Monday, 9 June 2025
NewsFeed

สำรวจ 10 ประเทศที่ปริมาณทองคำเปลี่ยนแปลงมากที่สุดในโลก (ตั้งเเต่ปี 2013-2024)

(3 ก.ย. 67) คงไม่มีใครปฏิเสธว่าสินทรัพย์ที่มีมูลค่าในตัวเองเเละมูลค่านั้นไม่มีวันลดน้อยลง แถมยังถือเป็น Safe Haven หรือหลุมหลบภัยเวลาสถานการณ์โลกไม่ปลอดภัย คงหนีไม่พ้นสินทรัพย์อย่าง ‘ทองคำ’

นอกจากทองคำจะเป็นสินทรัพย์ประเภทหนึ่งเเล้ว ในโลกการเงินทองคำยังถูกนำเอามาใช้เป็นตัวที่รับรองความน่าเชื่อถือของสกุลเงิน และรักษาเสถียรภาพทางการเงิน เพราะในการจะพิมพ์ธนบัตรออกมาใช้ ธนาคารกลางจำเป็นต้องเอาทองคำมาเป็นทุนสำรองของประเทศเพื่อสนับสนุนค่าเงิน รวมถึงยังสามารถใช้ทองคำในการชำระเงินระหว่างประเทศหรือชดเชยการขาดดุลทางการค้ากับประเทศอื่น ๆ อีกด้วย 

และตั้งเเต่ปี 2007-2008 ที่เกิดวิกฤติการเงินโลกก็ทำให้หลายประเทศหันมาเพิ่มสัดส่วนการถือครองทองคำกันเพิ่มมากขึ้นค่ะ โดยหลังจากวิกฤติทางการเงินกลุ่มประเทศเกิดใหม่เป็นกลุ่มที่มีการเข้ามาไปซื้อทองคำเพื่อนำมาใช้เป็นทุนสำรองระหว่างประเทศเพิ่มขึ้นสูงสุดค่ะ 

ทางธนาคารกลางของสหรัฐฯ สาขาเซนต์หลุยส์และธนาคารโลกจึงได้มีการรวบรวมข้อมูลการใช้ทองคำเป็นทุนสำรองของประเทศ และทางสภาทองคำโลกเองก็ได้รวบรวมเหล่าบรรดาประเทศที่มีการนำเข้าทองคำมาเป็นทุนสำรองระหว่างประเทศเยอะที่สุดตั้งแต่ปี 2013-2024 โดย ‘รัสเซีย’ มีการนำเข้าทองคำมาเป็นทุนสำรองระหว่างประเทศมากที่สุด รองลงมาคือ ‘จีน’

อย่างไรก็ตาม ประเทศที่ยังคงเป็นอันดับ 1 ในการถือครองทองคำมากที่สุดในโลกก็คือ ‘สหรัฐอเมริกา’ ถึงเเม้ว่าตั้งแต่ปี 2013-2024 สหรัฐฯ จะไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงปริมาณทองคำเยอะเท่ากับประเทศอื่น ๆ แต่สหรัฐฯ เองก็ยังคงเป็นประเทศที่ครองแชมป์อันดับ 1 มาอย่างยาวนาน โดยสหรัฐฯ เองมีทองคำเป็นทุนสำรองของประเทศ 8,133.5 ตัน และคิดเป็น 72.4% ของทุนสำรองของประเทศ ตามมาด้วยประเทศอย่าง ‘เยอรมนี’ ที่มีทองคำประมาณ 3,351.5 ตัน คิดเป็น 71.5% ของทุนสำรองระหว่างประเทศ และ ‘อิตาลี’ ที่มีทองคำประมาณ 2,451.8 ตัน คิดเป็น 68.3% ของทุนสำรองระหว่างประเทศ

🔎ส่อง 10 อันดับประเทศที่มี ‘ความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี’ มากที่สุดในโลก

THE STATES TIMES ชวนดู!! ประเทศที่มี ‘ความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี’ มากที่สุดในโลก ในส่วน ‘ประเทศไทย’ ของเรา อยู่ในอันที่ 32 ของโลก และเป็นอันดับที่ 2 ของกลุ่มประเทศอาเซียน รองจากสิงคโปร์ ตามมาด้วย มาเลเซีย อันดับ 33, เวียดนาม อันดับ 35 และฟิลิปปินส์ อันดับ 40

'พล.ท.นันทเดช' ชำแหละ!! เหตุ ‘พรรคส้ม’ แพ้ติดต่อกันมา 9 จังหวัด หากยังไม่ทบทวนแนวทางพรรค ก็แค่ยักไหล่ แล้วแพ้ต่อไปเรื่อยๆ

(3 ก.ย. 67) พล.ท.นันทเดช เมฆสวัสดิ์ อดีตหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการพิเศษ ศูนย์รักษาความปลอดภัยแห่งชาติ (ศรภ.) โพสต์เฟซบุ๊ก ‘พลโท นันทเดช เมฆสวัสดิ์’ หัวข้อ ‘แค่ยักไหล่ แล้วแพ้ต่อไปเรื่อย ๆ’ ระบุว่า…

แค่ยักไหล่ แล้วแพ้ต่อไปเรื่อย ๆ

การพ่ายแพ้ในสนามเลือกตั้งส่วนท้องถิ่นของ ‘กลุ่มเครือข่ายก้าวไกล’ ที่ จ.ราชบุรี อย่างยับเยินนั้น เป็นการแพ้ติดต่อกันมาแล้ว 9 จังหวัด ถ้าจำไม่ผิดนะ และยังมีอีกหลายจังหวัดที่ก้าวไกลไม่กล้าส่งลงไปแข่งขันด้วย

การพ่ายแพ้ดังกล่าว บ่งบอกถึงการถอยห่างของประชาชนต่อพรรค และเครือข่าย เป็นเพราะว่า…

1. ประชาชนเริ่มรู้แนวทางของพรรคก้าวไกลมากขึ้น ตามลำดับ

2. การพูดติติงคนอื่นอย่างเดียว โดยไม่ลงมือทำอะไรเพื่อประชาชนเลยนั้น ประชาชนก็เริ่มเห็นกันแล้ว

ไม่เป็นไรครับ โอกาสที่พรรคจะเปลี่ยนแนวทางยังมีอีกยาวนาน ถ้ายอมรับและเชื่อมั่นต่อประชาชนจริง ๆ ตามที่พูดไว้ แต่ถ้าไม่คิดจะทบทวนอะไร

แค่ยักไหล่ แล้วก็จะแพ้ต่อไปเรื่อย ๆ ก็เท่านั้นเอง

‘พีระพันธุ์’ ชี้!! ประเทศไทยไม่มีการสํารองน้ำมันในระดับ 90 วัน เป็นเหตุให้ราคาน้ำมัน ‘ขึ้น-ลง’ กันได้ง่าย

🔎ตามติด 1 ปี ‘พีระพันธุ์’ ใต้หมวกเจ้ากระทรวงพลังงาน
📔อ่านบทสัมภาษณ์เต็มได้ที่ : https://thestatestimes.com/post/2024082922 

‘พีระพันธุ์’ จ่อออกกฎหมายลดความยุ่งยากติดตั้ง-ขออนุญาต ‘โซลาร์รูฟท็อป’ หนุน ‘เงิน-ลดภาษี’ ช่วยคนไทยหลุดพ้นภาระค่าไฟหลักที่ต้องปรับทุก 4 เดือน

เมื่อวานนี้ (2 ก.ย. 67) นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า กระทรวงพลังงานเตรียมออกกฎหมายฉบับใหม่เพื่อที่จะกํากับดูแลให้การติดตั้งระบบโซลาร์บนหลังคาบ้าน เพื่อติดตั้งได้สะดวกและง่ายขึ้น และมีมาตรการสนับสนุนเงินทุนในการติดตั้ง การหักค่าใช้จ่ายเพื่อลดหย่อนภาษี  

ทั้งนี้ คาดว่าจะเสร็จพร้อมกับกฎหมายน้ำมันภายในปลายปี 2567 นี้ เพื่อมีส่วนช่วยให้ประชาชนหลุดพ้นจากภาระค่าไฟหลักที่ต้องปรับทุก 4 เดือน

รวมถึงเตรียมสนับสนุนการประดิษฐ์คิดค้นเทคโนโลยีและอุปกรณ์สำหรับการติดตั้งระบบ Solar Rooftop แบตเตอรี่สำหรับกักเก็บพลังงานไว้ใช้ในเวลากลางคืนในราคาถูก

ซึ่งอยู่ระหว่างการทดลอง เบื้องต้นก็ได้ผลเป็นที่น่าพอใจ โดยระบบดังกล่าวนี้สามารถใช้กับเครื่องแอร์ได้ 3 เครื่อง ตู้เย็น 1 เครื่อง ประกอบด้วยแผงโซลาร์ เครื่องอินเวอร์เตอร์ และแบตเตอรี่ ทั้งหมดจะอยู่ในวงเงินประมาณ 30,000 บาท

โดยจะเป็นราคาต้นทุนการผลิตไม่รวมค่าบริหารจัดการ สามารถใช้ไฟได้ทั้งกลางวันและกลางคืน 

“เชื่อว่าในรอบปีที่ 2 จะมีผลิตภัณฑ์เหล่านี้ออกมาจำหน่ายในราคาถูก ซึ่งจะลดภาระให้ประชาชนหลุดพ้นจากปัญหาค่าไฟแพงได้"

นายพีระพันธุ์ กล่าวอีกว่า การดำเนินการดังกล่าวเพื่อให้ประชาชนได้เข้าถึงค่าไฟที่ถูกลงโดยใช้พลังงานแสงอาทิตย์ที่ได้จากการติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์บนหลังคา และขจัดปัญหาความยุ่งยากในการติดตั้งและการขออนุญาต

'ต่างชาติ' วิเคราะห์!! 'กาสิโนไทย' จะเป็นคู่แข่งรายใหญ่สุดของ 'มาเก๊า-สิงคโปร์' ชี้!! ภายในสิ้นทศวรรษ 2030 อาจโตแซงสิงคโปร์ ทั้งในแง่ 'รายได้-ความนิยม'

(3 ก.ย. 67) สำนักข่าว CNBC (ซีเอ็นบีซี) รายงานว่า ‘รัฐบาลไทย’ กำลังทำงานอย่างหนักเพื่อดึงดูดชาวต่างชาติเข้าประเทศ และกระตุ้นการใช้จ่ายในการท่องเที่ยว ด้วยการออกมาตรการและนโยบายมากมาย เช่น การยกเว้นวีซ่า และยังมีอีกหนึ่งความพยายามในการดึงดูดนักท่องเที่ยวที่ตกเป็นข้อถกเถียงอย่างมากคือ การสร้าง ‘เอ็นเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์’ (Entertainment Complex) หรือ ‘บ่อนกาสิโนเสรี’ เนื่องจากนักวิชาการบางส่วนกังวลว่า ‘กาสิโน’ อาจไม่ได้ช่วยหนุนเศรษฐกิจในระยะยาว

จากการเปิดรับฟังความคิดเห็นต่อ ‘ร่างพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ. ....’ เมื่อเดือน ส.ค. พบ คนไทยมากกว่า 50% ไม่เห็นด้วยกับกาสิโนถูกกฎหมาย และอีก 30% เห็นด้วย และที่เหลือยังตัดสินใจไม่ได้ ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญหลายฝ่ายมองว่ายังมีข้อกังวลและผลกระทบทางเศรษฐกิจหลายประการ

อย่างไรก็ตาม ในมุมของผู้สังเกตการณ์อุตสาหกรรมกาสิโนต่างชาติและผู้เชี่ยวชาญ มองว่า กาสิโนอาจสร้างรายได้ให้กับไทยได้มาก หนุนให้กาสิโนเป็นจุดหมายปลายทางด้านการท่องเที่ยวแห่งใหม่ และประเทศไทยอาจกลายเป็นคู่แข่งรายใหญ่ที่สุดของ ‘มาเก๊า’ และ ‘สิงคโปร์’ ภายในสิ้นทศวรรษ 2030

ย้อนกลับไปเมื่อเดือน มิ.ย. เศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรีไทยสั่งให้มีการร่างกฎหมายเพื่อทำให้ ‘เอ็นเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์’ ถูกกฎหมายในไทย โดยซีเอ็นบีซี ระบุ ความเคลื่อนไหวดังกล่าวอาจช่วยกระตุ้นการใช้จ่ายในการท่องเที่ยว เพิ่มการจ้างงาน และฟื้นฟูเศรษฐกิจไทยให้กลับมาคึกคักอีกครั้ง และแม้ ‘แพทองธาร ชินวัตร’ ขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 31 ของไทยแทนที่ ‘เศรษฐา’ แต่ผู้เชี่ยวชาญมองว่า ร่างกฎหมายดังกล่าวจะยังคงดำเนินการต่อไป

หยิน เชา หยาง นักวิเคราะห์จากเมย์แบงก์ อินเวสเมนต์ แบงก์ บอกว่า “สถานการณ์การเมืองไทยไม่แน่นอน แต่ไม่ได้ทำให้แผนการสร้างกาสิโนถูกปัดตก” และผลวิจัยจากเมย์แบงก์ พบว่า หากร่างกฎหมายนี้ผ่าน กาสิโนของไทยอาจสร้างรายได้มากถึง 187,000 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วนราว 1% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี)

>>กาสิโนดึงดูดนักท่องเที่ยว

เบน ลี หุ้นส่วนผู้จัดการ IGamiX Management and Consulting กล่าวว่า “ไทยได้เห็นแล้วว่าการสร้างกาสิโนส่งผลอย่างไรต่อสิงคโปร์ และเห็นอำนาจของเงินพนันในมาเก๊า ถ้าไทยทำให้มันถูกกฎหมาย อาจหนุนให้กาสิโนกลายเป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยว”

ซีเอ็นบีซีระบุ การท่องเที่ยวถือเป็นอุตสาหกรรมสำคัญที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย แต่การท่องเที่ยวไทยยังคงเติบโตชะลอตัว นักท่องเที่ยวที่มาเยือนยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่เมื่อเทียบกับช่วงก่อนการแพร่ระบาดโควิด-19 และแนวโน้มการเติบโตอาจไม่ดีขึ้น จนกว่านักท่องเที่ยวจีนจะกลับมาท่องเที่ยวได้เต็มที่

ประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 2 ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แห่งนี้ มีนักท่องเที่ยวต่างชาติมาเยือนราว 28 ล้านคนในปี 2566 ซึ่งยังคงห่างไกลจากยอดนักท่องเที่ยวที่มาเยือนไทยเมื่อปี 2562 ที่ระดับ 40 ล้านคน

“ประเทศไทยเป็นยักษ์ใหญ่ด้านการท่องเที่ยว เป็นหนึ่งในตลาดท่องเที่ยวของภูมิภาคที่ใคร ๆ ก็กลัว แต่ประเทศยังคงประสบกับปัญหาฟื้นเศรษฐกิจจากการแพร่ระบาดโควิด-19” ลีกล่าว

แกรี โบเวอร์แมน ผู้อำนวยการฝ่ายข้อมูลเชิงลึกด้านการท่องเที่ยวและลูกค้า จากบริษัทเช็ก-อิน เอเชีย กล่าวว่า “การท่องเที่ยวในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีการแข่งขันสูง และหลายประเทศในภูมิภาคพยายามหาวิธีวางให้การท่องเที่ยวเป็นเสาหลักของการกระจายความเสี่ยงทางเศรษฐกิจ” 

อย่างไรก็ดี โบเวอร์แมนมองว่า เมื่อกาสิโนถูกกฎหมายจะทำให้ไทยมีสถานะที่แข็งแกร่งมากขึ้น เพราะเศรษฐกิจท่องเที่ยวของไทยมีนักท่องเที่ยวมาเยือนจำนวนมาก และภาคส่วนนี้พร้อมขยายตัวได้อีก

>>ทิศทางกาสิโนไทย
คำถามส่วนใหญ่จากนักสังเกตการณ์อุตสาหกรรมกาสิโน คือ ประเทศไทยจะสร้างกาสิโนในจังหวัดใด แม้รัฐบาลยังไม่เปิดเผยจังหวัดเป้าหมายอย่างเป็นทางการ แต่นักวิเคราะห์คาดว่า ไทยอาจจะไม่ตั้งกาสิโนใจกลางกรุงเทพมหานคร

“กรุงเทพฯ เป็นเมืองที่พัฒนาแล้ว และไม่มีที่ให้พัฒนามากกว่านี้ ผมไม่สามารถจินตนาการได้เลยว่ายังมีที่ดินว่างในกรุงเทพฯ" หยิน จากเมย์แบงก์กล่าว และว่า กาสิโนอาจสร้างในพื้นที่ที่มีประชากรน้อย เช่น ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออกของไทยอย่าง ระยอง ชลบุรี และฉะเชิงเทรา

นอกจากนี้ ยังมีพื้นที่อื่น ๆ ในไทยที่เป็นที่รู้จักในหมู่นักท่องเที่ยวต่างชาติ เช่น เชียงใหม่ ภูเก็ต กระบี่ และพัทยา ที่คาดว่าอาจเป็นที่ตั้งของกาสิโนได้เช่นกัน

ด้าน ‘อัลแลน เซแมน’ ประธานกรรมการบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ‘หลานไกวฟง กรุ๊ป’ เผยกับซีเอ็นบีซีว่า โมเดลกาสิโนไทยไม่เหมือนกับโมเดลของมาเก๊า ซึ่งเป็นเมืองที่มีคลัสเตอร์กาสิโนอยู่รวมกันจำนวนมากเหมือนกับลาสเวกัส และตนไม่เชื่อว่า กาสิโนไทยจะประสบความสำเร็จในอนาคต

เซแมนเตือนว่า “หลายรัฐบาลชอบสร้างกาสิโนในพื้นที่ด้อยพัฒนา เพราะมองว่าจะช่วยให้เกิดการพัฒนา แต่หากคุณมีกาสิโนเพียงแห่งเดียวในเมืองที่พัฒนาแล้ว ก็ไม่ได้ช่วยอะไรเช่นกัน”

ขณะที่โบเวอร์แมนจากเช็ก-อิน เอเชีย มองว่า ไทยมีแนวโน้มทำตามโมเดลของสิงคโปร์ โดยการสร้างกาสิโนพร้อมรีสอร์ตที่มีกิจกรรมสันทนาการเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวที่ไม่ใช่นักพนัน

“ที่มารีนาเบย์แซนด์ มีทั้งบาร์สุดอลังการชั้นบน มีสระว่ายน้ำ โรงแรม พิพิธภัณฑ์ ร้านอาหาร คนหนุ่มสาวที่ไม่ได้มาเล่นพนันก็สามารถสนุกไปกับบริการในส่วนนี้ได้”

ซีเอ็นบีซีอ้างอิงรายงานร่างกฎหมายเอ็นเตอร์แทนเมนต์ คอมเพล็กซ์ ระบุว่า ประชาชนคนไทยที่ต้องการเข้ากาสิโนในประเทศ ต้องจ่ายค่าธรรมเนียม 5,000 บาท ส่วนต่างชาติอาจได้เข้าฟรี ซึ่งซีเอ็นบีซีเผยว่า โมเดลนี้มีความคล้ายกับกาสิโนในสิงคโปร์ที่คนท้องถิ่นต้องจ่ายเงินเข้ากาสิโน 150 ดอลลาร์สิงคโปร์ (ราว 4,000 บาท)

นอกจากนี้ กาสิโนของไทยยังต้องได้รับใบอนุญาตดำเนินงานอย่างถูกกฎหมายซึ่งรัฐบาลไทยอนุญาตดำเนินธุรกิจนานสุดที่ 30 ปี และมีเงื่อนไขผู้ให้บริการต้องจ่ายเงิน 5,000 ล้านบาท สำหรับเปิดกาสิโนครั้งแรก และจ่ายรายปีอีก 1,000 ล้านบาท

โบเวอร์แมนย้ำว่า รัฐบาลไทยอาจกำหนดให้ผู้ประกอบการสหรัฐฯ ที่ต้องการลงทุนอุตสาหกรรมกาสิโนในไทย ต้องทำงานร่วมกับบริษัทไทยด้วย เพื่อให้บริษัทในท้องถิ่นมีส่วนร่วมและได้ประโยชน์

>>กาสิโนไทยแซงหน้าสิงคโปร์?

แม้ยังไม่ชัดเจนว่าเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ของไทยจะเกิดขึ้นจริงไม่ แต่ผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับกาสิโนหลายคนมีความคิดเห็นในทิศทางเดียวกันว่า หากไทยสร้างกาสิโนได้สำเร็จ 5 - 8 แห่งทั่วประเทศ ไทยอาจแซงหน้าตลาดกาสิโนของสิงคโปร์ได้ ในแง่ของความนิยมและรายได้ของกาสิโน แต่กาสิโนของมาเก๊าจะยังคงเป็นแหล่งกาสิโนเบอร์หนึ่งต่อไป

จากรายงานผลประกอบการของผู้ประกอบการแต่ละรายในมาเก๊า แสดงให้เห็นว่า รายได้จากกาสิโนในเมืองนี้มีมูลค่า 114,000 ล้านปาตากามาเก๊า ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2567 ขณะที่สองกาสิโนในสิงคโปร์สร้างรายได้ราว 2,530 ล้านดอลลาร์ในช่วงเวลาเดียวกัน

ลีจาก IGamiX บอกว่า “หากกาสิโนไทยถูกกฎหมาย ไทยจะมีศักยภาพแซงหน้าแหล่งการพนันอื่น ๆ ในเอเชียได้แน่นอน ยกเว้น มาเก๊า” และเสริมว่า กาสิโนไทยอาจยกระดับเทียบเท่ากาสิโนมาเก๊าได้ ถ้ามีการบริหารจัดการที่ดี

ชาวเน็ตสุดงง!! เด็กเกเรทำร้ายร่างกายนักเรียน แต่ครูนิ่งเฉย ไม่ตักเตือนหรือสั่งสอน

เมื่อวานนี้ (2 ก.ย. 67) เพจอีซ้อขยี้ข่าว3 ได้มีการโพสต์คลิปวิดีโอเผยพฤติกรรมของเด็กคนหนึ่งทำร้ายเด็กนักเรียนในระหว่างที่ครูกำลังสอน ทั้งที่มีวิดีโอถ่ายเห็นชัดเจนแต่กลับไม่มีการว่ากล่าวตักเตือนใด ๆ จากครูผู้สอนหรือคนที่กำลังถ่ายคลิปอยู่ โดยในคลิปดังกล่าวได้มีการระบุข้อความว่า

"ถ้าเราเป็นครูจะจัดการเรื่องนี้ยังไง? กรณีนี้ครูไม่เห็นเลยหรือ?"

โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในห้องเรียนซึ่งคาดว่าเป็นชั้นระดับอนุบาล จะมีเด็กคนหนึ่งแต่งตัวไม่เหมือนเพื่อน ใส่ชุดอยู่บ้านทำตัววุ่นวายภายในห้องเรียน ซึ่งมีเด็กนักเรียนนั่งอยู่กันเต็มห้อง ก่อนที่เด็กเสื้อแดงจะคลานมาหาเด็กนักเรียนคนหนึ่ง จากนั้นต่อยเข้าไปที่ท้องและใบหน้าของเด็กนักเรียน จากนั้นไม่นานเดินไปข้างหลังเด็กนักเรียนคนเดิมและต่อยเตะที่กลางหลัง หากสังเกตให้ดีจะเห็นว่าเด็กนักเรียนในห้องต่างผวาเมื่อเด็กเสื้อแดงคลานผ่าน ซึ่งคาดว่าเด็กนิสัยไม่ดีรายนี้คงมีพฤติกรรมเช่นนี้บ่อย

แต่ต้องแปลกใจมากยิ่งขึ้นเมื่อในห้องเรียนดังกล่าวมีครูอยู่ถึง 2 คน คาดว่าน่าจะเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดแต่กลับไม่เข้าห้ามปรามหรือสั่งสอนเด็กชายเสื้อสีแดงเลย นอกจากนี้ ผู้ที่บันทึกวิดีโอซึ่งเห็นเหตุการณ์ชัดเจนก็ปล่อยให้เหตุการณ์ดำเนินไปโดยไม่มีการทำอะไรทั้งสิ้น

ทั้งนี้ มีชาวเน็ตเข้ามาร่วมแสดงความคิดเห็นวิพากษ์วิจารณ์พฤติกรรมของครูในห้องเรียนเป็นจำนวนมากที่ปล่อยปละละเลยเหตุการณ์ดังกล่าว บ้างก็คาดว่าเด็กเกเรรายนี้อาจจะเป็นลูกหลานของคุณครูก็ได้

‘คุณแม่ฮันโซฮี’ ถูกจับกุมข้อหาเปิดบ่อนพนัน 12 แห่ง ด้านต้นสังกัด แถลง เป็นเรื่องส่วนตัว-ไม่เกี่ยวกับงานแสดง

(3 ก.ย. 67) เว็บไซต์ allkpop สัญชาติอเมริกัน ได้นำเสนอข่าวแม่ของ ‘ฮัน โซฮี’ นักแสดงคนดังของเกาหลีใต้ ถูกจับกุมข้อหาเปิดบ่อนพนันผิดกฎหมาย ตามรายงานของ ‘ทีวี โชซอน’

โดยระบุว่า นางชิน (50 ปี) ถูกควบคุมตัวหลังถูกกล่าวหาว่าบริหารสถานประกอบการพนันผิดกฎหมาย 12 แห่ง ในเมืองต่าง ๆ ตั้งแต่ปี 2021 ในข่าวระบุต่อว่า นางชินถูกกล่าวหาว่าเป็น พร็อกซี หรือคนกลางควบคุมการดำเนินงาน โดยที่ลูกค้าเข้าถึงเว็บไซต์การพนันที่เธอดำเนินการเพื่อเล่นเกม เช่น บาคารา หลังจากซื้อเครดิตเกม

เมื่อตรวจสอบประวัติย้อนหลังของนางชิน เคยถูกฟ้องร้องในข้อหาฉ้อโกงอีกด้วย ซึ่งเมื่อไม่นานมานี้ ฮัน โซฮี เคยออกมายืนกรานว่าจะไม่ชดใช้หนี้ที่แม่ก่อไว้จากการหลอกเงินคนรู้จักมากถึง 85 ล้านวอน

ทั้งนี้ เมื่อมีนาคม 2565 เคยมียูทูบเบอร์รายหนึ่ง เผยว่า แม่ของฮันโซฮีถูกฟ้องร้องเนื่องจากโกงเงินคนอื่นไปมากกว่าสิบ ๆ ล้านวอน (ราว ๆ หลักหลายแสนบาทไทย) โดยแม่เป็นคนใช้บัญชีชื่อของฮันโซฮีในการดำเนินเรื่องทั้งหมด จึงทำให้ตัวของฮันโซฮีเองถูกฟ้องในข้อหาละเมิดพระราชบัญญัติธุรกรรมทางการเงินผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ 

จากนั้นในเดือนกรกฎาคมของปีเดียวกัน ฮันโซฮี ได้ชี้แจงผ่านสื่อว่า แม่ของเธอได้ทำเรื่องขอยืมเงินโดยใช้ชื่อของเธอในการทำธุรกรรม “ฉันไม่ได้ติดต่อกับแม่เลย ฉันเลยเพิ่งรู้เรื่องที่เธอมีหนี้ตอนฉันอายุ 20 ปี” แล้วเธอก็พยายามจ่ายหนี้แทนแม่ให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ก่อนที่เธอจะเริ่มทำงานวงการบันเทิงอย่างเต็มตัว

"ฉันทราบว่าแม่ใส่ชื่อของฉันในเอกสารทางการเงินที่เป็นหนี้ต่าง ๆ โดยไม่บอกให้ฉันรู้ว่าชื่อของฉันได้เข้าไปเกี่ยวข้องกับหนี้ก้อนโตที่ฉันจ่ายไม่ไหว ตอนนั้นฉันเองก็ยังเด็กมาก และจากการตัดสินใจที่ยังไม่มีวุฒิภาวะที่ดีพอของฉันในตอนนั้น ฉันคิดเพียงว่าหนทางเดียวสำหรับปัญหานี้คือการที่ฉันต้องใช้หนี้ทั้งหมดให้แม่เอง แต่สุดท้ายแล้วกลับกลายเป็นว่าฉันทำให้เรื่องนี้บานปลายและมีคนตกเป็นเหยื่อมากขึ้น ฉันต้องขอโทษจริง ๆ ค่ะ"

ทางด้าน 9 Ato Entertainment ต้นสังกัดของฮันโซฮี ได้ออกแถลงการณ์ถึงกรณีข่าวของคุณแม่ของฮันโซฮี ที่กำลังได้รับความสนใจอย่างมาก ว่า “เรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับแม่ของฮันโซฮีนั้น เป็นเรื่องส่วนตัวที่คุณแม่เป็นคนก่อขึ้นเอง และ ฮันโซฮีเองไม่สามารถอธิบายได้ว่าเธอรู้สึกเสียใจมากเพียงใด เมื่อได้ทราบเรื่องผ่านบทความข่าวจากสื่อ…

“ทางเราขอเรียนย้ำอีกครั้งว่า เหตุการณ์ในครั้งนี้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับนักแสดงแม้แต่น้อย และขออภัยที่ต้องนำเสนอข่าวส่วนตัวที่ไม่น่าพึงพอใจ ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับผลงานของนักแสดง”

สำหรับ ‘ฮัน โซฮี’ เกิดที่เมืองอุลซาน พ่อแม่หย่าร้างกันตั้งแต่เธออายุ 5 ขวบ เธออยู่กับยาย และได้รับการเลี้ยงดูจากยายมาโดยตลอด เมื่อโตขึ้น ฮันโซฮี ตัดสินใจเดินทางเข้าโซล

เริ่มทำงานในร้านอาหาร งานพาร์ตไทม์ จนตัดสินใจออดิชันเริ่มรับงานโฆษณาเล็ก ๆ และได้โอกาสสำคัญในการเล่นซีรีส์ จนกลายเป็นที่รู้จักและมีชื่อเสียงโด่งดังจนถึงทุกวันนี้

'ฝรั่งเศส' วุ่น!! 'ฝ่ายซ้าย' เตรียมยื่นถอดถอน 'มาครง' หลังถูกเมินเสนอชื่อคนฝ่ายตนเป็นนายกฯ ทั้งที่ชนะเลือกตั้ง

เมื่อวานนี้ (2 ก.ย. 67) สำนักข่าวต่างประเทศ เผยว่า พรรค France Unbowed (LFI) แนวร่วมฝ่ายซ้ายซึ่งคว้าเก้าอี้มาได้มากที่สุดในศึกเลือกตั้งทั่วไปเมื่อเดือนกรกฎาคม กำลังรวบรวมรายชื่อเพื่อทำการถอดถอนประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง ของฝรั่งเศส หลังจาก มาครง ปฏิเสธเสนอชื่อ ลูซี คาสเตต์ แคนดิเดตของพวกเขาเป็นนายกรัฐมนตรี

"ร่างญัตติสำหรับเริ่มกระบวนการถอดถอนประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐฝรั่งเศส ตามมาตรา 68 ของรัฐธรรมนูญ ถูกส่งถึงสมาชิกรัฐสภาแล้วในวันนี้ สำหรับร่วมลงนาม" มาทิลเด ปาโนต์ แกนนำของ LFI ในรัฐสภา เขียนบนแพลตฟอร์มเอ็กซ์เมื่อวันเสาร์ (31 ส.ค.)

ทั้งนี้ เพื่อเริ่มต้นกระบวนการถอดถอน ทางพรรค LFI ซึ่งมี 72 ที่นั่ง ในสมัชชาแห่งชาติ 577 ที่นั่ง จำเป็นต้องรวบรวมรายชื่ออย่างน้อย 10% ขอสมาชิกรัฐสภา ภายใต้ญัตติดังกล่าว ทั้งนี้มาตรา 68 ของรัฐธรรมนูญฝรั่งเศส ระบุไว้ว่าประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐอาจถูกถอดถอนจากตำแหน่งได้ ในกรณีละเลยต่อการทำหน้าที่ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเกิดผลกระทบต่อการปฏิบัติงานในหน้าที่ของประธานาธิบดี

"มาครง ปฏิเสธทำตามเสียงโหวตของประชาชน ดังนั้นเราต้องปลดเขา" ปาโนต์กล่าว พร้อมแชร์ร่างญัตตินี้ ซึ่งเน้นย้ำว่า "สมัชชาแห่งชาติ (สภาล่าง) และวุฒิสภา สามารถและต้องปกป้องประชาธิปไตยต่อการโน้มเอียงเข้าหาเผด็จการของประธานาธิบดี"

อย่างไรก็ตาม บรรดาสมาชิกสภาโต้แย้งต่อแนวร่วมฝ่ายซ้าย ว่า การเจรจาต่อรองทางการเมืองไม่ได้ขึ้นอยู่กับประธานาธิบดี ในกรณีที่ มาครง พยายามหานายกรัฐมนตรีคนใหม่ นับตั้งแต่ กาเบรียล อัตตาล ลาออกไปเมื่อเดือนที่แล้ว

สำหรับ LFI คือส่วนหนึ่งของแนวร่วมพันธมิตรนิวป็อปปูลาร์ฟรอนต์ (NFP) ร่วมกับพรรคโซเชียลิสต์ พรรคคอมมิวนิสต์และพรรคกรีนส์ ซึ่งโผล่ขึ้นมาในฐานะผู้ชนะในศึกเลือกตั้ง ที่มีขึ้นหลังจากมาครง ประกาศยุบสภาก่อนหน้านี้เมื่อช่วงต้นปี

อย่างไรก็ตาม พันธมิตรนี้ไม่ถึงขั้นครองเสียงข้างมากอย่างเด็ดขาด บีบให้ มาครง ต้องเข้าสู่การเจรจาเพื่อแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีและจัดตั้งรัฐบาล

เมื่อวันจันทร์ (29 ก.ค.) มาครง ปฏิเสธเสนอชื่อ คาสเตต์ ข้าราชการพลเรือนซึ่งไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคการเมืองใด แต่เป็นแคนดิเดตของแนวร่วม NFP เป็นนายกรัฐมนตรี อ้างว่ารัฐบาลหนึ่งที่นำโดยฝ่ายซ้าย จะคุกคามเสถียรภาพของสถาบันการเมือง

ขณะเดียวกัน สื่อมวลชนฝรั่งเศส เน้นว่าสถานการณ์เช่นนี้คงเป็นเรื่องยากในการหาตัวนายกรัฐมนตรีคนใหม่ ที่จะไม่ถูกเขี่ยพ้นจากตำแหน่งในทันที ในการลงมติไม่ไว้วางใจ

ปัจจุบัน มาครง ยังคงเพิกเฉยแคนดิเดตของแนวร่วมนิว ป็อปปูลาร์ ฟรอนต์ และแหล่งข่าวใกล้ชิดกับเขา เผยว่าเขาเชื่อว่าสมดุลอำนาจควรขึ้นอยู่กับพรรคสายกลางหรือฝ่ายขวากลางมากกว่า

เช่นดียวกับพรรคอาร์เอ็น ซึ่งกวาดเก้าอี้มาเป็นอันดับ 3 ในศึกเลือกตั้ง เน้นย้ำว่าพวกเขาจะขัดขวางแคนดิเดตจากแนวร่วมฝ่ายซ้าย โดยอ้างว่า NFP เป็นตัวแทนของความอันตรายที่มีต่อความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง สันติสุขของพลเมือง และแน่นอนว่าเป็นอันตรายต่อวิถีชีวิตทางเศรษฐกิจของประเทศ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top