Sunday, 8 June 2025
NewsFeed

มูลนิธิหัวใจบริสุทธ์ จับมือกลุ่มไทยสมายล์กรุ๊ป รวมพลังเครือข่าย มอบถุงยังชีพช่วยผู้ประสบอุทกภัยชาวแพร่

(31 ส.ค.67) นางเธียรรัตน์ นะวะมะวัฒน์ ประธานมูลนิธิหัวใจบริสุทธิ์ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กลุ่มพลังงานบริสุทธิ์ กลุ่มไทยสมายล์กรุ๊ป ลงพื้นที่มอบถุงยังชีพ จำนวน 200 ชุด เพื่อช่วยเหลือและเยี่ยมให้ขวัญกำลังใจแก่ผู้ประสบอุทกภัยจังหวัดแพร่ โดยมี หัวหน้าส่วนราชการหน่วยงานสังกัดกระทรวงแรงงานจังหวัดแพร่ และชาวบ้านในพื้นที่ ร่วมให้การต้อนรับ ณ ศาลาการเปรียญ วัดมหาโพธิ์ หมู่ที่ 5 ตำบลป่าแมต อำเภอเมืองแพร่ จังหวัดแพร่       

นางเธียรรัตน์ กล่าวว่า มูลนิธิหัวใจบริสุทธิ์ กลุ่มพลังงานบริสุทธิ์ กลุ่มไทยสมายล์กรุ๊ป และพลังเครือข่ายมีความห่วงใยต่อชีวิตความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชนที่ประสบอุทกภัยอยู่ในขณะนี้ แม้ว่าบางพื้นที่น้ำเริ่มลดลงและอยู่ระหว่างการฟื้นฟูเพื่อกลับเข้าสู่ภาวะปกติ แต่ขณะเดียวกัน ยังมีอีกหลายพื้นที่ที่น้ำยังท่วมสูงอยู่และชาวบ้านได้รับความเดือดร้อน ในวันนี้มูลนิธิหัวใจบริสุทธิ์จึงได้นำสิ่งของเครื่องอุปโภคบริโภคซึ่งได้รับการสนับสนุนจากภาคเอกชน ได้แก่ บริษัท สหพัฒนพิบูลย์ จำกัด บริษัท ไป่ลี่ เอ็นเตอร์ไพรซ์ จำกัด บจก. คิงส์แพ็ค อินดัสเตรียล บริษัท ไทย สมายล์ บัส กลุ่มพลังงานบริสุทธิ์ (E@) และเครือข่ายภาคเอกชน ที่ได้ร่วมบริจาคเครื่องอุปโภคบริโภค อาทิ ข้าวสาร น้ำดื่ม บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ปลากระป๋อง ข้าวโอ๊ต โจ๊กคัพ โดนัท อาหารแห้ง เป็นต้น มามอบให้แก่ผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่จังหวัดแพร่ เพื่อเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้น นอกจากนี้ สำนักงานพัฒนาฝีมือแรงงานแพร่ ยังได้ให้บริการตรวจเช็คเครื่องใช้ไฟฟ้า และอุปกรณ์การเกษตรแก่ประชาชนที่อุปกรณ์ได้รับผลกระทบเสียหายจากอุทกภัยอีกด้วย   

นางเธียรรัตน์ กล่าวต่อว่า ในวันนี้มูลนิธิยังได้มอบรถเข็นวีลแชร์ที่ได้รับการบริจาคจากกลุ่มไทยสมายล์กรุ๊ป ผู้ให้บริการรถและเรือโดยสารสาธารณะพลังงานไฟฟ้าในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ซึ่งจากการที่มูลนิธิหัวใจบริสุทธิ์ได้นำถุงยังชีพมามอบให้แก่ผู้ประสบอุทกภัยและนำรถเข็นวีลแชร์มามอบให้ผู้สูงอายุ ผู้พิการ และผู้ยากไร้ในครั้งนี้ เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือ บรรเทาความเดือดร้อน เติมกำลังใจ ให้แก่ผู้ป่วย ผู้สูงอายุ ผู้พิการ และผู้ยากไร้ในพื้นที่จังหวัดแพร่ได้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น สามารถอยู่ร่วมในสังคมได้อย่างมีความสุข และถือเป็นกิจกรรมหลักที่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของมูลนิธิในด้านการสร้างสาธารณประโยชน์ ต่อชุมชน สังคม ทั้งนี้ มูลนิธิฯ จะทยอยส่งต่อธารน้ำใจถึงมือผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่ที่ต้องการความช่วยเหลือต่อไป

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง จัดพิธีแจกเครื่องอุปโภคบริโภคครั้งยิ่งใหญ่ในงานประเพณีทิ้งกระจาด ประจำปี 2567 โดยมี นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ เป็นประธานในพิธี ณ มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง พลับพลาไชย พร้อมเผยงบประมาณ ปีนี้ลงพื้นที่แจกทั้งสิ้น 4 จังหวัด รวมมูลค่า 13.3 ล้านบาท

มูลนิธิหัวใจบริสุทธิ์ จับมือแรงงาน น่าน และภาคเอกชน มอบถุงยังชีพช่วยผู้ประสบอุทกภัย

(1 ก.ย.67) นางเธียรรัตน์ นะวะมะวัฒน์ ประธานมูลนิธิหัวใจบริสุทธิ์ พร้อมด้วย นางสาวกุลพรภัสร์ วงศ์มาจารภิญญา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มไทยสมายล์บัส เจ้าหน้าที่กลุ่มพลังงานบริสุทธิ์ กลุ่มไทยสมายล์กรุ๊ป ลงพื้นที่มอบถุงยังชีพ จำนวน 300 ชุด เพื่อช่วยเหลือและเยี่ยมให้ขวัญกำลังใจแก่ผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่อำเภอเชียงกลาง จังหวัดน่าน

โดยมี นายเทวา ปัญญาบุญ รองผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน นางสาวจำลองลักษณ์ ก่ายแก้ว แรงงานจังหวัดน่าน พร้อมหัวหน้าส่วนราชการหน่วยงานสังกัดกระทรวงแรงงานจังหวัดน่าน นายอำเภอเชียงกลาง และชาวบ้านในพื้นที่ ร่วมให้การต้อนรับ ณ ที่ว่าการอำเภอเชียงกลาง จังหวัดน่าน

นางเธียรรัตน์ กล่าวว่า มูลนิธิหัวใจบริสุทธิ์ กระทรวงแรงงาน กลุ่มพลังงานบริสุทธิ์ กลุ่มไทยสมายล์กรุ๊ป และพลังเครือข่ายภาคเอกชนมีความห่วงใยต่อชีวิตความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชนที่ประสบอุทกภัย ในวันนี้มูลนิธิหัวใจบริสุทธิ์จึงได้นำสิ่งของเครื่องอุปโภคบริโภคซึ่งได้รับการสนับสนุนจากภาคเอกชน ได้แก่ บริษัท สหพัฒนพิบูลย์ จำกัด บริษัท ไบ่ลี่ เอ็นเตอร์ไพรซ์ จำกัด บจก. คิงส์แพ็ค อินดัสเตรียล บริษัท ไทย สมายล์ บัส กลุ่มพลังงานบริสุทธิ์ (E@) และเครือข่ายภาคเอกชน ที่ได้ร่วมบริจาคเครื่องอุปโภคบริโภค อาทิ ข้าวสาร น้ำดื่ม บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ปลากระป๋อง ข้าวโอ๊ต โจ๊กคัพ โดนัท อาหารแห้ง เป็นต้น มามอบให้แก่ผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่จังหวัดน่าน รวมทั้งมูลนิธิยังได้มอบเรือท้องแบน จำนวน 6 ลำ เพื่อมอบให้กับทางจังหวัดน่านไว้ใช้ประโยชน์ในการนำไปช่วยเหลือประชาชนที่ประสบอุทกภัยในพื้นที่ นอกจากนี้ สำนักงานพัฒนาฝีมือแรงงานน่าน ยังได้ให้บริการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง และซ่อมรถจักรยานยนต์ที่ได้รับผลกระทบเสียหายจากอุทกภัยแก่ประชาชนอีกด้วย

'ภูมิธรรม' ต้อนรับนักฟุตบอลบอลแมนยูฯ ลิเวอร์พูล ระดับตำนาน เตรียมร่วมแข่งขันกอล์ฟรายการพิเศษ 'Reignwood Icons of Football' ครั้งแรกในเอเชียที่ไทย สร้างรายได้เข้าประเทศ

(2 ก.ย.67) เวลา 10.30 น. ที่ห้องรับรอง ชั้น 11 สำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ให้สัมภาษณ์ภายหลังหารือกับคณะผู้จัดการแข่งขันกอล์ฟรายการ 'เรนวูด ไอคอนส์ ออฟ ฟุตบอล' โดยมีนางสาววรพนิต รวยรุ่งเรือง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เรนวูด ปาร์ค นาย Thomas Brookes ผู้ก่อตั้งรายการไอคอนส์ ซีรีส์ (Icons Series) และอดีตนักกีฬาฟุตบอลสโมสรแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดและลิเวอร์พูลระดับตำนาน อย่างนาย Paul Emerson Carlyle Ince อดีตนักกีฬาฟุตบอลและกัปตันสโมสรแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด นาย Dwight Eversley Yorke อดีตนักกีฬาฟุตบอลสโมสรแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และอดีตนักกีฬาสโมสรลิเวอร์พูล อย่าง นาย Patrick Berger และนายร็อบบี้ ฟาวเลอร์ ซึ่งทางเรนวูด ปาร์ค จับมือ The Icons Series จัด 'Reignwood Icons of Football' การแข่งขันกอล์ฟรายการพิเศษ ครั้งแรกในเอเชีย ช่วงวันที่ 1-2 มีนาคม 2568 นี้ที่โรบินส์วูด กอล์ฟ คลับ

นายภูมิธรรม กล่าวว่า กระทรวงพาณิชย์ได้รับเกียรติจากเรนวูด กรุ๊ป และรายการ Icons Series นำนักกีฬาที่มีชื่อเสียงของโลกเป็นตำนานของลิเวอร์พูลและแมนยูฯ มาเยี่ยมเยียน และมาร่วมกิจกรรมกอล์ฟที่จะจัดขึ้นในปีหน้า ซึ่งจะสร้างแรงบันดาลใจอย่างมาก ตนเชื่อว่านักกีฬาไทยและเยาวชนไทยและผู้รักนักกีฬาทั้งหมด โดยเฉพาะกีฬาฟุตบอลจะประทับใจที่ประเทศไทยได้มีโอกาสต้อนรับท่านเหล่านี้ในการมาเยือนเมืองไทย หวังว่าท่านจะได้พบกับวัฒนธรรมความน่ารักของคนไทย ศักยภาพของประเทศไทยและคนไทยที่จะพัฒนาความร่วมมือทำงานด้านกีฬาและซอฟต์พาวเวอร์ได้อย่างดี จะสร้างรายได้ให้ประเทศดึงดูดนักท่องเที่ยวเข้ามา และทำให้เราเกิดแรงบันดาลใจในการทำความร่วมมือกันต่อไป

“โดยเฉพาะนักกีฬาอาวุโสเหล่านี้เป็นนักกีฬาที่มีศักยภาพมีความสามารถมาก เราจะได้คุยกันต่อในการดึงมาสร้างแรงบันดาลใจให้ประเทศ หรือส่งเสริมสนับสนุนให้โค้ช นักกีฬาไทยพัฒนาเป็นมืออาชีพในระดับโลก ขอต้อนรับเข้าสู่ประเทศไทยและขอบคุณที่มาเยี่ยมกระทรวงพาณิชย์และประเทศไทย” นายภูมิธรรมกล่าว

ด้านนางสาววรพนิต รวยรุ่งเรือง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เรนวูด ปาร์ค กล่าวว่า ขอเป็นตัวแทนของผู้จัด เราร่วมมือกับทางไอคอนส์ ซีรีส์ ผู้จัดที่มีชื่อเสียงและเมืองไทยเป็นสถานที่ที่ 3 ที่จะมาจัดการแข่งขัน ซึ่งเราเห็นความสำคัญของประเทศไทยที่มีศักยภาพในการท่องเที่ยวเชิงกีฬา ต้องการให้การจัดงานครั้งนี้ดึงดูดนักท่องเที่ยวมาเที่ยวประเทศไทยและสนับสนุนส่งเสริมด้านกีฬาให้กับเยาวชนซึ่งเรามีสถาบันฝึกสอน การนำนักกีฬาระดับตำนานมาในครั้งนี้จะช่วยสนับสนุนรัฐบาล ให้เมืองไทยมีความแข็งแกร่งด้านกีฬา ร่วมมือกับทางไอคอนส์ ซีรีส์ สนับสนุนไปด้วยกันและทำให้การแข่งขันครั้งนี้ประสบความสำเร็จ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การแข่งขัน ‘Reignwood Icons of Football’ จะแข่งขันในรูปแบบทีมแมตช์เพลย์ ทีมละ 12 คน  ระหว่างทีมอังกฤษ (Team England) และทีมเวิลด์ (Team World) โดยมีอดีตนักเตะระดับตำนาน 24 คนจากแชมเปี้ยนส์ลีก, พรีเมียร์ลีก, ลาลีกา และเซเรีย อา ร่วมดวลวงสวิง พร้อมโปรกอล์ฟชื่อดังของโลกอย่าง ลี เวสต์วูด มารับหน้าที่กัปตันทีมอังกฤษ (Team England) และ เซอร์จิโอ การ์เซีย รับหน้าที่กัปตันทีมเวิลด์ (Team World) โดยอดีตนักเตะระดับตำนานจะนำประสบการณ์การแข่งขันในสนามบอลมาอย่างยาวนาน สู่การดวลกอล์ฟ 10 หลุมที่ท้าทายเพื่อชิงถ้วย Icons Trophy ประจำปี 2025 ให้แฟนกีฬาได้ลุ้น เชียร์ และใกล้ชิดกับอดีตสุดยอดนักเตะระดับตำนานมากกว่าที่เคย

ฟุตบอลรักเมืองไทย 'วปอ.-พระปกเกล้า' ชูลดความเหลื่อมล้ำ-ร่วมสร้างชาติให้มั่นคง ขณะที่ 'อุ๊งอิ๊ง' ร่วมเชียร์ลั่นสนามศุภชชาศัย

เมื่อวานนี้ (1 ก.ย.67) ที่ สนามศุภชลาศัย นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา เป็นประธานเปิดการแข่งขัน ฟุตบอลประเพณี 'วปอ.-สถาบันพระปกเกล้า' ภายใต้แนวคิด 'รักเมืองไทย-ลดความเหลื่อมล้ำ-ร่วมสร้างชาติให้มั่นคง' ชิงถ้วยรางวัลสภากาชาดไทย และ ชิงถ้วยรางวัลจาก พลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ ซึ่งปีนี้จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 2 

โดยมี นายวิทวัส ชัยภาคภูมิ เลขาธิการ สถาบันพระปกเกล้า พลโท ทักษิณ สิริสิงห ผู้อำนวยการวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร สถาบันวิชาการป้องกันประเทศนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี นายอนุทิน ชาญวีรกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย 

พร้อมทั้ง คณาจารย์ ศิษย์เก่า และศิษย์ปัจจุบัน ของ วปอ. และ สถาบันพระปกเกล้า ประกอบด้วย หลักสูตรการเมืองการปกครองในระบอบประชาธิปไตยสําหรับนักบริหารระดับสูง (ปปร.) หลักสูตรการเสริมสร้างสังคมสันติสุข (4 ส.) หลักสูตรการบริหารงานภาครัฐและกฎหมายมหาชน (ปรม.) หลักสูตรการบริหารเศรษฐกิจสาธารณะสําหรับนักบริหารระดับสูง (ปศส.) หลักสูตรประกาศนียบัตรผู้นายุคใหม่ในระบอบประชาธิปไตย (ปนป.) หลักสูตรวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร (วปอ.) หลักสูตรการป้องกันราชอาณาจักร สำหรับผู้บริหารแห่งอนาคต (วปอ.บอ.) หรือ 'มินิ วปอ.' หลักสูตรการบริหารความมั่นคงสำหรับผู้บริหารระดับสูง (สวปอ.มส. SML) เข้าร่วมกิจกรรมกันอย่างคับคั่ง

โดยกิจกรรมเริ่มจาก การแสดงดุริยางค์ จากกองดุริยางค์ทหารอากาศ ตามด้วยการแสดงขบวนพาเหรดจากเหล่าศิษย์เก่าและปัจจุบัน ของ วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร (วปอ.) และสถาบันพระปกเกล้า และการแสดงมินิคอนเสิร์ตของ 'ชัชชัย สุขขาวดี' หรือที่รู้จักในชื่อ 'หรั่ง ร็อคเคสตร้า' และ 'สปาย-ภาสกรณ์ รุ่งเรืองเดชาภัทร์' The Golden Song เวทีเพลงเพราะ

ต่อด้วยการแข่งขันฟุตบอล 3 คู่ ทีมแรก ประเภท YOUNG ทีมที่สองประเภท JUNIOR และทีมปิดแมตช์ ประเภท SENIOR โดยมีนักเตะกิตติมศักดิ์ ฝั่ง วปอ. อาทิ นายถิรชัย วุฒิธรรม พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ พลเอก ทรงวิทย์ หนุนภักดี พลเอก เฉลิมชัย สิทธิสาท ขณะที่ฝั่ง สถาบันพระปกเกล้า มี ดร.ชาญวิทย์ ผลชีวีน นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ นายธนกร วังบุญคงชนะ นายนิธิ สมุทรโคจร นายยุทธนา หยิมการุณ สำหรับผลการแข่งขันฟุตบอล รุ่น YOUNG สถาบันพระปกเกล้า ชนะ วปอ. 2:1 รุ่น JUNIOR สถาบันพระปกเกล้า ชนะ วปอ. 3:1 และรุ่น SENIOR  สถาบันพระปกเกล้า แพ้ วปอ. 0:5

นายอรรถพล เสือคำรณ ประธานฝ่ายจัดงาน ปปร.27 กล่าวว่า กิจกรรมแข่งขันฟุตบอลประเพณีในปีนี้ นอกจากจะเป็นการกระชับความสัมพันธ์ของ 2 สถาบันแล้ว ยังเป็นการปลูกฝังความรักชาติ รักสถาบันของประเทศไทย ให้ทุกฝ่ายได้เกิดความสามัคคีซึ่งกันและกัน ขณะที่ปีนี้ในประเทศของเราต้องเผชิญกับเหตุอุทกภัย การจัดกิจกรรมนี้จึงได้เปิดรับบริจาค โดยเงินทุกบาททุกสตางค์จะถูกส่งมอบไปยัง สภาการชาดไทย เพื่อนำไปก่อประโยชน์กับผู้ประสบภัยทุกคน

ด้าน ดร.วิกร ภูวพัชร์ ประธานฝ่ายจัดงาน วปอ.67 กล่าวว่า วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร (วปอ.) กับ สถาบันพระปกเกล้า ถือว่าเป็นสถาบันหลักของประเทศที่ให้ความรู้ และผลิตบุคลากรของชาติ ระดับคุณภาพอย่างมากมาย ซึ่งการแข่งขัน ยึดรูปแบบฟุตบอลประเพณี 'จุฬาฯ-ธรรมศาสตร์' มาเป็นโมเดล และครั้งที่ 3 ปี 2568 ทางวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร รับหน้าที่เป็นภาพจัดการแข่งขันเพื่อสืบสานปรเพณีเช่นนี้ต่อไป 

นายวิทวัส​ ชัย​ภาคภูมิ​ เลขาธิการสถาบัน​พระ​ปกเกล้า​ กล่าว​ว่า​ ต้องขอ​ขอบคุณ​ในความทุ่มเทของนักศึกษาหลักสูตร ปปร. และ วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร (วปอ.) เป็นอย่างยิ่งที่ร่วมกันจัดงานฟุตบอลประเพณี 'รักเมืองไทย' ครั้งที่ 2 ขึ้น​ ซึ่งเป็นกิจกรรมที่ดี​ ทำให้นักศึกษา​ทั้งสองสถาบัน​ฯ​ ได้มีโอกาสพบปะสร้างสัมพันธ์ใหเ้แน่นแฟ้น เพื่อสร้างความเข้มแข็งด้านความร่วมมือด้านประชาธิปไตย สร้างความปรองดองสมานฉันท์ในสังคม​ โดยใช้กีฬาฟุตบอลเป็นสื่อกลาง

'รมว.ปุ้ย' เผยตัวเลขการผลิตน้ำตาลทรายของไทยปี 67 กำชับ!! 'สอน.' ดูแลปริมาณให้เพียงพอต่อการบริโภคในประเทศ

(4 ก.ย. 67) นางสาวพิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ได้รับข้อมูลการผลิตอ้อยและน้ำตาลทรายของไทยปี 2567 จากสำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย (สอน.) โดยในฤดูการผลิตปี 2566/67 ที่ผ่านมา มีปริมาณอ้อยเข้าหีบจำนวน 82.17 ล้านตัน มีผลผลิตน้ำตาลทราย 8.80 ล้านตัน โดยในครึ่งปีแรกของปี 2567 (มกราคม - มิถุนายน 2567) ไทยใช้น้ำตาลเพื่อบริโภคภายในประเทศ 1.27 ล้านตัน แบ่งออกเป็น น้ำตาลที่ใช้ในภาคอุตสาหกรรม 0.52 ล้านตัน และน้ำตาลที่ใช้ในการบริโภคโดยตรง (รวมร้านยี่ปั๊วและห้างโมเดิร์นเทรด) 0.75 ล้านตัน 

โดยข้อมูลล่าสุด ณ วันที่ 16 สิงหาคม 2567 ไทยมีน้ำตาลเพื่อบริโภคภายในประเทศคงเหลือ 1.77 ล้านตัน และ สอน. ได้คาดการณ์ว่าระหว่างเดือนกันยายน - ธันวาคม 2567 ซึ่งเป็นช่วงก่อนเปิดหีบอ้อยฤดูการผลิตถัดไป ไทยจะใช้น้ำตาลเพื่อบริโภคภายในประเทศ 0.8 ล้านตัน ซึ่งตนได้กำชับให้ สอน. ดูแลปริมาณน้ำตาลให้เพียงพอต่อการบริโภคภายในประเทศ

นายวิฤทธิ์ วิเศษสินธุ์ เลขาธิการคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย (สอน.) กล่าวว่า สอน. ได้รับความร่วมมือจากผู้ประกอบการโรงงานน้ำตาลในการดูแลปริมาณน้ำตาลให้เพียงพอกับความต้องการภายในประเทศ โดย สอน. ได้จัดให้มีเจ้าหน้าที่ประจำโรงงานน้ำตาลทั้ง 57 โรงทั่วประเทศ รายงานปริมาณน้ำตาลคงเหลือส่งให้ สอน. เป็นประจำทุกวัน 

ปัจจุบัน ราคาขายหน้าโรงงานอยู่ที่ 21 - 22 บาท/กิโลกรัม (ไม่รวมค่าโลจิสติกส์และ VAT) ราคาขายปลีกตามห้างโมเดิร์นเทรดอยู่ที่ 27 - 28 บาท/กิโลกรัม ซึ่งเป็นราคาที่เป็นไปตามกลไกการตลาดที่จะต้องมีการบวกเพิ่มค่าการตลาดและค่าบรรจุภัณฑ์

"ถือว่าเป็นไปตามนโยบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ที่ต้องการรักษาเสถียรภาพความมั่นคงทางอาหาร เนื่องจากน้ำตาลทรายเป็นวัตถุดิบหลักในการผลิตอาหารและเครื่องดื่ม ซึ่ง สอน. จะบริหารจัดการการจำหน่ายเพื่อให้ผู้บริโภคมั่นใจได้ว่าจะมีปริมาณน้ำตาลทรายเพียงพอต่อความต้องการภายในประเทศ" นายวิฤทธิ์กล่าวปิดท้าย

'เทลสกอร์' ชี้!! ยอดรวมอินฟลูฯ-คอนเทนต์ครีเอเตอร์ไทย แตะ 9 ล้านคน ในจังหวะตลอดคอนเทนต์ครีเอเตอร์ไทยขยายตัว 25-30% แตะ 4.5 หมื่นล้านบาท

(4 ก.ย.67) นางสาวสุวิตา จรัญวงศ์ ประธานกรรมการบริหาร และผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัท เทลสกอร์ จำกัด เปิดเผยว่า เทลสกอร์ ได้ประเมินภาพรวมตลาดคอนเทนต์ครีเอเตอร์ในประเทศไทยในปีนี้มีมูลค่าประมาณ 4.50 หมื่นล้านบาท มีการเติบโต 25-30% เนื่องจากกลุ่มลูกค้าภาคเอกชนได้มุ่งทำตลาดผ่านอินฟลูเอนเซอร์และคอนเทนต์ครีเอเตอร์อยู่ในระดับสูง

“ภาพรวมเศรษฐกิจไทยในปีนี้หลายฝ่ายประเมินว่าอาจไม่สดใสมากนัก แต่ภาคเอกชนไทยยังรุกทำการตลาด เนื่องจากการเลือกใช้อินฟลูเอนเซอร์และครีเอเตอร์ยังมีความสำคัญในการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ซึ่งภาพรวมตลาดมีการขยายตัวในระดับดังกล่าวต่อเนื่องมา 3 ปีแล้ว” 

สำหรับกลุ่มผู้ประกอบการที่ยังทุ่มงบการตลาดระดับสูง จะเป็นกลุ่มเพื่อสุขภาพและความงาม กลุ่มไลฟ์สไตล์ และกลุ่มการเงิน ส่วนกลุ่มที่ชะลอการใช้งบจะเป็น กลุ่มอสังหาริมทรัพย์และรถยนต์ตามภาพรวมตลาดที่หดตัวลง 

ทั้งนี้แนวโน้มการทำตลาดผ่านอินฟลูเอนเซอร์และครีเอเตอร์ที่มีการขยายตัวสูง โดยในประเทศไทยมีจำนวนอินฟลูเอนเซอร์และคอนเทนต์ ครีเอเตอร์ประมาณ 9 ล้านคน ส่วนในทั่วโลก จากสถิติของ Linktree ระบุว่ามีจำนวนคอนเทนต์ครีเอเตอร์ประมาณ 200 ล้านคนทั่วโลก หรือประมาณ 3% จากประชากรโลก อีกทั้ง ภาพรวมตลาด คอนเทนต์ครีเอเตอร์ในไทย มีมูลค่าประมาณ 5.5 ล้านล้านบาท

สำหรับตลาดไทยกลุ่มลูกค้าที่ใช้งานมีจำนวนสูงขึ้น มีความสอดคล้องกับพฤติกรรมการใช้โซเชียลมีเดียและการใช้เวลาบนโลกออนไลน์ของคนไทย ที่อยู่ในระดับสูงอันดับต้นในโลก อีกทั้ง จากการประเมินของ สำนักงานคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สดช.) ระบุว่า ประชากรไทยมีอัตราการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตอยู่ที่ประมาณ 89.5% และมีช่องทางโซเชียลมีเดียมากถึง 50 ล้านคน คิดเป็น 71.5% ของประชากรทั้งหมด

ทั้งนี้ บริษัท เทลสกอร์ ที่ดำเนินธุรกิจในด้านอินฟลูเอนเซอร์ มาร์เก็ตติ้งแพลตฟอร์ม ได้ร่วมมือกับ บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด จัดงาน The Mall Lifestore Presents Thailand Influencer Awards 2024 by Tellscore งานประกาศรางวัลสุดยอดอินฟลูเอนเซอร์ และสุดยอดอินฟลูเอนเซอร์แคมเปญที่ใหญ่สุดแห่งปี โดยจัดต่อเนื่องเป็นปีที่ 6 รวมทั้งสิ้น 59 สาขา

สำหรับงานจัดอยู่ในแนวคิด The Future is Yours! เพื่อร่วมแสดงถึงศักยภาพอินฟลูเอนเซอร์และนักการตลาดที่มีส่วนสำคัญในการกำหนดทิศทางและสร้างสรรค์อนาคตของเศรษฐกิจไทย พร้อมเน้นหาอินฟลูเอนเซอร์คุณภาพ การร่วมสร้างมาตรฐานและคอมมูนิตี้อินฟลูเอนเซอร์ของประเทศไทยให้แข็งแกร่ง

ขณะที่กำหนดการจัดงาน มีขึ้นในวันศุกร์ที่ 18 ตุลาคม 2567 ณ เอ็มซีซี ฮอลล์ ศูนย์การค้าเดอะมอลล์ไลฟ์สโตร์ บางกะปิ

'นนทบุรี' เตือน!! 30 ชุมชนนอกแนวป้องกันเสี่ยงน้ำท่วม อิทธิพล 'ฝนหนัก-น้ำเหนือ' แนะ!! เร่งยกของขึ้นที่สูง

เมื่อวานนี้ (3 ก.ย. 67) นายอภิชัย อร่ามศรี รองผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรี ปฏิบัติราชการแทนผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรี ในฐานะผู้อำนวยการจังหวัด ได้มีหนังสือด่วนที่สุด ในราชการกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดนนทบุรี ถึงหัวหน้าส่วนราชการหลายหน่วยและนายกเทศมนตรีหลายแห่ง และแจ้งให้พร้อมรับมือน้ำฝนและรับน้ำเหนือ และ 30 ชุมชนเสี่ยงถูกน้ำท่วม

โดยอ้างประกาศฉบับที่ 2 ของกรมอุตุนิยมวิทยา ลงวันที่ 2 กันยายน แจ้งว่า ประเทศไทยจะมีฝนเพิ่มขึ้นและฝนตกหนักถึงหนักมาก บางพื้นที่บริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล จะยังคงมีฝนฟ้าคะนอง และลมกระโชกแรงบางพื้นที่ โดยมีพื้นที่เฝ้าระวังสถานการณ์พายุฝนฟ้าคะนอง และลมกระโชกแรงระหว่างวันที่ 3-9 กันยายน 2567

และกรมชลประทานได้มีหนังสือ ด่วนที่สุด ลงวันที่ 2 กันยายน 2567 แจ้งว่า จะมีการระบายน้ำผ่านท้ายเขื่อนเจ้าพระยา ในอัตราระหว่าง 1,400-1,500 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ทำให้พื้นที่ลุ่มต่ำนอกคันกั้นน้ำบริเวณริมแม่น้ำเจ้าพระยามีระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นจากปัจจุบัน อีกประมาณ 0.25-1.40 เมตร และอาจส่งผลกระทบต่อพื้นที่ชุมชน ตั้งแต่วันที่ 5 กันยายน 2567 เป็นต้นไป ประกอบกับจากการคาดการณ์ระดับน้ำทะเลหนุนสูง จากกรมอุทกศาสตร์ กองทัพเรือ น้ำทะเลหนุนสูงถึงวันที่ 5 กันยายน 2567 และระหว่างวันที่ 14-20 กันยายน 2567

เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมรับสถานการณ์ และลดผลกระทบจากสถานการณ์ดังกล่าว กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดนนทบุรีจึงขอให้ถือปฏิบัติตามแนวทาง ดังนี้

1.แจ้งเตือนประชาชนให้ติดตามข้อมูลสภาวะอากาศและข่าวสารจากทางราชการ ประชาสัมพันธ์ สร้างการรับรู้ให้กับประชาชน ระวังอันตรายจากพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง โดยหลีกเลี่ยงการอยู่ในที่โล่งแจ้ง ใต้ต้นไม้ใหญ่ สิ่งก่อสร้างและป้ายโฆษณาที่ไม่แข็งแรง รวมถึงระวังอันตรายจากฟ้าผ่า สำหรับเกษตรกรควรป้องกันผลิตผลทางการเกษตรที่อาจได้รับความเสียหาย และแจ้งเตือนประชาชนที่อยู่นอกแนวคันกั้นน้ำให้ขนย้ายสิ่งของเพื่อลดความเสียหายจากกรณีเพิ่มการระบายน้ำ และน้ำทะเลหนุนสูง จากระดับน้ำปัจจุบันประมาณ 0.25-1.40 เมตร

2.หากมีแนวโน้มจะเกิดสถานการณ์ฝนฟ้าคะนองรุนแรงในพื้นที่ ให้เตรียมพร้อมทรัพยากร และแผนเผชิญเหตุ รวมถึงกำลังเจ้าหน้าที่ให้มีความพร้อมบรรเทาภัย อำนวยความสะดวก ให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ประสบภัยตลอด 24 ชั่วโมง โดยประสานและบูรณาการหน่วยงานพลเรือน เครือข่ายอาสาสมัคร จิตอาสา ภาคเอกชนทุกภาคส่วนเข้าร่วมปฏิบัติงาน

3.หากเกิดสาธารณภัยขึ้นในพื้นที่ให้รายงานสถานการณ์ และการให้ความช่วยเหลือในเบื้องต้น ให้กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดนนทบุรีทราบทันที ทางหมายเลขโทรศัพท์ 0-2591-2471 สายด่วน 1784 หรือแจ้งผ่านแอพพลิเคชั่น Line ปภ.โดยดำเนินการเพิ่มเพื่อน Line ID : @๑๗๘๔DDPM ตลอด 24 ชั่วโมง

กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดนนทบุรี จึงขอให้ประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ภาคเอกชนที่ประกอบกิจการในแม่น้ำ เช่น งานก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่ง แพร้านอาหาร เป็นต้น รวมทั้งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องแจ้งเตือนประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณพื้นที่ลุ่มน้ำต่ำ 30 จุด ให้เฝ้าระวังและยกของขึ้นที่สูงและเฝ้าระวังติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และหากมีแนวโน้มจะเกิดสถานการณ์สาธารณภัยในพื้นที่ ให้แจ้งประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทหาร ตำรวจ อาสาสมัคร ประชาชนจิตอาสา หรือกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดนนทบุรี ร่วมปฏิบัติงานให้ความช่วยเหลือประชาชนต่อไป

สำหรับชุมชนทั้ง 30 แห่ง ที่อยู่ในพื้นที่ลุ่มต่ำ นอกแนวป้องกันน้ำท่วม เสี่ยงได้รับผลกระทบ ประกอบด้วย

1.ชุมชนบริเวณวัดค้างคาว ม.4
2.ชุมชนริมน้ำท่าอิฐ ม.8
3.ชุมชนบริเวณมัสยิดท่าอิฐ ม.10
4.ชุมชนคลองบางภูมิ ม.5 ฝั่ง ต.คลองพระอุดม
5.ชุมชนบริเวณวัดไทรม้าเหนือ
6.ชุมชนบริเวณวัดไทรม้าใต้
7.ชุมชนวัดเฉลิมพระเกรียรติ
8.ชุมชนวัดอมฤต
9.ชุมชนบริเวณเกาะเกร็ด
10.ชุมชนบริเวณวัดแคนอก

11.ชุมชนวัดศาลารี
12.ชุมชนวัดค้างคาว ม.4
13.ชุมชนบริเวณวัดโพธิ์ทองบน
14.ชุมชนบริเวณวัดสลักเหนือ
15.ชุมชนวัดแจ้งศิริสัมพันธ์
16.ชุมชนบริเวณ หลัง รพ.พระนั่งเกล้า
17.ชุมชนบริเวณท่าน้ำนนทบุรี
18.ชุมชนบริเวณหมู่บ้านเทพประทาน
19.ชุมชนบริเวณวัดกู้
20.ชุมชนบริเวณวัดบ่อ

21.ชุมชนบริเวณวัดสนามเหนือ
22.ชุมชนวัดกลางเกร็ด
23.ชุมชนวัดแสงสิริธรรม
24.ชุมชนริมน้ำท่าอิฐ ม.4, ม.5, ม.6 และ ม.7
25.ชุมชนวัดตำหนักใต้
26.ชุมชนบริเวณวัดท่าบางสีทอง
27.ชุมชนบริเวณวัดชลอ
28.ชุมชนบริเวณวัดเกตุประยงค์เล็ก
29.ชุมชนบริเวณวัดพิกุลทอง
30.ชุมชนวัดใหญ่สว่างอารมณ์

'การบินไทย' ตรวจสอบความปลอดภัย ‘Airbus A350’ ยัน!! ไม่พบปัญหาจากเครื่องยนต์ และคงให้บริการตามปกติ

เมื่อวานนี้ (3 ก.ย. 67) นายชาย เอี่ยมศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงกรณีสายการบิน ‘คาเธ่ย์ แปซิฟิก แอร์เวย์’ (Cathay Pacific Airways) ตรวจสอบพบชิ้นส่วนเครื่องยนต์ที่มีปัญหาในเครื่องบิน Airbus SE A350 ส่งผลให้ต้องระงับการใช้เครื่องบินดังกล่าว และยกเลิกเที่ยวบินหลายเส้นทาง

ในส่วนของการบินไทยปัจจุบันมีอากาศยานรุ่น Airbus A350 ให้บริการ ซึ่งมีการตรวจสอบ และซ่อมบำรุงตามวงรอบปกติ โดยปัจจุบันอากาศยานรุ่นดังกล่าวยังคงให้บริการตามปกติ และยังไม่พบปัญหาจากเครื่องยนต์

สำหรับกรณี Cathay Pacific Airways ตรวจสอบพบชิ้นส่วนเครื่องยนต์ Airbus A350 มีการรายงานจากสำนักข่าวบลูมเบิร์กว่า ในวันนี้ (3 ก.ย.) Cathay Pacific Airways ได้ยกเลิกเที่ยวบินจากฮ่องกงไปสิงคโปร์เกือบทั้งหมด รวมถึงเที่ยวบินอื่น ๆ ทั่วเอเชีย หลังจากพบชิ้นส่วนเครื่องยนต์ที่มีปัญหาในเครื่องบิน Airbus SE A350 ของตน โดยคาดว่าท่อส่งน้ำมันเชื้อเพลิงที่ผิดรูปหรือเสื่อมสภาพเป็นสาเหตุ

สายการบินได้ขอให้นักวิศวกรของตนตรวจสอบท่อสายยางที่จ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงให้กับเครื่องยนต์อย่างเฉพาะเจาะจง เพื่อหาความผิดปกติ การเสียรูป การบิด การพองตัวหรือการเสื่อมสภาพ ตามแหล่งข่าวสองคนที่ขอไม่เปิดเผยชื่อ เนื่องจากไม่ได้รับอนุญาตให้พูดต่อสาธารณะ ขณะด้าน Cathay Pacific ปฏิเสธที่จะแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับปัญหาชิ้นส่วนเครื่องยนต์โดยเฉพาะ

นอกจากนี้ สายการบิน Cathay Pacific ยังได้ยกเลิกเที่ยวบินจากฮ่องกงไปกรุงเทพฯ และเที่ยวบินไปสนามบินนาริตะของโตเกียวเกือบครึ่งหนึ่ง โดยเที่ยวบินที่ยังคงเปิดให้บริการอยู่นั้น ไม่มีเที่ยวบินใดใช้เครื่องบินแอร์บัส A350 แล้ว ซึ่งสายการบินระบุว่า มีการยกเลิกเที่ยวบินเดี่ยวประมาณ 48 เที่ยวบิน รวมถึงเที่ยวบินขาไปและขากลับ

ทั้งนี้ Cathay Pacific ได้ตรวจพบปัญหาเกี่ยวกับชิ้นส่วนเครื่องยนต์ในเครื่องบินลำหนึ่งที่ต้องกลับจากเที่ยวบินเดิมที่มุ่งหน้าไปยังเมืองซูริคในวันจันทร์ การตรวจสอบเครื่องบินอื่น ๆ ในฝูงบินพบว่าชิ้นส่วนเครื่องยนต์แบบเดียวกันหลายชิ้นก็จำเป็นต้องเปลี่ยน


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top