Monday, 16 June 2025
NewsFeed

'ชามตราไก่ลำปาง' วิกฤต!! จีนทำขายเหมือนเป๊ะ ใบละ 5 บาท แถมส่งถึงที่ ด้านโรงงานเซรามิกในลำปางโอด เจอจีนตีด้วยออนไลน์ วูบร่วม 200 รง.

(13 ส.ค.67) จากกรณีมีสินค้าหลากหลายรูปแบบ ส่งตรงมาจากจีน เข้ามาตีตลาดสินค้าเกือบทุกชนิด ส่งผลกระทบกับผู้ประกอบการที่เป็นชาวไทยโดยตรง และหนีไม่พ้นผู้ประกอบการเซรามิกลำปางที่โดนผลกระทบอย่างหนัก ทำให้ผู้ประกอบการเซรามิกขนาดกลางและขนาดเล็กที่มีกว่า 300 โรงงาน ต้องหยุดไปแล้วกว่า 200 โรงงาน เพื่อรอดูท่าที และรอความหวังว่าเศรษฐกิจจะดีขึ้น

ล่าสุดวันนี้ นายปรีชา ศรีมาลา นายกสมาคมเครื่องปั้นดินเผาจังหวัดลำปาง เปิดใจว่า สถานการณ์ของผู้ประกอบการเซรามิกย่ำแย่ที่สุด อย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน แม้จะผ่านวิกฤตช่วงโควิด19 รวมไปถึงค่าแรง ค่าขนส่ง ค่าวัสดุอุปกรณ์ ต้นทุนการผลิตที่เพิ่มขึ้นมาได้บ้าง ซึ่งที่ผ่านมาทางจังหวัด ท่านผู้ว่าฯ นายกอบจ.ลำปาง และภาคส่วนต่าง ๆ ต่างยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือประคับประคองกันมาได้

จนกระทั่ง 2-3 เดือนมานี้ พบว่าการสั่งซื้อสินค้าออนไลน์จากประเทศจีนส่งถึงมือลูกค้าในราคาที่ถูกมาก เกิดจากจีนไม่สามารถขายสินค้าทางยุโรปได้ จึงเบนเข็มเข้ามาสู่ตลาดอาเซียน โดยเฉพาะประเทศไทยด้วย เป็นสินค้าที่นำมาระบาย เรียกว่าการ Dumping ราคา ส่งผลให้ผู้ประกอบการโรงงานเซรามิกขนาดกลางและขนาดเล็กได้รับผลกระทบโดยตรง และเริ่มชะลอตัวหยุดการผลิตไปก่อนเพราะทำไปก็ยิ่งขาดทุน รายจ่ายเพิ่มขึ้นแต่รายรับไม่มี

“ก่อนโควิดเรามีเซรามิก 328 โรงงาน จากการลงพื้นที่สำรวจช่วงปลายปี 66 ที่ผ่านมา พบผู้ประกอบการที่เหลือประกอบการจริงเพียง 89 โรงงาน ในส่วนที่เป็นสมาชิกของสมาคมฯ สาเหตุที่หายไป เพราะหยุดดำเนินกิจการไปบ้าง และหยุดเพื่อดูสถานการณ์ของตลาดว่าเมื่อไรจะดีขึ้น ทุกวันนี้ยังรอความหวังจากนโยบายของรัฐบาลว่าจะทำอย่างไรให้เศรษฐกิจฟื้นฟูขึ้น”

นายกสมาคมเครื่องปั้นฯ กล่าวว่า ดังนั้นผู้ประกอบการเซรามิกลำปางที่อ่อนแอมาตั้งแต่ช่วงโควิดแล้วจึงไปไม่ไหว ทั้งที่หน่วยราชการในจังหวัดให้การช่วยเหลือกันเต็มที่ แต่ยังไม่เพียงพอ ฉะนั้นรัฐบาลควรต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อปกป้องหัตถอุตสาหกรรมพื้นฐานของท้องถิ่น โดยเฉพาะเซรามิกลำปาง ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน มีแหล่งแร่ดินขาวผลิตเซรามิกชั้นดีที่บ้านปางค่า อ.แจ้ห่ม ไม่เช่นนั้นเซรามิกลำปางถึงขั้นสูญพันธุ์แน่นอน

“ตอนนี้เราโดนซ้ำเติมจากสินค้าภายนอก โดยเฉพาะสินค้าจีนที่เข้ามาตีตลาดไทย ถ้วยตราไก่ เป็นสินค้า GI ของ จ.ลำปาง ใช้แหล่งดินที่ จ.ลำปาง มีสัญลักษณ์รูปไก่ ต้นกล้วย ดอกโบตั๋น บ่งบอกถึงการเป็นอัตลักษณ์ของ จ.ลำปาง ต้นทุนผลิตอยู่ที่ 20 บาท บางรายก็ขายราคาทุน หรืออาจจะเพิ่มขึ้นนิดหน่อย แต่สินค้าจีนที่เป็นถ้วยชามคล้ายกันเข้ามาขายในออนไลน์ เพียง 5 บาท ไม่พอยังส่งถึงที่ด้วย และยังมีสินค้าหัตถอุตสาหกรรมหลายประเภทที่เป็นอัตลักษณ์ของจังหวัดที่โดนกระทบเหมือนกันหมด เหตุเพราะรัฐบาลปล่อยให้จีนเข้ามาโดยไม่มีการควบคุม อยากวิงวอนให้รัฐบาล เร่งแก้ไขปัญหานี้อย่างเร่งด่วนไม่เช่นนั้นจะส่งผลกระทบเป็นแบบลูกโซ่ไปทั่ว”

'เพจดัง' ชี้!! การบริจาคของพรรคประชาชนไม่ได้โอนเข้าบัญชีพรรคโดยตรง พบ!! โอนผ่าน 'บ.เพย์ โซลูชั่น' เรื่องนี้ประชาชนรู้ก่อนบริจาคหรือไม่

(13 ส.ค. 67) เพจ' วันนี้พรรคส้มโกหกอะไร' โพสต์ข้อความ ระบุว่า...

#ทุกคนคะ ประเด็นนี้น่าสนใจค่ะ

1. พรรคประชาชน อยู่ระหว่างทำธุรการเอกสาร ขอเปิดบัญชีธนาคารเป็นชื่อพรรค ต้องมีหนังสือรับรองจาก กกต. ด้วยระยะเวลาไม่กี่วันคาดว่ายังไม่สำเร็จ

2. การบริจาคของพรรคประชาชนที่ผ่านมา จึงไม่ได้โอนเข้า บัญชีพรรคโดยตรง โอนผ่านตัวกลาง บ.เพย์ โซลูชั่น ที่ให้บริการทางด้านการเงิน

3. การใช้บริษัทกลางมาช่วย อาจต้องเสียค่าบริการเช่น บริจาคเงิน 100 บาท หักค่าบริการ 10 สตางค์ เหลือเข้าบัญชีพรรค 99.90 บาท เรื่องนี้พรรคแจ้งให้ประชาชนรู้ก่อนบริจาคหรือไม่

#คำถาม การที่ยังไม่มีบัญชีพรรคการเมือง แต่เปิดรับบริจาคโดยผ่านตัวกลาง และ อาจต้องถูกหักค่าบริการ ผิดกฎหมายพรรคการเมืองหรือไม่คะ

‘รัฐบาล’ ยัน!! ‘ทุนจีน’ ซื้อกิจการรถทัวร์ในประเทศไทยไม่ได้ เหตุใบอนุญาตประกอบกิจการขนส่งไม่สามารถโอนต่อได้

(13 ส.ค.67) นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยต่อกรณีที่เป็นกระแสความสงสัยในสังคม ว่า ทุนจากต่างประเทศเข้ามาดำเนินธุรกิจในประเทศไทยทำให้คนไทยเสียผลประโยชน์นั้น ขอให้ทุกฝ่ายในสังคมพิจารณาอย่างถ้วนถี่โดยใช้หลักการและเหตุผล โดยขอชี้แจงตามข้อมูลจากหน่วยงานหลักที่เกี่ยวข้อง ดังนี้

ต่อกรณีการเข้ามาของกลุ่มทุนต่างประเทศในธุรกิจร้านอาหาร และมีการกล่าวอ้างว่า ธุรกิจร้านอาหารปิดกิจการถึง 50% นั้น ไม่เป็นความจริง แม้ผู้ประกอบการไทยต้องเผชิญกับความท้าทายหลากหลาย แต่ยังมีการจัดตั้งธุรกิจร้านอาหารไทยใหม่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยข้อมูลของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ณ วันที่ 31 กรกฎาคม 2567 ไทยมีนิติบุคคลดำเนินธุรกิจร้านอาหารอยู่ 23,414 ราย ส่วนใหญ่เป็นธุรกิจขนาดเล็ก 97.46% (22,819 ราย)

ในช่วง 7 เดือน (มกราคม-กรกฎาคม 2567) มีการจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจร้านอาหารใหม่ 2,472 ราย ส่วนใหญ่อยู่ในจังหวัดท่องเที่ยวและหัวเมืองใหญ่ ได้แก่ กรุงเทพมหานคร 926 ราย ชลบุรี 258 ราย ภูเก็ต 192 ราย เชียงใหม่ 165 ราย และสุราษฎร์ธานี 122 ราย

ซึ่งกระทรวงพาณิชย์ได้ดูแลช่วยเหลือภาคธุรกิจร้านอาหาร ด้วยการเสริมแกร่งให้ผู้ประกอบการร้านอาหารของไทยสามารถปรับตัว แสวงหาโอกาส และรับมือกับความท้าทายใหม่ ๆ โดยเฉพาะการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาช่วยให้ร้านอาหารเข้าถึงและเข้าใจพฤติกรรมผู้บริโภคมากขึ้น ผ่านกิจกรรมสร้างสรรค์ โดยกรมพัฒนาธุรกิจการค้าจับมือผู้เชี่ยวชาญธุรกิจร้านอาหารร่วมกันสร้างสรรค์ 7 กิจกรรม ดังนี้

1) ส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพด้านการบริหารจัดการธุรกิจร้านอาหารอย่างมืออาชีพ ผ่านหลักสูตร Smart Restaurant Plus ปัจจุบันมีร้านอาหารผ่านการพัฒนาจากกรมแล้วกว่า 3,000 ราย

2) ยกระดับมาตรฐานร้านอาหารไทยผ่านตราสัญลักษณ์ Thai SELECT

3) กระตุ้นยอดขายเพิ่มรายได้ร้านอาหาร ผ่านแคมเปญ “เที่ยว ฟิน กิน Thai SELECT” โดยร่วมกับพันธมิตรทั้งภาครัฐและเอกชน ขับเคลื่อนเศรษฐกิจด้วยพลังเศรษฐกิจสร้างสรรค์ Soft Power อาหารไทย

4) ส่งเสริมช่องทางการตลาด ผ่านการจำหน่ายอาหารในงานเทศกาลอาหารต่าง ๆ และแพลตฟอร์มฟู้ดดีลิเวอรีชั้นนำ

5) เสริมสร้างการรับรู้ให้แก่ร้านอาหารไทยและตราสัญลักษณ์ Thai SELECT ทั้งในรูปแบบออฟไลน์และออนไลน์ผ่านผู้ทรงอิทธิพลบน Social Media (Influencer)

6) การเชื่อมโยงเส้นทางท่องเที่ยวกับร้านอาหาร โดยได้นำร่องแล้ว 10 เส้นทาง อาทิ จ.นครราชสีมา เชียงใหม่ ภูเก็ต เป็นต้น และมีเป้าหมายเพิ่มขึ้นให้ครบทุกภูมิภาคต่อไป

7) สร้างเครือข่ายผู้ประกอบการร้านอาหาร ผ่านกิจกรรมเชื่อมโยงเครือข่ายธุรกิจของผู้ประกอบร้านอาหาร และธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง ให้เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ การเพิ่มคู่ค้าและต่อยอดธุรกิจ

นอกจากนี้ ได้ส่งเสริมให้ผู้ประกอบการใช้ประโยชน์จากกฎหมายหลักประกันทางธุรกิจมากขึ้น โดยนำกิจการมาใช้เป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันการขอสินเชื่อกับสถาบันการเงิน ซึ่งช่วยให้ผู้ประกอบการเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ง่ายและสะดวกมากขึ้น

ส่วนประเด็นรถทัวร์ศูนย์เหรียญ กระทรวงพาณิชย์มีมาตรการดูแลกลุ่มทุนต่างประเทศที่เข้ามาดำเนินธุรกิจท่องเที่ยวแบบเบ็ดเสร็จ คือ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า เร่งเดินหน้าทำงานกับหน่วยงานพันธมิตรด้านการบังคับใช้กฎหมายเพื่อกำกับดูแลให้เกิดความเป็นธรรมกับผู้ประกอบการไทย จากการเข้ามาแข่งขันและจัดตั้งธุรกิจโดยผิดกฎหมายของต่างชาติ ซึ่งรวมถึงการตรวจสอบธุรกิจที่มีลักษณะนอมินี หรือให้คนไทยถือหุ้นแทนคนต่างด้าวเพื่อหลีกเลี่ยงการขออนุญาตประกอบธุรกิจตาม พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 ที่กำหนดให้คนต่างด้าวที่เข้ามาประกอบธุรกิจบริการตามบัญชีท้าย พ.ร.บ. และต้องการถือหุ้นเกินร้อยละ 50 ต้องเข้าสู่กระบวนการขออนุญาตโดยถูกต้อง มิฉะนั้นจะมีความผิดต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับตั้งแต่หนึ่งแสนถึงหนึ่งล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรียังได้กล่าวถึงกรณีที่มีกระแสข่าวว่า ขณะนี้มีบริษัทจากประเทศจีน ซึ่งเป็นทั้งผู้ผลิตและเดินรถ เริ่มเข้ามาเจรจาจะขอซื้อกิจการรถทัวร์ในประเทศไทย ว่าไม่สามารถทำได้

โดยกรมการขนส่งทางบกได้ชี้แจงว่า ใบอนุญาตประกอบการขนส่งประจำทางและใบอนุญาตประกอบการขนส่งไม่ประจำทางด้วยรถที่ใช้ในการขนส่งผู้โดยสาร ไม่สามารถโอนใบอนุญาตประกอบการขนส่งจากนิติบุคคลรายหนึ่งไปให้นิติบุคคลอีกรายหนึ่งได้ รวมทั้งได้ชี้แจงด้วยข้อกฎหมาย ตามพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ. 2522 กำหนดคุณสมบัติของผู้ขอรับใบอนุญาตประกอบการขนส่งประจำทางด้วยรถที่ใช้ในการขนส่งผู้โดยสาร และการขนส่งไม่ประจำทางด้วยรถที่ใช้ในการขนส่งผู้โดยสาร กรณีที่เป็นนิติบุคคลว่าจะต้องจดทะเบียนตามกฎหมายไทยและมีสำนักงานใหญ่อยู่ในราชอาณาจักรไทย รวมถึงกรรมการไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งต้องมีสัญชาติไทยและทุนของบริษัทไม่น้อยกว่าร้อยละ 51 ต้องเป็นของผู้ถือหุ้นซึ่งเป็นบุคคลธรรมดาและมีสัญชาติไทย ซึ่งกรมการขนส่งทางบกได้ตรวจสอบและพิจารณาอนุญาตโดยถือปฏิบัติตามกฎหมายดังกล่าวอย่างเคร่งครัด

“นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ห่วงใยต่อความรู้สึก กำลังใจของประชาชนในการดำรงชีวิต เข้าใจดีว่าประชาชนมีความท้าทายที่หลากหลาย และไม่ต้องการให้กำลังใจของประชาชนถูกบั่นทอนด้วยข่าวบิดเบือน รวมทั้งได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด รักษาสิทธิประโยชน์ของคนไทยอย่างสูงสุด” นายชัย กล่าว

'นายกฯ' ไม่ฟันธง!! 'เทสลา' ปรับแผนลงทุนในไทย ยัน!! ตอนคุยผู้บริหาร มีระบุ 'จะลงทุนในอินเดีย-สนใจลงทุนไทย'

(13 ส.ค. 67) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) กรณีข่าวที่เทสลาปรับเรื่องแผนการลงทุนในไทย นายกฯ ทราบเรื่องนี้หรือไม่ ว่าไม่ทราบ ทางทีมงานยังคุยอยู่ ปัจจุบันเรื่องความอ่อนไหวทางด้านตลาดดีมานด์ของรถอีวีมีสูง เข้าใจว่าตอนนั้นที่คุยกันอยู่เขาเลือกดูอินเดียอยู่ และเขาคงไปแน่นอน เพราะมีตลาดความต้องการปริมาณสูงมาก ซึ่งเป็นประเทศที่เขาดูอยู่ แต่ถ้าเขาจะสร้างก็สร้างที่ประเทศไทย ตนทราบแค่นี้

‘เท้ง-ณัฐพงษ์’ จ่อตั้งกระทู้ถามสด ‘นายกฯ’ 15 ส.ค.นี้ ปักธงกระทุ้ง 1 ปีมานี้ ผลงานรัฐคืบหน้าแค่ไหนแล้ว

(13 ส.ค.67) ที่รัฐสภา นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมวิปฝ่ายค้านว่า ในวันที่ 14 สิงหาคม ที่ประชุมสภาจะพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ยกเลิกคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)

ส่วนในวันที่ 15 สิงหาคม จะเป็นการตั้งกระทู้ถามสดถามนายกรัฐมนตรี จากนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคประชาชน เรื่องการดำเนินงานของรัฐบาลภายใน 1 ปีที่ผ่านมา และสิ่งที่รัฐบาลทำไปมีความคืบหน้าอย่างไร

ส่วนการเสนอชื่อชิงตำแหน่งรองประธานสภาคนที่หนึ่งนั้น นายปกรณ์วุฒิกล่าวว่า พรรคร่วมฝ่ายค้านยังไม่ได้คุยกันอย่างเป็นทางการ จะคุยกันในที่ประชุมวันนี้ แต่เท่าที่ทราบ ยังไม่มีพรรคใดที่ประสงค์เสนอชื่อแคนดิเดตชิงตำแหน่งดังกล่าว

ในส่วนของพรรคประชาชนเอง ไม่คิดว่าจะมีความเสียหายหากจะส่งแคนดิเดตลงแข่ง แม้รู้ตัวดีว่าฝ่ายค้านเป็นเสียงข้างน้อย แต่สิ่งที่เห็นว่าควรบันทึกไว้ คืออยากให้ผู้ที่ดำรงตำแหน่งรองประธานสภาคนที่หนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม ได้ทำสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อสภา ทำให้สภามีเกียรติ มีศักดิ์ศรี ใกล้ชิดกับประชาชน ซึ่งหลายสิ่งที่นายปดิพัทธ์ สันติภาดา อดีตรองประธานสภาคนที่หนึ่ง ทำไว้ ตนคิดว่าหลายอย่างน่าจะเป็นประโยชน์ หากรองประธานสภาคนใหม่เห็นว่ามีประโยชน์ก็ควรหยิบมาทำต่อ

เมื่อถามว่าหากมีมติส่งแคนดิเดตที่ถูกเลือกจะเตรียมตัวทันหรือไม่ นายปกรณ์วุฒิกล่าวว่า เรื่องนี้ไม่มีปัญหา การทำงานตั้งแต่พรรคก้าวไกลมาจนถึงวันนี้ ทุกคนทราบดีอยู่แล้วว่าการส่งชิงตำแหน่งรองประธานสภาคนที่หนึ่ง เพื่ออะไร เวลาเตรียมตัว 1 วันก็เพียงพอ

ขอย้ำว่ายังไม่มีรายชื่อแคนดิเดต เนื่องจากยังไม่มีการพูดคุยกัน ต้องรอในช่วงบ่ายวันนี้ พรรคประชาชนจะต้องพูดคุยในที่ประชุม สส. ว่าจะส่งแคนดิเดตลงตำแหน่งหรือไม่ ซึ่งขึ้นอยู่กับเสียง สส.

เมื่อถามว่ามีกระแสว่าพรรคภูมิใจไทยจะเสนอชื่อนายภราดร ปริศนานันทกุล สส.อ่างทอง ลงชิงตำแหน่งรองประธานสภาคนที่หนึ่ง นายปกรณ์วุฒิกล่าวว่า เป็นสิทธิ์ของวิปรัฐบาล ที่จะตกลงกันว่าเป็นของพรรคใด หากตกลงกันแล้วว่าเป็นของพรรคภูมิใจไทย และพรรคภูมิใจไทยคิดจะส่งใคร ก็เป็นสิทธิ์ของเขา ไม่ได้ไปก้าวก่ายตรงนั้น

ต่อข้อถามว่าการส่งคนลงตำแหน่งรองประธานสภาคนที่หนึ่ง จะต้องทำงานร่วมกันกับผู้นำฝ่ายค้านด้วย จะทำให้มีปัญหาหรือไม่ นายปกรณ์วุฒิกล่าวว่า เป็นเรื่องของอนาคต แต่ด้วยเสียงข้างน้อย จึงรู้ตัวว่าเมื่อโหวตไปจึงไม่ได้ ดังนั้น หากพรรคร่วมรัฐบาลจะกรุณาโหวตให้ และให้พรรคประชาชนได้ตำแหน่งรองประธานสภาคนที่หนึ่งก็ยินดี

เมื่อถามว่าตำแหน่งรองประธานสภาคนที่หนึ่ง มาจากเอ็มโอยูแม้จะถูกฉีกไปแล้ว แต่ควรเป็นคนของพรรคประชาชนหรือไม่ นายปกรณ์วุฒิระบุว่า ไม่ได้มองอย่างนั้น และไม่ได้คาดหวังในการรักษาคำพูด

'หมอทวีศิลป์' นั่ง 'อธิบดีกรมการแพทย์' หลังครม.แต่งตั้งบิ๊กข้าราชการ สธ.บิ๊กล็อต

(13 ส.ค.67) นายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติอนุมัติแต่งตั้ง ดังนี้ อนุมัติตามที่สำนักงาน ก.พ.ร. เสนอแต่งตั้ง ข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี ให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิจำนวน 2 ราย ตั้งแต่วันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ดังนี้

1. นายณัฏฐา พาชัยยุทธ ที่ปรึกษาการพัฒนาระบบราชการ (นักพัฒนาระบบราชการเชี่ยวชาญ) สำนักงาน ก.พ.ร. ให้ดำรงตำแหน่ง ที่ปรึกษาการพัฒนาระบบราชการ (นักพัฒนาระบบราชการทรงคุณวุฒิ) สำนักงาน ก.พ.ร. ตั้งแต่วันที่ 5 กันยายน 2566
2. นายธนศักดิ์ มังกโรทัย ผู้อำนวยการกอง (ผู้อำนวยการสูง) กองพัฒนาระบบบริหารงานส่วนภูมิภาคและส่วนท้องถิ่น สำนักงาน ก.พ.ร. ให้ดำรงตำแหน่ง ที่ปรึกษาการพัฒนาระบบราชการ (นักพัฒนาระบบราชการทรงคุณวุฒิ) สำนักงาน ก.พ.ร. ตั้งแต่วันที่ 15 มีนาคม 2567 ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้ง

อนุมัติตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานเสนอแต่งตั้ง นายบุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ ข้าราชการพลเรือนสามัญ เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม ให้ดำรงตำแหน่ง ปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงแรงงาน เพื่อทดแทนผู้ดำรงตำแหน่งที่จะเกษียณอายุราชการ ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2567 เป็นต้นไป ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้ง

อนุมัติตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง เพื่อทดแทนผู้ดำรงตำแหน่งที่เกษียณอายุราชการ จำนวน 1 ราย ได้แก่ นายประวิต เอราวรรณ์ เลขาธิการคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงศึกษาธิการ แต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการสภาการศึกษา สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2567 เป็นต้นไป ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้ง

อนุมัติตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเสนอแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน 13 ราย เพื่อทดแทนผู้ดำรงตำแหน่งที่จะเกษียณอายุราชการ สับเปลี่ยนหมุนเวียนและทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ดังนี้

1. นางอัมพร เบญจพลพิทักษ์ อธิบดีกรมการแพทย์ ดำรงตำแหน่ง อธิบดีกรมอนามัย
2. นายสุรโชค ต่างวิวัฒน์ รองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ดำรงตำแหน่ง เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา
3. นายทวีศิลป์ วิษณุโยธิน อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมการแพทย์
4. นายภาณุมาศ ญาณเวทย์สกุล รองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ดำรงตำแหน่ง อธิบดีกรมควบคุมโรค
5. นายกิตติศักดิ์ อักษรวงศ์ รองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ดำรงตำแหน่ง อธิบดีกรมสุขภาพจิต
6. นายภานุวัฒน์ ปานเกตุ ผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ดำรงตำแหน่ง อธิบดีกรมสนับสนับสนุนบริการสุขภาพ
7. นายสมฤกษ์ จึงสมาน ผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ดำรงตำแหน่ง อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก
8. นายภูวเดช สุระโคตร ผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง
9. นายมณเฑียร คณาสวัสดิ์ ผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง
10. นายศักดา อัลภาชน์ ผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ดำรงตำแหน่ง รองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง
11. นายวีรวุฒิ อิ่มสำราญ ผู้ตรรราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ดำรงตำแหน่ง รองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง
12. นายปรีชา เปรมปรี สาธารณสุขนิเทศก์ (นายแพทย์ทรงคุณวุฒิ) สำนักงานปลัดกระทรวง ดำรงตำแหน่ง ผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง
13. นางสาวสุภัทรา บุญเสริม ผู้ทรงคุณวุฒิด้านมาตรฐานผลิตภัณฑ์ด้านสาธารณสุข (นักวิชาการอาหารและยาทรงคุณวุฒิ) สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ดำรงตำแหน่ง ผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2567 เป็นต้นไป ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้ง

อนุมัติตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการเสนอแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา รวม 7 คน เนื่องจากประธานกรรมการและกรรมอื่นเดิมได้ดำรงตำแหน่งครบวาระสี่ปี ดังนี้ 1. นายศุภชัย เจียรวนนท์ ประธานกรรมการ 2. ศาสตราจารย์พิเศษทศพร ศิริสัมพันธ์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ 3. นายสุภัทร จำปาทอง กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ 4. ศาสตราจารย์พิริยะ ผลพิรุฬห์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ 5. นายพิศณุ ศรีพล กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ 6. ศาสตราจารย์สมคิด เลิศไพฑูรย์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ 
7. ศาสตราจารย์สุรินทร์ คำฝอย กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 13 สิงหาคม 2567 เป็นต้นไป

ผบ.พัน ร.7 กรม.ร.3 พล.นย.นำกำลังพลในสังกัด ร่วมลงนามถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 12 สิงหาคม 2567

วันที่ 13 ส.ค. 67 น.ท.เมธา คงเจริญ ผบ.พัน.ร.7 กรม ร.3 พล.นย. พร้อมด้วยข้าราชการและพลทหารในสังกัด ร่วมลงนามถวายพระพรชัยมงคล สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 12 สิงหาคม 2567 ผ่านระบบออนไลน์ ณ บริเวณ บก.พัน.ร.7 กรม ร.3 พล.นย. ค่ายมหาสุรสิงหนาท ต.ตะพง อ.เมืองระยอง จ.ระยอง
เพื่อน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ที่ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจนานัปการ เพื่อประโยชน์สุขของประชาชนชาวไทย
โดยผ่านระบบออนไลน์ ที่เว็บไซต์หน่วยราชการในพระองค์ www.royaloffice.th ระหว่างวันที่ 11 – 13 สิงหาคม 2567 ตามที่รัฐบาลเชิญชวนคนไทยร่วมกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติฯ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 12 สิงหาคม 2567

นิราช/นันทพล ทิพย์ศรี รายงาน 0909535645

'บก.ฟ้าเดียวกัน' หยัน!! ชนชั้นนำฝ่ายขวา มีปัญญายุบพรรค แต่ไม่มีปัญญาชนะเลือกตั้ง

(13 ส.ค. 67) นายธนาพล อิ๋วสกุล บรรณาธิการบริหารสำนักพิมพ์ฟ้าเดียวกัน บุคคลในกลุ่มที่ใกล้ชิด นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า...

ความน่าตลก ปนสมเพช ของชนชั้นนำฝ่ายขวาก็คือว่าหลังจากยุบพรรคไทยรักไทย ของทักษิณ ชินวัตร ในปี 2550

ผ่านมา 17 ปี ก็มายุบพรรคก้าวไกลศัตรูตัวใหม่ของชนชั้นนำฝ่ายขวา (หลังจากยุบพรรคอนาคตใหม่ไป 4 ปีก่อนหน้านั้น)

แต่ตัวเองก็ไม่มีตัวเลือกที่ดีพอ ก็กลับไปใช้บริการ ทักษิณ ชินวัตร พรรคไทยรักไทยที่ตอนนี้กลายร่างมาเป็นเพื่อไทย

อันนี้สิถึงเรียกว่า ความไร้น้ำยาอย่างแท้จริง

มีปัญญายุบพรรค-รัฐประหาร แต่ไม่มีปัญญาชนะเลือกตั้ง ความอับจนชนชั้นนำฝ่ายขวา

‘เล็ก คาราบาว’ ลั่น!! สูงวัยแล้ว เพลาๆ เรื่องการเมือง ชี้!! ควรเปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่แสดงฝีมือ-โชว์พลังบ้าง

(13 ส.ค. 67) ปรีชา ชนะภัย หรือ เล็ก คาราบาว โพสต์เฟซบุ๊ก ‘Lek Carabao Solo’ ว่า เมื่อวานขณะอยู่บนเวทีพี่แอ๊ดพูดกับผู้ชมว่า “ผมแก่แล้ว ไม่อยากพูดเรื่องการเมืองแล้ว” แล้วแกก็หันมาทางผมพร้อมพูดว่า “เดี๋ยวโดนพี่เล็กว่า พี่เล็กเค้าห้ามไว้” อิอิ เป็นมุขน่ารักประจำในช่วงนี้น่ะครับ 

แต่จะว่าไปตามจริง เรื่องการเมืองนั้น พี่แอ๊ดทำมามากมายเหลือเกิน ไปดูภาพข่าวเก่า ๆ ดิ ทำแม้กระทั่งโกนหัวประท้วงก็เคยมาแล้ว

ในมุมของผม เห็นว่าพี่แอ๊ดยังทำอะไรเกี่ยวกับการเมืองและประเทศของเราได้อีกมากมาย เช่นเขียนหนังสือ เป็นต้น อีกอย่าง พวกเราสว.กันแล้ว ควรปล่อยให้ลูกหลานเค้าแสดงฝีมือแสดงพลังกันบ้าง

ทุกสิ่งอย่างคือบทพิสูจน์ พี่แอ๊ดเองก็พูดให้ได้ยินอยู่บ่อย ๆ ว่า เด็ก ๆ สมัยนี้เก่ง และมีแนวคิดที่น่าสนใจ แกว่าแกยังชอบฟังพวกเค้าเวลาอภิปรายกันเลย

มะม่วงไม่เด็ดก็ร่วงเองถ้ามันสุก ทุกอย่างคือบทพิสูจน์เมื่อมันพร้อม เคยมีพิธีกรหลายท่าน ถามผมถึงหัวข้อประมาณ เคยเป็นห่วงว่าวงเพื่อชีวิตจะหายไปไหม วงเพื่อชีวิตจะอ่อนแรงไหม หรืออะไรแนว ๆ นี้

คำตอบของผมคือ ไม่รู้สึกห่วงแม้แต่น้อย เพราะวงเพื่อชีวิตคือแนวสะท้อนภาพของชีวิตผู้คน ดังนั้นเมื่อพวกเราไปเฝ้าเง็กเซียนฮ่องเต้กันแล้ว ลูก ๆ หลาน ๆ เค้าก็ต้องทำหน้าที่สะท้อนภาพสังคมในยุคของเค้ากันต่อได้ ไม่ต้องห่วงหรอกครับ เพียงแต่วงเพื่อชีวิตในอนาคตอาจใส่ชุดมนุษย์อวกาศขึ้นเวทีก็ได้ใครจะรู้เรื่องวันข้างหน้าล่ะ ว่าไหม อิอิ

เมื่อเวลาพี่แอ๊ดนิ่ง ๆ และปล่อยวาง แกดูน่าเคารพมาก ๆ เลย เพราะพี่แอ๊ดเป็นคนที่มากไปด้วยความสามารถ ประสบการณ์ก็เปี่ยมล้น แค่เขียนหนังสือ และให้คำปรึกษาลูก ๆ หลาน ๆ ก็ถือว่าสุด ๆ แล้วหละครับ

ด้วยความเป็นเพื่อน ก็ได้แค่มองๆ และประคับประคองชีวิตในยามที่ควรสงบร่มเย็นไม่อยากให้เพื่อนโดนทัวร์ลงโดยไม่จำเป็น

สำหรับผมก็เห็นเช่นพี่แอ๊ดว่า เด็ก ๆ สมัยนี้เค้ามีความรู้ความสามารถและวิสัยทัศน์ที่น่าสนใจไม่น้อยเลย เพียงแต่พวกเค้ายังต้องฝึกวิทยายุทธเพิ่มเติมอีกหน่อยถึงจะเทียบชั้นพวกผู้เฒ่าได้

เรื่องนี้ภรรยาผมสนใจเลยถามผมว่า “เด็ก ๆ เค้าเก่ง แล้วทำไมถึงยังเทียบชั้นกับพวกผู้เฒ่าไม่ได้ล่ะ“ หึ หึ อยากรู้เหรอ ”พวกผู้เฒ่าเค้าพิษเยอะ“ จ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก!!! จ๊ากยาวเลย

สวัสดียามเช้าที่เปียกแฉะ

‘ลิซ่า’ ยอมเรียนการแสดง เพื่อซีรีส์ ‘The White Lotus Season 3’ ชี้ เกือบร้องไห้ ตอนรู้ผลว่าแคสต์ผ่าน หลังย่องเงียบคัดตัวไม่บอกใคร

(13 ส.ค.67) นิตยสาร ELLE ได้ปล่อยภาพงานถ่ายแบบของ ‘ลิซ่า’ พร้อมบทสัมภาษณ์ของเธอออกมา ซึ่งเจ้าตัวได้เผยถึงที่มาที่ไปของการเดบิวต์การแสดงผ่านซีรีส์เรื่องดัง ‘The White Lotus Season 3’ ทางสถานี HBO

โดยซีรีส์เรื่อง The White Lotus จะเป็นการพูดถึงเรื่องราวต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นภายในโรงแรม และซีซั่นที่ 3 นี้ถูกถ่ายทำที่ภูเก็ต เกาะสมุย และกรุงเทพฯ

“พอมาถ่ายทำที่ประเทศบ้านเกิด หนูก็เลยได้กินอาหารไทยทุกวันเลยค่ะ แล้วก็ถือเป็นโอกาสดีที่ได้พาแม่มาอยู่ใกล้ชิดด้วยตอนระหว่างถ่ายทำ”

”จริง ๆ แล้วหนูไม่ได้บอกแม่ ไม่ได้บอกเพื่อนว่าไปออดิชันมา หนูเกือบร้องไห้เลยตอนรู้ผลว่าผ่านได้แสดงในเรื่องนี้ เพราะถือเป็นงานแสดงแรกของหนูเลย ทั้งตื่นเต้นและกังวลใจเวลาเดียวกัน ตอนที่รู้ผลข่าวเรื่องแคสต์งาน หนูมีความสุขอยู่แป๊บเดียวจากนั้นก็คิดได้ว่า ‘แล้วเราจะบอกคนอื่นเรื่องนี้ยังไงดี?’”

ทั้งนี้ ลิซ่า ไม่ได้บอกว่าเธอรับบทบาทเป็นอะไรในซีรีส์เรื่องนี้ แต่เจ้าตัวได้ทำการบ้านโดยการไปเรียนการแสดงกันเลยทีเดียว

“หนูลงเรียนการแสดงเลยค่ะ แต่ตอนแรกก็สงสัยเรื่องทักษะการแสดงของตัวเองเหมือนกัน แต่ก็เดาว่ามันคงจะคล้าย ๆ กับการถ่ายมิวสิควิดีโอ ก็หวังว่าแฟน ๆ จะชอบกันนะคะ ได้ดูเรื่องนี้ หนูว่าคนจะยิ่งรักเมืองไทยมากขึ้นค่ะ” ลิซ่า กล่าวด้วยความภูมิใจ

แม้จะก้าวเท้ามาชิมลางงานแสดง แต่เจ้าตัวก็ยังคงเป็นสมาชิกวง BlackPink หลังจากที่ทั้งวงได้ตัดสินใจต่อสัญญาแบบวงกับทาง YG Entertainment ต่อไปตั้งแต่เดือน ธ.ค.ปีที่แล้ว แต่แยกย้ายกันในส่วนของงานเดี่ยวที่ต่างมีสังกัดของตนเองและสังกัดอื่นช่วยดูแล

“หนูภูมิใจที่ได้เป็น Blackpink และหนูก็รักสมาชิกวงทุกคน มันไม่ใช่แค่เพราะแฟน ๆ ของเรา แต่เพราะพวกเราเองด้วย ไม่ต้องสงสัยเลย นี่คือชีวิตของพวกเราค่ะ”

“สำหรับตัวหนูเองตอนที่เป็นเด็กฝึกหัดอายุ 13 ปี หนูอยากจะบอกกับเธอว่าให้เดินหน้าต่อ เธอคงจะไม่อยากทำลายทุกอย่างนี้ อย่าไปคิดมากถึงอนาคต และโฟกัสแค่สิ่งที่กำลังทำ อย่ายอมแพ้ อย่าเลิกทำ”


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top