Thursday, 29 May 2025
NewsFeed

'อธิบดี' ปลื้ม Smart Factory & Green Product หม้อแปลง หม้อแปลง, หม้อแปลงใต้ดิน Submersible Transformer และ Unit Substation ผลิตภัณฑ์นวัตกรรมอนุรักษ์พลังงาน (NIA & BOI)

(12 ก.ย. 67) นายประจักษ์ กิตติรัตนวิวัฒน์ รองกรรมการผู้จัดการบริษัท เจริญชัยหม้อแปลงไฟฟ้า จำกัด ขอขอบคุณ นายวัฒนพงษ์  คุโรวาท  อธิบดีกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงานพร้อมคณะ ที่ให้เกียรติเข้าเยี่ยมชมศึกษาดูงาน Platform บริหารจัดการพลังงานสะอาด หม้อแปลง Low Carbon แก้ปัญหา Net Zero, Demand Response และ Saving Energy ประหยัดพลังงาน 11.5% ตอบโจทย์ด้านการประหยัดพลังงานและความมั่นคงระบบพลังงานไฟฟ้าสะอาด ของภาคอุตสาหกรรม, ผู้ประกอบการ, อาคารสถานที่, โรงพยาบาล โรงแรม เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติด้านพลังงานและด้านความมั่นคงระบบไฟฟ้า อีกทั้งได้นำเสนอเกี่ยวกับหม้อแปลงใต้ดิน  Submersible Transformer และ Unit Substation ที่มีความปลอดภัยต่อระบบไฟฟ้าสายใต้ดิน ด้านอัคคีภัย ตามมาตรฐานสากล IEC 62271-202 ณ บริษัท เจริญชัยหม้อแปลงไฟฟ้า จำกัด (สาขาสมุทรปราการและสาขาประชาอุทิศ) หม้อแปลงใต้ดิน Submersible Transformer และ หม้อแปลง Low Carbon นับเป็นนวัตกรรมใหม่ในประเทศไทยที่บริษัท เจริญชัยฯ ได้ทำการวิจัยและทดสอบตามมาตรฐานต่างๆ ทั้งจากหน่วยงานของภาครัฐและสถาบันการศึกษามาประมาณ 8 ปี พร้อมติดตั้งและใช้งานจริง Submersible Transformer ที่ได้พัฒนาขึ้นนั้น ช่วยลดปัญหาก๊าซเรือนกระจก ลดคาร์บอน รวมถึงการจัดการความมั่นคงด้านพลังงาน รวมทั้งหม้อแปลงไฟฟ้า เป็นการสร้างความมั่นคงทางระบบไฟฟ้า ป้องกันการเกิดอัคคีภัย สร้างความปลอดภัยต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน เพราะระบบไฟฟ้าใต้ดินจะมีเสถียรภาพมากกว่าระบบสายไฟฟ้าอากาศ ช่วยเสริมสร้างทัศนียภาพอันสวยงาม ไม่มีการบังหน้าร้านค้า ไม่บังหน้าบ้าน ทำให้ที่ดินมีมูลค่าเพิ่มมากขึ้น เป็นการสร้างแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ ส่งเสริมเศรษฐกิจการค้าขาย หม้อแปลง Low Carbon เป็นหม้อแปลงบริหารระบบจัดการพลังงานที่บริหารจัดการการสิ้นเปลืองให้เกิดประสิทธิภาพและมีความเสถียรภาพกับการใช้พลังงานไฟฟ้าที่มั่นคงและยั่งยืน ทำให้โรงงานอุตสาหกรรม, อาคาร สถานประกอบการ ลดค่าไฟฟ้า 5-20% (Energy Saving) ลดคาร์บอน 5-20% (Low Carbon) มากกว่า 100 ล้านตัน ลดมลพิษ (Low Emission) ทำให้อุปกรณ์อายุการใช้งานยาวนานขึ้น (Long Life Equipment) เป็นการตอบโจทย์ให้ผู้ประกอบการภาคอุตสาหกรรม สถานประกอบการ เจ้าของอาคาร ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลในการแก้ปัญหาด้านการประหยัดพลังงานและอนุรักษ์พลังงาน เพื่อเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ สังคม ประชาชนและผู้ประกอบการ ด้านความมั่นคงระบบไฟฟ้าพลังงานสะอาด

‘โซเชียล’ ชื่นชม!! ‘เจ้าของปั๊มน้ำมันลำปาง’ จิตใจงาม ประกาศให้กู้ภัยช่วยน้ำท่วมเติมน้ำมันรถฟรี 1 แสนบาท

(12 ก.ย. 67) จากกรณีที่ นายจักรี จันทร์ไพจิตร เจ้าของปั๊มน้ำมัน ปตท. สาขาอำเภองาว จังหวัดลำปาง ได้ประกาศเติมน้ำมันทุกประเภทฟรีให้กับหน่วยกู้ภัยทั่วประเทศที่จะเข้าไปช่วยเหลือชาวบ้านในพื้นที่จังหวัดเชียงรายที่ประสบอุทกภัย จำนวนเงิน 100,000 บาท หลังมีการแชร์ข่าวออกไปทำให้มีกู้ภัยได้เดินทางมาเติมน้ำมันจำนวนมาก

ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อเวลา 13.30 น. ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ปั๊มน้ำมันดังกล่าวพบกับ นายวสันต์ จันทร์ไพจิตร อายุ 45 ปี ผู้จัดการ พร้อมเปิดเผยว่า ช่วงเช้าวันนี้ นายจักรี จันทร์ไพจิตร เจ้าของปั๊มน้ำมัน ปตท. สาขาอำเภองาว จังหวัดลำปาง แจ้งให้ทราบว่าจะสนับสนุนน้ำมันให้กับกู้ภัยที่ไปช่วยชาวเชียงรายที่ประสบอุทกภัยใหญ่ จำนวน 100,000 บาท หลังจากที่โซเชียลมีการแชร์ออกไปมีกู้ภัยหลายแห่งติดต่อเข้ามาประสานเพื่อเติมน้ำมัน

ตอนนี้มีทีมกู้ภัยมากกว่า 20 กลุ่มเข้ามาใช้บริการ มียอดเติมน้ำมันกลุ่มละ 1,000-5,000 บาท ตอนนี้ยอดเติมน้ำมันทะลุไปกว่า 80,000 บาทแล้ว ซึ่งจากการพูดคุยกับกู้ภัย เขาดีใจมากที่มีผู้ใจบุญสนับสนุนงานของกู้ภัย ซึ่งตนเองก็ดีใจและขอเป็นกำลังใจให้กับชาวเชียงรายและกู้ภัยที่เข้าไปช่วยเหลือทุกคนด้วย

ด้าน สมยศ ศิลป์พูน อายุ 48 ปี ประธานกู้ภัยข่าวภาพกำแพงเพชร เปิดเผยว่า พอทราบข่าวว่าปั๊มน้ำมัน ปตท. งาว มีการสนับสนุนน้ำมันให้กับทีมงานกู้ภัยทั่วประเทศที่เข้าไปช่วยชาวจังหวัดเชียงราย

ส่วนตัวรู้สึกดีใจที่มีผู้ใจบุญอย่างนี้และถือว่าเป็นเรื่องที่ดีเพราะกู้ภัยทุกคนทำงานด้วยจิตอาสา และหากมีเจ้าของปั๊มน้ำมันท่านอื่น ๆ ตั้งแต่กรุงเทพฯ จนถึงเชียงรายมาสนับสนุนแบบนี้ก็เป็นเรื่องที่น่าชื่นชมไม่น้อย ซึ่งทีมกู้ภัยของตนเองได้นำเอาข้าวของน้ำดื่มที่คนช่วยบริจาคมารวมถึงอุปกรณ์ในการช่วยเหลือด้านกู้ภัยและเรือท้องแบนลงพื้นที่ช่วยเหลือชาวบ้านที่ประสบอุทกภัย โดยจะลงพื้นที่อำเภอแม่สายและอำเภอเมืองเชียงราย ซึ่งขณะนี้ถือว่าน้ำท่วมหนักมากและต้องขอบคุณเจ้าของปั๊มที่ใจดีด้วย

ล่าสุด เมื่อเวลา 16.00 น. ทางปั๊มน้ำมัน ปตท. สาขาอำเภองาว จังหวัดลำปาง ได้อัปเดตว่า ตอนนี้ยอดเติมน้ำมันฟรีครบ 100,000 แล้ว

'ผลสำรวจ' ชี้!! 'มะกัน' ยังเชื่อมั่นใน ‘ทรัมป์’ แม้ ‘กมลา’ ดีเบตได้ดีกว่า แต่ผิดหวัง!! ทั้งคู่ยังพูดถึง 'แผน-นโยบาย' พัฒนาประเทศได้ไม่ชัดนัก

(12 ก.ย. 67) หลังการดีเบตยกแรกของ ‘ทรัมป์-แฮร์ริส’ ผู้สื่อข่าวพีพีทีวีในสหรัฐฯ ได้สำรวจความเห็นประชาชนในวอชิงตันดีซีและรัฐแมรีแลนด์ พบชาวอเมริกันยังเชื่อมั่นในตัว ‘ทรัมป์’ มากกว่า

จากการลงพื้นที่สำรวจความเห็นประชาชนหลังการดีเบตครั้งประวัติศาสตร์เมื่อวันที่ 10 ก.ย. 67 ชาวอเมริกันมองว่า พวกเขาต้องการแผนการพัฒนาเศรษฐกิจที่ชัดเจนมากกว่าการโต้เถียงเรื่องอื่น ๆ

ด้านผลโพลล่าสุดชี้ การดีเบตในครั้งนี้ ‘กมลา แฮร์ริส’ รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ ทำผลงานได้ดีกว่าคู่แข่งอย่างอดีตประธานาธิบดี ‘โดนัล ทรัมป์’ แต่หากเจาะลึกความเชื่อมั่นแล้ว ชาวอเมริกันยังเชื่อมั่นในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของทรัมป์มากกว่า

การพบกันครั้งแรกในศึกดีเบตระหว่างแฮร์ริสจากพรรค ‘เดโมแครต’ และทรัมป์จากพรรค ‘รีพับลิกัน’ ทั้งสองได้แสดงวิสัยทัศน์ทั้งในเรื่องเศรษฐกิจที่เน้นเรื่องภาษี สิทธิการทำแท้งในผู้หญิง และบทบาทของสหรัฐฯ ในด้านการต่างประเทศ จุดยืนในการช่วยเหลือสงครามในตะวันออกกลางหรือสงครามยูเครน

นอกจากนี้ ยังมีประเด็นการจัดการแนวชายแดน และแรงงานผิดกฎหมาย ซึ่งเป็นประเด็นสำคัญที่ทรัมป์เลือกที่จะโจมตีแฮร์ริส ที่ดำรงตำแหน่งรองประธานาธิบดีในตอนนี้และรับผิดชอบโดยตรงแต่ยังไม่สามารถแก้ปัญหาได้ ด้านนางกมลาก็หันไปโจมตี โดนัล ทรัมป์กลับ ว่าเป็นผู้ที่มีคดีความติดตัวและโกหก

จากการลงพื้นที่สำรวจความเห็นประชาชนในกรุงวอชิงตันดีซีและรัฐแมรีแลนด์ พบว่า ชาวอเมริกันต้องการเห็นแผนการบริหารงานที่ชัดเจน มากกว่าการโจมตีกัน 

ไมค์ ซี จากรัฐแมรีแลนด์ กล่าวว่า การดีเบตครั้งนี้ มองโดยรวมแล้วไม่สามารถโน้มน้าวให้เปลี่ยนการตัดสินใจในการลงคะแนนเสียงเลือกประธานาธิบดีในวันที่ 5 พ.ย. 67 นี้ได้ เพราะต่างคนต่างเลี่ยงตอบคำถามและไม่มีแผน หรือแนวทางที่ชัดเจน

ไมค์ ซี ชาวอเมริกัน บอกว่า “ผมคาดหวังให้ทั้งคู่พูดถึงแผนการ และนโยบายให้ชัดเจนมากขึ้น เพราะพวกเขาไม่ได้ตอบคำถามมากนัก หรือให้ข้อมูลตามจริงในสิ่งที่พวกเขาวางไว้”

ก่อนจะเสริมว่า “ผมไม่คิดว่าการอภิปรายครั้งนี้จะทำให้สามารถเปลี่ยนผลการลงคะแนนเลือกตั้งของใครได้”

ด้านลูเซียร์ วัย 29 ปี ให้สัมภาษณ์ระหว่างเดินทางมาเที่ยวที่กรุงวอชิงตัน ดีซี มองว่า การดีเบตครั้งนี้ ทั้งสองฝ่ายมีแต่การโจมตีกันเป็นส่วนใหญ่ โดยส่วนตัวเธอมองว่า การดีเบตมุ่งแต่ถกเถียงเรื่องการต่างประเทศ โดยไม่ได้มีแผนในการดำเนินงาน หรือแก้ปัญหาการพัฒนาเศรษฐกิจภายในสหรัฐฯ

ลูเซียร์บอกว่า “ฉันคิดว่าพวกเขาโฟกัสปัญหาต่างประเทศ และอภิปรายแผนแบบนามธรรม ฉันอยากรู้แผนการพัฒนาด้านประกันสุขภาพ หรือสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตสำหรับรุ่นลูก ฉันยังไม่เห็นแผนการพัฒนาประเทศในการดีเบต”

สอดคล้องกับผลการสำรวจจาก ‘CNN Polls’ ในผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งที่เข้ารับการลงทะเบียนชมการถ่ายทอดสดศึกดีเบต ระหว่าง ทรัมป์และแฮริส ได้มองว่า หากเลือกถึงผลงานการอภิปรายบนเวทีดีเบต กมลา แฮร์ริส รองประธานาธิบดี จากเดโมแครต ทำผลงานได้ดีกว่าทรัมป์ ถึง 63% โดยหลังจากนั้น ทีมหาเสียงของแฮร์ริสได้เรียกร้องให้มีการจัดดีเบตผู้ท้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดีอีกครั้ง แต่ทรัมป์ปฏิเสธและอ้างว่า การดีเบตครั้งนี้เป็นชัยชนะของเขา 

ศึกดีเบตที่มีหัวข้อที่โจมตีทั้งสองฝ่าย โดยทรัมป์เลือกเลี่ยงตอบคำถามในหลายประเด็น ขณะที่แฮร์ริสเลือกที่จะตอบคำถามอย่างมั่นใจมากกว่า หากแตกประเด็นลงไปดูการสำรวจความเชื่อมั่นด้านการแก้ไขปัญหาในด้านต่าง ๆ แล้วนั้น ด้านปัญหาการป้องกันชายแดนและแก้ปัญหาแรงงานผิดกฎหมาย  ทรัมป์ยังเอาชนะแฮร์ริสได้กว่า 56%

รวมถึงประเด็นสำคัญด้านเศรษฐกิจ ทรัมป์ยังสามารถสร้างความเชื่อมั่นได้มากกว่า ทางด้านแฮร์ริส ได้รับความเชื่อมั่นในด้านการปกป้องประชาธิปไตย และการดูแลสิทธิสตรีให้เข้าถึงการทำแท้งถูกกฎหมาย

'ฝนหลวงฯ' นำเฮลิคอปเตอร์ ออกส่ง 'ข้าวกล่อง-น้ำดื่ม' กว่า 10 เที่ยว หลังมีผู้ที่ติดอยู่ตามบ้านเรือนและไม่ได้ทานอาหารมากว่า 2 วัน

(12 ก.ย. 67) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สถานการณ์น้ำท่วม อ.แม่สาย จ.เชียงราย เข้าสู่วันที่ 3 หลายพื้นที่น้ำเริ่มลดปริมาณลง แต่ยังคงมีหลายพื้นที่ ที่ยังเดือดร้อน ประชาชนติดอยู่ตามบ้านเรือนและไม่ได้ทานอาหารมากว่า 2 วัน

โดยกรมฝนหลวงและการบินเกษตร ได้สนับสนุนเฮลิคอปเตอร์ฝนหลวง ร่วมกับเกษตร และสหกรณ์จังหวัดเชียงราย และหน่วยงานกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในภารกิจแจกอาหาร ข้าวกล่อง และน้ำดื่ม รวมประมาณ 1,000 ชุด รวม 10 เที่ยวบิน บริเวณพื้นที่เทศบาล ตำบลแม่ยาว อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย ที่ขาดน้ำและอาหารมากกว่า 2 วัน

‘ทหาร’ แจงปมทำไม่ครบ 3 มิติ ‘โครงการเติมคนดี 1 ล้านคนให้สังคม’ ต้องซ้ำชั้น ชี้!! เพราะการทำดีไม่มีอะไรเสียหาย ควรอยู่ในกิจวัตรของ รด.ทุกคน

(12 ก.ย. 67) พล.ท.ทวีพูล ริมสาคร ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการรักษาดินแดน (นรด.) กล่าวชี้แจงถึงโครงการ ‘เติมคนดีครั้งยิ่งใหญ่ 1 ล้านคน ให้สังคม’ รด.จิตอาสา ว่า จุดประสงค์การมีโครงการดังกล่าว ต้องการปลุกพลังความดีที่มีอยู่ในหัวใจของแต่ละคน ซึ่งเชื่อว่ามีความตั้งใจที่จะทำความดีอยู่แล้ว แต่หลายคนยังอายไม่กล้าที่จะแสดงออกในสิ่งที่ดี จึงเป็นที่มาของโครงการนี้ 

โดยนักศึกษาวิชาทหาร 1 คน ไปหาสมาชิกเพิ่มจำนวน 4 คน เพื่ออัพเลเวลของตัวเอง โครงการนี้ ไม่ได้มีผลประโยชน์ใดๆ เข้ามาเกี่ยวข้องหรือใช้งบประมาณแม้แต่บาทเดียว เราทำกันด้วยใจ มีเพื่อนฝูงก็ชักจูงคนมาทำความดี 

พล.ท.ทวีพูล ยังอธิบายต่อว่า สาเหตุที่ต้องให้นักศึกษาวิชาทหาร 1 คน ชวนเพื่อน 4 คนมาทำความดี เพราะปัจจุบัน เรามีนักศึกษาวิชาทหารประมาณ 300,000 นาย อยากให้ลองนึกภาพ แต่ละคนไปชวนมาเพิ่มอีก 4 คน ลองคิดดูว่าเราสามารถเติมคนดีครบ 3 มิติ ประกอบด้วย ครอบครัว โรงเรียน สถานศึกษา และสังคม จะได้จำนวนเท่าไหร่ 

และการทำความดีไม่เรื่องยาก เช่น จัดที่นอนให้เป็นระเบียบ ทำความสะอาดบ้าน ชวนพ่อแม่ออกกำลังกาย สอนน้องทำการบ้าน หารายได้พิเศษแบ่งเบาภาระพ่อแม่ ช่วยเหลือเพื่อนฝูง แบ่งเบาภาระครูบาอาจารย์ มีความซื่อสัตย์ ตั้งใจเรียนหนังสือ ช่วยเหลือผู้พิการ ผู้สูงอายุ ข้ามถนน 

พล.ท.ทวีพูล ย้ำว่า การทำความดี อยู่ในกิจวัตรประจำวันของนักศึกษาวิชาทหารอยู่แล้ว ไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไร ส่วนที่มีการตั้งข้อสังเกตว่า หากทำไม่ครบ 3 มิติ ต้องซ้ำชั้นนั้น อยากให้เข้าใจว่า  โครงการนี้ เปรียบเสมือนวิชาหนึ่งของนักศึกษาวิชาทหาร ที่จะต้องทำให้ผ่านเกณฑ์ ครบ 3 มิติ เช่นเดียวกับการเรียนวิชาหลัก จะมีเกณฑ์ชี้วัดว่าต้องได้คะแนนเท่าไหร่ ถึงจะผ่านวิชานั้น กรณีนี้เช่นเดียวกัน ไม่มีอะไรผิดปกติ ขออย่าเอาไปบิดเบือน ขอย้ำ การให้ นศท.ทำความดีไม่ได้มีอะไรเสียหาย ในทางตรงกันข้ามกลับเป็นการเพิ่มคนดีให้สังคม

"อย่ามองว่าเป็นภาระ เราปลูกฝังสิ่งที่ดีให้กับเยาวชน ให้นักศึกษาวิชาทหาร มีความภาคภูมิใจมากกว่า ผมเชื่อว่าความดีมีอยู่ในหัวใจของทุกคน เพียงแต่ว่าไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไร ผมจึงต้องการให้ นศท.เป็นผู้ที่กระตุ้นการทำความดีที่ทุกคนต้องการทำออกมา และทำการบันทึกเพื่อเห็นผลเป็นรูปธรรม ชัดเจน จับต้องได้ เป็นการสร้างแรงบันดาลใจ เกิดการแข่งขันกันในการทำความดี และหากมีการบันทึกไว้จะเกิดประโยชน์ในระยะยาว จะเป็นเหมือน portfolio ของผู้ที่ทำความดี และสิ่งเหล่านี้จะสามารถนำไปใช้ได้ในกรณีที่ไปสมัครงานหรือสมัครเรียนต่อในสถาบันต่างๆ ซึ่งสามารถบอกได้ว่าคนๆนี้ เป็นบุคคลที่มีความเสียสละ มีสัมมาคารวะ มีน้ำใจ มีความเอื้ออาทร ต่อครอบครัว เพื่อนๆ มิตรสหาย เป็นต้น " 

พล.ท.ทวีพูล กล่าวและย้ำว่า โครงการนี้เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีให้กับสังคม สาเหตุที่ใช้ นศท. เพราะตนรับผิดชอบ นศท. ตนทำตามขีดความสามารถที่ทำได้ เพื่อให้น้องๆ นศท.มีจุดเริ่มต้น โดยมี นรด.เป็นคนปลุกกระแสในการทำความดีของ นศท. และเพื่อให้กิจกรรมนี้แพร่หลายไปสู่เพื่อนๆ ญาติๆ พ่อแม่ ผู้ปกครอง มาร่วมกันทำให้สังคมน่าอยู่ และมีความสุข ซึ่งที่ผ่านมาลูกๆ หลายคนอาจจะยังไม่เคยไปดูแลปู่ย่าตายาย แต่พอจัดกิจกรรมนี้ถึงวันหยุดมีเวลาว่างกลับไปดูแลเข็นรถเข็นให้ปู่ย่าตายาย พาไปดูของ ไปซื้อของ เดินเล่น ออกกำลังกาย ค่อนข้างได้รับคำชื่นชมกลับมา

'ปตท.' รวมพลัง 'คนเล็กเปลี่ยนโลก' ให้ยั่งยืน จัดพิธีมอบรางวัลหญ้าแฝก-ลูกโลกสีเขียว

(12 ก.ย. 67) บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) (ปตท.) จัดพิธีมอบรางวัลการประกวดการพัฒนาและรณรงค์การใช้หญ้าแฝกอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ครั้งที่ 13 และ พิธีมอบรางวัลลูกโลกสีเขียว ครั้งที่ 22 ภายใต้แนวคิด 'คนเล็กเปลี่ยนโลก' ที่สะท้อนพลังของคนเล็กๆ กว่า 7,800 คนทั่วประเทศที่สามารถเปลี่ยนแปลงโลกให้ยั่งยืนได้จากการมุ่งมั่นทุ่มเทดูแล รักษา ฟื้นฟูและอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติอันมีคุณค่า

สำหรับ พิธีมอบรางวัลการประกวดการพัฒนาและรณรงค์การใช้หญ้าแฝกอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ครั้งที่ 13 ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจาก สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงพระราชทานโล่รางวัลแก่ผู้ชนะเลิศการประกวด 

ส่วนผู้ที่ได้รับรางวัลรองชนะเลิศและรางวัลชมเชยได้รับโล่พร้อมรับเกียรติบัตรจากองค์กรร่วมจัด อันประกอบด้วยมูลนิธิชัยพัฒนา สำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ (สำนักงาน กปร.), กรมพัฒนาที่ดิน และบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) โดยมีผู้ได้รับรางวัลทั้งสิ้น 32 ผลงาน แบ่งเป็น 2 ประเภท ได้แก่ ประเภทส่งเสริมการปลูกและขยายผล 22 รางวัล และ ประเภทส่งเสริมหัตถกรรมผลิตภัณฑ์จากใบหญ้าแฝก 10 รางวัล

ขณะที่ พิธีมอบรางวัลลูกโลกสีเขียว ครั้งที่ 22 โดยสถาบันลูกโลกสีเขียว มีผู้ได้รับรางวัล 38 ผลงาน จาก 5 ประเภทผลงาน คือ ประเภทชุมชน ประเภทบุคคล ประเภทกลุ่มเยาวชน ประเภทสิปปนนท์ เกตุทัต รางวัลแห่งความยั่งยืน และประเภทงานเขียน

ด้าน ดร.คงกระพัน อินทรแจ้ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (ปตท.) กล่าวว่า “บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ในฐานะบริษัทพลังงานแห่งชาติ มีพันธกิจหลักในการสร้างความมั่นคงทางพลังงาน ควบคู่กับการดูแลสังคม สิ่งแวดล้อม และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียอย่างสมดุล ภายใต้วิสัยทัศน์ 'ปตท. แข็งแรงร่วมกับสังคมไทย และเติบโตในระดับโลกอย่างยั่งยืน' พร้อมทั้งให้การสนับสนุนการดำเนินงานการประกวดการพัฒนาและรณรงค์การใช้หญ้าแฝกอันเนื่องมาจากพระราชดำริ และสถาบันลูกโลกสีเขียวมาอย่างต่อเนื่องกว่า 20 ปี เพื่อยกย่อง เชิดชู บุคคลต้นแบบด้านการดูแลรักษาความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมของประเทศ”

ปตท. ให้ความสำคัญในการดูแลรักษาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมมาโดยตลอด การจัดงานในปีนี้เป็นโอกาสอันดีที่เครือข่ายผู้ได้รับรางวัลทั้งสองรางวัล มีโอกาสได้มาพบปะ ร่วมแสดงความยินดี แลกเปลี่ยนประสบการณ์การทำงานอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พร้อมต่อยอด ขยายผลองค์ความรู้ สร้างภาคีเครือข่ายให้เข้มแข็ง สร้างผลลัพธ์ต่อคุณภาพชีวิตที่ดีให้แก่สังคมไทยในวงกว้าง รวมพลังทำให้โลกใบนี้น่าอยู่เพื่ออนาคตที่ยั่งยืน

ระทึก!! เรือกู้ภัยฯ 'ไทด์ เอกพันธ์' ถูกซัดล่ม ระหว่างช่วยผู้ประสบภัย เคราะห์ดีทุกคนสวมเสื้อชูชีพ เผย!! รู้ว่าเสี่ยง แต่ชาวบ้านรออยู่

(13 ก.ย. 67) ผู้ใช้เฟซบุ๊ก NAKON45 อัญวุฒิ โพธิ์อำไพ ซึ่งเป็นอาสาสมัครร่วมกตัญญู ได้โพสต์คลิปไลฟ์สด อาสาสมัครลอยเกาะเรือท้องแบนที่ไหลมาตามกระแสน้ำ ระหว่างที่อาสาสมัครกู้ภัยฯ เข้าไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมบริเวณชุมชนวังทอง อำเภอแม่สาย โดยเรือนี้มี 'ไทด์ เอกพันธ์ บรรลือฤทธิ์' ทีมสื่อมวลชน และกู้ภัย รวมถึงผู้ประสบภัยนั่งมากับในเรือลำนี้ด้วย ทั้งนี้ยังมีข้อความระบุว่า "รู้แหละว่าเสี่ยง แต่ชาวบ้านรอพวกเราอยู่"

โดยขณะเกิดเหตุพบว่า ระหว่างที่ขับเรือเข้าไปพื้นที่นั้นกระแสน้ำยังคงไหลเชี่ยว จู่ ๆ เครื่องเรือดับ เพราะมีเศษหญ้า เศษผ้า เศษขยะ และกิ่งไม้ เข้าไปพันที่ตัวเครื่องยนต์ จึงทำให้ ได้ซัดเข้าตัวเรือ ทำให้เรือค่อย ๆ เอียง และล่ม ทำให้ไทด์ เอกพันธ์ ทีมสื่อมวลชน และกู้ภัย รวมถึงผู้อยู่บนเรือทุกคน จมน้ำ และถูกน้ำซัดไหลไปตามกระแส ทีมกู้ภัยทีมร่วมภารกิจได้ช่วยกันตะโกนให้ช่วยเหลือ เคราะห์ดีที่เจ้าหน้าที่สวมเสื้อชูชีพ ทำให้ทุกคนปลอดภัย ไม่ได้รับอันตราย ทราบต่อมาว่าอาสาสมัครได้รับบาดเจ็บ 1 นาย ส่วนอาสาสมัครที่เหลือปลอดภัย รวมไปถึง 'ไทด์ เอกพันธ์' ด้วย

'รมว.คลัง' รับ!! ดิจิทัลวอลเล็ต เฟส 2 แจกไม่ทันปี 67 ชี้!! ต้องดูหลายปัจจัย รวมถึงความพร้อมช่องทางการจ่าย

(13 ก.ย. 67) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงโครงการเงินดิจิทัลวอลเล็ต เฟสที่ 2 จะสามารถดำเนินการจ่ายได้วันไหน ว่า ขอดำเนินการเฟส 1 ให้เสร็จก่อน

ผู้สื่อข่าวถามว่า เฟสที่สองจะสามารถดำเนินการภายในปี 2567 ได้หรือไม่ นายพิชัยตอบว่า ”ไม่น่าจะทันครับ“

เมื่อถามว่า หากเป็นปี 2568 ในเฟสที่สอง จะสามารถดำเนินการได้ภายในเดือนใด นายพิชัย กล่าวว่า เราจะดูความต่อเนื่องอีก 2-3 เรื่อง โดยจะดูพร้อม ๆ กัน ว่าอันไหนดีที่สุด ส่วนจะได้ไตรมาสไหนนั้นจะต้องขอดูหลังจากนี้ก่อน

ส่วนการจ่ายเงินเฟสที่ 2 จะเป็นการแบ่งจ่ายอีกหรือไม่นั้น นายพิชัย กล่าวว่า ก็ต้องดูหลายปัจจัย ในความพร้อมทุก ๆ อย่าง รวมถึงความพร้อมของช่องทางการจ่ายด้วย

ผู้สื่อข่าวถามว่า งบประมาณที่เหลือจะไปดำเนินในโครงการใด หากว่าไม่นำมาใช้ในโครงการนี้ หรือมีโครงการอื่นรองรับแล้ว อย่างเช่นเรื่องการลงทุนต่าง ๆ นายพิชัย กล่าวว่า เรื่องนั้นเราถือว่ามีความสำคัญ ถ้าอะไรตัดปัญหาและสร้างความเข้มแข็งให้ประเทศก็ต้องมาที่หนึ่ง

เมื่อถามย้ำว่า การสร้างความเข้มแข็งคือ การลงทุนในระดับฐานรากใช่หรือไม่ นายพิชัย กล่าวว่า วิธีการจัดเงินก็คงต้องจัดอะไรที่สำคัญ และให้ผลต่อเนื่องอย่างเร็วที่สุด

เมื่อถามย้ำว่า เหตุใดถึงไม่สามารถจ่ายเงินในเฟสที่ 2 ได้ภายในปีนี้ นายพิชัยไม่ตอบ ก่อนเดินขึ้นตึกบัญชาการทันที

สาวร้องขอความเป็นธรรม สอบพนักงานราชการได้อันดับ 1 แต่จู่ๆ ชื่อหายไป ฟังหน่วยงานเกี่ยวข้องตอบสาเหตุถึงกับอึ้ง-โบ้ยคนจัดสอบขาดประสบการณ์

เมื่อวานนี้ (12 ก.ย. 67) ผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งได้ออกมาโพสต์ขอความเป็นธรรม หลังสอบพนักงานราชการได้อันดับ 1 แต่จู่ ๆ ชื่อของตนกลับหายไป และแทนที่ด้วยชื่อของผู้อื่นแทน โดยผู้โพสต์ระบุข้อความว่า… 

“ขอความเป็นธรรม ชื่อฉันหายไปไหน ทำไมถึงเป็นแบบนี้ ความหวังของพ่อแม่หายไปหมดแล้ว

วันที่ 7 กันยายน เดินทางเป็นร้อย ๆ กิโลฯ จากอยุธยาที่ทำงานอยู่ แบกความหวังจะกลับไปดูแลพ่อแม่ที่บ้านสระแก้ว ตั้งใจอ่านหนังสือสอบ นอนดึกทุกคืน เพื่ออนาคตของตัวเอง จนถึงวันประกาศผล น้ำตาแห่งความดีใจ ความภูมิใจ แบกความหวังที่หนัก วิ่งกอดพ่อกับแม่แบบดีใจสุดขีด

ฉันสอบติดพนักงานราชการทั่วไปอันดับที่ 1 เอกวิทยาศาสตร์ สพม.สระแก้ว ความตั้งใจของฉัน ฉันทำได้ ได้กลับมาดูแลคนแก่ที่บ้าน ลาออกจากที่ทำงาน เก็บของใช้ คืนหอพัก เตรียมตัวกลับบ้านสัปดาห์นี้แล้ว

อยู่ดี ๆ รายชื่ออันดับ 1 ของฉันหายไป เกิดอะไรขึ้น โทร.ไปถามทางต้นสังกัดได้รับแค่คำขอโทษ ไม่ได้รับคำอธิบายใด ๆ ทั้งสิ้น แล้วฉันต้องทำยังไงต่อไป ความรู้สึกของพ่อแม่ฉันใครจะเยียวยา เคว้งไปหมดเลยตอนนี้ เสียใจสุด ๆ ขอความเป็นธรรมให้ด้วยค่ะ

สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาสระแก้ว”

ล่าสุดวันนี้ (13 ก.ย. 67) นายประยงค์ สารภูมิ ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาสระแก้ว (สพม.สระแก้ว) ออกหนังสือชี้แจงถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ระบุว่า “แถลงการณ์ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาสระแก้ว เรื่อง ประกาศแก้ไขบัญชีรายชื่อผู้ผ่านการสรรหาและเลือกสรรเป็นพนักงานราชการทั่วไป ตำแหน่งครูผู้สอน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาสระแก้ว…

“ตามที่สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาสระแก้วได้ดำเนินการสรรหาและเลือกสรรเป็นพนักงานราชการทั่วไป ตำแหน่งครูผู้สอน โดยได้มีการดำเนินงานตามกระบวนการสรรหาฯ ภายหลังจากได้มีการประกาศบัญชีรายชื่อผู้ผ่านการสรรหาฯ ได้มีข้อทักท้วงเรื่องข้อสอบและคำตอบที่ถูกต้องในแต่ละข้อ ว่าหากไม่มีข้อที่ถูกต้องจะยกให้เป็นคะแนนสำหรับทุกคนหรือไม่ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาสระแก้วไม่ได้นิ่งนอนใจในเรื่องดังกล่าว จึงได้ดำเนินการทบทวนข้อสอบและคำตอบ และดำเนินการตรวจคะแนนประมวลผลใหม่ทั้งหมดทุกคน เพื่อประโยชน์ของผู้เข้าสอบทุกคน ว่ามีความคลาดเคลื่อนจากข้อเท็จจริงหรือไม่

ข้อเท็จจริงปรากฏว่า ผลคะแนนการประเมินภาค ก และภาค ข ของผู้เข้ารับการสรรหาฯ คลาดเคลื่อนไม่ตรงกับข้อมูลเดิม โดยสาเหตุเกิดจากการเฉลยคำตอบไม่มีคำตอบที่ถูกต้องและเฉลยสลับข้อ ส่งผลให้คะแนนรวมภาค ก ภาค ข และภาค ค ของผู้เข้ารับการสรรหาฯ เกิดความคลาดเคลื่อน และทำให้ลำดับที่ของผู้ผ่านการสรรหาฯ มีการเปลี่ยนแปลง โดยมีทั้งผู้ที่ได้ลำดับที่คงเดิม สูงขึ้น และลดลง และการดำเนินการจัดทำประกาศรายชื่อผู้ผ่านการสรรหาฯ ผิดพลาดไป จึงได้ประกาศแก้ไขบัญชีรายชื่อผู้ผ่านการสรรหาและเลือกสรรเป็นพนักงานราชการทั่วไป ตำแหน่งครูผู้สอน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา มัธยมศึกษาสระแก้ว จากเหตุดังกล่าว ถือเป็นความผิดพลาดบกพร่องของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา มัธยมศึกษาสระแก้ว ซึ่งเกิดผลกระทบต่อหลายฝ่าย สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาสระแก้วยอมรับในความผิดพลาดดังกล่าวนี้ และยินดีร่วมมือในการแก้ไขข้อบกพร่อง…

“อีกทั้งบุคลากรที่ดำเนินการสอบยังขาดประสบการณ์ด้านการดำเนินการสอบ เนื่องจากสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาสระแก้วเป็นเขตพื้นที่การศึกษาตั้งใหม่ ขาดแคลนบุคลากรในการปฏิบัติงานและบุคลากรส่วนใหญ่เป็นผู้บรรจุใหม่ จึงขาดประสบการณ์ในเรื่องดังกล่าว อีกประการหนึ่งด้วย ในการนี้ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาสระแก้วขออภัยเป็นอย่างสูงต่อผู้เข้ารับการสรรหาที่ได้รับผลกระทบ ตลอดจนผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง โดยจะปรับปรุงการดำเนินงานให้มีความรอบคอบรัดกุมและเพิ่มความระมัดระวังในการตรวจสอบ เพื่อมิให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นอีก”

จับ 'ลัทธิประหลาด' บุกรุกพื้นที่อุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์ สร้างเรื่องหลอกลวงให้คนนับถือ แถมมีพฤติกรรมก้าวร้าวรุนแรง

(13 ก.ย. 67) ผู้สื่อข่าวจังหวัดกาญจนบุรีรายงานว่า เมื่อวันที่ 12 ก.ย. ที่ผ่านมา นายวีระ ขุนไชยรักษ์ รองอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ในฐานะประธานคณะกรรมการแก้ไขปัญหากลุ่มคนบุกรุกพื้นที่อุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์ พร้อม นายอนันต์ โพธิ์พันธุ์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง) / นายนฤพนธ์ ทิพย์มณฑา ผู้อำนวยการสำนักป้องกัน ปราบปราม และควบคุมไฟป่า / นายพนัชกร โพธิบัณฑิต ผู้อำนวยการส่วนยุทธการด้านป้องกันและปราบปราม ผู้อำนวยการส่วนปฏิบัติการพิเศษ ผู้พิทักษ์อุทยานแห่งชาติและสัตว์ป่า (พญาเสือ) / นายคุณากร บุญเกื้อสง หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์ / นายศิริรัตน์ บำรุงเสนา นายอำเภอศรีสวัสดิ์ / พ.ต.อ.มานะ สำราญวงศ์ ผู้กำกับสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดกาญจนบุรี / พ.ต.ชาญณรงค์ อินลา ผู้ช่วยหัวหน้าฝ่ายกิจการพลเรือน กองพลทหารราบที่ 9 เจ้าหน้าที่กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช สนธิกำลังตำรวจภูธรจังหวัดกาญจนบุรี ตำรวจตระเวนชายแดนที่ 13 เจ้าหน้าที่ปกครองอำเภอศรีสวัสดิ์ ตร.บก.ปทส. และกองพลทหารราบที่ 9 ลงพื้นที่ ปฏิบัติการตรวจยึดพื้นที่และดำเนินการจับกุมกลุ่มคนบุกรุกพื้นที่อุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์ ท้องที่ บ้านองหลุ หมู่ 3 ตำบลนาสวน อำเภอศรีสวัสดิ์ จังหวัดกาญจนบุรี

นายวีระ เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากพบกลุ่มคนไม่มีสัญชาติบุกรุกบริเวณตำบลนาสวน อำเภอศรีสวัสดิ์ จังหวัดกาญจนบุรี ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์ โดยตั้งเต็นท์กระโจมใต้ต้นไม้เพื่อเป็นที่พักอาศัย ทราบว่ามีอาวุธปืนไว้คอยปกป้องคุ้มครองตนเอง พฤติกรรมก้าวร้าวรุนแรง และมีการประสานให้สมาชิกเข้ามาในพื้นที่อุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์มากขึ้นเป็นระยะ

โดยปฏิบัติการครั้งนี้ พบกลุ่มคนกะเหรี่ยงในพื้นที่อุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์ จำนวน 30 คน ประกอบด้วย ผู้ชาย 11 คน ผู้หญิง 10 คน และเด็ก 9 คน พร้อมของกลาง อาทิ ปืน 5 กระบอก เสื้อเกราะ อาวุธมีด ดาบ เลื่อยยนต์ อุปกรณ์เครื่องมือก่อสร้าง วิทยุสื่อสาร โทรศัพท์มือถือ ซึ่งกลุ่มบุคคลดังกล่าวเป็นกลุ่มลัทธิประหลาดที่หลอกลวงให้คนนับถือ ซึ่งอาจเกี่ยวข้องกับพิธีกรรมของเจ้าลัทธิประหลาด อีกทั้งประชาชนในพื้นที่ไม่เห็นด้วย สร้างปัญหา ความหวาดกลัวให้แก่ชาวบ้านในพื้นที่ และเป็นภัยต่อความมั่นคง

ทั้งนี้จะส่งผู้ต้องหาที่กระทำผิด ไปยังสถานีตำรวจภูธรศรีสวัสดิ์ จังหวัดกาญจนบุรี ในข้อกล่าวหา 

1. พระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2562 ฐานยึดถือหรือครอบครองที่ดิน ก่อสร้าง แผ้วถาง เผาป่า ตามมาตรา 19 (1) ประกอบมาตรา 41 ฐานเก็บหา นำออกไป กระทำด้วยประการใด ๆ ให้เป็นอันตราย หรือทำให้เสื่อมสภาพ ซึ่งไม้ ดิน หิน ตามมาตรา 19 (2) ประกอบมาตรา 42 ฐานเข้าไปดำเนินกิจการใด ๆ เพื่อหาผลประโยชน์ ตามมาตรา 19 (6) ประกอบมาตรา 44 ฐานนำเครื่องมือสำหรับล่าสัตว์หรือจับสัตว์ หรืออาวุธใด ๆ เข้าไป ตามมาตรา 19 (7) ประกอบมาตรา 45 ฐานเข้าไปในอุทยานแห่งชาติ ต้องปฏิบัติตามคำสั่งของพนักงานเจ้าหน้าที่ ตามมาตรา 20 ประกอบมาตรา 47

2. พระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ.2522 ฐานความผิดเป็นบุคคลต่างด้าวหลบหนีเข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต ตามมาตรา 11 ประกอบมาตรา 62 และ3.พระราชบัญญัติป่าไม้พุทธศักราช 2484 ฐานก่อสร้าง แผ้วถาง หรือเผาป่า ตามมาตรา 54,55 ประกอบมาตรา 72 ตรี

กรณีดังกล่าวนี้ นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติฯ ได้มอบหมายให้นายวีระ ขุนไชยรักษ์ รองอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติฯ ทำหน้าที่ประธานคณะกรรมการแก้ไขปัญหากลุ่มคนบุกรุกพื้นที่อุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์ ร่วมกับทุกภาคส่วน เพื่อเป็นการรักษาผืนป่าให้คงอยู่ตลอดไป และขอขอบคุณทุกฝ่ายที่ร่วมกันดำเนินการจนประสบผลสำเร็จ

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า จากการตรวจสอบข้อมูล พบว่ามียูทูบเบอร์ชาวกะเหรี่ยง รายหนึ่งได้กล่าวเอาไว้ในยูทูบ ว่า หัวหน้าที่ถูกจับกุมมีหน้าที่คล้ายผู้ที่หลอกชาวกะเหรี่ยงทำบัตร โดยอ้างว่าสามารถเดินทางได้ 196 ประเทศ ชาวกะเหรี่ยงที่หลงเชื่อเสียเงินไปคนละ 5,000 บาท หลายราย


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top