิจระดับบน ดังนั้นหนทางแก้ปัญหาประการหนึ่งคือ ต้องเปิดทางให้ลูกหนี้ในระดับบุคคลธรรมดาที่มีหนี้ไม่มาก (เช่น ไม่เกิน 1 ล้านบาท) ยื่นคำขอฟื้นฟู เพื่อปรับปรุงโครงสร้างหนี้ โดยใช้หลักการเดียวกับการยื่นขอฟื้นฟูกิจการของลูกหนี้นิติบุคคลและ SME 

ซึ่งหลักการสำคัญของการฟื้นฟูกิจการหรือฟื้นฟูหนี้ครัวเรือนสำหรับบุคคลธรรมดาก็คือ การกำหนด ‘สภาวะพักชำระหนี้’ (automatic stay) ให้อำนาจลูกหนี้จัดการสินทรัพย์ตัวเองต่อไปได้ จัดทำแผนฟื้นฟูหนี้สินเพื่อยื่นต่อเจ้าหนี้ได้ โดยไม่ต้องกังวลว่าวันไหนจะถูกเจ้าหนี้รายไหนมาฟ้องร้องหรือบังคับคดี ซึ่งปัจจุบันลูกหนี้ประเภทบุคคลธรรมดาที่ไม่ใช่ SME ยังไม่มีสิทธิดังกล่าว ซึ่งกระบวนการนี้อาจจะต้องมีการตั้งองค์กรเชิงสถาบันขึ้นมาเพื่อขับเคลื่อนสำหรับหนี้ครัวเรือนโดยเฉพาะ

และเมื่อลูกหนี้สู่กระบวนการฟื้นฟูหนี้สินแล้ว ก็จะมีเวลาหายใจ ลืมตาอ้าปาก มีกำลังใจทำงาน เพราะเริ่มเห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ หลุดพ้นจากวงจรอุบาทว์ที่ต้องก่อหนี้ใหม่เพื่อใช้หนี้เก่าอย่างไม่มีที่สิ้นสุด และสุดท้ายแล้วกำลังซื้อในระดับกลางและล่างก็จะฟื้นตัวอย่างยั่งยืน 

ผมจึงขอฝากท่านนายกแพทองธารให้เร่งผลักดันมาตรการนี้โดยเร็วครับ ด้วยความปรารถนาดี

แอดมิน 'เพจขาหมูแอนด์เดอะแก๊ง' และ 'เพจ EDU zoo say' ได้รางวัลเชิดชูเกียรติจากองค์การสวนสัตว์ฯ ในพระบรมราชูปถัมภ์

(28 ก.ย.67) องค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ จัดพิธีมอบรางวัลยกย่องเชิดชูเกียรติบุคคลที่มีผลงานดีเด่น สร้างชื่อเสียง และทำคุณประโยชน์ให้กับหน่วยงาน ให้แก่ Admin เพจขาหมูแอนด์เดอะแก๊ง และ Admin เพจ EDU zoo say

โดยเมื่อวันที่ 27 ก.ย.67 นายอรรถพร ศรีเหรัญ ผู้อำนวยการองค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย เผยว่า ได้จัดพิธีมอบรางวัลยกย่องเชิดชูเกียรติบุคคลที่มีผลงานดีเด่น สร้างชื่อเสียง และทำคุณประโยชน์ให้กับหน่วยงาน ได้แก่ (Admin เพจขาหมูแอนด์เดอะแก๊ง) นายอรรถพล หนุนดี พนักงานบำรุงและจัดการสวนสัตว์ 3 งานบำรุงสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม ฝ่ายบำรุงสัตว์ สังกัดสวนสัตว์เปิดเขาเขียว และ (Admin เพจ EDU zoo say) นางสาวอารีรัตน์ ทับทิม เจ้าหน้าที่สื่อการศึกษา 3 งานสื่อการเรียนรู้ ฝ่ายการศึกษา ในฐานะที่ได้สร้างผลงานอันเป็นประโยชน์ต่อองค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย อย่างโดดเด่นตลอดปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการส่งเสริมกำลังใจในการทำงาน สร้างแรงบันดาลใจให้บุคลากร ได้เห็นถึงความสำคัญของการทำงานเพื่อส่วนรวม สร้างค่านิยมและวัฒนธรรมองค์กร Zoogether ไปด้วยกัน ไปได้ไกล ไปกับเรา

ในการนี้ ได้รับเกียรติจาก รศ.เจษฎ์ โทณะวณิก ประธานกรรมการองค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย เป็นประธานมอบรางวัลในพิธีฯ พร้อมด้วย นายภัทระ คำพิทักษ์ กรรมการองค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย นายชวลิต ชูขจร ที่ปรึกษาคณะกรรมการองค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย รวมถึงคณะผู้บริหารองค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทยร่วมเป็นเกียรติในพิธีด้วย


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top