Tuesday, 10 June 2025
NewsFeed

'นิด้าโพล' ยก!! ‘พีระพันธุ์-รวมไทยสร้างชาติ’ คะแนนนิยมเพิ่มขึ้น คาด!! กระแสพุ่งอีก หลัง ‘อรรถวิชช์’ เสริมทัพ-กม.พลังงานใหม่คลอด

จากผลสำรวจโดยนิด้าโพล ครั้งที่ 2/2567 ระบุว่า ‘พีระพันธ์ุ สาลีรัฐวิภาค’ เป็นบุคคลที่ประชาชนจะสนับสนุนให้เป็นนายกรัฐมนตรีในวันนี้ ร้อยละ 6.85 เพิ่มขึ้นจากผลสำรวจของนิด้าโพลครั้งที่ 1/2567 ที่ร้อยละ 3.55 และผลสำรวจของนิด้าโพลเมื่อปี 2566 ที่ร้อยละ 2.40

คะแนนนิยมที่เพิ่มขึ้นของ ‘พีระพันธุ์’ มาจาก 'ภาพลักษณ์ที่ดี มีความน่าเชื่อถือ ทำงานด้วยความซื่อสัตย์ สุจริต' 

ทั้งนี้ ‘พีระพันธุ์’ หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ รักษาการรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ได้สร้างผลงานอันโดดเด่น ด้วยความมุ่งมั่นและตั้งใจที่จะ ‘รื้อ-ลด-ปลด-สร้าง’ เพื่อให้ราคาน้ำมันเชื้อเพลิงพลังงาน ซึ่งเป็นตัวแปรสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมของประเทศไทย มีความถูกต้อง เหมาะสม และเป็นธรรม ภายใต้นโยบายที่จะนำไปสู่การปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรมชัดเจน อันจะส่งผลให้ผู้บริโภค ‘พี่น้องประชาชนคนไทย’ ได้รับประโยชน์สูงสุดนั่นเอง

จากผลสำรวจเดียวกัน ‘พรรครวมไทยสร้างชาติ’ ได้รับคะแนนเป็นพรรคการเมืองที่ประชาชนจะสนับสนุนในวันนี้ ร้อยละ 7.55 เพิ่มขึ้นจากผลสำรวจของนิด้าโพลครั้งที่ 1/2567 ที่ร้อยละ 5.10 และผลสำรวจของนิด้าโพลเมื่อปี 2566 ที่ร้อยละ 3.20 

การที่พรรครวมไทยสร้างชาติได้รับคะแนนนิยมจาก ‘พี่น้องประชาชนคนไทย’ เพิ่มขึ้นนั้นก็เพราะการทำงานด้วยความมุ่งมั่นและตั้งใจของทีมงานของพรรคฯ ทุกคน ไม่ว่าจะมีหรือไม่มีตำแหน่งก็ตาม และได้ให้ความช่วยเหลือ ‘พี่น้องประชาชนคนไทย’ ในทุก ๆ เรื่องที่ร้องเรียนหรือขอความช่วยเหลือมายังพรรค ทั้งยังได้ตั้ง ‘สถานียุติธรรม’ เพื่อรับเรื่องราวความทุกข์ร้อนและดำเนินการช่วยเหลือแก้ไขปัญหาความทุกข์ร้อนของ ‘พี่น้องประชาชนคนไทย’ เหล่านั้นในทุกวิถีทางโดยรวดเร็ว พร้อมทั้งมีการติดตามผลจนกว่าการแก้ปัญหาทั้งหลายเหล่านั้นจะลุล่วง หรืออย่างน้อยก็ต้องบรรเทาเบาคลายลง

นอกจากจะได้รับคะแนนนิยมจาก ‘พี่น้องประชาชนคนไทย’ ที่มีต่อ ‘พีระพันธุ์’ หัวหน้าพรรคฯ และพรรค ‘รวมไทยสร้างชาติ’ ที่เพิ่มขึ้นแล้ว พรรคฯ ยังได้ ‘อรรถวิชช์ (เอ๋) สุวรรณภักดี’ มาร่วมงานอีกด้วย โดยเมื่อ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2567 ‘อรรถวิชช์’ ได้สมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรค ‘รวมไทยสร้างชาติ’ แล้ว

‘อรรถวิชช์’ นักการเมืองคุณภาพที่เปี่ยมไปด้วยประสบการณ์ เกิดวันที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2521 สำเร็จการศึกษาชั้นประถมศึกษาและมัธยมศึกษาจากโรงเรียนเซนต์คาเบรียล นิติศาสตรบัณฑิตจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ นิติศาสตรมหาบัณฑิต สาขากฎหมายการเงินการธนาคารจากมหาวิทยาลัยบอสตัน สหรัฐอเมริกา และ รัฐประศาสนศาสตรดุษฎีบัณฑิต มหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี และหลักสูตรศึกษาอบรมต่าง ๆ อีกมากมาย ผู้เป็นอดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรกรุงเทพมหานคร สังกัดพรรคประชาธิปัตย์ อดีตเลขาธิการพรรคกล้า อดีตรองหัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า ประธานกรรมาธิการกิจการชายแดนไทย กรรมการสภาสถาบันพระปกเกล้า

ก่อนเข้าสู่งานด้านการเมือง ‘อรรถวิชช์’ เคยรับราชการสังกัดสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กระทรวงการคลัง โดยมีผลงานอันโดดเด่นหลายเรื่อง อาทิ การปรับโครงสร้างหนี้ภาคประชาชน การกำกับดอกเบี้ยสินเชื่อส่วนบุคคลให้อยู่ในระดับร้อยละ 28 ต่อปี การกำกับธุรกิจบัตรเครดิต และการควบรวมกิจการบรรษัทเงินทุนอุตสาหกรรม ธนาคารทหารไทย และธนาคารดีบีเอสไทยทนุ รวมถึงงานร่างกฎหมายเกี่ยวกับการเงิน การธนาคาร หลายฉบับ

เส้นทางการเมืองของ ‘อรรถวิชช์’ เริ่มต้นในปี พ.ศ. 2550 ชนะการเลือกตั้ง เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร กรุงเทพมหานคร เขต 4 คือ เขตจตุจักร, บางซื่อ, หลักสี่ สังกัด พรรคประชาธิปัตย์ โดยร่วมทีมกับบุญยอด สุขถิ่นไทย และสกลธี ภัททิยกุล ต่อมา พ.ศ. 2554 ชนะการเลือกตั้ง เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร กรุงเทพมหานคร เขต 9 คือ เขตจตุจักร สังกัด พรรคประชาธิปัตย์ ในปี พ.ศ. 2558 เขาเข้ารับตำแหน่งที่ปรึกษาของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร หม่อมราชวงศ์สุขุมพันธุ์ บริพัตร 

ต่อมาเมื่อ 16 มกราคม พ.ศ. 2563 ได้ยื่นหนังสือลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์เพื่อไปร่วมก่อตั้งพรรคการเมืองใหม่กับกรณ์ จาติกวณิช อดีตรองหัวหน้าพรรคที่ลาออกแล้วก่อนหน้านั้น โดยรับตำแหน่งเลขาธิการพรรค พรรคกล้า ก่อนที่กล้าจะควบรวมกับพรรคชาติพัฒนาเป็นพรรคชาติพัฒนากล้า .ในปี พ.ศ. 2566 ‘อรรถวิชช์’ ได้เสนอกฎหมายปฏิรูปเครดิตบูโรภาคประชาชน ร่วมกับ สภาองค์กรของผู้บริโภค และวันที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2567 ‘อรรถวิชช์’ ได้สมัครเป็นสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ โดยเข้ามาร่วมในทีมกฎหมายของพรรคฯ

ต้องยอมรับว่า ‘กฎหมาย’ เป็นเครื่องมือสำคัญของสังคมที่จะทำให้บ้านเมืองขับเคลื่อนไปสู่ความเจริญข้างหน้าได้ด้วยความสุจริต เป็นธรรม และสุขสงบ แม้ ‘รวมไทยสร้างชาติ’ จะมี ‘พีระพันธุ์’ หัวหน้าพรรคฯ ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายเป็นอย่างยิ่ง มีผลงานปรากฏให้เห็นเป็นประจักษ์มากมายแล้ว แต่ด้วยภาระหน้าที่ในตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน พรรคฯ จึงต้องมีนักกฎหมายที่มีความสามารถมาเสริมความแข็งแกร่งให้กับทีมงานของพรรคฯ ที่ได้สร้างผลงานอันเป็นประโยชน์แก่ ‘พี่น้องประชาชนคนไทย’ แล้วมากมาย เพื่อให้ได้ผลงานคุณภาพเกิดประโยชน์โภคผลเพื่อมากขึ้นให้เท่าทันต่อความจำเป็น ความต้องการ และความเดือดร้อนของ ‘พี่น้องประชาชนคนไทย’ อันเป็นภารกิจที่เป็นพันธกิจที่ไม่มีวันสิ้นสุดของพรรค ‘รวมไทยสร้างชาติ’ ต่อไป

'รมว.ปุ้ย' เร่งต่อยอดความร่วมมือญี่ปุ่น เกื้อหนุน 'สตาร์ทอัป-อุตฯ สีเขียว' พร้อมส่งเสริมการลงทุนของผู้ประกอบการญี่ปุ่นในประเทศไทย

(22 ส.ค.67) นางสาวพิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม หารือผู้ว่าราชการจังหวัดไอจิ ประเทศญี่ปุ่น พร้อมด้วยเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย เพื่อต่อยอดความร่วมมือ ที่มีต่อกันมายาวนานกว่า 1 ทศวรรษ โดยเฉพาะด้านการพัฒนาเทคโนโลยีสมัยใหม่ เพื่อเปลี่ยนผ่านสู่ยุคอุตสาหกรรมสีเขียว (Green Industry) และการส่งเสริมการเติบโตของสตาร์ตอัปสู่เวทีสากล รวมถึงการสนับสนุนผู้ประกอบการไทยในการเข้าร่วมงานนิทรรศการที่ประเทศญี่ปุ่น การส่งเสริมการลงทุนของผู้ประกอบการญี่ปุ่นในประเทศไทย และการจัดงานเจรจาจับคู่ธุรกิจไทย - ญี่ปุ่น เพื่อเสริมสร้างเครือข่ายผู้ประกอบการและขยายช่องทางดำเนินธุรกิจร่วมกัน

รมว.พิมพ์ภัทรา เปิดเผยว่า ปัจจุบันรัฐบาลมีนโยบายในการเพิ่มศักยภาพของภาคอุตสาหกรรม ผ่านการพัฒนาทักษะแรงงานและการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัล เพื่อยกระดับการผลิตและพัฒนาห่วงโซ่อุปทานให้สอดรับกับการเปลี่ยนแปลงของโลกยุคใหม่ รวมถึงรณรงค์ให้ภาคอุตสาหกรรมปรับตัวเพื่อเปลี่ยนผ่านสู่ยุคอุตสาหกรรมสีเขียว (Green Industry) เพื่อสนับสนุนการเติบโตแบบสมดุลและยั่งยืน อีกทั้งยังเน้นเรื่องการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ พร้อมผลักดันการเติบโตของอุตสาหกรรมเป้าหมายที่มีศักยภาพและแนวโน้มการเติบโตสูง เพื่อเป็นกลไกสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ โดยเฉพาะอุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่ รวมถึงรถพลังงานไฟฟ้า (EV) และอากาศยาน อุตสาหกรรมดิจิทัล - สตาร์ตอัป, อุตสาหกรรมการแพทย์ และอุตสาหกรรม BCG โดยเฉพาะการรีไซเคิลและพลังงานทางเลือก จึงมีความเป็นไปได้สูงที่ประเทศไทยและประเทศญี่ปุ่นจะสามารถพัฒนาเทคโนโลยีอากาศยานร่วมกันได้ในอนาคต

รมว.พิมพ์ภัทรา กล่าวอีกว่า ความก้าวหน้าด้านการพัฒนาภาคอุตสาหกรรมและเศรษฐกิจของจังหวัดไอจิ ที่ส่งผลให้เกิดการพัฒนาเทคโนโลยีขั้นสูง ทั้งด้านเทคโนโลยีอากาศยาน พลังงานทดแทน และสตาร์ตอัป ดังนั้นกระทรวงอุตสาหกรรม จึงต้องการเร่งต่อยอดและขยายความร่วมมือไปสู่การร่วมคิดและร่วมสร้างสรรค์นวัตกรรมสำหรับภาคอุตสาหกรรม ผ่านการส่งเสริมและสนับสนุนผู้ประกอบการของ กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม หรือ ดีพร้อม (DIPROM) โดยเฉพาะกลุ่มสตาร์ทอัปไทยแบบครบวงจรเข้าร่วมศูนย์สนับสนุนธุรกิจสตาร์ทอัป STATION Ai ของจังหวัดไอจิ เพื่อสร้างเครือข่ายและแลกเปลี่ยนเรียนรู้เทคโนโลยีระหว่างกัน 

นอกจากนี้ ทางจังหวัดไอจิ ยังได้กล่าวถึงการจัดงานนิทรรศการ AXIA EXPO 2025 (Aichi Transformation International Asia) และ Smart Manufacturing Summit 2025 ที่จังหวัดไอจิ ในเดือนมิถุนายนปี 2568 ภายใต้ธีมงานเมืองอัจฉริยะแห่งอนาคต (Smart Future Cities) นวัตกรรมสำหรับอุตสาหกรรม 5.0 (Innovation for Industry 5.0) และการเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจสีเขียว (Green Transformation) พร้อมทั้งข้อเสนอพิเศษสำหรับผู้ประกอบการไทยในการออกบูธ และเข้าร่วมกิจกรรมย่อยในงานฯ 

ทั้งนี้ งานนิทรรศการดังกล่าวมีความสอดคล้องกับแนวทางการพัฒนาเศรษฐกิจ BCG และเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนของประเทศไทย ที่ได้มีการกำหนดไว้ภายในปี 2593 (Carbon Neutrality 2050) นอกจากนี้ กระทรวงอุตสาหกรรม ยังได้มีการนำแนวคิดการพัฒนาอุตสาหกรรมสีเขียว (Green Industry) มาเป็นส่วนหนึ่งของการกำหนดแนวทางการพัฒนาอุตสาหกรรมของประเทศไทยเพื่อให้ภาคการผลิตมีความยั่งยืนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอยู่ก่อนแล้ว 

ดังนั้น จึงได้มอบหมายให้ กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม หรือ ดีพร้อม (DIPROM) เร่งดำเนินการสนับสนุนและส่งเสริมให้ผู้ประกอบการไทยได้เข้าร่วมเพื่อแสดงผลงานและศักยภาพ ตลอดจนเชื่อมโยงเครือข่ายกับผู้ประกอบการต่างชาติ เพื่อแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ เทคโนโลยี และสร้างเสริมขีดความสามารถในการแข่งขันระดับสากลต่อไป

“ตั้งแต่ปี 2557 ที่กระทรวงอุตสาหกรรม โดย กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม และจังหวัดไอจิ ได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจ (MOU) ร่วมกันเพื่อร่วมกันสนับสนุนและยกระดับผู้ประกอบการในภาคอุตสาหกรรมไทย - ญี่ปุ่นนั้น ทั้งสองหน่วยงานได้มีการประสานความร่วมมือและจัดกิจกรรมต่าง ๆ ร่วมกันเป็นอย่างดี โดยปีนี้ถือเป็นวาระครบรอบ 10 ปี สำหรับความร่วมมือระหว่างกัน ดิฉันจึงขอใช้โอกาสนี้ในการขอบคุณ ท่านผู้ว่าราชการจังหวัดไอจิ สำหรับความร่วมมือที่ดีมาโดยตลอด และขอให้ท่านยังคงที่จะสนับสนุนและสานต่อความร่วมมือในการพัฒนาอุตสาหกรรมและเศรษฐกิจของทั้งสองฝ่ายให้เติบโตยิ่งขึ้น ในฐานะหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ของกันและกัน” 

"ทั้งนี้ นโยบายของรัฐบาลยังคงมุ่งเน้นไปที่การเพิ่มศักยภาพของภาคอุตสาหกรรม ผ่านการพัฒนาทักษะแรงงาน และการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัล รวมถึงการสร้างสตาร์ตอัป ผ่านการบ่มเพาะและสนับสนุนแบบครบวงจรด้วยระบบนิเวศ (Ecosystem) ที่เหมาะสมเพื่อเอื้อให้เกิดการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมเพิ่มมากขึ้น โดยมั่นใจได้ว่า ศูนย์สนับสนุนธุรกิจสตาร์ตอัป STATION Ai ของจังหวัดไอจิ จะเป็นส่วนสนับสนุนในการพัฒนาอุตสาหกรรมสตาร์ตอัป ของทั้ง 2 ประเทศ ได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังหวังว่าสายสัมพันธ์อันแน่นแฟ้น ระหว่าง กระทรวงอุตสาหกรรม และจังหวัดไอจิ ที่ดำเนินมาเป็นเวลายาวนานเกือบ 1 ทศวรรษนี้ จะเป็นปัจจัยสำคัญในการขับเคลื่อนกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมายที่รัฐบาลไทยตั้งเป้าพัฒนาศักยภาพ ให้เป็นกลไกสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ ยกตัวอย่าง เช่น อุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่ อุตสาหกรรมอากาศยาน และอุตสาหกรรมดิจิทัล ซึ่งมีความคล้ายคลึงกับอุตสาหกรรมหลักของจังหวัดไอจิ เพื่อให้เกิดเป็นประโยชน์สูงสุดแก่ภาคอุตสาหกรรมและเศรษฐกิจของทั้งสองประเทศ ที่จะเติบโตและก้าวหน้าต่อไปอย่างมั่นคงและยั่งยืนร่วมกัน" รมว.พิมพ์ภัทรา กล่าวทิ้งท้าย

'ชาวนนทบุรี' อึ้ง!! มวลน้ำจากเหนือกำลังมา แต่ประตูระบายน้ำ ถูกขโมยสายไฟหายเป็นปี

(22 ส.ค.67) นายประยูร อินสกุล ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมด้วย นายภณณัฏฐ์ ศรีอินทร์สุทธิ์ อดีต สส.นนทบุรี พรรคเพื่อไทย, นายภูมิวิทย์ นารถสกุล ผู้อำนวยการชลประทานนครปฐม, นายสุพจน์ สุวรรณจิตร ผู้อำนวยการชลประทานนนทบุรี นายผดุงศักดิ์ ผ้าเจริญ ผู้อำนวยการโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาพระพิมล และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง

ลงพื้นที่ตรวจสอบความพร้อมของ ประตูระบายน้ำคลองพระพิมล อ.บางเลน จ.นครปฐม เพื่อเตรียมพร้อมรับมือฤดูน้ำหลากที่กำลังจะมาถึง โดยคลองพระพิมลราชามีความยาว 31 กิโลเมตร เชื่อมต่อระหว่างแม่น้ำท่าจีน จ.นครปฐม กับแม่น้ำเจ้าพระยา จ.นนทบุรี ซึ่งจะมีประตูควบคุมน้ำทั้งสองด้าน

นายประยูร กล่าวว่า หลังได้รับแจ้งเกี่ยวกับมวลน้ำจำนวนมาก ที่กำลังไหลลงมาจากทางภาคเหนือ จึงได้แจ้งไปยังกระทรวงว่าโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาพระพิมล ยังไม่มีความพร้อมในเรื่องของการระบายน้ำ ทั้งที่โครงการคลองพระพิมลเป็นหัวใจสำคัญในการที่จะดูแลเกษตรกร ประชาชน อ.ไทรน้อย และ อ.บางบัวทอง แล้วยังเป็นแหล่งที่จะต้องรับน้ำที่ระบายมาจากโครงการเจ้าเจ็ด และโครงการพระยาบรรลือ

อย่างไรก็ตามเมื่อได้มาตรวจสอบ พบว่าสายไฟที่ต้องใช้ในการเตรียมความพร้อมเครื่องสูบน้ำ ถูกโจรกรรมหายไปหมดตั้งแต่ปีที่แล้ว ทั้ง ๆ ที่เดือน ส.ค. และ ก.ย. จะเข้าสู่ช่วงฤดูน้ำหลาก ซึ่งมีปริมาณน้ำฝนในพื้นที่รวมทั้งน้ำหลากที่มาจากทั้งสองโครงการแล้ว

ถ้าโครงการนี้ยังไม่ได้เตรียมความพร้อม เพื่อรับมือกับมวลน้ำไว้ จะทำให้พี่น้องประชาชนเกษตรกรใน อ.ไทรน้อย และ อ.บางบัวทอง รวมไปถึง อ.บางเลน จ.นครปฐม ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงตามมาอย่างแน่นอน

'สเวน โกรัน อีริคส์สัน' กล่าวอำลาหลังใกล้ถึงวาระสุดท้ายของชีวิต พร้อมขอบคุณทุกคนที่อยู่เคียงข้างมาตลอดทุกช่วงเวลา

(22 ส.ค. 67) สยามสปอร์ต รายงานว่า 'สเวน โกรัน อีริคส์สัน' ตำนานกุนซือชาวสวีดิช ส่งข้อความสุดท้ายเพื่อเป็นการสั่งลาทุก ๆ คน หลังเจ้าตัวป่วยหนักเป็นโรคมะเร็งตับอ่อนระยะสุดท้าย และมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นาน

อีริคส์สัน มีโอกาสได้กุมบังเหียนหลายสโมสรได้แก่ โกเตเบิร์ก, เบนฟิก้า, โรม่า, ฟิออเรนติน่า, ซามพ์โดเรีย, ลาซิโอ, แมนฯ ซิตี้ และ เลสเตอร์ รวมทั้งยังได้ทำหน้าที่ผู้จัดการทีมชาติอังกฤษด้วย

หลังจากวางมือจากการกุมบังเหียน อีริคส์สัน ก็เงียบหายไปจากวงการลูกหนัง แต่เมื่อไม่นานมานี้เจ้าตัวตกเป็นข่าวใหญ่หลังออกมายอมรับว่าถูกตรวจพบว่าเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย และมีชีวิตอยู่ได้อีกนาน

ตำนานกุนซือวัย 76 ปี ซึ่งเพิ่งจะสานฝันให้เป็นจริงในการคุม ลิเวอร์พูล ทีมรักในเกมการกุศลพบ อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม เมื่อช่วงต้นปีนี้ เปิดใจผ่านสารคดีที่ชื่อว่า ‘Sven’ ทางช่อง Amazon Prime เพื่อเป็นการสั่งลาหลังรู้ตัวว่าใกล้ถึงเวลาที่จะจากโลกนี้ไป

"ผมหวังว่าพวกคุณจะจดจำผมในฐานะคนที่มองโลกในแง่ดีซึ่งพยายามทำทุกอย่างที่เขาสามารถทำได้ ไม่มีอะไรต้องเสียใจ ยิ้มเข้าไว้ ขอบคุณสำหรับทุกสิ่งทั้งโค้ช, นักเตะ, แฟนบอล มันช่างน่าเหลือเชื่อ ดูแลตัวเองและดูแลชีวิตของคุณ ใช้ชีวิตให้คุ้มค่า ลาก่อน" อีริคส์สัน ระบุ

สำหรับสารคดี SVEN จะออกอากาศทาง Amazon Prime ในวันที่ 23 ส.ค. นี้

‘ชาวอินโดฯ’ ประท้วง!! หลังรัฐบาลพลิกคำตัดสินศาล รธน. ส่อเจตนาเอื้อประโยชน์ต่อพรรครัฐบาลผสมของ ‘โจโกวี’

เมื่อวานนี้ (21 ส.ค.67) ชาวอินโดนีเซียจำนวนมากออกมารวมตัวกันประท้วงรัฐบาลที่พยายามพลิกคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งมีคำวินิจฉัยเปิดโอกาสให้คู่แข่งจากพรรคการเมืองเล็ก ๆ เข้ามาร่วมลงสมัครรับเลือกตั้งด้วยได้

เรื่องนี้เกิดขึ้นหลังจากเมื่อวันที่ 21 ส.ค. ศาลรัฐธรรมนูญของอินโดนีเซียวินิจฉัยว่า พรรคการเมืองไม่จำเป็นต้องมีผู้แทนอย่างน้อย 20% ในสภานิติบัญญัติระดับภูมิภาคของตนจึงจะส่งผู้สมัครลงเลือกตั้งในสนามที่ใหญ่ขึ้นได้

คำวินิจฉัยดังกล่าวหมายความว่า พรรคเล็กที่มีฐานเสียงไม่มากจะมีโอกาสในการแข่งขันทางการเมืองกับพรรคใหญ่ที่มีอิทธิพลได้

อย่างไรก็ตาม ไม่ถึง 24 ชั่วโมงหลังคำวินิจฉัยดังกล่าว รัฐสภากลับยื่นร่างกฎหมายผ่านญัตติฉุกเฉินเพื่อพลิกคำตัดสินดังกล่าว ซึ่งทำให้เกิดการประณามอย่างกว้างขวาง เพราะเกรงว่าจะเป็นวิกฤตการณ์ทางรัฐธรรมนูญ

ผู้ประท้วงรวมตัวกันนอกรัฐสภาในกรุงจาการ์ตา รวมถึงเมืองใหญ่ ๆ อื่น ๆ เช่น ปาดัง บันดุง และยอกยาการ์ตา คาดว่ากฎหมายฉบับเร่งด่วนที่จะพลิกคำตัดสินบางส่วนของศาลจะผ่านสภาในช่วงบ่ายของวันที่ 22 ส.ค.

กฎหมายดังกล่าวจะเอื้อประโยชน์ต่อพรรคการเมืองในรัฐบาลผสมของประธานาธิบดี โจโก วิโดโด หรือ ‘โจโกวี’ ที่กำลังจะลงจากตำแหน่ง รวมถึง ปราโบโว สุเบียนโต ว่าที่ประธานาธิบดีที่กำลังจะขึ้นตำแหน่งในเดือน ต.ค. นี้

ถ้าคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญถูกพลิก จะทำให้ อานีส บาสวีดัน อดีตผู้ว่าการกรุงจาการ์ตา เมืองหลวงของอินโดนีเซีย และเป็นผู้ที่มักวิจารณ์รัฐบาล จะไม่สามารถลงสมัครชิงตำแหน่งผู้ว่าการกรุงจาการ์ตาได้

รัฐบาลอินโดนีเซียยังพยายามหาทางยกเลิกการตัดสินใจของศาลรัฐธรรมนูญที่จะคงอายุขั้นต่ำผู้สมัครรับเลือกตั้งไว้ที่ 30 ปี เพราะจะทำให้ กาเอซาง ปังงาเรพ ลูกชายวัย 29 ปีของวิโดโดลงเลือกตั้งระดับภูมิภาคในชวาตอนกลางไม่ได้

ผู้สังเกตการณ์กล่าวว่า การงัดอำนาจกันระหว่างศาลรัฐธรรมนูญของประเทศ กับรัฐสภาอินโดนีเซีย ซึ่งเต็มไปด้วยอิทธิพลของผู้สนับสนุนวิโดโด อาจก่อให้เกิดวิกฤตทางการเมือง

อย่างไรก็ตาม วิโดโดได้พยายามลดความสำคัญของข้อพิพาทนี้ลง โดยกล่าวว่า การแก้ไขคำวินิจฉัยดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของหน้าที่รัฐบาล ‘การตรวจสอบและถ่วงดุลอำนาจ’

ผู้ประท้วงคนหนึ่งที่ชื่อ โจโก อันวาร์ กล่าวว่า ผู้นำของประเทศดูเหมือนจะตั้งใจที่จะรักษาอำนาจของตนเองเอาไว้ ‘ในที่สุด เราจะกลายเป็นเพียงกลุ่มวัตถุที่ไร้อำนาจ แม้ว่าเราจะเป็นผู้มอบอำนาจให้กับพวกเขาก็ตาม ... เราต้องออกมาเดินขบวนบนท้องถนน เราไม่มีทางเลือกอื่น’

ตีตี อังไกรนี นักวิเคราะห์การเลือกตั้งจากมหาวิทยาลัยอินโดนีเซีย กล่าวว่า การที่รัฐสภาตัดสินใจเพิกถอนคำตัดสินของศาลถือเป็นการขัดต่อรัฐธรรมนูญ ‘นี่คือการขโมยรัฐธรรมนูญ’

‘Hot Pot Buffet’ ประกาศอำลาลูกค้า ปิดตำนานบุฟเฟต์ชื่อดังอีกหนึ่งแบรนด์

(22 ส.ค.67) ผู้สื่อข่าวรายงาน เพจเฟซบุ๊ก Hot Pot Buffet ซึ่งมีผู้ติดตามกว่า 1 ล้านคน ได้โพสต์ระบุว่า “Hotpot Buffet ขอขอบคุณลูกค้าทุกท่านที่เข้ามาร่วมแบ่งปันประสบการณ์ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ทางร้านต้องขอปิดตำนาน Hotpot Buffet ไว้เพียงเท่านี้ ขอบคุณครับ”

สำหรับร้าน HOT POT ก่อตั้งขึ้นในปี 2547 โดยชื่อร้านเดิมคือ ‘โคคาเฟรช สุกี้’ ก่อนจะจดทะเบียนเข้าตลาดหลักทรัพย์ในปี 2555 ด้วยกระแสนิยมการรับประทานร้านอาหารบุฟเฟต์ชาบูปิ้งย่าง ส่งผลให้ปีแรกที่เข้าตลาดหลักทรัพย์ HOT POT มีจำนวนสาขามากถึง 117 สาขา ก่อนที่จะมีคู่แข่งธุรกิจเข้ามาแย่งชิงส่วนแบ่งทางการตลาด ประกอบกับสภาพเศรษฐกิจ วิกฤตโรคระบาดอย่างโควิด-19 ตลอดจนปัจจัยอื่น ๆ ส่งผลให้ HOT POT ทยอยปิดสาขาที่ไม่ทำกำไรไปหลายแห่ง โดยในปี 2555 เหลือสาขาทั้งหมด 33 สาขา

กระทั่งในปี 2567 เหลือเพียง 4 สาขา และเมื่อวันที่ 22 สิงหาคม ก็ได้ประกาศอำลาลูกค้า ปิดตำนานบุฟเฟต์ดังไปอีกหนึ่งแบรนด์

รวบ 3 จีนเทาผู้ร้ายข้ามแดนแปลงสัญชาติวานูอาตูหัวหน้าเครือข่ายพนันออนไลน์ข้ามชาติและเป็นหัวหน้าจัดทำระบบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เงินหมุนเวียนกว่า 55,000 ล้านบาท

กก.4 บก.สส.สตม. ร่วมกับ กก.ปอพ.บก.สส.สตม. และ ตม.จว.ชลบุรี จับกุมคนต่างด้าว จำนวน 3 คน ได้แก่ นายซู (นามสมมติ) อายุ 47 ปี สัญชาติจีน/วานูอาตู ตามหมายจับศาลอาญา ที่ 407/2567 ลงวันที่ 18 มิ.ย.2567 ในความผิดฐานฉ้อโกงทรัพย์สินของรัฐและประชาชนและความผิดฐานเปิดบ่อนการพนัน (คาสิโน) (ออกหมายจับผู้ร้ายข้ามแดน) นำตัวส่งพนักงานอัยการ สำนักงานต่างประเทศ สำนักงานอัยการสูงสุด ดำเนินการตามกฎหมาย และจับกุมนางจาง (นามสมมติ) อายุ 46 ปี สัญชาติจีน/วานูอาตู และนายซู เจียง (นามสมมติ) อายุ 39 ปี สัญชาติจีน/วานูอาตู โดยกล่าวหาว่า เป็นคนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด นำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.หนองปรือ จว.ชลบุรี ดำเนินคดีตามกฎหมาย สถานที่จับกุม บ้านพักภายในซอยทุ่งกลม-ตาลหมัน 12 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จว.ชลบุรี

สืบเนื่องจาก สถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีน ประจำประเทศไทย มีหนังสือถึงกระทรวงการต่างประเทศ นำส่งคำร้องขอให้ทางการไทยจับกุมตัวชั่วคราวนายซู (นามสมมติ) อายุ 47 ปี สัญชาติจีน เป็นผู้ร้ายข้ามแดน เพื่อไปดำเนินคดีในความผิดฐานฉ้อโกงทรัพย์สินของรัฐและประชาชนและความผิดฐานเปิดบ่อนการพนัน(คาสิโน) ต่อมาพนักงานอัยการ สำนักงานต่างประเทศ สำนักงานอัยการสูงสุด ได้ยื่นคำร้องต่อศาลอาญาขอออกหมายจับชั่วคราวนายซู และได้ส่งหมายจับมายังสำนักงานตำรวจแห่งชาติเพื่อให้สืบสวนจับกุม

จากการสืบสวนของ กก.4 บก.สส.สตม. และ กก.ปอพ.บก.สส.สตม. พบข้อมูลว่านายซูได้ใช้หนังสือเดินทางประเทศวานูอาตูเดินทางเข้ามาในประเทศไทยแทนการใช้หนังสือเดินทางสาธารณรัฐประชาชนจีน นอกจากนี้ยังพบว่า นางจาง และนายซู เจียง ซึ่งเป็นเครือญาติของนายซูได้ถือหนังสือเดินทางประเทศวานูอาตูเดินทางเข้ามาในประเทศไทย ด้วย 

จึงได้ประสานสอบถามไปยังสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีน ประจำประเทศไทย เพื่อตรวจสอบประวัติของนางจาง และนายซู เจียง รับแจ้งว่า บุคคลทั้งสองมีสัญชาติจีน โดยนางจาง มีประวัติกระทำผิดในข้อหา ฉ้อโกงทรัพย์สินของรัฐและประชาชนและความผิดฐานเปิดบ่อนการพนัน (คาสิโน) ส่วนนายซู เจียง มีประวัติกระทำผิดในข้อหา เปิดบ่อนการพนัน (คาสิโน) เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนได้สืบทราบว่าทั้ง 3 คน มักจะมีพฤติการณ์ในการย้ายที่อยู่เพื่อให้ยากต่อการจับกุมตัว และหลังสุดได้ย้ายหลบหนีไปอยู่บ้านพักหรูภายในซอยทุ่งกลม-ตาลหมัน 2 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จว.ชลบุรี จึงได้ร่วมกันนำหมายค้นของศาลจังหวัดพัทยาเข้าทำการตรวจค้น ผลการตรวจค้นพบคนต่างด้าวทั้ง 3 คน พักอาศัยอยู่ที่บ้านหลังดังกล่าว และพบโทรศัพท์มือถือ คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กหลายรายการ และเอกสารต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการแปลงสัญชาติของบุคคลทั้งสามและบุตร ซึ่งจากการสอบถามนายซู ให้การยอมรับว่าเป็นบุคคลตามหมายจับผู้ร้ายข้ามแดนจริง และจากการตรวจสอบพบว่าทั้ง 3 คน ได้เดินทางเข้าประเทศไทยด้วยหนังสือเดินทางประเทศวานูอาตู โดยนางจาง และนายซู เจียง การอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรได้สิ้นสุดแล้ว จึงได้จับกุมทั้ง 3 คน ดังกล่าว

สำหรับพฤติการณ์กระทำความผิดของนายซู และนางจางได้ร่วมกันกับพวกจัดตั้งองค์กรชื่อ หญิงฟา ซึ่งจัดให้มีการเล่นคาสิโนออนไลน์ โดยมีศูนย์กลางอยู่ที่กรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ และในประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ มีบุคคลจำนวนเข้าเป็นสมาชิกในการเล่นการพนัน มีเงินหมุนเวียนกว่า 55,000 ล้านบาท โดยนายซู เป็นหัวหน้าแก๊ง คอลเซ็นเตอร์ที่เกี่ยวข้องกับการหลอกหลวงผู้อื่นทางระบบโทรคมนาคม โดยได้ทำการจัดตั้งระบบเว็บไซต์ และระบบต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับระบบหลังบ้านของขบวนการคอลเซ็นเตอร์ที่มีฐานอยู่ที่ดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์

🔍เปิด 5 วิชาที่ 'นักเรียน' อยากให้เลิก แต่ในโลกปัจจุบัน 'หนูๆ ควรเรียนนะ'

เมื่อไม่นานมานี้ เพจ ‘Thailand FACT Today’ ได้โพสต์ข้อความถึง 5 วิชาที่ ‘นักเรียน’ อยากให้ยกเลิก โดยระบุว่า…

>>พลศึกษา ส่วนตัวแอด นี่คือวิชา Relax ที่สำคัญเลยนะ เป็นวิชาที่แอดชอบมาก หลังจากเรียนเลขมา 4 คาบติด

>>กระบี่ กระบอง รร.แอด ใช้สอนโขนแทน ส่วนตัว ก็สนุกดีนะ

>>พระพุทธศาสนา อันนี้เรียนเหอะ สังคมไทยเละมากแล้ว มีอะไรมาดึง ๆ ไว้ก็ดี แต่อาจจะเปลี่ยนเป็น ศีลธรรม จริยธรรม เพราะในไทย เราก็มีหลายศาสนาอ่ะเนอะ แต่ทุกศาสนา ก็ขอให้คนทำดี ก็ให้ไปเน้นตรงคุณค่าของการทำดีไป

>>ประวัติศาสตร์ อันนี้ แอดชอบเรียนนะ ประวัติศาสตร์คือเรื่องของเหตุผล และเป็นการปลูกฝังความรักชาติ เรามีประวัติศาสตร์ น่าภูมิใจนะ แอดว่า หลายชาติ เขาไม่มี เขาก็พยายามสร้าง ของเรามีกับตัว ดันไม่เห็นคุณค่าซะงั้น

>>วิชาลูกเสือ เนตรนารี เอาจริง ๆ ก็คล้าย ๆ พละ เป็นวิชาเบา ๆ ผ่อนจากการเรียนหนัก ๆ Fuction สำหรับแอด มันอยู่ตรงนี้แหละ

แอด ว่าทุกวิชาล้วนมีความจำเป็น โดยเฉพาะประวัติศาสตร์ กับจริยธรรม ที่ควรจะเข้มกว่าเดิมด้วยซ้ำ เพราะสังคมไทยทุกวันนี้ มันเละเทะไปมากจริง ๆ

‘ครูสาว’ รังสรรค์อาหารกลางวันให้ ‘นร. 17 คน’ ด้วยงบ 504 บาท เมนูครบทั้ง ‘คาว-หวาน’ รับ!! มีเข้าเนื้อ-เหนื่อย แต่ทิ้งเด็กไม่ได้

(22 ส.ค.67) ผู้ใช้ติ๊กต็อก @kruduen245 ซึ่งเป็นคุณครูโรงเรียนบ้านดงดิบ ได้โพสต์วิดีโอขณะลงมือทำอาหารกลางวันให้นักเรียนจำนวน 17 คน ในงบประมาณ 504 บาท ด้วยตัวเอง พร้อมระบุว่า “ครูที่หมายถึงผู้ทำทุกอย่าง“ ซึ่งเมนูอาหารก็ครบทั้งอาหารคาว และของหวาน อาทิ ผัดเต้าหู้หมูสับ ผัดผักบุ้งหมูสับ และสาคูน้ำกะทิข้าวโพด เป็นต้น

ซึ่งก็มีคนเข้ามาถามว่า "มีโครงการแปลงเกษตรเพื่ออาหารกลางวันไหม ราคาวัตถุดิบค่อนข้างสูงเลยทุกวันนี้ ถ้ามีแปลงเกษตรของเด็ก ๆ น่าจะช่วยได้ระดับนึงค่ะ เป็นกิจกรรมการเรียนรู้ให้เด็ก ๆ ด้วยค่ะ" ซึ่งคุณครูตอบว่า ได้พยายามปลูกแปลงเกษตรแล้วแต่ที่ดินตรงนี้ปลูกอะไรไม่ค่อยติด ตอนนี้เลยหันมาปลูกกล้วยแทน 

ส่วนประเด็นที่มีคนถามว่าเข้าเนื้อคุณครูไหม เหนื่อยไหม เจ้าตัวก็ตอบว่า “เข้าค่ะ เมื่อวานตอนเก็บของ ล้างถ้วยแล้วลื่นล้มใส่โคลน ยอมรับค่ะว่าเหนื่อย แต่ก็ทิ้งเด็กไม่ได้ค่ะ”

ภายหลังจากที่โพสต์ดังกล่าวเผยแพร่ออกไป ได้มีเสียงชื่นชมครูสาวในการบริหารและลงมือทำอาหารได้น่ากิน


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top