Sunday, 15 June 2025
NewsFeed

‘ชาวเน็ต’ อึ้ง!! หลังเจอประกาศรับสมัครงานตำแหน่งแอดมิน ฐานเงินเดือน 5,000 บาท ทำงาน 14 ชม. หยุดเดือนละ 2 วัน

(14 ส.ค. 67) กลายเป็นประเด็นขึ้นมาทันทีเมื่อเพจเฟซบุ๊ก 'Thai Work From Home งานประจำทำที่บ้าน' ที่มีผู้ติดตาม 2.2 แสนราย หลังจากที่มีผู้ใช้งานเฟซบุ๊กรายหนึ่งได้ประกาศหาพนักงานพร้อมระบุคุณสมบัติว่า…

"‼️รับสมัครแอดมิน Work from anywhere‼️ แอดมินร้าน skincare (งานจริง ไม่ใช่มิจฉาชีพ) ทำงานจากที่ไหนก็ได้ ไม่ต้องเข้าออฟฟิศ 

>> หน้าที่
1. เวลางาน 8.00-22.00
2. ตอบแชทลูกค้าเร็ว ภายใน 5 นาที ไม่ดองแชท
3. รับออเดอร์ ให้คำแนะนำผลิตภัณฑ์ เชียร์ขายสินค้า
4. อัปเดตสต็อกสินค้า
5. ลงสินค้าในกลุ่มไลน์
6. งานอื่น ๆ ที่ได้รับมอบหมาย เช่น แต่งภาพรูปสินค้า ตัดต่อวิดีโอง่าย ๆ คิดแคปชันขายสินค้า รวบรวมข้อมูลลูกค้า

>> คุณสมบัติ 
1. เพศ ญ. / LGBTQ+
2. อายุ 20-30 ปี ไม่มีภาระทางการเรียน
3. ไม่ทำงานอื่นหรือเป็นแอดมินร้านอื่น เนื่องจากลูกค้าทักมาทั้งวัน
4. จบการศึกษาขั้นต่ำ ม.6
5. อ่านภาษาอังกฤษได้ เนื่องจากชื่อสินค้าทั้งหมดเป็นภาษาอังกฤษ
6. ตอบแชทไวภายใน 5 นาที ไม่ดองแชท ทั้งกับลูกค้าและเจ้าของร้าน ในเวลางาน 8.00-22.00 ต้องตามตัวได้ตลอด
7. มีมารยาท สุภาพ ใจเย็น สามารถทำงานภายใต้คำสั่งได้ดี
8. ใช้โปรแกรม excel, google sheet พื้นฐานได้ (แค่พื้นฐานจริง ๆ คับ แค่ใส่สต็อกง่าย ๆ)
9. หากสามารถแต่งรูปสินค้าได้ หรือตัดต่อวิดีโอได้ จะได้รับการพิจารณาเป็นพิเศษ
10. สามารถเริ่มงานได้ทันที (มีการสอนงานให้เบื้องต้น)

>> ผลตอบแทน
1. เงินเดือน 5,000 + ค่าคอมมิสชั่น ยิ่งเชียร์ขายมาก ยิ่งได้ค่าคอมมาก (รวมแล้วประมาณ 6,500-9,000)
2. วันหยุด เดือนละ 2 วัน

งานนี้ทำเอาชาวเน็ตเข้ามาคอมเมนต์สนั่น อาทิเช่น เงินเดือนนี่พิมพ์เลข 1 ที่อยู่หน้าเลข 5 ตกไปปะคะ ช็อคเลย คุณสมบัติที่ต้องการเยอะมาก แต่เงินเดือน, ทำงาน 14 ชม. ต้องตามตัวได้ตลอด เงินเดือน 5,000, รวมค่าคอมด้วย ยังไม่ถึง 10,000 ทำ 14 ชม. หยุดเดือนละ 2 วัน ทำที่ไหนก็ได้ ค่าเน็ต ค่าไฟชาร์จแบต พนักงานจัดการเองหรอคะ ว้าวมาก

เชียงใหม่-ผบช.ภ.5 แถลงข่าวจับกุมกลุ่มวัยรุ่นทำร้ายร่างกาย ในพื้นที่ อ.สารภี จ.เชียงใหม่

ตำรวจภูธรภาค 5 แถลงข่าว "จับแก๊งอันธพาลเชียงใหม่ ไม่เข็ด มีดฟันเด็ก ถูกจับข้อหาหนักยกแก๊ง" เหตุเกิดพื้นที่ สภ.สารภี จ.เชียงใหม่โดยมี พล.ต.ท.กฤตธาพล  ยี่สาคร ผบช.ภ.5 เป็นประธานการแถลงข่าว จับกุมกลุ่มวัยรุ่นทำร้ายร่างกาย ในพื้นที่ อ.สารภี ณ ลานแถลงข่าว อาคารกองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 5 อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่

วันพุธที่ 14 สิงหาคม 2567 เวลา 11.00 น. ตำรวจภูธรภาค 5 ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.กฤตธาพล ยี่สาคร ผบช.ภ.5, พล.ต.ต.ไพศาล ลือสมบูรณ์ รอง ผบช.ภ.5, พล.ต.ต.วีรชน บุญทวี รอง ผบช.ภ.5,พล.ต.ต.วรพงศ์ คำลือ ผบก.สส.ภ.5, พล.ต.ต.ธวัชชัย พงษ์วิวัฒนชัย ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่, พ.ต.อ.กฤษดา พันธ์เกษม รอง ผบก.ฯ ช่วยราชการ ภ.จว.เชียงใหม่, พ.ต.อ.นพฤทธิ์ กันทา
ผกก.สส.ภ.จว.เชียงใหม่, พ.ต.อ.จิรภาส ศักดิ์สูง ผกก.สภ.สารภี, พ.ต.ท.โชติพัฒน์ แสงโรจน์ รอง ผกก.สภ.สารภี, พ.ต.ท.เสตกมล คนเที่ยง สว.สส.ฯ, ร.ต.อ.เสฏฐวัฒน์ พิเคราะห์ รอง สว.สส.ฯ, ร.ต.อ.ณรงค์ชัย ต๊ะปวน รอง สว.สส.ฯ, ร.ต.อ.ธวัชชัย ไกลถิ่น รอง สว.สส.ฯ, ร.ต.ต.สุวรรณ เกิดเวียงใหม่, ด.ต.ยงยุทธ พรหมมา, ด.ต.เทิดศักดิ์ คำลือ, ด.ต.ฐณธรณ์ ชูจิตต์, จ.ส.ต.กฤติกรณ์ ชัยยา, จ.ส.ต.ทศพล ปินต๊ะ, ส.ต.อ.อภิรักษ์ มณีทอง, ส.ต.อ.อาติยะ ทองลับแก้ว, ส.ต.อ.ณัฐพล อินทรา และ ส.ต.อ.ชนกันต์ คำกลาง

โดยเมื่อวันที่ 11 สิงหาคม 2567 เวลาประมาณ 03.55 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สารภี ได้รับแจ้งเหตุมีผู้ถูกกลุ่มวัยรุ่นทำร้ายบริเวณถนนหน้า หจก.บ้านอบอุ่นใจ ม.1 ต.ชมภู อ.สารภี จว.เชียงใหม่ โดยถูกอาวุธมีดฟันได้รับบาดเจ็บจำนวน 2 คน คือ นายวัชระพล โนทะวงศ์ อายุ 20 ปี ที่อยู่ 119 ม.9 ต.ดงมะดะ อ.แม่ลาว จว.ชียงราย ได้รับบาดเจ็บบริเวณศีรษะ ส่งโรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่รักษาตัว ด.ช.กิตติศักดิ์ กันอินทร์ อายุ 14 ปี ที่อยู่ 44 ม.9 ต.ดงมะดะ อ.แม่ลาว จว.เชียงราย ได้รับบาดเจ็บบริเวณขาอาการสาหัสต้องได้รับการผ่าตัด ส่งโรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่รักษาตัว

เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ออกสืบสวนติดตามหาผู้ก่อเหตุจนทราบว่ากลุ่มวัยรุ่นที่ก่อเหตุดังกล่าว ทราบว่าเป็นการก่อเหตุของแก๊งเยาวราช ซึ่งเป็นการรวมกลุ่มของกลุ่มวัยรุ่นใน อ.เมืองลำพูน ซึ่งได้นัดหมายกับแก๊งดอยหล่อ ซึ่งเป็นการรวมกลุ่มของกลุ่มวัยรุ่นใน อ.ดอยหล่อ สืบสวนจากพยานหลักฐานในที่เกิดเหตุทราบว่ากลุ่มผู้ก่อเหตุมีตำหนิรูปพรรณตรงกับกลุ่มของนายวัชรพันธ์ หรือบาส ยศนาทราย

ซึ่งเป็นแกนนำของแก๊งเยาวราช เคยมีประวัติการก่ออาชญากรรมมาก่อน จึงได้ติดตามตัวนายวัชรพันธ์ฯ จนพบพร้อมของกลางที่ได้ใช้ก่อเหตุ นายวัชรพันธ์ฯได้ให้การว่าได้นัดหมายกับกลุ่มของนายชาญณรงค์ บูญมี จาก อ.ดอยหล่อ จว.เชียงใหม่ บริเวณถนนเชียงใหม่-ลำปางได้เตรียมอาวุธมีด และระเบิดปิงปองที่ทำขึ้นเอง เพื่อออกไปทำร้ายร่างกายกลุ่มของคู่อริ (แก๊งหางดง HANGDONG) ที่บริเวณถนนเรียบทางรถไฟ

ต่อมากลุ่มของนายวัชรพันธ์ฯ และกลุ่มของนายชาญณรงค์ฯ ได้รวมตัวกันอยู่บริเวณแยกสารภี ได้เห็นนายวัชระพลฯ และด.ช.กิตติศักดิ์ฯ ผู้เสียหาย ขับรถจักรยานยนต์ผ่านกลุ่มของตนไป จึงได้เข้าใจว่าเป็นกลุ่มคู่อริจึงได้ขับรถจักรยานยนต์ตามไปจนกระทั่งถึงบริเวณถนนหน้า หจก.บ้านอบอุ่นใจ ม.1 ต.ชมภู อ.สารภี จว.เชียงใหม่ จึงได้แบ่งเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มแรกได้ร่วมกันทำร้ายนายวัชระพลฯ และกลุ่มที่ 2 ได้ร่วมกันทำร้าย ด.ช.กิตติศักดิ์ฯ โดยได้ใช้อาวุธมีด และระเบิดปิงปองที่พกพามาด้วยจนทำให้นายวัชระพลฯ และด.ช.กิตติศักดิ์ฯ ได้รับบาดเจ็บ ก่อนหลบหนีไป

จากการสืบสวนขยายผลพบว่า สามารถนำตัวผู้ต้องหามาดำเนินคดีแล้ว 8 คน คือ นายวัชรพันธ์ หรือบาส ยศนาทราย อายุ 21 ปี ที่อยู่ 37 ม.7 ต.ต้นธง อ.เมืองลำพูน จว.ลำพูน นายภานุวัฒน์ หรือนน คะละตัน อายุ 19 ปี ที่อยู่ 57/1 ม.5 ต.เวียงยอง อ.เมืองลำพูน จว.ลำพูน นายพุฒิพงษ์ ราวัลย์ อายุ 18 ปี 11 เดือน ที่อยู่ 29/9 ม.3 ต.คุระ อ.คุระบุรี จว.ลำพูน นายคำอ่อง ลุงกอ อายุ 22 ปี ที่อยู่ตามทะเบียน 5/ช ม.6 ต.เชียงดาว อ.เชียงดาว จว.เชียงใหม่ นายกันตภณ มงคล อายุ 21 ปี ที่อยู่ 39 ม.9 ต.หางดง อ.หางดง จว.เชียงใหม่ นายรัษฎาธร วงศธร อายุ 16 ปี ที่อยู่ 424 ม.4 ต.เมืองแหง อ.เวียงแหง จว.ลำพูน นายณัฐวุฒิ หรือป๋อ ทามัน อายุ 20 ปี ที่อยู่ 48/2 ม.7 ต.ต้นธง อ.เมืองลำพูน จว.ลำพูน นายณัฐวิชญ์ ธงวิชัย อายุ 27 ปี ที่อยู่ 123 ม.8 ต.ต้นธง อ.เมืองลำพูน จว.ลำพูน

ยืดของกลาง เสื้อผ้าที่ผู้ต้องหาสวมใส่ขณะก่อเหตุ จำนวน 7 รายการ รถจักรยานยนต์ยี่ห้อยามาฮ่า รุ่นR15 สีดำ หมายเลขทะเบียน 1กง 2049 ลำพูน (คันที่ก่อเหตุ) รถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นPCX สีเทา ไม่ติดป้ายทะเบียน (คันที่ก่อเหตุ) อาวุธมีดที่ใช้ก่อเหตุ 2 ด้าม

ผู้ต้องหาแต่ละรายจะต้องถูกดำเนินคดีในข้อหาร่วมกัน และสนับสนุน เป็นซ่องโจร, ร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน, ร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายแก่กาย และ อันตรายสาหัส โดยไตร่ตรองไว้ก่อน และ ร่วมกันพาอาวุธไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยเปิดเผย มีอัตราโทษจำคุกสูงสุดตั้งแต่ 15 ปี ถึง 20 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 80,210,288,294,295 และ371 ตำรวจภูธรภาค 5 ขอประชาสัมพันธ์ไปยังพี่น้องประชาชน ให้สอดส่องหากพบพฤติกรรมการรวมกลุ่มของวัยรุ่นสามารถแจ้งให้ทางตำรวจได้ตลอด

'ศาลรัฐธรรมนูญ' ลงมติ 5 ต่อ 4 'นายกฯ เศรษฐา' มีความผิด กรณีแต่งตั้ง ‘นายพิชิต’ เป็นรัฐมนตรี ส่งผลให้ ครม.พ้นทั้งคณะ

(14 ส.ค.67) ศาลรัฐธรรมนูญได้ออกนั่งบัลลังก์อ่านคำวินิจฉัยในคดีที่ประธานวุฒิสภาส่งคำร้องของสมาชิกวุฒิสภา (สว.) จำนวน 40 คน ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 ว่า ความเป็นรัฐมนตรีของ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5 ) หรือไม่

จากกรณี นายเศรษฐา ได้นำความกราบบังคมทูลเพื่อโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง นายพิชิต ชื่นบาน เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ทั้งที่รู้ หรือ ควรรู้อยู่แล้วว่า นายพิชิต ขาดคุณสมบัติ หรือ มีลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ 

เนื่องจากเคยถูกศาลฎีกามีคำสั่งจำคุกเป็นเวลา 6 เดือน ในความผิดฐานละเมิดอำนาจศาล เป็นบุคคลที่กระทำการอันไม่ซื่อสัตย์สุจริต และมีพฤติกรรมอันเป็นการฝ่าฝืน หรือ ไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง อันเป็นเหตุให้ความเป็นรัฐมนตรีของ นายเศรษฐา สิ้นสุดลงได้  

ส่งผลให้ นายเศรษฐา ทวีสิน พ้นนายกรัฐมนตรี คนที่ 30  

ก่อนหน้านั้น เมื่อวันที่ 23 พ.ค. 2567 ศาลรัฐธรรมนูญ ‘รับคำร้อง’ ไว้วินิจฉัย ด้วยมติเสียงข้างมาก 6 ต่อ 3 โดยตุลาการเสียงข้างมาก 6 เสียง ประกอบด้วย 1.นายปัญญา อุดชาชน 2.นายอุดม สิทธิวิรัชธรรม 3.นายวิรุฬห์ แสงเทียน 4.นายจิรนิติ หะวานนท์ 5.นายนภดล เทพพิทักษ์  และ 6.นายบรรจงศักดิ์ วงศ์ปราชญ์ 

ส่วนตุลาการฯ เสียงข้างน้อย 3 เสียง ประกอบด้วย 1.นายนครินทร์ เมฆไตรรัตน์ 2.นายอุดม รัฐอมฤต และ 3.นายสุเมธ รอยกุลเจริญ 

ขณะเดียวกัน ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเสียงข้างมาก 5 ต่อ 4 ไม่สั่งให้ นายเศรษฐา หยุดปฏิบัติหน้าที่นายกฯ  

โดยตุลาการฯ เสียงข้างมาก 5 เสียง ประกอบด้วย 1.นครินทร์ เมฆไตรรัตน์ 2.นายนภดล เทพพิทักษ์ 3.นายบรรจงศักดิ์ วงศ์ปราชญ์ 4.นายอุดม รัฐอมฤต และ 5.สุเมธ  รอยกุลเจริญ

ส่วนตุลาการฯ เสียงข้างน้อย 4 เสียง ประกอบด้วย 1.นายปัญญา อุดชาชน 2.นายอุดม สิทธิวิรัชธรรม 3.นายวิรุฬห์ แสงเทียน 4.นายจิรนิติ หะวานนท์

‘ไต้หวัน’ แต่งตั้ง 'หลิน ยู่ถิง' เป็น 'ทูตด้านการต่อต้านการบูลลี่แห่งชาติ' หลังผ่านความขมขื่นเรื่องเพศ สู่เจ้าของเหรียญทองมวยสากลหญิง

ไต้หวันต้อนรับยิ่งใหญ่ นักกีฬาทีมชาติที่กลับจากการแข่งขันปารีส โอลิมปิก 2024 ซึ่งหนึ่งในนักกีฬาที่ได้รับความสนใจจากสื่อมวลชนไต้หวันมากที่สุด คือ หลิน ยู่ถิง นักกีฬามวยสากลหญิง ในรุ่น 57 กิโลกรัม ที่สามารถคว้าเหรียญทองมวยสากลให้กับไต้หวันเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ จนชาวไต้หวัน ต่างขั้นยกฉายาให้เธอว่าเป็น 'ลูกสาวของชาวไต้หวัน'

แต่กว่าที่ หลิน ยู่ถิง ก้าวมาถึงจุดนี้ เธอต้องผ่านความขมขื่นจากการถูกบูลลี่ ด้วยข้อความหยามเหยียด เกลียดชัง บนโลกออนไลน์มากมาย 

เช่นเดียวกับ อิมาน เคลิฟ นักชกหญิงจากแอลจีเรีย ในประเด็นความคลุมเครือเรื่องเพศสภาพ ที่ทำให้ทั้งคู่ไม่ผ่านการรับรองจากสมาคมมวยสากล (IBA) ให้เข้าแข่งขันในประเภทมวยสากลหญิง แต่ทว่า ทั้ง หลิน ยู่ถิง และ อิมาน เคลิฟ กลับผ่านเกณฑ์การพิจารณาจากคณะกรรมการโอลิมปิกสากล (IOC) ให้สามารถแข่งขันในงานโอลิมปิกได้

เรื่องนี้จึงกลายเป็นประเด็นถกเถียงอย่างร้อนแรง ถึงสิทธิ และความเท่าเทียมในการแข่งขันกีฬา ในกรณีความผิดปกติที่เกิดจากโครโมโซมเพศ ส่งผลให้เพศสภาพไม่ชัดเจน อันเป็นผลให้พวกเธอ ถูกโจมตีโดยชาวเน็ตจากทั่วโลก ที่มองว่าพวกเธอไม่ใช่ผู้หญิงแท้ และไม่เห็นด้วยที่ทั้งคู่จะได้ขึ้นชกกับนักมวยที่มีเพศสภาพเป็นหญิงชัดเจน 

แต่ในขณะเดียวกัน นักมวยทั้งคู่ก็ได้รับแรงสนับสนุนอย่างท่วมท้นจากเพื่อนร่วมชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ชาวไต้หวันที่พร้อมออกมาปกป้อง หลิน ยู่ถิง ในฐานะ 'ลูกสาวของชาวไต้หวัน' อีกทั้ง ไล่ ชิงเต๋อ ผู้นำไต้หวัน สั่งให้ทีมกฎหมายเตรียมดำเนินคดีเอาผิดกับชาวเน็ตที่ออกมาบูลลี่ลูกสาวแห่งชาติของชาวไต้หวัน 

และล่าสุด หลิน ยู่ถิง ได้รับการแต่งตั้งจากหน่วยงานด้านกีฬาให้เป็น 'ทูตด้านการต่อต้านการบูลลี่แห่งชาติ' และยังได้ตำแหน่งทางวิชาการเป็นผู้ช่วยศาสตราจารย์ในภาควิชาพลศึกษาของมหาวิทยาลัยวัฒนธรรมจีน โดยเธอจะได้สอนวิชาการชกมวยสากล และ ทักษะทางกีฬา ตั้งแต่ภาคเรียนฤดูใบไม้ร่วงที่จะถึงนี้เป็นต้นไป 

ประเด็นเรื่องความคลุมเครือทางเพศสภาพของ หลิน ยู่ถิง ทำให้เธอถูกเพิกถอนเหรียญรางวัลในการแข่งขันชิงแชมป์มวยโลก ที่จัดโดย IBA ที่ยังแสดงความเห็นขัดแย้งกับ IOC เรื่องสิทธิในการเข้าแข่งขันของเธอ อันเป็นเหตุให้หน่วยงานด้านกีฬาของไต้หวันกำลังพิจารณาฟ้องร้องเอาผิดทางกฎหมายกับ IBA  

ด้าน นายกรัฐมนตรี โช จุงไต เรียกร้องให้กระทรวงศึกษาธิการมอบเหรียญเกียรติยศ พร้อมเงินอัดฉีดอีก 9 แสนเหรียญไต้หวันย้อนหลังให้ แม้ หลิน ยู่ถิงจะถูกริบเหรียญจากการแข่งขันชิงแชมป์โลกก็ตาม 

แต่ทั้งนี้ หลิน ยู่ถิง ไม่ต้องการดำเนินคดีกับฝ่ายใดทั้งสิ้น และบอกว่าการได้รับเหรียญทองโอลิมปิกเป็นเครื่องพิสูจน์ตัวตนของเธอแล้ว และเธอยินดีรับตำแหน่งทูตต่อต้านการบูลลี่ และ ทำหน้าที่สอนกีฬาเพื่อส่งเสริมนักกีฬารุ่นใหม่ของไต้หวันต่อไป

เรื่อง: ยีนส์ อรุณรัตน์

‘มีอา เลอ ลูซ์’ นางงามหูหนวกคนแรก คว้ามงกุฎ 'มิสแอฟริกาใต้' เจ้าตัวลั่น!! ชัยชนะครั้งนี้ หวังเป็นแรงใจของผู้ที่ถูกกีดกันทางสังคม

(14 ส.ค. 67) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า มีอา เลอ ลูซ์ (Mia le Roux) วัย 28 ปี หญิงสาวผู้พิการหูหนวกคนแรกที่คว้ามงกุฎ 'มิสแอฟริกาใต้' ไปครองได้สำเร็จ ซึ่งการประกวดเต็มไปด้วยดรามาถึงขั้นทำให้หนึ่งในนางงามผู้ผ่านเข้ารอบสุดท้ายต้องถอนตัวออกไป หลังจากถูกโจมตีเรื่องที่เธอมีเชื้อสายของชาวไนจีเรีย

สำหรับ 'มีอา เลอ ลูซ์' ได้รับการวินิจฉัยจากทางแพทย์ว่าเธอมีอาการหูหนวก คือไม่ได้ยินเสียงใด ๆ แม้จะเป็นเสียงตะโกน ในตอนที่เธออายุเพียง 1 ขวบเท่านั้น และต้องรับการผ่าตัดฝังประสาทหูเทียม เพื่อช่วยให้เธอได้ยินเสียงบ้าง และต้องใช้เวลาถึง 2 ปีในการบำบัดการพูดก่อนที่เธอจะพูดคำแรกได้

'มีอา เลอ ลูซ์' กล่าวว่า เธอคือหญิงหูหนวกชาวแอฟริกาใต้อย่างภาคภูมิใจ และเธอรู้ดีว่ามันรู้สึกอย่างไรเวลาถูกกีดกัน หวังว่าชัยชนะของเธอจะช่วยเหล่าผู้ที่รู้สึกว่าถูกกีดกันทางสังคม ให้บรรลุความฝันของพวกเขาเหมือนกับเธอ 

อย่างไรก็ตาม การประกวดเวทีนางงามแอฟริกาใต้ท่านนี้ ถือว่าเป็นเวทีที่เต็มไปด้วยดรามาหนัก ทั้งเรื่องการกีดกันทางเชื้อชาติ โดยมีนางงามวัย 23 ปี ได้ถอนตัวจากการประกวดหลังแม่ของเธอถูกกล่าวหาว่าขโมยตัวตนของหญิงอเมริกาใต้คนหนึ่งมาเป็นของตัวเอง ซึ่งนางงามวัย 23 ปีท่านนี้ กำลังตกเป็นเหยื่อของ ‘การเกลียดชังคนดำโดยคนดำ’

‘เศรษฐา’ น้อมรับคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ สั่งพ้นเก้าอี้นายกฯ รับ!! เสียใจที่ถูกตัดสินว่าไม่มีจริยธรรม ยัน!! ตนไม่ใช่คนแบบนั้น

(14 ส.ค.67) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เปิดใจแถลงหลังศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยให้พ้นสภาพจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ด้วยมติ 5 ต่อ 4 โดยระบุว่า…

ขอบคุณตุลาการศาลรัฐธรรมนูญที่ให้โอกาสทุกฝ่ายชี้แจง ตนเคารพในคำวินิจฉัย โดยตลอดเวลาเกือบ 1 ปี พยายามทำทุกอย่างให้ทุกอย่าง ทำงานอย่างซื่อสัตย์สุจริต และยืนยันไม่ได้ทำตัวขัดแย้ง

ต่อข้อคำถาม ‘คาดคิดไว้หรือไม่?’ นายเศรษฐา กล่าวว่า ผลออกได้ทั้งซ้ายและขวา โดยไม่ได้คาดเดาผลที่จะออกมา ตนเสียใจเพราะจะถูกว่าเป็นนายกฯ ไม่มีจริยธรรม ซึ่งตนไม่ใช่คนแบบนั้น ซึ่งบ้านเมืองมีคนเก่งอีกหลายท่าน โดยนายภูมิธรรมกำลังเดินทางกลับมาอยู่ หากไม่ทันยังมีนายสุริยะ

“ยืนยันผมไม่ใช่คนแบบนั้น ไม่เชื่อมีใครวางยา โดยตุลาการศาลรัฐธรรมนูญคงตัดสินตามข้อมูล ไม่เกี่ยวว่าเข็ดกับการเมือง”

สุดท้ายต่อข้อคำถาม ‘ได้บทเรียนราคาแพง?’ นายเศรษฐา กล่าวว่า ตนไม่อยากมองในแง่ลบ อย่าไปกล่าวล่วงว่าใครวางยาดีกว่า ขอให้ดำเนินต่อไปในการสรรหานายกฯ คนต่อไป

‘ไทย-จีน’ เตรียมเปิดฉากซ้อมรบร่วมทางอากาศ ‘Falcon Strike 2024’ หวังเพิ่มพูนทักษะต่อสู้ พร้อมกระชับแลกเปลี่ยนความร่วมมือเชิงปฏิบัติ

(14 ส.ค.67) สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า กระทรวงกลาโหมของจีนประกาศว่า จีนและไทยจะจัดการซ้อมรบร่วมทางอากาศ ‘ฟอลคอน สไตรค์ 2024’ (Falcon Strike-2024) ในเดือนสิงหาคมนี้ โดยการซ้อมรบเป็นไปตามแผนความร่วมมือประจำปีระหว่างกองทัพของทั้งสองประเทศ

ทั้งนี้ กระทรวงฯ ระบุว่า การซ้อมรบจะจัดขึ้นที่ฐานทัพอากาศของไทย และจีนจะจัดส่งเครื่องบินหลายประเภทและกองกำลังพิเศษเข้าร่วมการซ้อมรบ โดยเป้าหมายของการซ้อมรบร่วมครั้งนี้คือเพิ่มพูนทักษะการต่อสู้ของกองกำลังที่เกี่ยวข้อง รวมถึงกระชับการแลกเปลี่ยนและความร่วมมือเชิงปฏิบัติ

รรท.รอง ผบ.ตร. ขับเคลื่อนงานพิทักษ์เด็ก สตรี ครอบครัว ป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์ และภาคประมง ยกระดับกระบวนการคัดกรองบุคคลกลุ่มเสี่ยงเหยื่อค้ามนุษย์

วันนี้ ที่ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผู้ช่วย ผบ.ตร.รรท.รอง ผบ.ตร.(มค) เปิดเผยว่า ตามนโยบายรัฐบาล ที่ตระหนักและให้ความสำคัญในการแก้ไขปัญหาการกระทำผิดเกี่ยวกับเด็ก สตรี ครอบครัว และภาคประมง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์ พร้อมกับการนำประเทศไทยไปสู่ระดับ Tier 1 โดยมุ่งหวังให้ ตร. มีส่วนสำคัญในการแก้ไขปัญหาดังกล่าว

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ภายใต้การนำของ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. ได้นำนโยบายรัฐบาล มาสู่การปฏิบัติ โดยจัดตั้งศูนย์พิทักษ์เด็ก สตรี ครอบครัว ป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์ และภาคประมง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศพดส.ตร.) และมอบหมายให้ พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผู้ช่วย ผบ.ตร.รรท.รอง ผบ.ตร.(มค) เป็น ผอ.ศพดส.ตร. เพื่อขับเคลื่อนแก้ไขปัญหาดังกล่าว 

พล.ต.ท.ประจวบฯ ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมกระบวนการคัดกรองบุคคลกลุ่มเสี่ยงที่จะเป็นเหยื่อค้ามนุษย์ ณ ฝ่ายตรวจคนเข้าเมืองขาเข้าและฝ่ายพิธีการเข้าเมือง ชั้น 2 อาคารผู้โดยสารขาเข้า (โซน 1) และฝ่ายตรวจคนเข้าเมืองขาออก ชั้น 4 อาคารผู้โดยสารขาออก (โซน 2) ด่านตรวจคนเข้าเมืองท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จว.สมุทรปราการ โดยมี ผู้แทน บก.ตม.2 และ ผกก.ในสังกัด ที่ปฏิบัติหน้าที่ ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เข้าร่วม โดยได้กำชับให้ยึดถือขั้นตอนการปฏิบัติตามกลไกการส่งต่อระดับชาติ หรือ NRM (National Referral Mechanism) ยึดผู้เสียหายเป็นศูนย์กลาง (Victim-Centered Approach) คำนึงถึงบาดแผลทางใจของผู้เสียหาย(Trauma Informed Care) และเน้นย้ำไม่ให้เจ้าหน้าที่ทุกนาย เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับผลประโยชน์ผิดกฎหมายโดยเด็ดขาด           

พล.ต.ท.ประจวบฯ กล่าวว่า พฤติกรรมที่เข้าข่ายการค้ามนุษย์ที่อาจพบได้ในสนามบิน มีหลายประการ เช่น การถูกหลอกลวงไปทำงาน การถูกหลอกลวงไปค้าประเวณี การเดินทางเข้ามาเป็นขอทานในประเทศไทย การถูกหลอกลวงโดยแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ การถูกหลอกลวงเรียกค่าไถ่เสมือนหรือถูกหน่วงเหนี่ยวกักขังเพื่อเรียกค่าไถ่โดยตรง โดยมีกระบวนการขึ้น Watch List และควบคุมแรงงานไทยที่เคยเป็นเหยื่อค้ามนุษย์ คือ กต.ส่งข้อมูลแรงงานไทยที่เคยขอความช่วยเหลือกลับประเทศไทย เนื่องจากตกเป็นเหยื่อค้ามนุษย์ให้กับ สตม. ตรวจสอบข้อมูลเปรียบเทียบกับข้อมูลผู้เสียหายในคดีค้ามนุษย์ เมื่อพบว่าเคยเป็นผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์มาก่อน จะดำเนินการขึ้น Watch List เมื่อฝ่ายตรวจคนเข้าเมืองขาออก หรือด่าน ตม.ทอ.พบบุคคลตาม Watch List จะแจ้ง ฝ่ายสืบสวน ด่าน ตม.ทอ. นั้นๆ ร่วมกับเจ้าหน้าที่ด่านตรวจคนหางานทำการคัดกรอง ขั้นตอนของกระบวนการคัดกรองต่างๆ เป็นไปตามขั้นตอนที่เข้มงวด โดยมีจุดประสงค์ในการแก้ไขปัญหา เป็นทางผ่านของกลุ่มบุคคลที่จะเดินทางออกไปยังประเทศที่สาม ที่จะไปประกอบอาชีพผิดกฎหมายหรือเข้าข่ายเรื่องของการค้ามนุษย์ ซึ่งกระบวนการคัดกรองเข้า-ออกราชณาจักรอย่างเข้มงวดถูกปฏิบัติมาแล้วอย่างต่อเนื่องเป็นระยะเวลายาวนานแล้ว นอกจากนี้ยังพบว่าในพื้นที่ชายแดนประเทศไทย โดยเฉพาะในจุดด่านพรมแดน อ.แม่สอด จว.แม่ฮ่องสอน ก็เป็นพื้นที่ที่พบว่าเป็นจุดทางออกยอดนิยม ของบุคคลที่ต้องการเดินทางออกไปยังประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งคาดว่าจะไปก่ออาชญากรรมข้ามชาติ แก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ และการค้ายาเสพติด ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้สั่งการอย่างเข้มงวดกวดขันในการตรวจสอบ โดยเฉพาะในพื้นที่ชายแดนกว่า 6,000 กิโลเมตร ที่ติดกับอีก 4 ประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อแก้ปัญหาในเรื่องดังกล่าวคู่ขนานกับการคัดกรองเข้มงวดในพื้นที่ต้นทาง เช่น ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

พล.ต.ท.ประจวบฯ รรท.รอง ผบ.ตร. กล่าวทิ้งท้ายว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีความมุ่งหวังว่าการระดมสรรพกำลังของเจ้าหน้าที่ตำรวจและทุกภาคส่วน ในการเร่งรัดปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับเด็ก สตรี ครอบครัว การป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์ และภาคประมงจะประสบผลสำเร็จ ตอบสนองนโยบายรัฐบาล เสริมสร้างความเสมอภาค เท่าเทียม และรักษาไว้ซึ่งศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ภายใต้กรอบของกฎหมาย ประชาชนและสังคมมีความสงบเรียบร้อยสืบไป   

เปิดรายชื่อ ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ 5 ต่อ 4 วินิจฉัย 'เศรษฐา' พ้นนายกฯ

(14 ส.ค. 67) จากกรณีศาลรัฐธรรมนูญ มีมติโดยเสียงข้างมาก (5 ต่อ 4) วินิจฉัยว่า ความเป็นรัฐมนตรีของนายเศรษฐา ทวีสิน ผู้ถูกร้องที่ 1 นายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) เนื่องจากไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ ขาดคุณสมบัติตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 160 (4) และมีพฤติกรรมอันเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง อันมีลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 160 (5)เมื่อความเป็นรัฐมนตรีของนายกรัฐมนตรีสิ้นสุดลงตามมาตรา 170 วรรคหนึ่ง (5) แล้ว รัฐมนตรีต้องพ้นตำแหน่งทั้งคณะ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 167 วรรคหนึ่ง (1) โดยให้นำมาตรา 168 วรรคหนึ่ง (1) มาใช้บังคับกับการปฏิบัติหน้าที่ของคณะรัฐมนตรีที่พ้นจากตำแหน่งต่อไป ตามข่าวที่เสนอไปแล้วนั้น

สำหรับตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเสียงข้างมาก จำนวน 5 คน เห็นว่า ความเป็นรัฐมนตรีของนายเศรษฐา นายกรัฐมนตรีสิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบ มาตรา 160 (4) และ (5) ประกอบด้วย...

1.นายปัญญา อุดชาชน
2.นายอุดม สิทธิวิรัชธรรม
3.นายวิรุฬห์ แสงเทียน
4.นายจิรนิติ หะวานนท์
5.นายบรรจงศักดิ์ วงศ์ปราชญ์

ส่วนตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเสียงข้างน้อย จำนวน 4 คน เห็นว่า ความเป็นรัฐมนตรีของผู้ถูกร้องที่ 1 นายกรัฐมนตรี ไม่สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรม นูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5) ประกอบด้วย...

1.นายนครินทร์ เมฆไตรรัตน์
2.นายนภดล เทพพิทักษ์
3.นายอุดม รัฐอมฤต
4.นายสุเมธ รอยกุลเจริญ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top