Monday, 9 June 2025
NewsFeed

'เสียงคนพื้นที่' ผู้รับกรรมจากการตัดงบเขื่อนแกนซีเมนต์ชะลอน้ำโดย 'ก้าวไกล' ความคึกคะนองในสภาฯ วันนั้น สร้างความเสียหายแก่ 'หลายจังหวัด' ในวันนี้

(26 ส.ค. 67) จากผู้ใช้เฟซบุ๊ก 'นฤเทพ กาละดี' ได้โพสต์ข้อความในฐานะคนที่อยู่ในพื้นที่ จ.น่าน ซึ่งได้รับผลกระทบจากภัยน้ำท่วม ระบุว่า...

เล่าให้เพื่อนฟัง...

เมื่อวันเสาร์ที่ 24 สิงหาคม 2567
ผมยังคงเข้าสวน ที่บ้านวังผา อ.ทุ่งช้าง จ.น่าน ไม่ได้
ทั้งที่เดิม ตั้งใจจะเข้าไปเพื่อล้างทำความสะอาด 
ฟื้นฟูสวนและกระท่อม เพราะยังคงมีฝนตกหนัก 
ระดับน้ำของแม่น้ำน่านที่ผ่านสะพานทุ่งช้างพัฒนา 
ยังมีขึ้น มีลง สลับกับไม่มีความแน่นอน...

"เพราะ #ไม่มีเขื่อนแกนซีเมนต์ชะลอน้ำ หรือ #ฝายแม้ว"

ฝายที่คอยปรับสมดุล การไหลหลากของน้ำฝนที่ตกสะสม
ถ้าเป็นไปได้ ผมและชาวบ้านที่อาศัยในพื้นที่ใกล้เคียง
เราอยากได้งบประมาณก้อนนี้ เพื่อสร้างเขื่อน
เขื่อนแกนซีเมนต์ชะลอน้ำ...

#ที่พรรคก้าวไกล อภิปราย #ตัดงบประมาณส่วนนี้ทิ้ง 

พวกเราอยากได้มันคืนกลับมา...

หลายวันแล้วที่ผมกลับไปดูคลิป 
ที่คุณ #วิโรจน์_ลักขณาอดิสร อภิปรายเสร็จ 
แล้วทำท่าโบกไม้โบกมือสะใจ #ยักไหล่เต้นออกสภาฯ  

ดูคลิปแล้ว #มันเจ็บปวดหัวใจเหลือเกิน 
เจ็บจนผมต้องหลั่งน้ำตา ด้วยความคับแค้นใจ

คุณวิโรจน์ จะรู้ไหมนะ...
ว่า สิ่งที่เขาทำอย่างคึกคะนองในสภาฯ วันนั้น
จะสร้างความเสียหายอย่างมหาศาล
ให้กับ คนน่าน แพร่ เชียงราย พะเยา 
และสุโขทัย ในวันนี้ 

แต่เรื่องมันผ่านไปแล้ว ขอได้แค่บันทึกไว้ 
เพื่อให้พรรคการเมือง ในระบบรัฐสภาไทย ทุกพรรค
ทั้งฝ่ายค้านและรัฐบาล ได้มองเห็นถึงโทษและประโยชน์ 
ของสิ่งที่จะเกิดกับประชาชนเป็นที่ตั้ง 

ไม่ใช่แค่เอาชนะคะคานกัน ด้วยความเชื่อส่วนตัว 

ตอนนี้ผมใคร่ขอความกรุณาต่อรัฐบาลและผู้มีอำนาจ
ช่วยหาหนทาง หาช่องทาง เจียดงบประมาณที่เหลือจ่าย
มาดำเนินการโครงการนี้ ให้จงได้ครับ 

จะว่าไป วงเงินก็ไม่ได้มากมายอะไรเลยครับ 
ไม่ถึง 100 ล้านบาท เท่าที่ผมจำได้แค่ 66 ล้านบาท 

แต่ความเสียหายที่เกิดขึ้นในวันนี้...
มูลค่ามากกว่า 200 ล้านบาท ไปแล้ว

'นฤเทพ กาละดี'
คนพื้นที่ ที่ได้รับผลกระทบ

'วัยรุ่นพม่า' ซุ่มตั้ง 3 ก๊วนใหญ่ในไทย 'ชาวเน็ต' จี้!! ฝ่ายมั่นคงทลายแก๊ง

(26 ส.ค. 67) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่โลกโซเชียลได้มีการแชร์คลิปของกลุ่ม RUK Gang ซึ่งเป็นกลุ่มวัยรุ่นชาวพม่า ที่ได้นัดรวมตัวกันที่ สวนหลวง ร.9 จนทำให้ชาวเน็ตต่างออกมาวิพากษ์วิจารณ์กันต่าง ๆ นานา ที่สำคัญหลายคนสงสัยว่า ทำไมเจ้าหน้าที่ หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกลับไม่มีการชี้แจง หรือจัดการอะไรกับกลุ่มคนพวกนี้ กลายเป็นประเด็นร้อนที่ทำเอาคนไทยส่วนใหญ่รู้สึกไม่สบายใจเป็นอย่างมาก 

ต่อมา วัยรุ่นชาย หนึ่งใน แก๊ง RUK GANG ได้ออกมาอัดคลิปขอโทษคนไทย ที่ไม่ได้ขออนุญาตใช้พื้นที่สวนหลวง ร.9 พร้อมอธิบายสาเหตุที่รวมตัวกันในวันดังกล่าว

ล่าสุด เพจ Look Myanmar ได้แชร์ข้อมูลจากเพจมุมมองเพื่อนบ้าน พร้อมระบุว่า...

ตามที่เพจมุมมองเพื่อนบ้านนำเสนอ ตอนนี้เหมือนจะมีแก๊งพม่าในไทยใหญ่ ๆ อยู่ 3 แก๊ง ประกอบด้วย แก๊ง RUK แก๊ง BAD BOY และแก๊ง 037 คงต้องจับตาดูกัน เพราะดูเหมือนมีกิจกรรมรวมตัวกันอยู่

ซึ่งหลังจากคลิปนี้ถูกเผยแพร่ออกไป มีชาวเน็ตเข้ามาคอมเมนต์กันเป็นจำนวนมาก เช่น…

- เชื่อไหมว่า อย่างน้อยครึ่งหนึ่งเข้าเมืองแบบผิดกฎหมาย ไม่ก็ลักลอบทำอาชีพสงวน

- ขึงขัง หน้าตึง กันทุกแก๊งเลย น่าจะกลับไปช่วยชาติบ้าง ชาติกำลังต้องการทหาร หนีมาไทยทำไมไม่รู้

- ระเบิดเวลา ภัยความมั่นคง

‘เคทีซี’ รวมพลังพนักงานจิตอาสาจัดกิจกรรม ‘ภาพนี้ให้คุณยายหัวใจฟู’ ‘ส่งต่อ-เสริมสร้าง’ ความสุขแก่ผู้สูงอายุไร้ที่พึ่ง เนื่องในเดือนแห่งวันแม่

(26 ส.ค. 67) บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ 'เคทีซี' เปิดเผยถึงแนวทางในการให้ความสำคัญกับการร่วมพัฒนาบุคลากรและดูแลคนไทยในสังคมให้มีความสุขทั้งกายและใจ และเมื่อประเทศไทยก้าวสู่สังคมผู้สูงวัยอย่างสมบูรณ์ จึงได้จัดกิจกรรม 'ภาพนี้ให้คุณยายหัวใจฟู' เพื่อส่งต่อกำลังใจและความห่วงใยเนื่องในเดือนแห่งวันแม่ โดยได้นำพนักงานเคทีซีจิตอาสาเดินทางไปเยี่ยมและทำกิจกรรมสร้างความผ่อนคลายให้กับผู้สูงอายุไร้ที่พึ่งกว่า 60 ชีวิต ณ สถานสงเคราะห์หญิงชราไร้ที่พึ่ง บ้านสุทธาวาส เฉลิมพระเกียรติฯ จังหวัดนครนายก

กิจกรรม 'ภาพนี้ให้คุณยายหัวใจฟู' เริ่มต้นด้วยการที่พนักงานเคทีซีชวนคุณยายร่วมกันวาดภาพระบายสีเพื่อทำการ์ดอวยพร ซึ่งช่วยส่งเสริมสมาธิและผ่อนคลายจิตใจ โดยพนักงานจิตอาสาของเคทีซีได้เรียนรู้การวาดภาพจาก ครูอ๋อ พิศิษฐ์ เอกสินสมบูรณ์ พนักงานเคทีซีที่เกษียณอายุและผันตัวเองเป็นครูสอนศิลปะเต็มตัว เพื่อมาถ่ายทอดการวาดภาพระบายสีแบบง่าย ๆ ให้กับคุณยาย และยังเป็นการสร้างความสัมพันธ์ที่อบอุ่นกับเหล่าผู้สูงวัยอีกด้วย 

ในขณะที่คุณยายเองได้ฝึกกล้ามเนื้อและคลายความเหงาไปกับกิจกรรมในบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความอบอุ่นและเพลิดเพลินกับมินิคอนเสิร์ตโดยวงเคทีซี อะคูสติกจากพนักงานจิตอาสา พร้อมรับประทานอาหารว่างและมอบเครื่องใช้อุปโภคบริโภคที่จำเป็น ซึ่งผู้บริหารและพนักงานร่วมกันบริจาคและนำมามอบให้กับมูลนิธิฯ เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระและเสริมสร้างความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นให้กับผู้สูงอายุภายใต้การดูแลของมูลนิธิฯ 

นางสาวปิยะสุดา แคว้นนนทรีย์ ผู้บริหารสูงสุด สายงานทรัพยากรบุคคล 'เคทีซี' หรือ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า "การได้เป็นส่วนหนึ่งของการสร้างความสุขและผ่อนคลายความกังวลให้ผู้สูงอายุผ่านกิจกรรม 'ภาพนี้ให้คุณยายใจฟู' เป็นหนึ่งพันธกิจที่เคทีซีให้ความสำคัญในการช่วยเหลือสังคมในมิติต่างๆ อย่างต่อเนื่อง โดยเปิดโอกาสให้พนักงานได้มีส่วนร่วมเป็น 'ผู้ให้' ในกิจกรรมต่าง ๆ ตามความถนัดและความสนใจ นอกเหนือจากการส่งเสริมให้พนักงานพัฒนาเสริมทักษะตนเองในด้านต่าง ๆ และหวังว่าโครงการนี้จะมีส่วนช่วยเติมรอยยิ้มและเสริมสร้างกำลังใจที่แข็งแรงให้กับผู้สูงอายุไร้ที่พึ่งอีกทางหนึ่ง และยังเป็นแรงบันดาลใจให้กับคนเคทีซีในการทำความดีและทำประโยชน์เพื่อสังคมต่อไป" 

นางสาวปิยฉัตร วงศาโรจน์ ผู้จัดการส่วนดูแล สถานสงเคราะห์หญิงชราไร้ที่พึ่ง บ้านสุทธาวาส เฉลิมพระเกียรติฯ เผยว่า "บ้านสุทธาวาส เฉลิมพระเกียรติฯ ดำเนินการช่วยเหลือดูแลที่พักพิงให้แก่หญิงชราที่ยากไร้ โดยได้รับความเห็นชอบให้เป็นหนึ่งในโครงการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ ซึ่งได้เปิดรับคุณยายท่านแรกตั้งแต่ปี 2557 จวบจนปัจจุบันเป็นเวลากว่า 10 ปี  โดยกิจกรรม 'ภาพนี้ให้คุณยายหัวใจฟู' ที่ทางเคทีซีได้จัดขึ้นนี้ เป็นสิ่งที่ช่วยเติมเต็มความสุขและความอบอุ่นให้กับผู้สูงอายุในมูลนิธิฯ อย่างมาก การได้รับการสนับสนุนจากเคทีซีเป็นสิ่งที่มีค่าและสำคัญในการช่วยดูแลและเสริมสร้างคุณภาพชีวิตให้กับผู้สูงอายุในมูลนิธิฯ ได้เป็นอย่างดี"

โดยคุณยายบ้านสุทธาวาสฯ ได้เผยถึงการเข้าร่วมกิจกรรมในวันนี้ว่า "รู้สึกดีใจมากที่มีหน่วยงานหรือองค์กรให้ความสำคัญ มีคนมาหาและทำกิจกรรมด้วยกัน รู้สึกอบอุ่นหัวใจ มีกำลังใจ ขอบคุณทุกคนที่ทำให้วันนี้เป็นอีกหนึ่งวันที่มีความสุขมาก"

 

‘อ.เฉลิมชัย’ ชวนนักวาดทั่วไทยขายภาพผ่าน ‘สมาคมขัวศิลปะ’ ระดมเงินทุนบริจาคช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม จ.เชียงราย

วันนี้ (26 ส.ค. 67) อาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ศิลปินแห่งชาติชาวเชียงราย ได้เผยแพร่คลิปเชิญชวนให้ผู้ชื่นชอบในผลงานทางศิลปะได้หาซื้อผลงานทางเพจสมาคมขัวศิลปะชื่อ ‘ขัวศิลปะ’ เพื่อนำไปสมทบทุนช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม ตามโครงการ ‘จำหน่ายภาพเพื่อช่วยพี่น้องผู้ประสบภัยน้ำท่วม’

โดยศิลปินทั่วประเทศจะร่วมกันสร้างผลงานและส่งไปจำหน่ายที่สมาคม เมื่อได้เงินทุนจากการจำหน่ายจะส่งไปมอบให้กับ จ.เชียงราย เพื่อนำไปช่วยผู้ประสบภัยที่ อ.เทิง อ.ขุนตาล และ อ.เวียงแก่น อ.พญาเม็งราย จ.เชียงราย และนำไปใช้ภายหลังสถานการณ์กลับสู่ปกติต่อไป เช่น เยียวยา ซ่อมแซมอาคารบ้านเรือน ฯลฯ ผ่านหน่วยงานทางราชการที่รับผิดชอบภายในวันที่ 29 ส.ค.นี้ ผู้สนใจสอบถามและส่งผลงานทาง inbox ของเพจ,ไลน์ https://line.me/ti/p/OkrXpvf14A ,หรือโทร : 088-418-5431

อาจารย์เฉลิมชัย กล่าวว่าเกิดน้ำท่วมเชียงรายมากมายซึ่งตนได้ไปดูและช่วยเหลือเบื้องต้นไปแล้ว ขณะนี้บรรดาศิลปินยังได้นำผลงานออกมาจำหน่ายในราคาถูก 5,000 บาท ตนจึงขอเชิญชวนศิลปินที่อยากจะร่วมบุญนำผลงานส่งไปทางสมาคมขัวศิลปะได้ ส่วนตัวเองก็นำเงินสดไปบริจาคโดยตรงเลย

โดยจะนำรายได้ทั้งหมดส่งให้กับ จ.เชียงราย เพราะน่าเห็นใจพี่น้องประชาชนอย่างมาก เพราะทุกข์ยากลำบากจากน้ำท่วม ผู้สนใจขอเชิญเข้าไปดูในเพจ "ขัวศิลปะ" ได้และเมื่อเลือกซื้อแล้วนอกจากจะได้ทำบุญยังได้ภาพวาดที่งดงามไปอีกด้วย

ด้านอาจารย์สุวิทย์ ใจป้อม นายกสมาคมขัวศิลปะ กล่าวว่าจะมีการตัดยอดเงินซื้อผลงานทางศิลปะเพื่อนำไปช่วยเหลือน้ำท่วมภายในวันที่ 28 ส.ค.นี้ ในเวลา 18.00 น.จากนั้นจึงจะนำไปส่งมอบให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องภายในวันที่ 29 ส.ค.นี้ต่อไป

เปิดวลีล่าสุดของฝ่ายฟอกขาวต่างด้าวพม่า เพื่อสร้างความชอบธรรมให้อยู่ต่อ ทั้งที่นานวันคนกลุ่มนี้ มีแต่ทวีการกระทำที่ผิดกฎหมาย กระทบเจ้าของประเทศ

- กองทัพพม่าจ้างอินฟลูไทยสร้างความเกลียดชังเพื่อส่งคนพม่ากลับไปเป็นทหาร?
- แรงงานพม่าสร้างชาติไทย?

เชื่อไหมคะว่าครั้งแรกที่ เอย่า ได้ยินประโยคและคำเหล่านี้ก็เฉย ๆ แต่พอผ่านไปสักพักก็เริ่มมีเสียงอื้ออึงกับคำ ๆ เดิมนี้ที่หนาหูมากขึ้น จนต้องขอใช้พื้นที่ในฐานะสื่อมาชี้แจงทำความเข้าใจกันสักหน่อย

ตอนนี้มี 2 ประโยคในหมู่พวกคนพม่าที่เป็นคนใช้แรงงานพูดกันแทบจะเรียกว่าออกมาจากบล็อกแม่พิมพ์เดียวกันเลยก็ได้

ประโยคแรกที่หนาหูตามโซเชียลคือ 'แรงงานพม่า - สร้างชาติไทย' คือ คนไทยเราต้องการแรงงานจริงไหม คำตอบคือ จริงค่ะ แต่เราไม่เคยระบุนะว่า เราต้องการแรงงานพม่า เราต้องการแรงงานประเทศไหนก็ได้ที่ ขยัน อดทน ไม่ขี้เกียจและไม่สร้างปัญหา ดังนั้นควรทำความเข้าใจก่อนนะ

ส่วนอีกประโยคหนึ่งที่มาไม่นานนี้แต่เริ่มหนาหูมากขึ้นคือ มีการกล่าวอ้างว่า 'กองทัพเมียนมาจ้างเพจไทยที่สนับสนุนกองทัพสร้างความเกลียดชังระหว่างคนไทยกับคนพม่าในไทย เพื่อหวังส่งคนพม่ากลับไปเป็นทหารในเมียนมา'  

ข้อนี้ เอย่า ขอเป็นคนอธิบายให้ทราบกันดีกว่านะคะ

1. ถ้าเพจหลายเพจถูกจัดตั้งหรือจัดจ้างมาจริง จะมี Key Word มาให้คะ เพื่อให้เพจที่รับงานมาพยายามโปรโมต Key Word นี้ จนเป็นคนที่เสพเอาไปพูดต่อ 

ไม่ต้องคำว่าอะไรเลย แค่คำว่า 'พม่าสร้างชาติ' เนี่ย เป็นตัวอย่างที่ดีเลย โดยการนี้เชื่อว่ามีกลุ่มบางกลุ่มหนุนหลัง เพราะลำพังแรงงานพม่าไม่มาคิดเรื่องพวกนี้หรอกค่ะ จากที่เราอยู่กับเขามาหลายสิบปี เรารู้ว่าคนเหล่านี้คิดอะไร

2. ตามที่เพจหลายเพจเริ่มออกมาส่งเสียง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องพม่าเข้าเมืองผิดกฎหมายก็ดี พม่าทำอาชีพสงวนก็ดี พม่าออกไปชุมนุมในที่สาธารณะโดยไม่ได้ขออนุญาตทางการก็ดี หรือล่าสุดเรื่องหนุ่มพม่าบางบอน แม้หลายเพจจะพยายามออกมาแก้ต่าง แต่ถามว่า ถ้าเขาไม่ผิดจะมามอบตัวกับตำรวจทำไมคะ ก็เหมือนกับคนพม่าที่ฆ่าชาวต่างชาติที่พัทยาแล้วหนีไปมอบตัวกับ ตม. ขอให้ส่งกลับนั่นแหละ ไม่ต่างกัน  

เอาเป็นว่าทั้งหมดทั้งมวล มาจากการทำผิดกฎหมายในประเทศไทยทั้งนั้น พอโดนเขาแฉ โดนส่งกลับ อินฟลูฯ สายคุณก็รีบงับสร้างความชอบว่าเป็นเหยื่อ ถูกกระทำ เอาใหม่นะคะ!! คนที่ถูกกระทำคือ คนไทยและคนบริสุทธิ์ที่อยู่ในประเทศไทยค่ะ 

3. เรื่องเอาไปเป็นทหาร เรื่องนี้ เอย่า ไม่ทราบว่าจริงไหมนะ แต่เอย่ามีข้อมูลจากที่ไปคุยกับเพื่อนที่เป็นทหารมา เขาบอกว่า คนเป็นทหารไม่ได้เป็นกันง่าย ๆ นะ ถ้าไม่มีใจ ให้ปืน ให้อาวุธไป คนพวกนี้ก็เอาไปให้ศัตรูหมด 

จากจุดนี้ถามว่าระหว่างคนกับปืนในพม่าอะไรมีค่ามากกว่ากัน? 

ข้อนี้ เอย่า ขอยกคำกล่าวพี่ทหารกะเหรี่ยงคนหนึ่งให้ฟังว่า ในกะเหรี่ยงนี่ ชีวิตคนมีค่าถูกกว่ากระสุนปืน ดังนั้นจึงมีคลิปหลุดออกมาอย่างเช่น PDF ที่หนีออกจากค่ายถูกฆ่าปาดคอ เพราะกระสุนปืนมันแพงกว่าชีวิตของ PDF พวกนี้ไงละคะ  

ฉะนั้น เอย่า คิดว่าในสถานการณ์แบบนี้ ไม่มีใครเอาคนที่ไม่มีใจจะไปรบ ไปเป็นทหารหรอกค่ะ ไหนจะเปลืองค่าฝึก ค่าข้าว และสุดท้ายอาวุธที่เอาให้ไปรบก็จะไปอยู่ในมือศัตรูได้อย่างง่ายดายด้วยเช่นกัน 

4. สภาพการณ์ในเมียนมาปัจจุบันนี้ ไม่ได้มีเงินถุงเงินไทย ถ้าใครเสพข่าวฝั่งเมียนมาจะรู้ว่าสภาพการณ์ในเมียนมา ณ วันนี้เริ่มเหมือน Failure State คือ ขาดแคลนเงินคงคลังภาครัฐ 

ถามว่าถ้าผู้นำอย่าง มินอ่องหล่าย จะจ่ายค่า IO ให้อินฟลูฯ ไทยจริง ต้องจ่ายกันเท่าไร เอาเป็นว่าเท่าที่แอดรู้คือ IO ของอดีตพรรคการเมืองที่เพิ่งถูกยุบพรรคไป มีเงินเข้ามานับล้านบาทต่อเดือน คิดว่ารัฐบาลเมียนมามีปัญญาจ่ายไหม ถ้าเขาจะทำเรื่องนี้จริง เขาทำไปตั้งแต่เขายึดอำนาจแล้ว ไม่รอมาทำจนมีวลีว่าจ้างอินฟลูฯ ไทยให้ฝั่งไทยจับพวกพม่าที่หลบหนีเข้าเมืองส่งกลับพม่าหรอก

5. สุดท้ายการเข้าเมืองผิดกฎหมาย มันเป็นความผิดระหว่างประเทศอยู่แล้ว การที่ทางการไทยจับคนเข้าเมืองผิดกฎหมายและผลักดันกลับประเทศนั้นไม่ได้ทำแค่ฝั่งพม่าอย่างเดียว ลาว, กัมพูชา รวมถึงประเทศอื่น ๆ ก็ทำ มันคือหน้าที่ของตำรวจไทย รวมถึงการที่ต่างด้าวทำผิดกฎหมายไทย และคำว่าต่างด้าวก็ไม่ใช่แค่ พม่า, ลาว หรือ กัมพูชา แต่รวมถึงทุกชาติที่ไม่ใช่คนไทย

การที่อินฟลูฯ สายต่อต้านกองทัพเมียนมาที่อยู่ดี ๆ ก็ออกมาสร้างวาทกรรมนี้ ถามว่าพวกคุณนับสิบเพจคิดออกพร้อม ๆ กันได้เลยเหรอ ขนาดอินฟลูฯ สายสนับสนุน เขายังไม่ได้ออกมาโจมตีประเด็นเดียวพร้อม ๆ กันเลย 

เอาที่ เอย่า ดูเหมือนแต่ละเพจ แต่ละคน ก็จะมีประเด็นแตกต่างกันไป ซึ่งแตกต่างจากฝ่ายต่อต้านที่ออกมารับลูกประเด็นเดียวกัน แบบนี้ใครควรถูกเรียกว่า IO ดีคะ

สุดท้ายก็คงต้องฝากทางการไทยในการสอดส่องดูแลนะคะ ว่าสุดท้ายรัฐบาลจะแคร์อะไรระหว่างกลุ่มชาติพันธุ์ กลุ่มเปราะบาง หรือคนส่วนใหญ่ในประเทศไทยที่จะได้รับผลกระทบจากคนเหล่านี้ ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว

'ราชตฤณมัยสมาคมฯ' ประกาศลุย Entertainment Complex 2 แสนล้าน ดึงดูด 'ต่างชาติท่องเที่ยว-เสริมสร้าง ศก.-ช่วยให้เกิดเม็ดเงินหมุนเวียน'

(26 ส.ค. 67) ฐานเศรษฐกิจ รายงานว่า นายปฐวี สุรินทร์ กรรมการบริหารราชตฤณมัยสมาคมแห่งประเทศไทย ได้เปิดเผยถึงการลงนามในเอ็มโอยูกับกลุ่มนักลงทุนที่จะเข้ามาร่วมทุน ‘The Royal Siam Haven’ เรียบร้อยแล้ว ส่วนพื้นที่ที่จะใช้ในการจัดทำโครงการนั้นขอยังไม่เปิดเผยรายละเอียด เพราะเป็นพื้นที่ใหญ่มาก

แผนการลงทุน 'The Royal Siam Haven' ครั้งนี้ถูกเปิดเผยเมื่อวันที่ 24 สิงหาคม 2567 ในการประชุม วันเสาร์ที่ 24 สิงหาคม 2567 ในวาระครบรอบ 108 โดยมี พลเอกจำลอง บุญกระพือ ประธานกรรมการอำนวยการราชตฤณมัยสมาคมฯ ซึ่งมีสมาชิกสามัญประจำปี 2567

ที่ประชุมได้เปิดตัวโครงการ Entertainment Complex มูลค่าการลงทุนกว่า 2 แสนล้าน ด้วยแนวคิดทันสมัยเข้ากับธุรกิจบันเทิงและการท่องเที่ยวเพื่อเชิญชวนให้ชาวต่างชาติมาท่องเที่ยวเสริมสร้างเศรษฐกิจและเม็ดเงินหมุนเวียน โดยมีแนวคิดที่สอดคล้องกับโลกยุคปัจจุบันในชื่อ 'The Royal Siam Haven'

ทั้งนี้ที่ประชุมได้มีการเปิดตัว Project แบบครบวงจร World Class ระดับเอเชียซึ่งจะเป็นทั้งสนามม้าแห่งใหม่ที่เป็นสนามม้าเพื่อการแข่งขันระดับสากล โรงแรมระดับ 6 ดาว สนามกอล์ฟที่กว้างขวาง ยอร์ชคลับ ภัตตาคารหรู โรงละคร โรงพยาบาล การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ศูนย์การเรียนรู้ และกิจกรรมกีฬาและบันเทิงอื่น ๆ อีกมากมายเพื่อความสมบูรณ์แบบ

การเปิดตัวภายในงานมีนักลงทุนจากทั่วโลกมาร่วมประชุมปรึกษาหารือพร้อมทั้งร่วมลงทุนภายในโครงการ The Royal Siam Haven ทั้งนี้การดำเนินงานดังกล่าวมีภาคเอกชนเป็นหลักในการขับเคลื่อนโครงการภายใต้ชื่อ บริษัท Royal Sport Complex จำกัด หรือ RSC ซึ่งเป็น Partner ร่วมกับราชตฤณมัยสมาคมฯ 

โครงการ The Royal Siam Haven ถือเป็นการลงทุนขนาดใหญ่ที่คาดว่าจะสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวของประเทศ ทั้งยังเป็นการยกระดับภาพลักษณ์ของสนามม้าไทยสู่มาตรฐานสากล

สสส. - มสส. จับมือสมาคมสื่อมวลชนจังหวัดตราด และสื่อมวลชนภาคตะวันออก เปิดเวทีถกปัญหา บุหรี่เถื่อน บุหรี่ไฟฟ้า แอลกอฮอล์

ผวจ.ตราด ย้ำบังคับใช้กฎหมายจริงจัง ใช้หลักศีลธรรมแก้ปัญหา ตำรวจเสนอเพิ่มบทลงโทษแก้ปัญหาบุหรี่ไฟฟ้า ด้านสื่อมวลชนเรียกร้องให้คณะกรรมการระดับจังหวัดทำงานอย่างจริงจัง

วันที่ 26  สิงหาคม 2567 ณ ห้องไพลิน โรงแรมเอวาด้า จ.ตราด สำนักงานกองทุนสนับสนุน การสร้างเสริมสุขภาพ(สสส.) ร่วมกับมูลนิธิสื่อเพื่อสุขภาวะ (มสส.) และสมาคมสื่อมวลชนจังหวัดตราด จัดการประชุมโฟกัส กรุ๊ปในหัวข้อ “ปลุกพลังสื่อภาคตะวันออก แก้ปัญหา บุหรี่-แอลกอฮอล์” โดยมี นายศักดา แซ่เอียว หรือ เซีย การ์ตูนนิสต์ หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ เป็นผู้ดำเนินรายการ

นายวิเชษฐ์ พิชัยรัตน์ กรรมการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ(สสส.) กล่าวว่า สสส.ได้สนับสนุนให้มูลนิธิสื่อเพื่อสุขภาวะทำงานกับสื่อมวลชนในส่วนกลางและภูมิภาคทั้งสื่อหนังสือพิมพ์ โทรทัศน์ วิทยุและสื่อออนไลน์ช่วยกันสร้างการรับรู้ สร้างความตระหนักและรณรงค์กับกลุ่มเป้าหมายทั้ง เด็ก เยาวชนและประชาชนทั่วไปต่อปัญหาและผลกระทบจากการสูบบุหรี่ บุหรี่ไฟฟ้า แอลกอฮอล์ สิ่งเสพติด การพนันและการพนันออนไลน์ โดยมุ่งเน้นการทำงานเชิงการป้องกันก่อนที่จะเกิดปัญหาต่อสุขภาพ เป็นที่รู้กันว่าบุหรี่ บุหรี่ไฟฟ้า แอลกอฮอล์หนีภาษีมักจะลักลอบนำเข้าผ่านจังหวัดต่างๆที่มีพรมแดน ติดกับประเทศเพื่อนบ้านทั้งภาคใต้ ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคตะวันออก โดยเฉพาะภาคตะวันออกที่ผ่านมามีการแถลงข่าวการจับกุมการลักลอบนำเข้าบุหรี่ผิดกฎหมายหลายครั้งทั้งที่ จ. สระแก้ว จันทบุรีและตราดโดยเฉพาะอำเภอคลองใหญ่ จ.ตราด วันนี้จึงเป็นเรื่องน่าดีใจที่ท่านผู้ว่าราชการจังหวัดตราดได้ให้ความสำคัญทั้งการรณรงค์และการปราบปรามบุหรี่หนีภาษีและบุหรี่ไฟฟ้าซึ่งเป็นอันตรายต่อสุขภาพกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างจริงจัง เวทีการประชุมระดมความคิดเห็นของสื่อมวลชนจังหวัดตราดและจันทบุรีเพื่อปกป้องเด็ก เยาวชนและประชาชนครั้งนี้จึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง

นายณัฐพงษ์  สงวนจิตร ผู้ว่าราชการจังหวัดตราดประธานกล่าวเปิดการประชุม พร้อมบรรยายในหัวข้อ “จังหวัดตราด : นโยบายแก้ปัญหาปัจจัยเสี่ยงสุขภาพ” ว่า จังหวัดตราดให้ความสำคัญกับการลดปัจจัยเสี่ยงทางสุขภาพโดยเฉพาะนักสูบ - นักดื่มแอลกอฮอล์หน้าใหม่ในสถานศึกษา รวมทั้งการสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชน มีเครือข่ายอาสาสมัครงดเหล้าทุกตำบล เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่ปลอดเหล้า ปลอดบุหรี่ พร้อมกับการบำบัดรักษา ส่วนผลกระทบที่เกิดจากแอลกอฮอล์ทำให้เกิดอุบัติเหตุในช่วงเทศกาลปีใหม่ มีคนเสียชีวิต 6 คน ช่วงเทศกาลสงกรานต์ 4 คน แม้ตัวเลขจะไม่สูงแต่คนที่เสียชีวิตกลับเป็นคนจังหวัดตราดทั้งหมด ไม่ใช่นักท่องเที่ยว ส่วนเรื่องการแก้ไขปัญหาบุหรี่ผิดกฎหมาย และบุหรี่ไฟฟ้า จังหวัดมีการจับกุมมาอย่างต่อเนื่อง มีการรณรงค์ให้งานบุญประเพณี งานปีใหม่ งานกาชาด ปลอดเหล้าปลอดบุหรี่ มีการจัดทำฐานข้อมูลร้านค้าชุมชนที่ขายเหล้า ขายบุหรี่ เพื่อเฝ้าระวังและบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง แนวทางแก้ปัญหาคือ ผู้นำจะต้องเป็นตัวอย่างที่ดี ถ้าผู้นำไม่ดื่มแอลกอฮอล์ ไม่สูบบุหรี่ ผู้ใต้บังคับบัญชา และประชาชนก็จะดูเป็นแบบอย่าง เช่นตัวเองเป็นคนที่ไม่สูบบุหรี่ ไม่ดื่มเหล้า ดังนั้นการแก้ปัญหาที่ดีที่สุด คือใช้ศีลธรรมนำหน้าสินทรัพย์ ทั้งศีล 5 และมรรค 8 จะทำให้สามารถแก้ปัญหาได้และทำให้บ้านเมืองรุ่งเรืองได้

นพ.ธนะวัฒน์ วงศ์ผัน นายแพทย์สาธารณสุข จังหวัดตราด กล่าวว่า 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา มีการจับกุมบุหรี่ไฟฟ้าครั้งใหญ่ที่สุดในประเทศที่จังหวัดปทุมธานี มีมูลค่ากว่า 46 ล้านบาท สะท้อนปัญหาของความรุนแรง ดังนั้นทำอย่างไรที่จะสร้างความตระหนักให้ผู้ที่นำเข้าและขายบุหรี่ไฟฟ้ากลัวที่จะขาย มีข้อสังเกตว่าทำไมบุหรี่ไฟฟ้าไม่เป็นที่นิยมในประเทศที่เจริญแล้ว แต่กลับได้รับความนิยมในประเทศแถบเอเชีย ควรจะมีการศึกษาวิจัยเรื่องนี้ ส่วนบทบาทสื่อมวลชน ควรมีการรายงานข่าวเจาะลึกว่าทำไม เด็ก ป.3 ถึงสูบบุหรี่ไฟฟ้าเพื่อให้สังคมได้รับรู้ และเป็นบทเรียนในการแก้ปัญหา ขณะเดียวกันปัจจุบันนี้การขายบุหรี่ไฟฟ้าไม่ได้ขายหน้าร้านอย่างเดียว แต่ขายแบบออนไลน์กันมากขึ้น เพราะฉะนั้นจะต้องมีการจับกุมให้มากขึ้น แล้วทำให้เข้าถึงบุหรี่ไฟฟ้าได้ยาก

นายแพทย์ณัฐพงษ์ บุญรอด  นายแพทย์ชำนาญการสาขา อายุรแพทย์โรคระบบการหายใจและเวชบำบัดวิกฤติการหายใจ โรงพยาบาลตราด กล่าวถึงปัญหาบุหรี่ไฟฟ้าว่า มีพิษภัยไม่ต่างจากบุหรี่มวน เพราะมีสารนิโคตินในประมาณเท่า ๆ กัน ผลกระทบของการสูบบุหรี่ไฟฟ้า จะมีทั้งเรื่องของอารมณ์ การเรียน เป็นอันตรายต่อสมอง มีผลต่อหัวใจและหลอดเลือด มีสารก่อมะเร็ง จากข้อมูลที่พบมีเด็กที่สูบบุหรี่ไฟฟ้าอายุต่ำสุด อยู่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 จากการตรวจคนไข้ พบว่าส่วนใหญ่จะมีปัญหาทางสังคมมาก่อน จึงไปพึ่งพาบุหรี่ และแอลกอฮอล์ โรงพยาบาลตราดมีคลีนิกเลิกบุหรี่ และแอลกอฮอล์ มีคนมาขอรับบริการจำนวนมาก สะท้อนให้เห็นว่าเป็นปัญหาที่ต้องช่วยกันแก้ไข

พ.ต.อ.มานพ ประสาท ผู้กำกับสอบสวน ตำรวจภูธรจังหวัดตราด กล่าวถึงนโยบายของสำนักงานตำรวจแห่งชาติในการจับกุมการกระทำความผิดเกี่ยวกับบุหรี่ไฟฟ้าว่า มีการให้กองบัญชาการ ตำรวจภูธรภาค จัดแบ่งโซนนิ่งตามความรุนแรงของสถานการณ์ของพื้นที่ที่มีการลักลอบจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้า ในส่วนของกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 ซึ่งรับผิดชอบจังหวัดภาคตะวันออก 8 จังหวัดนั้น จังหวัดตราด ถูกจัดให้เป็นพื้นที่สีเหลืองร่วมกับอีก 4 จังหวัดคือ นครนายก สระแก้ว ปราจีนบุรีและฉะเชิงเทรา ส่วนพื้นที่สีแดงถือว่าสถานการณ์รุนแรงกว่ามี 3 จังหวัดคือชลบุรีโดยเฉพาะเมืองพัทยา ระยองและจันทบุรี ซึ่งผลการ จับกุมบุหรี่ไฟฟ้าตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม – 21 สิงหาคม 2567 มีการจับกุมร้านค้าที่กระทำความผิด 4 ครั้งในพื้นที่ สภ.เกาะช้าง 2 ครั้ง สภ.เมืองตราด 2 ครั้ง โดยแยกของกลางที่จับกุมเป็น 4 ประเภทคือ เครื่องบุหรี่ไฟฟ้า 11 ชิ้น บุหรี่ไฟฟ้าแบบใช้แล้วทิ้ง 360 ชิ้น หัวน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้าแบบใช้แล้วทิ้ง 799 ชิ้น และน้ำยาบุหรี่ ไฟฟ้าแบบเติม 130 ขวด

ส่วนการจับกุมการลักลอบนำเข้าบุหรี่ผิดกฎหมายโดยหลีกเลี่ยงภาษีนั้นตั้งแต่ต้นปี 2567 จนถึงปัจจุบันมีการดำเนินการจับกุมจำนวน 6 ครั้ง ทั้งหมดเป็นผลการปฏิบัติหน้าที่ของสภ.บ้านท่าเลื่อน อ.เมือง จ.ตราด ที่รับผิดชอบถนนหมายเลข 3 จาก อ.คลองใหญ่ซึ่งอยู่ติดชายแดนประเทศกัมพูชามาถึง อ.เมืองตราด จำนวนบุหรี่ที่จับกุมได้ 79,760 ซอง หากนับจาก 1 ซองมี 20 มวนก็จะเป็นจำนวนทั้งสิ้นถึง 1,595,200 มวน สร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจของประเทศจากการลักลอบนำเข้าบุหรี่ผิดกฎหมายโดยไม่ติดอากรแสตมป์ทำให้รัฐขาดรายได้จากการจัดเก็บภาษี ส่วนแนวทางแก้ไข คือจะต้องมีการเพิ่มบทลงโทษทางกฎหมายให้รุนแรงขึ้น เพราะถ้าโทษเบา ผู้นำเข้าและผู้ค้าก็จะไม่เกรงกลัว และลักลอบนำเข้าและจำหน่ายมากขึ้น

นายจักรกฤชณ์ แววคล้ายหงษ์ นายกสมาคมสื่อมวลชน จังหวัดตราดในฐานะผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ และคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จังหวัดตราด กล่าวว่าจุดอ่อนของคณะกรรมการฯ คือมีอำนาจทั้งการบังคับใช้กฎหมายในการควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ การคุ้มครองสุขภาพของผู้ไม่สูบบุหรี่ และการบำบัดรักษา แต่ในทางปฏิบัติยังไม่บังคับใช้อย่างจริงจัง เห็นได้จากสถิติการจับกุมบุหรี่ต่างประเทศและบุหรี่ไฟฟ้าของจังหวัดตราด และจังหวัดจันทบุรี เหตุที่บุหรี่ไฟฟ้าเพิ่มมากขึ้นอีกเพราะราคาถูกกว่า มีการพัฒนารูปลักษณ์ใหม่ๆ ทั้งของเล่นเด็กหรือวัสดุ ใช้สอยของเด็ก นักเรียน ยางลบ ดินสอ ปากกา หรือตุ๊กตาซึ่งตรวจสอบได้ยากว่าเป็นบุหรี่ไฟฟ้าหรือเครื่องเขียน นี่คือสิ่งที่น่ากลัวสำหรับสังคมและลูกหลานของเรา จึงขอเสนอให้คณะกรรมการมีการประชุมมากขึ้น หรืออาจจะตั้งเป็นคณะทำงานมาทำหน้าที่ในการเฝ้าระวังและบังคับใช้กฎหมาย และขอให้สื่อมวลชนที่เข้าร่วมประชุมช่วยกันนำเสนอข้อมูล นโยบายการแก้ไขปัญหาปัจจัยเสี่ยงต่างๆของท่านผู้ว่าราชการจังหวัดตราดรวมทั้งความเห็นของวิทยากร กรรมการกองทุนสสส.และประธานมสส.ที่ร่วมมือกันจัดกิจกรรมที่เป็นประโยชน์ไปสู่สังคมโดยผ่านสื่อหรือช่องทางของทุกคนด้วย สุดท้ายนายอภิวัชร์ เกตุทัต ประธานมูลนิธิสื่อเพื่อสุขภาวะ (มสส.) กล่าวขอบคุณผู้เข้าร่วมประชุมพร้อมกล่าวย้ำถึงบทบาทของสื่อและผู้เกี่ยวข้องทุกภาคส่วนในสังคมระดับท้องถิ่นจำเป็นต้องผนึกกำลังร่วมกันมีบทบาทเกื้อหนุนเสริมกันเพื่อปกป้องเด็กและเยาวชนให้อยู่รอดปลอดภัยจากพิษภัยของบุหรี่และแอลกอฮอล์ที่มีผลต่อสุขภาพในวัยที่กำลังศึกษาเล่าเรียนเพื่อเป็นทรัพยากรมนุษย์และกำลังสำคัญในการนำพาพัฒนาสังคมประเทศชาติต่อไปในอนาคต

เจ้าหน้าที่ประสานงาน    

นางสาวอรฉัตร วัณณรถ เบอร์โทรศัพท์ 085-594-4551 / 094-970-3099

อดีตเซลล์แมน Lenovo ฟ้องบริษัทฯ 50 ล้านบาท โทษฐานไล่เขาออก เพราะแอบฉี่ในล็อบบี้โรงแรมหรู

‘ริชาร์ด เบคเกอร์’ อดีตพนักงานขายวัย 66 ปีของบริษัทผู้ผลิตคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลยักษ์ใหญ่ Lenovo ไม่คิด ไม่ฝันว่าในชีวิตเขาต้องมาทำเรื่องขายหน้าจนต้องถูกไล่ออกจากงาน ที่มีสาเหตุมาจากอาการป่วยเรื้อรังของตัวเอง 

เหตุเกิดขึ้น ราว ๆ เดือนกุมภาพันธ์ปีนี้ ที่ Westin Hotel โรงแรมหรูในย่าน Time Square ของมหานครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ในขณะที่ริชาร์ด เบคเกอร์ อยู่ระหว่างการประชุมนัดพบลูกค้า แต่ก็ต้องทนทุกข์ทรมานกับอาการกระเพาะปัสสาวะอักเสบ ที่ทำให้เขาต้องเดินเข้า-ออก เพื่อทำธุระในห้องน้ำไม่ต่ำกว่า 5 รอบ จนเดินไม่ไหว จึงแอบมาหลบฉี่ในมุมอับ ที่โถงทางเดินในบริเวณล็อบบี้ของโรงแรมนั้นเอง 

แต่ก็ไม่พ้นสายตาของคนในบริษัท ที่ทนเห็นพฤติกรรมไม่ไหว จึงได้แจ้งเรื่องถึงฝ่ายบุคคล อันเป็นเหตุที่ทำให้เบคเกอร์ถูกไล่ออกจากงาน จากการที่แอบปัสสาวะในล็อบบี้โรงแรม

อย่างไรก็ตาม ริชาร์ด เบคเกอร์ เห็นว่าเป็นการไล่ออกจากงานที่ไม่เป็นธรรม ซึ่งมั่นใจว่าเกิดจากความอาฆาต เคียดแค้นภายในองค์กร เขาจึงตัดสินใจจ้างทนายฟ้องเรียกค่าเสียหายจาก Lenovo เป็นเงินสูงถึง 1.5 ล้านเหรียญ (ประมาณ 50 ล้านบาท) ต่อศาลฎีกาในนิวยอร์ก เมื่อ 23 สิงหาคมที่ผ่านมา จากกรณีการเลิกจ้างพนักงานอย่างไม่ชอบด้วยกฎหมาย ในความผิดฐานเลือกปฏิบัติโดยพิจารณาจากความพิการทางร่างกาย ซึ่งละเมิดกฎหมายสิทธิมนุษยชนของรัฐนิวยอร์ก

นาย เบคเกอร์ ได้กล่าวถึงอาการป่วยด้วยโรคกระเพาะปัสสาวะของเขา เรื้อรังมาตั้งแต่ปี 2016 แล้ว ซึ่งตอนนี้กำลังรักษาโดยแพทย์เฉพาะทางด้านระบบทางเดินปัสสาวะ โดยทั้งผู้จัดการ และเพื่อนร่วมงานในบริษัทต่างก็ทราบถึงอาการป่วยของเขามาโดยตลอด

นอกจากนี้ เขายังได้ระบุตัวตนในเอกสารของศาลว่า เป็นผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมการขายคอมพิวเตอร์ และตั้งแต่ Lenovo ได้จ้างเขาในปี 2022 เขาก็ประสบความสำเร็จอย่างดีในหน้าที่การงานที่ได้รับมอบหมายในตำแหน่งผู้บริหารฝ่ายขายต่างประเทศ ที่ให้เขาได้รับรางวัลจากบริษัทมากมาย รวมถึงทริปไปคอสตาริกาด้วย 

และอ้างว่าผลงานของเขามีส่วนที่ทำให้ธุรกิจเติบโตถึง 200% จากการทุ่มเททำงานหนักให้กับบริษัท ทำให้อาการป่วยเขากำเริบ จนต้องแอบปล่อยฉี่ในบริเวณโถงทางเดินใกล้ล็อบบี้ ที่เขาเห็นว่าเป็นที่ลับตา ไม่น่ามีคนเห็น 

แต่สุดท้าย คนที่เห็นเต็ม ๆ คือรองประธานบริษัท Lenovo ที่เข้าร่วมประชุมลูกค้าในวันนั้นด้วย เขาจึงแจ้งเรื่องถึงแผนกบุคคล และพิจารณาเลิกจ้างนาย เบคเกอร์ หลังจากนั้นเพียง 4 วัน และจนกระทั่งวันนี้ เขายังหางานใหม่ไม่ได้เลย 

ทนายของนาย เบคเกอร์ กล่าวว่า ทางบริษัทปฏิบัติต่อลูกความของเขาอย่างไร้ความเห็นอกเห็นใจใด ๆ และไม่ให้โอกาสเขาได้อธิบายเรื่องราวกับฝ่ายบุคคลด้วยซ้ำ แม้การกระทำของเขาอาจจะดูน่ารังเกียจ แต่ไม่ใช่พฤติกรรมที่เป็นอันตรายต่อสังคม แต่บริษัทกลับละเมิดสิทธิ์ โดยการเลือกปฏิบัติต่อพนักงานที่มีความบกพร่องทางร่างกาย จึงเรียกร้องเงินชดเชยจาก Lenovo ถึง 1.5 ล้านเหรียญ

ด้านบริษัทผู้ผลิตคอมพิวเตอร์ Lenovo ไม่ได้ออกมาแสดงความเห็นในกรณีดังกล่าว แต่ทางโรงแรม Westin ได้ออกมาปฏิเสธว่า โรงแรมในสาขา Time Square ที่เกิดเรื่องนั้น ไม่มีพื้นที่ที่เรียกว่า ‘โถงทางเดิน ที่เป็นที่รโหฐาน’

จะมีก็แต่เพียงส่วนล็อบบี้ ที่เป็นพื้นที่สาธารณะ บริเวณชั้น 1 และ Concierge ที่ชั้น 2 และมีเสาคู่ขนาดใหญ่ไว้หลบมุมเท่านั้น และยืนยันว่าทางโรงแรมก็มีห้องน้ำให้บริการที่ล็อบบี้ 

'พีเค' เผยจุดพีกงานพิธีกร แค่ชั่วโมงครึ่งได้ค่าตัว 1 แสนบาท พ้อ!! ไม่คิดอายุ 50 ปี ต้องมานั่งนับหนึ่งใหม่ ลั่น!! ยังชอบทำงานที่สุด

(26 ก.ย. 67) 'พีเค ปิยะวัฒน์ เข็มเพชร' ได้ออกมาเล่าถึงการทำงานพิธีกรและเผยจุดพีก ผ่าน Thairath Talk ระบุว่า...ทำงานแค่ 1 ชม.ครึ่ง ได้ค่าตัว 1 แสนบาท แต่ก่อนที่จะมีชื่อเสียงจากการเป็นดีเจ ก็เริ่มมีเงินจากงานอีเวนต์ โดยงานพิธีกรแรกคือเปิดตัวเหล้า ไม่มีค่าตัว ได้ค่าตัวเป็นเหล้า 1 ขวด มิกเซอร์ 2 ขวด

จากนั้นลูกค้าก็พูดกันปากต่อปาก จนค่าตัวเพิ่มจาก 5 พัน เป็น 1 แสนบาท โดยได้เงินเท่าไหร่ ก็เอาไปใช้จ่ายหมด ทั้งบ้าน รถ คอนโด จนถึงตอนนี้ที่ตนอายุ 50 ปี ที่ควรจะเป็นจุดสูงสุดในชีวิต กลับต้องมานั่งนับ 1 ใหม่ แต่โชคดีที่บ้าน รถ คอนโด ผ่อนหมดแล้ว และไม่ต้องห่วงเรื่องหนี้สิน เพราะหากวันนี้ไม่ทำงานก็อยู่ได้ แต่ชีวิตตนชอบทำงานที่สุด

ส่อง 10 ประเทศที่มีการเติบโตของ GDP มากที่สุดในปี 2024

ปี 2024 เป็นปีที่โลกกำลังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจที่สำคัญ อัตราการเติบโตของ GDP ในบางประเทศสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว จากการเก็บรวบรวมข้อมูลของ IMF ได้ทำการจัดอันดับประเทศที่ GDP โตมากที่สุด โดยทั้ง 10 ประเทศนี้เป็นประเทศเกิดใหม่หรือ Emerging Market โดยทั้ง 10 ประเทศนี้ประกอบไปด้วย

1. อินเดีย
อินเดียเติบโตการขยายตัวของภาคบริการและเทคโนโลยี รวมถึงการลงทุนภายในประเทศที่มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง โดยคาดการณ์ว่า GDP จะโตได้ถึง 6.8%-7%

2. เวียดนาม
เวียดนามการเติบโตด้วยการเพิ่มขึ้นของอุตสาหกรรมการผลิตและการส่งออก โดยเฉพาะในกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์และสิ่งทอ โดยคาดการณ์ว่า GDP จะโตได้ถึง 6.2%-6.5%

3. บังกลาเทศ
บังกลาเทศยังคงเติบโตในภาคการผลิตเสื้อผ้าและสิ่งทอ และการบริโภคภายในประเทศที่เพิ่มขึ้น โดยคาดการณ์ว่า GDP จะโตได้ถึง 6.3%

4. ฟิลิปปินส์
เศรษฐกิจของฟิลิปปินส์เติบโตอย่างรวดเร็วจากการบริโภคภายในประเทศและการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน ภาคบริการที่ขยายตัว โดยเฉพาะการให้บริการด้านกระบวนการทางธุรกิจ (BPO) และการท่องเที่ยว โดยคาดการณ์ว่า GDP จะโตได้ถึง 6.1%

5. เคนยา
เคนยาเป็นหนึ่งในประเทศในแอฟริกาที่มีการเติบโตด้วยการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและการลงทุนในภาคเทคโนโลยี โดยคาดการณ์ว่า GDP จะโตได้ถึง 5.8%

6. กานา Ghana
เศรษฐกิจกานามีการเติบโตอย่างรวดเร็วจากการส่งออกน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ รวมถึงการพัฒนาภาคการเงินและบริการ โดยคาดการณ์ว่า GDP จะโตได้ถึง 5.7%

7. อินโดนีเซีย
อินโดนีเซียยังคงเติบโตจากการบริโภคภายในประเทศที่แข็งแกร่งและการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน โดยคาดการณ์ว่า GDP จะโตได้ถึง 5.3%-5.5%

8. จีน
จีนยังคงมีการเติบโตโดยได้รับแรงสนับสนุนจากการบริโภคภายในประเทศและนวัตกรรมในภาคเทคโนโลยี โดยคาดการณ์ว่า GDP จะโตได้ถึง 5.0%-5.5%

9. ไนจีเรีย
ปีนี้ไนจีเรียก็ยังคงมีการเติบโตในภาคพลังงานและการเกษตรอย่างต่อเนื่องส่งผลให้ GDP โตขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยคาดการณ์ว่า GDP จะโตได้ถึง 5.2%

10. ซาอุดีอาระเบีย
ซาอุดีอาระเบียมีการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจผ่านแผนวิสัยทัศน์ 2030 มุ่งเน้นการลดการพึ่งพาน้ำมันและการพัฒนาภาคเศรษฐกิจอื่น ๆ โดยคาดการณ์ว่า GDP จะโตได้ถึง 4.5%-5%

และถึงแม้ว่าประเทศไทยจะไม่อยู่ในกลุ่ม 10 ประเทศที่มีการเติบโตของ GDP สูงสุด แต่ประเทศไทยยังคงมีอัตราการเติบโตที่คาดการณ์ในระดับที่น่าพอใจ โดยในปี 2024 คาดว่า GDP ของประเทศไทยจะเติบโตประมาณ 2.3% ถึง 2.6% โดยถ้าโครงการดิจิทัลวอลเล็ตไม่สำเร็จก็อาจจะทำให้ GDP มาอยู่ที่ระดับกรอบล่างที่ 2.2% การเติบโต GDP นี้ได้รับแรงหนุนจากการฟื้นตัวของการท่องเที่ยว การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน และการขยายตัวของภาคการส่งออก แม้จะเผชิญกับความท้าทาย เช่น ความไม่แน่นอนทางการเมืองและการแข่งขันจากประเทศเพื่อนบ้านในการดึงดูดการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top