Sunday, 8 June 2025
NewsFeed

'กรมเจ้าท่า' ลุย 'ท่าเรือสำราญ' 3 จังหวัด หวังดันรายได้ท่องเที่ยวทางทะเล ตั้งเป้าเป็นศูนย์รับเรือสำราญใหญ่ที่สุดในโลก ชง 'เกาะสมุย' พิกัดแรก

เมื่อวันที่ (1 ก.ย. 67) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ‘กรมเจ้าท่า’ ได้เริ่มว่าจ้างที่ปรึกษาศึกษาความเหมาะสมและสำรวจออกแบบท่าเทียบเรือรองรับเรือสำราญขนาดใหญ่ และได้รับจัดสรรงบประมาณปี 2563 - 2566 ภายใต้แผนงานบูรณาการสร้างรายได้จากการท่องเที่ยว วงเงินรวม 156.15 ล้านบาท เนื่องจากโอกาสทางการเติบโตของการท่องเที่ยวทางทะเลผ่านเรือสำราญขนาดใหญ่ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง 

โดยแผนพัฒนาท่าเรือสำราญขนาดใหญ่ มีจำนวน 3 โครงการ ได้แก่

1. โครงการพัฒนาท่าเทียบเรือรองรับเรือสำราญขนาดใหญ่ (Cruise Terminal) อำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี

โครงการนี้จะใช้พื้นที่ในการพัฒนาประมาณ 47 ไร่ แยกเป็นพื้นที่บนฝั่ง 15 ไร่ และพื้นที่นอกชายฝั่ง 32 ไร่ รวมมูลค่าการลงทุนทั้งสิ้น 12,172 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นค่าใช้จ่ายในการลงทุน 6,414.41 ล้านบาท และค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษา 5,757.19 ล้านบาท รูปแบบการลงทุนในลักษณะ PPP Net Cost โดยให้เอกชนเป็นผู้ร่วมลงทุนในการก่อสร้างและการดำเนินงานทั้งหมด โดยรัฐจะชำระค่าลงทุนโครงสร้างพื้นฐานคืนให้ในระยะเวลา 10 ปี

โดยโครงการนี้จะเริ่มดำเนินการตั้งแต่ปี 2568 จนถึงปี 2604 โดยเริ่มก่อสร้างในปี 2572 และจะเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการในปี  2575 ซึ่งมีระยะเวลาการให้บริการยาวนานถึง 30 ปี คาดการณ์ว่าหลังจากเปิดให้บริการจะสามารถรองรับนักท่องเที่ยวได้ตั้งแต่ 200,000 ถึง 400,000 คนต่อปี และรองรับเรือสำราญได้ 240 เที่ยวต่อปี

จากการศึกษาโครงการฯ คาดว่าโครงการก่อสร้างท่าเทียบเรือสำราญขนาดใหญ่ที่เกาะสมุยจะสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจตลอดระยะเวลา 30 ปี ประมาณ 46,000 ล้านบาท นอกจากนี้ยังมีอัตราผลตอบแทนทางเศรษฐศาสตร์สูงกว่า 15%

สถานะโครงการปัจจุบันกรมเจ้าท่าได้ส่งรายงานผลการศึกษา ให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) พิจารณาแล้ว คาดว่าจะสามารถนำโครงการเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้ก่อนสิ้นปี 2567 และจะเริ่มก่อสร้างในปี 2572 เมื่อโครงการนี้เสร็จสิ้นจะช่วยเสริมสร้างศักยภาพการท่องเที่ยวของประเทศไทยในระดับโลก ดึงดูดนักท่องเที่ยวที่มีคุณภาพ สร้างรายได้ให้แก่ชุมชนและเศรษฐกิจไทยอย่างยั่งยืน

2. โครงการพัฒนาท่าเรือน้ำลึกภูเก็ต เพื่อรองรับเรือสำราญขนาดใหญ่ (Cruise Terminal)

โครงการนี้จะปรับปรุงท่าเรือน้ำลึกภูเก็ตให้สามารถรองรับเรือสำราญขนาดใหญ่ บริเวณชายฝั่งอันดามัน คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปลายปี 2567 โดยจะดำเนินการพัฒนาท่าเรือน้ำลึกภูเก็ต ด้วยการขยายความยาวหน้าท่าเทียบเรือ ขุดลอกความลึกของร่องน้ำเท่ากับ -10.5 เมตร จากระดับน้ำลงต่ำสุด หรือ -12.8 เมตร เทียบกับระดับน้ำทะเลปานกลาง

นอกจากนี้ จะขุดลอกเพื่อขยายแอ่งกลับลำเรือให้มีความเหมาะสม ก่อสร้างเขื่อนกันคลื่นและติดตั้งไฟหัวเขื่อน และก่อสร้างอาคารที่พักผู้โดยสารและเครื่องมืออุปกรณ์ที่เป็นมาตรฐานของท่าเทียบเรือสำราญที่เป็นท่าเรือต้นทาง (Home Port) โดยเมื่อท่าเรือน้ำลึกภูเก็ตได้รับการปรับปรุงตามแผนดังกล่าว จะทำให้ท่าเรือน้ำลึกภูเก็ตมีศักยภาพเป็นท่าเรือแบบ Hybrid ที่เป็นทั้ง Home Port รองรับเรือ Cruise ขนาดกลางถึงเล็ก และเป็นท่าเรือแวะพัก (Port of call) รองรับเรือ Cruise ขนาดใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียที่บรรทุกผู้โดยสารได้ถึง 4,200 - 4,900 คน

3. โครงการพัฒนาท่าเรือสำราญขนาดใหญ่ (Cruise Terminal) บริเวณอ่าวไทยตอนบน บริเวณแหลมบาลีฮาย เมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี

โครงการจะพัฒนาบริเวณแหลมบาลีฮาย เมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี โดยท่าเรือเป็นลักษณะผสมผสาน (Hybrid) โดยจะเป็นท่าเรือต้นทาง (Home Port) สามารถรองรับผู้โดยสารได้ 1,500 คนต่อชั่วโมง และท่าเรือแวะพัก (Port of Call) จะสามารถรองรับผู้โดยสาร จำนวน 3,500 - 4,000 คนต่อชั่วโมง

อีกทั้งท่าเรือนี้จะพัฒนาให้สามารถรองรับเรือสำราญที่ใหญ่ที่สุดในโลกได้ รองรับเรือสำราญเข้าเทียบท่าได้พร้อมกัน 2 ลำ ความยาวท่าเทียบเรือ 300 เมตร พร้อมก่อสร้างอาคารพักผู้โดยสาร อีกทั้งจะพัฒนาที่จอดรถยนต์ เพื่อรองรับการเชื่อมต่อทางบกไปยังแหล่งท่องเที่ยว พัฒนาที่จอดเรือโดยสาร และเรือเร็ว เพื่อเชื่อมต่อการท่องเที่ยวไปยังเกาะแก่งต่าง ๆ

สำหรับผลการศึกษาเบื้องต้น ประเมินวงเงินลงทุนอยู่ที่ 7,412 ล้านบาท แบ่งเป็น ค่าลงทุนก่อสร้าง 5,934 ล้านบาท และค่าดำเนินงานและบำรุงรักษา (O&M) 1,478 ล้านบาท โดยกรมเจ้าท่าจะเปิดให้เอกชนร่วมลงทุนในรูปแบบ PPP Net Cost สัญญาสัมปทาน 30 ปี คาดว่าจะเริ่มเปิดประมูลภายในปี 2568 ก่อนดำเนินการก่อสร้างภายในปี 2569 ใช้ระยะเวลาก่อสร้าง 4 ปี คาดว่าจะเปิดให้บริการภายในปี 2572

'ดร.กอบศักดิ์' เผยข่าวดี MIT ตั้งสถาบันสอนบริหารธุรกิจในไทย เชื่อ!! ช่วยดันไทยก้าวสู่สังคมแห่งเทคโนโลยีอีกขั้นได้เร็วขึ้น

เมื่อวานนี้ (2 ก.ย.67) ดร.กอบศักดิ์ ภูตระกูล กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ และประธานกรรมการ สภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า...

การตัดสินใจก่อตั้งสถาบัน MIT แห่งที่สองของโลกที่ประเทศไทยนั้นจะทำให้ประเทศไทยมีโอกาสในหลาย ๆ ด้าน โดยจะมีการแลกเปลี่ยนความรู้และการวิจัยทางด้านนวัตกรรมและองค์ความรู้ใหม่ ๆ กับนักวิจัยของไทย บริษัทไทย มหาวิทยาลัยไทย หน่วยงานภาครัฐไทย และในภูมิภาคอาเซียนอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะช่วยให้ไทยและอาเซียน ตอบโจทย์สำคัญ ทำให้เราสามารถก้าวขึ้นไปบน Technological Ladder หรือก้าวขั้นบันไดของเทคโนโลยีได้เร็วยิ่งขึ้น

นับเป็นเรื่องน่ายินดีอย่างยิ่งสำหรับประเทศไทย เมื่อสถาบันบริหารธุรกิจเอ็มไอที สโลน (MIT Sloan School of Management) ซึ่งเป็นสถาบันสอนบริหารธุรกิจระดับโลกได้ตัดสินใจเปิดสถาบันแห่งที่สองนอกสหรัฐอเมริกา ที่ใจกลางกรุงเทพมหานครฯ ประเทศไทย ภายใต้ชื่อ ‘สถาบันบริหารธุรกิจเอ็มไอที สโลน แห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (MIT Sloan Office for Southeast Asian Nations – MSAO)’ หลังจากที่ได้ถูกก่อตั้งขึ้นที่ประเทศชิลี สำหรับภูมิภาคลาตินอเมริกา เมื่อปี 2556 

โดย สถาบัน MIT ที่ก่อตั้งขึ้นในกรุงเทพฯ นั้นจะเริ่มเปิดดำเนินการในช่วงปลายเดือนตุลาคม ปี 67 ที่กำลังจะมาถึง โดยจะเป็นการเปิดตัวโดยจัดสัมมนาเรื่อง ‘Beyond Years : the Future of Longevity’ รวมทั้งมีกิจกรรมที่น่าสนใจอื่น ๆ อาทิเช่น การแสดงเทคโนโลยีใหม่, Chimate Change, เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI), การทำธุรกิจในอนาคต และโอกาสทางด้านธุรกิจอีกมากมาย

มหกรรมใหญ่ ลดให้ถูกจริงปีละครั้ง ที่ภาคอีสาน 'INTERLINK MID YEAR SALE 2024 คุ้มเต็มสิบ' ยกขบวนสินค้าส่งตรงถึงมือ มอบกำไรคืนคู่ค้า คัดมาแล้วเพื่อผู้ประกอบการ ตอบโจทย์ทุกงานระบบในราคานี้ที่หาที่ไหนไม่ได้แล้ว

เนรมิตราคา กับภาคสุดท้ายของปี ! ลดจัดเต็มเพื่อผู้ประกอบการ กับสินค้า และอุปกรณ์ LINK AMERICAN & GERMAN RACK EVERYWHERE แบบครบโซลูชั่น คัดสรรจัดมาให้ส่วนลดทันที สูงสุดถึง 70% กับมหกรรมใหญ่ 'INTERLINK MID YEAR SALE 2024 คุ้มเต็มสิบ' ที่ภาคอีสาน ณ โรงแรมเซนเตอร์ พอยต์ เทอมินอล 21 โคราช กล้าการันตี สินค้าราคาถูกจริงทุกชิ้น !

เมื่อวันที่ (31 ส.ค. 67) บริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ คอมมิวนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) ตัวจริงเรื่องเทคโนโลยีด้านสายสัญญาณ และระบบโครงข่ายพื้นฐาน ลดใหญ่ครั้งสุดท้ายของปีกับงานมหกรรมลดแรงสุด ๆ ในราคามิตรภาพ โดยขนคาราวานสินค้า พร้อมอุปกรณ์ที่ตอบโจทย์ครบทุกระบบโครงสร้างพื้นฐาน คัดสรรจัดมาให้ในราคาดับเบิ้ลคุ้ม นับเป็นการคืนกำไร สร้างมูลค่าเพิ่มในราคาคุ้มประโยชน์สูงสุด ให้แก่คู่ค้า และพันธมิตร ภายในงานนี้เท่านั้น เพื่อขับเคลื่อนธุรกิจร่วมกันครั้งใหญ่ ผลักดันธุรกิจสู่การเติบโตร่วมกันอย่างยั่งยืน จากสินค้าราคาดีคุณภาพเยี่ยม และไม่มีที่ไหนแน่นอน กล้ารับประกันมีแต่คุ้ม โดยมี คุณสมบัติ อนันตรัมพร ประธานกรรมการฯ ร่วมกล่าวเปิดงาน และพูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์ในวันนี้อีกด้วย

นอกจากนี้ คุณสมบัติฯ ประธานกรรมการ ยังได้ร่วมอัปเดตเทรนด์เทคโนโลยี นวัตกรรมใหม่แห่งยุคดิจิทัล ที่ได้มีการพัฒนาเปลี่ยนผ่านไปอย่างรวดเร็ว พร้อมทั้งได้เผยแนวคิด นวัตกรรมใหม่ ผลิตภัณฑ์ที่เหนือกว่าเดิม ที่เป็นขั้นสุด และง่ายกว่า ซึ่งกำลังจะเปิดตัวสินค้าใหม่เร็ว ๆ นี้ กับการออกแบบระบบ FTTR ทั้ง อาคารที่พักอาศัย โรงแรม และคอนโดมิเนี่ยม เผยถึงไอเท็มลับจาก Super S Series ที่ทำให้ FTTR เป็นเรื่องง่าย 'LINK Fiber Optic To The Room: The complete cabling solutions' ในวันที่ 11 กันยายนนี้ 

โดย บริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ฯ ไม่เคยหยุดนิ่งในการพัฒนา และขับเคลื่อนเทคโนโลยีใหม่สุดล้ำ ด้วยการร่วมมือคิดค้นกับ LINK AMERICAN และ 19"GERMANํY EXPORT RACK ออกแบบผลิตภัณฑ์มาเพื่อตอบโจทย์แก่การนำไปติดตั้งใช้งานในปัจจุบันให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดต่อไป ที่กล้าการันตีถึงคุณภาพที่ล้นเหลือแก่งานระบบแบบครบโซลูชั่น และสามารถสร้างความเชื่อมั่นให้แก่คู่ค้า ด้วยการมีมาตรฐานอันดับโลกรองรับ มีการรับประกันสินค้าถึง 30 ปี ที่ยาวนานที่สุดในท้องตลาดอีกด้วย

สำหรับงานนี้ ได้เดินทางออนทัวร์มาครบทุกภูมิภาคของประเทศไทยแล้ว ทุกโครงสร้างด้านระบบโครงข่ายพื้นฐานที่มีคุณภาพครบต้องจบที่ INTERLINK ได้มัดรวมดีลพิเศษ จัดเต็มลดให้แบบจุก ๆ เพื่อคุณลูกค้าโดยเฉพาะที่งานนี้เท่านั้น ราคาถูกจริงกับอุปกรณ์ ชุดเครื่องมือ และ Products Highlight ลดให้ทันทีในราคาสบายกระเป๋า ซื้อง่ายประหยัดเงิน กับสินค้าครบทุกหมวดหมู่ ครบทั้ง Solution ตั้งแต่สาย LAN (UTP), สาย Fiber Optic/PON, COAXIAL (CCTV), Telephone, Networking, ตู้จัดเก็บอุปกรณ์อย่าง German Rack ที่ได้คิดค้น ออกแบบร่วมกันกับวิศวกรชาวไทย และชาวเยอรมันนี โดยเมื่อต้นปีทีผ่านมา ได้จัดงานเฉลิมฉลองครบรอบ 35 ปี พร้อมเปิดตัวตู้นวัตกรรมใหม่อย่างเป็นทางการไปแล้ว การันตีด้านความแข็งแกร่งดีเยี่ยมที่ลูกค้าทุกท่านมั่นใจ ตลอดจนตู้จัดเก็บอุปกรณ์อย่าง LINK Rack เราก็ขนมาเลือกซื้อ และลดสูงสุดทันทีถึง 70% แถมยังมีโปรโมชั่นเสริมแจกให้ลูกค้ากับช่วง SHOCK DEAIL และช่วง CASH BACK มอบให้ทันทีที่งานนี้เท่านั้น ไม่ช้อปตอนนี้ไม่ได้แล้ว

ต่อเนื่องด้วยสินค้า ในหมวดสาย Solar ที่เป็นกระแสมาแรงอย่างต่อเนื่องในยุคนี้ ขนมาให้เลือกซื้อไปพร้อมกับอุปกรณ์หัวขั้วต่อที่ตอบโจทย์ครบชุดทั้งระบบโซลาร์/อุปกรณ์ที่รองรับระบบ Solar Roof และ Solar Farm ที่มีมาตรฐาน AD8 รองรับ และกล้าการันตีถึงความคุ้มค่าที่ทุกร้านค้า สามารถไว้วางใจได้ไม่ผิดหวังที่ได้เลือกสินค้า LINK AMERICAN & 19”GERMAN EXPORT RACK นำไปจัดจำหน่าย เพื่อทุกงานระบบที่มีคุณภาพ และเพื่อผู้ประกอบการร้านค้าทุกท่านทำรายได้เพิ่ม สร้างกำไรเติบโตได้อย่างดีเยี่ยมร่วมกันต่อไป 

จับแจก กันต่อกับกิจกรรม ลุ้น รับโชค และสนุกไปกับความบันเทิงที่ได้ร่วมสนุกกันตลอดทั้งงาน ยิ้มรับความคุ้มค่า และความสุข โดยภายในงานมีรางวัลสุดเซอร์ไพรส์มามอบให้กับลูกค้าคนพิเศษที่งานนี้อีกด้วย ทั้งสร้อยคอทองคำ โทรศัพท์มือถือ ของพรีเมียมจากอินเตอร์ลิ้งค์ฯ และ Gift Voucher ต่าง ๆ อีกมากมาย คุ้ม ช้อปครบเครื่องเรื่องสายสัญญาณ กับสินค้าราคาที่ดีกว่าต้องที่ "อินเตอร์ลิ้งค์ฯ" กล้ารับประกัน ตอบโจทย์ทุกงานระบบ ครบทุกความต้องการแน่นอน

บมจ.อินเตอร์ลิ้งค์ คอมมิวนิเคชั่น จึงขอขอบพระคุณคู่ค้า และพันธมิตรทั่วทุกภูมิภาคของประเทศด้วยหัวใจที่ทุกท่านให้ความเชื่อมั่น ในการสนับสนุนสินค้า และอุปกรณ์ LINK AMERICAN & GERMAN RACK EVERYWHERE ในปีนี้กันอย่างดีเยี่ยม ขอบพระคุณอีกครั้งที่เป็นอีกแรงหนุนดีที่สำคัญ แห่งการขับเคลื่อนให้ทุกระบบโครงสร้างพื้นฐาน ต้องใช้สินค้าที่มีคุณภาพ และตอบโจทย์แก่การนำไปใช้งานให้มีเสถียรภาพสูงสุด ต้องเลือกใช้สินค้าของ LINK AMERICAN เท่านั้น

แล้วพบกันใหม่ปีหน้า กับมหกรรมสินค้ายิ่งใหญ่ลดราคาให้ถูกจริงกลางปีละครั้งเท่านั้น ในปี 2025 เราจะยังขนสินค้า ยกขบวนโซลูชั่น ไปจัดเต็มทำโปรโมชั่นคืนกำไร เพื่อทำรายได้เพิ่มให้ทุกท่าน และส่งตรงให้ถึงมือคู่ค้า และผู้ประกอบการทั่วทุกภูมิภาคของประเทศกันอีกเช่นเคย แต่หากใครสนใจสินค้า ณ ตอนนี้ สามารถสั่งซื้อ และดูโปรโมชั่นพิเศษประจำเดือนได้ตลอดทุกเดือน หรือ ติดต่อเซลล์ที่ดูแลคุณได้เลย หรือ ติดต่อสอบถามได้ตามช่องทางต่อไปนี้ 
โทร 02-666-1111 หรือ ดูสินค้าผ่าน https://interlink.co.th/product

ชม ARMY-2024 งานแสดงอาวุธยุทโธปกรณ์ EP#1 ความก้าวหน้าด้านอาวุธที่ถูกปิดกั้นจากสื่อตะวันตก

(3 ก.ย. 67) บริษัท ROSOBORONEXPORT รัฐวิสาหกิจ ผู้นำเข้า-ส่งออกอาวุธยุทโธปกรณ์แต่เพียงผู้เดียวของสหพันธรัฐรัสเซีย ได้เชิญผู้เขียนในฐานะสื่อมวลชนจากสำนักข่าว THE STATES TIMES ไปเยี่ยมชมงานนิทรรศการแสดงอาวุธยุทโธปกรณ์ ARMY-2024 (12-14 สิงหาคม พ.ศ. 2567) รวม 3 วัน จึงขอนำเรื่องราวและประสบการณ์มาบอกเล่าให้ท่านผู้อ่าน THE STATES TIMES ได้ทราบพอสังเขปดังนี้...

มหาวิหารหลักของกองทัพรัสเซีย (Cathedral of the Resurrection of Chris) ณ Patriot Park

งานนิทรรศการแสดงอาวุธยุทโธปกรณ์ ARMY-2024 จัดขึ้นเป็นปีที่ 10 แล้ว โดยงานดังกล่าวจัดขึ้น ณ อนุสรณ์สถาน Patriot Park เมือง Kubinka ห่างจากกรุง Moscow ราว 60 กิโลเมตร Patriot Park มีพื้นที่ราว 5,414 เฮกตาร์ (54.14 ตารางกิโลเมตร) ภายในประกอบด้วย มหาวิหารหลักของกองทัพรัสเซีย (Cathedral of the Resurrection of Chris) พิพิธภัณฑ์การบินฐานทัพอากาศ Kubinka พิพิธภัณฑ์ยานเกราะ Kubinka และพิพิธภัณฑ์กองทัพรัสเซีย นอกจากนี้ยังมีอาคารที่ทำการของบริษัทผลิตอาวุธยุทโธปกรณ์ของรัสเซียมากมายหลายบริษัท และสนามยิงปืน ซึ่งมีพื้นที่กว่า 160 เฮกตาร์ (1.6 ตารางกิโลเมตร)

รถติดตั้งจรวดต่อสู้อากาศยานจอดรักษาการณ์อยู่ด้านหน้าอนุสรณ์สถาน Patriot Park

งาน ARMY-2024 เป็นงานปิด จึงไม่เปิดให้ผู้ที่ไม่ได้ลงทะเบียนร่วมงานเข้าชม โดยผู้ร่วมงานต้องลงทะเบียนล่วงหน้า และรับบัตรเข้างานซึ่งต้องใช้ในการสแกนเพื่อผ่านเข้างานทุกครั้ง ด้วยมาตรการรักษาความปลอดภัยอันเข้มข้น มีรถติดตั้งจรวดต่อสู้อากาศยานจอดรักษาการณ์อยู่ด้านหน้าอนุสรณ์สถาน Patriot Park พร้อมทั้งปืนต่อสู้อากาศยานอัตตาจรอีกหลายจุด บริเวณโดยรอบมีทหารติดอาวุธพร้อมอาวุธต่อต้านโดรนลาดตระเวนเป็นคู่อยู่ทั่วไป ก่อนเข้างานรถทุกคันและสิ่งของทุกชิ้นจะถูกตรวจสอบโดยไม่มีการสุ่ม ทางเข้างานนอกจากต้องแสดงบัตรเข้างานพร้อมหนังสือเดินทางก่อนผ่านประตูเครื่องตรวจจับวัตถุแล้ว ยังต้องเปิดสัมภาระทุกชิ้นให้ตรวจค้นอย่างละเอียดเหมือนกับก่อนขึ้นเครื่องบิน เพราะทราบกันดีว่า รัสเซียยังอยู่ในสถานการณ์การทำสงครามกับยูเครน

โดรนพิฆาตหรือโดรนโจมตีของสหพันธรัฐรัสเซีย

โดรนพิฆาตหรือโดรนโจมตีของกองทัพรัสเซียขณะทำลายเป้าหมายซึ่งเป็นปืนใหญ่อัตตาจรของยูเครน

วันแรก 12 สิงหาคม 2567 บริษัท ROSOBORONEXPORT ได้นำไปเยี่ยมชมอาคารของบริษัทฯ เอง เพื่อนำเสนอเกี่ยวกับโดรนพิฆาตหรือโดรนโจมตีของสหพันธรัฐรัสเซีย ซึ่งแน่นอนว่า บริษัท ROSOBORONEXPORT เป็นผู้ส่งออกแต่เพียงผู้เดียว วิวัฒนาการของการทำสงครามมีการเปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัยและบริบทของสงคราม สงครามในยุคปัจจุบัน โดรนเข้ามามีบทบาทเป็นอย่างมาก จากแรกเริ่มเดิมทีมีการใช้โดรนในภารกิจ ลาดตระเวน ตรวจการณ์ แต่ทุกวันนี้โดรนเข้ามามีส่วนในการปฏิบัติการรบโดยตรง มีการเคลื่อนย้ายอาวุธยุทโธปกรณ์จำนวนหนึ่งที่ชาติสมาชิก NATO ได้ส่งมาช่วยเหลือยูเครนมายังกรุง Moscow ปรากฏว่า ยานรบที่เป็น รถถัง รถหุ้มเกราะ ที่อยู่ในสมรภูมิยูเครนได้รับความเสียหายจากโดรนพิฆาตหรือโดรนโจมตีของกองทัพรัสเซียมากที่สุด รองลงมาเป็นกับระเบิดหรือทุ่นระเบิด และต่อมาเป็นจรวดต่อสู้รถถัง (ซึ่งจะได้นำเรื่องราวของ ‘อาวุธยุทโธปกรณ์ที่ชาติสมาชิก NATO ส่งมาช่วยยูเครน’ มาบอกเล่าในตอนต่อ ๆ ไป) 

โดรนพิฆาตหรือโดรนโจมตี ZALA Lancet Item 52-E ของสหพันธรัฐรัสเซีย

โดยบริษัท ROSOBORONEXPORT ได้นำเสนอโดรนพิฆาตหรือโดรนโจมตี ZALA Lancet Item 52-E ผลิตโดย ZALA Aero Group ซึ่งกองกำลังรัสเซียในยูเครนได้ใช้โดรนชนิดนี้อย่างได้ผล โดรน 52-E ที่ได้รับการอัปเกรดแล้วสามารถเพิ่มระยะเวลาการบินเป็นหนึ่งชั่วโมงพร้อมหัวรบน้ำหนัก 3 กิโลกรัม สามารถใช้ในการโจมตีกำลังทหารด้วยหัวรบระเบิดแรงสูงแบบแยกส่วนหรือหัวรบเทอร์โมบาริก หรือโจมตีรถหุ้มเกราะหรือรถถังด้วยหัวรบระเบิดแรงสูงต่อต้านรถถัง (HEAT)

โดรน ZALA Lancet Item 52-E ขณะโจมตีที่ตั้งปืนใหญ่ของยูเครน

ในสงครามอ่าวเมื่อกว่าสามสิบปีมาแล้ว สหรัฐอเมริกาได้ให้สำนักข่าวต่าง ๆ นำเสนอคลิปการโจมตีอิรักด้วยสารพัดอาวุธยุทโธปกรณ์ของสหรัฐฯ จนทำให้อาวุธยุทโธปกรณ์เหล่านั้นเป็นที่ต้องการของกองทัพชาติต่าง ๆ อย่างมากมาย แต่สงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครน สื่อของชาติตะวันตกต่างอ้างมาตรการลงโทษ (Sanctions) ปฏิเสธการนำเสนอข่าวของรัสเซีย ทำให้ชาวโลกจึงไม่ค่อยทราบถึงความก้าวหน้าและอานุภาพของอาวุธยุทโธปกรณ์ที่ผลิตโดยรัสเซีย ซึ่งหลังจากถูกชาติตะวันตกคว่ำบาตรและถูกมาตรการลงโทษ (Sanctions) ทำให้อุตสาหกรรมป้องกันประเทศของสหพันธรัฐรัสเซียต้องอาศัยการพึ่งพาตนเอง (Self-reliance) 100% (มีภาพการทำงานของอาวุธยุทโธปกรณ์ที่ผลิตโดยรัสเซียที่ถ่ายไว้โดยฝ่ายยูเครน และต่อมากองกำลังรัสเซียสามารถยึดรวบรวมเอาไว้ได้เป็นจำนวนมาก)

ชม ARMY-2024 งานแสดงอาวุธยุทโธปกรณ์ EP#2 เรือดำน้ำโจมตีสุดล้ำ ศักยภาพไม่ด้อยกว่าค่ายตะวันตก

ตามที่บริษัท ROSOBORONEXPORT รัฐวิสาหกิจ ผู้นำเข้า-ส่งออกอาวุธยุทโธปกรณ์แต่เพียงผู้เดียวของสหพันธรัฐรัสเซีย ได้เชิญผู้เขียนในฐานะสื่อมวลชนจากสำนักข่าว THE STATES TIMES ไปเยี่ยมชมงานนิทรรศการแสดงอาวุธยุทโธปกรณ์ ARMY-2024 (12-14 สิงหาคม พ.ศ. 2567) รวม 3 วัน จึงขอนำเรื่องราวและประสบการณ์ในงานดังกล่าวทั้ง 3 วัน มาบอกเล่าให้ท่านผู้อ่าน THE STATES TIMES ได้ทราบเป็นตอน ๆ พอสังเขป 

ต่อจาก EP#1 ก็ยังเป็นวันแรก (12 สิงหาคม) หลังจากรับฟังการนำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับโดรนพิฆาตหรือโดรนโจมตีของสหพันธรัฐรัสเซีย โดยบริษัท ROSOBORONEXPORT แล้ว ทีมงานก็พาเดินไปยังอาคารของบริษัท United Shipbuilding Corporation (USC) สำนักงานใหญ่ของ USC จะตั้งอยู่ในนคร St. Petersburg แต่ก็มีสำนักงานใน Patriot Park ด้วย 

USC ก่อตั้งขึ้นตามรัฐกฤษฎีกาของประธานาธิบดี Putin แห่งสหพันธรัฐรัสเซียซึ่งลงนามเมื่อเดือนมีนาคม 2007 จดทะเบียนในเดือนพฤศจิกายน 2007 เป็นบริษัทมหาชนจำกัดที่รัฐบาลเป็นผู้ถือหุ้นหลัก เป็นบริษัทต่อเรือที่ใหญ่ที่สุดของสหพันธรัฐรัสเซีย ซึ่งต่อเรือรวม 80% ของเรือที่ต่อในประเทศ USC รวมบริษัทในสาขาต่าง ๆ ที่ประกอบกิจการต่อเรือ ซ่อมแซม และบำรุงรักษา สำหรับภาคตะวันตก ภาคเหนือ และ ภาคตะวันออกไกลของประเทศ โดยมีบริษัทย่อยในเครือ 3 แห่ง ได้แก่...

- อู่ต่อเรือ Admiralty (ศูนย์ต่อเรือตะวันตกใน St. Petersburgและ Kaliningrad) 
- ศูนย์ต่อและบำรุงรักษาเรือภาคเหนือใน Severodvinsk 
- และศูนย์ต่อและบำรุงรักษาเรือภาคตะวันออกไกลใน Vladivostok 

ทั้งนี้ ตามรายงานของหนังสือพิมพ์ 'Kommersant' มูลค่ารวมของคำสั่งซื้อมีอยู่ที่ 12,000 ล้านเหรียญสหรัฐ USC มีพนักงานประมาณ 95,000 คน

สำหรับ USC รวมบริษัทลูก 3 แห่ง ประกอบไปด้วย อู่ต่อเรือในประเทศ สำนักงานออกแบบ และอู่ซ่อมเรือมากกว่า 60 แห่ง โดยบริษัทของ USC ดำเนินการในท่าเรือ และศูนย์กลางการขนส่งหลักทั้งหมดของประเทศ USC เป็นบริษัทที่รับต่อเรือทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็น เรือรบ, เรือสินค้า, เรือบรรทุกน้ำมัน เรือโดยสาร ฯลฯ 

ส่วนในด้านอาวุธยุทโธปกรณ์ USC ต่อเรือบรรทุกเครื่องบิน, เรือรบประเภทต่าง ๆ จนกระทั่ง เรือดำน้ำ โดยผู้บริหารของ USC ได้นำเสนอเรือรบแบบต่าง ๆ ให้กับคณะสื่อมวลชนที่ได้รับเชิญ แต่สิ่งซึ่งผู้เขียนให้ความสนใจมากที่สุดคือ 'เรือดำน้ำ' ที่ต่อโดย อู่ต่อเรือ Admiralty (ศูนย์ต่อเรือตะวันตกใน St. Petersburg) ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ USC ได้แก่ 'เรือดำน้ำชั้น LADA' หรือ ชื่อส่งออกคือ 'เรือดำน้ำชั้น Amur'

'เรือดำน้ำชั้น LADA' ออกแบบและต่อขึ้นตามโครงการ 677 (Project 677) ของสหพันธรัฐรัสเซีย เป็นเรือดำน้ำโจมตี 'ดีเซล-ไฟฟ้า' ชั้นก้าวหน้ารุ่นใหม่ ที่ออกแบบโดยสำนักงานออกแบบ Rubin เพื่อพัฒนาเรือดำน้ำดีเซล-ไฟฟ้า Gen 4 

ทั้งนี้ โครงการ 677 เป็นการออกแบบเรือดำน้ำดีเซลไฟฟ้าของสหพันธรัฐรัสเซียที่พัฒนาขึ้นในช่วงปลายทศวรรษ 1990 โดยออกแบบมาเพื่อใช้ในการต่อต้านเรือดำน้ำและเรือผิวน้ำ และการป้องกันฐานทัพเรือ ชายฝั่งทะเล ตลอดจนถึงเส้นทางเดินเรือ รวมถึงใช้ในการลาดตระเวน 

เรือดำน้ำรุ่นนี้ ถือเป็นการนำการออกแบบตัวถังเดียวมาใช้ครั้งแรกของกองทัพเรือรัสเซียสำหรับเรือดำน้ำโจมตีนับตั้งแต่ทศวรรษ 1940 โดยระวางขับน้ำลดลง 25% เมื่อเทียบกับเรือดำน้ำรุ่นก่อนหน้าอย่าง เรือดำน้ำชั้น KILO 

เรือดำน้ำชั้น Amur (เรือดำน้ำชั้น LADA เพื่อการส่งออก)

ไม่เพียงเท่านี้ ขีดความสามารถของเรือดำน้ำชั้น LADA ได้รับการปรับปรุงให้ดีขึ้นเป็นอย่างมาก โดยมีเสียงที่เบาลง ทำให้คุณสมบัติในการพรางตัวดีขึ้น ขณะที่ระบบอาวุธใหม่ ทั้งตอร์ปิโด, ขีปนาวุธโจมตี และตัวเลือกสำหรับระบบขับเคลื่อนอิสระจากอากาศ (AIP) ความเร็วสูงสุดขณะดำน้ำอยู่ที่ 21 นอต (39 กม./ชม. หรือ 24 ไมล์/ชม.) เพิ่มขึ้นจาก 19 นอต (35 กม./ชม. หรือ 22 ไมล์/ชม.) ในเรือดำน้ำชั้น KILO 

นอกจากนี้ เรือดำน้ำชั้น LADA ได้รับการออกแบบให้สามารถอยู่ในทะเลได้นานถึง 45 วัน โดยมีลูกเรือประจำ 35 นาย 

ทั้งนี้ เรือดำน้ำของสหพันธรัฐรัสเซียเป็นต้นแบบของเรือดำน้ำที่สาธารณรัฐประชาชนจีนเป็นผู้ผลิต มีพัฒนาการในการใช้งานมาอย่างยาวนาน โดยไม่ด้อยไปกว่าเรือดำน้ำของค่ายตะวันตกเลย 

อันที่จริงแล้วกองทัพเรือไทย ซึ่งรับผิดชอบดูแลอธิปไตย 2 ฝั่งทะเลคือ 'อ่าวไทย' และ 'อันดามัน' ซึ่งมีทั้งเรื่องของความมั่นคงและผลประโยชน์ของชาติทั้งแหล่งน้ำมันและก๊าซ ประมง และเส้นทางเดินเรือ ฯลฯ ปีละนับล้านล้านบาทนั้น ทางกองทัพเรือไทยจึงควรที่จะต้องมีเรือดำน้ำประจำการ 3 ลำเป็นอย่างน้อย โดยประจำการฝั่งทะเลละ 1 ลำ และอีก 1 ลำเพื่อผลัดเปลี่ยนสำหรับการซ่อมบำรุง 

หลาย ๆ ท่านอาจไม่เห็นด้วยกับแนวคิดนี้ แต่ความมั่นคงและผลประโยชน์ของชาติเป็นเรื่องสำคัญที่ไม่อาจที่ละเลยได้ ด้วยประเทศเพื่อนบ้านของไทยเราทุกประเทศที่แม้จะเป็นพันธมิตรกันใน ASEAN ก็ตามที แต่ในความเป็นจริงแล้วทุกประเทศต่างก็แข่งขันกันสะสมอาวุธยุทโธปกรณ์ ซึ่งไม่มีการยกเว้นแม้แต่ประเทศเล็ก ๆ อย่าง สิงคโปร์ 

ทว่า การจัดซื้อจัดอาวุธยุทโธปกรณ์ ก็ไม่เหมือนสินค้าประเภทอื่น เพราะมีเงินก็ไม่สามารถซื้อได้ทันทีที่ต้องการ ต้องมีขั้นตอน กระบวนการ และระยะเวลาในการจัดซื้อ และหลังจากได้รับอาวุธยุทโธปกรณ์ที่ต้องการมาแล้ว ผู้ใช้ยังต้องทำการฝึกฝนหาความชำนาญ และทำความคุ้นเคย เพื่อให้สามารถใช้อาวุธยุทโธปกรณ์นั้น ๆ ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพอีกด้วย

ศาลยกฟ้อง ‘เดวิด’ ฝรั่งเตะหมอปาย ยกผลประโยชน์ความสงสัยให้จำเลย

(3 ก.ย. 67) จากคดี หมอปาย หรือ พญ.ธารดาว จันทร์ดำ ถูกนายเดวิด ชาวสวิตเซอร์แลนด์และเจ้าของปางช้างภูเก็ต ทำร้ายร่างกายด้วยการเตะเข้าบริเวณหลัง ขณะนั่งบริเวณบันไดหน้าวิลล่าหรู ริมชายหาดยามู อ.ถลาง จ.ภูเก็ต เหตุเกิดขึ้นเมื่อเดือน ก.พ.2567 ตามที่เคยเสนอข่าวไปแล้วนั้น 

สำหรับความคืบหน้า ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศาลมีคำพิพากษาในคดีนี้ โดยยกฟ้องนายเดวิด จำเลยในคดีนี้ เนื่องจากยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้กับจำเลย

คดีนี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 24 ก.พ.ที่ผ่านมา เมื่อ พญ.ธารดาว จันทร์ดำ หรือหมอปาย เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับนายเดวิด ชาวสวิตเซอร์แลนด์ อายุ 45 ปี ข้อหาทำร้ายร่างกายบริเวณชายหาดยามู จ.ภูเก็ต จนเกิดกระแสการขับไล่นายเดวิดออกจากพื้นที่

ต่อมาวันที่ 5 มี.ค. นายศรัทธา ทองคำ รองผวจ.ภูเก็ต รักษาราชการแทนผู้ว่าฯ ลงนามในหนังสือด่วนที่สุดถึง ผกก.ตรวจคนเข้าเมืองภูเก็ต ให้พิจารณาเพิกถอนวีซ่านายเดวิดโดยเร่งด่วน โดยให้เหตุผลว่า จ.ภูเก็ตพิจารณาแล้วเห็นว่า การกระทำของ นายเดวิด มีพฤติการณ์เป็นที่น่าเชื่อว่าเป็นบุคคลที่เป็นภัยต่อสังคม หรือจะก่อเหตุร้ายให้เกิดอันตรายต่อความสงบสุขและความเรียบร้อยของประชาชน

จากนั้นวันที่ 7 มี.ค. พ.ต.อ.ปริญญา กลิ่นเกษร รอง ผบก.ตม.1 ในฐานะรองโฆษก สตม. เปิดเผยว่า เมื่อคืนวันที่ 6 มี.ค. พล.ต.ต.ทรงโปรด สิริสุขะ ผบก.ตม.6 ลงนามอนุมัติเพิกถอนวีซ่าของนายเดวิดตามที่ ตม.จว.ภูเก็ต เสนอแล้ว

โดยเห็นว่าการกระทำของนายเดวิด มีพฤติการณ์เป็นที่น่าเชื่อว่าเป็นบุคคลที่เป็นภัยต่อสังคม หรือจะก่อเหตุร้ายให้เกิดอันตรายต่อความสงบสุขและความเรียบร้อยของประชาชน ซึ่งเข้าเงื่อนไขตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ. 2522 ตามพฤติการณ์ที่ได้รับการยืนยันเป็นลายลักษณ์อักษรจากผู้ว่าราชการจังหวัด และ ผบก.ภ.จว.ภูเก็ต

แต่นายเดวิด มอบอำนาจให้ผู้แทนยื่นคำร้องขออุทธรณ์คำสั่งเพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรต่อคณะกรรมการพิจารณาคนเข้าเมืองอีกด้วย

ตำรวจไทยเข้าประชุมตำรวจหญิงโลก ณ สหรัฐอเมริกา ร่วมเดินขบวนพาเหรดอย่างยิ่งใหญ่กลางเมืองชิคาโก

พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ มอบหมายให้คณะตัวแทนตำรวจไทยเข้าร่วมการสัมมนาของสมาคมตำรวจหญิงนานาชาติ (International Association of Women Police) ครั้งที่ 61 ณ โรงแรม ฮิลตัน เมืองชิคาโก สหรัฐอเมริกา ระหว่างวันที่ 1-5 กันยายน 2567 โดยได้มีพิธีเปิดและการเดินขบวนพาเหรดอย่างยิ่งใหญ่ในย่านดาวน์ทาวน์ของชิคาโก 

คณะตำรวจหญิงไทยนำโดย พล.ต.ต.หญิง พรรณวิภา โรหิโตปการ ผบก.สบร. (หัวหน้าคณะ) พร้อมด้วย พ.ต.อ.หญิง นพวรรณ ถิระวุฒิ รอง ผบก.อก.ภ.9, พ.ต.ท.หญิง กุลวดี ณ นคร สว.(กอ.รมน.) สกพ., พ.ต.ท.หญิง ฉันสินี ไชยรัตน์ รอง ผกก.ฝ่ายกิจการต่างประเทศ บก.อก.บช.ส., พ.ต.ท.หญิง ณพวรรณ ปัญญา อจ.(สบ2) กลุ่มงานคณาจารย์ คณะสังคมศาสตร์ รร.นรต., ว่าที่ พ.ต.ท.หญิง ภัทรินทร์ทิพย์ ธาระสิทธิ์ สว.ฝ่ายพิธีการฯ ตท., ร.ต.อ.หญิง จิรัฐติกาล เดียวจรัศ รอง สว.กก.ดส. บช.น. และ ว่าที่ ร.ต.อ.หญิง สุภิญญา เอื้อมศศิธร นว.(สบ1) ผบก.สบร. รวม 8 นาย ได้เข้าร่วมการประชุมของสมาคมตำรวจหญิงนานาชาติ โดยการสนับสนุนจาก ฝ่ายความร่วมมือด้านการบังคับใช้กฎหมายและยาเสพติด (International Narcotics and Law Enforcement Affairs Section - INL) สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย 

การสัมมนาดังกล่าวจัดขึ้นโดยสมาคมตำรวจหญิงนานาชาติ (International Association of Women Police -IAWP) ซึ่งเป็นองค์กรที่มีมีสมาชิกกว่า 70 ประเทศทั่วโลก และองค์กรพันธมิตรมากกว่า 30 หน่วยงาน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อก่อตั้งเครือข่ายระดับโลกเพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาและยกระดับศักยภาพของสตรี ในการทำหน้าที่ตำรวจในระดับนานาชาติ สำหรับการประชุมครั้งนี้ มีตัวแทนตำรวจหญิงจากประเทศต่างๆ เข้าร่วมจำนวนกว่า 1,000 นาย และมีกิจกรรมอย่างหลากหลาย เช่น การอบรมสัมมนา กิจกรรมแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรม และการเดินขบวนพาเหรด 

นับเป็นโอกาสและประสบการณ์ที่มีค่าอย่างยิ่ง ที่ทางคณะตำรวจหญิงไทยได้เข้าร่วมการประชุมดังกล่าว ซึ่งนอกจากจะได้สร้างเครือข่ายกับตำรวจหญิงจากนานาประเทศแล้ว ทางคณะฯ ยังได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์ของสตรีในบทบาทตำรวจ ได้เรียนรู้มุมมองและแนวคิดการพัฒนาการปฏิบัติงาน ซึ่งทางคณะฯ จะได้นำองค์ความรู้ดังกล่าว กลับไปต่อยอด พัฒนา และส่งเสริมภาวะผู้นำของข้าราชการตำรวจหญิงในอนาคตต่อไป

'นักเขียนซีไรต์' ชำแหละฐานเสียงส้ม เชื่อ!! สุดท้ายก็คงแพ้ทั้งขบวนการ

(3 ก.ย. 67) วิมล ไทรนิ่มนวล นักเขียนรางวัลซีไรต์ โพสต์ข้อความหัวข้อ ‘ฐานเสียงฟองสบู่’ มีรายละเอียดดังนี้

ฐานเสียงของพรรคส้มนั้นส่วนมากเป็นคนหนุ่มสาวและวัยรุ่น ชอบสิ่งแปลกใหม่ เป็นกระแสอย่างเดียวกับกระแสแฟชั่น ชอบวาทะเท่ ๆ แม้บางทีก็ทึ่ม ชอบคนสวยคนหล่อ ชอบนโยบายที่จะทำให้ตัวเองสุขสบาย อย่างรัฐสวัสดิการ การแจกเงินตามนโยบายต่าง ๆ

ส่วนคนวัยกลางคน…ส่วนหนึ่งเคยเป็นสลิ่ม อีกส่วนไม่เคยใส่ใจการเมืองจริงจังมาก่อน แต่ส่วนมากเคยเป็นเสื้อแดง ตอนยังไม่มีเสื้อส้มก็แห่แหนรวมหัวกันอย่างบ้าคลั่ง ‘สู้เพื่อทักษิณ’ เพราะท่าน ‘ดี เก่ง ฉลาด ทันโลก ต่อสู้เพื่อคนยากคนจน’ ใครแตะไม่ได้

พอมีเสื้อส้มก็ไหลไปปลาบปลื้มกับเสื้อส้ม ‘พิธาเก่ง หล่อ ฉลาด ทันสมัย’ ‘พรรคส้มสู้เพื่อประชาธิปไตย เพื่อความเป็นธรรม และความเท่าเทียม’ ใครแตะไม่ได้อีกแหละ ไม่รู้ว่าลืมทักษิณที่เคยอวยหรือไม่?

ส่วนท่านผู้อาวุโส ที่อายุ 70 + – แทบทั้งหมดก็เคยเชียร์เสื้อแดงมาก่อน ตอนนี้ย้ายมาเชียร์เสื้อส้ม เพราะสดใหม่กระแสแรงกว่า พวกผู้อาวุโสเหล่านี้คือพวกฝ่ายซ้าย ที่ส่วนมากออกจากป่ามาได้เพราะในหลวงรัชกาลที่ 9 แต่ลัทธิคอมมิวนิสต์ยังฝังหัวอยู่ และตัวเองก็ชราเกินกว่าจะทำอะไรได้แล้ว นอกจากเชียร์ฝ่ายล้มเจ้า หลายปีมานี้จึงเห็นพวกท่านชู 3 นิ้ว คอยลุ้น คอยแก้ต่างให้ม็อบส้ม คอยให้กำลังใจพรรคส้มชนะทุกเวทีประกวด

มีคนบอกว่าผู้อาวุโสเหล่านี้น่าจะปล่อยวางได้แล้ว แต่ผมเข้าใจพวกท่านว่าความยึดมั่นถือมั่นต่ออุดมการณ์ยังแรงกล้าอยู่

พวกท่านเก็บกดมานาน ไม่เคยถึง ‘จุดกระสันสุดยอดของอุดมการณ์’ จึงอยากจะถึงจุดกระสันสุดยอดสักครั้ง ก่อนตายคาอุดมการณ์ไปอย่างเดียวดาย

สุดท้ายก็แพ้ทั้งขบวนการ!

'รมว.ตปท.เวเนฯ' ประณามสหรัฐฯ ปมยึดแอร์ฟอร์ซวันแห่งเวเนฯ เพิ่มรอยร้าวความสัมพันธ์ 'สหรัฐฯ-เวเนฯ' ให้ลึกยิ่งขี้น

(3 ก.ย.67) นายอีวาน กิล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเวเนซุเอลา กล่าวว่า เวเนซุเอลา ประณามการยึดเครื่องบินดังกล่าว โดยระบุว่าเป็นการกระทำละเมิดลิขสิทธิ์ สหรัฐฯ ใช้มาตรการกดดัน บังคับใช้ฝ่ายเดียวและผิดกฎหมายไปทั่วโลก

ข้อโต้แย้งของเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ที่ว่าการขายและการส่งออกเครื่องบินดังกล่าวถือเป็นการละเมิดมาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐฯ ไม่น่าจะมีน้ำหนักมากนักกับประธานาธิบดีมาดูโร ซึ่งกล่าวหาสหรัฐฯ เสมอว่าแทรกแซงกิจการภายในของประเทศ

การตรวจยึดเครื่องบินเกิดขึ้นในสาธารณรัฐโดมินิกันและส่งกลับมาที่สำนักงานของกระทรวงยุติธรรมในรัฐฟลอริดา ยังไม่ชัดเจนว่าเครื่องบินลำดังกล่าวลงจอดที่สาธารณรัฐโดมินิกันได้อย่างไรและเมื่อใด ข้อมูลการติดตามระบุว่าเครื่องบินออกจากสนามบินลาอิซาเบลา ใกล้กับกรุงซานโตโดมิงโก เมื่อวันจันทร์ (2 ก.ย.67) และถึงสนามบินในรัฐฟลอริดา 

เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในขณะที่นายมาดูโร ประกาศว่าชนะการเลือกตั้ง ขณะที่ ฝ่ายค้าน อ้างว่า ชนะการเลือกตั้งเช่นกัน เนื่องจาก มีบันทึกการลงคะแนน ทำให้เกิดเหตุการณ์ประท้วงวุ่นวาย มีผู้เสียชีวิตหลายสิบรายและมีคนถูกจับกุมมากกว่า 2,400 คน

ความเคลื่อนไหวของเวเนซุเอลา หลังจากที่รัฐบาลสหรัฐฯ ยึดเครื่องบิน Falcon 900 EX  ของประธานาธิบดี นิโคลัส มาดูโร ของเวเนซุเอลา อ้างว่าละเมิดมาตรการคว่ำบาตรและกฎหมายควบคุมการส่งออก ซื้อมาอย่างผิดกฎหมายด้วยราคา 13 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (9.8 ล้านปอนด์) และลักลอบนำออกนอกประเทศ

จากเหตุการณ์นี้ ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ และเวเนซุเอลายิ่งตึงเครียดมากขึ้น โดยเจ้าหน้าที่ระบุว่า เครื่องบินลำนี้เทียบเท่ากับเครื่องบินแอร์ ฟอร์ซ วันของเวเนซุเอลา และเคยถ่ายภาพเครื่องบินลำนี้ในระหว่างการเยือนต่างประเทศอย่างเป็นทางการของนายมาดูโรด้วย

‘ชาวเน็ต’ ฉะ!! ‘สื่อบันเทิงไทย’ ใช้คำหยาบมากเกินจำเป็น บางเรื่องจัดเรท 15 ปีแต่พ่นคำหยาบเพียบ หวั่น!! เยาวชนเลียนแบบ

(3 ก.ย. 67) กำลังเป็นประเด็นถกสนั่นในโลกโซเชียลขณะนี้ เมื่อมีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง ชื่อบัญชี Thejui Kesjamras ออกมาตั้งคำถามถึงประเด็น ‘การใช้คำหยาบ’ ในสื่อบันเทิงปัจจุบันนั้น มากเกินความเหมาะสมหรือไม่? หวั่นส่งผลต่อเยาวชน... 

โดยทางเจ้าของโพสต์เล่าว่า ตนดูภาพยนตร์ ‘เธอ ฟอร์ แคช สินเชื่อ..รักแลกเงิน’ ที่นำแสดงโดย ไบรท์ วชิรวิชญ์ และ ญาญ่า อุรัสยา แต่รู้สึกตกใจเป็นอย่างมากกับบทสนทนาของตัวละคร ‘ริซซี่’ ที่แสดงโดย ป๋อมแป๋ม นิติ มีการพูดคำว่า (อวัยวะเพศหญิง) อย่างชัดถ้อยชัดคำถึง 2 ครั้ง

ทำเอาเจ้าของโพสต์ตกใจ เพราะนี่ คือ ภาพยนตร์ที่ฉายในโรงภาพยนตร์ พร้อมเสริมว่า “เท่าที่ดูหนังมาในช่วงปี สองปีนี้ ไม่เคยเห็นตัวละครบนจอพูดคำรุนแรงเช่นนี้ในหนังมาก่อนเลยครับ”

ไม่เพียงเท่านี้ ตัวละครอื่น ๆ ในเรื่องก็ยังคงพูดคำหยาบกันอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ระบบจำแนกประเภทภาพยนตร์ตามอายุ เรื่องนี้ คือ เรท 15 ปีเท่านั้น…

ทั้งยังตั้งข้อสังเกตว่า ‘คำหยาบ’ ในสื่อบันเทิงนั้น มีการใช้อย่างพร่ำเพรื่อ แม้จะพยามทำให้ตัวละครมีบทพูดเป็นธรรมชาติ สมจริง แต่ก็อาจส่งผลเสียต่อเยาวชนได้ วอนแพลตฟอร์มต่าง ๆ และ สื่อบันเทิง อย่ามองแต่ผลประโยชน์ทางธุรกิจจนลืมถึงผลกระทบในแง่ลบต่อสังคม

เมื่อโพสต์ดังกล่าวเผยแพร่ออกไป ก็มีชาวเน็ตให้ความสนใจอย่างมาก เข้ามากดถูกใจกว่า 4.4 พันครั้ง และกดแชร์กว่า 3.9 พันครั้ง รวมทั้งเข้ามาแสดงความคิดเห็นกันสนั่น

-เห็นด้วยอย่างยิ่งค่ะ ไม่อยากให้เยาวชนชินกับการใช้คำหยาบจนชินว่าเป็นเรื่องปกติค่ะ
-เห็นด้วยค่ะ บางเรื่องก็พูดคำหยาบพร่ำเพรื่อเกิน
-สมัยนี้สบถในช่วงอ่านข่าวก็ยังมีเลย

-พวกฉาบฉวยแหละ พยายามเอาใจวัยรุ่นกลุ่มหนึ่งที่ชอบแบบนี้ โดยไม่คำนึงถึงความลงตัว ความเหมาะสม และความพอดี

-ตรงใจทุกคำค่ะ เอาคำหยาบมาขายมันง่าย มันไม่ต้องใช้สมอง
-พอเถอะครับคำหยาบ โลกมนุษย์ไม่ได้ขับเคลื่อนด้วยสิ่งนั้น
-ละครบางช่อง เดี๋ยวนี้ ก็หยาบคายจนน่าตกใจ
-อยากให้ลูกหลานเราพูดหยาบเหรอ

นอกจากนี้ยังมีคอมเมนต์จากพ่อ-แม่ ผู้ปกครอง ที่วอนให้ยูทูบเบอร์ขวัญใจเด็ก ๆ ระมัดระวังการใช้คำหยาบอีกด้วย 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top