Monday, 9 June 2025
NewsFeed

'อลงกรณ์' ชี้ข่าวขับ 'ชวน' ไม่จริง ยืนยัน 'ปชป.' ไม่มีวัฒนธรรมขับสมาชิกที่เห็นต่าง

ตามที่นายชวน หลีกภัยให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวกรณีไม่เห็นด้วยที่พรรคประชาธิปัตย์ จะเข้าร่วมรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทย และอาจจะถูกขับออกจากพรรคประชาธิปัตย์นั้น

นายอลงกรณ์ พลบุตร รองประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ พรรคประชาธิปัตย์กล่าววันนี้ว่า ข่าวพรรคประชาธิปัตย์จะขับนายชวน หลีกภัยเพราะไม่เห็นด้วยที่จะไปร่วมรัฐบาลพรรคเพื่อไทยถือเป็นเฟคนิวส์ไม่มีมูลความจริง พรรคประชาธิปัตย์เป็นสถาบันทางการเมืองในระบอบประชาธิปไตย ไม่มีวัฒนธรรมขับสมาชิกที่เห็นต่าง 

ตนอยู่กับพรรคประชาธิปัตย์มากว่า30ปียังไม่เคยเห็นพรรคขับสมาชิกกรณีมีความคิดเห็นทางการเมืองไม่ตรงกัน

“ท่านชวนเป็นถึงอดีตหัวหน้าพรรคและเป็นสมาชิกอาวุโสคนหนึ่งของพรรคเช่นเดียวกับท่านบัญญัติ บรรทัดฐาน ท่านเอนก ทับสุวรรณ ท่านเทอดพงษ์ ไชยนันทน์ ท่านไพฑูรย์ แก้วทอง ท่านจุรินทร์ ลักษณวิศิษฐ์ ฯลฯ.ทุกท่านยังทำงานให้พรรคและสมาชิกทุกคนให้ความความเคารพทุกท่านตลอดมา อาจมีความคิดต่างกันบ้างในบางเรื่องบางนโยบายรวมทั้งมติการร่วมรัฐบาลหรือไม่ร่วมก็เคยมีมาหลายครั้งถือเป็นเรื่องปกติภายในพรรคประชาธิปัตย์แต่เมื่อพรรคมีมติอย่างใดทุกคนก็เคารพและไม่เคยมีการลงโทษหรือขับไล่สมาชิกที่เห็นต่างจากพรรค“

เชียงใหม่-สมาคมธุรกิจท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่ จัด MU Month หนุนการท่องเที่ยวช่วงเดือนกันยายน

เมื่อวันที่ (26 ส.ค. 67) สมาคมธุรกิจท่องเที่ยวจังหวัดเขียงใหม่ จัดแถลงข่าวการจัดกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยว MU Month เดือน สิงหาคม กันยายน 2567 โดยนายวีรพงศ์ ฤทธิ์รอด รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เป็น ประธานเปิดงาน พร้อมด้วย ว่าที่ร้อยเอก สันติพงศ์ บุญยเลิศ ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดเชียงใหม่  นางพัศลินทร์ เศวตรัตน์ ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานเชียงใหม่ โดยนายศุภมิตร กิจจาพิพัฒน์ นายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่ ให้การต้อนรับ ณ ห้องประชุมศิริโพธิ์ โรงแรมศิริปันนา วิลล่า รีสอร์ท แอนด์ สปา เชียงใหม

นายศุภมิตร กิจจาพิพัฒน์ นายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า ตลอดเดือนกันยายน 2567 นักท่องเที่ยวที่ตามรอยความปัง สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ 9 วัด จังหวัดเชียงใหม่ ตามเส้นทางอาจารย์คฑาพามู ถ่ายรูป เช็คอินและแท็คเพจของสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่ จะได้รับผ้ายันต์ผืนใหญ่ พระพุทธสิหิงค์ มิ่งเมือง วัดพระสิงห์วรมหาวิหาร

วันศุกร์ที่ 6 กันยายน เวลา 09.00 น. พิธีคเณศจตุรถี บ้านทิพย์มณี บ้านถวายสองฝั่งคลอง อำเภอหางดง วันเสาร์ที่ 7 กันยายน เวลา 07.00 น. ตักบาตรโชติกา ณ วัดเจดีย์หลวงวรวิหาร (รับไหมฉัพพรรณรังสี เมตตาโดยครูบากฤษดา)เวลา 16.00 น. พิธีเปิดงานคเณศจาตุรถี ณ ลานประตูท่าแพ เวลา 18.00 น. คเณจตุรถี พิธีสักการะพระพิฆเนศ ณ วัดป่าแดด (รับผ้ายันต์มหาโชคมีชัย เมตตาโดยพระอาจารย์พยุงศักดิ์ จำนวน 1,000 ผืน)

วันอาทิตย์ที่ 8 กันยายน เวลา 09.00 น. ครูบาอริยชาติเมตตารับผ้าป่าเพื่อสร้างวิหารวัดแสงแก้วโพธิญาณ ณ พุทธสถานเชียงใหม่(รับผ้ายันต์ซุปเปอร์โคตรรวย เมตตาโดยครูบาอริยชาติ จำนวน 1,000 ผืน) เวลา 19.00 น. คเณศจตุรถี ณ ศาลพระพิฆเนศอาเขตเชียงใหม่ วันจันทร์ที่ 9 กันยายน เวลา 09.09 น. พิธีสืบชะตาสะเดาห์นพเคราะห์ล้านนาโบราณ ได้รับเมตตาจากพระเถระวัดมงคล 9 วัดจังหวัดเชียงใหม่ ตลอดทั้งพระเกจิอาจารย์ที่เมตตานั่งปรก  ณ วัดป่าดาราภิรมย์ อำเภอแม่ริม อธิฐานจิต ผ้ายันต์ซุปเปอร์โคตรรวย เมตตาโดยครูบาอริยชาติ, ผ้ายันต์มหาโชคมีชัย เมตตาโดยพระอาจารย์พยุงศักดิ์ วัดป่าแดด, ผ้ายันต์เปิดโชครับทรัพย์ เมตตาโดยพระอาจารย์พัน ม่อนกุเวร, ผ้ายันต์พระพุทธสิงห์ มิ่งเมือง ณ วัดพระสิงห์วรมหาวิหาร เวลา 11.00 น. ถวายเพลพระเกจิอาจารย์ และพระสงฆ์ ณ วัดป่าดาราภิรมย์

วันเสาร์ที่ 14 กันยายน เวลา 07.00 น. ตักบาตรโชติกา วัดเจดีย์หลวงวรวิหาร (รับไหมฉัพพรรณรังสี เมตตาโดยครูบากฤษดา) เวลา 09.00 น. มหกรรมการประกวดการอนุลักษณ์พระเครื่อง พระบูชา เหรียญพระคณาจารย์ เครื่องรางยอดนิยม ทั่วประเทศ ณ เชียงใหม่ฮอลล์ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซ่าเชียงใหม่ แอร์พอร์ต วันอาทิตย์ที่ 15 กันยายน เวลา 09.00 น. พิธีเปิดงานมหกรรมการประกวดการอนุรักษ์พระเครื่องฯ ณ เชียงใหม่ฮอลล์ ศูนย์การค้าเซ้นทรัลพลาซ่าเชียงใหม่แอร์พอร์ต

วันเสาร์ที่ 21 กันยายน เวลา 07.00 น. ตักบาตรโชติกา ณ วัดเจดีย์หลวงวรวิหาร (รับไหมฉัพพรรณรังสี เมตตาโดยครูบากฤษดา) เวลา 17.00 น. บวงสรวงหนุนดวงมหาธาตุทั้ง 4 ขอพรท้าว เวศสุวรรณ เปิดโชครับทรัพย์ เสริมบารมี สักการะปู่ภุชงค์นาคราช ณ ม่อนกุเวร (รับผ้ายันต์เปิดโชครับทรัพย์) วันอาทิตย์ที่ 22 กันยายน ม่อนกุเวร นักท่องเที่ยวที่ไปสักการะ ลงทะเบียนที่จุดลงทะเบียน

รับผ้ายันต์เปิดโชครับทรัพย์ ครอบครัวละ 1 ผืน (มีจำนวนจำกัด) วันเสาร์ที่ 28 กันยายน เวลา 07.00 น. ตักบาตรโชติกา ณ วัดเจดีย์หลวงวรวิหาร (รับไหมฉัพพรรณรังสี เมตตาโดยครูบากฤษดา) เวลา 08.30 น. สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ 9 วัด ในจังหวัดเชียงใหม่ โดยอาจารย์คฑา ชินบัญชร หมายเหตุ นอกจากนี้ยังมีพิธีวางศิลาฤกษ์พระแท่นวัชรอาสน์จำลอง วัดเจ็ดยอด พระอารามหลวง (รอกำหนดวัน)

ด้านนายวีรพงศ์ ฤทธิ์รอด รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า ตามแผนการจัดกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยว MU Month เดือนกันยายน 2567ของสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อกระตุ้นให้นักท่องเที่ยวชาวไทย รวมถึงนักท่องเที่ยวชาวจีนและมาเลเซีย ที่ชอบและศรัทธาสายมูให้เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในจังหวัดเชียงใหม่

โดยกิจกรรม MU Month เป็นการจัดกิจกรรมการท่องเที่ยวเกี่ยวกับความเชื่อและศรัทธา มีกิจกรรมในทุกสัปดาห์ ตลอดเดือนกันยายน 2567 ในหลายกิจกรรม หรืองานพิธีที่จะเกิดขึ้น ได้รับเมตตาจากพระเกจิอาจารย์ในจังหวัดเชียงใหม่, เชียงราย, ลำพูน ที่เมตตาในพิธี และเมตตาเขียนผ้ายันต์มงคลต่างๆ จาก ครูบาอริยชาติ, พระอาจารย์พยุงศักดิ์ วัดป่าแดด, พระอาจารย์พัน ม่อนกุเวร และผ้ายันต์พุทธสิหิงค์มิ่งเมือง วัดพระสิงห์วรมหาวิหาร

เชื่อมั่นว่าการจัดกิจกรรมท่องเที่ยวสายมู ตลอดเดือนกันยายน หรือ MU Month นั้น จะกระตุ้นให้เกิดการเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในจังหวัดเชียงใหม่เพิ่มมากขึ้นจำนวนหลายพันคน และขอให้โครงการการจัดกิจกรรมสาย MU ในเดือนกันยายน ของสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่ ประสบความสำเร็จตามที่คาดหวัง

นภาพร/เชียงใหม่

'สตม.' จับ 'หนุ่มแดนกิมจิ' รองหัวหน้าแก๊งยาเสพติด หลบหนีหมายจับจากเกาหลี มากบดานพัทยา OVER STAY เกือบปี

ตม.จว.ชลบุรี ได้รับการประสานข้อมูลจาก ป.ป.ส. ว่ามีคนต่างด้าวสัญชาติเกาหลีใต้มีพฤติการณ์เกี่ยวข้องกับยาเสพติดเข้ามาหลบซ่อนตัวอยู่ในพื้นที่เมืองพัทยา จึงได้ทำการสืบสวนจนทราบว่าคนต่างด้าวดังกล่าวคือนายจิน (นามสมมุติ) อายุ 40 ปี สัญชาติเกาหลีใต้ ซึ่งการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรได้สิ้นสุดแล้ว (OVERSTAY) ต่อมาได้รับแจ้งจากสายลับว่านายจินจะเดินทางมายังร้านอาหารเกาหลีในพื้นที่ ต.นาเกลือ อ.บางละมุง จว.ชลบุรี จึงได้สะกดรอยติดตามจนนายจินปรากฏตัว จึงได้แสดงตัวจับกุมในข้อหา OVERSTAY จากการสอบถามนายจินเกี่ยวกับพฤติการณ์ที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด นายจินให้การยอมรับว่าตนเป็นรองหัวหน้าแก๊งยาเสพติด ทำหน้าที่จัดหายาเสพติดในประเทศไทยเพื่อส่งไปยังประเทศเกาหลีใต้ โดยใช้วิธีการให้ผู้หญิงซุกซ่อนยาเสพติดไว้ตามร่างกาย ซึ่งทำมาแล้วประมาณ 4 ครั้ง ดังนี้ 

ครั้งที่ 1 วันที่ 31 พ.ค.67 ศุลกากรเกาหลีใต้จับผู้ต้องหา 1 คน พร้อมยาคีตามีน 500 กรัม ผู้ต้องหาให้การว่ารับ ยาเสพติดที่โรงแรมแห่งหนึ่งในพื้นที่พัทยา 
ครั้งที่ 2 วันที่ 10 มิ.ย.67 ศุลกากรเกาหลีใต้จับผู้ต้องหา 2 คน พร้อมยาคีตามีน 500 กรัม ผู้ต้องหาให้การว่ารับ ยาเสพติดที่โรงแรมแห่งหนึ่งในพื้นที่พัทยา
ครั้งที่ 3 วันที่ 17 ก.ค.67 ศุลกากรเกาหลีใต้จับผู้ต้องหา 1 คน พร้อมยาไอซ์ 1.1 กิโลกรัม ผู้ต้องหาให้การว่ารับ ยาเสพติดที่โรงแรมแห่งหนึ่งในพื้นที่พัทยา 
ครั้งที่ 4 วันที่ 19 ก.ค.67 ศุลกากรเกาหลีใต้จับผู้ต้องหา 1 คน พร้อมยาไอซ์ 1.25 กิโลกรัม โดย

ให้การว่ารับ ยาเสพติดที่พื้นที่พัทยา และสมุทรปราการ ซึ่งผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมได้ให้การซัดทอดว่านายจินเป็นผู้บงการในการลักลอบขนยาเสพติด ซึ่ง ตม.จว.ชลบุรี จะได้ร่วมกับ ป.ป.ส. ในการสืบสวนขยายผลหาผู้ร่วมกระทำผิดต่อไป สำหรับมูลค่าของยาเสพติดหากนำเข้าไปจำหน่ายในประเทศเกาหลีใต้ได้จะมีมูลค่าสูงขึ้นมาก โดยยาไอซ์จะมีราคาจำหน่ายกิโลกรัมละประมาณ 13 ล้านบาท ส่วนคีตามีน กิโลกรัมละ 5,200,000 บาท

สตม. รวบแก๊งรัสเซีย นำเงินยูโรปลอมแลกตามบูธ ความเสียหายกว่าล้านบาท และ OVER STAY

(27 ส.ค. 67) ตม.จว.ชลบุรี จับกุมนาย A (นามสมมติ) อายุ 29 ปี สัญชาติรัสเซีย พร้อมเงินสกุลยูโรปลอม ฉบับ 500 ยูโร จำนวน 6 ฉบับ ฉบับละ 50 ยูโร จำนวน 80 ฉบับ โดยกล่าวหาว่า เป็นคนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรไทยโดยการอนุญาตสิ้นสุด และทำปลอมขึ้นซึ่งเงินตราไม่ว่าจะปลอมขึ้นเพื่อให้เป็นเหรียญกษาปณ์ ธนบัตรหรือสิ่งอื่นใด ซึ่งรัฐบาลออกให้หรือให้อำนาจให้ออกใช้ หรือทำปลอมขึ้นซึ่งพันธบัตรรัฐบาลหรือใบสำคัญสำหรับรับดอกเบี้ยพันธบัตรนั้นผู้นั้นกระทำผิดฐานปลอมเงินตรา ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 240 และ มีไว้เพื่อนำออกใช้ซึ่งเงินตราต่างประเทศสกุล (ยูโร) อันตนได้มาโดยรู้ว่าเป็นเงินตราเป็นของปลอม ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 244 ประกอบกับกฎหมายอาญามาตรา 247 นำตัวส่ง พนักงานสอบสวน สภ.เมืองพัทยา ดำเนินคดีตามกฎหมาย สถานที่จับกุมโรงแรมในย่านพระตำหนักซอย 6 หมู่ 12 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จว.ชลบุรี

ตม.จว.ชลบุรี ได้รับแจ้งจากพนักงานตู้รับแลกเงินว่า มีคนนำธนบัตรยูโรปลอมฉบับละ 500 ยูโร จำนวน 1 ฉบับ มาแลกเปลี่ยนที่ร้านรับแลกเงินของตน จึงรีบเดินทางไปตรวจสอบ พบว่าได้มีชายไทยนำเงินสกุลยูโร ฉบับละ 500 ยูโร จำนวน 1 ฉบับ มาทำการแลกเปลี่ยนเป็นสกุลเงินบาท เมื่อพนักงานผู้รับแลกเงินได้ตรวจสอบธนบัตร โดยใช้ปากกาเคมีสำหรับตรวจสอบธนบัตร พบว่าเป็นธนบัตรสกุลยูโรปลอม ตม.จว.ชลบุรี จึงสืบสวนติดตามตัวจนพบชายไทยที่นำธนบัตรยูโรปลอมมาแลกจากการสอบถามได้ให้การว่าเป็นพนักงานต้อนรับโรงแรมแห่งหนึ่ง ได้มีนาย A (นามสมมุติ) สัญชาติรัสเซีย ซึ่งได้เข้าพักที่โรงแรมมาเป็นเวลาประมาณ 3 อาทิตย์โดยยังไม่ได้ชำระเงินค่าที่พัก ได้นำธนบัตรยูโรฉบับละ 500 ยูโรฉบับดังกล่าว มาจ่ายค่าที่พักตนจึงได้นำไปแลกเปลี่ยนเป็นสกุลเงินบาทกับทางตู้แลกเงินดังกล่าว โดยไม่ทราบว่าเงินสกุลยูโรดังกล่าวเป็นธนบัตรปลอม พร้อมทั้งยังได้แสดงความบริสุทธิ์ใจ โดยได้นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดตรวจสอบ ไปยังห้องพักที่นาย A พักอาศัยอยู่ที่ชั้นบนของโรงแรม จากการตรวจสอบหนังสือเดินทางนาย A ปรากฏว่าการอนุญาตสิ้นสุด (OVERSTAY) เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงขอตรวจสอบกระเป๋าสีดำที่อยู่ในห้องพักของนาย A พบว่ามีเงินสกุลยูโรฉบับละ 500 ยูโร 5 ฉบับ และธนบัตรฉบับละ 50 ยูโร จำนวน 80 ซึ่งนาย A ให้การยอมรับว่าเงินสกุลยูโรจำนวนดังกล่าวทั้งหมดเป็นของตนและเป็นธนบัตรยูโรปลอม โดยตนได้นำติดตัวมาจากเมืองอิสตันบูล ประเทศตุรกี โดยมีเพื่อนที่ตุรกีให้นำติดตัวมาใช้จ่ายที่ประเทศไทย และตนเองได้นำเงินสกุลดังกล่าวมาจ่ายชำระค่าที่พักกับทางโรงแรมดังกล่าว เจ้าหน้าที่จึงได้แจ้งข้อกล่าวหาและจับกุมตัวนาย A ดำเนินคดีในข้อหาดังกล่าว

🔎เปิด 10 อันดับ ‘เมืองอัจฉริยะ’ ในเอเชีย 2024

‘เมืองอัจฉริยะ’ หมายถึง เมืองที่ใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ทันสมัยและชาญฉลาด เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของการให้บริการและการบริหารจัดการเมือง ภายใต้แนวคิดการพัฒนา ‘เมืองน่าอยู่ เมืองทันสมัย’ ให้ประชาชนในเมืองมีคุณภาพชีวิตที่ดี มีความสุข อย่างยั่งยืน 

THE STATES TIMES ได้รวบรวม 10 เมืองอัจฉริยะ ในเอเชีย ประจำปี 2024 มาไว้ให้แล้ว จะมีเมืองไหนบ้าง ไปดูกัน!!

📌เจาะ!! เส้นทางกว่าจะถึงวัน ‘แก้รัฐธรรมนูญ’

📔ปัจจุบัน ‘การแก้รัฐธรรมนูญ’ ยังอยู่ในขั้นตอนที่ 0 หรือก็คือ ยังไม่มีการเสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ วันนี้ THE STATES TIMES ได้รวบรวมขั้นตอนการแก้ไขรัฐธรรมนูญ จะมีขั้นตอนใดบ้าง ไปดูกัน!!

'อ.ไชยันต์' แชร์!! การยุบพรรคในฝรั่งเศส โดนมาแล้วเกือบ 100 พรรค จาก 'รัฐบาล-ศาล' ถาม!! อยากให้ไทย เปลี่ยนจากศาล รธน.มาเป็นรัฐบาลสั่งยุบพรรคได้แบบฝรั่งเศสไหม?

(27 ส.ค. 67) ศ.ดร.ไชยันต์ ไชยพร อาจารย์ประจำภาควิชาการปกครอง คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์เฟซบุ๊ก Chaiyan Chaiyaporn ระบุว่า… “มารู้เรื่องการเมืองฝรั่งเศสกันครับ” / “การยุบพรรคการเมืองในฝรั่งเศส” รายงานตรงจากกรุงปารีส โดย คุณ ‘ณิเชล’

Bonjour de Paris, สวัสดีจากปารีสค่ะ

วันนี้ ณิเชลจะมาแชร์เรื่องการยุบพรรคการเมืองของประเทศฝรั่งเศสโดยย่อให้ค่ะ

พรรคการเมืองและกลุ่มการเมือง ต้องจดเป็นสมาคม (association) ก่อน ตามกฎหมายเกี่ยวกับสมาคม (la loi du 1er juillet 1901)

หากพรรคการเมืองและกลุ่มการเมือง ได้ละเมิด มาตรา 4 ของรัฐธรรมนูญ เกี่ยวกับความเป็นประชาธิปไตยและรัฐอธิปไตย (sovereign state), มาตรา 3 ของกฎหมายเกี่ยวกับสมาคม (la loi du 1er juillet 1901)

ทั้งรัฐบาลและศาล ‘ทริบูนาล จูดิซีแยร์’ (tribunal judiciaire) สามารถยุบพรรคการเมืองและกลุ่มการเมืองได้

รัฐบาลมีอำนาจยุบพรรคการเมืองและกลุ่มการเมือง โดยการออก ‘เดเคร’ (décret = decree) ตาม มาตรา L212-1 ของกฎหมายความมั่นคง หลังจากที่ได้มีมติในการประชุม ‘กงไซย์ เด มินิสตร์’ (Conseil des ministres = council of ministers) ของประธานาธิบดี นายกรัฐมนตรี คณะรัฐมนตรีและรัฐมนตรีความมั่นคง ‘มินิสตร์ ดังเตรีเยอร์’ (ministre d’Intérieur)

พรรคการเมืองหรือกลุ่มการเมือง ที่เข้าเกณฑ์ถูกยุบ ส่วนมากเป็นพวกหัวรุนแรง ‘เอ็กซเทร็ม’ (extrême ) ทั้งฝ่ายซ้ายและขวา ที่ :

1.สร้าง Discrimination, เหยียด (racist), เกลียดชาวต่างชาติ (Xenophobia)

2.ยุยงให้มีการเกลียดชังหรือสร้างความรุนแรงต่อกลุ่มคน ด้วยเหตุผลเชื้อชาติ, เพศ และ sexual orientation

3.ก่อให้เกิดการชุมนุมประท้วงติดอาวุธ

4.มีลักษณะเป็น ‘มีลิส’ (milice) คือ กองกำลังกึ่งทหารทางการเมือง ตามกฎหมาย 10 มกราคม 1936 (แก้ไขเพิ่มเติมในปี 1972)

5.ต้องการแบ่งแยกดินแดนเพื่อปกครองเอง (independentist, separatist)

6.เข้าข่ายการก่อการร้าย (terrorist)

ตั้งแต่มีการประกาศใช้กฎหมาย ‘มีลิส’ ในปี ค.ศ. 1936 มาจนถึงปัจจุบัน ซึ่งเป็นสาธารณรัฐฝรั่งเศสที่ 5 มีกลุ่มการเมืองและพรรคการเมืองถูกยุบ รวมกันเกือบ 100 กลุ่ม/พรรค

ล่าสุด เป็น :

1.พรรคเล็กขวาจัด ชื่อ Civitas ‘ซีวีตัส’ มีแนวทางเน้นศาสนา, ต่อต้านชาวยิว (anti-semistism) และการสมรสเท่าเทียม ถูกยุบในวันที่ 4 ตุลาคม 2023 โดยรัฐบาล

2.กลุ่มการเมืองขวาจัด ใช้ความรุนแรง ชื่อ Les Remparts ‘เล ร็องปาร์’ อยู่ที่เมือง Lyon ‘ลียง’ ทางตอนใต้ มีแนวทางในการต่อต้านผู้อพยพ (immigrant) และเกลียดชาวต่างชาติ (Xenophobia) ถูกยุบในวันที่ 26 มิถุนายน 2024 โดยรัฐบาล

Voilà, à la prochaine (วัวลา อา ลา โพรเช็น) ไว้พบกันครั้งหน้าค่ะ

#ณิเชลการเมืองฝรั่งเศส

ศ.ดร.ไชยันต์ โพสต์ความเห็นเพิ่มเติมว่า คำถามสำหรับผู้ไม่เห็นด้วยกับศาลรัฐธรรมนูญในบ้านเรา คือ ถ้าบ้านเรา เปลี่ยนจากศาลรัฐธรรมนูญมาเป็นให้รัฐบาลมีอำนาจออกกฎหมายยุบพรรค และ ศาลสามารถยุบได้ ตามแบบฝรั่งเศส จะยอมรับและเป็นธรรมมากกว่าไหมครับ?

'รศ.หริรักษ์' วิเคราะห์ปม 'เอกนัฏ' เชื่อ!! ไม่ได้เป็นพยานให้แก่คุณทักษิณแต่อย่างใด ด้านโซเชียล ติง!! 'เอกนัฏ' อย่าเป็น 'ผู้บริสุทธิ์' ที่สุดท้ายต้องถูกวิจารณ์กันเลอะเทอะ

(27 ส.ค.67) รศ.หริรักษ์ สูตะบุตร อดีตรองอธิการบดีฝ่ายบริหารบุคคล มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก 'Harirak Sutabutr' ระบุข้อความว่า...

คุณวัชระ เพชรทอง ออกมาให้ข่าวว่า คุณเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ มีชื่อเป็นพยานให้คุณทักษิณ ในคดีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ที่อัยการสั่งฟ้องไปแล้ว จากนั้นสำนักข่าวต่าง ๆ ต่างก็รายงานข่าวกันอย่างกว้างขวาง 

ฟังรายงานข่าวแล้วค่อนข้างสับสน บางสำนักรายงานว่า การไปเป็นพยานแต่ละฝ่ายคือ โจทก์และจำเลย จะต้องระบุรายชื่อพยานทางฝ่ายตัวเองยื่นต่อศาล แสดงว่าคุณทักษิณเสนอชื่อคุณเอกนัฏเป็นพยานฝ่ายจำเลย จึงมีคำถามว่า เหตุใดคุณทักษิณจึงเลือกคนที่เป็นศัตรูไปเป็นพยาน หรือเรื่องนี้จะเกี่ยวข้องกับการที่พรรครวมไทยสร้างชาติเสนอชื่อคุณเอกนัฏเป็นรัฐมนตรี ทำให้คนที่ไม่ได้ตามข่าวอย่างละเอียดเข้าใจไปต่าง ๆ นานา จนกระทั่งคุณอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี ออกมาให้ข่าวแทนคุณเอกนัฏว่า ที่คุณเอกนัฏไปเป็นพยานนั้น เป็นการให้ปากคำในชั้นการสอบสวนของตำรวจ ตำรวจมีหมายเรียกให้ไปให้ปากคำ ซึ่งเสร็จสิ้นไปแล้วตั้งแต่ต้นปี จึงไม่เกี่ยวกับตำแหน่งรัฐมนตรีแต่อย่างใด 

หลังจากนั้นก็มีการตอบโต้คำอธิบายของคุณอรรถวิชช์จากฝ่ายต่าง ๆ ว่า ตำรวจจะไม่เรียกตัวไปให้ปากคำเองโดยไม่มีการระบุชื่อจากโจทก์หรือจำเลย ดังนั้นคุณทักษิณจะต้องระบุชื่อให้คุณเอกนัฏเป็นพยานฝ่ายจำเลยอย่างแน่นอน การที่คุณอรรถวิชช์ให้ข่าวเช่นนั้น จึงน่าจะไม่ใช่ความจริง

ในฐานะที่ผมเคยมีประสบการณ์ให้ปากคำกับตำรวจในคดีความผิดตามมาตรา 112 มาครั้งหนึ่ง จึงขอให้ข้อมูลที่เป็นข้อเท็จจริงดังนี้...

1. เมื่อมีผู้ไปร้องต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจว่ามีผู้ที่กระทำสิ่งที่เข้าข่ายเป็นความผิดตามมาตรา 112 เจ้าหน้าที่ตำรวจที่เป็นพนักงานสอบสวน จะทำการรวบรวมพยานหลักฐาน และถามความเห็นจากบุคคลต่าง ๆ ซึ่งอาจใช้เวลานานเป็นปี จนกระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจมีความมั่นใจในพยานหลักฐานแล้วก็จะส่งต่อไปที่สำนักงานอัยการสูงสุด หากเห็นว่าไม่มีพยานหลักฐานเพียงพอ ก็อาจไม่ส่งไปยังอัยการ และคดีก็จะจบลงในชั้นตำรวจ

2. ในชั้นการสืบสวนของตำรวจ ยังไม่มีโจทก์หรือจำเลย มีแต่ผู้ถูกกล่าวหา จึงยังไม่มีการเสนอรายชื่อพยานในชั้นนี้ไม่ว่าฝ่ายใด 

3. กรณีคุณทักษิณ เรื่องผ่านการรวบรวมพยานหลักฐานของตำรวจไปถึงอัยการ และอัยการสูงสุดสั่งฟ้องไปแล้ว เรื่องในขณะนี้อยู่ที่ศาล และมีการนัดตรวจสอบพยานหลักฐานไปแล้ว แต่ยังไม่ได้มีการสืบพยานแต่อย่างใด จะมีการสืบพยานครั้งแรกในเดือนกรกฎาคมปีหน้า

การที่คุณอรรถวิชช์ให้ข่าวว่าคุณเอกนัฏได้ไปให้การกับตำรวจไปตั้งแต่ต้นปีแล้ว น่าจะคลาดเคลื่อนเพราะจากที่เป็นข่าว คดีนี้ผ่านจากตำรวจไปถึงสำนักงานอัยการสูงสุดหลายปีแล้ว แต่ที่ยังไม่สั่งฟ้องหรือไม่ฟ้องเป็นเพราะตัวคุณทักษิณอยู่ต่างประเทศ ไม่สามารถมาฟังคำสั่งของอัยการได้ แต่ก็อาจเป็นไปได้ว่า ตำรวจ ได้เชิญคุณเอกนัฏไปให้ความเห็นในคดีคุณทักษิณหลายปีมาแล้ว ซึ่งคุณเอกนัฏเท่านั้นที่สามารถบอกได้ 

ผมเองเคยได้รับการติดต่อจากตำรวจซึ่งเป็นรองผู้กำกับจากกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อไปให้ความเห็นเกี่ยวกับผู้ถูกร้องว่ากระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ซึ่งไม่ใช่เป็นหมายเรียก และเราสามารถปฏิเสธไม่ไปก็ได้ แต่ผมก็ไป เมื่อไปถึงท่านรองผู้กำกับก็นำโพสต์ของบุคคลหนึ่งใน Social Media ซึ่งมีคำว่า 'เจ้านาย' ว่าอ่านแล้วคิดอย่างไร ซึ่งเราก็ต้องอ่านข้อความทั้งหมดเสียก่อน จึงจะให้ความเห็นได้ เพราะคำว่า 'เจ้านาย' จะหมายถึงใครย่อมขึ้นอยู่ว่าอยู่ในบริบทไหน ความเห็นเราจึงอาจเป็นคุณหรือเป็นโทษต่อผู้ถูกร้องก็ได้ ซึ่งก็น่าจะคล้าย ๆ กับคดีคุณทักษิณที่มีคำว่า 'Palace Circle' ที่จะต้องตีความว่า หมายถึงใครบ้าง 

ดังนั้นหากคุณเอกนัฏไปให้ความเห็นต่อตำรวจในลักษณะที่ผมเคยไป ก็แสดงว่าคุณเอกนัฏไม่ได้เป็นพยานให้แก่คุณทักษิณแต่อย่างใด เพียงไปให้ความเห็นต่อตำรวจที่เป็นพนักงานสอบสวนในคดีคุณทักษิณเท่านั้น 

อย่างไรก็ดี คุณเอกนัฏควรต้องออกมาแถลงด้วยตัวเองว่า ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร ก่อนที่จะมีการวิพากษ์วิจารณ์กันจนเลอะเทอะ และทำให้เสียชื่อเสียงไปโดยใช่เหตุ 

หวังว่าที่ยังเงียบอยู่คงไม่ใช่เป็นเพราะคุณเอกนัฏมีชื่อเป็นพยานให้จำเลยคือ คุณทักษิณในชั้นศาลจริง ๆ ไม่ใช่เป็นแต่เพียงเป็นการให้ความเห็นในชั้นตำรวจอย่างที่คุณอรรถวิชช์ให้ข่าว หากเป็นเช่นนั้นจริงก็เป็นเรื่องน่าเสียดายมาก

ทั้งนี้ ด้านนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ สส.บัญชีรายชื่อ และเลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ ได้ออกมาโพสต์คอมเมนต์ข้อความขอบคุณ รศ.หริรักษ์ ที่ช่วยขยายความ พร้อมทั้งให้ข้อมูลเพิ่มเติมดังนี้ว่า...

"ตำรวจออกหมายเรียกโดยอ้างว่าอัยการสูงสุดมีคำสั่งให้ไปสอบเพิ่มเมื่อต้นปีจริงครับ ช่วงเดือนมีนาคม ผมไม่เคยเจรจา ซักซ้อมใด ๆ ครับ ในหมายเรียกไม่ได้ระบุว่าเหตุการณ์ช่วงไหน ระบุแต่ผู้ถูกกล่าวหา ข้อหา แต่ไม่ได้บรรยายพฤติกรรมครับ ซึ่งไม่นานมานี้ ผมเคยถูกเชิญโดยตำรวจไปให้ข้อมูลเกี่ยวกับกรณีอื่น เราก็ไปตามหนังสือ ส่วนว่าจะต้องไปเป็นพยานในชั้นศาลหรือไม่นั้น ถึงวันนี้ ไม่ทราบเลยครับ ทราบแต่ว่าอัยการได้ส่งฟ้องไปแล้วครับ"

ขณะที่ด้าน ศ.ดร.ไชยันต์ ไชยพร อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ก็ได้ตอบคอมเมนต์ นายเอกนัฏ ด้วยว่า "ควรชี้แจงตั้งแต่ตอนโดนกล่าวหาแล้วนะครับ"

ขณะที่ รศ.หริรักษ์ ได้ตอบกลับคอมเมนต์ของ นายเอกนัฏ ด้วยว่า "เข้าใจแล้วครับ โล่งอกที่คุณเอกนัฏไม่ได้เป็นพยานให้จำเลย และไปให้ข้อมูลต่อตำรวจ เมื่ออัยการมีคำสั่งให้สอบเพิ่มเติม ขอบคุณที่ชี้แจงครับ"

ทั้งนี้ มีชาวเน็ตท่านหนึ่งเข้ามาถามคอมเมนต์ของนายเอกนัฏ ด้วยว่า "เรื่องตำรวจออกหมายเรียกหรือจะไปเองก็เรื่องนึง แต่สังคมอยากรู้ว่าคุณเอกนัฏพูดประโยคนี้ "…(การ)บอกว่าคำพูดของทักษิณไม่เข้ามาตรา 112 นั้น" ตามที่ วัชระ เพชรทอง กล่าวหา ว่าเป็นความจริงหรือป่าวก็แค่นั้นเอง"

ด้าน นายเอกนัฏ ตอบกลับทันทีว่า "ไม่เคยพูดประโยคนี้ครับ" ซึ่งชาวเน็ตก็มองว่า "หากมีการนำคำอ้างแบบนี้มาใช้ ก็สมควรดำเนินการฟ้องผู้กล่าวอ้างคืนเสียบ้าง"

เกี่ยวกับเรื่องนี้ ในมุมมองของชาวเน็ตส่วนใหญ่ ยังเห็นไปในทางเดียวกันอีกด้วยว่า "นี่คือสิ่งที่น่าเป็นห่วงของพรรครวมไทยสร้างชาติ ที่ชอบทำอะไรเงียบๆ ไม่ค่อยออกมาตอบเรื่องใด ๆ ในทันที อย่างเรื่องดี ๆ ที่ทำไป ก็มักจะหายเข้ากลีบเมฆ แต่ถ้าเป็นเรื่องปมดรามาหรือประเด็นทางสังคม ก็มักจะปล่อยให้ถูกนำมาโจมตีและแพร่กระจายในโซเชียลโดยไม่มีการชี้แจงทันที... พรรค รทสช.ควรทำงานด้านการสื่อสารเพิ่มบ้าง"

ลูกตำรวจเฮ !! บิ๊กอิทธิ จัดทุน ป.ตรี เรียนจีนฟรี

เมื่อวันที่ (23 ส.ค. 67) พล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผบช.สตม.ได้จัดกิจกรรมปฐมนิเทศ ลูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ ตม.พร้อมผู้ปกครอง เพื่อชี้แจงความเข้าใจและการเตรียมตัว เพื่อไปศึกษาระดับปริญญาตรี ที่ประเทศจีน รวม 11 คน ที่อาคาร สตม.เมืองทองธานี

พล.ต.ท.อิทธิพลฯ เปิดเผยว่า ทุนดังกล่าว ตนได้ประสานงานกับ สมาคมครูจีน เพื่อขอโควต้า นศ.ไทย จาก มหาวิทยาลัยจี่หนาน กรุงปักกิ่ง และ มหาวิทยาลัยหัวเฉียว เซียะเหมิน สาธารณรัฐประชาชนจีน เพื่อเปิดโอกาสให้ ลูกตำรวจ ในสังกัด สตม.ได้มีโอกาสได้โควตา ไปศึกษาต่อระดับปริญญาตรีที่จีน 

โดยตนเห็นว่า ปัจจุบัน และในอนาคต ประเทศจีน มีบทบาทสำคัญทางเศรษฐกิจ สังคม ที่ขยายตัวอย่างรวดเร็วในทุกภูมิภาค อีกทั้งภาษาจีน เป็นภาษาที่มีคนใช้มากที่สุดเป็นอันดับ 1 ของโลก ดังนั้น หากเด็กไทย โดยเฉพาะลูกตำรวจในสังกัด สตม.ได้มีโอกาสไปศึกษาต่อ ระดับปริญญาตรี ซึ่งเป็นระดับที่จะเข้าสู่วัยทำงาน ตนมองว่า จะสามารถให้อนาคตที่ดีแก่บรรดาลูกๆที่เข้าโครงการ ในการเข้าสู่อาชีพที่เกี่ยวข้องกับระบบเศรษฐกิจของจีนได้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงในอนาคต และอาจเป็นกำลังสำคัญของประเทศไทยที่จะสร้างคนรุ่นใหม่ที่พร้อมต่อการรองรับการขยายตัวของระบบเศรษฐกิจจีนที่เข้ามาในไทยอย่างมีคุณภาพด้วย

นอกจากนั้น ยังเป็นการสร้างขวัญกำลังใจแก่ข้าราชการตำรวจ ตม.ในสังกัด ในการดูแลบุตรธิดาให้มีอนาคตที่ดีต่อไป

โดยทุนดังกล่าว เป็นทุนเรียนฟรี แบ่งเป็น 2 มหาวิทยาลัย ได้แก่

1. มหาวิทยาลัยจี่หนาน ปักกิ่ง  3 คน
โดยจะออกเดินทาง วันที่ 29 ส.ค.2567
2. มหาวิทยาลัยหัวเฉียว เซียะเหมิน 8 คน 
โดยจะออกเดินทาง วันที่ 2 ก.ย.2567
ในการปฐมนิเทศครั้งนี้ พล.ต.ท.อิทธิพลฯ ได้
ให้คำแนะนำ กับลูกตำรวจ และหลังปฐมนิเทศเสร็จได้ร่วมรับประทานอาหารด้วยกันที่โครงการธารน้ำใจ สตม.

‘ILINK’ พบนักลงทุน โชว์รายได้ครึ่งปีแรกแตะ 3.3 พัน ลบ. พร้อมปักธงครึ่งปีหลัง ดันทุกธุรกิจเติบโตตรงตามเป้า

(27 ส.ค. 67) คุณสมบัติ อนันตรัมพร ประธานกรรมการ กลุ่มบริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ฯ หรือ ILINK ร่วมนำเสนอให้ข้อมูลสรุปผลประกอบการบริษัทฯ ประจำไตรมาส 2/67 ภายในงานบริษัทจดทะเบียนพบนักลงทุน (Opportunity Day) จัดโดย ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ สำหรับแนวโน้มในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมานั้น ทั้ง 3 ธุรกิจ ทำฟอร์มดี ไม่มีตก รักษาอัตรากำไรขั้นต้นให้โตแกร่งไปพร้อมกับทำรายได้เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง

สะสมรายได้รวมครึ่งแรกของปี 67 อยู่ที่ 3,318.66 ล้านบาท กำไรสุทธิโต 379.92 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 62.93 ล้านบาท หรือ คิดเป็น 19.86% โดยมี อัตรากำไรสุทธิเพิ่มขึ้นเป็น 11.45% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ก้าวหน้าตามความคาดหมาย ซึ่งเป็นผลที่สืบเนื่องจากการขับเคลื่อนของทั้ง 3 ธุรกิจ โดยใช้ประโยชน์จากความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี และการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่กำลังดำเนินอยู่ในแต่ละส่วนธุรกิจ จึงทำให้สามารถสร้างผลงานไว้ได้บรรลุผลตามเป้าหมาย มีสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่งในช่วงครึ่งแรกของปี 2567 ซึ่งมีแนวโน้มจากการเติบโตผ่านการลงทุนอย่างต่อเนื่อง พร้อมความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ในนวัตกรรมที่ต้องการปรับเปลี่ยน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคส่วนที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล โดยที่ในอนาคตจะสามารถส่งต่อให้การเติบโตของ กลุ่มบริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ฯ ในช่วงครึ่งปีหลังสืบเนื่องความยั่งยืนได้อย่างก้าวกระโดดต่อไป

ขณะที่การขับเคลื่อนของธุรกิจจัดจำหน่ายสายสัญญาณ ทำรายได้ในไตรมาส 2/67 จากการขาย 6 เดือนแรก รวมอยู่ที่ 1,500.59 ล้านบาท ทำกำไรครึ่งปีแรกรวม 165.53 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.03 ล้านบาท หรือ คิดเป็น 4.44% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งยังคงเป็นธุรกิจหลักที่ทำรายได้เติบโตมาอย่างต่อเนื่อง จากโลกที่เปลี่ยนผ่านไปสู่ยุคอุตสาหกรรม ยุคแห่งการสื่อสาร และยุคพลังงาน จึงผลักดันให้แวดวงของเทคโนโลยีด้านสายสัญญาณต้องมีการเปลี่ยนแปลง อีกทั้ง อิทธิพลของปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่เพิ่มมากขึ้นอีกด้วย นับว่า LINK® AMERICAN CABLING และ 19" GERMANY EXPORT RACK นี้ เข้ามาตอบโจทย์ และเป็นแนวทางเปิดโอกาสให้ธุรกิจจำหน่ายสายสัญญาณจากแบรนด์ชั้นนำระดับโลก เป็นแรงหนุนชั้นดีจากปัจจัย อันได้แก่ ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี นโยบายพลังงานแสงอาทิตย์ และนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ใหม่ 

ดังนั้น จึงเห็นได้ชัดถึงแนวโน้มการเติบโต คู่กับความโด่ดเด่นต่อเนื่องเรื่องการดำเนินงาน ที่จะทำให้ธุกิจจัดจำหน่ายสายสัญญาณ ทำตัวเลขเชิงบวกได้อย่างเป็นรูปธรรม และคาดว่ากลุ่มธุรกิจนี้ จะยังเติบโตรับรายได้จากยอดขายที่ล้นทะลัก และทำกำไรเพิ่มขึ้นได้อีกในครึ่งปีหลังนี้

ในด้านของธุรกิจวิศวกรรมโครงการ ดำเนินการโดยบริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ เพาเวอร์ แอนด์ เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด เน้นการประมูลโครงการภาครัฐที่สำคัญ ๆ และมีเทคโนโลยีขั้นสูง ได้แก่ โครงการเคเบิลใต้น้ำแรงสูง และโครงการสายส่งไฟฟ้าแรงสูง ซึ่งกลุ่มธรุกิจนี้ประสบความสำเร็จจากการอาศัยหลักความเชี่ยวชาญ และการมีประสบการณ์ที่เหนือกว่า นำมาสร้างความเชื่อมั่นให้กับหน่วยงานภาครัฐในโครงการขนาดใหญ่มากมาย และยังได้รับการรับรองจากการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) และหน่วยงานสำคัญอื่น ๆ ที่การันตีได้จากผลงานอันโดดเด่นอย่างต่อเนื่องที่ทำให้รับรู้รายได้รวม 6 เดือนแรก จากผลประกอบการไตรมาส 2/67 อยู่ที่ 462.52 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 30.77 ล้านบาท หรือ คิดเป็น 7.13% มีกำไรสุทธิรวมรวม 53.51 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18.31 ล้านบาท หรือ โตถึง 52.02% 

ในขณะที่อัตรากำไรสุทธิ ครึ่งแรกของปี 11.57% เพิ่มขึ้น41.91% ซึ่งมีรายได้รวมประจำไตรมาส 2/67 พุ่งแรง 282.69 ล้านบาท รับกำไรโตสำหรับงวดของไตรมาสนี้ 27.52 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยที่ธุรกิจนี้ ในครึ่งปีหลังคาดการณ์จะมีแนวโน้มเติบโตเพิ่ม และได้รับแรงหนุนดีขึ้นจากการลงทุนของรัฐบาลที่ต้องการพัฒนาโครงการต่าง ๆ ร่วมกับต้องการใช้เทคโนโลยีขั้นสูงที่กลุ่มธุรกิจนี้สามารถสร้างความประทับใจไว้ให้กับหลายหน่วยงาน และได้รับความเชื่อถือจากองค์กรชั้นนำของประเทศได้อย่างดีเยี่ยม พร้อมกันนี้ คาดว่าจะมีโครงการที่ได้รับสัญญาต่อเนื่องระหว่างปี 2567 - 2568 เพื่อเติม Backlog ให้แข็งแกร่ง นำทัพธุรกิจนี้เติบโตไปตามเป้าหมาย

สำหรับธุรกิจของ บมจ.อินเตอร์ลิ้งค์ เทเลคอม หรือ ITEL ที่ประกอบธุรกิจเกี่ยวกับโทรคมนาคมและดาต้าเซ็นต์เตอร์ เผยตัวเลขครึ่งแรกของปี 67 กวาดรายได้ 1,355.56 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.56% พร้อมทำกำไรครึ่งปีแรก 160.88 ล้าน เพิ่มขึ้น 30.49% โดยทำอัตรากำไรสุทธิครึ่งปีแรก 11.87% เพิ่มขึ้น 13.90% ซึ่งเมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2567 มี Backlog 2,253.00 ล้านบาท คาดรับรู้รายได้ที่มั่นคง และเปิดตัวโครงการใหม่ นับว่าธุรกิจนี้ เริ่มเห็นภาพที่มีการเติบโตอย่างมาก ผลจากความต้องการบริการข้อมูลความเร็วสูงที่เพิ่มขึ้น ITEL ได้สร้างชื่อเสียงในฐานะผู้เล่นหลัก ในการเป็นผู้ให้บริการสายเคเบิลใยแก้วนำแสง สำหรับผู้ให้บริการโทรคมนาคม รวมทั้ง ITEL ยังได้ใช้จุดแข็ง และขยายเครือข่ายใยแก้วนำแสง เพื่อรองรับหน่วยงานทั้งภาครัฐ และเอกชนอย่างต่อเนื่อง มั่นใจครึ่งปีหลังจากนี้ คว้ากำไร พร้อมทำรายได้ รับกำไรจากการเป็นผู้เล่นหลักบนเส้นทางธุรกิจนี้ได้สำเร็จ ดั่งการขึ้นแท่นครองแชมป์ด้านนี้ตามเป้าประสงค์ที่ตั้งไว้ 

“นับว่าทุกธุรกิจในเครือของ กลุ่มบริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ฯ ประสบความสำเร็จทั้งรายได้ และกำไรนั้น เป็นผลจากหลักการขับเคลื่อนธุรกิจ โดยนำจุดแข็งที่เป็นความเชี่ยวชาญ และเป็นเอกลักษณ์ ซึ่งนับว่าเป็นที่ยอมรับจากการใช้งานจริง ทั้งในประเทศ และต่างประเทศทั่วโลก ที่เชื่อมั่นในคุณภาพ และศักยภาพของทุกธุรกิจที่ทำให้มีแนวโน้มผลประกอบการในช่วงครึ่งแรกของปีเป็นเชิงบวก ตรงตามการวางแผนเป้าหมายไว้ โดยครึ่งปีหลังมั่นใจ ภาพรวมทั้ง 3 ธุรกิจ เตรียมความพร้อมมาดี และสามารถปรับตัวดีขึ้นได้อีกจากเดิม ปักธงชัดเร่งเครื่องแรง ผลักดันเทคโนโลยีนวัตกรรมใหม่ให้ก้าวทันยุคสมัย เตรียมรับมือกับตัวเลขแห่งความสำเร็จ เห็นผลยอดขาย ทำรายได้ และสร้างกำไรแตะจุดสูงสุดกว่าที่เคยมีตามที่คาดการณ์ไว้ได้แน่นอน” คุณสมบัติ กล่าวเสริมตอนท้าย


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top