Monday, 16 June 2025
NewsFeed

สมุทรปราการ-เปิดแล้ว ตรอ.สาขา 9!! 'สส.ยงยุทธ' 'ผู้การวิชิต' ประธานตัดริบบิ้น ร่วมแสดงความยินดีกับบอสใหญ่ ตรอ.

ท่าน ดร.ยงยุทธ สุวรรณบุตร สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสมัยที่ 25 และที่ปรึกษากิตติมศักดิ์นายกเทศมนตรีตำบลแพรกษา พร้อมด้วย พล.ต.ต.วิชิต บุญชินวุฒิกุล ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรปราการ ให้เกียรติมาเป็นประธานตัดริบบิ้น เปิดสถานตรวจสภาพรถเอกชน ตรอ.มังกร สาขา 9 ตั้งอยู่ภายในซอยเพชรวิฑูรย์ ถนนศรีนครินทร์ อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรปราการ

พร้อมทั้งนำกระเช้าดอกไม้ร่วมแสดงความยินดีกับ พ.ต.อ.สาโรช และ ร.ต.ต.หญิงพวงผกา วิริยะเลิศสกุลชัย บอสใหญ่สถานตรวจสภาพรถเอกชน (ตรอ.) เนื่องในโอกาสเปิดสถานตรวจสภาพรถเอกชน ตรอ.มังกร ออโต้คาร์ สาขา 9 ทั้งนี้ยังมีสาขาพร้อมเปิดให้บริการทั้งหมดถึง 9 สาขาด้วยกัน

โดยในช่วงเช้าทางครอบครัว วิริยะเลิศสกุลชัย ถือฤกษ์ดีประกอบพิธีบวงสรวงสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ จากนั้น พ.ต.อ.สาโรช พร้อมด้วย ร.ต.ต.หญิงพวงผกา วิริยะเลิศสกุลชัย และครอบครัวประกอบพิธีถวายภัตตาหารเพลแด่พระภิกษุสงฆ์ จำนวน 9 รูป เพื่อความเป็นสิริมงคล

โดยมี ดร.ยงยุทธ สุวรรณบุตร สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมัยที่ 25 และที่ปรึกษากิตติมศักดิ์นายกเทศมนตรีตำบลแพรกษา พร้อมด้วย พล.ต.ต.วิชิต บุญชินวุฒิกุล ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรปราการ ตลอดจนแขกผู้มีเกียรติ นักธุรกิจ ผู้ประกอบการ จำนวนมากร่วมในพิธี พร้อมทั้งร่วมแสดงความยินดีและร่วมถวายภัตตาหารเพลแด่พระภิกษุสงฆ์ จากนั้น พระสงฆ์ทั้ง 9 รูป ประกอบพิธีเจริญชัยมงคลคาถาและเจริญพระพุทธมนต์เพื่อความเป็นศิริมงคลให้กับทางร้านและทางครอบครัววิริยะเลิศสกุลชัย

ทั้งนี้ สถานตรวจสภาพรถเอกชน ตรอ.มังกร ออโต้คาร์ สาขา 9 จะเปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 8.00-18.00 น. และสำหรับประชาชนที่สนใจจะใช้บริการกลับสถานตรวจสภาพรถเอกชน ตรอ.มังกร ออโต้คาร์ สาขา 9 ถนนศรีนครินทร์ สามารถโทรสอบถามได้ที่เบอร์ 061-179-5551

'อดีตนายกฯ บังกลาเทศ' แฉ!! ถูก US ปลุกระดมโค่นอำนาจ แก้แค้นไม่ยอมให้ตั้งฐานทัพ หากยอมแต่แรกอำนาจไม่หลุด

(13 ส.ค. 67) อดีตนายกรัฐมนตรีหญิง ชัยค์ ฮาสินา แห่งบังกลาเทศ ซึ่งถูกบีบให้ลาออกและหลบหนีออกนอกประเทศ ท่ามกลางการประท้วงใหญ่เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว กล่าวหาสหรัฐฯ ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการขับไล่เธอพ้นจากอำนาจ

ระหว่างให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์อีโคโนมิกไทม์ส ที่เผยแพร่เมื่อวันอาทิตย์ (11 ส.ค.) ฮาสินา บ่งชี้ว่าเธออาจยังคงอยู่ในอำนาจต่อไป หากว่าเธอยินยอมอ้าแขนรับให้กองทัพสหรัฐฯ เข้ามาตั้งฐานทัพในบังกลาเทศ

"ฉันลาออกแล้ว เพื่อที่ว่าฉันจะไม่ได้เห็นขบวนแห่ศพผู้เสียชีวิต พวกเขาต้องการก้าวเข้าสู่อำนาจด้วยศพของพวกนักศึกษา แต่ฉันไม่ยอมให้มันเกิดขึ้น ฉันลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี" ฮาสินากล่าว "ฉันอาจยังคงอยู่ในอำนาจ หากว่าฉันยอมสละอธิปไตยของเกาะเซนต์มาร์ติน และเปิดทางให้อเมริกามีอิทธิพลเหนืออ่าวเบงกอล ฉันขอวิงวอนผู้คนในแผ่นดินของฉัน กรุณาอย่าถูกบิดเบือนด้วยพวกหัวรุนแรง"

ฮาสินา อ้างถึงเกาะผืดหินปะการังของบังกลาเทศ ในทางตะวันออกเฉียงเหนือของอ่าวเบงกอล ที่กล่าวอ้างว่าวอชิงตันพยายามยึดครองมัน ทั้งนี้เจ้าหน้าที่บังกลาเทศหลายคนกล่าวอ้างในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา ว่าอเมริกาขอเช่าเกาะแห่งนี้ในหลายโอกาส แต่ถูกปฏิเสธ ขณะที่ ฮาสินา บอกว่า ‘พวกชายผิวขาว’ คำที่เธอใช้เรียกเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ เคยมาขอเข้าพบเธอก่อนศึกเลือกตั้งก่อนหน้านี้ และขอให้เธอสนับสนุนโครงการก่อสร้างฐานทัพอากาศบนเกาะเซนต์มาร์ติน

นักการเมืองหญิงวัย 76 ปี ซึ่งครองอำนาจมานานกว่า 15 ปี หลบหนีไปยังอินเดีย ประเทศเพื่อนบ้าน หลังลาออกจากตำแหน่งในวันที่ 5 สิงหาคม อย่างไรก็ตาม เธอประกาศว่าจะเดินทางกลับกรุงธากาเร็ว ๆ นี้ "ด้วยพระคุณแห่งผู้ทรงฤทธานุภาพ พระอัลเลาะห์"

การพ้นจากตำแหน่งของฮาสินา มีขึ้นหลังจากเกิดการประท้วงทั่วประเทศที่นำโดยนักศีกษาต่อเนื่องยาวนานหลายสัปดาห์ เกี่ยวกับระบบโควตางานของรัฐบาล ซึ่งถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าเอื้ออำนวยต่อคนที่เกี่ยวข้องกับพรรครัฐบาล การประชุมเริ่มต้นอย่างสันติ แต่จากนั้นได้ลุกลามกลายเป็นสถานการณ์ความรุนแรงอย่างรวดเร็ว ท่ามกลางรายงานว่ามีผู้เสียชีวิตกว่า 400 คน และถูกจัมกุมประมาณ 11,000 คน

ไม่นานหลังจาก ฮาสินา ลาออก ทางพลเอกวาเกอร์-อุซ-ซามัน ประธานคณะเสนาธิการร่วมของบังกลาเทศ แถลงว่าเขาจะตั้งรัฐบาลรักษาการ โดยที่ มูฮัมหมัด ยูนูส เจ้าของรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ ผู้ริเริ่มและพัฒนาแนวคิดการให้กู้เงินแก่คนจนโดยไม่ต้องมีหลักทรัพย์ค้ำประกัน ได้สาบานตนเข้ารับตำแหน่งหัวหน้ารัฐบาลรักษาการ เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม

'องค์กรไม่แสวงหากำไรในสหรัฐฯ’ แจ้งเตือน 'ไทย' เตรียมรับมือด่วน หลังพบเรือขนขยะพิษจากแอลเบเนียกว่า 100 ตู้กำลังจะถึงแหลมฉบัง

(13 ส.ค.67) Spacebar รายงานว่า ‘Basel Action Network’ องค์กรไม่แสวงหากำไรในสหรัฐฯ ที่ติดตามการส่งออกของเสียที่เป็นพิษ ซึ่งก่อนหน้านี้เคยแจ้งเตือนมาเลเซียถึงการขนส่งขยะอิเล็กทรอนิกส์ที่ผิดกฎหมาย และได้แจ้งประเทศไทยเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า ตู้คอนเทนเนอร์ดังกล่าวที่ทางองค์กรเชื่อว่าเต็มไปด้วยฝุ่นเตาเผาไฟฟ้าที่อาจเป็นอันตรายกำลังมุ่งหน้าสู่ประเทศไทย ณ ท่าเรือแหลมฉบัง

นอกจากนี้ ยังพบว่าเรือลำหนึ่งที่บรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ไม่ปรากฏบนบริการติดตามตำแหน่งทางทะเลอีกต่อไป จากนั้นเรือก็จอดเมื่อเข้าใกล้เมืองเคปทาวน์เมื่อปลายเดือนที่แล้ว หลังจากที่ ‘Basel Action Networ’ ระบุว่าได้แจ้งเตือนเจ้าหน้าที่แอฟริกาใต้เกี่ยวกับการขนส่งดังกล่าว 

เจ้าหน้าที่ไทยได้รับแจ้งว่าตู้คอนเทนเนอร์ถูกบรรทุกขึ้นเรือที่แอลเบเนียเมื่อต้นเดือนกรกฎาคม และกำลังดำเนินการร่วมกับหน่วยงานในแอลเบเนียและสิงคโปร์เพื่อระงับการขนส่งดังกล่าว ซึ่งเรือจะเข้าเทียบท่าในช่วงปลายเดือนนี้ 

กรมโรงงานอุตสาหกรรมของไทย ซึ่งมีหน้าที่ดูแลการจัดการขยะระหว่างประเทศระบุในอีเมลว่า “หน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องไม่ได้รับแจ้งและไม่ได้ให้ความยินยอมสำหรับการขนส่งเหล่านี้ ขณะนี้เรากำลังประสานงานและติดตามเพื่อป้องกันการขนส่งที่ผิดกฎหมายเหล่านี้” 

สำหรับประเทศไทยและประเทศอื่น ๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ต้องเผชิญกับขยะล้นประเทศที่มาจากประเทศพัฒนาแล้ว ไม่ว่าจะเป็นขยะพลาสติกสกปรก ขยะอุตสาหกรรมและขยะอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งอาจมีสารพิษเจือปนอยู่ด้วย  

โดยตามอนุสัญญาบาเซลของสหประชาชาติ (Basel Convention) ข้อตกลงระดับโลกที่ลงนามโดยหลายประเทศที่พัฒนาแล้ว ซึ่งประเทศต่าง ๆ จำเป็นต้องยินยอมให้ประเทศพัฒนาแล้วส่งขยะมาทิ้งในประเทศของตัวเอง 

อย่างไรก็ตาม จากรายงานของ ‘Basel Action Network’ ได้ระบุว่า ตู้คอนเทนเนอร์ดังกล่าวอยู่บนเรือแคมป์ตัน และแคนเดอร์ของบริษัท A/S AP Moller-Maersk โดยทางบริษัทยืนยันว่าเรือบรรทุกสินค้า 2 ลำของบริษัทกำลังบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ที่มาจากแอลเบเนีย ซึ่งบริษัทเดินเรืออีกแห่งหนึ่งจองไว้ 

“ไม่มีตู้คอนเทนเนอร์ใดที่ถูกระบุว่ามีขยะอันตราย มิฉะนั้นแล้ว Maersk (เมิร์สก์) ก็คงปฏิเสธที่จะขนส่งตู้คอนเทนเนอร์เหล่านี้ เนื่องจากมีการคาดเดาเกี่ยวกับตู้คอนเทนเนอร์เหล่านี้ บริษัท Maersk จึงจะส่งมอบตู้คอนเทนเนอร์ดังกล่าวให้กับบริษัทเดินเรือที่จองและรับผิดชอบต่อตู้คอนเทนเนอร์ดังกล่าว” ซัมเมอร์ ชี โฆษกหญิง ระบุในอีเมล 

ถึงกระนั้น ‘Basel Action Network’ ซึ่งร่วมกับกลุ่มสิ่งแวดล้อม ‘มูลนิธิบูรณะนิเวศ’ (EARTH) ก็ได้แจ้งเตือนประเทศต่าง ๆ มากมาย เมื่อทราบว่าฝุ่นจากเตาเผาไฟฟ้ามากกว่า 800 ตัน ถูกบรรทุกลงบนเรือในแอลเบเนีย จากนั้นจึงส่งต่อไปยังเรือบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ของบริษัท Maersk ในเมืองทรีเอสต์ ประเทศอิตาลี โดยข้อมูลการขนส่งทางออนไลน์แสดงให้เห็นว่า เรือของบริษัทเมดิเตอร์เรเนียน ชิปปิ้ง (MSC) ก็มีส่วนเกี่ยวข้องกับการขนส่งครั้งนี้ด้วย โดยมีประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทาง 

ทั้งนี้ ฝุ่นจากเตาเผาที่ต้องได้รับการบำบัดเป็นขยะอันตรายที่มักมาจากการรีไซเคิลเศษเหล็ก และมีออกไซด์โลหะที่เป็นพิษ เช่น แคดเมียมและโครเมียม ซึ่งเป็นอันตรายต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อม 

ตามข้อมูลบนเว็บไซต์ติดตามตู้คอนเทนเนอร์ของ MSC ระบุอีกว่า “ตู้คอนเทนเนอร์ขนาด 20 ฟุต จำนวน 40 ตู้ถูกโหลดขึ้นเรือ ‘Contship Vow’ เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม ที่ท่าเรือดูร์เรสของแอลเบเนีย จากนั้นตู้คอนเทนเนอร์เหล่านี้จะถูกส่งต่อไปยังเรือแคมป์ตันของบริษัท Maersk ที่เมืองทรีเอสต์ ในอีกไม่กี่วันต่อมา และจะถูกส่งต่ออีกครั้งบนเรือ MSC ที่สิงคโปร์ในวันที่ 18 สิงหาคม” 

โดยเรือบรรทุกดังกล่าวมีกำหนดเดินทางถึงท่าเรือแหลมฉบังของไทยในวันที่ 20 สิงหาคมนี้ ในขณะเดียวกัน การขนส่งตู้คอนเทนเนอร์จำนวนประมาณ 60 ตู้ ซึ่งเดิมบรรจุอยู่บนเรือ MSC จากแอลเบเนีย ก็กำลังมุ่งหน้าสู่สิงคโปร์บนเรือแคนเดอร์ของบริษัท Maersk ด้วยเช่นกัน 

ทว่า เรือแคมป์ตัน ได้ปิดการส่งสัญญาณตำแหน่งเมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม โดยบริษัท Maersk กล่าวว่า “เรือลำนี้ไม่มีกำหนดแวะจอดที่แอฟริกาใต้ และไม่ใช่เรื่องแปลกที่เรือจะปิดการส่งสัญญาณตำแหน่งด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัย” ปัจจุบันเรือลำนี้อยู่ในมหาสมุทรอินเดีย เพื่อมุ่งหน้าไปยังสิงคโปร์  

ทั้งนี้มีการคาดการณ์ว่าเรือแคมป์ตันจะจอดที่สิงคโปร์ในวันที่ 14 สิงหาคม ส่วนเรือแคนเดอร์จะเดินทางถึงสิงคโปร์ในวันที่ 22 สิงหาคม ก่อนที่ตู้คอนเทนเนอร์ซึ่งถูกกล่าวหาว่าเต็มไปด้วยฝุ่นเตาเผาจะมุ่งหน้าไปยังประเทศไทย 

“ในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้ ถือเป็นช่วงเวลาที่สำคัญมาก เนื่องจากสิงคโปร์และไทยจะต้องดำเนินการเพื่อหยุดยั้งเรือเหล่านี้...แอลเบเนียควรนำตู้คอนเทนเนอร์กลับคืน เพื่อให้แน่ใจว่าขยะจะไม่ถูกส่งออกอีกครั้งไปยังจุดหมายปลายทางอื่นๆ” จิม พักเก็ตต์ ผู้อำนวยการบริหารของ ‘Basel Action Network’ กล่าว 

ทัพเรือไทย-เวียดนาม ประชุม Navy to Navy Talks ครั้งที่ 4

พล.ร.ต.เทพฤทธิ์ ลาภเหลือ ผู้อำนวยการสำนักนโยบายและแผน กรมยุทธการทหารเรือ และคณะผู้แทน ทร.ไทย ร่วมประชุม Navy to Navy Talks ครั้งที่ 4 กับ พล.ร.ต.Nguyen Viet Khanh รองเสนาธิการทหารเรือเวียดนาม และคณะผู้แทน ทร.เวียดนาม ณ โรงแรมมณเฑียร ริเวอร์ไซด์ กรุงเทพฯ

โดยการประชุมเป็นไปด้วยความราบรื่น มีประเด็นหารือ สรุปได้ดังนี้

1.การแลกเปลี่ยนด้านการศึกษา ซึ่งผู้แทน ทร.ไทย แจ้งให้ทราบถึงการเสนอที่นั่งหลักสูตร รร.สธ.ทร. และ วทร. โดยเสนอที่นั่งหลักสูตร รร.สธ.ทร. ให้กับ ทร.เวียดนาม เป็นประจำทุกปี และเสนอที่นั่งหลักสูตร วทร. ให้กับ ทร.เวียดนาม ในปี 2570
2.การแลกเปลี่ยนด้านการข่าว  ซึ่งทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องต้องกัน ถึงความสำคัญของการประชุมแลกเปลี่ยนข่าวสาร ซึ่งใช้เป็นเวทีสำคัญในการเเลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารสำคัญต่างๆ ระหว่างกัน และเห็นพ้องให้ ทร.เวียดนาม เป็นเจ้าภาพการประชุมใน ครั้งต่อไป
3.การลาดตระเวนร่วมและความร่วมมือด้านยุทธการ
3.1 ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องให้ดำรงการลาดตระเวนร่วม จำนวน 2 ครั้งต่อปีไว้ซึ่งในปีงบประมาณ 2568 ทร.ไทย มีแผนที่จะทำการลาดตระเวนร่วม ครั้งที่ 50 ในเดือน พ.ย.67 และครั้งที่ 51 ในเดือน เม.ย.68 โดย ทร.ไทย มีแผนที่จะเข้าเยี่ยมเมืองท่าเวียดนาม ภายหลังจากเสร็จสิ้นการการลาดตระเวนร่วมครั้งที่ 51
3.2 ผู้แทน ทร.ไทย ได้เสนอร่างแผนการลาดตระเวนร่วม 2571 - 2580 เพื่อเป็นการกำหนดกรอบการดำเนินการลาดตระเวนร่วม ระหว่าง ทร.ทั้งสองฝ่าย ทั้งนี้แผนดังกล่าว สามารถปรับเปลี่ยนได้ ตามที่ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องกัน
3.3 ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องให้มีการจัดการแลกเปลี่ยนความรู้ของผู้เชี่ยวชาญ ในโอกาสที่การเยือน การประชุม หรือการเยี่ยมเมืองท่าของเรือรบ หรือโอกาสอื่นๆ ที่เอื้ออำนวย เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างกำลังพลทั้งสองฝ่าย
4. เรื่องอื่นๆ
4.1 ผู้แทน ทร.ไทย เสนอขอเข้าเยี่ยมชมหน่วยป้องกันฝั่งและระบบอาวุธนำวิถียิงจากฝั่ง ต่อต้านเรือรบผิวน้ำระยะไกล ซึ่ง ทร.เวียดนาม มีความยินดีให้เยี่ยมชมในการไปประชุมที่เวียดนาม ในครั้งต่อไป
4.2 ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องให้จัดการประชุม NTNT ครั้งต่อไป ณ เวียดนาม ในไตรมาสที่ 2 หรือ 3 ของปี 2568 อีกด้วย

นิราช/นันทพล ทิพย์ศรี ชลบุรี 0909535645 

'เพจน้องอิคคิว' แจง!! คลิปรูบิคที่นำมาลง ล้วนได้รับอนุญาตจากบุคคลนั้นๆ ด้านแฟนคลับย้ำ!! อย่าหยุดความชื่นชอบ เพราะแค่กลุ่มคนทัศนคติไม่ดี

(14 ส.ค.67) จากเพจ 'Ik-Q & LeBron Family Fun' ซึ่งเผยแพร่ผลงานของ 'น้องอิคคิว-เอกภูมิ ศิริศักดิ์ไพศาล' เซียนรูบิคตัวน้อย ที่กำลังกลายเป็นไวรัลบนโลกโซเชียล ได้โพสต์ข้อความชี้แจง ระบุว่า...

"จากนี้ไป คลิปรูบิคที่ทางช่องนำมาลง คืองานคอนเทนต์ที่ได้รับอนุญาตจากบุคคลนั้น ๆ แล้วเท่านั้น และจะไม่มีการซื้อขายเกิดขึ้น" เว้นแต่บุคคลในรูปมีความประสงค์ที่จะขอซื้อ!!

ที่ผ่านมาเราไม่ชัดเจนเอง ทำให้คนบางส่วนไม่เข้าใจ และนำไปให้ข้อมูลผิดเพี้ยน หรือปั่นกระแสเพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง 

เราต่อรูบิคมาทั้งหมด 72 รูปโดยประมาณ เพื่อทำคอนเทนต์เท่านั้น มีเพียง 3 รูปที่บุคคลในภาพมีความประสงค์ที่จะขอซื้อ และไม่มีรูปไหนได้เกิน 25,000 บาท (ทุน 22,000 บาท) เพราะเราบอกเขาว่าเราเอาเท่าทุน เพื่อนำไปซื้อรูบิคมาต่อใหม่ ยกเว้น รูบิค บอสชาตรี ที่ให้รางวัลซุปเปอร์แฟน 

นอกนั้นไม่มีรูปไหนเลยที่เราขาย ยกเว้นงานจ้าง แต่คนเข้าใจว่าเราขาย เข้าใจว่าเรายกไปให้ คลิปที่ยกไปให้เกิดจาก คนที่จ้างต่อรูบิค ต้องการให้เราเอาไปมอบให้ถึงมือเท่านั้น

ในตอนแรกเราจะให้น้องหยุดต่อรูบิค และทำด้านอื่น ๆ ที่น้องทำอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็น การตีกลอง การเล่นบาส การรีวิวของเล่นและสถานที่ท่องเที่ยว เพราะน้องทำยูทูบ เพื่ออยากหารายได้ด้วยตัวเอง และนำไว้เป็นค่ารักษาดวงตาน้องมาตลอดตั้งแต่ 7 ขวบ 

แต่มีพี่ ๆ เยอะมากสนับสนุนให้น้องต่อรูบิคที่น้องชอบต่อไป และอย่าหยุดความฝันความชอบน้อง เพราะคนกลุ่มเล็ก ๆ หรือ คนทัศนคติไม่ดี 

พ่อและแม่เลยตัดสินใจที่พร้อมจะสนับสนุนในสิ่งที่ลูกทำและมีความสุขต่อไปครับ

เราขอขอบคุณทุกท่านที่เข้าใจและสนับสนุนเรา เราจะพยายามสื่อสารให้ชัดเจนและตรงไปตรงมาในอนาคต เพื่อป้องกันการเข้าใจผิดและสร้างคอนเทนต์ที่ดีต่อไปครับ

กำลังพล สอ.รฝ. กายพร้อม ใจพร้อม ก่อนปฏิบัติราชการภาคใต้

รพ.อาภากรเกียรติวงศ์ ฐท.สส. โดย นาวาโท สมบูรณ์ ดอนสนธิ์ หน.จิตวิทยาทางการแพทย์ กองสุขภาพจิต ดำเนินกิจกรรม “เตรียมความพร้อม ด้านสุขภาพจิตทหาร“ แก่กำลังพล สอ.รฝ. ก่อนออกปฏิบัติราชการ ฉก.นย.ทร./ฉก.นย.ภต. ชุด รปภ.สนามบิน จว. นราธิวาส ณ อาคารเอนกประสงค์ สอ.รฝ. อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี

'นักเขียนรางวัลซีไรต์' ฟาด 'ด้อมส้ม' ไม่ต้องบอกว่าเจ็บปวด เพราะตอน 'ใส่ร้ายเจ้า-มุ่งล้มเจ้า' คนอื่นเขาเจ็บปวดมากกว่า

(14 ส.ค. 67) วิมล ไทรนิ่มนวล นักเขียนรางวัลซีไรต์ โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก ระบุว่า...

เมิงไม่ต้องบอก บอกว่าเจ็บปวด
ตอนพวกเมิงใส่ร้ายเจ้า เหยียดหยามเจ้า
มุ่งล้มเจ้า คนค่อนประเทศ
เขาเจ็บปวดมากกว่าพวกเมิงนัก!

โพสต์ดังกล่าวสืบเนื่องจาก ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ มีคำวินิจฉัยสั่งยุบพรรคก้าวไกลในคดีล้มล้างการปกครอง ทำให้ด้อมส้ม แสดงความไม่พอใจถึงคำวินิจฉัยดังกล่าว

โปรดเกล้าฯ พระราชทานเครื่องราชฯ 'โค้ชเช' ผู้ทำคุณประโยชน์ให้ประเทศไทย

(14 ส.ค. 67) เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศ พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่สรรเสริญยิ่งดิเรกคุณาภรณ์ ประจำปี 2567 เมื่อวันที่ 13 ส.ค.ที่ผ่านมา ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทาน เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่สรรเสริญยิ่งดิเรกคุณาภรณ์

มีทั้งชั้นสายสะพาย และชั้นต่ำกว่าสายสะพาย รวมทั้งสิ้น 2,905 ราย เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 ประกาศ ณ วันที่ 5 สิงหาคม พุทธศักราช 2567 เป็นปีที่ 9 ในรัชกาลปัจจุบัน

ชั้นสายสะพาย ปฐมดิเรกคุณาภรณ์
- กระทรวงกลาโหม นายสารัชถ์ รัตนาวะดี
- กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ในส่วนของมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง นายชัย โสภณพนิช

ชั้นต่ำกว่าสายสะพาย ตติยดิเรกคุณาภรณ์
- กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา นายชัชชัย เช หรือ โค้ชเช ยองซ็อก

สลด!! ‘พ่อปาเลสไตน์’ สูญเสียทั้งครอบครัว จากการโจมตีของอิสราเอล หลังตนรีบออกจากบ้าน เพื่อไปขอใบสูติบัตรให้ ‘ลูกน้อยฝาแฝดวัย 4 วัน’

(14 ส.ค.67) โมฮัมเหม็ด อาบู อัล คัมซาน (Mohammed Abu al Qumsan) ต้องหัวใจสลายที่ต้องเสียทั้งครอบครัวไปอย่างไม่ตั้งตัวในวันอังคาร (13 ส.ค.) หลังบ้านพักฉุกเฉินที่เขาและลูกฝาแฝดชายหญิงวัยแค่ 4 วัน กำลังน่ารัก รวมภรรยาและย่าอาศัยอยู่นั้น โดนทหารอิสราเอลโจมตีทางอากาศ

ด้านสกายนิวส์ของอังกฤษรายงานเมื่อวันอังคาร (13 ส.ค.) ว่า ไอซาล (Aysal) ทารกฝาแฝดหญิงผู้พี่และอาเซอร์ (Aser) ฝาแฝดน้องชายที่เพิ่งลืมตาดูโลกเป็นครั้งแรกเมื่อสุดสัปดาห์ แต่กลับต้องเคราะห์ร้ายมีชีวิตอยู่เพียงแค่ 4 วัน เมื่อพ่อปาเลสไตน์ที่กำลังตื่นเต้น ‘โมฮัมเหม็ด อาบู อัล คัมซาน’ (Mohammed Abu al Qumsan) รีบเดินทางออกจากบ้านในเดอีร์ อัล บาลาห์ (Deir al Balah) ตอนกลางของเขตฉนวนกาซา

แต่เมื่อเขาเดินทางกลับมาในเช้าวันอังคาร (13 ส.ค.) พร้อมกับใบสูติบัตรของลูกฝาแฝดแรกคลอดกลับพบว่าทั้งครอบครัวถูกสังหารจากการโจมตีทางอากาศของกองทัพอิสราเอล

อ้างอิงจากสื่อท้องถิ่นพบว่า ทั้งครอบครัวแต่เดิมอาศัยอยู่ทางเหนือของกาซา แต่ทว่าต้องอพยพลงมาอาศัยชั่วคราวที่ทางใต้ลงไป

โดยภาพที่เห็นและเผยแพร่ทางโซเชียลมีเดียผ่านวิดีโอคลิปแสดงให้เห็นชายคนหนึ่งกำลังร้องไห้อย่างเงียบ ๆ และในมือถือใบสูติบัตรจำนวน 2 ใบ และอัล คัมซานนั้นร้องไห้หนักมากขึ้นและดูเหมือนจะเป็นหมดสติด้วยความเสียใจขณะที่ชาย 2 คนประคองเขาไว้

เป็นภาพไม่ต่างจากเมื่อครั้งพ่อชาวยิวไอริช ทอม แฮนด์ (Tom HandX) ที่เคยให้สัมภาษณ์อย่างสุดสะเทือนใจเมื่อไม่กี่วันหลังฮามาสบุกข้ามแดนเข้าไปโจมตีสังหารในหมู่บ้านของเขาในอิสราเอลเมื่อวันที่ 7 ต.ค. ปี 2023 ว่า เป็นการดีที่ได้รู้ว่าลูกสาว เอมิลี วัย 8 ขวบเสียชีวิตและไม่ได้ถูกลักพาตัวไป แต่ในเวลาต่อมาแฮนด์ซึ่งโชคดีมากกว่าพ่อปาเลสไตน์หลายคนเพราะเขาได้ตัวลูกสาว เอมิลี กลับคืนมาอย่างปลอดภัยและเด็กจากสื่อ i24NEWS English รายงานเมื่อวันที่ 5 ก.พ. ต้นปี สามารถเริ่มกลับมาใช้ชีวิตได้อย่างปกติ

สกายนิวส์รายงานว่า ภรรยาของเขา จูมานา อราฟา ซึ่งเป็นเภสัชกรได้ให้กำเนิดโดยการผ่าคลอดก่อนที่จะประกาศข่าวดีว่าเป็นฝาแฝดผ่านทางเฟซบุ๊ก

ในวันอังคาร (13 ส.ค.) คุณพ่อปาเลสไตน์มือใหม่รีบเดินทางไปขอใบสูติบัตรที่สำนักงานรัฐบาลท้องถิ่น แต่ในระหว่างที่เขาอยู่ที่นั่นพบว่าเพื่อนบ้านได้โทรศัพท์แจ้งว่า บ้านพักฉุกเฉินที่อาศัยถูกโจมตีด้วยระเบิด

“ผมไม่รู้ว่าเกิดอะไร” และกล่าวว่า “ผมได้รับการบอกว่ามีการยิงและมาโดนที่บ้านพักอาศัย”

คู่สามีภรรยาทำตามคำสั่งอพยพในช่วงสัปดาห์แรก ๆ ของสงคราม และได้เข้ามาอาศัยที่ตอนกลางของเขตฉนวนกาซาตามคำสั่งของกองทัพอิสราเอล เอพีชี้

กระทรวงสาธารณสุขกาซารายงานตัวเลขผู้เสียชีวิตล่าสุดมีไม่ต่ำกว่า 39,929 คน และบาดเจ็บอีก 92,240 คน

ขณะเดียวกันในวันจันทร์ (12 ส.ค.) กลุ่มติดอาวุธฮามาสแถลงยืนยันว่า ตัวประกันชายชาวอิสราเอลที่ถูกจับไว้ในกาซาโดนผู้คุมของเขายิงเสียชีวิตพร้อมกับมีตัวประกันหญิงอีก 2 คนได้รับบาดเจ็บสาหัสในอีกเหตุการณ์

โฆษกกองกำลังฮามาสประกาศการตั้งคณะกรรมการสอบสวน

'สุริยะ' ชวน 'ญี่ปุ่น' ลงทุนรถไฟฟ้าสายสีแดงส่วนต่อขยาย พร้อมดึงร่วมพัฒนาระบบ AGT 'สายสีน้ำตาล-เทา-สีเงิน'

เมื่อวานนี้ (13 ส.ค. 67) นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ให้การต้อนรับ นายโอตากะ มาซาโตะ เอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย พร้อมคณะ เนื่องในโอกาสเข้ารับตำแหน่ง ณ ห้องรับรอง กระทรวงคมนาคม โดยได้หารือถึงความร่วมมือด้านการคมนาคมขนส่งของประเทศไทยและหน่วยงานในประเทศญี่ปุ่น พร้อมติดตามความคืบหน้าโครงการต่าง ๆ ที่อยู่ระหว่างดำเนินการ

นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ กล่าวว่า วันนี้ได้มีโอกาสหารือในประเด็นการขอรับความช่วยเหลือด้านการซ่อมบำรุงรถไฟสายสีแดงจากญี่ปุ่น โดยให้ความสนใจกับกลุ่มบริษัทผู้เชี่ยวชาญด้านรถไฟที่มีชื่อเสียงด้านการพัฒนาเทคโนโลยีขั้นสูง การบำรุงรักษาที่มีประสิทธิภาพและทันสมัย อีกทั้งได้เชิญชวนญี่ปุ่นพิจารณาร่วมลงทุนในโครงการส่วนต่อขยายรถไฟสายสีแดง ซึ่งปัจจุบันการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) อยู่ระหว่างการจัดทำรายละเอียดและเอกสารที่เกี่ยวข้องสำหรับส่วนต่อขยาย 3 เส้นทาง ได้แก่ 

1) บางซื่อ - พญาไท - มักกะสัน - หัวหมาก และบางซื่อ - ห้วยลำโพง 
2) รังสิต - มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ 
และ 3) ศิริราช - ตลิ่งชัน - ศาลายา เพื่อเสนอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณา ซึ่งเมื่อกระบวนการเสร็จสิ้นจะเป็นโอกาสสำหรับอุตสาหกรรมรถไฟของญี่ปุ่นในการพิจารณาลงทุนก่อสร้างต่อไป 

นายสุริยะ กล่าวเพิ่มเติมว่า "ด้วยความสำเร็จของการนำเทคโนโลยีระบบขนส่งมวลชนนำทางอัตโนมัติ (AGT) มาใช้กับรถไฟฟ้าสายสีทอง เราจึงมีความมุ่งมั่นที่จะสร้างความร่วมมือกับญี่ปุ่นในการต่อยอดเทคโนโลยีนี้ไปยังโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำตาล, สายสีเทา และสายสีเงิน และขอขอบคุณญี่ปุ่นสำหรับความร่วมมือในโครงการต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการจัดทำแผนพัฒนาเมืองอัจฉริยะบางซื่อ ระหว่างองค์กรพัฒนาและฟื้นฟูเมืองแห่งญี่ปุ่น (UR) กับสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) และบริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด (รฟฟท.) ซึ่งผลลัพธ์ของโครงการได้เน้นย้ำถึงความสำคัญการพัฒนาโครงการที่ผสมผสานการใช้ประโยชน์ที่ดินรอบสถานีขนส่ง (TOD) ในการขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจ สอดคล้องกับเป้าหมายของประเทศในการเป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์และการขนส่งในภูมิภาคอาเซียน"

ในส่วนของความร่วมมือระหว่างกระทรวงที่ดิน โครงสร้างพื้นฐาน การขนส่งและการท่องเที่ยวแห่งญี่ปุ่น (MLIT) กับกรมทางหลวง (ทล.) กรมทางหลวงชนบท (ทช.) และการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) ภายใต้ความตกลงระหว่างกระทรวงคมนาคมไทย - ญี่ปุ่นด้านการจัดการจราจรและเทคโนโลยีทางถนนนั้น ที่ผ่านมาได้มีการหารือและการเยี่ยมชมพื้นที่ก่อสร้างต่าง ๆ มาอย่างต่อเนื่อง เพื่อประโยชน์ในการพัฒนาระบบสัญญาณไฟจราจรอัจฉริยะ ระบบ SCADA (ระบบตรวจสอบ และวิเคราะห์ข้อมูลแบบ Real-Time) และโครงการก่อสร้างอุโมงค์และสะพาน โดยกระทรวงคมนาคมจะให้การสนับสนุนการศึกษาดูงานระหว่างกันอย่างต่อเนื่องต่อไป


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top