Monday, 9 June 2025
NewsFeed

ทรภ.1 ร่วมประชุมประสานข่าวสารทางทะเลระหว่าง ทรภ.1 - ทร.กพช. ณ กรุงพนมเปญ

ทัพเรือภาคที่ 1 ร่วมประชุมประสานข่าวสารทางทะเลระหว่าง ทรภ.1 - ทร.กพช. (กองบัญชาการทางยุทธวิธีสํานักงานเลขาธิการคณะกรรมการความมั่นคงทางทะเลแห่งชาติ ราชอาณาจักรกัมพูชา) ครั้งที่ 17 ณ กรุงพนมเปญ ราชอาณาจักรกัมพูชา

เมื่อวานนี้ (28 ส.ค.67) พลเรือโท สุระศักดิ์ สิงขรวัฒน์ ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 1 พร้อมคณะ ได้เข้าร่วมการประชุมข่าวสารทางทะเลระหว่าง กองทัพเรือไทย โดยทัพเรือภาคที่ 1 กับกองบัญชาการทางยุทธวิธี สำนักงานเลขาธิการคณะกรรมการความมั่นคงทางทะเลแห่งชาติราชอาณาจักรกัมพูชา การประชุมครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์ เพื่อแลกเปลี่ยนข่าวสาร พัฒนาช่องทางการสื่อสาร และเสริมสร้างเครือข่ายด้านการข่าวระหว่างหน่วยงานของทั้งสองประเทศ เพื่อรองรับและรับมือกับสถานการณ์ทางทะเล ตามแนวชายแดนที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ
อีกทั้ง ยังเป็นการกระชับความสัมพันธ์และความร่วมมือระหว่างประเทศไทยและประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อเสริมสร้างประสิทธิภาพในการปฏิบัติราชการและความมั่นคงทางทะเลของภูมิภาค

นิราช/นันทพล ทิพย์ศรี รายงาน 0909535645

สภาผู้แทนราษฎร มีมติท่วมท้นผ่านร่างกฎหมายประชามติ ส่งต่อให้วุฒิสภา โดยยึดหลักเพิ่มความคล่องตัว การมีส่วนร่วมของประชาชน และความเป็นธรรม คณะกรรมาธิการสว.พร้อมพิจารณา

เมื่อวันที่ (21 ส.ค. 67) การประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีการประชุมพิจารณาร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการออกเสียงประชามติ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …โดยผลการพิจารณามีมติเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติฯดังกล่าวและมีมติเห็นด้วยกับข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการ

ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรได้ลงมติเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติฯในวาระที่ 3 ด้วยคะแนนเสียง 409 เสียง จากทั้งหมด 410 เสียง โดยขั้นตอนต่อไปจะส่งร่างพระราชบัญญัติฯสู่การพิจารณาของวุฒิสภา

ร่างพระราชบัญญัติฯที่ผ่านสภาผู้แทนราษฎร มีการแก้สาระสำคัญใน 3 ประเด็นหลัก คือประการแรก เพิ่มความคล่องตัวในการทำประชามติ โดยเปิดให้สามารถจัดการออกเสียงประชามติในวันเดียวกันกับการเลือกตั้งทั่วไปอื่นได้ และใช้เขตลงคะแนนนั้น ๆ ในการดำเนินการได้

เพิ่มการมีส่วนร่วมของประชาชน โดยกำหนดให้การออกเสียงกระทำได้ด้วยวิธีที่หลากหลาย ทั้งการใช้บัตรออกเสียงแบบปกติ การออกเสียงทางไปรษณีย์ การออกเสียงโดยเครื่องลงคะแนน การออกเสียงทางระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ หรือออกเสียงโดยวิธีอื่น

พร้อมกับมีการกำหนดให้คณะกรรมการการเลือกตั้งต้องเปิดให้มีการแสดงความคิดเห็นอย่างเท่าเทียมทั้งจากผู้ที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วยกับการออกเสียงนั้น

และสุดท้ายดเป็นการเพิ่มความเป็นธรรม โดยปรับเกณฑ์การได้ข้อยุติในการออกเสียง จากรูปแบบ “เสียงข้างมาก 2 ชั้น” ให้เป็น “เสียงข้างมากธรรมดา”ตามร่างของพรรคเพื่อไทย หรือ ตัดเงื่อนไขเกณฑ์ขั้นต่ำของผู้ออกมาใช้สิทธิ์ และคงไว้เพียงว่า“เสียงเห็นชอบ” ต้องเป็นเสียงที่มากที่สุดของผู้มาลงคะแนนเท่านั้น

นับว่าร่างพระราชบัญญัติฯดังกล่าว เป็นความเห็นร่วมกันของพรรคการเมืองทุกพรรคผ่านกลไกสภา เพื่อนำไปสู่การยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่

นายไชยยงค์ มณีรุ่งสกุล สมาชิกวุฒิสภา กลุ่มสื่อมวลชนจากสงขลา ในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการ กล่าวว่า ได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพรบ.ดังกล่าว โดยทางคณะกรรมาธิการของวุฒิสภาพร้อมที่จะพิจารณาร่างดังกล่าว ซึ่งส่วนใหญ่เห็นด้วยในทิศทางเดียวกัน เพื่อการแก้ไขรัฐธรรมนูญ

ทั้งนี้ ร่างพระราชบัญญัติฯ ดังกล่าว ถือเป็นความสำเร็จในขั้นต้น เพื่อนำไปสู่การร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ผ่านกลไกการออกเสียงประชามติ ให้มีกติกาที่เป็นสากล และสอดคล้องกับบริบทในสังคมไทยมากขึ้นต่อไปในอนาคต

ไขความลับ 'อาหารแนวเมดิเตอร์เรเนียน' ปลายทาง 'อายุยืน' ที่คนจาก 5 พื้นที่การันตี

(29 ส.ค. 67) เพจเฟซบุ๊ก ‘Healme’ ผู้เผยแพร่เรื่องราว Health & Wellness ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อสุขภาพที่ดีระยะยาว ได้เผยแพร่วิดีโอในหัวข้อ ‘อาหารแบบไหน ช่วยอายุยืน อิงจากการทานอาหารในรูปแบบวิถีชีวิตของชาว Blue Zone ชาวกลุ่มพื้นที่ ที่มีอายุ 100 ปีขึ้นไปมากที่สุดในโลก’ โดยระบุว่า…

กินอาหารแบบ Mediterranean Food ช่วยอายุยืนได้ เพราะจะช่วยส่งเสริมสุขภาพได้มากที่สุด จากการสำรวจที่เข้าไปดูพื้นที่ Blue Zone กลุ่มคนที่อายุยืนมากที่สุดในโลกที่มีอายุ 100 ปีขึ้นไป พบว่าคนกลุ่มนี้ทานอาหารใกล้เคียงกับแบบ Mediterranean Food ที่สุด 

สำหรับพื้นที่ Blue Zone คือพื้นที่ที่มีคนอายุ 100 ปีมากที่สุดในโลก ได้แก่ โอกินาวา ญี่ปุ่น / ซาร์ดิเนีย อิตาลี / โลมาลินดา สหรัฐอเมริกา / นิโคยา คอสตาริกา / อิคาเรีย กรีซ และเมื่อไปดูวิถีชีวิต อาหารการกินจะพบว่าคนกลุ่มเหล่านี้กินใกล้เคียงกันมาก นั่นก็คือแบบ Mediterranean Food อันได้แก่

1.ไม่กินอาหารแปรรูป เน้นกินอาหารที่มองแล้วรู้เลยว่าเป็นวัตถุดิบอะไร 

2.กินผักผลไม้หลากหลาย รวมทั้งเมล็ดธัญพืชต่าง ๆ 

3 กินกรดไขมันดีเยอะ เช่น โอเมก้า 3 จากปลา หรือมะกอก หรือน้ำมันมะกอก 

สำหรับ ‘น้ำมันมะกอก’ เป็นหนึ่งในอาหารหลักของอาหารแบบ Mediterranean Food ในน้ำมันมะกอกมีสารไฮดรอกซีไทโรซอล (Hydroxytyrosol) ที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ที่มีค่า ORAC สูงที่สุด โดยมีค่า ORAC มากกว่าแอสต้าแซนทีน 2.4 เท่า และมากกว่าวิตามินซี 7.3 เท่า (ORAC หรือ Oxygen Radical Absorbance Capacity คือการวัดค่าประสิทธิภาพของสารต้านอนุมูลอิสระ) 

อาหารที่มีค่า ORAC สูงจะมีประสิทธิภาพในการต้านอนุมูลอิสระ ช่วยป้องกันโรคที่มีสาเหตุมาจากอนุมูลอิสระ เช่น โรคหลอดเลือด หัวใจ มะเร็ง นอกจากนี้ยังช่วยปกป้องเซลล์ให้ปลอดภัยจากการถูกทําลายด้วย

สารไฮดรอกซีไทโรซอล (Hydroxytyrosol) ขึ้นชื่อว่าเป็น Anti-Aging / AntiCancer ช่วยปกป้องร่างกายของได้ดีมาก ๆ โดยจะช่วยดูแลหลอดเลือด และช่วยต้านการอักเสบในร่างกาย ควบคุมระดับความดัน และช่วยปกป้องสมอง เช่น ระบบไฮโพธาลามัส ซึ่งเป็นศูนย์ควบคุมความสมดุลของร่างกาย 

ฉะนั้นถ้าอยากอายุยืนจะต้อง (1) ลดอาหารแปรรูป เลือกทานอาหารที่รู้ว่าคืออะไร (2) หลีกเลี่ยงน้ำตาล ลดแป้ง และเลือกกินอาหารที่มีโอเมก้า 3 มากขึ้น กินกรดไขมันที่ดีมากขึ้น หลีกเลี่ยงพวกโอเมก้า 6 

นอกจากนี้ยังสามารถเปลี่ยนมาใช้น้ำมันมะกอกในการทำอาหารได้ด้วย โดยใช้วิธีที่เรียกว่า Slow Cooking Low Temperature ไม่ต้องใช้อุณหภูมิสูงมาก ก็สามารถใช้ทําอาหารได้ หรือเปลี่ยนจากน้ำสลัดมายองเนส มาเป็นน้ำมันมะกอกก็ได้ แต่ต้องเป็น Extra Virgin Olive Oil น้ำมันมะกอกแบบสกัดเย็น เพื่อจะได้ประโยชน์มาก ๆ และมีสารต้านอนุมูลอิสระที่สูง

ประธานวุฒิสภา กล่าวเปิดและปาฐกถาพิเศษ ในโครงการพัฒนาเยาวชนคนรุ่นใหม่กับการเรียนรู้วิถีประชาธิปไตย

(28 ส.ค.67) เวลา 10.00 นาฬิกา ณ ห้อง B1 - 5 ชั้น B1 อาคารรัฐสภา นายมงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภา เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการพัฒนาเยาวชนคนรุ่นใหม่กับการเรียนรู้วิถีประชาธิปไตย พร้อมปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ “เยาวชนกับการพัฒนาประชาธิปไตย” ให้กับผู้เข้าร่วมโครงการ พร้อมด้วยสมาชิกวุฒิสภาที่เข้าร่วมพิธีเปิด ประกอบด้วย นางอังคณา นีละไพจิตร สมาชิกวุฒิสภา นายปริญญา วงษ์เชิดขวัญ สมาชิกวุฒิสภา พลตํารวจตรี อังกูร คล้ายคลึง สมาชิกวุฒิสภา และผู้บริหารของสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ประกอบด้วย นายพีระพจน์  รัตนมาลี รองเลขาธิการวุฒิสภา และนายสาธิต วงศ์อนันต์นนท์ ที่ปรึกษาด้านระบบงานนิติบัญญัติ นางรักชนก เกสรทอง ผู้อำนวยการสำนักประชาสัมพันธ์ พร้อมด้วยนางสาวพรเพ็ญ ทองสิมา ผู้อำนวยการศูนย์ส่งเสริมและพัฒนาโรงเรียนตามพระราชดำริและโรงเรียนเฉลิมพระเกียรติ เข้าร่วมในพิธีเปิด 

โดยผู้เข้าร่วมโครงการฯ ประกอบด้วย ครูและนักเรียนจากโรงเรียนตามพระราชดำริและโรงเรียนเฉลิมพระเกียรติจากทั่วประเทศ จำนวน 24 โรงเรียน รวมจำนวนทั้งสิ้น 165 คน

‘เสรีพิศุทธิ์’ น้อยใจ!! ถูกแดกดันรับใช้เพื่อไทยมาทั้งชีวิต ฟาก ‘อดิศร-เพื่อไทย’ ปลอบ อย่าน้อยใจ เป็นตำรวจ ต้องเข้มแข็ง

(29 ส.ค. 67) ที่พรรคเสรีรวมไทย ย่านบางขุนนนท์ กทม. พล.ต.อ.เสรีพิศุทธิ์ เตมียเวส อดีต สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย แถลงจุดยืนของพรรคเสรีรวมไทย กรณีถอนตัวจากการร่วมรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทยว่า...

"ขณะนี้พรรคเสรีรวมไทย ทำหน้าที่พรรคร่วมรัฐบาลเรียบร้อยแล้ว แม้ยังต้องการทำงานให้ประเทศ แต่เมื่อไม่มีโอกาส ก็ขอไปทำงานด้านอื่นก็ได้ จึงได้ประชุมคณะกรรมการบริหาร (กก.บห.) พรรค เมื่อวันที่ 27 สิงหาคมที่ผ่านมา และมีมติ 7 เสียง ต่อ 4 เสียง ให้ถอนตัวจากการร่วมรัฐบาล และได้แจ้ง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ผ่านนายสรวงศ์ เทียนทอง สส.สระแก้ว เลขาธิการพรรคเพื่อไทย ว่า ขอถอนตัว และจะเป็นอิสระ ต้องทำหน้าที่ฝ่ายค้านตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป เพื่อให้พรรคได้สร้างผลงาน และปฏิบัติงานตามอุดมการณ์แนวนโยบายของพรรคอย่างเต็มที่และรักษาประโยชน์ประชาชนประเทศชาติ การอยู่ร่วมรัฐบาลต่อ โดยมารยาทจะไม่สามารถวิจารณ์นโยบายของรัฐบาลได้ จะอึดอัด ทำอะไรต้องยอมให้เขาเหยียบตลอดเวลา"

เมื่อถามว่า เหตุผลที่ถอนตัวเพราะน้อยใจหรือไม่? พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวว่า “ผมโกหกใครไม่เป็น ผมน้อยใจ เห็นว่า วันที่ไปประชุมพรรคเพื่อไทย เสนอชื่อคุณอุ๊งอิ๊งเป็นนายกฯ พูดแดกดันว่าพรรคเสรีรวมไทยรับใช้เพื่อไทยมาทั้งชีวิตแล้ว เผื่อมีโอกาสร่วมงานกับรัฐบาลบ้าง เพราะมีปัญหา เช่น เรื่องตำรวจ ที่รองนายกฯ และรักษาการนายกฯ บอกจะขอดูแลงานตำรวจเอง แบบนี้จะมีปัญหา ทั้งที่ผมเคยเป็น ผบ.ตร.มาก่อน เพราะการดูแลตำรวจไม่ใช่แค่การแต่งตั้งผู้บัญชาการตำรวจให้เป็นคนของตนเองเท่านั้น แต่ตำรวจต้องมีการปฏิรูปการทำงาน การบริหารจัดการ พรรคเพื่อไทยไม่เคยคิดทำงานให้ตำรวจเลย คิดแต่จะคุมการแต่งตั้ง ผบ.ตร. ทำให้ประชาชนขาดศรัทธาตำรวจ”

พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวว่า ช่วงที่นายทักษิณอยู่ต่างประเทศ 17 ปี ตนเคยไปเยี่ยม 5 ครั้ง ช่วงหลังการเลือกตั้งปี 62 ที่ตนได้เป็นประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร ตอนนั้นพรรคเพื่อไทยมีอะไร ตนจัดการให้หมด แม้จะเป็นการตรวจสอบอย่างตรงไปตรงมา ไม่เคยทำผิดให้เป็นถูก แต่ทำให้พรรคเพื่อไทยได้ สส.เพิ่มขึ้น

“ผมช่วย สส.ของพรรคเพื่อไทยมาตลอด และรัฐมนตรีอีกหลายคน เมื่อเลือกตั้งเสร็จ ผมมีเสียงเดียว เอาไปเทียบกับพรรคหนึ่งเสียงได้อย่างไร เพราะรู้จักมา 51 ปี เมื่อเขาไม่รู้จักกันแบบนี้ จะให้ผมรู้จักหรอ ถอนตัวดีกว่า” พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์กล่าว

เมื่อถามว่า นายทักษิณรับปากจะให้ตำแหน่งหรือไม่? พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์กล่าวว่า "พูดกับตนไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง ว่าเป็นหนี้บุญคุณตน ขอให้ไปคิดดู คนที่เป็นนักเรียนนายร้อยตำรวจจะมีรุ่นพี่ที่ดูแลนายทักษิณ ตั้งเป็นผู้การ ผู้บัญชาการทั้งหมด แต่ไม่ตั้งตนเลย พูดตลอดเวลาเป็นหนี้ตนเป็นพันครั้งต้องชดใช้ แต่พูดแล้วก็เฉย แม้กระทั่งตอนตนไปเยี่ยมที่โรงพยาบาลตำรวจ ก็พูดว่าต้องตอบแทน แต่ก็เฉย ไม่เป็นไร เพราะการจัดตั้งรัฐบาลเป็นเรื่องของ น.ส.แพทองธาร จะเอา สส.หรือไม่เอา สส.ก็ได้ เป็นอำนาจนายกฯ แต่ลืมตนทุกที ไม่รู้ว่าคิดอย่างไร อาจคิดว่า พรรคเสียงเดียว ไปเปรียบเทียบกับพรรคอื่น ๆ ได้อย่างไร เพราะเข้ามาหวังประโยชน์ แต่ตนต้องการเข้ามาทำงาน หลังจากเกิดปัญหาขัดแย้งระหว่างตนกับนายทักษิณ นายทักษิณก็ไม่โทรมาหา และพรรคเพื่อไทยก็ไม่ได้ว่าอะไร โดยยืนยันว่า ตนไปเยี่ยมนายทักษิณ 2 ครั้ง ที่ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจจริง"

พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวว่า "ที่บอกว่าตน จะไปจับมือกับพรรคพลังประชารัฐ เป็นฝ่ายค้าน เป็นไปไม่ได้ เพราะตนไม่เอาคณะปฏิวัติ ส่วนจะรอสายตรงจากนายทักษิณติดต่อมาหรือไม่นั้น ไม่มี เขาทำลายพรรคพลังประชารัฐ พรรคประชาธิปัตย์ อย่างเก่งก็ทำให้เสรีรวมไทยสูญพันธุ์ แต่เราก็มีแค่หนึ่งเสียง การออกมาแถลงข่าววันนี้ ไม่ได้ต้องการสร้างมูลค่าให้ตัวเอง ที่ผ่านมาสมัยตั้งรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มีการเสนอเงิน 300 ล้านบาท และให้ตำแหน่งรองนายกฯฝ่ายความมั่นคง แต่ตนไม่เอา"

เมื่อถามว่า ถ้าตอนนี้มีการต่อรองให้เก้าอี้รองนายกฯฝ่ายความมั่นคงจะเอาหรือไม่? พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์กล่าวว่า "ไปก็โง่สิ เดินมาขนาดนี้ มันก็รบกันท่าเดียว แน่นอนว่า ขอตัดสัมพันธ์นายทักษิณ คบมา 51 ปีแล้ว ทำได้แค่นี้ จะคบต่อไปทำไม หลังจากนี้ให้รอดู ป.ป.ช.จะเชิญตนไปให้ข้อมูลหรือไม่ ขอบอกเลยว่า จะต้องติดคุกกันทั้งหมด ตั้งแต่ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ผบ.เรือนจำ และแพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจ"

เมื่อถามย้ำว่า แสดงว่า จะต้องมีภาค 2 ให้ติดตามใช่หรือไม่? พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์กล่าวว่า "ขอให้คอยดู เดี๋ยวนักข่าวไม่มีงานทำ"

ต่อข้อถามว่า มองว่า น.ส.แพทองธาร เป็นร่างทรงนายทักษิณหรือไม่? พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวว่า "สื่อก็รู้ ไม่เห็นต้องถาม ส่วนการกระทำของนายทักษิณ จะเข้าข่ายครอบงำพรรคเพื่อไทยหรือไม่ สื่อก็รู้เช่นกัน ขณะนี้นายทักษิณไม่ใช่หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ไม่สามารถเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทยได้ เมื่อไม่ใช่สมาชิกพรรค จะไปแสดงตัวเชิญทุกพรรคร่วมรัฐบาลมาที่บ้านจันทร์ส่องหล้า เมื่อคืนวันที่ 14 สิงหาคมที่ผ่านมา เพื่อขอให้สนับสนุน น.ส.แพทองธาร เป็นนายกฯ ไม่ได้ ถือว่าครอบงำพรรค"

เมื่อถามว่า มองอนาคตของพรรคเพื่อไทย และ น.ส.แพทองธาร อย่างไร? พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวว่า "อยู่ได้ไม่ถึงปี สั้นกว่านายเศรษฐา จะตายด้วยเรื่องของนายทักษิณเอง รวมถึงเรื่องคดีของ น.ส.แพทองธารด้วย แต่เราคงไม่ถึงขั้นไปยื่นร้อง น.ส.แพทองธาร"

เมื่อถามว่า ประเมินว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ จะเดินเกมแก้แค้นนายทักษิณ อย่างไร? พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์กล่าวว่า "ต้องแก้แค้นเต็มที่ แต่ พล.อ.ประวิตรคงสู้ไม่ได้ ส่วนพรรคประชาธิปัตย์ เป็นพรรคตระบัดสัตย์ หลังเลือกตั้งปี 2562 ก็ตระบัดสัตย์ไปร่วมรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ทำให้มี สส.ลดลงจาก 52 คนเหลือ 25 คนในปัจจุบัน

"ส่วน นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เคยบอกถ้าพรรคแพ้การเลือกตั้งปี’66 จะเลิกเล่นการเมืองตลอดชีวิต แต่ก็ไม่เลิก ตระบัดสัตย์หรือไม่ ทั้งที่พูดต่อที่สาธารณะ ถามว่าผิดจริยธรรมหรือไม่ ตนมองว่าผิด แต่ศาลรัฐธรรมนูญจะต้องเป็นผู้ตัดสิน ดูแล้ว พล.อ.ประยุทธ์ยังมีสัจจะดีกว่านักการเมือง สำหรับบทบาทของพรรคเสรีรวมไทยต่อจากนี้ จะทำหน้าที่ฝ่ายค้าน สิ่งไหนที่รัฐบาลทำดีก็ไม่คัดค้าน ถ้าทำไม่ดีก็ค้าน และจะดำเนินการฟื้นฟูพรรคในการเลือกตั้งต่อไป ถ้าพรรคเพื่อไทยมาเชิญให้ร่วมรัฐบาล ก็ไม่เข้าร่วมแล้ว"

เมื่อถามว่า ราคาที่พรรคประชาธิปัตย์ต้องจ่ายในการเข้าร่วมรัฐบาลครั้งนี้คืออะไร? พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์กล่าวว่า "ก็จบแล้ว ใน กทม.ก็จบแล้ว"

ภายหลังจากการเปิดใจของหัวหน้าพรรคเสรีรวมไทยจบลง ด้านนายอดิศร เพียงเกษ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ก็ได้ให้สัมภาษณ์ถึงการที่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย แถลงถอนตัวจากการร่วมรัฐบาลว่า...

"ด้วยความเคารพ โดยส่วนตัวแล้วตนเคารพ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เป็นอย่างยิ่ง เคารพประวัติการต่อสู้ของท่าน คนไทยยกให้เป็นวีรบุรุษนาแก ยังมีผลงานที่ตรึงตาตรึงใจ แต่กรณีที่จะถอนตัวจากพรรคร่วมรัฐบาล ไม่ทราบว่าเป็นเหตุผลกลใด เพราะ 1-2 วันที่ผ่านมาก็เจอกันอยู่ในวันรับสนองพระบรมราชโองการฯ ไปเจอที่ไหน ท่านก็บอกว่า จะสนับสนุนพรรคเพื่อไทย การตัดสินใจทางการเมืองเป็นเรื่องของแต่ละพรรค แต่ก็อยากจะกล่าวว่ากับ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ว่า ลองทบทวนคำพูดของท่านในครั้งที่ผ่านมา แล้วไปศึกษาว่า ควรเป็นไปหรือไม่ เราให้เกียรติอย่างสูง โดยเฉพาะ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์เป็นรุ่นพี่นักเรียนนายร้อยของหลาย ๆ คน เป็นผู้บัญชาการตำรวจที่มีบทบาท"

“มีคนบอกว่า ท่านออกมาแถลงข่าว เอ๊ะ น้อยใจเพราะเหตุใด เพราะการจัดตั้งคณะรัฐมนตรีก็ยังไม่สำเร็จ มีคนมาบอกว่า ท่านไม่ได้เป็นรองนายกฯดูแลยาเสพติดหรือไม่ อันนี้ผมก็ยังไม่เชื่อ เพราะโผ ครม.ยังไม่ปรากฏชัด ธรรมดาคนที่จะมาร่วมรัฐบาล แม้มีกี่เสียงก็สำคัญ ในฐานะที่ท่านมี 1 เสียง ได้แก่ นายมังกร ยนต์ตระกูล อดีตสมาชิกพรรคไทยรักไทยเก่า คุณมังกรกับคุณเสรีพิศุทธ์ก็ไม่ค่อยลงรอยกัน ไปทบทวนนะครับ อาจจะพูดแรงไป พูดถึงคำว่า นักโทษด้วยนะ ทำไมมาโกรธกันในวันสองวัน อายุมากแล้วอย่าใจน้อย” นายอดิศรกล่าว

นายอดิศร กล่าวว่า "ตนไม่ได้ขออนุญาตใครก่อนลงมาแถลง แต่ดูแล้วมันไม่เหมาะสมกับฐานานุรูป และวัยวุฒิ จึงอยากให้ตัดสินใจใหม่ มาร่วมไม้ร่วมมือกันเพื่อชาติบ้านเมือง เราไม่ได้คำนึงว่าท่านมี 1 เสียง แต่คำนึงถึงศักยภาพของท่าน ท่านไปอยู่ฝ่ายค้านก็ไม่ได้เป็น สส. มีนายมังกรคนเดียวจะไปอยู่กับเขาได้หรือ"

“กลับมาเถอะครับพี่เสรี กลับมานะ กลับมา เดี๋ยวผมจะได้รับถึงพรรคเอง อย่าน้อยใจ เป็นตำรวจพิทักษ์สันติราษฎร์ต้องเข้มแข็ง ยินดีต้อนรับพี่นะครับ พวกเราคงไม่ถือสาอะไร ถือว่าเป็นคำอวยพร” นายอดิศรกล่าว

เมื่อถามว่าเหตุผลอะไรที่ทำให้ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ถอนตัว? นายอดิศรกล่าวว่า "ตนก็ไม่รู้เหมือนกัน อยากเป็นรองนายกฯ หรือเปล่า แต่จะเป็นได้อย่างไร มีเสียงเดียว"

เมื่อถามว่า พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์กล่าวถึงขนาดว่า นักโทษตั้งนายกฯ? นายอดิศร กล่าวว่า "วันตั้งนายกฯท่านก็ไปร่วมอยู่ ตนยังยกมือไหว้ท่าน เดินไปส่งถึงรถตู้ ใส่ชุดขาวด้วย ห่าวมาไม่กี่วันกลายเป็นแบบนี้แล้ว มันจะเสียสัตย์ เสียเกียรติภูมิ"

ส่วนจะกังวลหรือไม่ที่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์จะเอาความลับมาเปิดเผย? นายอดิศร กล่าวว่า "ไม่มีความลับ เป็นเรื่องของราชทัณฑ์ ตนกังวลว่าอายุมากแล้ว เราก็ 70 ปีด้วยกันแล้ว อย่าใจน้อย อยู่อีกไม่กี่ปีก็ไปแล้ว"

กรณีที่นายไพบูลย์ นิติตะวัน รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ออกมาแสดงความห่วงใย น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เรื่องความสุจริตและจริยธรรมในการตั้ง ครม.? นายอดิศร หัวเราะพร้อมกล่าวว่า "ขอบคุณนายไพบูลย์ สงสัยจะฝึกงานเป็นฝ่ายค้าน ลองไปเจรจากับพรรคประชาชนดูว่าเขาให้เป็นฝ่ายค้านด้วยหรือไม่"

เมื่อถามว่า เสียงของพรรคพลังประชารัฐแตกออกเป็นสองส่วน ในการร่วมรัฐบาล เวลาโหวตในสภาจะเป็นปัญหาหรือไม่? นายอดิศร กล่าวว่า "รัฐธรรมนูญฉบับนี้ให้เป็นเอกสิทธิ์ของสมาชิกในการตัดสินใจเดินต่อไป โผ ครม.ก็ไม่ได้มีคนมาจากพรรคพลังประชารัฐเลย ซึ่งหากจะมาโหวตสนับสนุนพรรคเพื่อไทยก็ไม่ติดใจ พร้อมย้ำว่าการจะไปร้องเรียน เป็นการร้องแบบลูกทุ่งลูกกรุง นึกอะไรได้ก็ไปร้อง ระวังร้องเท็จก็แล้วกัน อยากให้ยุติ เพราะรัฐบาลพักไป 2-3 เดือนก็เสียเวลา เหลืออีกเพียง 3 ปีเอง ขอให้ทำหน้าที่ฝ่ายค้านให้เข้มแข็ง"

"มาประชุมสภาหน่อย ท่านหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ" นายอดิศรกล่าวปิดท้าย

1 ปี 'พีระพันธุ์' ใต้หมวกเจ้ากระทรวงพลังงาน อะไรทำแล้ว? เรื่องไหนทำอยู่? แล้วไทยจะก้าวสู่ 'ความมั่นคง-เป็นธรรม-ยั่งยืน' ด้านพลังงานได้อย่างไร?

ครบวาระการทำงาน 1 ปี ในฐานะเจ้ากระทรวงพลังงานของ 'นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค' ประชาชนได้รับการดูแลแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายด้านพลังงานอย่างไร? มิติใหม่ในการสร้างความมั่นคงด้านพลังงานของไทยคืบหน้าไปมากน้อยแค่ไหน? กฎหมายกำกับดูแลราคาพลังงานให้เป็นธรรมจะได้ใช้เมื่อไหร่? ราคาน้ำมัน-ค่าไฟ จะลดลงได้อย่างไร? 

แล้วการทำงานในปีที่ 2 จะไปต่อแบบไหน? และมีอะไรใหม่ในการดูแลประชาชนด้านพลังงาน? ไปพบกับคำตอบทั้งหมดนี้ได้ในบทสัมภาษณ์พิเศษ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เจ้าของแนวคิด 'รื้อ-ลด-ปลด-สร้าง' เพื่อความมั่นคง เป็นธรรม ยั่งยืน ของระบบพลังงานไทย เพื่อคนไทยทุกคน ดังนี้...

>> ลุยหาช่องทางแก้ปัญหาหมักหมม
"จากประสบการณ์ทํางานในราชการทางการเมือง ผมคิดว่าในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา ผมทํางานได้เยอะและเร็วพอสมควร ฟังดูเหมือนนาน 12 เดือน 1 ปี แต่ในความเป็นจริง ช่วง 2-3 เดือนแรก ผมต้องศึกษาข้อมูล ศึกษาปัญหา แล้วก็ศึกษาวิธีการแก้ไข ปัญหาของกระทรวงพลังงานซึ่งรับผิดชอบทั้งเรื่องน้ำมัน เรื่องค่าไฟฟ้า เรื่องของราคาแก๊ส แล้วก็อีกหลายเรื่องที่เกี่ยวข้องกับชีวิตประชาชนในเรื่องของพลังงาน มันเยอะมาก และเป็นปัญหาที่หมักหมมมา ไม่ใช่แค่ 5 ปี 10 ปี 

"กระทรวงพลังงานปีนี้จะเริ่มปีที่ 22 แต่ปัญหาที่พูดมาทั้งหมด เกิดมาก่อนกระทรวงพลังงาน โดยเฉพาะเรื่องปัญหาน้ำมัน ไม่ต่ำกว่า 40-50 ปี ผมเองใช้เวลาประมาณ 2-3 เดือนแรก ในการศึกษาปัญหาและแนวทางแก้ไข ผมคิดว่าผมพอใจในการทํางานของผมเองที่ 2-3 เดือนแรกก็สามารถที่จะศึกษาทั้งหมดได้ครับ"

>> ออกประกาศให้ผู้ค้าแจ้งต้นทุนราคาน้ำมันเชื้อเพลิง
"หลังจากศึกษาก็หาวิธีแก้ไข โดยเฉพาะอันดับแรกเลยก็คือเรื่องของน้ำมันเชื้อเพลิง ซึ่งประหลาดมากที่เราไม่เคยรู้ต้นทุน และก็ไม่เคยขอให้ผู้ค้าบอกต้นทุนได้ ผมก็ต้องใช้เวลาในการหาวิธีที่จะดําเนินการ เพราะทุกฝ่ายมาบอกกับผมหมดเลยว่า 'ไม่มีอํานาจ' ซึ่งการจะมีอํานาจก็ต้องแก้ไขกฎหมายนะครับ และนอกจากแก้ไขกฎหมายธรรมดา ยังต้องแก้ไขกฎหมายอีกหลายอย่างซึ่งจะใช้เวลา ผมก็ต้องกลับมาใช้กฎหมายที่เป็นกฎหมายปัจจุบันมาศึกษาช่องทาง และผมทําเองทั้งหมด 

"สุดท้ายก็เจอช่องทางตามกฎหมายปัจจุบัน ผมจึงหารือกับทางสํานักงานกฤษฎีกา ซึ่งก็เห็นตรงกัน เลยยกร่างเบื้องต้นขึ้นมา แล้วก็ให้คณะไปร่างต่ออีกทีนึง ก็ออกมาเป็นประกาศกระทรวงพลังงานที่กําหนดให้ผู้ค้าน้ำมันต้องแจ้งต้นทุน จากนั้น ก็มาเจอกฎหมายที่เกี่ยวข้องว่า การจะประกาศได้ต้องผ่านกระบวนการ พูดง่าย ๆ ภาษาง่าย ๆ ประชาชนเข้าใจง่าย คือต้องประชาพิจารณ์อีก เพราะฉะนั้นก็ทําให้กระบวนการที่จะออกประกาศใช้เวลาอีก 3-4 เดือน สุดท้ายก็มีผลบังคับเมื่อประมาณเดือนเมษายน 2567 ที่ผ่านมา ซึ่งสามารถทําให้ผมรู้ต้นทุนราคาน้ำมัน และรู้ปัญหาที่จะต้องแก้ไขต่อไป"

>> ร่างกฎหมายกำกับดูแลการขึ้นลงของราคาน้ำมัน สกัดผู้ค้าปรับราคาตามอำเภอใจ
"ต่อมา ผมก็คิดว่าการแก้ไขปัญหาเรื่องน้ำมันของบ้านเรา ในเรื่องของการใช้ระบบที่เรียกว่า ‘กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง’ มารักษาระดับหรือพยุงราคา ผมคิดว่าเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ซึ่งนอกจากจะเป็นภาระของประเทศแล้ว ยังไม่สามารถแก้ปัญหาที่ตรงจุด ขณะเดียวกัน ผมก็พบว่าประเทศไทยไม่มีสํารองน้ำมันของ

ประเทศ ที่ว่ามี ๆ กันวันนี้ ไม่ใช่สํารองน้ำมันของประเทศ แต่เป็นสํารองของผู้ประกอบการ และวัตถุประสงค์หลักก็คือ เป็นการสํารองด้านการค้า ขั้นต่ำของการสํารองเพื่อความมั่นคงและปลอดภัยประเทศต้องอย่างน้อย 90 วันตามมาตรฐานสากล แต่ของเราไม่มี ที่มีอยู่ก็แค่ 20 วัน 

"เพราะฉะนั้นเราก็ตกมาตรฐานสากล เป็นมาแบบนี้ 40-50 ปี ไม่เคยมีใครทํา ผมก็ต้องมานั่งคิดอีก แล้วก็มานั่งคิดว่า ตรงนี้จะแก้ปัญหาเรื่องกองทุนน้ำมันยังไง ก็ปรากฏว่ากองทุนน้ำมันไม่เคยมีกฎหมาย เพิ่งมีกันครั้งแรกเมื่อปี 2562 ซึ่งก็เป็นกฎหมายที่ไม่สมบูรณ์อีก ผมก็ต้องมานั่งคิดว่าจะวางระบบเรื่องสํารองน้ำมันประเทศยังไง แล้วก็มาเจอปัญหาเรื่องราคาน้ำมันขายปลีก 

"ผมเองก่อนมาเป็นรัฐมนตรีก็สงสัย ทําไมราคาน้ำมันมันขึ้นลงกันได้ง่ายเหลือเกิน วันนี้อ้างราคาตลาดโลกขึ้น แต่เวลาลงทําไมมันไม่ลงง่ายเหมือนตอนขึ้น ก็ปรากฏว่าไม่มีกฎหมายอีกครับ กลายเป็นว่าการขึ้นลงของราคาน้ำมัน ชาวบ้านก็ไม่เข้าใจเหมือนผมในอดีต ก็หาว่าทําไมกระทรวงพลังงานปล่อย มันไม่ปล่อยได้ไงครับ มันไม่มีกฎหมายให้อํานาจทําอะไรเลย เพราะฉะนั้น ผมก็เลยเร่งทำกฎหมายในเรื่องนี้

"ที่ผมเคยบอกไว้ว่า ผมมีบันได 5 ขั้น ผมก็ไล่มาทีละขั้นนะครับ หลังจากเรื่องของต้นทุนราคาน้ำมันซึ่งเป็นบันไดขั้นที่ 2 ผมก็ต้องรีบมาแก้ปัญหาเรื่องการที่ผู้ประกอบการค้าน้ำมันสามารถทําอะไรก็ได้ตามอําเภอใจ ไม่มีกฎหมาย  ผมก็มาแก้กฎหมายเพื่อกํากับดูแลการประกอบธุรกิจการค้าน้ำมัน ซึ่งเป็นบันไดขั้นที่ 3 และตอนนี้ผมยกร่างกฎหมายนี้เสร็จแล้วครับ

"ผมขออนุญาตทําความเข้าใจนิดนะครับว่า การขออนุญาตค้าน้ำมันกับการกํากับดูแลนี่ไม่เหมือนกัน ทุกวันนี้เรามีแต่กฎหมายที่มาขออนุญาตค้าน้ำมัน แต่เมื่อเราให้อนุญาตไปแล้ว ก็อิสระเลยครับ ในขณะที่ทางด้านไฟฟ้า มีคณะกรรมการ กกพ. หรือคณะกรรมการกํากับกิจการพลังงาน เป็นผู้กํากับเรื่องของการประกอบกิจการ เรื่องของราคา เรื่องอื่น ๆ แต่น้ำมันไม่มี การกํากับดูแลสื่อก็ยังมี กสทช. แต่น้ำมันไม่มีครับ อันนี้เป็นเรื่องที่ประหลาด ปล่อยมาอย่างนี้ 40-50 ปี ผมคิดว่าอันนี้เป็นส่วนหนึ่งที่ทําให้เกิดปัญหากับพี่น้องประชาชน 

"ดังนั้น ผมก็เลยยกร่างกฎหมายที่ว่า ซึ่งตอนนี้เสร็จแล้ว และจะประชุมคณะทํางานเพื่อจะตรวจร่างที่ผมร่างขึ้นมา กฎหมายฉบับนี้จะเป็นกฎหมายใหม่ในการกํากับดูแลไม่ให้การประกอบกิจการน้ำมันของผู้ที่ได้รับใบอนุญาตค้าน้ำมันอยู่แล้ว สามารถทําอะไรได้เองตามอําเภอใจทั้งหมด แล้วสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชน เราจะมีการกํากับดูแล แล้วก็จะวางระบบเรื่องกองทุนน้ำมันฯ ใหม่ ซึ่งระยะเวลาการทํากฎหมายนี้จนถึงวันนี้ ผมคิดว่าเร็วพอสมควรแล้วกับการแก้ไขปัญหาในระยะต่อไปครับ"

>> จัดตั้งระบบสำรองน้ำมันแห่งชาติ พลิกภาระหนี้สินกองทุนน้ำมันฯ ให้กลายเป็นทรัพย์สินของชาติ
"ผมกำลังทําเรื่องกฎหมายเรื่องสํารองน้ำมันของประเทศ ซึ่งผมจะเอาน้ำมันตัวนี้มาดูแลปัญหาราคาน้ำมันแทนกองทุนน้ำมันฯ เราจะมีน้ำมันมาดูแลน้ำมัน ผมจะเปลี่ยนกองทุนที่ใช้เงินและสร้างหนี้สาธารณะ ให้เป็น Asset หรือทรัพย์สินของประเทศ ต่อไปกองทุนน้ำมันฯ ที่มีน้ำมันสํารองของประเทศ จะเป็นทรัพย์สินของประเทศไม่ใช่ภาระหนี้สินอีกต่อไป ซึ่งตอนนี้ผมเริ่มต้นทําแล้วครับ”

>> ตรึงค่าไฟสุดกำลัง!! ยับยั้งความเดือดร้อนประชาชน
"เรื่องของค่าไฟฟ้า ในช่วงแรกที่ผมเข้ามาเป็นรัฐมนตรีพลังงานในรัฐบาลชุดนี้ ก็เป็นไปตามนโยบายของพรรคผม และของรัฐบาลตรงกัน คือลดภาระค่าใช้จ่ายด้านไฟฟ้าให้พี่น้องประชาชน มาถึงปั๊บเราก็แก้ไขปัญหาราคาไฟฟ้าให้อยู่ที่ 3.99 บาทต่อหน่วย ทั้งประชาชนทั่วไป และประชาชนกลุ่มเปราะบางที่ใช้ไฟฟ้าต่ำกว่า 300 หน่วยต่อเดือน แต่ว่าเราสามารถตรึงตรงนี้อยู่ได้ช่วงหนึ่ง เพราะว่าราคาแก๊สในตลาดโลกเพิ่มสูงขึ้น พอมาช่วงที่ 2 ก็คือ ช่วงต้นปีนี้ ก็มีข่าวทันทีครับว่าไฟฟ้าจะพุ่งขึ้น

"สิ่งที่ผมพยายามทําก็คือ 'ถ้าลดไม่ได้ ก็ไม่ขึ้นครับ ต้องตรึง' แต่ว่าในช่วงแรกเรามีความจําเป็นต้องขยับราคา เนื่องจากภาระหนี้ของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตที่รับภาระหนี้แทนพี่น้องประชาชนในการที่ช่วยตรึงค่าไฟในช่วงแรกไว้ที่ 3.99 บาทต่อหน่วย เขาเพิ่มสูงขึ้น เราเลยจําเป็นต้องอนุญาตขยับราคาขึ้นมาเป็น 4.18 

บาท ก็ขึ้นมานิดเดียวครับ จาก 3.99 บาท ซึ่งตอนแรกมีข่าวลือออกมาว่าจะขึ้นเยอะแยะ แต่ว่าในส่วนของพี่น้องประชาชนที่เป็นกลุ่มเปราะบางที่ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 300 หน่วยต่อเดือน ก็ยังคงตรึงไว้ที่ 3.99 บาท เหมือนเดิมครับ

"หลังจากครบระยะ 4 เดือนตรงนี้ ก็มีข่าวขึ้นราคาอีก ซึ่งผมไม่อยากให้ขึ้น รัฐบาลก็ไม่อยากให้ขึ้น หรืออย่างน้อยเมื่อเราลดราคาไม่ได้ ก็ต้องตรึงไว้ที่เดิม นโยบายของเราก็ตรึงไว้ที่ 4.18 บาท ซึ่งการตรึงราคาครั้งที่สองนี้เหนื่อยกว่าครั้งแรกเยอะมากครับ เพราะอะไรครับ เพราะราคาก๊าซขึ้น ในขณะเดียวกันแก๊สในอ่าวไทยที่เราเคยผลิตได้ก็หายไปวันละ 800 ล้านลูกบาศก์ฟุต แล้วยังมีปัญหาอีกหลายอย่าง ผมก็ได้ไปกําชับเรื่องการขุดแก๊สจากอ่าวไทยเพิ่ม ทำให้แก๊สปริมาณ 800 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวันที่หายไปก็สามารถกลับมาได้แล้ว และมีบริหารจัดการในอีกหลายเรื่องที่ทําให้เราสามารถตรึงราคาค่าไฟไว้ที่ 4.18 บาท ได้อีกเหมือนเดิม

"พอมาครบ 4 เดือน ในงวดที่เพิ่งผ่านมา ก็มีข่าวมาอีกแล้วว่าจะขึ้นไป 4 บาท 50-60 สตางค์ หรือไปถึง 6 บาทเลยนะครับ ตรงนี้เราก็มาบริหารจัดการ สุดท้ายผมก็ยังสามารถตรึงราคาไว้ได้ที่ 4.18 บาท แล้วคณะรัฐมนตรีก็อนุมัติให้ดูแลกลุ่มเปราะบางที่ 3.99 บาท โดยใช้เงินงบประมาณมาเหมือนเดิม  นี่ก็เป็นสิ่งที่เราทํามาในช่วงหนึ่งปีในการตรึงค่าไฟฟ้า ผมสามารถพูดได้เลยครับว่า ราคาค่าไฟในช่วงที่ผมเป็นรัฐมนตรีพลังงาน อย่างน้อยไม่เคยสร้างความเดือดร้อนให้พี่น้องประชาชนนะครับ"

>> สร้างหนทางหลุดพ้นปัญหาค่าไฟแพงอย่างยั่งยืน
"ทําอย่างไรที่จะให้พี่น้องประชาชนสามารถใช้ไฟได้ถูกลง มีทางเดียวก็คือต้องใช้พลังงานที่เขาเรียกว่าพลังงานสะอาด ซึ่งก็มี 3 อย่าง คือ ลม, แดด, น้ำ ซึ่งสําหรับพี่น้องประชาชนทั่วไป วันนี้คงคุ้นเคยกับเรื่องของ Solar Rooftop หรือ การผลิตพลังงานไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ด้วยการติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์บนหลังคานะครับ 

"เพียงแต่สิ่งที่เป็นปัญหาและทําให้เกิดปัญหามาตลอดคือ ความยุ่งยากในเรื่องของการติดตั้งและการขออนุญาต ซึ่งผมกําลังจะออกกฎหมายฉบับใหม่ ตอนนี้ยกร่างเสร็จแล้วเหมือนกัน เพื่อที่จะกํากับดูแลเรื่องของการติดตั้งให้ง่ายและสะดวกขึ้น ส่วนที่ผ่านมา ทําไมมันยุ่งยาก ก็เพราะมันไม่มีกฎหมาย พอไม่มีกฎหมาย ทุกกระทรวง ทุกหน่วยงาน ก็บอกว่าเป็นอํานาจของตนเองหมดเลย ประชาชนก็วิ่งไปทั่วเลย ไปหาหน่วยงานนั้น ไปหาหน่วยงานนี้ กว่าจะติดตั้งได้ 

"เพราะฉะนั้นผมจะออกกฎหมายฉบับนี้ ภายในปลายปีนี้ ผมคิดว่ากฎหมายนี้ก็จะเสร็จตามกฎหมายน้ำมันนะครับ ก็จะทําให้พี่น้องประชาชนสามารถติดตั้งระบบ Solar บนหลังคา หรือในพื้นที่บ้านได้สะดวกและง่ายขึ้นครับ"

>> แสวงหานวัตกรรมพลังงานราคาถูกเพื่อประชาชน
"แต่ว่าเมื่อติดตั้งแล้วก็มีประเด็นต่อไปครับ วันนี้อุปกรณ์ต่าง ๆ ที่จะเป็นระบบหลังคา Solar หรือระบบไฟฟ้า มันแพงครับ สิ่งที่ผมได้ดําเนินการในส่วนนี้ ก็คือ ให้คนที่เป็นนักประดิษฐ์คิดค้นมาดําเนินการวางระบบ Solar Rooftop ให้ประชาชนในราคาถูกครับ ปกติพลังงานแสงแดดที่มาผลิตไฟฟ้าจะใช้ได้เฉพาะกลางวัน เพราะกลางคืนไม่มีแดด ถ้าจะใช้กลางคืนจะต้องมีอุปกรณ์ที่เรียกว่า แบตเตอรี่เก็บสํารอง ซึ่งแบตเตอรี่นี่แพงมากครับ อย่างน้อยก็เป็นหลักแสน 

"ดังนั้น สิ่งที่กระทรวงพลังงานโดยผมได้ดําเนินการไปก็คือ เราได้ทําการประดิษฐ์คิดค้นแบตเตอรี่ขึ้นมา ตอนนี้อยู่ระหว่างทดลอง ซึ่งเบื้องต้นผลการทดลองเป็นที่น่าพอใจ แบตเตอรี่นี้สามารถใช้กับเครื่องปรับอากาศได้ 3 เครื่อง ใช้กับตู้เย็นได้ 1 เครื่อง ในงบประมาณเพียงแค่ไม่เกิน 20,000 บาทเท่านั้น ระบบ Inverter ที่ต้องมาควบคุมระบบไฟฟ้าขายกัน 4-5 หมื่นบาท โดยเราสามารถประดิษฐ์ได้อยู่ที่ราคา 7-8,000 บาท ไม่เกินหมื่นบาท 

"ส่วนแผงโซลาร์อย่างต่ำ 160 โวลต์ ปกติจะใช้ 4 แผง แต่เราสามารถดัดแปลงใช้แค่ 2 แผง ทั้งหมดนี้น่าจะอยู่ในวงเงินประมาณ 30,000 บาท ก็สามารถใช้ไฟได้ทั้งกลางวัน กลางคืน ตอนนี้อยู่ระหว่างขั้นตอนที่ผมสั่งการให้มีการทดสอบทดลองอุปกรณ์ต่าง ๆ ซึ่งผมมั่นใจว่าในรอบปีที่ 2 ที่ผมดํารงตําแหน่งรัฐมนตรีพลังงาน ผมจะทําตรงนี้ออกมา และจะเป็นผลิตภัณฑ์ที่ขายให้กับพี่น้องประชาชนในราคาที่ถูก ซึ่งจะช่วยพี่น้องประชาชนให้หลุดพ้นจากปัญหาค่าไฟแพง โดยไม่ต้องจ่ายค่าไฟ แต่ใช้แสงแดดของเราแทน

>> โยกระบบแก๊สแก้ปัญหาค่าไฟ
"ส่วนเรื่องค่าแก๊สนะครับ แก๊สที่ขุดจากอ่าวไทยผมขออนุญาตเรียนว่าไม่ได้ขุดมาแล้วใช้เป็นแก๊สหุงต้มสําหรับประชาชนได้หมดนะครับ มันต้องมาแยกก่อนและส่วนหนึ่งจะเป็นแก๊สหุงต้ม แต่ที่ผ่านมามีปัญหาว่า มีการนำแก๊สจํานวนหนึ่งไปใช้ในอุตสาหกรรม แต่ใช้ราคาเดียวกับราคาของแก๊สหุงต้ม ซึ่งเป็นการกําหนดราคาแบบไม่ถูกต้อง โดยก่อนหน้านี้ก็เคยมีความพยายามที่จะแก้ไขปัญหานี้ แต่ไม่เคยมีใครลงมือทํา แต่ผมได้แก้ไขปัญหานี้ในช่วงปลายเดือนธันวาคม 2566 และมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ต้นปี 2567 นั่นคือ การโยกระบบแก๊สให้อยู่ถูกที่ถูกทาง โดยแก๊สที่ใช้เพื่ออุตสาหกรรมต้องอยู่ในราคาที่ถูกต้องเหมาะสม และตรงนี้ก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทําให้ผมสามารถยันราคาค่าไฟไว้ได้ที่ 4 บาท 18 สตางค์ ด้วยการปรับโยกการใช้แก๊สจากอ่าวไทยให้อยู่ในราคาที่ถูกต้อง ไม่ใช่ไปใช้ราคาแก๊สหุงต้มของพี่น้องประชาชน"

>> ร่างกฎหมายกำกับดูแลราคาแก๊สหุงต้ม
“ในเรื่องแก๊สหุงต้ม เราก็ตรึงราคามาตลอดนะครับ 1 ปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 423 บาท ต่อ 15 กิโลกรัม มีคนร้องเรียนว่า บางร้านขายเกินราคา ซึ่งนี่ก็เป็นอีกปัญหาที่ว่า กระทรวงพลังงานไม่มีอํานาจไปกํากับดูแลตรงนี้

เพราะฉะนั้นพอย้อนกลับไปสิ่งที่ผมพูดก่อนหน้านี้ว่า ผมกําลังออกกฎหมายใหม่ในเรื่องของการกํากับดูแลเรื่องราคาน้ำมัน ก็จะครอบคลุมมาดูแลเรื่องราคาแก๊สนี้ด้วย ซึ่งจะทำให้ต่อจากนี้ไปกระทรวงพลังงานจะมีอํานาจตามกฎหมายใหม่ในการเข้าไปกํากับดูแล ไปตรวจสอบการขายแก๊สหุงต้มให้กับพี่น้องประชาชน เพื่อให้อยู่ในระดับที่ไม่มีการไปโกงพี่น้องประชาชนก็ได้อีก อันนี้ก็เป็นเรื่องของกฎหมายใหม่ที่จะทําออกมา"

>> เขียนกฎหมายเอง ทำงานทุกวันถึงตี 3
"การจะเขียนกฎหมายไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องเข้าใจเรื่อง และคนที่เข้าใจเรื่องก็ต้องเขียนกฎหมายเป็น  ซึ่งต้องถือว่าเป็นโชคดีอย่างนึงที่เผอิญผมเขียนกฎหมายเป็น และเข้าใจเรื่องอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นกฎหมายที่ผมพูดเมื่อสักครู่ ผมเขียนเองหมดเลย ผมใช้เวลากลางคืนทุกคืน กฎหมายที่ผมบอกว่าจะกํากับดูแลกิจการพลังงานไม่ให้มีการปรับราคากันทุกวัน แล้วก็จะดูแลไม่ให้มีการเอาเปรียบพี่น้องประชาชนในเรื่องของน้ำมัน 

"ผมเริ่มเขียนมาตั้งแต่เดือนเมษายน 2567 หลังจากที่ผมได้ข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับต้นทุนราคาน้ำมัน ผมทํางานทุกวันทั้งวัน งานประจํา งานต้องเซ็น ผมไม่เคยค้าง ผมเซ็นทุกวัน ผมใช้เวลาเที่ยงคืนถึงตี 3 ทุกคืน ตั้งแต่เดือนเมษายน เพื่อร่างกฎหมายฉบับนี้ วันนี้ผมร่างเสร็จแล้ว และผมกำลังจะเชิญประชุมของคณะทํางานด้านกฎหมายของผม เพื่อตรวจสอบต่อไป กฎหมายนี้ผมร่างเองทั้งฉบับ ด้วยมือผมเอง ใช้เวลาเที่ยงคืนถึงตีสามทุกคืน"

>> ลงลึกตัวบทกฎหมายให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย
"อันดับแรกของกฎหมายก็คือ 'บทนิยาม' บทนิยามสําหรับกฎหมายอื่นไม่มีปัญหา เป็นเรื่องเบสิก แต่กฎหมายฉบับนี้ไม่ได้เลยครับ บทนิยามจะเป็นตัวกําหนดหลายเรื่อง โดยเฉพาะเรื่องต้นทุนราคาน้ำมันแบบไหน อย่างไร คิดอย่างไร 

"จากบทนิยามก็จะมีเรื่องของการกําหนดว่า การประกอบกิจการค้าน้ำมันเชื้อเพลิงและแก๊สจะต้องอยู่ภายในกฎหมายนี้อย่างไร กฎหมายนี้จะมีการกําหนดราคามาตรฐานอ้างอิง ว่าแต่ละเดือนราคาน้ำมันควรจะเป็นเท่าไร ถ้าหากผู้ประกอบการมีต้นทุนที่สูงกว่าราคากลางที่กําหนดออกมาตรงนี้จะต้องมาพิสูจน์อย่างไรว่า เขามีต้นทุนที่สูงขึ้นถึงจะปรับราคาได้ ไม่ใช่นึกจะปรับก็ปรับนะครับ เพราะฉะนั้นตรงนี้จะเป็นธรรมทุกฝ่าย ประชาชนก็ได้รับข้อมูลที่ถูกต้อง ผู้ประกอบการก็ไม่ขาดทุน ขณะเดียวกันภาครัฐก็เข้าไปปรับดูแลได้

"สำหรับรูปแบบของกองทุนน้ำมันที่เป็นปัญหาอยู่ทุกวันนี้ ก็จะมีวางระบบใหม่เพื่อให้เกิดความคล่องตัวและบรรลุเป้าหมายมากขึ้นกว่าเดิม และจะมีเรื่องของการให้ความเป็นธรรมเกี่ยวกับการร้องเรียนต่างๆ เพราะคณะกรรมการที่เกี่ยวข้องอาจกําหนดอะไรออกมาแล้วไม่ถูกต้อง ก็มีระบบที่จะสามารถตรวจสอบได้"

>> เปิดช่องน้ำมันเสรีสำหรับผู้ประกอบการ
"ที่สําคัญ ผมจะอนุญาตให้ผู้ประกอบการต่าง ๆ รวมไปถึงสหกรณ์ต่าง ๆ สามารถจัดหาน้ำมันมาใช้ได้เอง ที่ผมเคยตอบไปในสภาว่าโครงสร้างราคาน้ำมันที่ทําให้น้ำมันประเทศเราแตกต่างจากประเทศอื่น ไม่ใช่อยู่ที่เนื้อน้ำมัน แต่อยู่เรื่องนโยบายและภาษี ภาษีส่วนหนึ่งคือ ภาษี VAT ภาษี VAT อย่างน้อย 7% นะครับ ภาษี VAT จะเก็บจากการค้า แต่ถ้าเราไม่ได้เป็นการค้า เป็นการใช้ของเราเอง เอาเข้ามามันไม่มี VAT เมื่อไม่มี VAT อย่างน้อยราคาน้ำมันลดไปเลยครับ

"ผมยกตัวอย่างกลุ่มของผู้ประกอบการขนส่ง ทุกวันนี้ ผู้ประกอบการขนส่งจะต้องเติมน้ำมันก็ไปที่ปั๊ม ดูราคาขึ้นลง แต่ที่ผมเคยบอกไว้ว่าผมจะเปิดเรื่องการค้าน้ำมันเสรี ผมก็เอามาลงอยู่ตรงนี้ คําว่าเสรีของผมหมายความว่า เราจะต้องไม่ปิดกั้นประชาชน ถ้าเขาสามารถหาน้ำมันมาใช้ได้เอง ก็ต้องเปิดโอกาส แต่เขาจะหาได้หรือไม่ได้เป็นเรื่องของเขา รัฐต้องไม่ห้าม เพราะนี่คือการค้าเสรี ประชาชนต้องมีสิทธิเสรีในการหาพลังงานของตัวเองด้วย ตรงนี้จะทําให้ต้นทุนถูกลงและประหยัดเลยครับ เพราะฉะนั้น เงื่อนไขส่วนหนึ่งของกฎหมายฉบับนี้จะเปิดโอกาสให้พี่น้องเกษตรกร ซึ่งถ้ารวมตัวกันเป็นสหกรณ์ เป็นสมาคม ก็จะสามารถไปหาซื้อน้ำมันมาใช้เองได้ในราคาถูกลง

"ที่สำคัญคือเรื่องของการขนส่ง ซึ่งเป็นต้นทุนของการผลิตสินค้าหลายเรื่อง และเป็นต้นทุนการดํารงชีวิตของคน ก็จะเปิดโอกาสให้มีการตั้งเป็นสมาคม และสามารถไปหาน้ำมันมาใช้เอง ตรงนี้ก็จะหลุดพ้นจากเรื่องของการที่ต้องไปซื้อน้ำมันตามราคาที่คนนู้นประกาศ คนนี้ประกาศ เพราะฉะนั้นถ้าท่านสามารถหาน้ำมันที่ถูกกว่าในประเทศมาใช้ได้ เอาเลยครับ ผมอนุญาต เพราะตรงนี้จะช่วยลดภาระของพี่น้องประชาชนในเรื่องของต้นทุนสินค้า ลดภาระของผู้ประกอบการขนส่ง เพราะไม่ต้องไปจ่ายระบบภาษีเยอะ  

"นี่เป็นสิ่งที่ผมได้เห็นทางออกจากปัญหาที่ว่า ทําอย่างไรจะให้หลุดจากปัญหาเรื่องภาษีได้ โดยที่เราก็ไม่ได้ไปแก้กฎหมายอะไร เพียงแต่ใช้ช่องที่ว่า เมื่อไม่มีการค้า ก็ไม่ต้องเสีย VAT อย่างน้อยตรงนี้ก็ลดภาษี VAT ไปได้ 2 ช่วงนะครับ ที่ผ่านมาโครงสร้างราคาน้ำมันวันนี้โดน VAT 2 ช่วง 

"เพราะฉะนั้น ถ้าผู้ประกอบการขนส่งสามารถหาน้ำมันมาเองในราคาถูกอยู่แล้ว และไม่ต้องมาเสีย VAT ต้นทุนของผู้ประกอบการขนส่งในเรื่องน้ำมันจะลดลงไปทันที แล้วเมื่อลดภาระเรื่องราคาน้ำมันแล้ว ก็ต้องลดราคาสินค้าให้ประชาชนด้วย ลดต้นทุนการผลิตด้วยนะครับ เรื่องนี้เป็นสิ่งที่ผมดำเนินการอยู่ แต่ยังไม่จบ"

>> คุมค่าไฟหอพักให้เหมาะสมเป็นธรรม
"เมื่อกี้เราคุยกันว่า ค่าไฟเราตรึงไว้ที่ 4 บาท 18 สตางค์ ส่วนประชาชนกลุ่มเปราะบางที่ใช้ไฟไม่เกิน 300 หน่วยต่อเดือน คิดค่าไฟ 3.19 บาท แต่ปรากฏว่ามีอีกเรื่องหนึ่งที่ผมได้รับการร้องเรียนเข้ามาก็คือ ผู้ประกอบการที่เอาไฟ 4.18 บาท ไปขายต่อ เช่น หอพัก หรือกิจการอื่น ๆ ที่ไปเก็บค่าไฟเกินกว่า 4 บาท 18 สตางค์ 

"ตามกฎหมายต้องถือว่าท่านเป็นผู้ค้าไฟฟ้านะครับ เอาไฟฟ้าหลวงไปขายถือว่าเป็นการทําการค้า แล้วก็สร้างปัญหา ไม่มีใครมาคุมในส่วนนี้ บางรายขายจาก 4.18 บาท เป็น 8 บาท หรือ 9 บาท 12 บาทก็มี อันนี้ก็ต้องยอมรับความเป็นจริงนะครับ ผมเข้าใจว่าผู้ประกอบการก็ต้องทํา แต่ขณะเดียวกันประชาชนก็เดือดร้อน ทําอย่างไรจะอยู่ในราคาที่เหมาะสม เรื่องนี้ผมได้หารือกับทางสํานักงานคณะกรรมการกํากับกิจการพลังงาน ก็คงจะออกเป็นมาตรการต่อไปในการช่วยดูแลปัญหาเรื่องการเอาค่าไฟไปเก็บแพงในหอพัก หรือในกิจการอื่น ๆ ซึ่งจะต้องมีการควบคุมเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมกับพี่น้องประชาชนกลุ่มนี้เพิ่มเติมต่อไปอีกด้วยครับ"

>> ทำทันที!! ไม่เคยกลัวอิทธิพลกลุ่มทุน 
"ผมเคยเจอคําถามว่า 8 ปีที่แล้ว 9 ปีที่แล้วทําไมถึงไม่ทํา ผมฟังแล้ว ผมรู้สึกตลกนะ 8 ปี 9 ปีที่แล้ว ผมเป็นรัฐมนตรีพลังงานหรือเปล่าล่ะครับ ผมไม่ได้เป็น ผมเพิ่งมาเป็นได้แค่ปีเดียว แล้วคนที่ถามไปอยู่ไหนมาถึงไม่รู้ว่าผมไม่ได้เป็น แต่เมื่อเป็นปั๊บ ผมก็ทําทันทีนะครับ และถ้าผมอยู่ภายใต้อิทธิพลกลุ่มทุน 1 ปีที่ผ่านมา ที่ผมพูดมาทั้งหมดเมื่อกี้ คิดว่าผมทําได้ไหมครับ ผมไม่เคยกลัวครับ ผมทํางานในทางการเมืองมา 30 ปี ผมไม่เคยกลัว และไม่เคยมีผลประโยชน์ ผมทําทุกอย่างเพื่อประโยชน์ของพี่น้องประชาชนและประเทศชาติบ้านเมืองเท่านั้น ไม่เคยกลัว ทําได้ก็ทํา ทําไม่ได้ก็จะทํา ทําให้ถึงที่สุดครับ ผมไม่เคยกลัวอิทธิพลอะไรทั้งนั้น ถ้าผมทําไม่ได้นั่นแหละครับ คือสิ่งที่ผมกลัว กลัวไม่ได้ทํา"

>> ทำงานเยอะ ไม่เครียด ถ้าเครียด ก็เริ่มใหม่ได้
"มันเป็นเรื่องปกติของคนนะ ถ้าจะบอกว่าไม่เครียด มันเป็นไม่ได้หรอก มันก็มีปัญหาที่ทําให้เราเกิดความเครียดนะครับ แต่ความเครียดของผม ส่วนใหญ่จะเกิดจากการที่บางครั้งคิดไม่ออก คิดไม่ออกว่าปัญหานี้จะแก้ยังไง ไม่ได้เครียดจากการทํางานเยอะนะครับ แต่จะเครียดจากการคิดไม่ออก ผมก็มีวิธีแก้ให้เราลดความเครียดลง เพราะผมคิดว่า เครียดไปมันก็ไม่มีประโยชน์ มันเป็นธรรมชาติของคน มันเกิดขึ้นได้ แต่เมื่อเกิดแล้วเราต้องมีวิธีแก้ปัญหาให้เราลดความเครียดลง เพื่อจะเดินหน้าต่อไปได้ ถามว่าแก้ความเครียดยังไง ก็แล้วแต่สถานการณ์นะ บางครั้งผมก็ไปเช็ดรถ ล้างรถ ขัดรถ ทําบ้าน ก็ว่ากันไป นั่งดูยูทูบบ้าง ดูเว็บไซต์เรื่องที่เราสนใจ จะได้เปลี่ยนความคิดเปลี่ยนอารมณ์ ให้สิ่งที่มันทําให้เกิดปัญหาในความคิดในสมองมันลดระดับมา แล้วก็เริ่มต้นใหม่ได้ครับ"

>> ทำให้ดีที่สุดเพื่อประชาชน
"ผมอยากเรียนว่าทั้งหมดนี้ ในระยะเวลา 12 เดือน ผมทําได้แค่นี้ ผมคิดว่าผมพอใจ และจะพอใจมากกว่านี้ถ้าทําให้เสร็จหมดภายใน 1 ปีถัดไป ผมก็จะพยายามทําให้ดีที่สุด จะพยายามปรับปรุงและแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ของพี่น้องประชาชนในเรื่องของพลังงานให้มากขึ้น"

"สุดท้าย ต้องขอบพระคุณพี่น้องประชาชนนะครับ เพราะว่าที่ผ่านมาในอดีตทั้งหมดที่ผมทํางานการเมืองมา ไม่เคยมีคนมาเชียร์หรือมาช่วยอะไรมาก ผมเป็นคนทํางานแบบทําในสิ่งที่ต้องทํา ไม่ใช่ทําเพราะว่าคนเชียร์ หรือว่าทําเพราะคนด่า ผมไม่เคยสนใจ แต่ในช่วงที่ผ่านมา ผมรู้สึกแปลกใจ แล้วก็ดีใจ ที่มีคนเชียร์ผมเยอะ แล้วก็สนับสนุนการทํางานผมเยอะ ส่วนหนึ่งผมจําได้ ผมเคยไปออกรายการอาจารย์ยิ่งศักดิ์ ตั้งแต่แรก ๆ ที่ผมเป็นรัฐมนตรี ผมก็บอกว่าผมจะทําเพื่อประโยชน์ประชาชน ขอให้พี่น้องประชาชนเป็นผนังกําแพงให้ผมพิง ก็ต้องขอบพระคุณทุกท่านครับ" เจ้ากระทรวงพลังงานกล่าวทิ้งท้าย

'รัฐบาล' มั่นใจ!! สถานการณ์น้ำเหนือรับมือได้ ยืนยัน!! 'กรุงเทพฯ-ภาคกลาง' ยังไม่น่าเป็นห่วง

(29 ส.ค. 67) นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ปฏิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรี และร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยภายหลังเดินทางเข้าอาคารชินวัตร 3 ถนนวิภาวดี เพื่อรายงานสถานการณ์น้ำให้กับนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี

โดยนายภูมิธรรม กล่าวว่า วันนี้เป็นการประชุมร่วมกันเพื่อสรุปสถานการณ์อุทกภัย ประกอบกับในวันพรุ่งนี้ (30 ส.ค.67) นายกรัฐมนตรีจะลงพื้นที่ไปให้กำลังใจประชาชนที่จังหวัดสุโขทัย ส่วนรัฐมนตรีคนอื่นจะเดินทางไปในวันที่ 31 สิงหาคม เพื่อประชุมที่ศาลากลางจังหวัดสุโขทัย เพื่อหาทางแก้ไขปัญหา และสั่งการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า

ขณะที่ร้อยเอกธรรมนัส ได้รายงานสถานการณ์น้ำเหนือในปัจจุบันว่า สถานการณ์ในแม่น้ำยม ที่จังหวัดสุโขทัย ขณะนี้สามารถควบคุมสถานการณ์ได้แล้ว ก่อนที่ปริมาณน้ำที่ผ่านจากจังหวัดสุโขทัย จะเข้าสู่จังหวัดนครสวรรค์ ซึ่งตนก็จะลงไปดูพื้นที่ บริเวณปากน้ำโพในวันพรุ่งนี้ (30 ส.ค.67) พร้อมยืนยันว่าสถานการณ์ ณ ขณะนี้รัฐบาล "เอาอยู่"

โดยสิ่งที่ปฏิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรีมีความเป็นห่วงก็คือ ปริมาณน้ำเหนือที่จะลงมาอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งรัฐบาลก็เฝ้าติดตามการพยากรณ์อากาศจากกรมอุตุนิยมวิทยาอยู่เสมอว่า จะมีน้ำเมื่อไหร่ แต่ปริมาณน้ำ ณ เวลานี้ยืนยันว่า สามารถควบคุมได้ 

ด้านนายภูมิธรรม ระบุอีกว่า ปัจจุบันนี้เขื่อน และอ่างเก็บน้ำต่าง ๆ ยังสามารถรองรับปริมาณน้ำได้ ซึ่งไม่น่ามีความเป็นห่วง แต่รัฐบาลก็พยายามป้องกันเรื่องอุบัติเหตุ เช่น พายุ ที่อาจจะมีเพิ่มเข้ามา 

ขณะที่สถานการณ์น้ำในพื้นที่กรุงเทพ และปริมณฑล และภาคกลาง ก็ยืนยันว่าไม่มีความน่าเป็นห่วง ซึ่งสถานการณ์เฉพาะหน้าขณะนี้ก็ยืนยันว่า "เอาอยู่ ทั้งหมด" แต่ก็ต้องเตรียมป้องกันเรื่องพายุ ที่อาจจะมีเพิ่มเข้ามา โดยในวันเสาร์ที่ 31 สิงหาคมนี้ นายสุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ หรือ สทนช. จะนำแผนที่ทั้งหมดมาประเมินว่า ตรงไหนยังเป็นจุดบอดอยู่ และให้ดาวเทียมถ่ายภาพไว้ทั้งหมด เพื่อมาประเมินสถานการณ์ร่วมกัน ซึ่งจะสามารถสั่งการ และบัญชาการที่ศาลากลางจังหวัดสุโขทัยได้ทันที เนื่องจากเป็นสถานที่ที่เป็นศูนย์อำนวยการส่วนหน้า 

เมื่อถามถึงอุปสรรคการเป็นรัฐบาลรักษาการ จะส่งผลต่อการช่วยเหลือประชาชนหรือไม่ โดยเฉพาะงบประมาณ นายภูมิธรรม ยืนยันว่า ขณะนี้ไม่ใช่รัฐบาลรักษาการ แต่เป็นรัฐบาลโดยตรง เพราะ เป็นการพ้นตำแหน่งเฉพาะตัวของนายกรัฐมนตรี เพราะฉะนั้นรัฐมนตรีสามารถทำหน้าที่ได้อย่างเต็มที่ และสามารถอนุมัติงบประมาณกลางได้ทันที หากพบเจอปัญหา ซึ่งขณะนี้ได้วางงบฯ ไว้ทุกภาคส่วนแล้ว และผู้ว่าราชการทุกจังหวัดมีงบประมาณจังหวัดละ 20 ล้านบาท หลังรัฐบาลประกาศเป็นภาวะภัยพิบัติ อีกทั้งยังมีเงินอยู่อีกก้อนหนึ่งที่รองนายกรัฐมนตรีดูแลอยู่ 

ทั้งนี้ตนในฐานะรองนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรี สามารถเซ็นอนุมัติงบประมาณกลาง เพื่อแก้ไขปัญหาภัยพิบัติได้ 

'ลุงชวน' ย้ำ!! "ต้องไม่ทรยศประชาชน" เป็นเรื่องของตนคนอื่นไม่เกี่ยว รับสภาพ!! ไร้ผลเปลี่ยนแปลงมติ 'ปชป.' ร่วมรัฐบาล 'เพื่อไทย'

(29 ส.ค. 67) ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายชวน หลีกภัย สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมกรรมการบริหาร (กก.บห.) และ สส.ของพรรค ถึงความคาดหวังการเปลี่ยนแปลงมติพรรคในการเข้าร่วมรัฐบาล ว่า ตนไม่คิดว่าจะมีผลเปลี่ยนแปลงอะไร เพียงแต่ในส่วนของตนแสดงเหตุผลไว้ชัดเจนว่าไม่เห็นด้วยตั้งแต่เลือกนายเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งเหตุผลของตนไม่ใช่ข้อขัดแย้งส่วนตัว แต่เป็นเหตุผลในอดีตที่ตนเคยรณรงค์ไม่ให้ประชาชนภาคใต้เลือกพรรคไทยรักไทย ด้วยเหตุผลว่าพรรคนั้นประกาศว่าจะพัฒนาเฉพาะจังหวัดที่เลือก ส่วนจังหวัดที่ไม่ได้เลือกไว้ทีหลัง ทำให้ภาคใต้เสียโอกาส ฉะนั้นหากเลือกคนที่ไปบอกให้ชาวบ้านไม่เลือก มันทรยศชาวบ้าน ตนจึงต้องยืนอยู่ในจุดที่รักษาไว้ คือเมื่อเลือกปฏิบัติกับเรา เราก็อย่าไปเลือกเขา

"ใครที่บอกว่ามันผ่านมาแล้ว 20 ปี แต่ภาคใต้เสียโอกาสไปมาก ทั้งที่ความจริงภาคใต้เป็นพื้นที่ที่ทำรายได้เลี้ยงประเทศจำนวนมาก จึงไม่ควรไปเลือกปฏิบัติกับเขา นี่คือสิ่งที่ผมอยากยืนยัน ไม่ใช่ข้อขัดแย้งส่วนตัวระหว่างใคร เพราะผมไม่ใช่คู่ขัดแย้งกับใคร แต่ประโยชน์ประชาชนที่ถูกกลั่นแกล้ง อย่างน้อยมีผมคนหนึ่งที่พูด ขอให้ประชาชนอย่าสนับสนุนพรรคการเมืองใดก็ตามที่เลือกปฏิบัติ ผมเป็นนายกฯมา2สมัยไม่เคยเลือกปฏิบัติ นี่เป็นจุดแตกต่างระหว่างพรรคประชาธิปัตย์ กับพรรคเพื่อไทย ยืนยันว่าเรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องปกป้องผลประโยชน์ประชาชน ถ้าผมบิดเบือนเจตนารมณ์ คนอื่นต้องไม่เกี่ยว เป็นเรื่องส่วนตัวผม จึงขอยืนยันว่าไม่สามารถยอมรับวิธีที่เลือกปฏิบัติต่อพื้นที่ได้ ดังนั้นผมต้องแสดงความรับผิดชอบในสิ่งที่ผมไปบอกประชาชน สำหรับผม คนอื่นไม่เกี่ยว ต้องยืนยันว่าอย่าทรยศประชาชน" นายชวน กล่าว

อุกอาจ!! 'แก๊งวัยรุ่นมะกัน' รวมพลปล้นร้าน 7-Eleven มูลค่าความเสียหาย 40,000 เหรียญสหรัฐ พบ!! ไม่ใช่ครั้งแรก

(29 ส.ค. 67) เพจ 'World Forum ข่าวสารต่างประเทศ' ได้เผยแพร่ภาพการปล้นร้านสะดวกซื้อ 'เซเว่นอีเลฟเว่น' (7 Eleven) โดยวัยรุ่นที่มีการรวมตัวกันประมาณ 30-50 คน

ทั้งนี้ วัยรุ่นกลุ่มดังกล่าว ได้เข้าปล้น 7-Eleven สาขา ซานเปโดร ลอสแอนเจลิส ประมาณ เวลา 01:39 น. ของวันเสาร์ที่ 24/08/2024  

จากรายงาน คนร้ายได้ขโมยบุหรี่ไปกว่า 1,000 ซอง ตั๋วล็อตเตอรี่ และเครื่องคิดเงิน 2 เครื่อง ที่มีเงินสดอยู่ข้างในประมาณ 5,000 เหรียญสหรัฐฯ ก่อนจะหลบหนีไปได้ เบื้องต้นมูลค่าความเสียหายจากการประเมินอยู่ที่ 40,000 เหรียญสหรัฐ

เหตุการณ์นี้ไม่ใช่ครั้งแรก เพราะก่อนหน้านั้นช่วงเดือนสิงหาคม 7-Eleven หลายสาขาในลอสแอนเจลิส ก็เคยถูกปล้นมาแล้ว เพียงแต่ไม่แน่ชัดว่าเป็นวัยรุ่นกลุ่มเดียวกันหรือไม่ ซึ่งขณะนี้ทางเมืองลอสแองเจลลิสได้ขอเพิ่มกำลังตำรวจเพื่อตรวจตราเพิ่มขึ้นแล้ว

รวมพลัง 'วปอ.บอ. รุ่นที่ 1' ลงพื้นที่ช่วยบรรเทาวิกฤตน้ำท่วมสุโขทัย พร้อมเตรียมแผนสร้างเสริมเศรษฐกิจการท่องเที่ยวสุโขทัยหลังน้ำลด

(29 ส.ค. 67) วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร เผยกิจกรรมลงพื้นที่ 2 วันของตัวแทนคณะนักศึกษาหลักสูตรการป้องกันราชอาณาจักรสำหรับผู้บริหารแห่งอนาคต (วปอ.บอ.) รุ่นที่ 1 อาทิ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี คณะที่ปรึกษาผู้ทรงคุณวุฒิประจำหลักสูตร นางสาวณัฐธิดา เทพสุทิน และนางรัดเกล้า อินทวงศ์ สุวรรณคีรี เข้าร่วมช่วยเหลือชาวบ้านจากวิกฤตน้ำท่วมจังหวัดสุโขทัยภายใต้โครงการชื่อ 'เรายังมีเรา' โดยร่วมกันระดมทุนส่วนตัวกว่า 2 แสนบาท นำถุงยังชีพจำนวน 400 ชุดกระจายให้แก่ผู้ประสบภัยในหลายพื้นที่ รวมถึงสนับสนุนอาหารสดที่เต็นท์ประกอบอาหาร และมอบเงินบริจาคให้แก่มูลนิธิร่วมกตัญญู เพื่อเป็นทุนในการสานต่อความช่วยเหลือแก่ผู้ประสบอุทกภัยในจังหวัดอื่นๆ ในพื้นที่ภาคเหนือต่อไป 

นอกจากนั้น กลุ่มตัวแทนคณะนักศึกษา วปอ.บอ. รุ่นที่ 1 ยังเตรียมจัดการประชุมเชิงปฏิบัติการสร้างเสริมเศรษฐกิจการท่องเที่ยวสุโขทัยเมืองสร้างสรรค์ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจท่องเที่ยวหลังผ่านพ้นวิกฤตอีกด้วย

สำหรับการลงพื้นที่ช่วยเหลือน้ำท่วมในครั้งนี้ กลุ่มตัวแทนคณะนักศึกษาหลักสูตร วปอ.บอ. รุ่นที่ 1 ลงพื้นที่อย่างต่อเนื่องเป็นระยะเวลา 2 วัน เริ่มต้นตั้งแต่วันนี้ วันพฤหัสบดีที่ 29 สิงหาคม ที่บ้านนา อำเภอศรีสำโรง มีการนำถุงยังชีพไปมอบให้ผู้ประสบภัย จำนวน 120 ชุด ตามด้วย ตำบลยางซ้าย อำเภอเมือง โดยมีการนำถุงยังชีพไปมอบให้ผู้ประสบภัย จำนวน 80 ชุด และในวันพรุ่งนี้ (30 ส.ค.67) จะเดินทางไปยัง ตำบลวังใหญ่ อำเภอศรีสำโรง มีการนำถุงยังชีพไปมอบให้ผู้ประสบภัย จำนวน 200 ชุดต่อไปอีกด้วย 

ทั้งนี้ ภายในถุงยังชีพประกอบไปด้วย เครื่องอุปโภคบริโภค ได้แก่ สบู่ ยาสีฟัน แปรงสีฟัน กระดาษชำระ ผ้าอนามัย ถุงขยะ ข้าวสาร อาหารแห้งและอาหารสำเร็จรูป รวมถึงน้ำขวดแพค เป็นต้น

นอกจากนี้ กลุ่มตัวแทนคณะนักศึกษาหลักสูตร วปอ.บอ. รุ่นที่ 1 ร่วมกับคณะกรรมาธิการท่องเที่ยว สภาผู้แทนราษฎร ได้เตรียมความพร้อมการจัดการประชุมเชิงปฏิบัติการสร้างเสริมเศรษฐกิจการท่องเที่ยวสุโขทัยเมืองสร้างสรรค์ (Sukhothai Creative City) ในวันศุกร์ที่ 30 สิงหาคม ณ โรงแรมสุโขทัย เทรเชอร์ รีสอร์ทแอนด์สปา จังหวัดสุโขทัย เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจของพื้นที่ให้ดีขึ้นอย่างยั่งยืนแม้ต้องรับมือกับวิกฤตต่างๆ ในอนาคต ผ่านกิจกรรมการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ด้วยทุนทางวัฒนธรรมของจังหวัดสุโขทัย นำโดย ดร.พรรณสิริ กุลนาถศิริ รองประธานกรรมาธิการท่องเที่ยว สภาผู้แทนราษฎร 

ด้านนายพิชิต วีรังคบุตร รองผู้อำนวยการ สำนักงาน ส่งเสริมเศรษฐกิจ (มหาชน) พันเอกนาวิน ปรีชาพณิชยกุล ผู้จัดการ อพท.สุโขทัย พร้อมด้วยตัวแทนคณะนักศึกษาหลักสูตร วปอ.บอ. รุ่นที่ 1 ได้แก่ นางสาวณัฐธิดา เทพสุทิน, ดร.ณพรรษสรณ์ เสมสันต์, ดร.ธีรศานต์ สหัสสพาศน์ และ นางสาวณัฐธิดา เทพสุทิน ตัวแทนคณะนักศึกษาหลักสูตร วปอ.บอ. รุ่นที่ 1 เปิดเผยว่า จังหวัดสุโขทัยเป็นจังหวัดพื้นที่รับน้ำจากภาคเหนือ และเป็นเส้นทางแม่น้ำยมที่ไม่มีเขื่อนเก็บกัก ทำให้ขณะนี้สถานการณ์น้ำอยู่ในจุดที่ก่อให้เกิดผลกระทบอย่างมากต่อประชาชน เกิดน้ำท่วมพื้นที่การเกษตรของประชาชนและเส้นทางอีกหลายจุดในจังหวัด 

ทางคณะนักศึกษาหลักสูตร วปอ.บอ. รุ่นที่ 1 นั้นมีความเป็นห่วงใยชาวบ้านในพื้นที่เป็นอย่างมาก และเป็นพื้นที่ที่ทางหลักสูตรได้เคยเดินทางมาศึกษาดูงานและเชื่อมความสัมพันธ์กับหลายหน่วยงานในจังหวัดสุโขทัยมาก่อนหน้านี้ โดยทางคณะนักศึกษาหลักสูตร วปอ.บอ. รุ่นที่ 1 ได้ร่วมกันจัดหาเครื่องอุปโภคบริโภคและรีบเดินทางเข้าช่วยเหลือปันน้ำใจให้กับผู้ที่ประสบภัยอย่างเร่งด่วน พร้อมพูดคุยกับหน่วยงานในพื้นที่เพื่อประสานความช่วยเหลือในอนาคต 

จากนั้น เมื่อจังหวัดสุโขทัยผ่านพ้นวิกฤตอุทกภัยแล้ว ทางคณะนักศึกษาหลักสูตร วปอ.บอ. รุ่นที่ 1 จะร่วมมือสร้างเสริมเศรษฐกิจการท่องเที่ยวสุโขทัยเมืองสร้างสรรค์ ตามที่เคยได้มีการลงนามความร่วมมือก่อนหน้านี้ในการพัฒนารูปแบบผลิตภัณฑ์ และส่งเสริมการท่องเที่ยวในด้านต่างๆ โดยการจัดการประชุมเชิงปฏิบัติการในวันที่ 30 สิงหาคมนี้ จะช่วยสร้างความมั่นใจให้กับจังหวัดสุโขทัย ว่าจะได้รับการสนับสนุนเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและพร้อมรับมือกับวิกฤตต่างๆ ในอนาคต ด้วยการสร้างความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจจากการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top