Monday, 9 June 2025
NewsFeed

'ลุงชวน' ยัน!! ไม่เห็นด้วยผู้บริหารพรรคเข้าร่วมรัฐบาลเพื่อไทย ไม่หวั่น!! แม้จะเหลือเพียงคนเดียวในพรรคฯ ก็จะอยู่ประชาธิปัตย์

เมื่อวานนี้ (26 ส.ค.67) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตตรัง นายชวน หลีกภัย สส.ระบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ และอดีตนายกรัฐมนตรี 2 สมัย เดินทางเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการศึกษามหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตตรัง พร้อมเยี่ยมชมห้องประชุมมหาวิทยาลัยฯ และมีการประชุมหารือเตรียมเปิดโรงเรียนนานาชาติ ที่ จ.ตรัง โดยใช้เวลาในการประชุมกว่า 4 ชั่วโมง

หลังจากเสร็จสิ้นการประชุม นายชวน หลีกภัย ได้ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าว ถึงกรณีนายชวน ไม่เห็นด้วยกับการที่พรรคประชาธิปัตย์ จะเข้าร่วมรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทย และนายชวน อาจจะถูกขับออกจากพรรคประชาธิปัตย์ได้นั้น

นายชวน กล่าวว่า ตนต้องขอขอบพระคุณพี่น้องชาวตรัง ผมเกิดมาจากพี่น้อง ผมได้เป็นผู้แทนราษฎรมาจากระบบไม่ซื้อเสียงไม่โกงเลือกตั้ง เหมือนนักการเมืองบางกลุ่ม มาด้วยความบริสุทธิ์ตลอดมา และพี่น้องเมตตาผมมาตลอด 50 กว่าปี  เป็น สส.คนเดียวที่อยู่มานานที่สุด 17 สมัย ไม่เคยแพ้ ไม่เคยตก ไม่เคยหยุด และผมก็ยังมั่นคงในขณะที่พรรคฯ จะรุ่งเรือง จะตกต่ำ ผมไม่เคยทิ้ง เหมือนบ้านเก่าที่เคยร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมา ตนเองไม่ไป แต่ก็มีคนในพรรคฯ บางกลุ่มเขาอยากไปร่วม

ขอเรียนพี่น้องว่าคนที่อยากเป็นรัฐบาลไม่ได้ผิดอะไรหรอก แต่ผมเป็นคนรณรงค์กับพี่น้องเองว่า พี่น้องปักษ์ใต้อย่าเลือกพรรคไทยรักไทย อย่าเลือกพรรคเพื่อไทย เพราะเขามีนโยบายเลือกปฏิบัติแกล้งพวกเรา เขาบอกว่าจะพัฒนาเฉพาะจังหวัดที่เลือกเขา จังหวัดอื่นไว้ที่หลัง ไม่เคยมีรัฐบาลชุดไหน ไม่ว่ามาจากชุดยึดอำนาจ หรือชุดประชาธิปไตย ที่ใช้นโยบายแกล้งประชาชน เพราะไม่เลือกแล้วไม่พัฒนา แต่คุณทักษิณ เจ้าของพรรคเขาใช้มาตรการอันนี้ผมบอกว่าอย่าเลือก ปรากฏว่าเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา ปักษ์ใต้เขาไม่ได้เลยแม้แต่คนเดียว ขณะที่ภาคอื่น ๆ เขาได้มาท่วมท้น แต่ภาคใต้ไม่ได้คนของพรรคเพื่อไทยเลย

ผมเป็นหนี้บุญคุณมากที่พี่น้องกรุณา เชื่อผมส่วนหนึ่งแล้วไม่เลือกพรรคฯ นี้ ดังนั้น เมื่อมีคนอยากจะไปร่วมรัฐบาลผมบอกว่าการไปร่วมก็ปกติ แต่ผมเคยประกาศไม่ให้เลือก บัดนี้ผมจะมาร่วมรัฐบาลที่ผมบอกว่าไม่ให้เลือก เท่ากับตนเองทรยศต่อประชาชน ผมขออนุญาตที่จะไม่เห็นในการไปร่วม เพราะฉะนั้นพี่น้องอย่างห่วง ผมเป็นเด็กบ้านนอก ผมเป็นคนต่างจังหวัด ที่พูดคำไหนคำนั้น แล้วก็เป็นคนรุ่นเก่า ยึดมั่นความกตัญญูรู้คุณต่อบ้านเมือง ต่อพรรคการเมือง ต่อผู้มีพระคุณ ผมรู้สึกบุญคุณที่พี่น้องทุกท่าน ท่านสนับสนุนมาโดยตลอด 

ในชีวิตการเมืองตั้ง 50 กว่าปี ซึ่งในประเทศไทยถือว่าผมเป็นผู้ที่อยู่นานที่สุดแล้ว ไม่เคยแพ้ ไม่เคยหยุด เพราะฉะนั้นผมก็ยังมั่นคงอยู่กับพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ว่าพรรคฯ จะรุ่งเรืองหรือตกต่ำ แต่การที่คนส่วนหนึ่ง กรรมการชุดปัจจุบันนี้ เขามีความคิดแตกต่างกันไป ก็เป็นเรื่องของคนเหล่านั้น ถ้ายกมือผมก็คงแพ้ แต่ว่าผมก็บอกให้เขารู้ว่าตนเองไม่เห็นด้วย

ผู้สื่อข่าวสอบถามว่า กลัวว่าท่านชวนจะถูกขับออกจากพรรคประชาธิปัตย์หรือไม่ นายชวนยืนยันว่า ผมไม่ไป มีคนอื่นออกไปจากพรรคฯ หลายคน เสียดาย แม้กระทั่งคุณอภิสิทธิ์ฯ ซึ่งท่านเองก็ยังมีความผูกพันอยู่ ยังพบกันอยู่ประจำ ที่ท่านตัดสินใจลาออก เพราะว่าไม่สามารถที่จะเจรจาตกลงกันได้ แต่ผมอยู่ แม้เหลือผมคนเดียวผมก็จะอยู่ ไม่มีปัญหา

ทั้งนี้นายชวนฯ ได้พนมมือไหว้ขอบคุณพี่น้องประชาชนทุกคนด้วยความเคารพ ยืนยันว่ายังทำงานอยู่เหมือนเดิม ยังดูแลปัญหาพี่น้องอยู่ตลอดเวลาไม่ได้หยุด ในสภาฯ ก็ยังอภิปรายในเรื่องที่เป็นประโยชน์ต่อพี่น้อง ห่วงเรื่องราคายางจะตกก็พูดแทนพี่น้องชาวตรังและภาคใต้

‘มท.1’ สั่งฟัน!! ปลัดอำเภอกร่าง 'พกปืน-ทำร้ายเด็กเสิร์ฟ' ลั่น!! 'คนมหาดไทย' ต้องดูแล ไม่ใช่รังแกประชาชน

เมื่อวานนี้ (26 ส.ค. 67) น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล เลขานุการ รมว.มหาดไทย กล่าวว่า ตามที่ปรากฏข่าวในสื่อมวลชนและสื่อสังคมออนไลน์ กรณีปลัดอำเภอพกปืน ล็อกคอและทำร้ายร่างกายพนักงานร้านอาหาร จนได้รับบาดเจ็บในพื้นที่จังหวัดสระแก้ว ทางกระทรวงมหาดไทยไม่นิ่งนอนใจต่อกรณีที่เกิดขึ้น โดย นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย มอบหมายให้ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว เร่งสอบสวนข้อเท็จจริง หากพบเป็นการกระทำผิดให้ลงโทษให้ถึงที่สุด ทั้งโทษทางวินัยและเร่งติดตามคดีทางอาญาให้แก่ผู้ที่ได้รับความเสียหาย

"เนื่องจากในเรื่องนี้ยังไม่ทราบถึงรายละเอียดเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น นายอนุทิน จึงให้ทางท่านผู้ว่าฯ สระแก้วเร่งดำเนินการสอบสวนและนำข้อเท็จมาเปิดเผยต่อสังคม ให้ความเป็นธรรมกับผู้ที่ได้รับความเสียหาย หากพบว่าทำผิดก็ให้ลงโทษทั้งทางวินัยและให้ดำเนินคดีอาญาโดยไม่มีข้อยกเว้น ซึ่งนายอนุทินได้เน้นย้ำกับเจ้าหน้าที่กระทรวงมหาดไทยมาโดยตลอดว่า คนมหาดไทยมีหน้าที่บำบัดทุกข์ บำรุงสุข ดูแลพี่น้องประชาชน ไม่ใช่รังแกประชาชน หากมีการใช้อำนาจหน้าที่ของตนเองไปรังแกประชาชนก็ต้องถูกลงโทษให้ถึงที่สุด" น.ส.ไตรศุลี กล่าว

เลขานุการ รมว.มหาดไทย กล่าวว่า ล่าสุด จังหวัดสระแก้วได้รายงานในเบื้องต้นมายังกรมการปกครอง ว่า บุคคลผู้ก่อเหตุมีตำแหน่งปลัดอำเภอวัฒนานคร ช่วยราชการที่ทำการปกครองจังหวัดสระแก้ว เหตุเกิด โดยได้ก่อเหตุเมื่อเวลา 23.00 น. ของวันศุกร์ที่ 23 ส.ค.67 ที่ผ่านมา ณ ร้านอาหารแห่งหนึ่ง พื้นที่ ต.สระแก้ว อ.เมืองสระแก้ว จ.สระแก้ว 

สำหรับการดำเนินการ จังหวัดสระแก้วได้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง เพื่อดำเนินการทางวินัยกับผู้ก่อเหตุ และระหว่างตรวจสอบข้อเท็จจริงนายเชาวเนตร ยิ้มประเสริฐ รองผู้ว่าราชการจังหวัด ปฏิบัติราชการแทน ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว ได้มีคำสั่งจังหวัดสระแก้ว ที่ 2388/2567 ย้ายผู้ก่อเหตุออกนอกพื้นที่ไปปฏิบัติราชการ อ.โคกสูง จ.สระแก้ว โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 27 ส.ค.67 เป็นต้นไป ในส่วนของการดำเนินคดีอาญา ผู้เสียหายได้ร้องทุกข์ไว้ที่ สภ.เมืองสระแก้ว ทางจังหวัดจะเร่งติดตามผลคดีต่อไป

‘สมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี’ ทรงเล่า ‘จอมพล ป.’ อยากล้างบาปและได้ก่อสร้าง ‘โรงพยาบาลพระปกเกล้า’

มายาธิปไตย 2475 #เทสที่สร้าง #ร่างที่เป็น

2475: การเปลี่ยนแปลง การเรียนรู้ และการให้อภัย

“จอมพล ป. เคยมาเฝ้า เขาพูดว่า อยากจะล้างบาป เพราะทำกับท่านไว้มากเหลือเกิน จากนั้นแล้วก็เลยไปสร้างโรงพยาบาลพระปกเกล้า ไว้ให้ที่จันทบุรี ดูเหมือนจะสร้างไปทั้งหมด 5 ล้านบาท…

“หลวงประดิษฐ์มนูธรรม และพระยามานวราชเสวี เคยไปขอเข้าเฝ้าบอกว่า ข้าพระพุทธเจ้าตอนนั้นยังเด็ก  คิดอะไรหัวมันรุนแรงเกินไป ไม่นึกว่าจะลำบากยากเย็นเป็นเพียงนี้ ถ้ารู้อย่างนี้ก็ไม่ทำ…

“ฉันก็ไม่ได้ว่าอะไรเขา เรื่องมันแล้วไปแล้ว ไม่เคยเก็บเอามาคิด”

สมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระราชบันทึกทรงเล่า ต่อข้อทูลถามถึงความคิดที่จะต่อต้านกับคณะปฏิวัติ

เรียบเรียงโดย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.เพิ่มศักดิ์ จะเรียมพันธ์ กลุ่มวิชาการปกครอง คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง

'ผลโพลฯ' ชี้!! กลุ่มผู้ถูกสำรวจ 'เห็นด้วย' แนวทางฟื้นฟูศก.ของ 'ทักษิณ' พบ!! 'ดิจิทัลวอลเล็ต-รถไฟฟ้า 20 บาท' น่าสนใจเป็นอันดับต้นๆ

(27 ส.ค. 67) ดร.สานิต ศิริวิศิษฐ์กุล หัวหน้าศูนย์สำรวจความคิดเห็น ‘นอร์ทกรุงเทพโพล’ มหาวิทยาลัยนอร์ทกรุงเทพ เปิดเผยว่า จากการสำรวจความคิดเห็นของประชาชน ระหว่างวันที่ 24 - 25 สิงหาคม 2567 มีผู้สำรวจ 1,320 ราย จากทุกภูมิภาคทั่วประเทศ โดยสอบถามเรื่อง ข้อเสนอในการฟื้นฟูเศรษฐกิจของ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี พบว่า คนไทยเห็นด้วยกับแผนและแนวทางการฟื้นฟูเศรษฐกิจ จำนวน 66.5% และ ไม่เห็นด้วย 19.4% ขณะที่ไม่แสดงความคิดเห็นมี 14.1% 

ทั้งนี้แนวทางการฟื้นฟูเศรษฐกิจ ของนายทักษิณ ที่ได้แสดงวิสัยทัศน์ Vision for Thailand 2024 ประกอบไปด้วย 14 ประเด็นที่เป็นข้อเสนอแนะ โดยหากเรียงตามความชื่นชอบและให้ความสนใจมากสุด ของประชาชนชาวไทยที่ได้ทำการสำรวจทั้งหมดพบว่า 

1. นโยบายดิจิทัลวอลเล็ต 15.3% 
2. จัดระเบียบโครงสร้างภาษี 11% 
3. ปราบยาเสพติดผ่านการลดจำนวนผู้เสพ 10.2%  
4. รถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย 8.7%  

5. ผลักดันแหล่งท่องเที่ยวที่มนุษย์สร้างขึ้น 8.1%  
6. ยกเศรษฐกิจนอกระบบขึ้นมาบนดิน 7.6% 
7. การแก้ไขปัญหาหนี้ครัวเรือน 6.9% 
8. ขยาย ‘กองทุนวายุภักษ์’ 6.1%  

9. แก้ปมเขตทับซ้อน 5.4% 
10. สร้างศูนย์กลางผลิตรถไฟฟ้า 5.4% 
11. ถมทะเลบางขุนเทียน สร้างแผ่นดินใหม่ 4.8% 
12. ผลักดันไทยเป็นหลุมหลบภัยนักลงทุน 4.5%  

13. ทำลีก ‘มวยไทย’ ดันซอฟต์พาวเวอร์จริงจัง 3.7%
14. ปลดล็อกต่างชาติซื้อที่ดิน 2.3%

ลูกสาวเหยื่อยาดอง โพสต์เศร้าไม่มีเงินทำศพพ่อ เจอค่ารักษากว่าแสนบาท ลั่น!! พ่อต้องไม่ตายฟรี

จากกรณี เหยื่อยาดองมรณะเสียชีวิตเพิ่มเป็น 4 ศพ นอกจากนี้ยังมีกลุ่มสายตาพร่ามัวที่ยังไม่รู้ว่าจะกลับมามองเห็นได้เหมือนเดิมหรือไม่?

ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจเรียก ‘เจ๊ปู’ ผู้รับเมทิลแอลกอฮอล์มาผสมผลิตยาดองขายให้ร้าน 18 แห่ง ร่ำไห้ขอโทษสังคมไม่รู้ว่าเป็นสารพิษ ถูกแจ้งดำเนินคดี 2 ข้อหา รวมทั้ง ข้อหาฉกรรจ์กระทำการโดยประมาท เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายด้วย

อย่างไรก็ตาม เมื่อวานนี้ (26 ส.ค. 67) ผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งซึ่งเป็นลูกสาวของหนึ่งในผู้เสียชีวิตจากยาดองมรณะ ได้ออกมาโพสต์ภาพพ่อของตนเองขณะนอนอยู่บนเตียงผู้ป่วยพร้อมระบุข้อความว่า…

“#ผู้เสียชีวิตจากยาดองมรณะ ใครพอจะมีช่องทางการติดต่อนักข่าว แนะนำหนูมาได้นะคะ หนูยินดีไปทุกสำนัก หนูจะไม่ให้พ่อหนูตายฟรี📌
#ทักเข้ามาได้เลยนะคะ หรือโทร 0634893821
#ฝากแชร์ด้วยค่ะ“

นอกจากนี้ ยังได้โพสต์ใบเสร็จการชำระเงินค่ารักษา โดยระบุข้อความว่า “ที่หนูออกมาโพสต์ทุก ๆ อย่างเพราะหนูอยากจะเห็นว่าจะมีใครรับผิดชอบการเสียชีวิตของพ่อหนูบ้าง ตั้งแต่พ่อหนูอยู่ที่โรงพยาบาลไม่มีใครออกมารับผิดชอบทางพ่อหนูเป็นการส่วนตัวหรือเข้ามาคุยหรือขอโทษ

ซึ่งที่ผ่านมาพวกหนูต้องเดินเรื่องเองมาตลอด และมีเพื่อน ๆ ของพ่อที่คอยช่วยเหลือพวกหนูอยู่ ดูจากใบเสร็จของการชำระเงินเอานะคะ ถ้าสมมุติว่าพ่อหนูไม่มีเงินจากประกันสังคม พวกหนูไปหาเงินมาจากไหน เพราะทางพวกหนูแทบไม่มีญาติผู้ใหญ่จากไหนเลย

แล้วเดินเรื่องกันเองทั้งหมด พวกหนูเพิ่งจะบรรลุนิติภาวะไม่กี่ปี ครั้งแรกในชีวิตที่มาทำอะไรแบบนี้ หนูดิ้นกันสุดทาง หนูอยากให้พ่อหนูได้รับความยุติธรรม และตอนนี้หนูสามคนพี่น้องต้องไปหายืมคนอื่นเพื่อมาจัดงานศพ”

ล่าสุด ทางผู้โพสต์ได้อัปเดตว่าทาง ‘กัน จอมพลัง’ ได้ติดต่อให้ความช่วยเหลือเข้ามาแล้ว

สมุทรปราการ-โรงพยาบาลเปาโล เดินหน้าเปิดตัว “คลินิกเวชกรรมเปาโล” 3 สาขา พร้อมรองรับการให้บริการประชาชน

เมื่อวานนี้ (26 ส.ค. 67) โรงพยาบาลเปาโล ประกาศเปิดตัว “คลินิกเวชกรรมเปาโล” 3 สาขาใหม่ ได้แก่ สาขาซอยมังกร, สาขาตลาดทิพย์นิมิตร และสาขาประชาอุทิศ เพื่อขยายการเข้าถึงบริการทางการแพทย์คุณภาพแก่ประชาชนในพื้นที่ชานเมืองสมุทรปราการและบริเวณใกล้เคียง โดยเน้นความสะดวก รวดเร็ว และมาตรฐานการรักษาภายใต้คุณภาพของโรงพยาบาลเปาโล สมุทรปราการ และโรงพยาบาลเปาโล พระประแดง

คลินิกเวชกรรมเปาโลทั้งสามแห่งตั้งอยู่ในทำเลที่สะดวกต่อการเดินทาง พร้อมให้บริการทางการแพทย์ที่หลากหลาย อาทิ การตรวจรักษาโรคทั่วไป, การให้คำปรึกษาด้านสุขภาพ, การฉีดวัคซีน, และการออกใบรับรองแพทย์ต่าง ๆ เช่น ใบรับรองแพทย์สำหรับการทำงาน (Work Permit) หรือการขับขี่ นอกจากนี้ยังมีบริการดูแลรักษาผู้ป่วยเบื้องต้นจากอุบัติเหตุในชีวิตประจำวัน โดยมีทีมแพทย์ผู้ชำนาญการและพยาบาลวิชาชีพที่พร้อมให้บริการด้วยใจและความใส่ใจต่อสุขภาพของผู้รับบริการทุกคน ภายใต้สโลแกนที่ว่า “ใกล้บ้าน ใกล้คุณ” เพื่อให้การดูแลสุขภาพเป็นเรื่องง่ายสำหรับทุกคน รวมถึงชาวมุสลิมในพื้นที่พระประแดง ที่ต้องการการดูแลทางการแพทย์ที่เชื่อถือได้จากโรงพยาบาลเอกชนชั้นนำ

การเปิดคลินิกเวชกรรมเปาโลทั้งสามสาขานี้ ถือเป็นอีกก้าวสำคัญในการขยายบริการทางการแพทย์ของโรงพยาบาลเปาโล ให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ เพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าถึงการรักษาพยาบาลที่มีคุณภาพได้สะดวกยิ่งขึ้น สร้างความอุ่นใจที่มีแพทย์ผู้ชำนาญการและพยาบาลวิชาชีพประจำการ ณ คลินิกเวชกรรมเปาโล โดยคลินิกเปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.00 - 20.00 น.

คิว-ข่าวสมุทรปราการ รายงาน

ผบ.ตร. ลงพื้นที่ จ.ภูเก็ต เน้นย้ำนโยบายรัฐบาล กำชับดูแลความปลอดภัย และอำนวยความสะดวกนักท่องเที่ยว

เมื่อวานนี้ (26 ส.ค. 67) เวลา 10.00 น. พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) พร้อมด้วย พล.ต.ต.พิทักษ์ อุทัยธรรม รอง ผบช.ประจำ สง.ผบ.ตร. ได้เดินทางไปที่ด่านตรวจท่าฉัตรไชย จ.ภูเก็ต เพื่อตรวจเยี่ยมและให้กำลังใจข้าราชการตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่ดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนและนักท่องเที่ยว

จากนั้น ผบ.ตร. และคณะ ได้ประชุมร่วมกับ พล.ต.ท.สุรพงษ์ ถนอมจิตร ผบช.ภ.8, พล.ต.ต.สินเลิศ สุขุม ผบก.ภ.จว.ภูเก็ต และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เกี่ยวกับมาตรการในการดูแลความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยว ตามมาตรการ ภูเก็ตโมเดล (PHUKET MODEL) ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้

1. การจัดทำข้อมูลเกี่ยวกับนักท่องเที่ยวใน 3 ด้าน - ได้แก่ ความปลอดภัยและการอำนวยความสะดวก, การปราบปรามชาวต่างชาติที่ทำผิดกฎหมาย และการควบคุมกิจกรรมเสี่ยงของนักท่องเที่ยว เพื่อใช้ในการป้องกันและบริหารจัดการเหตุการณ์ในพื้นที่

2. การแก้ไขปัญหาจราจร - ออกข้อบังคับห้ามรถบรรทุกขนาดใหญ่ (3 เพลาขึ้นไป) วิ่งในช่วงเวลาห้าม (เช้าและบ่าย) เพื่อแก้ไขปัญหาจราจร ซึ่งได้รับการชื่นชมจากประชาชนในพื้นที่เป็นอย่างมาก

3. การบังคับใช้กฎหมาย - ดำเนินการบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจังกับนักท่องเที่ยวและชาวต่างชาติ โดยมีการจับกุมคดีอาญามากกว่า 2,800 คดี และคดีจราจรกว่า 15,000 คดี พร้อมทั้งประชาสัมพันธ์ให้ชาวต่างชาติปฏิบัติตามกฎหมาย

ผบ.ตร. ได้ชมเชยการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ภ.จว.ภูเก็ต ที่ได้ปฏิบัติหน้าที่ในการดูแลพี่น้องประชาชนและนักท่องเที่ยวเป็นอย่างดี และเน้นย้ำให้ดำเนินการอย่างต่อเนื่องต่อไป เนื่องจากเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยว และสร้างรายได้เข้าประเทศ ตามนโยบายของรัฐบาล

นอกจากนี้ ผบ.ตร. ยังได้สั่งการให้ ผบช.ภ.8 จัดหาเทคโนโลยีเพื่อสนับสนุนการปฏิบัติงานของด่านตรวจท่าฉัตรไชย ซึ่งเป็นจุดยุทธศาสตร์ที่สำคัญของ จ.ภูเก็ต ในการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรม และได้มอบเงินบำรุงขวัญให้ ผกก.สภ.ท่าฉัตรไชย เพื่อใช้ในการดูแลสวัสดิการของข้าราชการตำรวจในการปฏิบัติหน้าที่ดูแลพี่น้องประชาชนต่อไป

สนง.เลขาธิการวุฒิสภา จัดสัมมนา เรื่อง “การให้ความรู้และคำแนะนำในการยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของสมาชิกวุฒิสภา” เพื่อเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจและสนับสนุนข้อมูลสำคัญแก่สมาชิกวุฒิสภา

เมื่อวันที่ (26 ส.ค. 67) เวลา 09.15 นาฬิกา ณ ห้องประชุม หมายเลข 402 - 403 ชั้น 4 อาคารรัฐสภา (ฝั่งวุฒิสภา) สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา จัดสัมมนา เรื่อง “การให้ความรู้และคำแนะนำในการยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของสมาชิกวุฒิสภา” โดยมี นายมงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภา เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วย พลเอก เกรียงไกร ศรีรักษ์ รองประธานวุฒิสภา คนที่หนึ่ง นายบุญส่ง น้อยโสภณ รองประธานวุฒิสภา คนที่สอง สมาชิกวุฒิสภา นางสาวนภาภรณ์ ใจสัจจะ เลขาธิการวุฒิสภา ผู้บริหารและข้าราชการสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา เข้าร่วมรับฟัง

สำหรับการสัมมนา “การให้ความรู้และคำแนะนำในการยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของสมาชิกวุฒิสภา” ในครั้งนี้ มีการบรรยายให้ความรู้เกี่ยวกับการยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของสมาชิกวุฒิสภา โดย นางศิรินุช ศิริสธนพันธ์ ผู้อำนวยการสำนักพัฒนาระบบตรวจสอบทรัพย์สินและคณะวิทยากรจากสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และมีการเปิดเวทีอภิปรายแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับแนวทางในการยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของสมาชิกวุฒิสภาอีกด้วย

กองทัพเรือ โดย ศบภ.ทรภ.1 พร้อมช่วยเหลือ ปชช. ประสบอุทกภัย

ศูนย์บรรเทาสาธารณภัยทัพเรือภาคที่ 1 (ศบภ.ทรภ.1) ตรวจความพร้อมด้านการบรรเทาสาธารณภัย ของหน่วยบรรเทาสาธารณภัยต่าง ๆ ในพื้นที่รับผิดชอบของ ศบภ.ทรภ.1 ให้พร้อมสำหรับการช่วยเหลือประชาชนได้อย่างทันท่วงที

วันที่ (26 ส.ค.67) เวลา 16.00 น. ศูนย์บรรเทาสาธารณภัยทัพเรือภาคที่ 1 โดย พลเรือโท สุระศักดิ์ สิงขรวัฒน์ ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 1 ในฐานะผู้บัญชาการศูนย์บรรเทาสาธารณภัยทัพเรือภาคที่ 1 (ศบภ.ทรภ.1) ตรวจความพร้อมของกำลังพล อุปกรณ์และยุทโธปกรณ์ ด้านการบรรเทาสาธารณภัย ของหน่วยบรรเทาสาธารณภัยต่าง ๆ ในพื้นที่รับผิดชอบของ ศูนย์บรรเทาสาธารณภัย ทัพเรือภาคที่ 1 เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการช่วยเหลือประชาชนได้อย่างทันท่วงที และเกิดประสิทธิภาพสูงสุด ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของผู้บัญชาการทหารเรือ ที่สั่งการให้ศูนย์บรรเทาสาธารณภัยในพื้นที่ต่างๆ ของกองทัพเรือ มีความพร้อมสำหรับการช่วยเหลือประชาชน ได้อย่างทันท่วงที
โดยมี หน่วยบรรเทาสาธารณภัยต่าง ๆ ในพื้นที่ รับผิดชอบของ ศบภ.ทรภ.1 เข้าร่วมตรวจสอบความพร้อม 6 หน่วย ประกอบด้วย

- ศูนย์บรรเทาสาธารณภัยทัพเรือภาคที่ 1
- กองเรือยุทธการ
- หน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน
- ฐานทัพเรือสัตหีบ
- หน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง
- กองเรือปฏิบัติการ ทัพเรือภาคที่ 1

นิราช/นันทพล ทิพย์ศรี ก012 ชลบุรี 0909535645

#ศูนย์บรรเทาสาธารณภัยทัพเรือภาคที่1
#FitForTheFuture
#เทิดทูนสถาบันยึดมั่นระเบียบวินัยประชาชนภูมิใจทะเลไทยมั่นคง 

GAC Aion Hyper เปลี่ยนชื่อเป็น HYPTEC โชว์หรูด้วยประตูปีกนก จัดเต็มทุกเทคโนโลยี

‘HYPER’ แบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าระดับไฮเอนด์ ได้ประกาศการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในการดำเนินธุรกิจ ด้วยการเปลี่ยนชื่อแบรนด์ใหม่เป็น HYPTEC และไม่ใช่เพียงแค่การเปลี่ยนชื่อแบรนด์เท่านั้น แต่เป็นการปรับปรุงภาพลักษณ์และกลยุทธ์ทางธุรกิจที่ครอบคลุมมากขึ้น สะท้อนถึงการก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ที่มุ่งเน้นเทคโนโลยีล้ำสมัยและการขยายตัวในตลาดโลกอย่างมีนัยสำคัญ

>>ความหมายและแรงบันดาลใจของ HYPTEC

การเปลี่ยนชื่อแบรนด์จาก HYPER เป็น HYPTEC เกิดจากการศึกษาวิจัยตลาดและความต้องการของลูกค้าทั่วโลกอย่างละเอียดลึกซึ้ง ชื่อ ‘HYPTEC’ ถูกออกแบบมาเพื่อสะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการสร้างสรรค์เทคโนโลยีที่ตอบโจทย์ความต้องการในยุคดิจิทัลอย่างเต็มที่ โดยชื่อแบรนด์มีที่มาจาก ‘Hyper’ สื่อถึงความสุดยอดและความเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า และ ‘Technology’ สื่อถึงการนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ไม่เพียงแค่หรูหรา แต่ยังล้ำหน้าด้วยคุณสมบัติทางเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่โดดเด่น

HYPTEC ตั้งเป้าที่จะเป็นสัญลักษณ์ของ ‘Hyper Technology Life’ เพื่อมอบประสบการณ์การขับขี่และเทคโนโลยีที่เหนือระดับให้กับผู้บริโภคทั่วโลก โดยมุ่งมั่นในการสร้างผลิตภัณฑ์ที่สามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่ต้องการเทคโนโลยีที่ทันสมัยและความสะดวกสบาย ทั้งในแง่ของการใช้งานและความรู้สึกที่ได้รับจากการขับขี่

>>‘สีส้ม HYPTEC’ สัญลักษณ์ของการเริ่มต้นใหม่

เพื่อเป็นการสะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ HYPTEC ยังได้เปิดตัวสีแบรนด์ใหม่คือ ‘สีส้ม HYPTEC’ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของพลังงานและความสดใส สีนี้ถูกเลือกมาเพื่อสะท้อนถึงการเริ่มต้นใหม่และการมองไปข้างหน้า นอกจากนี้ สีส้ม HYPTEC ยังหมายถึง ‘สิ่งดี ๆ ที่กำลังจะเกิดขึ้น’ ซึ่งเป็นการสื่อถึงพลังบวกและความมั่นคงในอนาคต

สีส้ม HYPTEC ยังสะท้อนถึงความมุ่งมั่นของบริษัทในการสร้างสรรค์นวัตกรรมที่สามารถสร้างผลกระทบในเชิงบวกต่อผู้บริโภคและตลาดโดยรวม โดยสีดังกล่าวจะถูกนำมาใช้ในการสร้างแบรนด์ให้เป็นที่จดจำในระดับสากล และเป็นสัญลักษณ์ของการเดินหน้าสู่ความสำเร็จในอนาคต
ขับเคลื่อนด้วยการวิจัยและพัฒนา

หนึ่งในจุดแข็งของ HYPTEC คือความมุ่งมั่นในการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีที่ล้ำหน้า ซึ่งไม่เพียงแต่จะตอบโจทย์ความต้องการในปัจจุบัน แต่ยังเตรียมความพร้อมสำหรับอนาคต ในระยะเวลาเพียงสองปี HYPTEC ได้ก้าวข้ามข้อจำกัดและความท้าทายหลายประการในวงการยานยนต์ไฟฟ้า โดย HYPTEC ได้คิดค้น วิจัย และพัฒนา มอเตอร์ไฟฟ้าที่ใช้เทคโนโลยี ‘นาโนคริสตัล-อโมฟอร์ม’ ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่เพิ่มระยะทางการเดินทางได้ถึง 100 กิโลเมตรต่อการชาร์จ รวมถึงเทคโนโลยีแบตเตอรี่ Magazine Battery 2.0 ที่มีความปลอดภัยและประสิทธิภาพสูง นอกจากนี้ยังมีการพัฒนาแพลตฟอร์มดิจิทัล HYPTEC OS ซึ่งเป็นระบบปฏิบัติการที่ออกแบบมาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความปลอดภัยในการขับขี่ในทุกสถานการณ์ 

HYPTEC ยังมีการปรับปรุงในด้านการสร้างประสบการณ์การขับขี่ที่หรูหราและทันสมัย รถยนต์ไฟฟ้าของ HYPTEC ไม่เพียงแค่มีเทคโนโลยีที่ทันสมัยที่สุดเป็นอันดับต้น ๆ ในตลาด แต่ยังถูกออกแบบให้มีความหรูหราสูงสุด ซึ่งสะท้อนถึงความต้องการของผู้บริโภคที่ไม่เพียงต้องการรถยนต์ที่มีประสิทธิภาพเท่านั้น แต่ยังต้องการรถยนต์ที่สามารถสะท้อนถึงสถานะและรสนิยมของตนเอง

การพัฒนานวัตกรรมเหล่านี้ทำให้ HYPTEC สามารถสร้างผลิตภัณฑ์ที่สามารถตอบสนองความต้องการของตลาดได้อย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นการนำเสนอระยะทางการขับขี่ที่ยาวนาน การชาร์จที่รวดเร็ว หรือการสร้างประสบการณ์การขับขี่ที่ล้ำสมัย HYPTEC ได้รับการยอมรับในฐานะแบรนด์ที่สามารถสร้างความประทับใจและความพึงพอใจสูงสุดให้กับผู้บริโภค

>>เปิดตัวสู่ตลาดโลก

HYPTEC ไม่ได้มองเพียงแค่การสร้างชื่อเสียงในตลาดภายในประเทศจีนเท่านั้น แต่ยังมุ่งมั่นที่จะขยายไปยังตลาดโลกอย่างจริงจังและยั่งยืน บริษัทได้วางแผนในการเข้าสู่ตลาดใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง โดยเริ่มจากการเปิดตัวในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (ประเทศไทย และ อินโดนีเซีย) และจะขยายตลาดไปยังภูมิภาคตะวันออกกลาง อเมริกาใต้ และยุโรป โดยมุ่งเน้นการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่สามารถแข่งขันได้ในระดับสากล โดยในเดือนตุลาคมที่จะถึงนี้ HYPTEC จะเข้าร่วมงาน Paris Motor Show ถือเป็นหนึ่งในก้าวสำคัญที่ HYPTEC จะได้นำเสนอแบรนด์สู่ตลาดภูมิภาคยุโรป เพื่อแสดงเทคโนโลยี นวัตกรรม และผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ นอกจากนี้ยังเป็นการตอกย้ำความมุ่งมั่นของ HYPTEC ในการสร้างชื่อเสียงและขยายตลาดในระดับโลกอย่างมีนัยสำคัญ

>>จาก HYPER สู่ HYPTEC ก้าวสู่อนาคตแห่งเทคโนโลยี

การเปลี่ยนชื่อแบรนด์จาก HYPER เป็น HYPTEC ไม่ได้เป็นเพียงแค่การเปลี่ยนชื่อเท่านั้น แต่ยังสะท้อนถึงวิสัยทัศน์ใหม่ที่มุ่งเน้นการสร้างสรรค์นวัตกรรมและการขยายตัวในตลาดโลก HYPTEC จะยังคงเดินหน้าพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการที่ดีที่สุดเพื่อให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์ที่เหนือระดับในทุก ๆ การขับขี่ ด้วยความตั้งใจที่จะนำเสนอเทคโนโลยีที่ทันสมัยและมีคุณภาพสูงสุดให้กับผู้บริโภคทั่วโลก ด้วยความมุ่งมั่นที่จะเป็นผู้นำในตลาดยานยนต์ไฟฟ้าระดับโลก HYPTEC มุ่งหวังที่จะสร้างความประทับใจและความพึงพอใจสูงสุดให้กับผู้บริโภค และนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่สามารถแข่งขันได้ในระดับสากล

สำหรับลูกค้าที่สนใจรถยนต์ไฟฟ้า AION รถยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะที่มาพร้อมกับฟีเจอร์และเทคโนโลยีอัจฉริยะระดับโลก สามารถเข้าไปทดลองขับได้ที่ศูนย์บริการ AION ทั่วประเทศ และสามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
Website : https://www.aionauto.com/
Facebook : https://www.facebook.com/AIONthailand
Instagram : https://www.instagram.com/aion_thailand/
X (Twitter) : https://x.com/AION_TH
Tiktok : https://www.tiktok.com/@aion_thailand
เลือกซื้อรถยนต์ไฟฟ้า เลือกแพลตฟอร์ม EV AION


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top