Monday, 9 June 2025
NewsFeed

‘บิ๊กป้อม’ เซ็นมอบ ‘วัน อยู่บำรุง’ คุม ‘พลังประชารัฐ กทม.’ ดำเนินกิจกรรมทางการเมือง ตามอุดมการณ์-นโยบายพรรคฯ

(28 ส.ค. 67) มีรายงานข่าวจากพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) แจ้งว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ได้ลงนามในคำสั่งพรรค พปชร.ที่ 7/2567 เรื่อง มอบหมายผู้รับผิดชอบพื้นที่กรุงเทพมหานคร มีเนื้อหาว่า เพื่อให้การบริหารงานของพรรคพลังประชารัฐเป็นไปด้วยความเรียบร้อย บรรลุตามอุดมการณ์ วัตถุประสงค์และนโยบายของพรรค

อาศัยอำนาจตามข้อบังคับพรรคพลังประชารัฐ พ.ศ. 2561 และแก้ไขเพิ่มเติม ข้อ 17 (1) (จ) จึงขอมอบหมายให้นายวัน อยู่บำรุง เป็นผู้รับผิดชอบในการดำเนินงานและการประสานงาน งานกิจกรรมทางการเมืองของพรรคในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป

'ชาวลาว' เรียกร้องความเป็นธรรมให้ 'หนุ่มไทย' หลังถูกวัยรุ่นอายุ 17 ขับรถเฟอร์รารี่ชนดับ

(28 ส.ค. 67) ผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ 'Joseph Akaravong' ได้ออกมาโพสต์เรื่องร้องเรียน หลังมีหนุ่มชาวไทยที่ไปอาศัยอยู่ที่สปป.ลาว ถูกหนุ่มวัย 17 ปี ขับรถหรูชนจนเสียชีวิต ทำให้ชาวสปป.ลาว ไม่พอใจเป็นอย่างมากออกมาเรียกร้องความเป็นธรรมให้หนุ่มไทยคนนี้ โดยระบุข้อความในโพสต์ว่า... 

"รถที่ชนคนตายคือคันนี้ ผู้ที่เสียชีวิตคือคนไทยที่อาศัยอยู่ในลาว FuFu Idol Indy คนขับรถฝั่งญาติ อ้างคนเกี่ยวข้องไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย อายุเพิ่ง 17 ปี"

ภาพที่ผู้ร้องเรียนโพสต์นั้นเป็นภาพรถซูเปอร์คาร์เฟอร์รารี่ สีขาว สภาพด้านหน้าพังยับเยินจากอุบัติเหตุดังกล่าว พร้อมโพสต์ภาพของหนุ่มไทยที่เสียชีวิต นอกจากนี้ชาวเน็ตได้ออกมาแสดงความอาลัย รวมทั้งเรียกร้องความเป็นธรรมเป็นจำนวนมาก

ซึ่งพบว่าทางโซเชียลมีเดียของทางสปป.ลาว ได้ติดแฮ็ชแท็ก #ຂໍຄວາມເປັນທຳໃຫ້ອ້າຍຟູ ที่แปลได้ว่า #ขอความเป็นให้อ้ายฟู ทั้งนี้ยังพบว่าชาวไทยผู้เสียชีวิตนั้นเป็นช่างภาพคนดังในโลกออนไลน์ และมีคนสปป.ลาวติดตามเป็นจำนวนมาก เมื่อไปดูเฟซบุ๊ก 'FuFu Idol Indy' ของผู้เสียชีวิตนั้นพบว่ามีชาวลาวเข้ามาแสดงความอาลัยเป็นจำนวนมาก

'จีน' ยก 'หลานม่า' สร้างอารมณ์ร่วมในหมู่ผู้ชม-ทุบคะแนนหนังสูงเป็นสถิติ ด้านชาวจีนปลื้ม!! หนังพาคิดถึงวันวาน-สะท้อนวิถีครอบครัวเอเชียตะวันออก

(27 ส.ค. 67) สำนักข่าวซินหัว เปิดเผยความรู้สึกชาวจีนหลังจากเมื่อวันศุกร์ (23 ส.ค. 67) ภาพยนตร์ไทยเรื่อง 'หลานม่า' ได้เข้าฉายในโรงภาพยนตร์ทั่วแผ่นดินใหญ่ของประเทศจีน 

เฉินเย่ว์ ชาวเมืองหนานหนิง เปิดเผยความรู้สึกหลังชมภาพยนตร์จบว่า รูปแบบการเล่าเรื่องที่สงบและอบอุ่น ผ่านเรื่องราวที่ดำเนินไป ทำให้ตนหวนนึกถึงความทรงจำที่มีกับครอบครัว พร้อมกล่าวว่ารูปแบบการเล่าเรื่องนั้นชวนให้น้ำตาคลอ การตีแผ่ความสัมพันธ์ของคนในครอบครัว และการนำเสนอประเด็นทางสังคมอย่างแยบคายก็ชวนให้ผู้ชมขบคิดตาม

สำหรับ 'หลานม่า' เป็นภาพยนตร์ที่ครองแชมป์การจำหน่ายบัตรชมภาพยนตร์ หรือบ็อกซ์ออฟฟิศ (box office) ของไทยประจำปีนี้ โดยกวาดรายได้จากการจำหน่ายบัตรชมภาพยนตร์ทะลุ 300 ล้านบาท หลังเข้าฉายในไทยเมื่อวันที่ 4 เม.ย. ที่ผ่านมา ต่อมา ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้เข้าฉายในออสเตรเลีย, อินโดนีเซีย, สิงคโปร์ และประเทศอื่นๆ โดยได้รับเสียงชื่นชมอย่างล้นหลามจากผู้ชมในต่างประเทศ

ขณะที่ภายหลังจากภาพยนตร์เรื่อง 'หลานม่า' เข้าฉายในแผ่นดินใหญ่ เว็บไซต์โต้วป้าน (Douban) แหล่งรวมรีวิวและคำวิจารณ์ภาพยนตร์สัญชาติจีน ก็ได้ให้คะแนนภาพยนตร์ไทยเรื่องนี้สูงถึง 9.0 ถือเป็นหนึ่งในภาพยนตร์ไทยที่มีคะแนนสูงที่สุดในปัจจุบัน 

นอกจากนี้ ประเด็นจริยธรรมในความสัมพันธ์ของสมาชิกครอบครัวในเรื่องหลานม่า เป็นที่พูดถึงอย่างมากบนสื่อสังคมออนไลน์ของจีน และจวบจนวันอาทิตย์ (25 ส.ค.67) ที่ผ่านมา 'หลานม่า' กวาดรายได้จากการจำหน่ายบัตรชมภาพยนตร์ในแผ่นดินใหญ่ทะลุ 30 ล้านหยวน (ราว 150 ล้านบาท) แล้วเรียบร้อย

ชาวเน็ตจีนรายหนึ่งได้เขียนแสดงความคิดเห็นบนเว็บไซต์โต้วป้านว่า ในวัฒนธรรมของชาวเอเชียตะวันออก ครอบครัวถือเป็นหนึ่งเดียวกัน และความสัมพันธ์ระหว่างสมาชิกในครอบครัวเน้นย้ำถึงคุณค่าของครอบครัว รวมไปถึงความกตัญญูกตเวที และการเคารพผู้อาวุโส ซึ่ง 'หลานม่า' ได้ชวนให้ผู้ชมได้ขบคิดถึงประเด็นทางสังคมหลายด้าน เช่น การเลี้ยงดูลูก การดูแลบุพการี และสภาวะ 'นอนราบ' ของคนหนุ่มสาว ผ่านภาพของครอบครัวชาวเอเชียตะวันออกที่ยึดถือคุณค่าเรื่องครอบครัวและความสัมพันธ์ระหว่างผู้คน อันช่วยเพิ่มมิติที่ลึกซึ้งให้กับภาพยนตร์ และกระตุ้นให้เกิดการถกเถียงเป็นวงกว้างไปพร้อมๆ กับการสร้างอารมณ์ร่วมในหมู่ผู้ชม

ด้าน พัฒน์ บุญนิธิพัฒน์ ผู้กำกับภาพยนตร์ ให้สัมภาษณ์ว่า ทีมงานพยายามสอดแทรกกลิ่นอายของครอบครัวเอเชียตะวันออกเข้าไปในภาพยนตร์ นำเสนอความสัมพันธ์และปฏิสัมพันธ์อันละเอียดอ่อนระหว่างผู้คน เพื่อทำให้แต่ละตัวละครมีลักษณะเฉพาะที่แตกต่างกัน ซึ่งสิ่งนี้อาจเป็นเหตุผลว่า "ทำไมผู้ชมจึงหวนนึกถึงคนที่พวกเขารัก"

นอกเหนือจากอารมณ์ของภาพยนตร์ที่ชวนให้ซึ้งกินใจแล้ว ภูมิหลังที่เกี่ยวกับชาวจีนโพ้นทะเลจากแต้จิ๋วและองค์ประกอบทางวัฒนธรรมในพิธีศพของชาวจีนตอนใต้ที่ปรากฏในภาพยนตร์ ยังทำให้ผู้ชมชาวจีนรู้สึกเข้าถึงและคุ้นเคย ทั้งยังสื่อให้เห็นถึงการเคารพและการสืบสานอารยธรรมตะวันออก

ด้าน เซี่ยงอวี๋ มัคคุเทศก์ชาวจีนในไทย กล่าวว่าตัวละครอาม่าในภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นคนไทยเชื้อสายจีนแต้จิ๋ว พูดภาษาแต้จิ๋วได้ และชอบดูงิ้ว ในหนังยังมีการใส่เพลงกล่อมเด็กภาษาแต้จิ๋ว รวมถึงประเพณีการปัดกวาดสุสานในช่วงเทศกาลเช็งเม้งเข้าไปด้วย สะท้อนถึงความสัมพันธ์อันชิดใกล้ระหว่างวัฒนธรรมจีนกับไทย ภาพยนตร์เรื่องนี้ยังแสดงให้เห็นถึงการรักษาขนบธรรมเนียมและค่านิยมดั้งเดิมของชาวจีนโพ้นทะเลในต่างประเทศ ไปพร้อมๆ กับการสร้างอัตลักษณ์ของตนเองในขณะปรับตัวเข้ากับสังคมท้องถิ่น

หลายปีมานี้ ผลงานภาพยนตร์และละครโทรทัศน์ของจีนและไทยมีบทบาทในการสานสัมพันธ์ของประชาชนสองประเทศ การเผยแพร่ผลงานเหล่านี้ในต่างประเทศได้สร้างคุณูปการต่อการแลกเปลี่ยนทางเศรษฐกิจและวัฒนธรรม ยกตัวอย่างจากภาพยนตร์ไทยเรื่อง 'ฉลาดเกมส์โกง' ที่เข้าฉายในจีนเมื่อปี 2017 ได้กวาดรายได้จากการจำหน่ายบัตรชมภาพยนตร์ไปกว่า 1.35 พันล้านบาท นอกจากนี้ ภาพยนตร์และละครไทยยังมีส่วนช่วยขับเคลื่อนการพัฒนาอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น เสื้อผ้า, ขนม, ผลไม้ ฯลฯ

ด้าน เหลยเสี่ยวหัว นักวิจัยประจำสถาบันเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ศึกษา สังกัดสถาบันสังคมศาสตร์เขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วง กล่าวว่า ไม่กี่ปีมานี้ การแลกเปลี่ยนและความร่วมมือใกล้ชิดกันมากขึ้นระหว่างจีน-ไทย อันรวมถึงการเผยแพร่ภาพยนตร์และละครโทรทัศน์ ได้ช่วยส่งเสริมการพูดคุยข้ามวัฒนธรรม และกระตุ้นศักยภาพด้านการท่องเที่ยวและความร่วมมือทางเศรษฐกิจ

‘ปรีดี พนมยงค์’ ยอมรับทำการปฏิวัติ ทั้งที่เข้าใจประชาชนไม่มากพอ

มายาธิปไตย 2475 #เทสที่สร้าง #ร่างที่เป็น

2475: การเปลี่ยนแปลง การเรียนรู้ และการให้อภัย

“ข้าพเจ้าติดต่อกับประชาชนไม่พอ ความรู้ทั้งหมดของข้าพเจ้าเป็นความรู้ตามหนังสือ ข้าพเจ้าไม่ได้เอาสาระสำคัญของมนุษย์มาคำนึงด้วยให้มากเท่าที่ข้าพเจ้าควรจะมี…

“ในปี ค.ศ. 1932 ข้าพเจ้าอายุ 32 ปี พวกเราได้ทำการอภิวัฒน์ แต่
ข้าพเจ้าก็ขาดความจัดเจน และครั้นข้าพเจ้ามีความชัดเจนมากขึ้นข้าพเจ้าก็ไม่มีอำนาจ”

ปรีดี พนมยงค์
ให้สัมภาษณ์ ณ บ้านอองโตนี กรุงปารีส ฝรั่งเศส เมื่อปี พ.ศ. 2522

เรียบเรียงโดย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.เพิ่มศักดิ์ จะเรียมพันธ์ กลุ่มวิชาการปกครอง คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง

หลังการปฏิวัติ เกิดการกอบโกยทรัพย์จนร่ำรวย ซ้ำยังกดขี่ประชาชนไม่ให้สนใจการเมือง

มายาธิปไตย 2475 #เทสที่สร้าง #ร่างที่เป็น

2475: การเปลี่ยนแปลง การเรียนรู้ และการให้อภัย

“เขากดขี่บังคับโดยปริยายไม่ให้ราษฎรเดินดินสนใจในการเมือง เขาผูกขาด ตัดทอน อำนาจปวงชนไปสู่อุ้งมือและกรงเล็บของเขา ตำรวจใหญ่ สร้างอิทธิพล อำนาจทั่วทุกมุมเมือง ขณะเดียวกัน ภรรยา ญาติ ต่างเริ่มกอบโกยเงินอย่างลับ ๆ…

“เมื่อกอบโกยร่ำรวยกันพอควรแล้ว บางคนสำนึกตัวว่า สร้างภาพพจน์ที่เลวลงไว้ในประวัติศาสตร์การเมืองไทย ก็เริ่มถอยห่าง สละอำนาจเพราะจิตสำนึกในทางดีงาม มีศีล มีธรรม มีสัจจะ”

ร.อ.สำรวจ กาญจนสิทธิ์ นายทหารคนสนิทคนสุดท้ายของ พระยาทรงสุรเดช (เทพ พันธุมเสน) กล่าวเมื่อปี พ.ศ. 2523

เรียบเรียงโดย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.เพิ่มศักดิ์ จะเรียมพันธ์ กลุ่มวิชาการปกครอง คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง

การปฏิวัติไม่ได้เกิดจากความยากจนข้นแค้น การเก็บภาษีอากร หรือความปรารถนาของประชาชน

มายาธิปไตย 2475 #เทสที่สร้าง #ร่างที่เป็น

2475: การเปลี่ยนแปลง การเรียนรู้ และการให้อภัย

“ตามที่มีคนเข้าใจว่าที่เกิดปฏิวัติเนื่องมาจากการเพิ่มภาษีอากร และความยากจนข้นแค้นของราษฎรนั้น ไม่มีมูลแห่งความจริงเลย ราษฎรไทยกลัวเจ้าและกลัวนายของเขาทั้งหมดยังกับหนูและแมว…

“...กับที่กล่าวว่าการปฏิวัติครั้งนี้ย่อมจะต้องราบรื่นอยู่แล้ว เพราะราษฎรมีความต้องการอยู่พร้อมแล้วนั้น ก็ไม่ถูกต้องอีกเหมือนกัน แม้ทุกวันนี้ (พ.ศ. 2482) ความไม่เข้าใจ และความไม่เอาใจใส่ของราษฎรเรา…”

พระยาทรงสุรเดช (เทพ พันธุมเสน) กล่าวหลังจากลี้ภัยไปยังประเทศเวียดนาม เมื่อปี พ.ศ. 2482

เรียบเรียงโดย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.เพิ่มศักดิ์ จะเรียมพันธ์ กลุ่มวิชาการปกครอง คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง

หลังการปฏิวัติ มีการกว้านซื้อที่ดินจากชาวไร่นาในราคาถูก เพราะล่วงรู้ความลับทางการว่าจะมีการตัดถนนผ่าน ทำให้มีกำไรกันมากมาย

มายาธิปไตย 2475 #เทสที่สร้าง #ร่างที่เป็น

2475: การเปลี่ยนแปลง การเรียนรู้ และการให้อภัย

“แต่ส่วนใหญ่มีความทะเยอทะยาน ในยศ ในตำแหน่งสูงและเงินต่อไป อีกญาติ ภรรยา และพรรคพวกช่วยหาเงิน โดยพึ่งพาอาศัยอิทธิพล และมีอภิสิทธิ์ในการประมูล ซื้อของให้ราชการ ตนเองได้กำไรมหาศาล… 

“บางคนรู้ความลับราชการในการตัดถนนหนทาง ทั้งในพระนครและหัวเมือง ก็รีบให้ภรรยาและพรรคพวกกว้านซื้อที่ดิน ไร่นา ซึ่งมีราคาต่ำในบริเวณที่จะตัดถนนไป…

“เขาฉลาดใช้ถ้อยคำอธิบายให้ผู้ขายสมัครใจขาย โดยอ้างว่าราคาที่เสนอซื้อนั้นสูงแล้ว เป็นที่ดินไม่มีประโยชน์…เจ้าของไร่นาไม่ฉลาดนัก หลงกลคำพูด...ต่อมาไม่ถึง 6 เดือน ทางการตัดถนนผ่านเข้าไป เขามีกำไรหลายล้านบาท บนกองน้ำตาของชาวไร่ชาวนา”

ร.อ.สำรวจ กาญจนสิทธิ์ นายทหารคนสนิทคนสุดท้ายของ พระยาทรงสุรเดช (เทพ พันธุมเสน) กล่าวเมื่อปี พ.ศ. 2523

เรียบเรียงโดย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.เพิ่มศักดิ์ จะเรียมพันธ์ กลุ่มวิชาการปกครอง คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง

ในหลวง รัชกาลที่ 7 ตอบกลับการขอขมาของคณะราษฎร “อภัยโทษแก่ท่านทั้งหลายมานานแล้ว”

มายาธิปไตย 2475 #เทสที่สร้าง #ร่างที่เป็น

2475: การเปลี่ยนแปลง การเรียนรู้ และการให้อภัย

“ข้าพเจ้าขอขอบใจท่านทั้งหลายเป็นอย่างยิ่ง ในการที่ได้มาทำพิธีขอขมาต่อตัวข้าพเจ้าและพระราชวงศ์จักรีในวันนี้…

“การกระทำของท่านในวันนี้ทำให้รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง ไม่ใช้ยินดีที่ท่านมาขอขมาตัวข้าพเจ้าโดยเฉพาะ เพราะข้าพเจ้าเองก็ให้อภัยโทษแก่ท่านทั้งหลายมานานแล้ว เพราะเข้าใจในความประสงค์ของท่านดี…

“ท่านกระทำการในคราวนี้ก็เพื่อหวังประโยชน์ต่อชาติจริง ๆ ข้าพเจ้าได้ตั้งใจช่วยเหลือให้ท่านทำการงาน สำเร็จเรียบร้อยอย่างดีที่สุดที่จะเป็นไปได้ โดยที่ข้าพเจ้ามีความเห็นใจในความคิดของท่าน…

“ข้อที่ข้าพเจ้าดีใจมากนั้น คือในคำขอขมานั้น ท่านได้กล่าวถึงสมเด็จพระมหากษัตริย์ และเจ้านายในราชวงศ์จักรีว่า ได้ทรงมีส่วนในการนำความเจริญมาสู่ประเทศสยามด้วยหลายพระองค์ด้วยกัน ซึ่งเป็นความจริง”

พระราชดำรัส พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 7) ตอบกลับการขอขมาของคณะราษฎร

เรียบเรียงโดย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.เพิ่มศักดิ์ จะเรียมพันธ์ กลุ่มวิชาการปกครอง คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง

วันประกาศใช้รัฐธรรมนูญ 27 มิ.ย. 2475 ต้องเกณฑ์ชาวบ้านไปฟัง ทั้งที่ไม่รู้เรื่องอะไร

มายาธิปไตย 2475 #เทสที่สร้าง #ร่างที่เป็น

2475: การเปลี่ยนแปลง การเรียนรู้ และการให้อภัย

“เห็นได้ถนัด เมื่อวันประกาศรัฐธรรมนูญที่พระที่นั่งอนันต์ฯ วันที่ 27 มิถุนายน 2475 ต้องต้อนราษฎรให้เข้าฟังในพระที่นั่งกันเสียแทบแย่ และก็ได้จำนวนราษฎรสักหยิบมือเดียว ไปยืนฟังโดยไม่รู้เรื่องอะไร หากจะมีละครให้ดู และมีเจ๊กก๋วยเตี๋ยวด้วยแล้ว คนจะไปมากกว่านั้นมาก”

พระยาทรงสุรเดช (เทพ พันธุมเสน) กล่าวหลังจากหลี้ภัยไปยังประเทศเวียดนาม เมื่อปี พ.ศ. 2482

เรียบเรียงโดย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.เพิ่มศักดิ์ จะเรียมพันธ์ กลุ่มวิชาการปกครอง คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง

‘ลัทธิโกงกิน’ แพร่กระจายไปทั่ว อุดมคติทำงานเพื่อชาติ ไม่มีเหลืออยู่ในจิตใจ

มายาธิปไตย 2475 #เทสที่สร้าง #ร่างที่เป็น

2475: การเปลี่ยนแปลง การเรียนรู้ และการให้อภัย

“เมื่อร่ำรวยไปตาม ๆ กันและถูกอิจฉา จากพรรคพวกเดียวกัน ก็ออกจากราชการโดยสมัครใจบ้าง ถูกบีบบังคับตามวิถีการเมืองบ้าง คณะเผด็จการชุดใหม่ก็ดำเนินการแบบเดียวกับชุดเก่า สร้างภาพพจน์ ฉ้อราษฎร์บังหลวง คอร์รัปชันในวงราชการ เป็นตัวอย่างแก่ข้าราชการชั้นสูง ชั้นผู้น้อยต่อไป ไม่สิ้นสุด…

“ลัทธิโกงกิน แผ่ซ่านไปทั่ววงราชการ ทั้งในเมืองหลวงและต่างจัดหวัด ข้าราชการชั้นผู้น้อยก็เอาเยี่ยงอย่างตัวเบิ้ม ๆ เขากินได้ เราก็ขอกินบ้าง คำน้อย ๆ อุดมคติทำงานเพื่อชาติ ไม่มีเหลืออยู่ในจิตใจ”

ร.อ.สำรวจ กาญจนสิทธิ์ นายทหารคนสนิทคนสุดท้ายของ พระยาทรงสุรเดช (เทพ พันธุมเสน) กล่าวเมื่อปี พ.ศ. 2523

เรียบเรียงโดย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.เพิ่มศักดิ์ จะเรียมพันธ์ กลุ่มวิชาการปกครอง คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top