Monday, 9 June 2025
NewsFeed

รู้จัก ABA Centers of America เครือข่ายคลินิกรักษาโรคออทิสติก หนึ่งในบริษัทที่เติบโตเร็วที่สุดในสหรัฐฯ เพราะเร็วกว่า-เชี่ยวชาญกว่า

(28 ส.ค. 67) ABA Centers of America ซึ่งมีสำนักงานใหญ่ในเมือง Fort Lauderdale มลรัฐ Florida เป็นหนึ่งในบริษัทเอกชนที่เติบโตเร็วที่สุดในสหรัฐอเมริกา โดยได้รับการจัดอันดับที่ 5 ในรายชื่อ Inc. 5000 ประจำปีนี้ ให้เป็นหนึ่งในบริษัทที่เติบโตเร็วที่สุดจาก 5,000 แห่งในสหรัฐฯ พิจารณาจากการเติบโตของรายได้ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา 

Christopher Barnett ผู้ก่อตั้ง ABA Centers of America เผยถึงว่า ABA Centers of America ในฐานะผู้ให้บริการบำบัดสำหรับเด็กออทิสติก โดยบริษัทฯ ก่อตั้งขึ้นในปี 2020 ซึ่งตอนนั้น Barnett เริ่มทำธุรกิจด้วยวัยเพียง 18 ปี และเขามีเพียงวุฒิการศึกษา GED (เทียบเท่ามัธยมปลาย) แต่ด้วยการเป็นทั้งนายหน้าอสังหาริมทรัพย์, เจ้าของบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์, นายหน้าจำนอง และผู้รับเหมา ทำให้เมื่ออายุ 20 ต้น ๆ เขาสามารถปิดการทำธุรกรรมได้ 150 ล้านเหรียญสหรัฐต่อปีกันเลยทีเดียว

ต่อมา Barnett ได้ก้าวเข้าสู่วงการการดูแลสุขภาพในปี 2013 และเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการของกลุ่มดูแลสุขภาพพฤติกรรมชั้นนำ ซึ่งรวมถึง บริษัทให้บริการด้านการดูแลสุขภาพจิต, บริษัทให้บริการเรียกเก็บเงินทางการแพทย์ และบริษัทห้องปฏิบัติการทางการแพทย์ 

ปี 2020 ในฐานะผู้ปกครองของเด็กออทิสติก เขาได้ก่อตั้ง ABA Centers of America ขึ้นเพื่อทำลายกรอบการรอคอยบริการแบบเดิม ๆ ที่วนเวียนเป็นระยะเวลาหลายปีแก่บรรดาผู้ที่แสวงหาการวินิจฉัยหรือการรักษาโรคออทิสติก ในขณะเดียวกันก็เพื่อมอบความเป็นเลิศทางคลินิกในระดับสูงสุดในรูปแบบที่สร้างขึ้น เพื่ออุทิศให้แก่ลูกสาวของเขา ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ป่วยออทิสติก

ด้วยความมุ่งมั่นของ Barnett ซึ่งพยายามหาวิธีการต่าง ๆ เพื่อรักษาลูกสาวของเขาเอง จากปัญหาที่เขาพบเจอเริ่มต้นจากการนัดหมายเพื่อวินิจฉัยโรคที่อาจต้องใช้เวลาถึงสี่ถึงหกเดือน หรืออาจจะนานกว่านั้นด้วยซ้ำ และจริง ๆ แล้ว การเริ่มต้นการรักษาอาจต้องใช้เวลาหนึ่งหรือสองปี จนเคยมีคนไข้ที่ต้องรอคิวนานกว่านั้นด้วยซ้ำ บางครั้งอาจนานสามถึงหกปี นั่นคือ สถานการณ์การรักษาโรคออทิสติกในสหรัฐอเมริกา จนกระทั่งได้มีการก่อตั้ง ABA Centers of America ขึ้นมา บริษัทฯ สามารถฝ่าฟันอุปสรรคเหล่านั้นได้ โดยเสนอการนัดหมายเพื่อวินิจฉัยโรคออทิสติกในบางครั้งภายในเวลาเพียง 45 วัน และทำให้เด็ก ๆ เข้ารับการบำบัดได้เร็วกว่าคู่แข่งมาก 

ABA Centers of America สามารถลดเวลาในการรอการนัดหมายได้ ด้วยกระบวนการภายในซึ่งได้รับการปรับปรุงเพื่อให้สามารถวินิจฉัยรักษาเด็ก ๆ ได้อย่างรวดเร็วโดยไม่ต้องรอคิวนาน ด้วยทีมงานที่มีทั้งประสบการณ์และความสามารถ คัดเลือกบุคลากรที่มีความสามารถสูง ซึ่งนำกระบวนการใหม่ ๆ และแนวทางที่ดีกว่ามาสู่องค์กรในทุก ๆ วัน ทำให้บริษัทฯ เติบโตอย่างรวดเร็วและมีคลินิกเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ มีการจ้างพนักงานใหม่ได้รวดเร็วพอ ๆ กับลูกค้ารายใหม่ที่เพิ่มขึ้น ขยายความสามารถในการเติบโตได้อย่างกว้างขวางและทำสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ได้ดีและมากขึ้น อันเนื่องมาจากรูปแบบทางการจัดการทางเงิน และวิธีการในการดำเนินการกับลูกค้ารายใหม่ 

ด้วยการสรรหาบุคลากร ถือเป็นความท้าทายในอุตสาหกรรมสุขภาพจิต ABA Centers of America สามารถจ้างพนักงานได้อย่างรวดเร็ว เพราะนักวิเคราะห์พฤติกรรมที่ผ่านการรับรองเป็นหนึ่งในตำแหน่งงานที่หายากที่สุดในอุตสาหกรรมนี้ และเป็นตำแหน่งที่มีความต้องการมากที่สุด ซึ่งก็คือ นักวิเคราะห์พฤติกรรมที่ผ่านการรับรอง นักบำบัดที่ออกแบบและดูแลแผนการบำบัด ขณะนี้ในอเมริกา มีนักวิเคราะห์พฤติกรรมที่ผ่านการรับรองประมาณ 50,000 ถึง 60,000 คน และไม่นานมานี้ บริษัทฯ ได้ทำการค้นคว้าเกี่ยวกับจำนวนตำแหน่งงานว่างสำหรับตำแหน่งดังกล่าว ซึ่งมีจำนวน 80,000 ถึง 90,000 ตำแหน่ง นั่นหมายความว่ามีความต้องการตำแหน่งงานดังกล่าวสูงมาก และตลาดไม่มีนักวิเคราะห์พฤติกรรมที่ผ่านการรับรองเพียงพอที่จะตอบสนองความต้องการดังกล่าว นั่นเป็นสาเหตุสำคัญประการหนึ่งที่ทำให้เด็ก ๆ ต้องรอคอยอยู่ในรายชื่อรอทั่วประเทศ เนื่องจากตำแหน่งสำคัญตำแหน่งหนึ่งมีไม่เพียงพอ 

>> ABA Centers of America บริจาคเงิน 1ล้านดอลลาร์สหรัฐให้ Temple University

วิธีหนึ่งที่ทำให้ ABA Centers of America สามารถรับมือกับปัญหานี้ได้คือ ผ่านโปรแกรม Temple University ของบริษัทฯ เอง ซึ่งบริษัทฯ ได้สร้าง ABA Centers Autism Lab ขึ้นมา ซึ่งช่วยให้บริษัทฯ สามารถทำการวิจัยในสาขานี้ และยังสามารถฝึกอบรมนักศึกษาได้อีกด้วย เมื่อบริษัทฯ ได้พนักงานที่เข้าเกณฑ์สำหรับโปรแกรมปริญญาโทที่ Temple U. บริษัทฯ ก็จะจ่ายค่าเล่าเรียนทั้งหมดให้กับพวกเขา ขณะนี้บริษัทฯ มีพนักงานราว 25 คนที่กำลังเรียนปริญญาโทเพื่อเป็นนักวิเคราะห์พฤติกรรมที่ผ่านการรับรอง (BCBA) และบริษัทฯ จะดำเนินการต่อไปเพื่อให้โปรแกรมนั้นเติบโตขึ้น นั่นคือหนึ่งในวิธีที่บริษัทฯ ไม่เพียงแต่สามารถหา BCBA ได้มากขึ้นเพื่อตอบสนองความต้องการ แต่ยังสามารถคัดเลือกและนำบุคลากรที่มีความสามารถสูงมาสู่องค์กรได้อีกด้วย

ABA Centers of America สร้างสมดุลให้กับการเติบโตและความยั่งยืนได้ ในแบบ de novo บริษัทฯ สามารถทำทั้งหมดนี้ได้โดยไม่ต้องผ่านการเข้าซื้อกิจการขนาดใหญ่ ด้วยการซื้อสิ่งอำนวยความสะดวกที่มีขนาดเล็กกว่า ในขณะที่ยังคงสร้างความแตกต่างให้กับธุรกิจนี้โดยลดเวลาการรอคอยและให้เด็ก ๆ เข้ารับการดูแลได้เร็วขึ้น นั่นเป็นแรงผลักดันการเติบโตของบริษัทฯ ไปพร้อม ๆ กัน การสามารถคัดเลือกและรักษาบุคลากรที่มีความสามารถสูงไว้ได้ ถือเป็นกลยุทธ์การเติบโตที่ดำเนินต่อไปได้ด้วยตัวเองและช่วยให้บริษัทฯ สามารถขยายธุรกิจไปทั่วประเทศได้อย่างต่อเนื่อง 

แนวคิดของ ABA Centers of America มองว่าการเปิดคลินิกใหม่มีประโยชน์มากกว่าการเข้าซื้อคลินิกที่มีอยู่ เพราะการไม่ได้พึ่งพา [การซื้อกิจการ] ด้วยโมเดลที่ยอดเยี่ยมและคิดมาอย่างดีสำหรับการเปิดคลินิกใหม่ในพื้นที่ใหม่ ๆ ซึ่งบริษัทฯ ได้ทำมาหลายครั้งแล้ว และทำได้ดีมากจนสามารถเปิดคลินิกใหม่ได้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ตอนนี้บริษัทฯ มีคลินิกประมาณ 30 แห่ง และน่าจะมีมากกว่า 50 แห่งภายในสิ้นปีนี้ (2024) พร้อมกับแผนการเติบโตในอนาคตที่ชัดเจนไปจนถึงปี 2025 เช่นเดียวกับบริษัทอื่น ๆ เช่นเดียวกับสตาร์ตอัปอื่น ๆ ซึ่งก็มีข้อผิดพลาดระหว่างทาง แต่สามารถเรียนรู้จากข้อผิดพลาดเหล่านั้น และวางแผนกลยุทธ์ขององค์กรให้เป็นจริงได้ ABA Centers ได้เติบโตจนกลายเป็นองค์กรที่มีชื่อเสียง จนได้รับการยอมรับว่าเป็นบริษัทเอกชนที่เติบโตเร็วที่สุดอันดับ 5 ในรายชื่อ Inc. 5000 แห่งชาติประจำปี 2024 ทั้งยังได้รับการเสนอชื่อในรายชื่อ Inc. Best in Business ประจำปี 2023 อีกด้วย

'จีน' ยืนยัน!! 'โรงไฟฟ้าพลังน้ำจิ่งหง' ไม่ได้ระบายน้ำจนกระทบไทย ย้ำ!! เคารพและเอาใจใส่ผลประโยชน์ประเทศในลุ่มแม่น้ำอย่างเต็มที่

(28 ส.ค.67) จากเฟซบุ๊กเพจ 'Chinese Embassy Bangkok สถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย' ได้เผยข้อความ ระบุว่า...

โฆษกสถานเอกอัครราชทูตจีน ได้ออกแถลงว่า สถานการณ์อุทกภัยในไทยพื้นที่หลายแห่งในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทยได้เกิดน้ำท่วม ฝ่ายจีนมีความกังวลอย่างมากในเรื่องนี้  

เบื้องต้นกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของจีน พบว่า สภาพน้ำของแม่น้ำในประเทศจีนได้อยู่ในภาวะปกติในเมื่อเร็ว ๆ นี้ และอ่างเก็บน้ำที่เกี่ยวข้องของแม่น้ำล้านช้างได้อยู่ในสถานะกักเก็บน้ำ ตั้งแต่วันที่ 18 ถึง 25 สิงหาคม 

ปริมาณการไหลออกเฉลี่ยต่อวันของสถานีไฟฟ้าพลังน้ำจิ่งหง ได้ลดลง 60% เมื่อเทียบกับเดือนสิงหาคมของปีก่อนหน้า และไม่ได้มีการดำเนินการระบายน้ำ 6 ประเทศในลุ่มแม่น้ำล้านช้างเป็นประชาคมที่มีอนาคตร่วมกัน ซึ่งเชื่อมต่อกันด้วยภูเขาและแม่น้ำ

ฝ่ายจีนเคารพและเอาใจใส่ผลประโยชน์ และข้อกังวลของประเทศในลุ่มแม่น้ำอย่างเต็มที่ จีนยินดีส่งเสริมการแบ่งปัน และความร่วมมือในด้านข้อมูลทรัพยากรน้ำ เสริมสร้างศักยภาพในการจัดการแบบบูรณาการในลุ่มแม่น้ำ และร่วมกันรับมือกับการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ ภัยพิบัติน้ำท่วม และความท้าทายอื่น ๆ เป็นต้น

'ชาวเน็ต' ไม่ขำ!! หลัง 'มาร์ช จุฑาวุฒิ' เตะช่อบูเก้ งานแต่งเพื่อน ทั้งที่เป็นคลิปคอนเทนต์หลังเลิกงาน และคุยกับ 'บ่าวสาว' ไว้แล้ว

(28 ส.ค. 67) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณี มาร์ช จุฑาวุฒิ ภัทรกำพล ที่เตะช่อดอกไม้ที่เจ้าสาวและเจ้าบ่าวโยนลงมาจากเวที เพราะตั้งใจที่จะทำคอนเทนต์สนุก ๆ นั้น งานนี้ทำเอาชาวเน็ตไม่สนุกด้วย และเข้าไปคอมเมนต์ติการกระทำของเจ้าตัวกันมากมาย

งานนี้ทำเอา หนุ่มมาร์ช ต้องเข้ามาชี้แจงและขอโทษถึงการกระทำของตนเองในไอจีว่า...

"ในคลิปเป็นช่วง after party ครับผมช่วงที่งานเลิกแล้ว ช่อจริงโยนเสร็จเรียบร้อยในงานแล้วครับ จริง ๆได้คุยกับ บ่าวสาว ตั้งแต่ก่อนวันงานแล้วครับ ว่าจะถ่ายคอนเทนต์นี้กันแบบสนุก ๆ…

"(เพราะเพื่อน ๆ ที่สนิทที่ไม่ได้เจอกันแบบครบ ๆ มากันเยอะมาก เลยอยากมีอะไรถ่ายไว้) เจ้าสาวเป็นคนเตรียมดอกไม้ช่อนี้ให้เองครับ (ไม่ใช่ช่อจริง เป็นช่อสำหรับคอนเทนต์นี้ ช่อจริงวันนั้นสวยงามมากครับ)...

"คลิปเป็นเชิงตลกครับ ไม่อยากให้ซีเรียสครับ สื่อประมาณว่า ถ้าเป็นสาว ๆ จะแย่งกัน แต่พอเป็นแก๊งผู้ชาย (ในที่นี่หมายถึงกลุ่มพวกผม) ที่สนิทกันชอบสังสรรค์กันเลยวิ่งหนีช่อดอกไม้ครับ (ในคลิปเป็นการนัดแนะกันหมดแล้วครับ) บางคนในคลิปก็แต่งงานมีครอบครัวแล้วครับ มาถ่ายกันขำ ๆ ครับ แต่ถ้าคลิปนี้ได้สร้างความไม่สบายใจให้กับใคร ผมเองต้องขอโทษไว้ ณ ที่นี้ด้วยครับ"

สตูล รื้อถอนโพงพาง เครื่องมือประมงผิดกฎหมายในทะเลพื้นที่ อ.ละงู และ อ.ทุ่งหว้า 250 ปากทามกลางสายฝน

เมื่อวันที่ (27 ส.ค. 67) ที่ผ่านมา ในพื้นที่ทะเลในเขตตำบลทุ่งบุหลัง อำเภอทุ่งหว้า จังหวัดสตูล ที่เป็นรอยต่อทางทะเลไปยังอำเภอปะเหลียน จังหวัดตรัง พบการบุกรุกปักเสาไม้ป่าโกงกางขนาดใหญ่ ที่ใช่ทำเครื่องมือผิดกฎหมาย โพงพาง  ปักขวางทางเดินล่องน้ำในทะเลเป็นจำนวนมาก เต็มในทะเลสตูล มีถึง 500 กว่าปาก และในวันนี้ กำลังทางเรือ, เรือ ศรชล.4006, เรือ ศรชล.2906 , เรือตรวจการประมงทะเล 214, เรือทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง 202, เรือ RIB ของ นรภ.ทร.เกาะหลีเป๊ะ และ เรือยางของศูนย์ป้องกันและปราบปรามประมงทะเลกระบี่ รวมทั้งกำลังพลจาก ศรชล.จว.สตูล, ศคท.จว.สตูล ชปพ.นก.พตต.ศรชล.ภาค 3 ,หน่วยปฏิบัติการ หน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่งที่ 452,หน่วยป้องกันและปราบปรามประมงทะเลเกาะหลีเป๊ะ (สตูล) ศูนย์ป้องกันและปราบปรามประมงทะเลกระบี่ กองตรวจการประมง กรมประมง ศูนย์อนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลจังหวัดสตูล , สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาสตูล, ตำรวจน้ำสตูล และฝ่ายปกครองอำเภอทุ่งหว้า

หลังได้รับมอบหมายจาก นายศักระ กปิลกาญจน์ ผู้อำนวยการ ศรชล.จว.สตูล/ผวจ.สตูล มอบหมายให้ น.อ.แสนย์ไท  บัวเนียม ร.น. รองผู้อำนวยการ ศรชล.จว.สตูล/ผบ.นก.พตต.ศรชล.ภาค ๓ เป็นประธานในพิธีเปิดปฏิบัติการรื้อถอนเครื่องมือประมงผิดกฎหมาย ประเภท “โพงพาง” พื้นที่ อ.ละงู และ อ.ทุ่งหว้า จว.สตูล  พร้อมด้วย น.อ.รัฐพล แก้วกระจาย ร.น. หัวหน้า ศคท.จว.สตูล ณ สถานีเรือละงู ต.แหลมสน อ.ละงู จว.สตูล ซึ่งได้นำกำลังออกปฏิบัติการและสามารถรื้อถอนโพงพางได้ จำนวน 250 ปาก การปฏิบัติเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ทามกลางที่ฝนตกหนัก  แต่ทำการรื้อถอนโดยไม่มีกลุ่มชาวประมงออกมาขวางกันแต่อย่างใด

ด้านนายจรัญ หลีหมัน ประมงอำเภอทุ่งหว้า กล่าวว่า การออกปฏิบัติการ รื้อถอนโพงพางในครั้งนี้ ต้องจัดการอย่างเร่งด่วน พบว่าการแอบทำโพงพางมีผลเสี่ยงต่อระบบนิเวศใต้น้ำ สัตว์น้ำสูญพันธ์ได้ และวันนี้หากรู้ว่าคนที่ลักลอบทำผิด แน่นอนต้องโดนโทษทางแกฎหมายเป็นเงินตั้งแต่ 1 แสนบาท จนถึง 5 แสนบาท ปรับจำนวน 5 เท่าของสัตว์น้ำที่จับได้

นิตยา แสงมณี // ผู้สื่อข่าวภูมิภาคประจำจังหวัดสตูล

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง สร้างอาชีพ สร้างชีวิต มอบอุปกรณ์ประกอบอาชีพแก่สตรีแม่เลี้ยงเดี่ยวหรือด้อยโอกาส ในพื้นที่จังหวัดพิษณุโลก พร้อมนำหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ออกบริการฟรี

(28 ส.ค. 67) มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นำโดย นางศิริกุล โอภาสวงศ์ กรรมการและเลขาธิการ พร้อมด้วย นางจินดา บุญลาภทวีโชค กรรมการตรวจสอบ นางศิริพร กระจ่างหล้า ผู้จัดการฝ่ายสังคมสงเคราะห์ นางสาวศุภรัตน์ สมบัติเจริญไทย หัวหน้าแผนกส่งเสริมการศึกษาและอาชีพ และ นางสาวเนาวรัตน์ วรรณศิริ หัวหน้าแผนกหน่วยแพทย์สงเคราะห์ชุมชนนำทีมลงพื้นที่จังหวัดพิษณุโลก มอบวัสดุอุปกรณ์ประกอบอาชีพให้แก่สตรีที่มีรายได้น้อยมีภาระหน้าที่ดูแลคนในครอบครัว เป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว หรือด้อยโอกาสทางสังคม มีความรู้ความสามารถ แต่ขาดแคลนวัสดุอุปกรณ์ประกอบอาชีพ จำนวน 11 ราย  คิดเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 218,260 บาท (สองแสนหนึ่งหมื่นแปดพันสองร้อยหกสิบบาทถ้วน) เพื่อสร้างอาชีพ สร้างรายได้ สร้างชีวิต  ให้กับสตรีได้นำวัสดุอุปกรณ์ไปประกอบอาชีพเลี้ยงตนเองและครอบครัว ช่วยลดปัญหาความเหลื่อมล้ำในสังคม สร้างความสุขสู่ครอบครัว ชุมชน สังคมและประเทศชาติอย่างยั่งยืน โดยมี นายพชรเสฏฐ์ บุญศิริสาริศา รองผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก พร้อมด้วย  นางสาวกุรุพิน สิงห์น้อย ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านสตรี ผู้แทนกรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว และ นางศิริกานต์ ชาวห้วยหมาก ผู้อำนวยการสถานคุ้มครองและพัฒนาอาชีพบ้านสองแคว ร่วมในพิธี พร้อมกันนี้ มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้นำทีมหน่วยแพทย์ฯ ลงพื้นที่ให้บริการประชาชน ฟรี ประกอบด้วย บริการตรวจรักษาโรคทั่วไป จ่ายยา ตรวจวัดสายตาพร้อมแจกแว่น ฯลฯ โดยมีประชาชนเข้ารับบริการเป็นจำนวนมาก ณ  ศาลาประชาคม ศาลากลางจังหวัดพิษณุโลก

นางศิริกุล โอภาสวงศ์ กรรมการและเลขาธิการ เปิดเผยว่า โครงการส่งเสริมอาชีพเพื่อสตรี มีวัตถุประสงค์เพื่อมอบวัสดุอุปกรณ์ประกอบอาชีพให้แก่สตรีที่มีรายได้น้อย มีภาระหน้าที่ดูแลคนในครอบครัว เป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว หรือด้อยโอกาสทางสังคม มีความรู้ความสามารถ แต่ขาดแคลนวัสดุอุปกรณ์ประกอบอาชีพ โดยมูลนิธิฯ มุ่งหวังในการสร้างอาชีพ สร้างรายได้ สร้างชีวิต ให้กับสตรีได้นำวัสดุอุปกรณ์ไปประกอบอาชีพเลี้ยงตนเองและครอบครัว ลดปัญหาความเหลื่อมล้ำในสังคม สร้างความสุขสู่ครอบครัว ชุมชน สังคมและประเทศชาติอย่างยั่งยืนต่อไป โดยได้รับความร่วมมือจากศูนย์เรียนรู้การพัฒนาสตรีและครอบครัวและสถานคุ้มครองและพัฒนาอาชีพ จำนวน 10 แห่ง ได้แก่ กรุงเทพมหานคร จังหวัดนนทบุรี สงขลา สุราษฎร์ธานี ศรีสะเกษ ขอนแก่น ลำพูนลำปาง เชียงราย และจังหวัดพิษณุโลก ซึ่งได้ดำเนินการมอบวัสดุอุปกรณ์ประกอบอาชีพแก่สตรีไปแล้ว 6 แห่ง จำนวน 52 ราย คิดเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 1,018,679 บาท (หนึ่งล้านหนึ่งหมื่นแปดพันหกร้อยเจ็ดสิบเก้าบาทถ้วน)

ตลอดระยะเวลากว่า 114 ปี มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ขยายขอบข่ายโครงการต่าง ๆ ออกไปอย่างกว้างขวาง ไม่เพียงแต่บำบัดทุกข์ บำรุงสุข แก่ผู้ตกทุกข์ได้ยากโดยไม่จำกัดเชื้อชาติ ศาสนา เท่านั้น แต่ยังได้พัฒนาคุณภาพชีวิตอีกในหลาย ๆ ทาง เพื่อเป็นองค์กรสาธารณกุศลที่ช่วยเหลือประชาชนครบวงจรในทุกๆ ด้าน ดังปณิธาน มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต ต่อไป

ติดตามข่าวสาร และกิจกรรมการช่วยเหลือของมูลนิธิป่อเต็กตึ๊งได้ที่เฟซบุ๊ก แฟนเพจ www.facebook.com/atpohtecktung

#ป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต#
#แอปพลิเคชันป่อเต็กตึ๊ง1418
#ช่วยจริงอุ่นใจแม้ในนาทีฉุกเฉิน

สมุทรปราการ-”นันทิดา” เปิด สกายวอล์ค ทางเดินลอยฟ้า รำลึก!! “ชนม์สวัสดิ์” ผู้ก่อตั้งสกายวอล์ค

(28 ส.ค. 67) นางสาวนันทิดา แก้วบัวสาย นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรปราการ พร้อมด้วย นางประภาพร อัศวเหม นายกเทศมนตรีนครสมุทรปราการ นำคณะผู้บริหาร สมาชิกสภา หัวหน้าส่วนราชการ ร่วมเปิด สกายวอล์คทางเดินลอยฟ้า ภายใต้การผลักดันและให้การสนับสนุนริเริ่มก่อสร้างโครงการแห่งนี้ของนายชนม์สวัสดิ์ อัศวเหม อดีตประธานหอการค้าจังหวัดสมุทรปราการ

โดยทางด้าน นางสาวนันทิดา แก้วบัวสาย นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรปราการ ถือฤกษ์ดี วันที่ 28 สิงหาคม 2567 เวลา 9.28 น. ซึ่งถือว่าเป็นเลขมงคลของ นายชนม์สวัสดิ์ อัศวเหม อดีตประธานหอการค้าจังหวัดสมุทรปราการ อีกทั้ง เพื่อเป็นการรำลึกถึงนายชนม์สวัสดิ์ อัศวเหม ผู้ริเริ่มก่อสร้างโครงการสกายวอล์คและด้วยหัวใจที่มุ่งมั่นเพื่อพี่น้องประชาชนคนสมุทรปราการ องค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรปราการจึงได้ทำการเปิดสกายวอล์คทางเดินลอยฟ้าเพื่อคนสมุทรปราการในวันนี้ตามคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้

โดยทางด้าน นางสาวนันทิดา แก้วบัวสาย นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรปราการ กล่าวว่า สกายวอล์คแห่งนี้มีความสะดวกของทางเดินลอยฟ้า เชื่อม BTS ปากน้ำ ลงจากรถไฟฟ้าเดินต่ออีกนิดก็สามารถเข้าถึงสถานที่ราชการได้หลายแห่ง แถมยังสามารถเดินทะลุไปจนถึง "หอชมเมืองฯ" แบบไม่ร้อนไม่เปียก มีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยคอยดูแลความปลอดภัยและให้บริการกับประชาชน โดยจะมีแผนที่ทางเดินสกายวอล์คและจุด ขึ้น-ลง ต่างๆ ที่เชื่อมต่อจาก BTS สถานีปากน้ำ (E19) ฝั่งทางออกที่ 6 ศาลากลาง เปิด-ปิด เวลา 05.00 - 01.00 น.

หมายเลข 1 : จุดขึ้น-ลงบันได ตรงข้ามสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดสมุทรปราการ ชมวิวริมเขื่อนศาลากลางจังหวัดฯ หรือติดต่อส่วนราชการได้ ทั้งสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองฯ และเทศบาลนครสมุทรปราการ (อาคารใหม่กำลังก่อสร้าง) หรือเดินอีกนิดก็ถึง ที่ว่าการอำเภอเมืองสมุทรปราการ, ศาลากลางจังหวัด, อบจ.สมุทรปราการ, ศาลาประชาคม (มี สนง.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และ สนง.วัฒนธรรมจังหวัด ตั้งอยู่ภายในอาคาร)

หมายเลข 2 : จุดขึ้น-ลงมีลิฟท์สำหรับวีลแชร์ และบันไดเดินขึ้นลง ใต้ร่มเงาต้นไม้ใหญ่ติดกับ "วิหารพระพุทธชินราชมงคลปราการ" อยู่ใกล้กับสรรพสามิตจังหวัดสมุทรปราการ ถ.สุทธิภิรมย์ ถัดไปยังมีไปรษณีย์ไทยอยู่ถัดไปอีก โดยจุดนี้มีห้องสุขาสำหรับผู้ใช้วีลแชร์หรือคนพิการโดยจะอยู่ติดกับลิฟท์ด้านบน

หมายเลข 3 : จุดขึ้น-ลงแบบบันไดเลื่อน สะดวกสบาย พร้อมลิฟท์โดยสารสำหรับวีลแชร์ ถ.ประโคนชัย ฝั่งเดียวกับ ศาลากลางฯ ที่อยู่ใกล้ป้ายรถประจำทาง ตรงข้ามสำนักงานที่ดินจังหวัดสมุทรปราการ เดินอีกนิดก็ถึงสถานีตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรปราการ

หมายเลข 4 : จุดขึ้น-ลงบันได ด้านหน้า ถ.ประโคนชัย ติดห้องสมุดประชาชน มีป้ายรถประจำทางอยู่ด้าน ถ.ศรีสมุทร และก่อนถึงห้องสมุด เดินย้อนไปนิดจะเจอธนารักษ์ เดินขึ้นสกายวอล์คมามุ่งหน้าสู่หอชมเมืองฯ หรือเดินไปยังจุดต่างๆได้

หมายเลข 5 : จุดขึ้น-ลงบันได ในพื้นที่ "อุทยานการเรียนรู้และหอชมเมืองสมุทรปราการ" เปิด-ปิด เฉพาะเวลา 06.00 - 18.00 น. สะดวกสุดๆ กับส่วนเชื่อมต่อเข้าอาคารหอชมเมืองฯ ที่บริเวณชั้น 2 ลงลิฟท์มาชั้น 1 เพื่อรับชมนิทรรศการ หรือขึ้นไปชั้น 23 และ ชั้น 25 เพื่อชมวิวสวยๆ ของเมืองสมุทรปราการได้อีกด้วย หอชมเมืองฯ เปิดให้บริการวันอังคาร - วันเสาร์ เวลา 10.00 - 17.00 น. งดให้บริการวันอาทิตย์ - วันจันทร์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์

คิว-ข่าวสมุทรปราการ รายงาน

'บิ๊กราญ' รอง ผอ.ศอ.ปส.ตร. เปิดการอบรมเชิงสัมมนา ด้านการปราบปรามยาเสพติด รับฟังเสียงสะท้อนจากคนทำงาน เพื่อเพิ่มประสิทธิผล ประชาชนอุ่นใจ ตามนโยบายรัฐบาล

(28 ส.ค. 67) พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร./รอง ผอ.ศอ.ปส.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการ ป.ป.ส., พล.ต.ท.คีรีศักดิ์ ตันตินวะชัย ผบช.ปส. ร่วมเปิดโครงการอบรม เชิงสัมมนาเรื่องมุมมองและเสียงสะท้อนจากผู้ปฏิบัติงานป้องกันปราบปรามยาเสพติด เพื่อเพิ่มประสิทธิผล ด้านความสงบสุขของประชาชนตามนโยบายรัฐบาล โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจผู้ปฏิบัติงานด้านยาเสพติด ในสังกัด บช.ปส., บช.น., ภ. 1 – 9, สำนักงานยุทธศาสตร์ตำรวจ , สำนักงานกำลังพล, สำนักงานงบประมาณและการเงิน, ศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศอ.ปส.ตร.), ศอ.ปส.ภ.1 -9, น. และผู้สังเกตการณ์ เข้าร่วมทั้งสิ้น 175 คน โดยมีระยะเวลาอบรม ตั้งแต่วันที่ 28 – 30 สิงหาคม 2567 ณ ห้องประชุมฟีนิกซ์ ศูนย์ประชุมเอ็กซิบิชั่น เมืองทองธานี อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี ทั้งนี้ ได้รับการสนับสนุนงบประมาณการสัมมนา จาก สำงาน ป.ป.ส. เป็นเงินจำนวน 1,810,700 บาท

การจัดสัมมนาในครั้งนี้เกิดมาจากสภาพปัญหาสังคมอันเกิดจากการใช้สารเสพติด และปัญหาอาชญากรรมที่เป็นผลโดยตรงจากยาเสพติดได้ทวีความรุนแรงจนส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตและความปลอดภัยของประชาชน เพื่อรับมือกับปัญหาดังกล่าว คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม 2567 เห็นชอบตามที่ นายกรัฐมนตรีเสนอ ให้การแก้ไขปัญหายาเสพติดเป็นนโยบายเร่งด่วน และสำคัญของรัฐบาล โดยได้มอบนโยบายเร่งรัดการป้องกันและปราบปรามในด้านต่าง ๆ เพื่อให้สามารถลดความเดือดร้อนของประชาชนจากปัญหายาเสพติด ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และอยู่ในระดับที่ประชาชนเกิดความพึงพอใจ ซึ่งการป้องกันปราบปรามยาเสพติดในมิติที่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ รับผิดชอบนั้น เมื่อพิจารณาจากเกณฑ์การผ่านตัวชี้วัดในด้านต่าง ๆ อาจถือว่าประสบความสำเร็จตามเป้าประสงค์ อย่างไรก็ตามทุกความสำเร็จ ทุกกระบวนงานที่ขับเคลื่อน และจากการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่ได้ทุ่มเทกำลังแรงกายทั้งหมดที่มีในการลงพื้นที่ชุมชน/หมู่บ้าน อย่างหนัก เพื่อเสาะแสวงหาข้อมูล และความร่วมมือของประชาชน ผู้นำชุมชน เพื่อให้ได้มาซึ่งข้อมูลผู้เสพ และผู้ค้ารายย่อยในชุมชน จนนำมาซึ่งการป้องกันและการปราบปรามยาเสพติดในพื้นที่ แต่ยังคงไม่สามารถลดสภาพปัญหาการแพร่ระบาดของยาเสพติด และเพิ่มความพึงพอใจของประชาชนได้อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ด้วยเหตุนี้ ทิศทางการดำเนินการในไตรมาสสุดท้าย ซึ่งอาจเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของแผนปฏิบัติการด้านยาเสพติดของ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จึงอยากรับฟังมุมมอง และเสียงสะท้อนจากเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานด้านการป้องกันปราบปรามยาเสพติด ที่อยู่ในพื้นที่โดยตรง เพื่อนำข้อมูล และข้อเสนอแนะมาใช้ในการปรับปรุงเป้าหมายตัวชี้วัด และผลสัมฤทธิ์ในช่วงเวลาสำคัญที่เหลืออยู่ เพื่อเพิ่มประสิทธิผลด้านความสงบสุขของประชาชนตามนโยบายรัฐบาลและใช้เป็นแนวทางในการปรับปรุงแผนปฏิบัติงาน   ด้านยาเสพติด ในปีงบประมาณ พ.ศ.2568 ต่อไป โดยการสัมมนามีการอภิปรายเรื่องการนำนโยบายของรัฐบาลมาสู่การปฏิบัติด้านการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด , การสนับสนุนการทำงานด้านการป้องกันปราบปรามยาเสพติดให้แก่เจ้าหน้าที่ตำรวจ นอกจากนี้ยังมีการปฏิบัติ

โดยแบ่งกลุ่มสัมมนา (Workshop) ในหัวข้อ ต่าง ๆ อาทิ สรุปประเด็นปัญหา อุปสรรคที่เกิดจากการปฏิบัติงานแนวทางแก้ไข และข้อเสนอแนะการเพิ่มประสิทธิภาพงานในส่วนของเจ้าหน้าที่ตำรวจอย่างเร่งด่วน, แนวทางการเพิ่มความพึงพอใจของประชาชน และเครื่องมือวัดผลที่ควรนำมาใช้ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2568, แนวทางและเกณฑ์ด้านการสืบสวนปราบปราม และสอบสวนที่ควรกำหนดในแผน และตัวชี้วัดของงานยาเสพติด ในปีงบประมาณ พ.ศ.๒๕๖๘ และข้อเสนอแนะที่สามารถนำมาใช้ในการปฏิบัติงาน ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น หรือสามารถเปลี่ยนแปลงผลสำเร็จของงานได้อย่างสิ้นเชิง เพื่อผู้ปฏิบัติสามารถนำสิ่งที่ได้อบรมไปใช้ลดปัญหาอุปสรรค และประสิทธิภาพในการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ในทุกมิติ และอาจส่งผลต่อการลดสภาพปัญหาการแพร่ระบาดของยาเสพติด เพิ่มความรู้สึกพึงพอใจของประชาชน ลดจำนวนผู้เสพยาเสพติด และผู้มีอาการทางจิตประสาทจากฤทธิ์ยาเสพติด ทั้งในมิติด้านการค้นหาการนำส่งการสนับสนุนงานด้านการบำบัดรักษา และการบูรณาการกับหน่วยงานภาคีและภาคเอกชน ให้ปัญหาอยู่ในระดับที่ประชาชนยอมรับได้ และสิ่งที่สำคัญคือการเพิ่มความอุ่นใจปลอดภัยให้กับประชาชนในพื้นที่ต่อไป

นราธิวาส-แม่ทัพภาคที่ 4 เป็นประธานพิธีเปิดกิจกรรมตามโครงการ 'แว่นตาเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง'

(28 ส.ค.67) เวลา 10.30 น. ณ สโมสรนายทหารสัญญาบัตร กรมทหารราบที่ 151 ค่ายกัลยาณิวัฒนา อำเภอเมือง จังหวัดนราธิวาส พลโท ศานติ ศกุนตนาค แม่ทัพภาคที่ 4 / ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 เป็นประธานพิธีเปิดกิจกรรม ตามโครงการ 'แว่นตาเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง' พร้อมด้วย คุณกรีชา เกิดศรีพันธุ์ กรรมการบริษัท ห้างแว่นท็อปเจริญ, นายบุญส่ง ไตรภูธร ผู้จัดการฝ่ายกิจกรรมพิเศษห้างแว่นท็อปเจริญ, นายณัฏฐ์พัชร์ ธรรมศักดิ์ ผู้ประสานงานโครงการฯ, คุณกาญจนา เกิดศรีพันธุ์ กรรมการบริษัท ห้างแว่นท็อปเจริญ และ พลตรี เฉลิมพร ขำเขียว ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 15 / ผู้อำนวยการศูนย์ประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จัดพิธีมอบแว่นสายตาให้กับพี่น้องสมาชิกโครงการศิลปาชีพที่ประสบปัญหาสายตาและการมองเห็น และได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของศูนย์ประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ โดยมี หัวหน้าส่วนราชการ ทหาร ตำรวจ ละพี่น้องสมาชิกศิลปาชีพที่เข้าร่วมคัดกรองตรวจวัดสายตา ประกอบแว่นในโครงการดังกล่าวให้การต้อนรับ

โอกาสนี้ แม่ทัพภาคที่ 4 / ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 กล่าวว่า "โครงการนี้เกิดขึ้นเนื่องจากความห่วงใยพี่น้องประชาชนโครงการศิลปาชีพในความดูแลของผู้อำนวยการศูนย์ประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ เพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ในปี 2566 – 2570 ห้างแว่นท็อปเจริญ จะให้บริการตรวจวัดสายตาประกอบแว่นและมอบแว่นฟรีให้กับพี่น้องประชาชนตามโครงการ แว่นตาเพื่อพี่น้อง 3 จังหวัดชายแดนใต้ ปีละ 2,000 อัน รวมทั้งสิ้น จำนวน 10,000 อัน โดยในปีงบประมาณ 2566 - 2567 ได้จัดกิจกรรมในพื้นที่จังหวัดยะลา ปัตตานี นราธิวาส สงขลา มีประชาชนได้รับแว่นสายตาแล้วจำนวน 3,128 คน ในนามของกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า และพี่น้องประชาชนทุกคนที่ได้รับมอบแว่นตาในวันนี้ ต้องขอขอบคุณบริษัท ร่วมเจริญพัฒนา จำกัด (มหาชน) และทุกภาคส่วน ที่ได้จัดทำโครงการ ส่งผลให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ส่งเสริมให้พี่น้องประชาชนใช้ชีวิตได้สะดวกและมีความสุขมากยิ่งขึ้น    

สำหรับกิจกรรมภายในงานยังจัดให้บริการตรวจสุขภาพเบื้องต้น พร้อมสั่งจ่ายยารักษาตามอาการแก่ประชาชนฟรีจากเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ของศูนย์ประสานการแพทย์จังหวัดชายแดนภาคใต้ และจัดให้บริการตัดผมบุรุษฟรี จากกองร้อยทหารพรานที่ 4612 ในโครงการเกศาสานใจ เพื่อแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่าย สร้างความสุข เติมพลังใจแก่ประชาชนที่เข้ารับบริการ

เปิดใจ!! 'น้าโย่ง-ครูโจ้' ความภูมิใจหลังได้รับเลือกเป็นศิลปินแห่งชาติ ลั่น!! ขออนุรักษ์-สืบสานศิลปวัฒนธรรมไทยให้เป็นที่ยอมรับในระดับสากล

(28 ส.ค. 67) ผู้สื่อข่าวรายได้ว่า ตามที่ กระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) ประกาศผลการคัดเลือกศิลปินแห่งชาติ ปี 2566 จำนวน 12 คน ดังนี้ 

สาขาทัศนศิลป์ 4 คน ได้แก่
1.ศ.เกียรติคุณกัญญา เจริญศุภกุล (สื่อผสม) 
2.นางวิภาวดี พัฒนพงศ์พิบูล (สถาปัตยกรรมภายใน) 
3.ร้อยตรีทวี บูรณเขตต์ (ประณีตศิลป์-ช่างปั้น หล่อ) 
4.นายสุดสาคร ชายเสม (ประณีตศิลป์-เครื่องประกอบฉาก)

สาขาวรรณศิลป์ จำนวน 2 คน ได้แก่
1.นายประสาทพร ภูสุศิลป์ธร 
2.นายวศิน อินทสระ 

สาขาศิลปะการแสดง 6 คน ได้แก่ 
1.นายสมบัติ แก้วสุจริต (นาฏศิลป์ไทย-โขน ละคร) 
2.นายไชยยะ ทางมีศรี (ดนตรีไทย) 
3.นายพิเชษฐ์ เอี่ยมชาวนา (การแสดงพื้นบ้าน-เพลงฉ่อย) 
4.จ่าโทหญิง ปรียนันท์ สุนทรจามร (นักร้องเพลงไทยสากล-ลูกทุ่ง) 
5.นายสุธีศักดิ์ ภักดีเทวา (นาฏศิลป์สากล)
6.รศ.บรรจง โกศัลวัฒน์ (ภาพยนตร์) นั้น

นายพิเชษฐ์ เอี่ยมชาวนา หรือ โย่ง เชิญยิ้ม ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง (การแสดงพื้นบ้าน-เพลงฉ่อย) กล่าวว่า รู้สึกดีใจสุด ๆ ไปเลย กับรางวัลอันทรงเกียรตินี้ ที่ผ่านมาพยายามทำตัวให้เป็นประโยชน์ต่อสังคม โดยเฉพาะ ในส่วนของการเรียนรู้ และการแสดงเพลงฉ่อย ลิเก เป็นสิ่งที่ตนหัดเล่นตั้งแต่สมัยเป็นเด็กเล็ก ๆ และเมื่อเราเห็นคนดูมีความสุขกับการแสดง เราก็มีความสุขตามไปด้วย

ทั้งนี้ตนพร้อมและยินดี ที่จะช่วยธำรงรักษา และถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านศิลปะการแสดงพื้นบ้านตามที่ตนถนัด สู่เด็กและเยาวชนคนรุ่นใหม่ ผ่านกิจกรรมของกรมส่งเสริมวัฒนธรรม วธ. ถือเป็นโอกาสที่เราจะได้ช่วยสังคม เพื่อที่จะทำให้มรดกอันล้ำค่าคงอยู่ ไม่สูญหาย ถือเป็นการอนุรักษ์ สืบสานศิลปวัฒนธรรมไทยซึ่งเป็นรากเหง้าของชาติ ให้คงอยู่

ด้าน นายสุธีศักดิ์ ภักดีเทวา หรือครูโจ้ เดอะสตาร์ (นาฏศิลป์สากล) กล่าวว่า เมื่อได้ทราบข่าวก็หัวใจเต้นแรง และขอพูดตรง ๆ ว่ารู้สึกดีใจ และภูมิใจมาก เพราะการแสดงสาขานี้เป็นศาสตร์ที่ผสมผสานนาฏศิลป์ไทย และตะวันตกให้สอดประสานเป็นวัฒนธรรม การได้รับยกย่องเป็นศิลปินแห่งชาติ ถือเป็นรางวัลของวงค์ตระกูล ภักดีเทวา ซึ่งตนอยากนำความรู้ในส่วนนี้ไปถ่ายทอดให้ผู้ที่สนใจได้ศึกษาเรียนรู้ นาฏศิลป์สากล ไม่ใช่แค่การเต้น ที่ปัจจุบันมีผู้สนใจจำนวนมาก แต่สิ่งที่ยากคือ ต้องสื่อให้เห็นว่า เป็นศาสตร์ที่มีตัวต้น เป็นตัวดำเนินเรื่องที่ผสมผสานวัฒนธรรมต่าง ๆ เข้าด้วยกัน

“ศิลปินแห่งชาติ ถือเป็นหนึ่งในซอฟต์พาวเวอร์ ซึ่งศิลปินไทยสามารถปักธง และได้รับรางวัลในระดับนานาชาติจำนวนมาก ดังนั้น ผมอยากถ่ายทอด เพื่อสืบสานและต่อยอด ให้การแสดงของคนได้เป็นที่ยอมรับมากยิ่งขึ้น” ครูโจ้ กล่าว

🔎ส่องประเทศที่มี ‘นักท่องเที่ยว’ เดินทางไปเยอะที่สุด ในปี 2023

จากผลสำรวจของ The World Tourism rankings  by the United Nations World Tourism Organization ระบุว่าในปี 2023 ‘ประเทศไทย’ ทำรายได้จากการท่องเที่ยวของชาวต่างชาติรวม 1.2 ล้านล้านบาท มีรายได้รวมจากการท่องเที่ยว 2 ล้านล้านบาท โดยมีนักท่องเที่ยวลำดับ 1 มาจากมาเลเซีย 4.5 ล้านคน

ส่วนประเทศที่โกยนักท่องเที่ยวต่างชาติได้มากที่สุดในปี 2023 ได้แก่ ‘ฝรั่งเศส’ โดยมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางไปเที่ยวมากถึง 100 ล้านคน


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top