Friday, 30 May 2025
NewsFeed

🔍เช็กผลงาน ‘กระทรวงพาณิชย์’ ในรอบ 1 ปี มุ่ง ‘เพิ่มรายได้ - ลดรายจ่าย - สร้างโอกาส’ แก่ ‘เกษตรกร-ผู้ประกอบการไทย’ แก่ ‘ประชาชน-เกษตรกร-ผู้ประกอบการไทย’

1 ปี บนเก้าอี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ของ ‘นายภูมิธรรม เวชยชัย’ ก่อนจะลุกไปครองเก้าอี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม นายภูมิธรรม ได้สร้างภาพจำไว้ให้คนไทยไม่น้อย โดยได้กำหนดนโยบายในการทำงานกับกระทรวงพาณิชย์ไว้ 7 ด้าน ได้แก่ 

1.ลดค่าใช้จ่าย เพิ่มรายได้ ขยายโอกาส 
2.บริหารให้เกิดความสมดุลระหว่างผู้บริโภค เกษตรกร ผู้ประกอบการ 
3.ทำงานเชิงรุกระหว่างพาณิชย์จังหวัดและทูตพาณิชย์ 
4.แก้ไขข้อจำกัดของกฎหมายหรือปรับปรุงกฎหมายที่เก่าล้าสมัย 
5.ร่วมขับเคลื่อนนโยบายดิจิทัล วอลเล็ต 
6.เร่งผลักดันส่งออกจากติดลบให้เป็นบวก 
7.ผลักดันการใช้ประโยชน์จาก FTA 

ซึ่งปรากฏผลการทำงานประสบความสำเร็จในทุกด้าน สามารถดูแลตั้งแต่เกษตรกร ที่เป็นคนฐานรากของประเทศ ดูแลประชาชนผู้บริโภคให้มีภาระค่าครองชีพลดลง และดูแลผู้ประกอบการ โดยเฉพาะ SME ให้มีขีดความสามารถในการแข่งขันและช่วยเพิ่มรายได้

นอกจากนี้ ยังได้ตั้งคณะอนุกรรมการ ‘ทีมพาณิชย์’ เพื่อบูรณาการการทำงานของกระทรวงพาณิชย์ 9 คณะ ได้แก่ 

1. ส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพเกษตรกรเพื่อการพาณิชย์ 
2.ส่งเสริมและยกระดับ SMEs ไทย 
3.ส่งเสริมและขับเคลื่อนการค้าและเศรษฐกิจเชิงรุกไทย-จีน-อาเซียน 
4.ขับเคลื่อนการทำงานเพื่อบูรณาการตามยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์  
5.ขับเคลื่อนนโยบายโลจิสติกส์ทางการค้า 
6.พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ Big data และอินฟลูเอนเซอร์เพื่อการค้า 
7.พัฒนากฎหมายกระทรวงพาณิชย์ 
8.พัฒนาการค้าตามระเบียบการค้าโลกใหม่ 
9.สร้างการรับรู้และภาพลักษณ์กระทรวงพาณิชย์ 

นอกจากนี้ยังเน้นการทำงานเชิงรุก โดยพาณิชย์จังหวัดและทูตพาณิชย์ต้องรู้จักสินค้า เข้าใจความต้องการตลาด เข้าถึงช่องทางการค้ายุคใหม่ บริหารจัดการประโยชน์ของทุกกลุ่มทุกภาคส่วนให้มีความสมดุล ทั้งเกษตรกร ผู้ผลิต ผู้ประกอบการรายเล็ก รายกลาง รายใหญ่ และ ผู้บริโภค 

สำหรับนโยบายเพิ่มรายได้ สามารถเพิ่มรายได้ให้กับเกษตรกรเพิ่มขึ้นเกือบ 2 แสนล้านบาท จากการปรับตัวสูงขึ้นของราคาพืชผลทางการเกษตร โดยพืชหลัก ได้แก่ ข้าว ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ มัน ปาล์ม ยางพารา ช่วยเหลือเกษตรกรเกือบ 8 ล้านครัวเรือน ดูแลปริมาณผลผลิตเกือบ 90 ล้านตัน สร้างสถิติราคาซื้อขายข้าวเปลือกเจ้าได้สูงสุดในรอบ 20 ปี พืชรอง ได้แก่ ผลไม้ พืช 3 หัว และผัก ช่วยเหลือเกษตรกรเกือบ 1.5 ล้านครัวเรือน ดูแลปริมาณผลผลิตกว่า 8 ล้านตัน สร้างสถิติราคาซื้อขายสับปะรด กระเทียม หอมแดง สูงสุดเป็นประวัติศาสตร์ 

ขณะเดียวกัน ยังช่วยเพิ่มรายได้ให้เกษตรกร ผู้ประกอบการชุมชน และ SME โดยผลักดันการค้า E-Commerce ทั้งในและต่างประเทศ เกิดมูลค่าการซื้อขาย 2,347.70 ล้านบาท อาทิ ทำ MOU กับ Rakuten ญี่ปุ่น เพื่อจำหน่ายสินค้าไทย ร่วมมือกับ Amazon ขายออนไลน์ นำสินค้าไทยขายบน Shopee มียอดขาย 71.44 ล้านบาท เชื่อมโยงการท่องเที่ยวกับตลาดต้องชม 251 แห่ง เพิ่มรายได้ 1,987 ล้านบาท พัฒนาหมู่บ้านทำมาค้าขาย เพิ่มรายได้ 185 ล้านบาท ผลักดันเพิ่มมูลค่าสินค้า GI สร้างรายได้ 71,000 ล้านบาทต่อปี ใช้ร้านอาหาร Thai SELECT ในต่างประเทศเป็นโชว์รูม เพื่อเพิ่มรายได้ให้ผู้ประกอบการและผลักดัน Soft Power ทั้งอาหาร ดนตรี เชื่อมโยงร้านอาหาร Thai SELECT กับการท่องเที่ยว เพื่อเพิ่มรายได้ และเพิ่มรายได้ให้ร้านธงฟ้า จัดไปรษณีย์@ธงฟ้า อำนวยความสะดวกผู้ค้าออนไลน์ และประชาชน ให้บริการ Drop Off ให้บริการรับพัสดุแล้วกว่า 1 แสนชิ้น 

จัดกิจกรรมฟื้นฟูเศรษฐกิจ ผ่านการจัดตลาดพาณิชย์ทั่วประเทศ โดยประสานพื้นที่จำหน่ายสินค้าให้ผู้ประกอบการรายเล็ก ในช่วง 1 ส.ค.-30 ส.ค. จำนวน 318 ครั้ง มีผู้ประกอบการเข้าร่วม 4,683 ราย สร้างรายได้ 373 ล้านบาท ตั้งเป้าจัดตลาดพาณิชย์ 935 ครั้ง ในช่วง ส.ค.-พ.ย.67 คาดว่าจะช่วยเพิ่มรายได้ให้ผู้ประกอบการรายย่อยได้เป็นจำนวนมาก และยังเพิ่มรายได้ให้ผู้ประกอบการจากการเข้าร่วมงานแสดงสินค้า อาทิ HoReCa 2024, THAIFEX - Anuga Asia 2024 และ STYLE Bangkok 2024 สร้างมูลค่าซื้อขายกว่า 1 แสนล้านบาท จัด Thailand SME Synergy Expo 2024 สร้างมูลค่าการค้ากว่า 200 ล้านบาท 

ส่วนนโยบายลดรายจ่าย ได้จัดโครงการ ‘พาณิชย์สั่งลุย...ลดราคา’ ลดราคาสินค้าจำเป็น ช่วงเทศกาลสำคัญ ปีใหม่ ตรุษจีน กินเจ ก่อนเปิดภาคเรียน ลดสูงสุด 60-85% รวม 8 กิจกรรม ลดค่าครองชีพได้ 8,060 ล้านบาท และกระตุ้นเศรษฐกิจกว่า 13,400 ล้านบาท จัด ‘โครงการธงฟ้าราคาประหยัด ลดค่าครองชีพประชาชน’ จำหน่ายสินค้าจำเป็นราคาต่ำกว่าท้องตลาด 20-40% รวม 1,134 ครั้ง ลดค่าครองชีพ 130 ล้านบาท 

จัดจำหน่ายสินค้าผ่านรถโมบายในแหล่งชุมชน 450 จุด ลดค่าครองชีพ 122.09 ล้านบาท จัดโครงการร้านอาหารธงฟ้า มีจำนวน 5,607 ร้าน ลดภาระค่าใช้จ่ายประชาชนประมาณวันละ 2.63 ล้านบาท หรือ 960 ล้านบาท จัดพาณิชย์สั่งลุยราคาปุ๋ย ลดต้นทุนให้เกษตรกร 102 ล้านบาท ลดต้นทุนให้ร้านค้า ผู้ประกอบการ 14,000 ราย มูลค่า 53 ล้านบาท ด้วยการงดจัดเก็บค่าเช่าพื้นที่ในกระทรวง และขอความร่วมมือตลาดในสังกัด กทม.ไม่เก็บด้วย งดการจัดเก็บค่าลิขสิทธิ์ให้ผู้ประกอบการใช้เพลงที่มีลิขสิทธิ์ถูกต้อง ฟรี 3 เดือน ตั้งแต่ ธ.ค.66-มี.ค.67 และมอบส่วนลดค่าลิขสิทธิ์เพลง 50–55% ต่อเนื่องอีก 1 ปี ลดต้นทุนผู้ประกอบการ SME ที่ใช้งานเพลง 400,000 ราย มูลค่า 3,300 ล้านบาท และขอฝากกรมการค้ารวบรวมร้านค้า เพื่อเข้าสู่โครงการดิจิทัลวอลเล็ต 

สำหรับการขยายโอกาสทางการค้า ได้เดินหน้าเจาะตลาดหลัก โดยจีน นำเข้าผู้ประกอบการเข้าร่วมงาน CAEXPO สหรัฐฯ นำเอกชนลงนาม MOU ซื้อขายข้าวและอาหาร ญี่ปุ่น ผลักดันอาหาร ผลไม้ ผ้าไทย ซีรีส์วายในงาน Thai Festival Tokyo ฝรั่งเศส นำเอกชนเข้าร่วมงาน Cannes Film Festival 2024 คาดมูลค่าเจรจาการค้ากว่า 11,000 ล้านบาท ใช้แคมเปญ Think Thailand Next Leve ในการบุกตลาดอินเดีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เกาหลีใต้ ซาอุดีอาระเบีย และแอฟริกาใต้ รวมทั้งผลักดันการค้าชายแดน และแก้ไขอุปสรรคทางการค้า โดยเฉพาะการเจรจาเปิดด่าน เพื่อรองรับฤดูกาลผลไม้ไทย 

การลงนาม FTA ไทย-ศรีลังกา ผลักดันการเจรจา FTA ไทย-EFTA ให้แล้วเสร็จภายในสิ้นปี 2567 เปิดเจรจา FTA ใหม่ อาทิ ไทย-เกาหลีใต้ ไทย-ภูฏาน และไทย-บังกลาเทศ การรุกตลาดเมืองรอง โดยต่อยอด MOU ที่ลงนามไปแล้ว สร้างมูลค่าการค้ากว่า 5,500 ล้านบาท อาทิ ความร่วมมือกับมณฑลกานซู่ ปูซาน โคฟุ โดยนายภูมิธรรม ได้ฝากให้ รมช.พาณิชย์ทั้งสองท่าน และปลัดกระทรวงพาณิชย์ สานงานต่อด้วย 

และยังได้เพิ่มโอกาสทางการค้าผ่านกลยุทธ์ตลาดแนวใหม่ โดยใช้ซีรีส์วาย ซีรีส์ยูริ ดึงมาย-อาโป ฟรีน-เบ็คกี้ ยกระดับสินค้าชุมชน อาทิ สมุนไพร สุราชุมชน ขนมขบเคี้ยว Tie-in เข้าสู่ตลาดโลกผ่านซีรีส์ และนำเข้าร่วมงานแสดงสินค้าที่ฮ่องกง เวียดนาม ฝรั่งเศส เกิดการจับคู่ธุรกิจ 756 คู่ มูลค่า 4,102 ล้านบาท ใช้เครือข่าย KOL จีนไลฟ์สดขายสินค้าและบริการไทย เพื่อสร้างรายได้ให้คนตัวเล็ก กำหนดจัดวันที่ 25-29 ก.ย.67 คาดการณ์มูลค่า 1,500 ล้านบาท 

และได้จัดทำ MOU กับ Sinopec นำสินค้าไทยจำหน่ายใน Easy Joy ร้านสะดวกซื้อในปั๊มน้ำมัน คาดการณ์มูลค่า 1,000 ล้านบาท ภายใน 3 ปี การเจรจาธุรกิจออนไลน์ (OBM) เช่น ข้าว มันสำปะหลัง ฮาลาล สินค้าอัญมณีและเครื่องประดับ เป็นต้น คาดการณ์มูลค่ากว่า 6,000 ล้านบาท และยังทำงานเชิงรุกทูตพาณิชย์และพาณิชย์จังหวัด ขายกล้วยหอมเข้าสู่ตลาดญี่ปุ่น ขายลำไยเข้าสู่ตลาดจีน ขายมังคุดไปจีนและญี่ปุ่น และเปิดตลาดผ้าไทยในญี่ปุ่น เป็นต้น รวมไปถึงการช่วยสร้างโอกาสทางการค้า จากการใช้ประโยชน์จาก Big Data คิดค้า.com เพื่อให้เกษตรกร ผู้ประกอบการใช้ประโยชน์ มีสินค้าเกษตร 13 ชนิด เศรษฐกิจการค้ารายจังหวัด และเศรษฐกิจการค้าระหว่างประเทศ เป็นต้น มีผู้ใช้งานกว่า 220,000 คน เฉลี่ย 22,000 คนต่อเดือน

'บ.มะกัน' ชู 'อิฐดินเหนียว' พลังงานสีเขียวทางเลือกใหม่ เจาะภาคอุตสาหกรรม ชี้!! แค่ก้อนเดียว ก็เก็บพลังงานได้มากเท่าชุดแบตฯ Tesla Model X

(11 ก.ย. 67) สำนักข่าววีโอเอ รายงานว่า ‘บริษัท รอนโด เอ็นเนอร์จี’ (Rondo Energy) ในเมือง ‘อาลาเมดา’ (Alameda) รัฐ ‘แคลิฟอร์เนีย’ ได้มีการเสนอแนวคิด ‘แบตเตอรีดินเหนียว’ เป็นทางเลือกใหม่ที่อนุรักษ์สิ่งแวดล้อมสำหรับภาคอุตสาหกรรมของสหรัฐอเมริกาและของโลก

‘จอห์น โอดอนเนล’ ซีอีโอ บริษัท รอนโด เอ็นเนอร์จี อธิบายว่า “ภาคการผลิตใช้พลังงานของโลกมากที่สุด ความร้อนที่ใช้ในการผลิตสินค้า คิดเป็นหนึ่งในสี่ ของ (พลังงาน) ที่ได้จากถ่านหิน น้ำมัน และก๊าซธรรมชาติทั้งหมดในโลก”

อีกทั้งยังมีความคิดเห็นว่า พลังงานหมุนเวียนจากลมและแสงอาทิตย์เป็นพลังงานที่ผลิตได้ไม่คงที่ จึงมีแนวคิดที่จะนำวัสดุที่ผู้คนต่างละเลยอย่าง ‘อิฐดินเหนียว’ มาทำหน้าที่เป็นแบตเตอรีกักเก็บความร้อน คล้ายกับโรงงานมีแผงลวดทำความร้อนแบบเครื่องปิ้งขนมปังฝังเอาไว้

โอดอนเนล เล่าย้อนว่า ดินเหนียวเหล่านี้เป็นวัสดุที่โลกใช้มานานกว่า 200 ปีแล้วถือว่า นำเอาวัสดุที่เคยเป็นที่นิยมจากยุค 80 มาใช้ผลิตในโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานสำหรับยุคปัจจุบันในศตวรรษที่ 21

สำหรับหลักการของ ‘แบตเตอรีดินเหนียว’ นั้น ภายในจะมีลวดเหล็กในการสร้างและเหนี่ยวนำความร้อน ส่วนก้อนอิฐถูกออกแบบมาให้มีรูปทรงที่ซับซ้อนเพื่อกระจายความร้อนอย่างสม่ำเสมอและกักเก็บพลังงานไว้นานหลายวัน

พร้อมกันนั้น โอดอนเนลยังอธิบายเสริมว่า “อิฐ (ดินเหนียว) เพียงก้อนเดียว จะเก็บพลังงานได้มากเท่ากับชุดแบตเตอรีของ เทสลา โมเดล เอ็กซ์ (Tesla Model X)” ซึ่งในการสร้างคลังกักเก็บพลังงานหนึ่งจุด จะใช้อิฐดินเหนียวซ้อนกันประมาณ 3,000 ชิ้น

คลังกักเก็บความร้อนจากก้อนอิฐสามารถทำให้อากาศมีอุณหภูมิสูงกว่า 1,000 องศาเซลเซียสซึ่งภาคธุรกิจสามารถนำความร้อนดังกล่าวไปใช้ได้ในการผลิตอาหาร เชื้อเพลิงและผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ได้

ทั้งนี้ ผลงานแบตเตอรีดินเหนียวของบริษัท Rondo Energy ถูกนำไปใช้ครั้งแรกเมื่อปี 2023 ที่โรงงานเชื้อเพลิงชีวภาพ ในรัฐแคลิฟอร์เนีย

โอดอนเนลกล่าวทิ้งท้ายว่า การทดแทนระบบเผาไหม้ด้วยการใช้พลังงานจากลมและแสงแดดจะช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนที่เกี่ยวเนื่องกับการผลิตเชื้อเพลิงชีวภาพได้ถึงครึ่งหนึ่ง

ในเวลานี้ โรงงานฐานการผลิตขนาดใหญ่สำหรับแบตเตอรี่ก้อนอิฐตั้งอยู่ในประเทศไทย ขณะที่ บริษัทแห่งนี้มีแผนการสร้างโรงงานแบตเตอรีที่ใหญ่ที่สุดในโลกอยู่ และกำลังอยู่ในกระบวนการเจรจากับบริษัท EDP ผู้ผลิตพลังงานหมุนเวียนรายใหญ่ เพื่อจะทำหน้าที่จัดหาพลังงานความร้อนที่ไร้ก๊าซคาร์บอนให้กับภาคอุตสาหกรรมต่อไปด้วย

ซึ่งทั้งหมดนี้ได้ชี้ให้เห็นว่า แนวคิดพลังงานจากอิฐดินเหนียวธรรมดา ๆ นั้นอาจกำลังก้าวขึ้นมาเป็นความหวังของอนาคตของพลังงานสะอาดโลกครั้งใหม่ได้แล้ว

📌เปลี่ยน ปรับ เปิด ในกฎหมายปฏิรูปโครงสร้างราคาพลังงาน ฉบับ 'พีระพันธุ์'

🔴เปลี่ยน ให้ราคาน้ำมันปรับได้เพียงเดือนละ 1 ครั้ง 

🔴ปรับ จากราคาน้ำมันที่อิงตลาดต่างประเทศเป็นระบบ Cost Plus แทนการอ้างอิงราคาน้ำมันต่างประเทศ 

🔴เปิด โอกาสให้ผู้ประกอบการขนส่ง ผู้ให้บริการสาธารณะกุศล รวมไปถึงสหกรณ์การเกษตร การประมง สามารถจัดหาน้ำมันมาใช้ได้เอง 

'แชมป์-กษิดิศ' ขอแรงนักเจ็ตสกีทั่วประเทศ เข้าช่วยน้ำท่วมแม่สาย ตอนนี้เริ่มมีผู้เสียชีวิตแล้ว เพราะไม่สามารถเข้าไปช่วยได้ทัน

(12 ก.ย. 67) เฟซบุ๊ก แชมป์ ลอยยย' หรือ แชมป์ กษิดิศ ธีระประทีป หนุ่มดีกรีแชมป์โลกเจ็ตสกีที่ได้ลุยกระแสน้ำเข้าไปช่วยลุงเขียงหมูหรือคุณตาเต็นท์แดงได้สำเร็จนั้น ล่าสุด แชมป์ กษิดิศ ได้โพสต์ขอความร่วมมือ ระบุว่า…

"ตอนนี้เริ่มมีผู้เสียชีวิตแล้วครับเพราะว่าผมเข้าไปช่วยไม่ทันจริง ๆ ฝากถึงนักเจตสกีทั่วประเทศใครอยากมาช่วยขอด่วน ๆ เลยครับ รวมพลังนักเจ็ตสกีที่จะมาช่วยขอให้ไปแจ้งชื่อที่คุณเขียด หรือ กรรมการตัวแทนนักกีฬาท่านใดของสมาคมก็ได้ก่อนนะครับ ตอนนี้หน้างานยุ่งมาก อาจจะรับสายไม่หมดครับ แสดงพลังชาวเจตสกีกันเยอะ ๆ นะครับ"

เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา พระราชทานถุงยังชีพ ทร. ส่งเรือผลักดันน้ำ รถ AAV และมนุษย์กบ ให้การช่วยเหลือ ปชช.จากอุทกภัย จ.เชียงราย

สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา พระราชทานถุงยังชีพ แก่ประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยในพื้นที่จังหวัดเชียงราย  ด้านกองทัพเรือ จัดกำลัง พร้อมเรือผลักดันน้ำ และยานรบสะเทินน้ำสะเทินบก (รถ AAV)  และมนุษย์กบ ให้การช่วยเหลือประชาชน จนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย

พลเรือตรี วีรุดม ม่วงจีน โฆษกกองทัพเรือเปิดเผยว่า ตามที่ได้เกิดสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่จังหวัด เชียงราย ส่งผลให้มีน้ำท่วมบ้านเรือนประชาชนและพื้นที่การเกษตร ในหลายพื้นที่

การนี้ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา องค์ประธานมูลนิธิอนุรักษ์แนวปะการังและสิ่งมีชีวิตใต้ทะเลไทย ในสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ทรงห่วงใยต่อราษฎรที่ได้รับความเดือดร้อนจากอุทกภัย ในพื้นที่ต่าง ๆ จึงทรงโปรดให้กองทัพเรือ อัญเชิญถุงยังชีพพระราชทานมูลนิธิอนุรักษ์แนวปะการังและสิ่งมีชีวิตใต้ทะเลไทย ในสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา พร้อมถุงยังชีพจาก กองทัพเรือ และหน่วยงานพันธมิตรของกองทัพเรือ ประกอบด้วย การรถไฟฟ้ามหานคร และธนาคารไทยพาณิชย์ รวมจำนวน 1,100 ชุด  มอบให้กับพี่น้องประชาชนที่ประสบอุทกภัย ในพื้นที่ จังหวัดเชียงราย เพื่อบรรเทาความเดือดร้อน และให้สามารถกลับมาดำรงชีวิตได้ด้วยความปกติสุขในเร็ววัน 

โดยจะมีการมอบถุงยังชีพเพิ่มเติมในโอกาสต่อไป อีกจำนวนหนึ่ง นอกจากนี้แล้วยังจะได้มีการจัดรถครัวสนามลงพื้นที่ เพื่อเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนและเยียวยา ในเบื้องต้น

โฆษกกองทัพเรือ กล่าวต่ออีกว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น กองทัพเรือ โดยพลเรือเอก อะดุง พันธุ์เอี่ยม ผู้บัญชาการทหารเรือในฐานะผู้อำนวยการศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองทัพเรือ ได้สั่งการให้  หน่วยเฉพาะกิจเรือผลักดันน้ำกองทัพเรือ จัดกำลังพลและยุทโธปกรณ์  ให้การสนับสนุนทางจังหวัดเชียงราย ในการจัดเรือผลักดันน้ำ จำนวน 20 ลำ พร้อมกำลังพล อุปกรณ์ และยุทโธปกรณ์ ลงไปติดตั้งในพื้นที่อำเภอที่แม่น้ำอิงไหลผ่าน ประกอบด้วย อำเภอป่าแดด อำเภอเทิง อำเภอขุนตาล อำเภอพญาเม็งราย และอำเภอเชียง จังหวัดเชียงราย เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการระบายน้ำที่ท่วมขังในพื้นที่ ลงสู่แม่น้ำโขงจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย  พร้อมทั้งให้ กองเรือยุทธการ จัดชุดปฏิบัติการจาก หน่วยสงครามพิเศษทางเรือ (หรือมนุษย์กบ) และหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน จัดยานรบสะเทินน้ำสะเทินบก (AAV) ให้การช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ ทั้งการลำเลียงประชาชน และทรัพย์สิน ออกจากพื้นที่ประสบภัยและพื้นที่เสี่ยง

โดยใน ช่วงบ่ายเมื่อวานนี้ (11 กันยายน 2567 ) กำลังพลชุดแรกจาก จากหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษทางเรือ กองเรือยุทธการ ประกอบด้วย ชุดควบคุมและสนับสนุนและชุดปฏิบัติการพิเศษ พร้อมเรือยางท้องแข็งและเรือยางยุทธวิธี ได้ถูกลำเลียงโดยเครื่องบินลำเลียงแบบ C - 130 ของกองทัพอากาศ ออกเดินทางจากสนามบินอู่ตะเภา ไปยัง จังหวัดเชียงราย แล้ว นอกจากนั้น ยังได้สั่งการให้หน่วยต่างๆ ดำเนินการตามสั่งการดังนี้

- ให้ ฐานทัพเรือกรุงเทพและกรมการขนส่งทหารเรือ จัดหน่วยเคลื่อนที่ ทั้งรถบรรทุก เรือท้องแบนที่มีอยู่ทั้งหมด ขึ้นไปช่วยเหลือ โดยให้ออกเดินทางภายในวันนี้ (11 ก.ย.67)

- ให้ผู้บัญชาการหน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขง เป็นผู้รับผิดชอบ การปฏิบัติในพื้นที่ จังหวัด เชียงรายทั้งหมด
- ให้หน่วยต่างๆ ของกองทัพเรือ รวมถึงหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษทางเรือ กองเรือยุทธการ จัดชุดปฏิบัติการพิเศษ (หน่วยซีล) ให้การสนับสนุนตามที่ ศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองทัพเรือ ร้องขอ
- ให้ฐานทัพเรือกรุงเทพ จัดถุงยังชีพ สำหรับ แจกจ่ายให้กับประชาชน ผู้ได้รับผลกระทบให้ได้มากที่สุด 

นอกจากนั้น ผู้บัญชาการทหารเรือ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองทัพเรือ ยังได้สั่งการให้ ศูนย์บรรเทาสาธารณภัยพื้นที่ต่าง ๆ ของกองทัพเรือ รวมทั้งหน่วยต่าง ๆ ของกองทัพเรือ เตรียมความพร้อมในการปฏิบัติเชิงรุกทั้งด้านองค์บุคคล องค์วัตถุ และองค์ยุทธวิธี ให้มีความพร้อม ในการช่วยเหลือประชาชนได้ทันที โดยบูรณาการและประสานงานกับหน่วยงานต่าง ๆ ในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง รวมทั้งให้มีการสำรวจความเดือดร้อนและความต้องการของประชาชน พร้อมทั้งติดตามการแจ้งเตือนภัยจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิด เพื่อให้สามารถช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนให้กับประชาชน ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

โฆษกกองทัพเรือ กล่าวว่า กองทัพเรือ ยังคงเตรียมความพร้อม ทั้งกำลังพล และยุทโธปกรณ์ ที่จะให้การสนับสนุนการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยอย่างต่อเนื่อง โดยสามารถแจ้งขอความช่วยเหลือผ่านสายด่วนศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองทัพเรือ 1696 ตลอด 24 ชั่วโมง

‘ไอซ์ รักชนก’ เปิดศึกน้ำลายแซะปมน้ำท่วม 'นายกฯ แพทองธาร' ชีวิตคงไม่เคยเจอความลำบาก เลยไม่เข้าใจความรู้สึกคนอื่น

(12 ก.ย. 67) นางสาวรักชนก ศรีนอก สส.กทม. พรรคประชาชน โพสต์ข้อความทางเฟซบุ๊กว่า…

“อยากรู้ว่าคนเชียงใหม่เชียงรายที่กำลังประสบภัยน้ำท่วมจนออกจากพื้นไม่ได้ ทั้งความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่รัฐ ทั้งอาหารและน้ำไปไม่ถึงในตอนนี้ กดดูสตอรี่บนอินสตาแกรม (ไอจี) ของนายกฯ อิ๊งค์แล้วรู้สึกยังไงบ้าง อยากให้อธิบายความรู้สึก เพราะส่วนตัวเราเชื่อว่าเค้าไม่รู้จริงๆ ว่าประชาชนรู้สึกยังไง ชีวิตคงไม่เคยเจอความลำบาก มันเลยไม่เข้าใจความรู้สึกของคนที่ต้องอยู่ในสถานการณ์แบบนี้”

“เอาจริงๆ ไม่ต้องให้พ่อมาคอยสอนตลอดก็ได้ แค่คิดให้เยอะกว่านี้หน่อย ก็คงไม่มีอารมณ์จะไม่มานั่งรีโพสต์สตอรี่อวยตัวเองในช่วงเวลาแบบนี้หรอก ใจคอคนเรานะ ประชาชนรอความช่วยเหลืออยู่เป็นแสนเป็นล้าน”

ผบ.ฉก.กร.642 นำกำลังพลมอบถุงยังชีพพระราชทานฯ ให้ ปชช. ประสบอุทกภัย

ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจกองเรือยุทธการ 642 (ผบ.ฉก.กร.642) อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี พร้อมกำลังพลเดินทางเข้าพื้นที่ประสบอุทกภัย นำเรือเข้ามอบถุงยังชีพพระราชทาน และถุงยังชีพกองทัพเรือ ให้แก่ประชาชนชุมชน ต.รางจรเข้ อ.เสนา จว.พระนครศรีอยุธยา

โดยคณะ ต้องนั่งเรือไปมอบถุงยังชีพ เนื่องจากเป็นบ้านติดข้างคลอง มีคนชราและผู้ป่วยที่ไม่สามารถออกมารับถุงยังชีพในพื้นที่ที่กำหนดได้ เป็นการมอบความห่วงใย เป็นกำลังใจจาก กองทัพเรือ ที่มีให้กับประชาชนที่ประสบอุทกภัย

และขณะนี้ น้ำในคลองมีระดับน้ำเป็นปกติแล้ว และพื้นที่ทั่วไปไม่มีน้ำท่วมขัง เพียงแต่มีปริมาณน้ำที่ถูกปล่อยลงมาตามคลองต่ำกว่าปริมาณน้ำที่ส่งผ่านออกไป ถือเป็นการพร่องน้ำ เพื่อรอเวลาน้ำลดลง เมื่อวันที่ (10 ก.ย.67) เวลา 09.00 - 12.00 น. ที่ผ่านมา

สำรวจรายชื่อมหาวิทยาลัยจีน ที่ถูกมะกันหมายหัว เพราะกลัวกระทบต่อความมั่นคงของชาติสหรัฐฯ

ไม่นานมานี้ เพจ 'สะใภ้จีนbyฮูหยินปักกิ่ง' ได้แจ้งข่าวกรณีที่หลายสถาบันการศึกษาในจีนถูกหมายหัวจากสหรัฐฯ และทำให้นักเรียนสัญชาติจีนจะถูกกีดกันในการเข้าเรียนที่สหรัฐฯ โดยระบุว่า...

นักเรียนสัญชาติจีนถูกกีดกันด้านการศึกษาในสหรัฐอเมริกา โดยเฉพาะการเรียนต่อทางด้าน 'ป.โท-ป.เอก' หลังจากจบการศึกษา ป.ตรี จากมหาวิทยาลัยเหล่านี้ในจีน 

โดยสหรัฐฯ จะไม่ออกวีซ่าให้ หรือไม่ก็ถ้ามีวีซ่า แต่อาจโดนเพ่งเล็งตอนเข้า ตม.ที่ USA

ลูกใครเด็กจีน ก็คิดดี ๆ ว่าอยากให้ลูกมีสัญชาติอะไร เพราะสัญชาติมีผลต่อการเรียนต่อของลูกในอนาคต

สำหรับรายชื่อสถาบันการศึกษาจากจีนที่ถูกกีดกันจากสหรัฐฯ ประกอบไปด้วย....

1. สถาบันเทคโนโลยีปักกิ่ง
2. มหาวิทยาลัยการบินและอวกาศปักกิ่ง
3. มหาวิทยาลัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีหนานจิง
4. มหาวิทยาลัยการบินและอวกาศนานกิง
5. สถาบันเทคโนโลยีฮาร์บิน
6. มหาวิทยาลัยวิศวกรรมศาสตร์ฮาร์บิน
7. มหาวิทยาลัยสารพัดช่างนอร์ธเวสเทิร์น

‘ออสเตรเลีย’ จ่อออกกฎหมายจำกัดเด็กอายุ 14-16 ใช้งานโซเชียลฯ กระตุ้น!! 'ห่างไกลจากมือถือ-ให้ออกไปเล่นในสนามมากขึ้น'

เมื่อวานนี้ (11 ก.ย. 67) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า นายกรัฐมนตรี ‘แอนโทนี อัลบาเนซี’ ของออสเตรเลีย ออกแถลงการณ์ว่า รัฐบาลกำลังพิจารณากำหนดอายุขั้นต่ำของเยาวชนที่สามารถใช้โซเชียลมีเดียระหว่าง 14-16 ปี และจะเตรียมทดลองใช้ระบบตรวจสอบอายุในช่วงไม่กี่เดือนข้างหน้า ก่อนออกกฎหมายเพื่อบังคับใช้เกณฑ์ใหม่นี้

ผู้ปกครองหลายคนวิตกกังวลอย่างมากเกี่ยวกับพฤติกรรมของเด็กในการใช้โซเชียลมีเดีย และต้องการให้เด็กๆ ห่างไกลจากโทรศัพท์มือถือ และออกไปเล่นในสนาม ที่ผ่านมาจีน ฝรั่งเศส และอีกหลายรัฐในสหรัฐฯ ได้ผ่านกฎหมายที่มุ่งจำกัดอายุของเยาวชนที่สามารถใช้โซเชียลมีเดีย ท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับอันตรายต่างๆ ตั้งแต่ เรื่องการกลั่นแกล้งบนโลกออนไลน์ จนถึงเรื่องมาตรฐานความงามที่ไม่ตรงกับสภาพความเป็นจริง

มาตรการนี้ได้รับเสียงวิจารณ์โต้แย้งว่าเป็นการลิดรอนสิทธิการแสดงออกของเยาวชนและสร้างความเสี่ยงเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัว รวมถึงอาจเป็นการกีดกันเยาวชนจากการมีส่วนร่วมที่ดีและมีความหมายในโลกดิจิทัล และผลักให้พวกเขาหันไปสู่พื้นที่ออนไลน์ที่มีคุณภาพต่ำ

จับตา!! ร่างกฎหมายกำกับดูแลราคาน้ำมัน สกัดผู้ค้าปรับราคาตามอำเภอใจ การปฏิรูปโครงสร้างพลังงานไทยครั้งใหญ่เพื่อคนไทยจาก 'พีระพันธุ์'

(12 ก.ย. 67) เชื่อว่าหลาย ๆ คน คงจดจำโมเมนต์การเติมน้ำมันผิดวันได้เป็นอย่างดี ในวันที่เราเพิ่งเติมเต็มถัง กลับมีข่าวประกาศว่า “พรุ่งนี้น้ำมันลดราคา 30 สตางค์” หรือในวันที่เลิกงานช้าถึงบ้านดึก แล้วมาพบข่าวว่า “พรุ่งนี้น้ำมันขึ้น 60 สตางค์” 

แม้จะไม่ใช่มูลค่ามากมาย แต่ถ้าเลือกได้คงไม่มีใครอยากจ่ายแพงกว่าเดิมแน่ ๆ นี่ยังไม่รวมโมเมนต์หงุดหงิดกับราคาน้ำมันที่ถูกอ้างว่าขึ้นตามตลาดโลก แต่เวลาตลาดโลกลดลง ทำไมราคาน้ำมันในบ้านเรากลับยังเท่าเดิม จนทำให้คิดไปได้ว่า ผู้ค้าน้ำมันนึกอยากจะขึ้นก็ขึ้นใช่หรือไม่?

ประเด็นที่เกิดขึ้นนี้ จึงเป็นหนึ่งในภารกิจสำคัญที่นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ต้องการเร่งออกกฎหมายเพื่อมากำกับดูแลราคาน้ำมัน

แหล่งข่าวในกระทรวงพลังงาน มองว่า นับตั้งแต่ที่นายพีระพันธุ์ เข้ามาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานได้ 1 ปี เขาได้กลายเป็นรัฐมนตรีที่สร้างความแตกต่างไปจากอดีตรัฐมนตรีพลังงานในอดีตอย่างสิ้นเชิง 

แม้นายพีระพันธุ์จะมาจากสายกฎหมาย มิใช่ผู้บริหารระดับสูงจากบริษัทน้ำมัน และไม่มีประสบการณ์ด้านพลังงานมาก่อน แต่นายพีระพันธุ์สามารถใช้องค์ความรู้และความเชี่ยวชาญด้านกฎหมายเข้ามาจัดการแก้ไขปัญหาพลังงานที่หมักหมมมาตลอดหลายสิบปี โดยปัญหาราคาน้ำมันที่หมักหมมมาตลอดหลายสิบปี เป็นเพราะไม่มีใครสามารถรู้ราคาต้นทุนของน้ำมันเชื้อเพลิงมาก่อน ซึ่งเมื่อไม่รู้ต้นทุนที่แท้จริงก็ไม่สามารถกำหนดราคาที่เป็นธรรมได้ แต่กระทรวงพลังงานในยุคของนายพีระพันธุ์สามารถออกประกาศกระทรวงพลังงานที่กําหนดให้ผู้ค้าน้ำมันต้องแจ้งต้นทุน และมีผลบังคับใช้ในเดือนเมษายน 2567 ที่ผ่านมาแล้ว  

นอกจากประเทศไทยจะไม่เคยมีกฎหมายให้ผู้ค้าแจ้งต้นทุนราคาน้ำมันแล้ว เราก็ไม่เคยมีกฎหมายในการควบคุมการขึ้นลงของราคาน้ำมัน ซึ่งเรื่องนี้พี่น้องประชาชนเคยสงสัยกันมาตลอด สงสัยกันมานานแล้วว่า ทำไมกระทรวงพลังงานไม่ดูแลเลย นั่นเป็นเพราะกระทรวงพลังงานไม่มีกฎหมายอยู่ในมือจึงไม่มีอำนาจจะไปกำกับควบคุมการปรับราคาน้ำมันขึ้นหรือลงได้

ที่ผ่านมา ประเทศไทยมีแต่กฎหมายในการอนุญาตให้ค้าน้ำมัน แต่ไม่มีกฎหมายในการกํากับดูแลราคาน้ำมัน ซึ่งเป็นเรื่องเหลือเชื่อมาก ๆ เพราะขนาดราคาค่าไฟฟ้า ยังมีคณะกรรมการกํากับกิจการพลังงาน เป็นผู้กํากับดูแลการปรับขึ้นราคาที่ต้องสมเหตุผล ขนาดการกํากับดูแลกิจการสื่อก็ยังมี กสทช. แต่ราคาน้ำมันไม่มีการกำกับดูแล และเป็นอย่างนี้มาหลายสิบปีแล้ว จึงทำให้กระทรวงพลังงานในยุคของนายพีระพันธุ์ ลุกขึ้นมาจัดทำร่างกฎหมายเพื่อกํากับดูแลการประกอบธุรกิจการค้าน้ำมันจนเสร็จเรียบร้อยแล้ว เพื่อให้กระทรวงมีอำนาจในการดูแลราคาน้ำมัน สกัดกั้นบรรดาผู้ค้าน้ำมันที่ปรับราคาขึ้นลงตามอำเภอใจ หรืออ้างขึ้นราคาตามตลาดโลก แต่เวลาราคาตลาดโลกลดกลับไม่ลดราคาตาม

แหล่งข่าวมองว่า ภารกิจที่ท้าทายในเรื่องน้ำมันนั้น ก็คือ การผลักดันกฎหมายเรื่องสํารองน้ำมันของประเทศ เพราะที่ผ่านมาหลายสิบปี ประเทศไทยไม่เคยมีการสํารองน้ำมันของประเทศเลย ที่อ้างอิงหรือระบุว่ามีนั้นมิใช่สํารองน้ำมันของประเทศ แต่เป็นสํารองน้ำมันของผู้ค้าน้ำมัน ซึ่งนั่นเท่ากับว่า เราปล่อยให้คนทั้งประเทศและเสถียรภาพทางพลังงานทั้งหมดตกอยู่ในมือของบรรดาผู้ค้าน้ำมัน 

ดังนั้นการจัดทำระบบสำรองน้ำมันทางยุทธศาสตร์เพื่อความมั่นคงของประเทศ หรือ SPR (Strategic Petroleum Reserve) จึงเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อรักษาเสถียรภาพราคาน้ำมันให้อยู่ในระดับที่รัฐบาลสามารถควบคุมราคาได้เอง และหากสามารถผลักดันการสำรองน้ำมันของประเทศได้ นายพีระพันธุ์ก็ยังมีแผนที่จะนำน้ำมันสำรองมาดูแลแก้ไขปัญหาราคาน้ำมันแทนการใช้กลไกของกองทุนน้ำมันฯ เพื่อให้ประเทศไทยมีน้ำมันสำรอง และให้กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเปลี่ยนน้ำมันสำรองนี้มาเป็นสินทรัพย์ของกองทุน เพื่อให้การบริหารจัดการราคาน้ำมันของกองทุนน้ำมันกลายเป็นการสร้างทรัพย์สินของประเทศให้เพิ่มพูน กองทุนน้ำมันจะไม่ต้องแบกหนี้สินจากการตรึงราคาน้ำมัน และมิใช่ภาระหนี้สินของประเทศอีกต่อไป

สำหรับเรื่องพลังงานไฟฟ้า นายพีระพันธุ์ ก็กำลังผลักดันกฎหมายกำกับดูแลการติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์บนหลังคา เพื่อให้ประชาชนสามารถผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ได้ง่ายขึ้น เพราะการติดตั้งในปัจจุบันมีความยุ่งยากทั้งเรื่องขออนุญาตและการติดตั้ง ซึ่งสาเหตุก็มาจากการที่ไม่มีกฎหมาย ซึ่งพอไม่มีกฎหมาย บรรดากระทรวงและ หน่วยงานต่าง ๆ ก็บอกว่าเป็นอํานาจของหน่วยงานตนเองหมดเลย ประชาชนก็ต้องวิ่งไปขออนุญาตทุกที่ เสียเวลาเสียค่าใช้จ่าย และสร้างความยุ่งยากกว่าจะได้ติดตั้ง แต่หากกฎหมายของกระทรวงพลังงานเสร็จเรียบร้อย จะเปรียบเสมือนการปลดล็อกให้ประชาชนสามารถติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าจากโซลาร์เซลล์บนหลังคา หรือในพื้นที่บ้านได้สะดวกและง่ายขึ้น

และนอกจากการออกกฎหมายให้เข้าถึงพลังงานแสงอาทิตย์ได้ง่ายขึ้นแล้ว กระทรวงพลังงานก็กำลังหาทางช่วยให้ประชาชนเข้าถึงการใช้พลังงานแสงอาทิตย์ในราคาที่ถูกลง ด้วยการพัฒนาระบบต่าง ๆ ให้มีคุณภาพสูงแต่มีราคาถูกลง ได้แก่ ระบบแบตเตอรี่สำรอง เพราะการใช้ไฟฟ้าในตอนกลางคืนที่ไม่มีแสงแดด จะต้องใช้แบตเตอรีเก็บสํารองที่มีราคาแพงมาก กระทรวงพลังงานจึงได้มีการตั้งคณะกรรมการโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์เพื่อประชาชน ซึ่งมีการประชุมมาอย่างต่อเนื่อง โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการทดสอบแผงโซลาร์เซลล์ระบบอินเวอร์เตอร์ และระบบแบตเตอรี่สำรอง ซึ่งทั้งหมดต้องผ่านการตรวจสอบจากหน่วยงานผู้เชี่ยวชาญ เพื่อให้ได้ชุดผลิตและสำรองไฟฟ้าที่มีมาตรฐานและความปลอดภัย โดยโจทย์สำคัญที่สุดคือจะต้องทำให้มีราคาที่ประชาชนสามารถเข้าถึงได้


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top