Tuesday, 10 June 2025
NewsFeed

‘ประเสริฐ’ คุมเข้มข้อมูลรั่วไหล เผย ‘สคส.’ สั่งปรับเอกชน ‘7 ล้าน’ ปล่อยข้อมูลส่วนตัวประชาชนหลุดถึงมือแก๊งคอลเซ็นเตอร์

วันที่ 21 สิงหาคม 2567 นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) แถลงความคืบหน้าการป้องกันและแก้ไขปัญหาข้อมูลรั่วไหลภาครัฐ ภาคเอกชน รวมถึงการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่ใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของประชาชนไปกระทำความผิดกฎหมายที่สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (สคส.) กระทรวงดีอีว่า คณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญ คณะที่ 2 ที่รับข้อร้องเรียนเกี่ยวกับเทคโนโลยีและอื่นๆ ได้มีคำสั่งปรับบริษัทเอกชนรายใหญ่ของประเทศที่มีการซื้อขายสินค้าออนไลน์ ที่ปล่อยให้ข้อมูลส่วนบุคคลจำนวนมากรั่วไหลไปยังแก๊งคอลเซ็นเตอร์ โดยไม่มีมาตรการควบคุมดูแลรักษาความมั่นคงปลอดภัยตามที่ พ.ร.บ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 กำหนด รวมถึงบริษัทดังกล่าวไม่มีการแต่งตั้งเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (DPO) และละเลยไม่แจ้งเหตุละเมิดข้อมูลส่วนบุคคลที่รั่วไหลให้แก่สำนักงานคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลทราบภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด  โดยคณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญ คณะที่ 2 ได้มีคำสั่งลงโทษปรับทางการปกครองบริษัทดังกล่าวในอัตราสูงสุดรวมจำนวนทั้งสิ้น 7 ล้านบาท โดยมีรายละเอียดดังนี้

1) บริษัทที่ถูกร้องเรียนได้เก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าจำนวนมากกว่า 1 แสนราย  และใช้ข้อมูลดังกล่าวในการประกอบธุรกิจหลักของบริษัท แต่กลับไม่มีเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ตามที่กฎหมายกำหนด จึงทำให้เมื่อเกิดข้อมูลรั่วไหล บริษัทดังกล่าวไม่สามารถเยียวยาแก้ไขปัญหาได้ ซึ่งเป็นกรณีดำเนินการที่ขัดต่อมาตรา 41 แห่ง พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562

2) ผู้ถูกร้องเรียนดังกล่าวไม่มีมาตรการรักษาความปลอดภัยที่เหมาะสมตามที่ พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 กำหนด ทำให้ข้อมูลรั่วไหลจากบริษัทดังกล่าวไปยังกลุ่มมิจฉาชีพคือแก๊งคอลเซ็นเตอร์ และก่อให้เกิดความเสียหายในวงกว้าง การกระทำดังกล่าวจึงเป็นการกระทำที่ขัดต่อมาตรา 37(1) แห่งพ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562

3) เมื่อเกิดเหตุข้อร้องเรียนจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล บริษัทกลับเพิกเฉยไม่ดำเนินการแก้ไข และแจ้งเหตุให้สำนักงานคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลล่าช้า ทำให้ไม่สามารถเยียวยาได้ อันเป็นความผิดตามมาตรา    37 (4) พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562

นายประเสริฐ กล่าวว่า นอกจากนี้คณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญ คณะที่ 2 ยังมีคำสั่งให้บริษัทผู้ถูกร้องเรียนปรับปรุงมาตรการรักษาความปลอดภัย โดยที่ป้องกันไม่ให้ข้อมูลรั่วไหลอีก รวมทั้งได้มีคำสั่งกำชับให้บริษัทผู้ถูกร้องเรียนดำเนินการอบรมพนักงานเจ้าหน้าที่ รวมถึงเพิ่มเติมมาตรการรักษาความปลอดภัยให้ทันสมัย กับเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไป และมีหน้าที่ต้องแจ้งให้สำนักงานคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลทราบถึงมาตรการแก้ไขดังกล่าวภายใน 7 วัน นับแต่ได้รับคำสั่ง

“คำสั่งลงโทษปรับทางการปกครองดังกล่าว เป็นคำสั่งลงโทษปรับทางการปกครองฉบับแรกกับบริษัท เอกชนรายใหญ่ โดยคณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญ คณะที่ 2 ตั้งแต่ พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 มีผลใช้บังคับ ซึ่งเป็นไปตามหลักเกณฑ์ของกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของสหภาพยุโรปหรือ GDPR” นายประเสริฐ กล่าวย้ำ 

นายประเสริฐ กล่าวว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวง DE ได้แถลงเพิ่มเติมว่าคำสั่งปรับดังกล่าวต้องการคุ้มครองประชาชนจากปัญหากรณีแก๊งคอลเซ็นเตอร์และข้อมูลส่วนบุคคลรั่วไหลที่เป็นปัญหาหลักของประเทศในตลอดระยะเวลา 2 ปีที่ผ่านมา รวมถึงเป็นการแจ้งเตือนไปยังหน่วยงานภาครัฐและหน่วยงานภาคเอกชนที่มีข้อมูลส่วนบุคคลรั่วไหล ให้ต้องดำเนินการแจ้งสำนักงานคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลตามที่กฎหมายกำหนด โดยคำสั่งปรับทางการปกครองฉบับนี้จะใช้เป็นมาตรฐาน และบรรทัดฐานในการพิจารณาเรื่องข้อมูลรั่วไหลในภาครัฐ และภาคเอกชน ที่มีการร้องเรียนเข้าที่สำนักงานคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลต่อไป และผลจากการปรับครั้งนี้จะทำให้ภาครัฐและภาคเอกชนตื่นตัวในเรื่องการเคร่งครัดและปฎิบัติตาม พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 ให้มากขึ้น รวมถึงเป็นส่วนหนึ่งของมาตรการในการป้องปรามอาชญากรรมแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่เกิดขึ้น จากการนำเอาข้อมูลส่วนบุคคลของประชาชนที่มีอยู่มากในปัจจุบันไปใช้โดยผิดกฎหมาย นอกจากนี้มาตรการดังกล่าวยังช่วยในการเยียวยาบรรเทาความเสียหายให้กับเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลที่ข้อมูลส่วนบุคคลรั่วไหลจากเหตุดังกล่าวข้างต้น และสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนในการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลทางออนไลน์ทั้งภาครัฐและภาคเอกชนให้มากขึ้น

'WHO' ชี้!! การระบาด 'ฝีดาษลิง' ไม่รุนแรงแบบ 'โควิด-19' เหตุ!! เจ้าหน้าที่รู้วิธีการควบคุมการแพร่ระบาดของโรค

(21 ส.ค. 67) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ฮานส์ คลูก ผู้อำนวยการภาคพื้นยุโรปขององค์การอนามัยโลก (WHO) ออกแถลงการณ์ด่วนยืนยันว่า 'ไวรัสฝีดาษลิง' หรือ 'Mpox' นั้น ไม่ว่าจะเป็นสายพันธุ์ใหม่หรือเก่า ไม่ได้รุนแรงเหมือนกับการระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่ เนื่องจากเจ้าหน้าที่รู้วิธีการควบคุมการแพร่ระบาดของโรค

องค์การอนามัยโลก กล่าวต่ออีกว่า ทุกฝ่ายจะเลือกวางระบบเพื่อควบคุมและกำจัดโรคฝีดาษลิงทั่วโลก หรือโลกจะเข้าสู่วัฏจักรแห่งความตื่นตระหนกอีกครั้ง วิธีการตอบสนองในปัจจุบันและอนาคตจะเป็นบททดสอบที่สำคัญสำหรับยุโรปและทั้งโลก

โรคฝีดาษวานรเป็นการติดเชื้อไวรัสที่ทำให้เกิดแผลเป็นหนอง และมีอาการเหมือนไข้หวัดใหญ่ มักมีอาการไม่รุนแรง แต่สามารถเสียชีวิตได้ การระบาดของไวรัสฝีดาษลิง สายพันธุ์ เคลด1บี ทำให้เกิดความกังวลทั่วโลก เนื่องจากแพร่ระบาดได้ง่ายมากผ่านการสัมผัสใกล้ชิดตามปกติ ซึ่งผู้ติดเชื้อสายพันธุ์นี้ ได้รับการยืนยันเมื่อสัปดาห์ที่แล้วในสวีเดน และเชื่อมโยงกับการระบาดที่เพิ่มมากขึ้นในแอฟริกา ซึ่งเป็นสัญญาณแรกของการระบาดนอกทวีปแอฟริกา

โรคฝีดาษลิงติดต่อกันผ่านการสัมผัสทางกายภาพใกล้ชิด รวมทั้งการมีเพศสัมพันธ์ แต่ต่างจากโรคระบาดทั่วโลกครั้งก่อน ๆ อย่างเช่นโควิด-19 ที่ไม่มีหลักฐานแสดงให้เห็นว่าฝีดาษลิงสามารถแพร่กระจายทางอากาศได้ง่าย

ขณะนี้มีรายงานว่า มีผู้ป่วยฝีดาษลิงสายพันธุ์ เคลด 2 รายใหม่ประมาณ 100 รายในยุโรปเป็นประจำทุกเดือน และชี้ว่า การมุ่งเน้นไปที่สายพันธุ์ใหม่ เคลด 1 จะช่วยในการต่อสู้กับสายพันธุ์ เคลด 2 ที่มีความรุนแรงน้อยกว่า ซึ่งแพร่ระบาดไปทั่วโลกตั้งแต่ปี 2565

โดยเมื่อไม่นานนี้ องค์การอนามัยโลกประกาศให้โรคฝีดาษวานรเป็นภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุขระหว่างประเทศ เป็นครั้งที่ 2 ในรอบ 2 ปี เนื่องจากโรคฝีดาษลิงสายพันธุ์ใหม่ เคลด 1บี ระบาดอย่างรวดเร็วในแอฟริกา ทำให้มีผู้ติดเชื้อแล้วประมาณ 27,000 ราย และเสียชีวิตมากกว่า 1,100 ราย ส่วนใหญ่เป็นเด็กในสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโกก่อนจะลุกลามระบาดเข้าอีกหลายประเทศ

‘MBS’ โพสต์แสดงความยินดีแก่ ‘อุ๊งอิ๊ง’ หลังรับตำแหน่งนายกฯ ด้าน ‘นายกฯ ไทย’ ขอบคุณ พร้อมร่วมมือ ‘ซาอุฯ’ ในทุกมิติ

(21 ส.ค. 67) นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้โพสต์ข้อความผ่านแพลตฟอร์ม X ถึง เจ้าชายมุฮัมมัด บิน ซัลมาน บิน อับดุลอะซีซ อาล ซะอูด (His Royal Highness Prince Mohammed bin Salman bin Abdulaziz Al Saud) มกุฎราชกุมาร และนายกรัฐมนตรีซาอุดีอาระเบีย (MBS) ภายหลังพระองค์ได้ทรงโพสต์แสดงความยินดีกับนางสาวแพทองธาร ชินวัตร ในโอกาสรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี โดยพระองค์ทรงหวังว่า นายกรัฐมนตรีของไทยจะประสบความสำเร็จ ทำให้ประเทศ และประชาชนไทยพัฒนาและเจริญรุ่งเรือง

ส่วนข้อความรีโพสต์ของทาง นายกรัฐมนตรีของไทย ก็ระบุไว้ว่า “ข้าพระพุทธเจ้า สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ที่ใต้ฝ่าละอองพระบาททรงพระกรุณามีข้อความแสดงความยินดีถึงข้าพระพุทธเจ้าในโอกาสเข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของประเทศไทย โดยจากนี้ไปประเทศไทยจะเพิ่มพูนการเป็นหุ้นส่วนอันดีกับประเทศซาอุดีอาระเบียในทุกมิติ”

“ภูมิธรรม” ล้อมวงคุย พาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศ ร่วมมือทำงานเชิงรุก แก้ปัญหาประชาชน

วันที่ 21 สิงหาคม 2567 เวลา 14.30 น. นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ สนทนาร่วมกับพาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศ ณ ห้องประชุมมโนปกรณ์นิติธาดา ชั้น 12 สำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์ เพื่อรับฟังปัญหาอุปสรรคในการทำงานและข้อเสนอแนะในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจการค้าภูมิภาค โดยนายภูมิธรรมได้เปิดโอกาสให้พาณิชย์จังหวัดแสดงความคิดเห็นได้เต็มที่

นายภูมิธรรม กล่าวว่า ได้มีโอกาสมาพบกับทุกท่านอีกครั้ง ในรอบเกือบหนึ่งปีที่ผ่านมาซึ่งตนได้มีโอกาสลงพื้นที่ปฏิบัติภารกิจหลายจังหวัดทั้งในภารกิจของรองนายกรัฐมนตรีและภารกิจของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้พบกับพาณิชย์จังหวัดหลายท่านและมีการประชุมหารือและมอบหมายงานหลายครั้ง

ในช่วงที่ผ่านมามีหลายเรื่องที่ดำเนินการสำเร็จ ทั้งเรื่องราคาพืชผลการเกษตรที่ส่วนหนึ่งมาจากมาตรการบริหารจัดการพืชเกษตรทั้งตัวหลักและพืชเกษตรตัวรอง ทำให้พืชเกษตรราคาดีทุกตัว เกษตรกรมีรายได้มากขึ้น และการดำเนินมาตรการฟื้นฟูเศรษฐกิจของรัฐบาลที่จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประชาชน ขอให้ดำเนินการอย่างเข้มแข็ง และหลังจากนี้รัฐบาลชุดใหม่จะดำเนินโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจต่อไป หากมีปัญหาติดขัดในการดำเนินการขอให้แจ้งมาที่ส่วนกลาง และตนจะช่วยผลักดันเต็มที่ ซึ่งการทำงานอยากให้ประสานพาณิชย์จังหวัดกับทูตพาณิชย์ เป็นทีมพาณิชย์ทำงานเชิงรุกและร่วมมือกับภาคเอกชน ประสานความร่วมมือในจังหวัด กลุ่มผู้ประกอบการคนรุ่นใหม่ กลุ่ม YEC YSF และ Moc Biz Club ในจังหวัด ช่วยกันผลักดันซอฟต์พาวเวอร์ อัตลักษณ์ของท้องถิ่น แก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนและเกษตรกร ขอให้ทุกคนปฎิบัติหน้าที่อย่างเต็มที่ ดีใจที่ได้ร่วมงานกัน และขอขอบคุณทุกคนที่ช่วยกันทำงาน

ตำรวจไซเบอร์ บก.สอท.3 สร้างเขี้ยวเล็บด้านการสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี เสริมทักษะความชำนาญเฉพาะทาง

เมื่อวานนี้ (21 สิงหาคม 2567) เวลา 10.00 น. พล.ต.ต.สถิตย์ พรมอุทัย ผู้บังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 3 เป็นประธานพิธีเปิดโครงการฝึกอบรมเพิ่มความรู้และประสิทธิภาพด้านการสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี กองบังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 3 (บก.สอท.3) ณ ห้องประชุม เดอะกรีนเนอรี่ รีสอร์ท เขาใหญ่ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 20-22 สิงหาคม 2567 มีข้าราชการตำรวจในสังกัด บก.สอท.3 จำนวนทั้งสิ้น 160 นาย เข้ารับการฝึกอบรม

พล.ต.ต.สถิตย์ฯ กล่าวว่า บก.สอท.3 มีหน้าที่และอำนาจความรับผิดชอบเกี่ยวกับการสืบสวนสอบสวนคดีอาญา ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา กฎหมายว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ กฎหมายว่าด้วยการรักษาความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ และกฎหมายอื่นอันเป็นความผิดทางอาญาที่เกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยีและความผิดอื่นที่เกี่ยวข้อง ในพื้นที่ 20 จังหวัดภาคอีสาน 

ปัจจุบันในการสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ข้าราชการตำรวจจำเป็นต้องมีความรู้ทางกฎหมายที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งต้องมีความชำนาญในการใช้เทคโนโลยีและเครื่องมือพิเศษ ที่เป็นความรู้ความชำนาญเฉพาะทาง เพื่อให้สามารถวิเคราะห์และติดตามสถานการณ์อาชญากรรมทางเทคโนโลยี การเก็บหลักฐานพยานของกลางในระบบดิจิทัล เพื่อสนับสนุนการสืบสวนสอบสวน รวมถึงการตรวจพิสูจน์พยานหลักฐานทางดิจิทัลได้อย่างมีประสิทธิภาพ จึงมีนโยบายให้ดำเนินการโครงการฝึกอบรมเพิ่มความรู้และประสิทธิภาพด้านการสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ของ บก.สอท.3 ในครั้งนี้ เพื่อให้ผู้เข้ารับการฝึกอบรมนำความรู้ความสามารถ และทักษะต่างๆ ที่ได้จากการฝึกอบรม ไปใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อการปฏิบัติหน้าที่ในการดูแลประชาชน สร้างความสงบสุขแก่สังคม ให้ปราศจากอาชญากรรมทางเทคโนโลยี

ประชาชนแจ้งเบาะแส ตชด.23 ตรวจยึดยาบ้ากว่า 1,000,000 เม็ด

เมื่อวานนี้ 21 สิงหาคม 2567 เวลา 14.00 น. ที่ กองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดนที่ 23 อำเภอเมือง จังหวัดสกลนคร พ.ต.อ.วุทธยา สิงห์กิ้ง ผู้กำกับการตำรวจตระเวนชายแดนที่ 23, กองกำลังสุรศักด์มนตรี, ปลัดอำเภอเรณูนคร และสภ.เรณูนคร แถลงข่าวตรวจยึดยาเสพติด จำนวน  1,000,000 เม็ด 

เมื่อวันที่ 20 สิงหาคม ชุดปฏิบัติการข่าว กองร้อยตำรวจตระเวนชายแดนที่ 235 และ 236 ได้รับแจ้งจากสายลับว่ากระบวนค้ายาเสพติด จะลำเลียงยาเสพติดจากริมฝั่งแม่น้ำโขง พื้นที่ อำเภอบ้านแพง จว.นครพนมเข้าสู้พื้นที่ตอนใน จึงได้วางแผนสะกดรอยติดตาม แต่เป้าหมายรู้ตัวจึงได้นำยาเสพติดไปทิ้งแล้วหลบหนีไป ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งจากประชาชนในพื้นที่ ว่าพบวัตถุต้องสงสัยพบถุงดำจำนวน 5 ถุง คาดว่าจะเป็นยาเสพติดถูกวางไว้ที่ป่าหญ้าริมถนนเส้นทางระหว่างบ้านนางาม - บ้านนายอน้อย หมู่ 13 ตำบลนางาม อำเภอเรณูนคร จังหวัดนครพนม จึงได้ประสานการปฏิบัติกับ นปส.นครพนม, เจ้าหน้าที่ทหารจากกองกำลังสุรศักดิ์มนตรี, สภ.เรณูนคร, อำภอเรณูนคร และหน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่ วางกำลังดักซุ่มรอ ตั้งแต่เวลา 16.00 น. จนถึงเวลา 06.00 น.ของวันที่ 21 สิงหาคม ไม่พบผู้มารับสิ่งของ จึงได้ร่วมกันตรวจยึด และประสานพิสูจน์หลักฐานจังหวัดนครพนมเข้าเก็บหลักฐานและตรวจสอบของกลาง เบื้องต้นพบว่าเป็นยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) จำนวนประมาณ 1,000,000 เม็ด จึงได้นำส่ง สภ.เรณูนคร ดำเนินการคดีตามกฎหมายต่อไป 

พ.ต.อ.วุทธยา สิงห์กิ้ง ผู้กำกับการตำรวจตระเวนชายแดนที่ 23 กล่าวว่า ตามนโยบายของรัฐบาลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และกองกำลังสุรศักดิ์มนตรีในการแก้ไขปัญหายาเสพติดอย่างเร่งด่วน โดย  พล.ต.ท.ยงเกียรติ มนปราณีต ผบช.ตชด. ในฐานะหน่วยงานหลักด้านความมั่นคงแนวชายแดนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้เปิดยุทธการ"พิทักษ์ริมน้ำโขง" เพื่อกวาดล้าง และปราบปรามเครือข่ายยาเสพติด รวมถึงอาชญากรรมอื่นๆ ในพื้นที่แนวชายแดน โดยมอบหมายให้กองบังคับการตำรวจตระเวนชายแดนภาค 2 โดย พล.ต.ต.กิตติศักดิ์  ปลาทอง ผบก.ตชด.ภาค 2 เป็นหน่วยปฏิบัติ  

การปฏิบัติการครั้งนี้ เป็นที่สังเกต ได้รับข่าวสารจากมวลชนในพื้นที่ ซึ่งเป็นผลมาจากการเน้นหนักการปฏิบัติงานด้านมวลชนสัมพันธ์ของหน่วยงานความมั่นคง เพื่อสร้างเครือข่ายประชาชนในการป้องกัน ปราบปรามยาเสพติดในพื้นที่ ซึ่งปัจจุบันตำรวจตระเวนชายแดนและหน่วยงานความมั่นคง เริ่มได้รับความร่วมมือจากภาคประชาชนในการให้เบาะแสมากขึ้น ทั้งนี้ต้องขอขอบคุณประชาชน และขอความร่วมมือ ให้แจ้งเบาะแสเกี่ยวกับการกระทำผิดกฎหมายให้เจ้าหน้าที่ทราบ เพื่อนำไปสู่การจับกุมผู้กระทำผิดต่อไป

รรท.รอง ผบ.ตร. ขับเคลื่อนงาน ศพดส.ตร. ลงพื้นที่ป้องกันปราบปรามและแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ ภาคประมงในพื้นที่ จว.สมุทรสาคร

ตามนโยบายรัฐบาลที่ตระหนักและให้ความสำคัญในการแก้ไขปัญหาการกระทำผิดเกี่ยวกับเด็ก สตรี ครอบครัว การป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์และภาคประมง โดยมุ่งหวังให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติมีส่วนสำคัญในการแก้ไขปัญหาดังกล่าว

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ภายใต้การนำของ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. ได้นำนโยบายรัฐบาล มาสู่การปฏิบัติ โดยได้มอบหมายให้ พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผู้ช่วย ผบ.ตร.รรท.รอง ผบ.ตร.(มค)/ผอ.ศพดส.ตร. ขับเคลื่อนแก้ไขปัญหาดังกล่าวให้บรรลุผลสำเร็จเป็นรูปธรรมโดยเร็ว

วันนี้ พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผู้ช่วย ผบ.ตร.รรท.รอง ผบ.ตร.(มค)/ ผอ.ศพดส.ตร. เป็นประธานการประชุมหารือแนวทางการป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์ รูปแบบแรงงานประมงในพื้นที่ จว.สมุทรสาคร ณ  ห้องสาครบุรี ชั้น 4 อบจ.สมุทรสาคร เพื่อรับฟังปัญหาและข้อเสนอแนะ แนวทางป้องกันและปราบปราม และข้อขัดข้องเกี่ยวกับการดำเนินการด้านค้ามนุษย์ของภาคเอกชน ภาคประชาสังคม และหน่วยงานภาครัฐ โดยมี พล.ต.ท.สรไกร พูลเพิ่ม ที่ปรึกษา ศพดส.ตร. พล.ต.ต.พิพัฒน์ ชุ่มมณีกูล รอง ผบช.ภ.7 พล.ต.ต.สุระพรรณ นาทวรทัต ผบก.ภ.จว.สมุทรสาคร นายไพฑูรย์ มหาชื่นใจ ปลัดจังหวัดสมุทรสาคร นายอุดม ไกรวัตนุสสรณ์ นายก อบจ.สมุทรสาคร นายกมล ไกรวัตนุสสรณ์ รองนายกสมาคมการประมงสมุทรสาคร ผู้แทนหน่วย ภ.7, บก.รน., บก.ปคม., ตม.จว.สมุทรสาคร และ สันติบาล จว.สมุทรสาคร, พมจ., กอ.รมน., ศร.ชล., สวัสดิการและคุ้มครองแรงงานฯ, จัดหางานฯ, เจ้าท่าฯ, ประมงฯ, PIPO, แรงงานฯ และผู้ประกอบการภาคเอกชน รวมกว่า 30 ราย

พล.ต.ท.ประจวบฯ ได้เน้นย้ำความสำคัญของปัญหาการค้ามนุษย์ โดยเฉพาะการค้ามนุษย์ เด็ก สตรี แรงงานในพื้นที่ และแรงงานภาคประมง เนื่องด้วยมีผลต่อการจัดระดับ Tier ในรายงานสถานการณ์การค้ามนุษย์ (Tip Report) จากสหรัฐอเมริกา อีกทั้งได้หารือ รับฟังปัญหา ข้อขัดข้อง และข้อเสนอแนะ จากหน่วยงานภาครัฐและเอกชนในพื้นที่ จว.สมุทสาคร เพื่อเป็นข้อมูลนำเสนอ ตร.และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป

จากนั้นได้ร่วมกับผู้แทน ภ.7, ภ.จว.สมุทรสาคร, บก.รน., บก.ปคม., ตม.จว.สมุทรสาคร, ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล จว.สมุทรสาคร, สวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน จว.สมุทรสาคร และ สนง.เจ้าท่า ลงพื้นที่ตรวจสภาพการจ้างงานในเรือประมง เพื่อป้องกันการค้ามนุษย์และแรงงานผิดกฎหมาย ณ องค์การสะพานปลา จว.สมุทรสาคร

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีความมุ่งหวังว่าการระดมสรรพกำลัง ของเจ้าหน้าที่ตำรวจและทุกภาคส่วน ในการเร่งรัดปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับเด็ก สตรี ครอบครัว การป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์ และภาคประมงจะประสบผลสำเร็จ ตอบสนองนโยบายรัฐบาล เสริมสร้างความเสมอภาค เท่าเทียม และรักษาไว้ซึ่งศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ภายใต้กรอบของกฎหมาย ประชาชนและสังคมมีความสงบเรียบร้อยสืบไป

เลื่อนจนเลิก!! 'เอเชียนอินดอร์เกมส์' สร้างแรงเสื่อมเสียต่อความเชื่อมั่น ทลายเกียรติภูมิทางด้านกีฬาของไทยที่สะสมมาอย่างยาวนาน

เมื่อวานนี้ (21 ส.ค.67) เพจเฟซบุ๊ก ‘TNP Sports’ รายงานว่า หลังจากที่สภาโอลิมปิกแห่งเอเชีย (OCA) มีหนังสือยกเลิกสิทธิ์ จัดการจัดการแข่งขันกีฬา เอเชียน อินดอร์ และ มาร์ เชียลอาร์ตเกมส์ ของประเทศไทย จากปัญหาเรื่องงบประมาณที่ล่าช้า และกระชั้นชิดเกินไปสำหรับการจะจัดการแข่งขันในเดือน พ.ย.นี้

ล่าสุด คณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทย แถลงระบุเป็นเหตุการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนเป็นการเสื่อมเสียต่อความเชื่อมั่น เกียรติภูมิทางด้านกีฬาของไทยที่สะสมมาอย่างยาวนาน
ตามที่สภาโอลิมปิกแห่งเอเชีย (OCA) ได้ยกเลิกสิทธิ์ให้ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันอินดอร์มาเชียลอาร์ตเกมส์ ระหว่างวันที่ 21 - 30 พฤศจิกายน 2567 หลังเลื่อนการแข่งขันฯ ตั้งแต่ปี 2021 รวม 4 ครั้ง จนเหลือระยะเวลาอีกไม่ถึง 3 เดือน คณะกรรมการจัดการแข่งขันฯ ยังไม่สามารถดำเนินการตามเงื่อนไขที่ OCA กำหนดได้จนเป็นเหตุให้ต้องถอนสิทธิ์ ประเทศไทย นั้น

ในส่วนของคณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทยฯ ยอมรับว่ามีความกังวลเรื่องนี้มาโดยตลอด ซึ่งที่ผ่านมาได้เป็นตัวกลางในการช่วยประสานงานระหว่างคณะกรรมการจัดการแข่งขันฯ กับสภาโอลิมปิกแห่งเอเชีย (OCA) ในการดำเนินการ ตลอดจนการขอเลื่อนการแข่งขันมาโดยตลอด เพื่อรักษาไว้ซึ่งชื่อเสียงและเกียรติภูมิทางด้านกีฬาของประเทศไทย

กระทั่งเมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2567 ที่ผ่านมา OCA ได้จัดประชุมพิเศษคณะผู้บริหาร OCA เกี่ยวกับการถอนสิทธิ์ของประเทศไทย คณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทยฯ จึงได้มีหนังสือลงวันที่ 15 สิงหาคม 2567 ถึงสภาโอลิมปิกแห่งเอเชีย (OCA) ขอให้ชะลอการพิจารณาออกไปก่อน เนื่องจากจะมีการประชุมคณะกรรมการ จัดการแข่งขันของไทย เพื่อแก้ปัญหาต่าง ๆ ในวันที่ 19 สิงหาคม 2567 นี้ ซึ่งสภาโอลิมปิกแห่งเอเชีย (OCA) ได้ยินดีที่จะปฏิบัติตามคำร้องขอจากคณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทยฯ และ สภาโอลิมปิกแห่งเอเชีย (OCA) มีหนังสือถึง คณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทยฯ และคณะกรรมการจัดการแข่งขันฯ ว่าจะรอความคืบหน้าทางฝั่งไทย จนถึงวันที่ 19 สิงหาคม 2567 เวลา 17:00 น. โดยมีเงื่อนไขว่าทางไทย ต้องมีความชัดเจนใน 9 ประเด็น ประกอบด้วย

- เรื่องงบประมาณที่มีหลักฐานว่าคณะกรรมการจัดการแข่งขันมีงบประมาณเรียบร้อยแล้ว
- เรื่องสัญญาการจ่ายเงินในการเช่าสถานที่แข่งขันต่าง ๆ
- เรื่องการวางมัดจำโรงแรมที่พักและหลักฐานการจ่ายเงิน
- เรื่องการจ่ายเงินจัดจ้างระบบขนส่งต่าง ๆ
- การดำเนินการด้านสารต้องห้าม
- การจัดจ้างอาสาสมัครและการแต่งตั้งเจ้าหน้าที่ในการดำเนินงาน
- เรื่องการจัดจ้างบริษัทฯ ที่รับผิดชอบระบบ IT ของการแข่งขัน
- เรื่องของการจัดซื้ออุปกรณ์ที่ใช้ในการแข่งขัน
- สัญญาการจัดจ้างบริษัทจะจะปรับปรุงสนามแข่ง

‘โรนัลโด’ ทุบสถิติโลกหลังเปิดช่องยูทูบ UR·Cristiano ยอดผู้ติดตามทะลุ 1 ล้านซับ ทำเวลาเร็วสุด 90 นาที

เมื่อวานนี้ (21 ส.ค.67) ‘โรนัลโด’ นักเตะที่มียอดฟอลโลเวอร์ในอินสตาแกรมสูงที่สุดในโลกกว่า 636 ล้านฟอลโลเวอร์ ตัดสินใจเปิดช่องยูทูบในชื่อ ‘UR’ ที่เจ้าตัวเผยว่า จะมีการสัมภาษณ์แขกรับเชิญที่หลากหลาย และจะมี ‘จอร์จิน่า โรดริเกซ’ แฟนสาวของเขาเข้ามาร่วม

“ในช่องทางใหม่นี้ คริสเตียโน่ จะแบ่งปันคอนเทนต์ลูกหนังที่เขาลุ่มหลงเช่นเดียวกับความสนใจด้านอื่น ๆ ทั้งครอบครัว โภชนาการ การเตรียมความพร้อม การฟื้นร่างกาย การศึกษา และธุรกิจ ช่องทางนี้คุณจะได้เห็น คริสเตียโน่ สนทนากับแขกในหัวข้อต่าง ๆ”

ด้าน โรนัลโด้ ได้เปิดใจว่า “ผมมีความสุขที่ได้ทำโปรเจกต์นี้ มันอยู่ในใจของผมมานานแล้ว และสุดท้ายเราก็มีโอกาสทำให้มันเป็นจริง”

อย่างไรก็ตาม สำหรับช่อง UR · Cristiano ได้โพสต์วิดีโอลงในช่องยูทูบเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และมีทำลายสถิติโลก คนติดตาม 1 ล้านคนเร็วสุดด้วยเวลา 90 นาทีด้วย และหลังจากผ่านไป 3 ชั่วโมง ยอดผู้ติดตามก็ปาไปแล้ว 3.5 ล้านคน

‘ลิซ่า’ เตรียมขึ้นแสดงโชว์ MTV VMAs 2024 ที่นิวยอร์ก สเตจแรกของเพลง Rockstar พร้อมจ่อลุ้นรางวัลชิง 4 สาขา

(22 ส.ค.67) ตามรายชื่อที่ทาง MTV VMAs 2024 ประกาศออกมาล่าสุดมีทั้ง เบนสัน บูน, ฮัลซีย์, เลนนี คราวิทซ์ และ ลิซ่า BlackPink โดยการแสดงจะเริ่มในวันที่ 11 ก.ย.67 ตามเวลาท้องถิ่นสหรัฐฯ หรือเช้าวันที่ 12 ก.ย.67 เวลา 08:00 น. ตามเวลาประเทศไทย จาก UBS Arena เมืองนิวยอร์ก

ส่วนศิลปินที่ได้รับการประกาศรายชื่อไปก่อนหน้านี้มีทั้ง ซาบรินา คาร์เพนเทอร์, แชปเพล โรน, กรอริลลา, กามิลา กาเบโย และ ราอู อเลฮานโดร

ในส่วนของ เบนสัน บูน ถือว่ามาแรงกับเพลง Beautiful Things จากอัลบั้มเดบิวต์ Fireworks and Rollerblades ทางด้าน ฮัลซีย์ ก็จะกลับขึ้นเวทีอีกครั้งพร้อมผลงานเพลงจากอัลบั้มใหม่ ส่วน ลิซ่า จะเดบิวต์ขึ้นแสดงบนเวทีหลักของงาน MTV จากผลงานเพลง Rockstar ซึ่งเธอเองก็เพิ่งออกผลงานเพลงใหม่อย่าง New Woman กับ โรซาเลีย ก็ต้องมาลุ้นกันว่าจะมีการแสดงในเพลงนี้ด้วยหรือไม่ ส่วนตำนานร็อกสตาร์อย่าง คราวิทซ์ ก็จะกลับขึ้นเวที VMAs อีกครั้งในรอบ 25 ปีเลยทีเดียว

ส่วนทางด้านรายชื่อผู้เข้าชิงปีนี้ เทย์เลอร์ สวิฟต์ ยังคงนำโด่งที่ 10 สาขา ตามมาด้วย โพสต์ มาโลน ที่ 9 สาขา ซาร่า คาร์เพนเทอร์, อารีอานา กรานเด และ เอ็มมิเน็ม เข้าชิง 6 สาขา และตามด้วย เมแกน ธี สตอลเลียน กับ SZA เข้าชิงที่ 5 สาขา ส่วน ลิซ่า , โอลิเวีย โรดริโก และ เท็ดดี้ สวิม เข้าชิงที่ 4 สาขา

ทางด้าน แชปเพล โรน ถูกเสนอชื่อเข้าชิงสาขาศิลปินหน้าใหม่ยอดเยี่ยม ซึ่งสาขานี้มีทั้ง Shaboozey , เบนสัน บูน, เท็ดดี สวิม, ไทล่า และ กราซี อาบรัมส์

ทางด้าน ซาร่า คาร์เพนเทอร์ ไม่สามารถเข้าชิงสาขาศิลปินหน้าใหม่ได้เนื่องจากเธอมีประวัติการบันทึกเสียงที่ยาวนานพอสมควรจนถึงปี 2024 ซึ่งพิสูจน์ได้จากการปรากฏตัวของเธอในการถ่ายทอดสดงานประกาศรางวัล VMA เมื่อปีที่แล้ว อย่างไรก็ตามแม้ไม่ได้ชิงเวทีนี้ แต่เชื่อกันว่างานประกาศรางวัล Grammy จะตัดสินให้ ซาร่า คาร์เพนเทอร์ มีสิทธิ์เข้าชิงรางวัลในประเภทศิลปินหน้าใหม่ได้แน่นอน

เดิมการประกาศรางวัลถูกกำหนดไว้เป็นวันที่ 10 ก.ย.67 ตามเวลาท้องถิ่นสหรัฐ แต่เนื่องจากวันดังกล่าวมีการจัดโต้วาทีระหว่าง กมลา แฮร์ริส กับ โดนัลด์ ทรัมป์ ทาง MTV จึงขอเลื่อนเวลาช้าลง 1 วัน


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top