Sunday, 1 June 2025
NewsFeed

'ต่างด้าว' ผุดศูนย์การเรียนรู้ในไทยเพียบ หวั่น!! สอนคนต่างด้าวแย่งอาชีพคนไทย

(9 ก.ย. 67) ล่าสุดไม่นานมานี้ เอย่า ได้รับข้อมูลจากหลากหลายทางถึงการเปิดศูนย์การเรียนรู้ในไทยอย่างโจ่งครึ่ม ทั้งที่ในประเทศไทยมีนโยบายให้เรียนฟรี แม้จะเป็นเด็กต่างชาติก็ตาม

แต่ทว่าก็ยังมีการเปิดศูนย์การเรียนรู้ โดยให้การศึกษาสำหรับเด็กที่ไม่เป็นไปตามหลักสูตรการศึกษาที่กระทรวงศึกษาธิการไทยกำหนด รวมถึงการฝึกงานฝึกอาชีพ เพื่อรองรับงานที่ไม่ได้เป็นไปตามข้อกำหนดของแรงงานต่างด้าวให้เข้ามาฝึกอาชีพด้วยเช่นกัน

แต่ก่อนอื่น เราควรมาทำความเข้าใจกันก่อนว่า ศูนย์การเรียนรู้ในไทย ต่างจากโรงเรียนอย่างไร  

ศูนย์การเรียนรู้ หมายถึง การจัดพื้นที่การเรียนทางกายภาพ เพื่อให้ผู้เรียนสามารถควบคุมการเรียนด้วยตนเองเป็นรายบุคคล หรือผู้เรียนในกลุ่มเล็ก ตามงานที่โปรแกรมกำหนดให้ โดยจัดเป็นคูหาหรือโต๊ะ และมีสื่อการเรียนในรูปแบบสื่อประสม ช่วยในการเรียนรู้โดยมีครูผู้สอนคอยแนะนำ  

โดยตามกฎหมายแล้วระบุไว้ว่า "ศูนย์การเรียนรู้ คือ สถานที่เรียนที่องค์กรชุมชนหรือเอกชนจัดตั้งขึ้นเพื่อจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานโดยไม่แสวงหากำไร แต่การจัดตั้งศูนย์การเรียนรู้ จะต้องได้รับความเห็นชอบจากสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา โดยสามารถจัดการเรียนการศึกษานอกระบบได้ตามอัธยาศัยตามที่ศูนย์การเรียนรู้นั้น ๆ พัฒนาขึ้น แต่จะต้องยึดหลักคือ มุ่งเรียนรู้จากสถานที่จริง เป็นแหล่งเรียนรู้ในพื้นที่หรือภูมิปัญญาท้องถิ่น"

แน่นอนว่าข้อกำหนดดังกล่าวนี้ เป็นการกำหนดกรอบกว้าง ๆ เพื่อให้ภาคเอกชนที่มีเจตจำนงที่ดีในการที่จะมอบความรู้ได้อย่างอิสระ มามอบความรู้ให้แก่ผู้สนใจ โดยใช้บ้านหรือพื้นที่ตนเองเปิดเป็นศูนย์การเรียนรู้หรือโรงเรียนปราชญ์ชาวบ้าน นั่นเอง

แต่ในปัจจุบัน ด้วยช่องโหว่ของกฎกระทรวงและความเพิกเฉยของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาหรือก็มิอาจทราบได้ ทำให้มีกลุ่มชาติพันธุ์ที่ได้บัตรประชาชนไทยมาเปิดสมาคม-มูลนิธิ เพื่อใช้เป็นแหล่งพักเงินและใช้เงินเหล่านี้ในการเปิดศูนย์การเรียนรู้ที่จะเรียกได้ว่าเป็นโรงเรียนของคนต่างด้าวที่สอนด้วยระบบของประเทศนั้น ๆ อย่างเป็นล่ำเป็นสัน 

เอย่า ทราบมาว่า ตอนนี้มีการเปิดศูนย์การเรียนรู้ในแม่สอด และอำเภอตามตะเข็บชายแดนนับร้อยศูนย์ โดยโรงเรียนเหล่านั้นไม่ได้สอนหนังสือตามแผนการศึกษาของไทยด้วยซ้ำ จนอดสงสัยไม่ได้ว่า สำนักงานพื้นที่เขตการศึกษาอนุมัติให้เปิดมาได้อย่างไร  

และเช่นกัน ก็มีรายงานอีกว่า ในมหาชัยเองและรวมถึงในหลายเขตในกรุงเทพมหานครนั้น ก็มีศูนย์การเรียนรู้แบบนี้มากมาย และสอนด้วยครูที่หลบหนีเข้าเมืองมาอย่างผิดกฎหมาย รวมถึงไม่มีใบประกอบวิชาชีพครูด้วย อีกทั้งไม่ได้สอนในหลักสูตรของไทยอีกต่างหาก  

ที่สำคัญ!! เขาสอนอะไร? เขาปลูกฝังอะไรให้คนของเขาในประเทศไทย? และไม่มีใคร-หน่วยงานไหนไปประเมินเลยหรือ? รึว่าต้องการรายงานปีละครั้งจากศูนย์การเรียนรู้ตามที่กฎกระทรวงระบุไว้ก็พอ

หลังการรัฐประหารมีรายงานว่า กลุ่มผู้อพยพเข้ามาในประเทศไทยเป็นจำนวนมาก และเหล่าสมาคม มูลนิธีที่เป็น NGO เหล่านี้ ก็ตีอกชกปีก ตั้งตัวรับคนเหล่านี้มาทำงาน ตรงนี้ถามว่าผิดกฎหมายไทยหรือไม่? เห็นแล้วก็ไม่ค่อยแปลกใจเลยว่า ทำไมองค์กรเหล่านี้ถึงพยายามจะให้สิทธิ์คนต่างด้าวลืมตาอ้าปากได้แทนที่จะผลักดันให้กลับประเทศ

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ประการสำคัญ ก็เป็นผลจากการที่เราไม่เคยเข้าไปตรวจสอบศูนย์การเรียนรู้เหล่านี้ และหากวันใดวันหนึ่งคนเหล่านี้จะลุกฮือขึ้นมายึดดินแดนไทยหรือเรียกร้องขอแบ่งแยกดินแดน แบ่งแยกการปกครอง ก็คงไม่แปลกนัก เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้กับโรงเรียนสอนศาสนาอิสลามในอดีตที่ไม่เคยมีใครกำกับดูแลก็มีให้เห็นมาแล้วว่า จนประเทศไทยต้องเสียชีวิต ทรัพยากรมากมายแค่ไหนกับการแก้ปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้

ทุกวันนี้ประเทศไทยให้โอกาสการศึกษาขั้นพื้นฐานแก่เด็กทุกชาติพันธุ์ให้ได้เรียนฟรีอยู่แล้ว ฉะนั้นคำถามคือ ณ วันนี้ เราควรต้องหันมาจัดการกำกับดูแลศูนย์การเรียนรู้พวกนี้ได้หรือยัง รวมถึงมองไปถึงกลุ่มมูลนิธิ สมาคม NGO ที่ให้การสนับสนุนว่ามีเส้นทางเงินมาจากไหน อีกทั้งกำกับดูแลการเรียนการสอนเพื่อให้ศูนย์การเรียนรู้ที่เปิดมีคุณภาพและเพื่อคนไทยหรือคนที่ต้องการจะอยู่ในไทยจริง ๆ 

ไม่ใช่โรงเรียนต่างแดนของคนพลัดถิ่นหรือที่ซ่องสุมเพื่อใช้ฟอกขาวในการเป็นคนไทยในอนาคต

'โดนัลด์ ทรัมป์' ประกาศเก็บภาษี 100% หากประเทศใดเลิกใช้ดอลลาร์ในการค้าขาย

(9 ก.ย. 67) สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า แถลงการณ์ของทรัมป์เกิดขึ้นหลังจากที่อดีตประธานาธิบดีสหรัฐและที่ปรึกษาเศรษฐกิจของเขาหารือกันเป็นเวลานานหลายเดือนเกี่ยวกับแนวทางในการลงโทษพันธมิตรหรือศัตรูที่แสวงหาวิธีดำเนินการทางการค้าทวิภาคีด้วยสกุลเงินอื่นที่ไม่ใช่ดอลลาร์ ทรัมป์กล่าวว่าดอลลาร์ถูกโจมตีอย่างหนักมาเป็นเวลา 8 ปีแล้ว

“ถ้าคุณเลิกใช้เงินดอลลาร์สหรัฐฯ คุณก็ไม่ได้ทำธุรกิจกับสหรัฐฯ เพราะเราจะเรียกเก็บภาษีสินค้าของคุณ 100 เปอร์เซ็นต์” โดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวในการชุมนุมที่วิสคอนซิน พร้อมให้คำมั่นว่าจะทำให้ประเทศต่าง ๆ จ่ายเงินชดเชยกรณีเลิกใช้เงินดอลลาร์สหรัฐฯ

ขณะที่ จีน อินเดีย บราซิล รัสเซีย และแอฟริกาใต้ หารือเกี่ยวกับการเลิกใช้ดอลลาร์ในการประชุมสุดยอดเมื่อปีที่แล้ว

อิทธิพลของเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ในการค้าและการเงินระหว่างประเทศเผชิญกับความท้าทายที่เพิ่มมากขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา กระแสที่เรียกว่า de-dollarisation หมายถึงกระบวนการที่ประเทศต่าง ๆ ตั้งเป้าหมายที่จะลดการพึ่งพาเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ในฐานะสกุลเงินหลักของโลก

ความพยายามในการยกเลิกการใช้ดอลลาร์ผ่านความคิดริเริ่ม เช่น กลุ่ม BRICS (บราซิล รัสเซีย อินเดีย จีน และแอฟริกาใต้) กำลังเผชิญกับความท้าทายที่สำคัญ ทำให้การบรรลุฉันทามติเกี่ยวกับสกุลเงินร่วมและนโยบายการเงินทำได้ยาก

แม้ว่าการครอบงำของดอลลาร์จะลดลงในช่วงหลายทศวรรษที่ผ่านมา แต่สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐยังคงคิดเป็น 59% ของทุนสำรองเงินตราต่างประเทศอย่างเป็นทางการในไตรมาสแรกของปี 2024 เงินยูโรเป็นอันดับสองที่เกือบ 20% ตามข้อมูลของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ การค้าโลกประมาณครึ่งหนึ่งมีสกุลเงินดอลลาร์ ตามข้อมูลของธนาคารเพื่อการชำระหนี้ระหว่างประเทศ

ระยะหลังอินเดียกำลังผลักดันความพยายามที่จะเพิ่มการชำระเงินทางการค้าด้วยเงินรูปีและลดการพึ่งพาเงินดอลลาร์มากขึ้น ซึ่งเป็นความทะเยอทะยานที่หลบเลี่ยงประเทศต่าง ๆ ส่วนใหญ่

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานเมื่อปีที่แล้วว่า โรงกลั่นในอินเดียได้เริ่มชำระเงินค่าน้ำมันรัสเซียส่วนใหญ่ที่ซื้อผ่านผู้ค้าในดูไบด้วยสกุลเงินเดอร์แฮม สกุลเงินที่ใช้ในประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์แทนที่จะเป็นสกุลเงินดอลลาร์

อินเดีย เริ่มทำการค้าเงินรูปีกับประเทศเพื่อนบ้าน รวมทั้งเนปาลและภูฏาน กลไกการค้าเงินรูปีได้รับการริเริ่มขึ้นเพื่ออำนวยความสะดวกในการค้าสกุลเงินประจำชาติกับรัสเซีย ในขณะที่ศรีลังกาได้รวมเงินรูปีไว้ในรายชื่อสกุลเงินต่างประเทศที่กำหนดไว้

ผู้ติดตามอินสตาแกรม ‘กามิน’ ลดฮวบ เหลือ 3.7 แสนคน จากเดิม 4.5 แสนคน

(9 ก.ย. 67) จากกรณีดรามาระหว่างสาวเกาหลีใต้ ‘จี กามิน’ กับอดีตคู่จิ้นอย่าง ‘แน็ก ชาลี ไตรรัตน์’ จนทำให้เกิดกระแสวิจารณ์อย่างหนักหน่วงในโลกออนไลน์ หลังฝ่ายชายออกมาไลฟ์แฉพฤติกรรมสารพัด

ล่าสุดผู้สื่อข่าวรายงานว่า ยอดผู้ติดตามอินสตาแกรมของฝ่ายหญิง @mmini.j ที่เคยมีคนติดตามประมาณ 4.5 แสนผู้ติดตามนั้น ในขณะนี้ปรากฏว่ายอดผู้ติดตามได้ลดลงมาเหลือเพียงประมาณ 3.7 แสนผู้ติดตาม เรียกว่าลดฮวบไปกว่า 8 หมื่นผู้ติดตามแล้ว

ประธานวุฒิสภาพร้อมด้วยสมาชิกวุฒิสภา ร่วมกับสมาพันธ์ออฟโรดแห่งประเทศไทย ลงพื้นที่ช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม จังหวัดน่าน

เมื่อวันที่ (7 ก.ย. 67) นายมงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภา พร้อมด้วย นางสาวเกศกมล เปลี่ยนสมัย นายมังกร ศรีเจริญกูล นางวาสนา ยศสอน สมาชิกวุฒิสภา ร่วมกับสมาพันธ์ออฟโรดแห่งประเทศไทย นำสิ่งของช่วยบรรเทาความทุกข์ยากของพี่น้องประชาชนชาวจังหวัดน่าน ซึ่งได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัย

โดยได้ลงพื้นที่ให้กำลังใจ ร่วมกับชมรมผู้ใช้รถยนต์ออฟโรด ภายใต้กิจกรรม “ออฟโรดรวมใจ ช่วยโรงเรียนน้อง ผู้ประสบภัยน้ำท่วม“ ซึ่งได้รวมตัวกันบริจาคเงินและสิ่งของที่จำเป็น อาทิ ข้าวสาร อาหารแห้ง น้ำดื่ม ผ้าอ้อมผู้ใหญ่ ชุดนักเรียน อุปกรณ์การเรียนการสอน เครื่องปริ้นเตอร์ อุปกรณ์กีฬา ถุงยังชีพ เป็นต้น เพื่อมอบให้แก่โรงเรียนที่ประสบภัยในพื้นที่อำเภอท่าวังผา อำเภอทุ่งช้าง และอำเภอปัว จังหวัดน่าน จำนวน 10 โรงเรียน รวมมูลค่าประมาณกว่า 400,000 บาท โดยประธานวุฒิสภา ได้กล่าวว่า การลงพื้นที่ในครั้งนี้ เพื่อสังเกตการณ์กรณีน้ำท่วมฉับพลันในพื้นที่จังหวัดน่าน ซึ่งได้เห็นการทำงานของหน่วยงานและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับการแก้ไขปัญหาอุทกภัย ในการเตรียมความพร้อมทั้งก่อนเกิดและขณะเกิดสถานการณ์ รวมทั้งการแก้ไขเยียวยาฟื้นฟูสถานการณ์ภายหลังเกิดอุทกภัยได้อย่างรวดเร็ว และเพื่อไปให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ ครู นักเรียน และพี่น้องที่ประสบอุทกภัย โดยการนำความห่วงใยของสมาชิกวุฒิสภาลงไปสู่ประชาชน ซึ่งได้ไปร่วมกับพี่น้องชาวออฟโรดจากจังหวัดต่าง ๆ บริจาคสิ่งของที่จำเป็นด้วยจิตอาสาที่ต้องการทำความดีแทนคุณแผ่นดิน แบ่งปันความสุข บรรเทาทุกข์ในฐานะเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน

'กัณวีร์' วอน!! สังคมเปิดใจ ปมปิดศูนย์เรียนรู้ลูกแรงงานเมียนมา หวั่น!! กระทบเด็กอีก 2 หมื่นคน เข้าไม่ถึงสิทธิการศึกษา

(9 ก.ย. 67) นายกัณวีร์ สืบแสง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเป็นธรรม กล่าวถึงเหตุการณ์การปิดศูนย์การเรียนมิตตาเย๊ะ บางกุ้ง อ.เมือง จ.สุราษฎร์ฯ ที่ทำหน้าที่เป็นศูนย์ประสานงานจัดการศึกษาให้เด็กเคลื่อนย้ายถิ่นฐานจากประเทศเมียนมาใน จ.สุราษฎร์ธานี โดยมีเด็กมากกว่าพันคน แต่ศูนย์การเรียนรู้แห่งนี้ไม่ได้จดทะเบียนเป็นศูนย์การเรียนรู้ตามมาตรา 12 แห่ง พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาตินั้น กำลังถูกพูดถึงในแวดวงการศึกษา วงกฎหมาย คนทำงานด้านสิทธิมนุษยชน มนุษยธรรม และสังคมในวงกว้างโดยทั่วไป

นายกัณวีร์ กล่าวว่า กรณีนี้มีความคิดแตกต่างหลากหลาย หากมองในมุมกฎหมายแล้ว ถ้าไม่จดทะเบียนให้ถูกต้องตามกฎหมายที่มีอยู่ ต้องมีความผิดและ มีโทษปิด ปรับ ดำเนินคดีต่อผู้เกี่ยวข้องทุกคน

“แต่หากมองมุมกว้าง ๆ ขอให้ทุกคนเปิดใจในเรื่องดังกล่าวจากเหตุการณ์ การ ‘ร้องเพลงชาติพม่า’ กันก่อนนะครับ มองให้ดีครับ ตามข่าวที่ออกมา มีศูนย์การศึกษาอย่างนี้ที่ดูแลเด็ก ๆ ซึ่งเป็นลูก ๆ ของแรงงานข้ามชาติและผู้ลี้ภัยจากเมียนมาทั้งหมด 63 แห่งทั่วไทย ที่ดูแลเด็ก ๆ ทั้งหมดเกือบสองหมื่นคน และยังมีอีกส่วนมากที่ยังไม่ได้เข้าระบบ และในขณะเดียวกันระบบการศึกษาของไทยก็ไม่สามารถโอบรัดเด็กจำนวนหลายหมื่นคนที่ยังมีพื้นฐานที่แตกต่างกับเด็กไทยเข้าระบบด้วยเช่นกัน” นายกัณวีร์ กล่าว

นายกัณวีร์ กล่าวว่า มีเด็กที่เป็นลูกของแรงงานข้ามชาติและผู้ลี้ภัยจากเมียนมา ที่เรียนอยู่ในศูนย์การเรียนรู้ 63 แห่ง มีจำนวนกว่า 2 หมื่นคน หากเจ้าหน้าที่ตามไล่ปิด แล้วจะเกิดอะไรขึ้น ตนเองจึงขอตั้งคำถามว่า ยิ่งปิด จะยิ่งหายไปหรือไม่ ปิดแล้วใครได้ประโยชน์ เด็กประมาณ 2 หมื่นคน หรือสังคมไทยจะได้ประโยชน์อะไร ปิดแล้วหากเด็ก ๆ สองหมื่นคนนี้เดินทางกลับประเทศต้นกำเนิดไม่ได้ สามารถเข้าสถานศึกษาในไทยได้ไหมหากเข้าไม่ได้ พวกเขาจะเป็นกลุ่มคนที่มีคุณภาพอย่างไร แล้วหากต้องอยู่ในไทยอีกหลายสิบปีหรือตลอดไป และไม่สามารถเข้าถึงการศึกษาได้ เขาจะเป็นอะไรในสังคมไทย จะส่งผลที่ดีต่อสังคมไทยหรือไม่ หากพวกเขายังไงก็ต้องอยู่ในสังคมไทย เอาพวกเขาเข้ามาเป็นประชากรที่มีคุณภาพของไทยดีกว่าหรือไม่

“เราต้องเริ่มตอบคำถามทีละคำถามด้วยใจที่เปิดกว้างครับ แล้วเราจะเห็นคำตอบที่ปลายทางด้วยตัวคำตอบในแต่ละคำถามมันเอง โดยปราศจากอคติใด ๆ ครับ ต้องถือโอกาสนี้ในการจัดระบบศูนย์การศึกษาต่าง ๆ เหล่านี้ทั้งระบบไปเลยครับ หากเค้าไปไหนไม่ได้ ทำให้ถูกต้องเข้าระบบ ตรวจสอบ และสนับสนุนตามนโยบายการศึกษาของเรา ผู้ปกครองพวกเค้าที่เป็นแรงงานข้ามชาติต้องนำบุตรเข้าระบบอย่างถูกต้องและต้องไม่เป็นภาระให้ใครอีกต่อไป ยืนด้วยขาตัวเอง” นายกัณวีร์ กล่าว

นายกัณวีร์ กล่าวว่า เหมือนหลาย ๆ เรื่องที่มีอยู่ในไทยมาอย่างยาวนานแต่เราเอามาอยู่ใต้พรมตลอดเวลาเป็นหลายทศวรรษ ทำให้เกิดการกวาดล้างเป็นเทศกาล แต่ไม่เคยหายไปอย่างมีประสิทธิภาพในการแก้ไขปัญหา สุดท้ายผู้ที่ได้รับผลกระทบคือ กลุ่มเปราะบางที่ควรจะมีการบริหารจัดการที่ดีกว่านี้ ที่มีประสิทธิภาพและสร้างประสิทธิผลได้มากกว่านี้ และพวกเขาจะกลับมาช่วยพัฒนาสังคมที่พวกเค้าเข้ามาอยู่อย่างสร้างสรรค์

“ตามที่ผมได้พูดไว้เสมอครับ เปลี่ยนภาระ ให้เป็นพลัง จะตามเรื่องนี้ให้ติดอีกเรื่องหนึ่งครับ ถึงแม้จะมีเสียงเดียวในสภาฯ แต่จะพยายามทำให้เต็มที่ครับผม” นายกัณวีร์ กล่าว

'สุรพงษ์' เคาะ!! เซ็นสัญญารับเหมาช่วงสร้างรถไฟความเร็วสูงอยุธยา ต.ค.นี้ ไม่รอผล 'ผ่าน-ไม่ผ่าน' มรดกโลก ต้องก่อสร้างต่อไปตามเดิม ไม่มีการย้ายแนว

(9 ก.ย. 67) นายสุรพงษ์​ ปิยะโชติ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยถึงความคืบหน้าการก่อสร้างโครงการรถไฟความเร็วสูงไทย-จีน ระยะที่ 1 ช่วงกรุงเทพฯ-นครราชสีมา ระยะทางรวม 250.77 กม. วงเงินลงทุน 179,412.21 ล้านบาท ว่า จากงานโยธาทั้งหมด 14 สัญญา ขณะนี้ยังเหลืออีก 2 สัญญาที่ยังไม่ได้เริ่มก่อสร้าง คือ สัญญา 4-5 ช่วงบ้านโพ-พระแก้ว ที่มีประเด็นสถานีอยุธยา ซึ่งแนวทางขณะนี้คือต้องเดินหน้าลงนามสัญญาก่อสร้างที่ได้ประกาศผลผู้ได้รับคัดเลือกไว้นานแล้ว โดยหลังรัฐบาลแถลงนโยบายต่อรัฐสภา และคณะรัฐมนตรี (ครม.)​ ชุดใหม่ปฏิบัติหน้าที่อย่างเป็นทางการ ตนจะนำเรื่องนี้หารือกับ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เพื่อตัดสินใจ คาดว่าจะสามารถลงนามสัญญาได้ภายในเดือน ต.ค. 2567

ส่วนกรณีผลกระทบมรดกโลกช่วงสถานีอยุธยา การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ได้มีการศึกษารายงานการประเมินผลกระทบต่อแหล่งมรดกโลก หรือ Heritage Impact Assessment (HIA) เสร็จแล้ว และสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) จัดส่งรายงานให้ยูเนสโกตามขั้นตอนครบถ้วนแล้ว การปรับแบบและดำเนินการตามที่ยูเนสโกร้องขอเพื่อไม่ให้กระทบต่อความกังวล เช่น มีการปรับลดความสูงโครงสร้างจาก 19 เมตร เหลือ 17 เมตรแล้ว แนวเส้นทางอยุธยาสร้างบนเขตทางรถไฟ ที่ไม่ได้อยู่ในเขตพื้นที่มรดกโลกที่ได้รับการขึ้นทะเบียนกับยูเนสโก แต่อยู่ห่างออกไป 1.5 กิโลเมตร และมีแม่น้ำป่าสักคั่นอยู่ เป็นบับเบิลโซน

“ไม่ว่าผลมรดกโลกจะพิจารณาออกมาอย่างไร จะผ่านหรือไม่ผ่าน โครงการรถไฟความเร็วสูงสายนี้ก็ต้องก่อสร้างต่อไปตามเดิม ไม่มีการย้ายแนว เพราะจะทำให้งบประมาณเพิ่มและต้องใช้เวลาเพิ่มอีก 10 ปี จึงเป็นเหตุผลที่ต้องตัดสินใจลงนามสัญญาก่อสร้าง เพราะไม่ว่าทางมรดกโลกจะผ่านหรือไม่ผ่านก็ต้องก่อสร้าง และไทยได้ดำเนินการตามขั้นตอนมรดกโลก เพื่อลดความเสี่ยงไปครบทุกอย่างแล้ว เชื่อว่าจะไม่มีปัญหา และที่ต้องหารือกับนายกฯ ก่อนเพราะว่าเรื่องนี้มีหน่วยงานและกระทรวงอื่นเกี่ยวข้องด้วย” นายสุรพงษ์กล่าว

สำหรับสัญญา 4-5 ช่วงบ้านโพ-พระแก้ว ระยะทาง 13.30 กม. วงเงิน 9,913 ล้านบาท ที่ผ่านมาคณะกรรมการ (บอร์ด) รฟท.ได้อนุมัติการสั่งจ้างบริษัท บุญชัยพาณิชย์ (1979) จำกัด ไว้แล้ว ซึ่งในเงื่อนไขให้ก่อสร้างแนวเส้นทางก่อน เว้นสถานีไว้รอเรื่องมรดกโลก และเมื่อปรับลดขนาดสถานีลงจะทำให้ค่าก่อสร้างลดลงไปด้วย

ส่วนสัญญา 4-1 ช่วงบางซื่อ-ดอนเมือง ระยะทาง 15.2 กม. ที่มีประเด็นโครงสร้างร่วมกับรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน (ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา) นั้น ในส่วนของรถไฟไทย-จีน ตกลงที่ปรับสเปกลดความเร็วจาก 250 กม./ชม. เป็น 160 กม./ชม. ในช่วงดังกล่าว ส่วนการก่อสร้างตามสัญญาทางอีอีซี โดยบริษัท เอเชีย เอรา วัน จำกัด (ซี.พี.) เป็นผู้ก่อสร้างทั้งหมด ซึ่งคาดว่าจะได้ข้อสรุปเพื่อเดินหน้าเร็ว ๆ นี้

ขณะที่สัญญา 3-2 (งานก่อสร้างอุโมงค์มวกเหล็กและลำตะคอง) ซึ่งเกิดอุบัติเหตุถล่มทรุดตัวระหว่างก่อสร้างนั้น งานอุโมงค์สัญญานี้มีการก่อสร้างเร็วกว่าแผน คือ ทำได้ 70% ขณะที่แผนกำหนด 50% ยังไม่น่ากังวล

นายสุรพงษ์กล่าวว่า นอกจากปัญหาทางการก่อสร้างแล้วยังพบว่างานบางสัญญาที่ล่าช้าเพราะผู้รับเหมาขาดสภาพคล่อง ซึ่งจะให้ รฟท. เชิญผู้รับเหมาเหล่านั้นมาพูดคุยหาทางแก้ปัญหา เช่น ต้องการให้รัฐบาลช่วยเหลืออย่างไรเพื่อให้เข้าพื้นที่ก่อสร้างให้เร็วที่สุด ขณะนี้แผนงานและเป้าหมายงานโยธาทั้ง 14 สัญญาจะต้องแล้วเสร็จต้นปี 2571

“ให้ รฟท.ประชุมใหญ่งานโยธา 14 สัญญาเอามาอัปเดตแก้ปัญหาอุปสรรคให้หมด และจัดทำไทม์ไลน์งานโยธาให้แล้วเสร็จในเวลาเดียวกัน เพื่อให้วางระบบราง ระบบไฟฟ้าและเครื่องกล รวมทั้งจัดหาขบวนรถไฟ และจัดฝึกอบรมบุคลากร (สัญญา 2.3) ที่ผ่านมาต่างคนต่างทำ แต่จากนี้ต้องทำงานเป็นทีม ซึ่งหลังโยธาเสร็จระบบจะทดสอบประมาณ 1 ปี หรืออาจจะเร่งรัดกว่านั้น เป้าหมายอยากเปิดเฟสแรกกลางปี 2571

ส่วนโครงการระยะที่ 2 ช่วงนครราชสีมา-หนองคาย ระยะทาง 357.12 กม. กรอบวงเงิน 341,351.42 ล้านบาท หลังแถลงนโยบายที่รัฐสภาเสร็จจะเร่งนำเสนอเข้า ครม.ได้ ตามแผนคาดว่าจะเปิดประมูลได้ในต้นปี 2568 ระหว่างเดือน ก.พ. 68 ถึง ต.ค. 2568 (ระยะเวลา 9 เดือน) เริ่มก่อสร้างโครงการฯ เดือน พ.ย. 2568 คาดแผนงานใช้ระยะเวลาก่อสร้าง 72 เดือน คาดว่าเปิดให้บริการ พ.ย. 2574

นายสุรพงษ์กล่าวถึงแผนการเปิดและเปิดเดินรถว่า รฟท.ตั้งงบปี 68 ประมาณ 10 ล้านบาทเพื่อจัดจ้างที่ปรึกษาศึกษารูปแบบเดินรถที่เหมาะสม ใช้ระยะเวลาศึกษา 6 เดือน คาดว่าเดือน มี.ค. 2568 จะเห็นภาพชัดเจนว่าจะเดินรถรูปแบบใดเหมาะสมที่สุด รวมถึงอัปเดตเทคโนโลยีให้เป็นปัจจุบันที่สุดด้วย เพราะรถไฟไทย-จีน ดีเลย์ จากแผนระบบและเทคโนโลยีที่เลือกไว้ก่อนหน้านี้อาจจะไม่เหมาะกับปัจจุบันแล้ว เบื้องต้นน่าจะเป็นรูปแบบ PPP เข้ามาบริหารจัดการเดินรถและซ่อมบำรุงตลอดเส้นทางตั้งแต่กรุงเทพฯ -นครราชสีมา-หนองคาย เพราะ รฟท.มีข้อจำกัดทางด้านบุคลากรรถไฟ และประสบการณ์

สำหรับมติ ครม.เมื่อปี 2560 ที่ให้กระทรวงคมนาคมศึกษา องค์กรพิเศษเพื่อเดินรถ และระบบที่เป็นข้อตกลงผูกพันจากรัฐบาลชุดก่อน ซึ่งบางเรื่องต้องไปต่อ แต่บางเรื่องอาจต้องอัปเดตเทคโนโลยี แต่ยังเป็นมาตรฐานจีน เพราะเส้นทางนี้ต้องเชื่อมต่อสปป.ลาว และจีนเป็นโครงข่าย

ปิดฉากงดงาม!! 'พาราลิมปิกไทย' โกย 6 ทอง 11 เงิน 13 ทองแดง กองทุนกีฬาฯ เตรียมจัดเงินอัดฉีดทัพนักกีฬารวม 135 ล้านบาท

(9 ก.ย. 67) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การแข่งขันพาราลิมปิกเกมส์ 2024 ที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส เมื่อวันที่ 8 กันยายน เป็นวันสุดท้ายของการแข่งขัน โดยมีนักกีฬาไทย ลงชิงชัยในกีฬา เรือแคนู 200 เมตรชาย VL2 รอบรองชนะเลิศ ฮีตที่ 2 สันติ วรรณทวี พายเข้าเส้นชัยเป็นอันดับที่ 5 ด้วยเวลา 1:01.8 นาที ไม่ผ่านไปชิงเหรียญทอง

ส่วนประเภท คายัค 200 ม. 1 ฝีพาย หญิง คลาส KL2 รอบจัดอันดับ ปรากฏว่า วาสนา คูทวีทรัพย์ เข้าเส้นชัยเป็นอันดับ 4 ด้วยเวลา 1:04.55 นาที จบที่ 12 ในพาราลิมปิกครั้งนี้ โดยวันสุดท้ายไม่มีเหรียญรางวัลเพิ่ม

สรุปผลงานทัพไทย ในพาราลิมปิกเกมส์ 2024 คว้าไปแล้ว 6 เหรียญทอง, 11 เหรียญเงิน และ 13 เหรียญทองแดง นับเป็นผลงานดีสุดในประวัติศาสตร์ ของการร่วมแข่งขันพาราลิมปิกเกมส์ ดีกว่าผลงานเดิม 6 ทอง 6 เงิน 6 ทองแดง เมื่อปี 2016 ที่บราซิล 

6 เหรียญทอง มาจาก วีลแชร์เรซซิ่ง 400 เมตรชาย คลาส T53 พงศกร แปยอ, บอคเซีย บุคคล BC2 ‘เจมส์’ วรวุฒิ แสงอำภา, วีลแชร์เรซซิงชาย 100 เมตร คลาส T34 ‘บีม’ ชัยวัฒน์ รัตนะ, ฟันดาบ เซเบอร์ บุคคลหญิง คลาส B สายสุนีย์ จ๊ะนะ, ฟันดาบ ฟอยล์ บุคคลหญิง คลาส B สายสุนีย์ จ๊ะนะ, ฟันดาบ เอเป้ บุคคลหญิง คลาส B สายสุนีย์ จ๊ะนะ

11 เหรียญเงิน จาก เทเบิลเทนนิส คู่ผสม คลาส XD7 ยุทธจักร กลิ่นบานชื่น-วิจิตรา ใจอ่อน, เทเบิลเทนนิส ชายคู่ คลาส MD14 รุ่งโรจน์ ไทยนิยม-พิสิษฐ์ หวังผลพัฒนศิริ, วีลแชร์เรซซิ่ง 400 เมตรชาย คลาส T54 อธิวัฒน์ แพงเหนือ, แบดมินตันหญิงเดี่ยว คลาส WH1 ‘ปุ๊’ สุจิรัตน์ ปุกคำ, วีลแชร์ เรซซิ่ง 100 เมตร T54 อธิวัฒน์ แพงเหนือ

วีลแชร์ เรซซิ่ง 100 เมตร T53 พงศกร แปยอ, วีลแชร์เรซซิ่ง 800 เมตรชาย T53 พงศกร แปยอ, เทเบิลเทนนิส ชายเดี่ยว คลาส MS6 รุ่งโรจน์ ไทยนิยม, ฟันดาบ เอเป้ บุคคล ชาย คลาส B วิสิทธิ์ กิ่งมะนาว, วีลแชร์เรซซิงชาย 800 เมตร คลาส T34 ‘บีม’ ชัยวัฒน์ รัตนะ, เทเบิลเทนนิส ชายเดี่ยว คลาส MS4 ‘ขวด’ วันชัย ชัยวุฒิ 

13 เหรียญทองแดง จาก เทควันโด 47 กก.หญิง คลาส K44 ขวัญสุดา พวงกิจจา, เทเบิลเทนนิส หญิงคู่ คลาส WD5 ดารารัตน์ อาสายุทธ์-ชิลชิตพยัค บุตรวรรณสิริณา, เทเบิลเทนนิส ชายคู่ คลาส MD8 วันชัย ชัยวุฒิ-ยุทธจักร กลิ่นบานชื่น, แบดมินตัน หญิงคู่ WH1-WH2 สุจิรัตน์ ปุกคำ-อำนวย เวชวิฐาน, บอคเซีย บุคคล BC2 วัชรพล วงษา, แบดมินตัน ชายเดี่ยว SL3 ‘วี’ มงคล บุญสุน, 

เทเบิลเทนนิส ชายเดี่ยว MS3 ยุทธจักร กลิ่นบานชื่น, บอคเซีย ทีมผสม คลาส BC4 พรโชค ลาภเย็น-นวลจันทร์ พลศิลา, ยกน้ำหนัก รุ่น 55 กก. หญิง กมลพรรณ กระราชเพชร, เทเบิลเทนนิส ชายเดี่ยว คลาส MS8 พิสิษฐ์ หวังผลพัฒนศิริ, เทเบิลเทนนิส ชายเดี่ยว คลาส MS7 เฉลิมพงษ์ พันภู่, ฟันดาบ เอเป้ ทีมหญิง สายสุนีย์ จ๊ะนะ-เดือน นาคประสิทธิ์-อภิญญา ทองแดง, วิ่ง 200 เมตร หญิง คลาส T47 ศศิราวรรณ อินทโชติ

สำหรับเกณฑ์เงินรางวัลนักกีฬาพาราลิมปิกเกมส์ จากกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ เหรียญทอง 7.2 ล้านบาท, เหรียญเงิน 4.8 ล้านบาท และเหรียญทองแดง 3 ล้านบาท ทำให้เมื่อรวมแล้วทัพนักกีฬาพาราลิมปิกไทย จะรับเงินรางวัลจากกองทุนพัฒนากีฬาแห่งชาติ ทั้งสิ้น 135 ล้านบาท

‘วราวุธ’ ย้ำ!! อนุสัญญาสิทธิเด็กข้อ 22 ไทยไม่ได้ให้สัญชาติเด็กต่างชาติ แค่ช่วยดูแลเด็กที่เข้ามา ด้าน 'การเติบโต-การศึกษา-พยาบาล' เท่านั้น

(9 ก.ย. 67) ที่ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กล่าวถึงกรณีที่มีสื่อโซเชียลมีเดียมีคอนเทนต์ครีเอเตอร์ท่านหนึ่งและพี่น้องประชาชนอีกจำนวนมากตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก โดยเฉพาะข้อที่ 22 ที่กำหนดให้เด็กคนหนึ่งมีสิทธิที่จะได้รับการดูแลไม่ว่าจะเป็นเกี่ยวกับเรื่องการศึกษาการรักษาพยาบาลเรื่องอาหาร เรื่องการเจริญเติบโตที่ประเทศไทยจะต้องให้ความคุ้มครองกับเด็กที่เข้ามาอยู่ในพื้นที่ประเทศไทยนั้นมีความเข้าใจคลาดเคลื่อนว่าภายใต้ข้อ 22 นั้นประเทศไทยจะต้องให้สัญชาติไทยกับเด็กเหล่านั้นเป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนผิดโดยสิ้นเชิง

โดยนายวราวุธ กล่าวว่า ขออนุญาตทำความเข้าใจว่าในข้อที่ 22 ของอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก ไม่ได้พูดถึงการให้สัญชาติประเด็นนี้เลยแม้แต่นิดเดียว สิ่งที่เน้นในข้อที่ 22 คือ การคุ้มครองดูแลเด็กคนหนึ่งให้เขาสามารถเจริญเติบโตทั้งกายและใจตามสิ่งที่เด็กคนหนึ่งพึงจะมี และที่สำคัญข้อที่ 22 นี้ ทั่วโลกได้มีการนำไปประยุกต์ใช้เรียบร้อยแล้ว ซึ่งประเทศไทยของเราในทางกลับกันเป็นประเทศสุดท้าย จากกว่า 100 ประเทศที่ให้การรับรองข้อที่ 22 ซึ่งใช้เวลาเกือบ 40 ปี กว่าจะรับรองข้อบทนี้ แต่ต้องขอย้ำบางท่านอาจจะตั้งข้อสังเกตว่าทำไมจะต้องไปดูแลเด็กต่างชาติ เด็กไทยเราไม่ดูแล ซึ่งในกรณีนี้เราดูแลเด็กทุกคน และในทางกลับกันถ้าหากว่ามีคนไทยไปตกระกำลำบากที่ต่างประเทศหรือว่ามีเด็กไทยไปตกระกำลำบาก ตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกับประเทศอื่น ประเทศเหล่านั้นก็จะต้องดูแลเด็กไทยเช่นเดียวกับเด็กของเขาเช่นกัน แต่ไม่ได้ให้สัญชาติกับผู้ใดโดยเด็ดขาด 

ทั้งนี้ นายวราวุธยังทิ้งท้ายว่า ดังนั้น ขออนุญาตทำความเข้าใจกับพี่น้องประชาชนว่าการที่ประเทศไทยให้การรับรองข้อที่ 22 ของอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็กนั้น ไม่ได้เป็นการรับรองให้สัญชาติกับผู้ใด ขอให้ความสบายใจกับพี่น้องประชาชนและทำความเข้าใจ และที่สำคัญขอฝากบอกต่อๆ กันเพราะว่าความเข้าใจผิดนั้นกระจายเหลือเกิน แต่พอจะให้เข้าใจถูกไม่ค่อยกระจาย จึงขอฝากช่วยกันกระจายข้อมูลที่ถูกต้องด้วย

🔎ส่อง 10 ประเทศสุดมั่งคั่งและมีความสุขมากที่สุดในโลก

ความสัมพันธ์ระหว่างความมั่งคั่งและความสุขเป็นเรื่องที่เราให้ความสำคัญกันมาโดยตลอด แต่ทั้งสองอย่างนี้มันสัมพันธ์กันจริง ๆ ใช่ไหม วันนี้จะพาไปดูผลสำรวจกันค่ะ     

จากผลการสำรวจ World Happiness Report ซึ่งเป็นผลการสำรวจการเก็บข้อมูลจาก 150 ประเทศทั่วโลก ได้มีการศึกษาถึงความสัมพันธ์ระหว่างความมั่งคั่งและความสุขในประเทศต่าง ๆ รวมทั้งวัดระดับความสุขของคนในแต่ละประเทศ จริงอยู่ที่ปัจจัยที่ส่งผลต่อความสุขในแต่ละคนแตกต่างกันออกไป แต่โดยรวมสิ่งที่ส่งผลต่อความสุขของมนุษย์เราก็คงหนีไม่พ้น ครอบครัว ความรัก เป้าหมายในชีวิต และความมั่งคั่ง

ซึ่งจากผลสำรวจของ Credit Suisse ชี้ให้เราเห็นว่าแม้ผลการสำรวจจะชี้ไปในทางที่ประเทศที่ร่ำรวยมักจะมีความสุขสูงกว่าประเทศที่ยากจน แต่มันก็มีข้อยกเว้นในหลายประเทศ อย่างเช่นประเทศในละตินอเมริกาที่แม้จะมีความมั่งคั่งต่ำ แต่ก็กลับมีระดับความสุขสูง และในขณะที่ประเทศที่ร่ำรวยบางประเทศอย่างเช่น ฮ่องกง กลับเป็นประเทศที่มีความสุขต่ำกว่าที่ควรจะเป็น เนื่องจากฮ่องกงเป็นประเทศที่เต็มไปด้วยความไม่เท่าเทียมและความไม่มั่นคง

และสำหรับ ‘ประเทศไทย’ ของเรานั้นอยู่อันดับที่ 62 จาก 150 ประเทศ มีรายได้เฉลี่ยต่อหัวของประชากรวัยทำงานที่ 8,036 เหรียญสหรัฐ และระดับความสุขอยู่ที่ 5.9

‘ดู๋-สัญญา’ ยกข้อคิดวงการบันเทิงไทย ช่วงหนึ่งแห่งยุคทองย่อมผ่านไป ส่วนยุคใหม่จะหาทางรอดได้เองเสมอ ด้วยวิถีที่คนรุ่นเก่ามักนึกไม่ถึง

(9 ก.ย. 67) เมื่อไม่นานมานี้ เพจเฟซบุ๊ก ‘Nanake555’ ได้นำเนื้อหาส่วนหนึ่งของรายการ ‘คุยให้เด็กมันฟัง’ ซึ่งเป็นรายการทางช่องยูทูบของชาแนลชื่อเดียวกันในตอนที่ 44 ที่มีการเชิญคุณ ‘ดู๋ สัญญา คุณากร’ พิธีกรและนักแสดงชาวไทยชื่อดังมาเป็นแขกรับเชิญในรายการ 

โดยในคลิปส่วนหนึ่งของรายการ คุณดู๋ได้ให้ความเห็นที่เกี่ยวกับเรื่องของการเปลี่ยนผ่านของคนแต่ละเจนเนอเรชันว่า การเข้าสู่วงการบันเทิงในช่วงยุคทองมันผ่านไปแล้ว และเป็นเรื่องที่น่ากังวลเป็นอย่างมาก เพราะสมัยนี้เป็นยุคของการต้องทำอย่างไรให้อยู่รอด แทนที่จะกลายเป็นความครีเอทีฟสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ที่มีความซับซ้อนในการนำเสนอ แต่เป็นกระแสของการเน้นทำธุรกิจบันเทิงต่าง ๆ อะไรให้อยู่รอดมากกว่า

“มีบางคนบอกว่า 'การกระโดดเข้าวงการบันเทิงในช่วงเวลาที่ยุคทองของมันผ่านพ้นไปแล้ว เป็นเรื่องน่าเป็นห่วงมาก' มันมีวิธีการที่แตกต่างไปแล้ว มันมีการคิดที่แตกต่างไปแล้ว มันมีรสนิยมที่แตกต่างไปแล้ว ยุคที่ลงทุนมาก ๆ ได้ผลตอบแทนดีๆ มีเวลาครีเอทเรื่องแปลกใหม่ ยอดเยี่ยม มีความซับซ้อนในการนำเสนอ มันผ่านไปแล้ว กลายเป็นยุคทุนต่ำ ต้องทำยังไงให้อยู่รอด กลายเป็นกระแสของการอยู่รอดขึ้นมากลบครีเอทีฟ ขึ้นมากลบการสร้างสรรค์ หรืออะไรต่าง ๆ ก็น่าเป็นห่วง" 

แม้จะมีความเห็นถึงการสร้างสรรค์วงการบันเทิงที่เปลี่ยนไปตามยุคสมัย แต่อีกด้านหนึ่ง คุณดู๋ก็ยังคงมองว่าไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง เขาเชื่อว่าต่อไปคนรุ่นใหม่จะยังสามารถรับมือและแก้ปัญหาต่าง ๆ ได้ในแบบที่คนสมัยรุ่นเก่าอาจจะคิดไม่ออก เปรียบเหมือนต้นไม้ที่งอกอยู่บนแท่งปูน อะไรที่คิดว่าไม่น่ารอด มันจะรอดและไปต่อได้ด้วยวิธีการคิดที่คนสมัยก่อนคาดไม่ถึง

"แต่สิ่งที่ผมรู้สึกก็คือ ไม่ว่าอะไรจะน่าเป็นห่วง คนที่รุ่นใหม่กว่าจะเจอวิธีการที่คนรุ่นเก่ากว่าคิดแล้วมันคิดไม่ออก มันจะมีคนคิดออก มันจะมีคนรุ่นใหม่ มันจะเหมือนต้นไม้งอกในแท่งปูน ข้างทาง ถนน อะไรก็ได้ ที่เราคิดว่าไม่รอด มันจะรอด มันจะไปต่อได้ ด้วยวิธีการที่แตกต่างจากวิธีคิดสมัยก่อน เขาเปลี่ยนวิธีคิดตามสิ่งเหล่านั้นได้เก่งกว่าผู้ใหญ่ แล้วรุ่นลูกเรา ลูกพวกเรา เพื่อนเรา ก็จะกลายเป็นสิ่งที่ผ่านพ้นมัน สำหรับผมนะ ผมเชื่อว่าเขาจะผ่านพ้นมันได้ อุปสรรคจะยากจะง่าย แต่ก็ทำได้ เหมือนที่เราเคย ปู่เราก็จะบอกว่า ‘ไอ้นี่มันจะไหวเหรอ โลกมันกลายเป็นอย่างนี้ไปแล้ว มันก็เป็นอย่างนู้นไปแล้ว'”

พร้อมกันนั้น ในท้ายคลิปที่ตัดออกมา คุณดู๋ยังได้ทิ้งท้ายว่า ทุกสิ่งทุกอย่างมันเปลี่ยนผ่านไปได้เรื่อย ๆ และยังคงยืนยันใจความสำคัญว่า ไม่ต้องเป็นห่วงว่าคนรุ่นลูกหลานจะยังคงเอาตัวรอดได้เสมอ

"มันเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ แหละครับ แต่ก่อนวิทยุ หนังสือพิมพ์ วันหนึ่งก็โทรทัศน์ วันหนึ่งเดี๋ยวโซเชียลก็เปลี่ยนอีก แพลตฟอร์มต่าง ๆ ก็เปลี่ยน เห็นไหม? มันมีใหม่มาเก่าไป เด็กจะเปลี่ยนแปลงตาม แล้วไม่ต้องห่วงว่าเขาจะไม่รอด ผมเชื่อว่าเขาจะรอด"

จากส่วนหนึ่งของรายการช่องยูทูบที่ตัดเอามาลงเพจดังนั้น ได้มีชาวเน็ตมาร่วมแสดงความคิดเห็นต่าง ๆ มากมาย และชื่นชมที่คุณดู๋เป็นผู้ใหญ่ที่เปิดกว้างและมองโลกตามความเป็นจริง


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top