Monday, 16 June 2025
NewsFeed

‘นักร้องสาว’ เจอลูกค้าไม่พกมารยาท ไล่ลงเวที หลังเล่นเพลงให้ไม่ได้ เจ้าตัวเผย ขอโทษที่บางครั้งทำให้ไม่ได้ เหตุไม่ชัวร์กลัวทำออกมาไม่ดี

(14 ส.ค.67) เป็นคลิปที่มีชาวเน็ตเข้ามาให้กำลังใจเธอเป็นจำนวนมาก หลังจากที่ผู้ใช้เฟซบุ๊ก ‘Chayapas Khumthanom’ นักร้องสาวโพสต์คลิปพร้อมระบุข้อความว่า "ให้คลิปเล่าเรื่องครับ #อาชีพนักงานดนจนตรีแต่ละมื้อแต่ละday " 

โดยเธอเผยคลิปขณะกำลังเล่นดนตรี พร้อมร้องเพลงในร้านอาหารแห่งหนึ่ง ซึ่งก็มีการสนทนาดังนี้

ลูกค้า : Superman ได้มั้ย
นักร้อง : ไม่ได้ค่ะ หนูไม่ได้แกะ (ยิ้ม)
ลูกค้า : ไม่ได้ก็ลงเลย รอทำอะไร
ลูกค้า : ฤดูฝน 
นักร้อง : เดี๋ยวดูแปบนึง ขอโทษด้วยนะคะ พอดีว่าไม่ได้เก็บมาทุกเพลงนะคะ 
ลูกค้า : ไม่ได้ถามเลย 
นักร้อง : อะไรนะคะ 
ลูกค้า : ไม่ได้ถามเลย ว่าเก็บทุกเพลงมั้ย 

โดยเธอยังระบุผ่านคลิปด้วยว่า "ต้องขอโทษที่บางครั้งเล่นเพลงที่ขอให้ไม่ได้ บางเพลงก็ไม่ได้ทำการบ้านมา พอไม่ชัวร์ก็กลัวจะเล่นออกมาไม่ดี อยากขอความเห็นใจจากคุณลูกค้าทุกท่าน จากนักดนตรีตาดำ ๆ คนนี้ครับผม"

หลังจากที่เธอโพสต์คลิปออกไปก็มีเพื่อน ๆ เข้ามาให้กำลังใจเธอเป็นจำนวนมาก อาทิ

- ไม่เป็นไรน้อง… ลูกค้าไม่มีมารยาท ดีแล้วที่ใจเย็นและอดทนไว้ได้.. อย่าเก็บคำพูดพวกนี้มาใส่ใจ…
- ลูกค้าหยาบมาก เป็นกำลังใจให้นะ
- เมาแล้วไม่น่ารักเลย น่าจะกินอยู่ที่บ้านมากกว่า
- มารยาทคนมาฟังทรามมากเลย
- คุณลูกค้าลืมพกมารยาทก่อนออกจากบ้านมารึป่าวคะ แย่อะ

'นายกฯ ญี่ปุ่น' เตรียมลงจากตำแหน่งผู้นำพรรครัฐบาล เดือน ก.ย.นี้ ท่ามกลางเรื่องอื้อฉาวต่างๆ และความขัดแย้งทางการเมือง

(14 ส.ค. 67) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า นายกรัฐมนตรีฟูมิโอะ คิชิดะ ของญี่ปุ่น จะลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรครัฐบาลในเดือนกันยายน 2567 นี้ ซึ่งถือเป็นการสิ้นสุดวาระการดำรงตำแหน่ง 3 ปี ที่เขาดำรงตำแหน่งในช่วงผลักดันให้เพิ่มค่าจ้างและเพิ่มการใช้จ่ายด้านกลาโหม

ที่ผ่านมาเสียงสนับสนุนคิชิดะลดลงอย่างมาก ท่ามกลางเรื่องอื้อฉาวต่าง ๆ และท่ามกลางความขัดแย้งทางการเมือง

คิชิดะจะไม่ลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นหัวหน้าพรรคเสรีประชาธิปไตย (LDP) อีกต่อไป สื่อท้องถิ่น รวมถึงสถานีวิทยุและโทรทัศน์สาธารณะ NHK รายงานโดยอ้างคำพูดของเจ้าหน้าที่บริหารระดับสูง

การตัดสินใจลาออกของเขาจะกระตุ้นให้เกิดการแข่งขันชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรคที่จะมาแทนที่เขา และขยายไปเป็นผู้นำเศรษฐกิจที่ใหญ่เป็นอันดับสี่ของโลก

ผู้สืบทอดตำแหน่งของเขาจะต้องเผชิญกับค่าครองชีพที่สูงขึ้น ท่ามกลางความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ที่เพิ่มมากขึ้น และอาจเป็นไปได้ที่โดนัลด์ ทรัมป์จะกลับมาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในปีหน้า

'อัษฎางค์' มอง!! 'โพสต์พี่เล็ก' ไม่เอี่ยวการเมือง แต่เตือน 'พี่แอ๊ด' ให้หยุดพูดเรื่องการเมือง

(14 ส.ค. 67) อัษฎางค์ ยมนาค นักวิชาการอิสระ โพสต์เฟซบุ๊ก ว่า…

จากแอ๊ด เล็ก จนมาถึงเอ็ด

ก่อนอื่นขอออกตัวก่อนเลยว่า เห็นข่าวนี้มาตั้งแต่แรก และไม่อยากมีดราม่าหรือมีส่วนร่วมในดราม่านี้เลย แต่มันเห็นข่าวหรือที่มีคนเอามาแชร์กันซ้ำ ๆ สุดท้ายก็อดใจไม่ได้ที่อยากจะพูดในมุมที่ตัวเองเห็นบ้าง

จากที่เห็นในข่าวหรือที่คนพูดกันสนั่นโซเชียลคือ พี่เล็กโพสต์ข้อความแสดงพฤติกรรมเหมือนพี่แอ๊ดที่เชียร์ก้าวไกลว่าโดนศาลรังแกตัดสินยุบพรรค แต่เท่าที่ผมอ่านจากโพสต์ของพี่เล็ก ซึ่งเป็นต้นเรื่องดรามานี้ ผมว่าไม่น่าจะใช่

ขอเริ่มต้นแบบนี้ ผมไม่รู้หรอกว่าพี่เล็กเชียร์ก้าวไกลหรือไม่ หรือพี่เล็กสนับสนุนการเมืองฝ่ายไหน เพราะยังไม่เคยเห็นพี่เล็กเชียร์ใครหรือด่าใคร แต่จากที่อ่านตามตัวหนังสือจากโพสต์ของพี่เล็ก ผมว่าประเด็นสำคัญเลยคือ “เรื่องที่พี่เล็กทั้งเตือน ทั้งห้าม ทั้งปราบให้พี่แอ๊ดหยุดพูดเรื่องการเมืองเสียที” ก็เท่านั้น

ประโยคนี้ที่พี่เล็กเล่าว่า… “เมื่อวานขณะอยู่บนเวทีพี่แอ๊ดพูดกับผู้ชมว่า "ผมแก่แล้ว ไม่อยากพูดเรื่องการเมืองแล้ว" แล้วแกก็หันมาทางผมพร้อมพูดว่า "เดี๋ยวโดนพี่เล็กว่า พี่เล็กเค้าห้ามไว้" 

ตรงนี้มันแสดงให้เห็นผ่านตัวหนังสือว่า “ไม่มีใครกล้าเตือนพี่แอ๊ด และพี่แอ๊ดไม่ฟังใคร แต่พี่แอ๊ดฟังพี่เล็ก และอาจจะมีพี่เล็กคนเดียวที่ทำได้” และทบทวนดูดี ๆ ไอ้คำพูดของพี่แอ๊ดที่ว่า "ผมแก่แล้ว ไม่อยากพูดเรื่องการเมืองแล้ว" ผมว่าเกิดการเตือนมาหลายครั้งแล้ว และทุกครั้งพี่แอ๊ดก็ทำซ้ำ แล้วหลังจากนั้นก็พูดซ้ำอีกว่า “ไม่เอาแล้ว ไม่พูดแล้ว” แต่เชื่อเถอะ แกไม่หยุดหรอก มันถึงเกิดเรื่องแบบนี้ซ้ำ ๆ ไม่รู้กี่ครั้งแล้ว

บรรทัดต่อมาพี่เล็กเขียนต่อว่า… “ในมุมของผม เห็นว่าพี่แอ๊ดยังทำอะไรเกี่ยวกับการเมืองและประเทศของเราได้อีกมากมาย เช่นเขียนหนังสือเป็นต้น อีกอย่าง พวกเราสว.กันแล้ว ควรปล่อยให้ลูกหลานเค้าแสดงฝีมือแสดงพลังกันบ้าง“

ตรงนี้ อ่านดูดี ๆ ว่าพี่เล็กไม่ได้พูดถึงพรรคการเมืองหรือนักการเมือง ไม่ได้พูดว่า “ปล่อยให้ก้าวไกลได้แสดงฝีมือบ้าง“

ประโยคนี้… “พวกเราสว.กันแล้ว ควรปล่อยให้ลูกหลานเค้าแสดงฝีมือแสดงพลังกันบ้าง” ผมเข้าใจว่า พี่เล็กพูดถึงพวกเราประชาชนคนอื่น ๆ พูดว่า ปล่อยให้คนอื่นเค้าพูดเรื่องการเมืองกันไป วิจารณ์การเมืองกันไป เรา พี่แอ๊ด พี่เล็ก เป็น สว. เป็นผู้สูงวัยแล้ว หยุดเถอะแล้วปล่อยให้เด็ก ๆ เขาพูดกันไป ปล่อยให้เด็ก ๆ เค้าวิจารณ์การเมืองไป แต่พี่แอ๊ดควรหยุดพูดได้แล้ว” ไม่ใช่  “ปล่อยให้เด็ก ๆ (พรรคก้าวไกล) เขาแสดงฝีมือกันไป”

ส่วนตรงนี้…. “พี่แอ๊ดเองก็พูดให้ได้ยินอยู่บ่อย ๆ ว่า เด็ก ๆ สมัยนี้เก่ง และมีแนวคิดที่น่าสนใจ แกว่าแกยังชอบฟังพวกเค้าเวลาอภิปรายกันเลย” ตรงนี้ชัดเจนว่า พี่เล็กพูดให้เห็นภาพว่าพี่แอ๊ดเชียร์ก้าวไกล ชอบดูการอภิปรายของก้าวไกลในสภา

ส่วนตอนท้ายซึ่งเป็นเหมือนบทสรุปที่ว่า…“เมื่อเวลาพี่แอ๊ดนิ่ง ๆ และปล่อยวาง แกดูน่าเคารพมาก ๆ เลย”

ตรงนี้แปลว่า “พี่แอ๊ดอยู่นิ่ง ๆ นะดีแล้ว”

“มะม่วงไม่เด็ดก็ร่วงเองถ้ามันสุก” ผมไม่แน่ใจว่าพี่เล็กเปรียบเทียบมะม่วงกับอะไร แต่มันเป็นเรื่องจริงของมะม่วงสุก

สรุปนะ พี่เล็กสนับสนุนการเมืองขั้วไหน ผมไม่รู้ และเอาจริง ๆ ลองทบทวนกันดูได้ว่า พี่แอ๊ดพูดหรือวิจารณ์การเมืองบนเวทีคอนเสิร์ตหรือหน้าเพจโซเชียลมีเดียบ่อย ๆ แล้วเหมือนคนแก่ในครอบครัวเรา ๆ ท่าน ๆ อีกหลาย ๆ คน ที่วันนี้พูดอย่าง วันหน้าทำอีกอย่าง แล้วมักทำอะไรย้ำ ๆ ซ้ำ ๆ ทั้งที่คนรอบข้างทั้งห้าม ทั้งดุ ทั้งบ่น แต่ก็มีพฤติกรรมเหมือนเดิม

คราวก่อนพี่แอ๊ดด่าลุง พูดพาดพิงถึงเบื้องสูง แล้วผ่านไปอีกไม่กี่วันก็คิดได้หรือไม่ก็มีคนไปสะกิด แล้วแกก็ออกมาบริจาคเงิน 50 ล้านแก้เก้อ คืออยู่ดี ๆ ก็เสียเงินเพียงเพราะปากเสียเผลอไปพูดในสิ่งที่ไม่ควรพูด เหมือนคราวนี้ก็เจอกระแส แบนทุกอย่างที่มีชื่อ คาราบาว ตั้งแต่วงดนตรีคาราบาวยันเครื่องดื่มคาราบาวแดง คือ แกพูดความเห็นส่วนตัว แต่เพื่อนร่วมวง ร่วมธุรกิจ ซวยตามกันทั้งยวง

“แต่พี่เล็ก คือ คนที่ไม่วิจารณ์การเมือง ออกอากาศเลย”

พี่เล็กจะชอบขั้วการเมืองไหนผมไม่รู้ และผมว่าไม่สำคัญว่าแกจะเชียร์ใคร เราเลือกที่จะอยู่ในสังคมประชาธิปไตย เราต้องเคารพในความต่างนั้น

เพื่อนสนิทของผมคนหนึ่งซึ่งรักกันมากมาตั้งแต่เด็ก ๆ และเป็นคนดีมากด้วย แต่เขาชอบทักษิณ พอมีธนาธร เขาก็เปลี่ยนมาชอบธนาธร แต่ถามว่าความเป็นคนมีอัธยาศัย มีมิตรไมตรี ชอบช่วยเหลือผู้อื่นของเขาเปลี่ยนไปหรือไม่ คำตอบคือไม่เปลี่ยนไปเลย และผมกับเขาก็ยังรักกันฉันเพื่อนสนิทเหมือนเดิม แต่เราจะไม่คุยกันเรื่องการเมือง เพราะเราอยู่คนละขั้ว 

ถามว่า เราต้องเลิกคบกันมั้ย ผมว่า ตราบใดที่เราและเขาไม่คิดทำลาย ชาติ ศาสนาและพระมหากษัตริย์ เราก็ยังเป็นเพื่อนกันไป 

ทัศนคติทางการเมือง อาจไม่ได้เกิดจากการศึกษาหรือความฉลาดที่ต่างกันหรือใครมีมากกว่ากัน เขาไม่ฉลาดหรือโง่กว่าเรา แต่อาจเกิดจากความสามารถในการรับรู้ แยกแยะที่ต่างกัน

คนก๊วนเดียวกับพี่แอ๊ด ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนหรือน้อง ๆ ของพี่แอ๊ด ไม่ได้แปลว่า เขาคิดหรือเห็นคล้อยตามพี่แอ๊ดไปหมด

ต่อให้เพื่อนหรือน้อง ๆ คิดเหมือนพี่แอ๊ด ชอบก้าวไกลเหมือนพี่แอ๊ด แต่ตราบใดที่เขาไม่เคยแสดงพฤติกรรมหรือมีคำพูดใด ๆ หลุดปากออกมาเหมือนพี่แอ๊ด ผมว่า ตราบนั้น เขาเหล่านั้น ย่อมไม่ควรได้รับผลกรรม ที่แปลว่า ผลจากการกระทำ เหมือนอย่างพี่แอ๊ด หรือได้รับผลกรรมตามการกระทำของพี่แอ๊ด กรรมที่ใครทำก็เป็นของคนนั้น

เพราะฉะนั้น อย่าไปเหมาว่า คนก๊วนเดียวกับพี่แอ๊ด จะปากเสียเหมือนพี่แอ๊ด (ขออนุญาตใช้คำตรง ๆ) ยี่ห้อ คาราบาว ไม่ว่าจะเป็นวงดนตรีหรือเครื่องหมายการค้าก็เช่นกัน เขาก็อาจจะไม่ได้อยากจะปากเสียจนจะพากันล่มจมตามกันไป

เพราะฉะนั้นผมว่า เราอยู่ในสังคมเสรีประชาธิปไตย เราควรเคารพต่อความต่างของกันและกัน และทุกคนก็ควรมีเสรีภาพที่ไม่ใช่การแห่ตามกัน คือ ใครอยากจะแบนพี่แอ๊ดก็แบนไป ส่วนใครโกรธจนอยากจะแบนทุกอย่างที่มีคำว่าคาราบาวก็ทำไป แต่ใครตั้งสติได้ก็แยกแยะกันหน่อยก็แล้วกัน 

สำหรับผมนะ สิ่งที่ผมเห็นจากตัวอักษรในโพสต์นี้ของพี่เล็กคือ “ไม่มีใครกล้าเตือนพี่แอ๊ด และพี่แอ๊ดไม่ฟังใคร แต่พี่แอ๊ดฟังพี่เล็ก และอาจจะมีพี่เล็กคนเดียวที่ทำได้”

และสิ่งที่พี่เล็กทำคือ เตือนพี่แอ๊ดว่า “เพื่อนรักมึงหยุดพูดเรื่องการเมืองเสียที เพราะปากของมึงจะพาเพื่อน ๆ และลูกน้องซวยกันทั้งยวง”

“ไม่ว่าเรื่องอะไรในสังคมจะผิดหรือถูก จะถูกใจหรือไม่ถูกใจ มึงแก่แล้ว มึงพูดมานานแล้ว ถึงคราวที่ต้องปล่อยให้เด็กเขาพูดแทนมึงได้แล้ว”

ผมแปลความจากตัวหนังสือและจากในใจของพี่เล็กได้แบบนี้

ผมเนี่ยคือแฟนตัวยงของคาราบาวตั้งแต่ยุคบุกเบิก ที่ไม่รู้ว่าจะพูดถึงพี่แอ๊ดยังไงดีเลย ได้แต่เหมือนเห็นภาพญาติผู้ใหญ่คนหนึ่งในครอบครัวที่แก่ตัวแล้วหลุดโลกพูดให้ตายไปข้างหนึ่งก็พูดไม่รู้เรื่อง วันนี้พูด พรุ่งนี้คิดได้ รุ่งขึ้นกลับมาเหมือนเดิม ผมว่านี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นกับพี่แอ๊ด พี่เล็ก และอีกหลายพี่ที่เจอลูกบ้าเที่ยวสุดท้ายของแอ๊ดถึกควายทุยตัวจริง

สรุปสุดท้าย ผมคิดว่า พี่เล็กไม่ได้โพสต์เรื่องการเมือง แต่เป็นเรื่องการบ้านในบ้านคาราบาว และสิ่งที่พี่เล็กทำคือ เตือนพี่แอ๊ดให้หยุดพูดเรื่องการเมือง ไม่ใช่โพสต์เชียร์การเมืองขั้วใดทั้งสิ้น ในโพสต์ของพี่เล็กที่มีคนตามไปด่าพี่แอ๊ดแล้วพี่เล็กจะโดดมาปกป้องเพื่อนผมก็ว่าไม่ผิดปกติอะไร เพราะฉะนั้นหยุดดราม่ากับพี่เล็กดีมั้ย

ใครจะนิยมการเมืองขั้วไหน ยังไงก็เป็นคนไทยด้วยกันทั้งนั้น

คนชั่วคือ นักการเมืองที่มันแหกตาประชาชน ส่วนประชาชนที่ตกเป็นเหยื่อของนักการเมืองชั่ว อาจไม่ได้ชั่วตามนักการเมืองชั่ว ๆ เหล่านั้น

อะไรก็เกิดขึ้นได้ในโลกนี้
คนที่ร้องเพลงต่อต้านนายทุน ร่ำรวยจากบทเพลงงานจนกลายเป็นนายทุน
คนที่ร้องเพลงเพื่อแสดงจุดยืนว่าอยู่เคียงข้างประชาชน สุดท้ายกลับไปยืนเคียงข้างการเมือง
คนที่ร้องเพลงหรือแหกปากถึงประชาธิปไตย นิยมอะไรที่ตรงข้ามกับประชาธิปไตย

คาราบาวแปลว่า ควาย

แต่ใช่ว่าสมาชิกและแฟนเพลงทุกคนจะเป็นควาย 

แยกกันดี ๆ เราถึงจะเห็นว่าคนไหนคาราบาว หรือคนไหนควาย หรือคนไหนถึกควายทุย

เอ็ดดี้ อัษฎางค์ ยมนาค

ส่อง!! สถานะ 'เงินทุนสำรอง + ทองคำ' ของไทยในช่วง 9 ปีที่ผ่านมา...แข็งแกร่งแค่ไหน?

รายงานล่าสุด!! จาก World Gold Council เผย!! ไทยมีเงินทุนสำรองระหว่างประเทศอันดับ 9 ของโลก และมีทองคำสำรองอันดับ 18 ของโลก

'อ.แก้วสรร' ถาม!! พรรคส้มวันนี้ เป็น 'พรรคการเมือง' หรือ 'พรรคปฏิวัติ' หลังถูกยุบแล้วยังดึงดันแก้ 112 ต่อ พร้อมขอเสียงหนหน้าแบบเด็ดขาด

(14 ส.ค. 67) นายแก้วสรร อติโพธิ ออกบทความเรื่อง 'พรรคส้ม'  'พรรคการเมือง'  หรือ 'พรรคปฏิวัติ' ??? ระบุว่า “เราต้องกลับมาศึกษา ม.112 อย่างดี พวกเรายังคงต้องผลักดันเดินหน้าปรับปรุงแก้กฎหมายในส่วนนี้ ที่ปัจจุบันก็ยังมีปัญหาอยู่ ”ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน

“ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า การกระทำของผู้ถูกร้องทั้งสองมีพฤติการณ์ในการใช้สิทธิหรือเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นเพื่อทำลายการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข โดย ซ่อนเร้นหรือผ่านการนำเสนอร่างกฎหมาย ...มีลักษณะดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องเป็นขบวนการ ใช้หลายพฤติการณ์ประกอบกัน ทั้งการชุมนุม การจัดกิจการ การรณรงค์ผ่านสื่อสังคมออนไลน์ การเสนอร่างแก้ไขกฎหมายเข้าสู่สภา และการใช้เป็นนโยบายหาเสียงเลือกตั้ง” ศาลรัฐธรรมนูญ

ถาม ถ้าพรรคประชาชนเดินหน้าแก้ไข 112 อีก ก็ต้องถูกยุบอีกใช่ไหมครับ
ตอบ เขาบอกว่าจะเดินหน้าต่อไป แต่อาจจะไม่ถูกยุบถ้าไม่ปรากฏการเคลื่อนไหวอย่างเป็นขบวนการ เช่นที่ศาลรัฐธรรมนูญบ่งชี้ไว้

ถาม ผมไม่เข้าใจครับ ที่ศาลระบุว่าพรรคก้าวไกลมุ่งกร่อนเซาะสถาบัน “โดยซ่อนเร้นหรือผ่านการนำเสนอร่างกฎหมาย ”

ตอบ คุณจับความถูกแล้วครับ Key word มันอยู่ตรงนั้น....ตรงที่ศาลชี้ว่า มันมีการเคลื่อนไหวกร่อนเซาะสถาบันกษัตริย์อย่างเป็นขบวนการใหญ่ มีหลายฝ่ายหลายพฤติการณ์ประกอบกันประสานกัน หนึ่งในนั้นคือการเคลื่อนไหวในระบบรัฐสภาของพรรคส้ม ที่แต่งตัวเป็น “พรรคการเมือง” ลงเลือกตั้ง แล้วชูธงแก้กฎหมายปรับปรุงสถาบันกษัตริย์

พอชูธง หยิบ ม.112 ขึ้นมาเสนอแก้ไขในนามฝ่ายนิติบัญญัติแต่ในทางความเคลื่อนไหวกร่อนเซาะแล้ว มันก็คือการชี้เป้า วี้ดบึ้มให้การมีอยู่ของสถาบันตกเป็นปัญหาของชาติ ความเคลื่อนไหวอื่นๆ ทั้งการโจมตีใส่ร้ายในโซเชียล ทั้งการชุมนุมเป็นแฟลชม๊อบ เผาพระบรมฉายาลักษณ์ เผายาง ก่อจลาจล ก็ประสานกันเข้ามาในที่สุด

ถาม มันเป็นการใช้สิทธิเสรีภาพทางการเมืองมิใช่หรือครับ
ตอบ นั่นเป็นคำกล่าวอ้าง แต่แท้จริงแล้วหาใช่การใช้สิทธิเสรีภาพตามวิถีทางรัฐธรรมนูญแต่อย่างใดไม่ ภาษากฎหมายเขาเรียกว่า “การใช้สิทธิโดยไม่สุจริต” คิดอย่างนี้มองอย่างนี้แล้ว ศาลก็เลยชี้ว่า พรรคส้มเอาการเสนอกฎหมายมาบังหน้า บังความเคลื่อนไหวกร่อนเซาะสถาบันของขบวนการใหญ่อีกชั้นหนึ่ง

ถาม ถ้าพรรคส้มยอมละวางไม่ชูธงแก้ ๑๑๒ ก็แสดงว่า เขาเลิกกร่อนเซาะสถาบันแล้วใช่ไหม ?
ตอบ ถ้าเป็นพรรคการเมืองที่มุ่งทำงานให้บ้านเมืองอย่างแท้จริง เขาก็ควรนำพลังคนรุ่นใหม่มาสร้างสรรค์อนาคตใหม่จริงๆ

ในการจัดตั้งรัฐบาลคราวที่แล้ว ถ้าเขายอมเลิกแก้ 112 วันนี้พลัง 14 ล้านเสียง ก็ได้เข้ามาขับดันประเทศแล้ว มาวันนี้พอถูกยุบ ก็ยังประกาศแก้ไข 112 อีก ขอคะแนนเสียงเด็ดขาดในการเลือกตั้งคราวหน้าอีก อย่างนี้คุณว่าตัวจริงของพรรคส้ม เป็นพรรคการเมือง หรือพรรคปฏิวัติ

ถาม ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขนั้น ถ้าไม่มีพระมหากษัตริย์แล้ว ยังจะเป็นประชาธิปไตยต่อไปได้ไหม

ตอบ ต้องวาน นักเข้าทรงของพรรคส้ม คือคุณช่อ พรรณิการ์ ไปถาม อาจารย์ปรีดี พนมยงค์ ท่านให้ละเอียดว่า ในปี 2475 เมื่อปฏิวัติล้มระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ไปแล้ว ทำไมพวกท่านถึงต้องไปกราบทูลอัญเชิญรัชกาลที่ 7 ให้ทรงรับเป็นประมุข และพระราชทานรัฐธรรมนูญให้ปวงชนอีก

ถาม มันไม่มีคำอธิบายในหนังสือใดบ้างเลยหรือครับ
ตอบ ที่เป็นที่รู้จักและยอมรับกันมาก ก็เป็นงานคิดของนักคิดชาวอังกฤษ Walter Bagehot ที่อธิบายระบบรัฐธรรมนูญตามระบอบประชาธิปไตยของอังกฤษว่า มีองค์ประกอบสำคัญสองส่วน ส่วนที่เป็นตัวตนเป็นศักดิ์ศรีของคนในชาติ คือสถาบันกษัตริย์ เขาเรียกองค์ประกอบส่วนนี้ว่า “ Dignifies ”

อีกส่วนหนึ่งเป็นส่วนทำงานเขาเรียกว่า “ Efficiency ” คือส่วนที่เป็นสภาเป็นรัฐบาลและข้าราชการ ส่วนนี้มีประชาชนในพรรคการเมืองเป็นสถาบันยืนอยู่ข้างหลัง

เมื่อสองส่วนนี้ทำงานหมุนรับกันได้ด้วยดีไม่ขบกัน ระบอบก็จะไปได้โดยราบรื่น

ถาม สถาบันกษัตริย์ มีไว้ทำไม? ในคำอธิบายของ Bagehot

ตอบ เขาบอกว่า การเมืองเป็นเรื่องการจัดการความขัดแย้ง ผู้นำมาแล้วก็ไป แต่กษัตริย์อยู่เหนือความขัดแย้ง สั่งสมประสบการณ์จนเป็น “สติ” ของการเมืองการปกครองโดยรวม ในระบบนี้ทรงมีสิทธิ สามประการนี้เท่านั้นคือ สิทธิที่จะสนับสนุนให้กำลังใจ ตักเตือน รับรู้และให้คำปรึกษา

ถาม ในสิทธิสามประการข้างต้น ถ้านายกรัฐมนตรี ไม่ฟังกษัตริย์เลยจะได้ไหม

ตอบ นั่นไม่ใช่ปัญหากฎหมาย แต่เป็นปัญหาความได้สมดุล ระหว่างหัวใจ กับ สมอง ของคนในชาติ นายกฯ มีน้ำหนักมาจากเสียงในสมองของ “ประชาชน” สถาบันกษัตริย์มีต้นทุนอยู่ที่หัวใจหรือความจงรักภักดีของราษฎร ทั้งสองส่วนต้องไปด้วยกันให้ได้

ถาม ที่ต้องมี มาตรา 112 ไม่ให้ใครมาล่วงเกิน ก็เพราะเหตุนี้หรือครับ

ตอบ ถูกต้องครับ ที่การด่าในหลวงเป็นความผิดต่อความมั่นคง ไม่ผิดเช่นด่าชาวบ้านธรรมดา ก็เพื่อรักษาบารมีของสถาบันไว้ บ้านเมืองจะได้สงบมั่นคงเย็นศิระกันต่อไปได้

ถาม ที่คณะราษฎร์ ต้องขอรัชกาลที่ 7 ให้ทรงรับเป็นประมุข ก็เพราะเหตุนี้เหมือนกัน

ตอบ คณะราษฎร์ไม่อยู่ในหัวใจของราษฎร พวกท่านจึงต้องขอให้สถาบันกษัตริย์รับหน้าที่ในส่วน Dignifies พระราชทานพระปรมาภิไธยให้อำนาจทั้งสาม ทำงานบ้านเมืองต่อไป จนปัจจุบัน

ถาม ขบวนการสามนิ้ว ส่งพรรคส้มมาลงเลือกตั้งทำงานในส่วน Efficiency ในสภาหรือรัฐบาล แล้วทำไมไม่มุ่งพัฒนาแก้ไขปัญหาบ้านเมือง กลับมาหมกมุ่นจะใช้หีบเลือกตั้งปรับแก้ส่วนประมุขอยู่ทุกวันอย่างนี้ได้อย่างไร

นี่เขายืนหยัดว่า สังคมไทยพร้อมจะเป็น “สาธารณรัฐ” มีประธานาธิบดีเป็นประมุขได้แล้วอย่างนั้นหรือ

ตอบ ผมตอบไม่ได้ และไม่ควรตอบ ได้แต่ยกคำของ Bagehot มาส่งท้ายไว้เท่านั้นว่า “อย่าโยนทิ้งสิ่งใด ถ้ายังตอบไม่ได้ว่ามันใช้ทำอะไร ถ้ารู้แล้วเมื่อใด ค่อยคิดให้กระจ่างต่อไปว่า จะหาอะไรมาแทนได้บ้าง ”

'ประธานกิตติมศักดิ์สภาอุตฯ ลำปาง' เปิด 7 ข้อเท็จจริง 'ชามตราไก่ลำปาง' ยัน!! ด่ากราดจีน ผ่านปมชามละ 5 บาท เป็นเรื่องเอาแพะกับแกะมาผสมกัน

(14 ส.ค.67) จากกรณีการพบชามตราไก่ นำเข้าจากจีน ขายในประเทศไทย และพบผลกระทบอย่างหนัก ทำให้ผู้ประกอบการเซรามิกขนาดกลางและขนาดเล็กที่มีกว่า 300 โรงงาน ต้องหยุดไปแล้วกว่า 200 โรงงาน เพื่อรอดูท่าที และรอความหวังว่าเศรษฐกิจจะดีขึ้น

ด้าน นายอธิภูมิ กำธรวรรินทร์ ประธานกิตติมศักดิ์สภาอุตสาหกรรมจังหวัดลำปาง โพสต์ผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า วันสองวันนี้มีประเด็นเรื่อง เซรามิกลำปาง ย่ำแย่ผลมาจากการทุ่มตลาดของจีนทำชามไก่เหมือนลำปางขายใบละ 5 บาท ผมคิดว่ารายละเอียดมีความคลาดเคลื่อนค่อนข้างมากทีเดียว ขอให้รายละเอียดเกี่ยวกับเซรามิกลำปางโดยเฉพาะชามไก่ลำปาง และปัญหาที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน ดังนี้

1. ลายไก่ลำปางเดิมไม่ใช่ของลำปาง แต่มีที่มาจากประเทศจีน ซึ่งชาวจีนที่มาตั้งรกรากในลำปางได้นำลายไก่จากจีนมาผลิตที่ลำปางด้วย เพราะลำปางมีแหล่งดินขาวที่สามารถผลิตเป็นเซรามิกได้ใกล้เคียงกับจีน

2. ไม่ว่าชามไก่ของจีนในสมัยก่อน หรือชามไก่ของลำปางในสมัยก่อน จะเขียนลายด้วยมือ แต่ในปัจจุบันการผลิตชามไก่ของจีนจะใช้รูปลอกเซรามิกแทนการเขียนลาย จึงมีความเหมือนของลวดลายไก่ทุกใบ แต่ชามไก่ของลำปางในปัจจุบันยังนิยมเขียนลายด้วยมือเหมือนเดิม ที่ทุกใบมีความแตกต่างกัน

3. ชามไก่จีนใบละ 5 บาท ผมคิดว่า เป็นเรื่องเอาแพะกับแกะมาผสมกัน แล้วมองว่าเหมือนกัน แต่ในข้อเท็จจริง ชามใบละ 5 บาทเป็นสินค้าที่มีตำหนิมาก เน้นขายถูกและไม่มีลวดลายอะไร หากมีตำหนิน้อยจะขายแพงขึ้นและการโฆษณาว่าเซรามิกใบละ 5 บาท เพื่อผลในการดึงดูดลูกค้าเข้าร้านมากกว่าจะขายใบละ 5 บาทอย่างจริงจัง

4. ผมอยู่กับเซรามิกลำปางมาเกือบ 30 ปี เห็นความเปลี่ยนแปลงมาตลอด และเห็นปัญหาของเซรามิกลำปางมาตลอด ความเป็นจริงของเซรามิกลำปางคือยิ่งขายยิ่งถูก ยิ่งผลิตคุณภาพยิ่งต่ำ ด้วยสองเหตุผลหลักคือ 4.1 วัตถุดิบต้นน้ำและต้นทุนผลิตเราสู้จีนไม่ได้ 4.2 ผู้ผลิตในลำปางแข่งขันกันเองทั้งแข่งขันด้านราคาและแข่งขัน ในการลดต้นทุนการผลิต ทั้งที่ต้นทุนการผลิตของไทยสูงมากอยู่แล้ว

5. อาจจะมีบางส่วนที่สินค้าจีนไม่ได้คุณภาพในเรื่องของสารพิษที่มีจากรูปลอกบนเคลือบอุณหภูมิต่ำ แต่ไม่ได้มีสารพิษทุกชิ้น ซึ่งเรื่องนี้ต้องตรวจสอบผลิตภัณฑ์

6. ตั้งแต่มกราคม - พฤษภาคม 2567 มีการนำเข้าเซรามิกจากจีนมากกว่า 3,000 ตันในราคาเฉลี่ย 8.96 บาทต่อกิโลกรัม (ดูตารางประกอบ) ปล.ราคาที่แจ้ง 8.96 บาทต่อกิโลกรัม เป็นราคาสำแดงขณะนำเข้า ซึ่งข้อเท็จจริงราคาต้องสูงกว่านี้

7. สิ่งที่มาตามถนนหรือจะสู้สิ่งที่ข้ามเขาลงห้วยมาจากป่า นั่นหมายความว่าข้อเท็จจริงมีการนำเข้าจากจีนมากกว่าที่แสดง แต่ไม่มีการลงบันทึกตามพิธีการศุลกากร ประเมินนำเข้ามามากกว่านี้ 2-3 เท่าของที่สำแดงตามตาราง นั่นแปลว่าเซรามิกจากจีนเข้ามาท่วมตลาดและเข้ามาแข่งขันกับผู้ประกอบการในประเทศอย่างหนัก

ทั้ง 7 ข้อเป็นข้อเท็จจริงในเบื้องต้นที่ทำให้เซรามิกที่ผลิตในประเทศสู้จีนไม่ได้ ไว้จะมาเพิ่มเติมรายละเอียดเจาะลึกให้อีกครั้งครับ

'รมว.ปุ้ย' สั่ง สมอ.คุมเข้ม 'สินค้าด้อยคุณภาพ-ราคาถูก' แพลตฟอร์มข้ามชาติ พร้อมเดินหน้าจัดเก็บภาษี 'อีคอมเมิร์ซ' สร้างความเป็นธรรมในการแข่งขัน

(14 ส.ค. 67) นางสาวพิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า จากกรณีที่แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซข้ามชาติได้เข้ามาบุกตลาดสินค้าไทย ได้ส่งผลกระทบเป็นอย่างมากต่อธุรกิจ SME รวมถึงความไม่ปลอดภัยของประชาชนจากการใช้สินค้าที่ไม่ได้มาตรฐาน กระทรวงอุตสาหกรรม ไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้สั่งการให้สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) ติดตามสถานการณ์ดังกล่าวอย่างใกล้ชิด และเร่งดำเนินการตามภารกิจ 'Quick win' เพื่อสกัดกั้นสินค้าไม่ได้มาตรฐานเข้าประเทศอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะสินค้าที่ สมอ. ควบคุม ทั้ง 144 รายการ ที่ สมอ. สามารถดำเนินการได้ตามกฎหมายเพื่อความปลอดภัยของประชาชน 

อย่างไรก็ตาม การดำเนินการของกระทรวงอุตสาหกรรม ยังไม่ครอบคลุมสินค้าที่มีการซื้อขายผ่านช่องทางออนไลน์ที่มีจำนวนกว่า 1,000 รายการ จึงต้องอาศัยความร่วมมือจากหลายภาคส่วนร่วมดำเนินการควบคุมและกำกับติดตาม ทั้งกระทรวงการคลัง, กระทรวงพาณิชย์, กระทรวงดิจิทัลฯ,  กระทรวงสาธารณสุข, สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) และสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (ETDA) เพื่อป้องกันการนำเข้าสินค้าที่ไม่มีคุณภาพหรือเป็นอันตรายต่อผู้บริโภค รวมทั้ง พิจารณาให้มีการจัดเก็บภาษีอีคอมเมิร์ซ เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมในการแข่งขัน โดยการกำหนดนโยบายการจัดเก็บภาษีที่เหมาะสมสำหรับแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซข้ามชาติ เพื่อให้บริษัทเหล่านี้เสียภาษีอย่างถูกต้องและไม่เกิดความเสียหายต่อเศรษฐกิจภายในประเทศ

ด้าน นายวันชัย พนมชัย เลขาธิการสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม กล่าวเพิ่มเติมว่า จากข้อสั่งการของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม สมอ. ได้เร่งดำเนินการอย่างต่อเนื่อง ทั้งภารกิจ 'Quick win' กวาดล้างสินค้าด้อยคุณภาพที่จำหน่ายอยู่ในท้องตลาด และทางออนไลน์ ตั้งแต่เดือนกันยายน 2566 จนถึง เดือนกรกฎาคม 2567 ได้ยึดอายัดสินค้าไม่ได้มาตรฐานเป็นมูลค่า 322,420,097 ล้านบาท โดยในจำนวนนี้ เป็นสินค้าไม่ได้มาตรฐานที่นำเข้าจากประเทศเพื่อนบ้าน มูลค่า 92,767,374 บาท คิดเป็น 29% จากทั้งหมด

นอกจากนี้ สมอ. ยังได้กำหนดมาตรฐานสินค้าเพิ่มในปีนี้อีกจำนวนกว่า 1,400 มาตรฐาน จากเดิมที่ประกาศใช้แล้วจำนวน 2,722 มาตรฐาน และอยู่ระหว่างดำเนินการประกาศเป็นสินค้าควบคุมอีกจำนวน 52 มาตรฐาน เพิ่มเติมจากเดิมจำนวน 144 มาตรฐาน ครอบคลุมสินค้าที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน เช่น ภาชนะและเครื่องใช้สแตนเลส กระทะ/ตะหลิว/หม้อ/ช้อน/ส้อม/ปิ่นโต/ถาดหลุม/ถุงพลาสติกสำหรับบรรจุอาหาร/ถุงพลาสติกบรรจุอาหารสำหรับอุ่นในไมโครเวฟ/เตาหุงต้มในครัวเรือนใช้กับก๊าซปิโตรเลียมเหลว/ท่อยางและท่อพลาสติกสำหรับใช้กับก๊าซหุงต้ม/ฟิล์มติดกระจกสำหรับรถยนต์/ภาชนะพลาสติกสำหรับบรรจุน้ำบริโภค/ที่รองนั่งไฟฟ้าสำหรับโถส้วมนั่งราบ/ที่นั่งนิรภัยสำหรับเด็ก และแผงโซลาร์เซลล์ เป็นต้น 

นอกจากการดำเนินการข้างต้น สมอ. ยังมีแนวทางการดำเนินงานเพื่อป้องกันการเข้าถึงแพลตฟอร์มออนไลน์รายใหม่เพิ่มเติม ดังนี้...

1) เร่งทำความเข้าใจและชี้แจงข้อกฎหมายกับผู้ประกอบการที่ให้บริการขนส่งสินค้า และให้บริการดำเนินพิธีการศุลกากร (Shipping) เพื่อป้องกันการนำเข้าสินค้าที่ไม่เป็นไปตามมาตรฐาน 
2) สร้างความตระหนักให้ประชาชนเลือกซื้อสินค้าที่มีเครื่องหมายมาตรฐานบนแพลตฟอร์มออนไลน์ 
3) บูรณาการการทำงานร่วมกับกรมศุลกากร เพื่อการนำเข้าสินค้าที่ต้องเป็นไปตามมาตรฐานจากแพลตฟอร์มออนไลน์ 
4) บูรณาการการทำงานร่วมกับสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (ETDA) เกี่ยวกับการควบคุมแพลตฟอร์มออนไลน์  
และ 5) บูรณาการการทำงานกับสภาองค์กรของผู้บริโภค เพื่อการคุ้มครองผู้บริโภคอย่างยั่งยืน

ประชุมผู้ถือหุ้นกู้ EA รุ่น EA249A เลื่อนโหวตไปเป็น 23 สิงหาคม เหตุไม่ครบองค์ประชุม

(14 ส.ค. 67) บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) (EA) ได้มีการจัดประชุมผู้ถือหุ้นกู้รุ่น EA249A  เพื่อพิจารณาอนุมัติขยายวันครบกำหนดไถ่ถอนหุ้นกู้ไปปรากฏว่ามีจำนวนผู้ถือหุ้นกู้และผู้รับมอบฉันทะเข้าร่วมประชุมไม่ครบเป็นองค์ประชุม 

สำหรับการประชุมผู้ถือหุ้นกู้ ครั้งที่ 1/2567 ของหุ้นกู้รุ่น EA249A ในวันนี้มีจํานวนผู้เข้าร่วมประชุม 889 คน คิดเป็น 1,900,600 หน่วย หรือ คิดเป็นร้อยละ 47.5 ตามกำหนดต้องมีผู้ถือหุ้นเป็นจำนวนรวมกันไม่น้อยกว่าร้อยละ 66 ของทั้งหมดจึงจะครบองค์ประชุม 

จึงจำเป็นต้องเลื่อนการประชุมผู้ถือหุ้นกู้ออกไปเป็นการประชุมผู้ถือหุ้นกู้ ครั้งที่ 2/2567  ในวันศุกร์ที่ 23 สิงหาคม 2567 เวลา 10:00 น. ซึ่งบริษัทจะส่งหนังสือเชิญประชุมให้กับผู้ถือหุ้นกู้อีกครั้ง โดยในครั้งถัดไปจะต้องมีองค์ประชุมมาเข้าร่วมประชุมไม่น้อยกว่าร้อยละ 20 ของหุ้นกู้ที่ยังไม่ได้ไถ่ถอน ทั้งนี้ มั่นใจว่าในครั้งหน้าจะครบองค์ประชุม และได้รับการอนุมัติ

'ศาสตรา-รวมไทยสร้างชาติ' ยกเมืองหาดใหญ่ เมืองพหุวัฒนธรรมส่งเสริมการท่องเที่ยว ชี้!! รัฐบาลควรเร่งปลดล็อกศักยภาพเมือง เพื่อดึงนักท่องเที่ยว สร้างรายได้ทุกมิติ

(14 ส.ค.67) นายศาสตรา ศรีปาน สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดสงขลา เขต 2 พรรครวมไทยสร้างชาติ เปิดเผยถึงกรณี เมืองหาดใหญ่เป็นเมืองที่คุ้มค่าที่สุดจากการสำรวจของ Agoda ว่า...

ลำดับแรกเมืองหาดใหญ่ ถือเป็นเมืองพหุวัฒนธรรม เรามีการผสมผสานระหว่างวัฒนธรรมไทย จีน และมุสลิม ทำให้เมืองหาดใหญ่เป็นเมืองที่มีจุดเด่นที่หลากหลาย โดยเฉพาะด้านอาหารการกิน 

ต่อมาในด้านที่พัก เมืองหาดใหญ่มีความหลากหลายตั้งแต่ Budget Hotel หรือ โรงแรมราคาประหยัด ไปจนถึงโรงแรมหรู ซึ่งทำให้เมืองสามารถรองรับนักท่องเที่ยวหลากหลายกลุ่ม 

สำหรับการเดินทางภายในเมืองหาดใหญ่ ค่อนข้างมีความสะดวก ใช้ระยะเวลาในการเดินทางประมาณ 10 นาที สามารถไปทุกจุดในเมืองได้ นอกจากนี้เมืองหาดใหญ่ยังเป็นฮับของการเดินทางทั้งสนามบิน สถานีรถไฟ ที่บริการรถโดยสารระหว่างจังหวัด 

โดยส่วนตัวที่เป็นคนหาดใหญ่ ตนคิดว่าเมืองหาดใหญ่ที่มีงบประมาณค่อนข้างครบถ้วน หาดใหญ่เป็นเมืองที่จ่ายภาษีไปลำดับต้น ๆ ของประเทศหากภาษีเหล่านี้ย้อนกลับมาพัฒนาเมือง ตนเชื่อว่าหาดใหญ่จะกลายเป็นเมืองแห่งโอกาสสำหรับทุก ๆ คน ปัญหาในพื้นที่ รวมทั้งการพัฒนาเมืองจะสามารถทำได้อย่างตรงจุดมากยิ่งขึ้น 

ในฐานะสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ตนเชื่อว่า 'หาดใหญ่เป็นเมืองที่พร้อมจะพัฒนาให้ดีขึ้นได้ในทุกมิติ' ในมิติโครงสร้างพื้นฐานในเมือง ตนได้ประสานงานและติดตามอย่างต่อเนื่องถึงโครงการทั้งการพัฒนาถนนหนทาง การนำสายไฟฟ้าและสายสื่อสารลงดิน 

นอกจากนี้ ปัญหาในเมืองหาดใหญ่ ที่ทำให้พี่น้องชาวหาดใหญ่ต่างเจ็บปวด คือ ปัญหาน้ำท่วม ตนได้ติดตามผลักดัน คลอง ร.1 โครงการพระราชดำริ ของในหลวงรัชกาลที่ 9 จนแล้วเสร็จซึ่งจะช่วยแก้ปัญหาน้ำท่วมแก่คนในพื้นที่ได้ 

นอกจากนี้ ในฐานะสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ตนยังได้ติดตามและผลักดันอีกหลายเรื่อง เช่น รถไฟทางคู่ในวงเงินงบประมาณ 66,000 ล้านบาท จะเริ่มสร้างในปี 68 เป็นการเชื่อมโยงจาก จ.สุราษฎร์ธานี มาที่หาดใหญ่ เราจะเป็นศูนย์กลางการคมนาคม ขนส่งและกระจายสินค้า ซึ่งจะเชื่อมต่อกับทางมาเลเซีย นำเงินเข้าประเทศมหาศาล ควบคู่ไปกับการดูแล เยียวยาชาวบ้านในชุมชนรถไฟให้ได้มีที่อยู่อาศัยที่มีคุณภาพ 

มากกว่านั้นหาดใหญ่ต้องเตรียมพร้อม และ ร่วมพัฒนาไปพร้อมกับ จังหวัดข้างเคียง และประเทศเพื่อนบ้าน เราต้อง บูรณาการ ทั้ง 16 อำเภอ ร่วมกัน หลังจากภาครัฐผลักดันโครงการขนาดใหญ่ เช่น Landbridge สะพานเชื่อมเศรษฐกิจภาคใต้ ท่าเรือ ระนอง - ชุมพร ระเบียงเศรษฐกิจ เชื่อม มหาสมุทรแปซิฟิก และ มหาสมุทรอินเดีย เข้าด้วยกัน ทำให้ภาคใต้เป็นศูนย์กลางการขนส่ง ศูนย์กลางด้านพลังงาน และศูนย์กลางด้านการเงิน ซึ่งจะเกิดการแข่งขันทางการค้า การจ้างงาน เราจะทำอย่างไรให้คนหาดใหญ่ ได้ประโยชน์ เข้าไปมีส่วนร่วม มีรายได้ มีโอกาส จากการลงทุนมหาศาล ช่วยคนรากหญ้าให้ลืมตาอ้าปาก มีเงินในกระเป๋า เกิดธุรกิจขนาด เล็ก กลาง ใหญ่ ให้คนในพื้นที่ได้ลงทุนต่อยอด

นอกจากนี้ Entertainment Complex สถานบันเทิงครบวงจร ภายใต้ข้อกฎหมายที่รัดกุม หากเกิดขึ้นในเมืองหาดใหญ่ที่มีความเหมาะสมและความพร้อมในทุกด้าน จะสามารถปลดล็อกศักยภาพของเมืองหาดใหญ่ได้ดียิ่งขึ้น

ในฐานะสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและกรรมาธิการการท่องเที่ยวเห็นว่า ที่ผ่านมาได้มีการยกเลิกใบ ตม. 6 เพื่อความสะดวกในการเข้าออก เป็นสิ่งที่ดีมาก แต่ต้องทำควบคุมเรื่องความปลอดภัยให้มากขึ้น ใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยในการ Register ล่วงหน้า ด่านสะเดาของเราก็จะมีความรวดเร็วและปลอดภัยมากขึ้น 

รัฐบาลต้องการกระตุ้นการท่องเที่ยวโดยการเปิดประเทศโดย จึงมีนโยบาย Free Visa ให้ชาวต่างชาติ ถึง 93 ประเทศ แต่จะต้องป้องกันไม่ให้ คนต่างชาติมาแย่งงานคนไทย เหมือนในหลายพื้นที่วันนี้ คนจีน คนรัสเซีย, คนพม่า เข้ามาทำธุรกิจผิดกฎหมาย แย่งงานคนไทยเป็นจำนวนมาก 

รัฐบาลต้องเอาหาดใหญ่ออกจาก Red Flag พื้นที่สีแดง เพื่อไม่ให้นักท่องเที่ยวเข้าใจผิดเหมารวมทั้งจังหวัดสงขลา ว่าเป็นพื้นที่อันตราย พาลเหมารวมหาดใหญ่ไปด้วย ซึ่ง 16 อำเภอในจังหวัดสงขลา มีเพียง 4 อำเภอเท่านั้น ที่ยังต้องมีในเรื่องของความมั่นคง ซึ่งไม่ควรมีชื่อ 'หาดใหญ่' อยู่ในนั้น 

และรัฐบาลต้องแก้ปัญหาทัวร์ศูนย์เหรียญ ไกด์เถื่อน ทัวร์เถื่อน อย่างจริงจัง ทั้ง Offline และ Online ดูแลผู้บริโภค ที่โดนหลอก โดยตั้งศูนย์รับเรื่องร้องเรียนแบบ One Stop Service ให้กับคนไทยและนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ รวมถึง ออกกฎหมาย แก้ไขกฎกระทรวงให้มีความทันสมัยเป็นประโยชน์ให้ผู้ประกอบการ โรงแรมขนาดเล็ก-กลาง-ใหญ่

‘ผู้โดยสาร’ แฉ!! ‘รถแดงเชียงใหม่’ ไล่ลูกค้าคนไทยลงกลางทาง เหตุอยากรับลูกค้าต่างชาติ-ราคาแพงกว่า แต่สุดท้ายก็โดนปฏิเสธ

เมื่อวานนี้ (13 ส.ค. 67) ผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งโพสต์ภาพพร้อมบอกเล่าประสบการณ์แย่ ๆ จากการใช้บริการรถสี่ล้อแดงรับจ้างในตัวเมืองเชียงใหม่ โดยระบุว่า ตัวเองได้ใช้บริการรถสี่ล้อแดงรับจ้าง ซึ่งแต่กลับถูกไล่ลงจากรถระหว่างทาง เพราะคนขับจะรับผู้โดยสารชาวต่างชาติ ซึ่งโพสต์ดังกล่าวมีการแชร์และผู้เข้าไปแสดงความเห็นจำนวนมาก โดยส่วนใหญ่ต่างตำหนิการกระทำของคนขับรถสี่ล้อแดงรับจ้างดังกล่าว

ขณะที่จากการสอบถามป้าศรี (นามสมมติ) อายุ 63 ปี ซึ่งเป็นผู้ใช้เฟซบุ๊กดังกล่าว เปิดเผยว่า ตัวเองมีบ้านอยู่ย่านศรีประกาศ ตำบลวัดเกตุ ในตัวเมืองเชียงใหม่ ช่วงสายวันที่ 13 ส.ค.67 ตัวเองกับเพื่อนได้ขึ้นรถสี่ล้อแดงบริเวณเชิงสะพานนวรัฐ ด้านตะวันตก เพื่อให้ไปส่งย่านตลาดประตูก้อม ในตัวเมืองเชียงใหม่ ตกลงค่าโดยสารคนละ 30 บาท แต่เมื่อรถไปถึงย่านกำแพงดิน พบมีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ 4-5 คน โบกรถ ทางคนขับที่เป็นผู้ชายสูงอายุได้จอดรถรับ และบอกให้ตัวเองลงจากรถโดยไม่เก็บค่าโดยสาร ซึ่งตัวเองรู้สึกงงอย่างมาก และถ่ายภาพไว้ จากนั้นตั้งใจเดินเท้าไปกันเอง

ส่วนคนขับได้ไปพูดคุยเจรจาตกลงค่าโดยสารกับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ อย่างไรก็ตามปรากฏว่าสุดท้ายแล้วไม่สามารถตกลงกันได้และคนขับได้มาเรียกให้ตัวเองกลับขึ้นรถและใช้บริการตามเดิม แต่ตัวเองและเพื่อนปฏิเสธ ซึ่งทำให้คนขับรถไม่พอใจ รวมทั้งพยายามเข้ามาแย่งโทรศัพท์เพื่อให้ลบภาพที่ถ่ายไว้ แต่ไม่สำเร็จ และขับรถออกไปในที่สุด ทั้งนี้ตัวเองใช้บริการรถสี่ล้อแดงมานานหลายสิบปี เพิ่งเคยพบเจอประสบการณ์ตรงที่เลวร้ายเช่นนี้ แม้จะเคยเห็นข่าวหลายครั้งแล้ว จึงอยากจะเตือนให้ปรับปรุงและอย่าเห็นนักท่องเที่ยวต่างชาติดีกว่าคนไทยด้วยกัน

ด้านนายบุญเนียม บุญทา ประธานสหกรณ์นครลานนาเดินรถ จำกัด ยอมรับว่า เหตุการณ์ดังกล่าวส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของรถสี่ล้อแดงเป็นอย่างมาก ซึ่งหลังทราบเหตุได้ตรวจสอบจนทราบแล้วว่าคนขับรถดังกล่าวชื่อ นายวัฒนา และเตรียมเชิญตัวคนขับรถสี่ล้อแดงคันดังกล่าวมาพูดคุยสอบถามข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมตักเตือนคาดโทษ แต่หากยังมีพฤติกรรมเช่นนี้อีก จะปลดออกจากการเป็นสมาชิกสหกรณ์ อย่างไรก็ตามยังไม่สามารถโทรศัพท์ติดต่อนายวัฒนาได้

นอกจากนี้นายบุญเนียม ย้ำว่า ที่ผ่านมาทางสหกรณ์นครลานนาเดินรถ จำกัด ได้พยายามปรับปรุงแก้ไขและป้องกันปัญหาเกี่ยวกับการให้บริการเพื่อสร้างภาพลักษณ์ที่ดีและสร้างความพอใจให้กับผู้ใช้บริการให้มากที่สุด แต่ยอมรับว่าหนักใจเพราะสี่ล้อแดงเชียงใหม่ประกอบด้วยสมาชิกที่หลากหลาย จึงอยากเน้นย้ำคนขับสี่ล้อแดงทุกคนให้นึกถึงอยู่เสมอว่ามีอาชีพให้บริการ ต้องมีความอดทนอดกลั้นให้มากไม่โต้แย้งหรือต่อล้อต่อเถียงกับผู้โดยสาร เนื่องจากเขาเป็นผู้มีอุปการคุณช่วยเหลือทำให้คนขับสี่ล้อแดงมีรายได้


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top