Sunday, 15 June 2025
NewsFeed

'หัวเว่ย' ส่งสัญญาณโอเปอเรเตอร์ไทย ขานรับ '5.5G' หนุนเทคโนโลยีใหม่ๆ 'ทรู-เอไอเอส' จ่อแจม หลัง 60 โอเปอเรเตอร์ทั่วโลกเปิดตัวในเชิงพาณิชย์แล้ว

(15 ส.ค. 67) นายอาเบล เติ้ง ประธานกรรมการ ฝ่ายขายกลุ่มธุรกิจเครือข่ายโทรคมนาคม ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ของ Huawei กล่าวในงาน Asia-Pacific ICT Summit 2024 ถึงศักยภาพของเทคโนโลยี 5.5G และบทบาทในการขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลและการเติบโตทางเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ว่าในขณะที่ 4G เคยสร้างรูปแบบธุรกิจใหม่และโอกาสในการทำงานของหลายประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แต่ 5G จะยิ่งเร่งการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลในอุตสาหกรรมในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก โดยในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก คาดว่าการเพิ่มขึ้นของการใช้งาน 5G ทุก ๆ 10% จะทำให้ GDP เติบโต 1% ถึง 1.8% และ 5G สามารถเพิ่มผลผลิตให้อุตสาหกรรมดั้งเดิมได้ 10% ถึง 20% สถิติเหล่านี้จึงสะท้อนทิศทางที่สดใสของตลาด 5.5G ในภูมิภาค

"เทอร์มินัลมากกว่า 30 ประเภทรองรับ 5.5G และผู้ให้บริการมากกว่า 60 รายได้เปิดตัว 5.5G ในเชิงพาณิชย์แล้ว โดยโอเปอเรเตอร์บางรายได้นำ 5.5G มาใช้ในเครือข่ายขนาดใหญ่ จึงชัดเจนว่าการผสมผสานระหว่าง AI และ 5.5G จะขับเคลื่อนการสร้างสรรค์นวัตกรรมที่สำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเอเชีย ซึ่งในการจัดส่งสมาร์ทโฟน AI ทั่วโลกที่จะสูงถึง 170 ล้านเครื่องในปี 2024 ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกอาจคิดเป็น 40-50% ของการจัดส่งเหล่านี้"

อาเบลย้ำว่าวันนี้มีโครงการ 5G B2B มากกว่า 13,000 โครงการทั่วโลก ทำให้บริการด้าน 5G รูปแบบใหม่กำลังเกิดขึ้นเป็นดอกเห็ด โอเปอเรเตอร์จึงเริ่มสร้างรายได้จากการมอบประสบการณ์ที่หลากหลายให้ผู้ใช้ ที่จะได้ใช้งานดิจิทัลแบบลื่นไหลบนความสามารถของ 5.5G ตั้งแต่การปรับปรุงความเร็วแบนด์วิดท์ การรองรับความหนาแน่นของการเชื่อมต่อได้มากขึ้น ความแม่นยำในการระบุตำแหน่งที่ทำให้เล่นเกมได้ดีขึ้น และประสิทธิภาพด้านพลังงานที่ประหยัดกว่าเมื่อเทียบกับ 5G

5.5G ของ Huawei จะรองรับแอปพลิเคชันใหม่ที่ใช้เทคโนโลยี XR (extended reality) เสมือนจริง การส่งสัญญาณระบบภาพความละเอียดสูงพิเศษ และการเชื่อมต่อของอุปกรณ์ IoT ที่ทุกสิ่งล้วนต้องออนไลน์ ทั้งหมดนี้เป็นผลจากความเร็วในการดาวน์โหลดสูงสุด 10 กิกะบิตต่อวินาที (เร็วกว่า 5G ถึง 10 เท่า) ความหน่วงต่ำกว่า 1 มิลลิวินาทีจนผู้ให้บริการสามารถรับประกันคุณภาพหรือ SLA ได้แบบกำหนดเอง ที่สำคัญคือรองรับ AI และเครือข่ายอัตโนมัติดีกว่าเพราะประสิทธิภาพและการจัดการเครือข่ายที่ดีขึ้น

ในขณะที่ย้ำว่าเทคโนโลยี 5.5G ช่วยให้โอเปอเรเตอร์สามารถให้บริการแนวใหม่ เช่น Massive IoT ประสบการณ์ 3D/MR/XR การสื่อสาร V2X และแอปพลิเคชัน AI ที่ขับเคลื่อนด้วยปัญญาประดิษฐ์ Huawei ได้ส่งสัญญาณกำลังร่วมมือกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในอุตสาหกรรมและสถาบันการศึกษาเพื่อสร้างระบบนิเวศ 5.5G ที่แข็งแกร่งในประเทศไทย ทั้งเอไอเอสและทรูที่เข้าร่วมแสดงวิสัยทัศน์บนเวทีงานประชุมเมื่อวันที่ 14-15 สิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งเป็นงานที่จัดแสดงการใช้งานเทคโนโลยี 5G และ 5.5G ในรูปแบบต่าง ๆ ตั้งแต่โรงงานอัจฉริยะ รถแท็กซี่ไร้คนขับ และการชอปปิ้งด้วย AI

มาร์ก ชง ชิน กก (Mark Chong Chin Kok) รักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส กล่าวว่าเครือข่าย 5G ของ AIS นั้นครอบคลุมพื้นที่ 95% ของไทย ทำให้ไทยเป็นประเทศที่มีพื้นที่เครือข่าย 5G ครอบคลุมมากที่สุด และบริษัทจะยังคงขยายการลงทุนเพื่อให้ลูกค้ามั่นใจในศักยภาพของเครือข่าย ขณะที่ นายฮาว ริ เร็น (How Lih Ren) หัวหน้าสายงานการพาณิชย์ พันธมิตรเชิงกลยุทธ์และเทเลคอม-เทค บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า ปัจจุบันบริษัทใช้ AI ในการพัฒนาบริการลูกค้าทั้งดีแทคและทรูอย่างเป็นเนื้อเดียว และในปี 2024 คนไทยจะได้เห็นบริการแชตบอตของบริษัทในรูปผู้ช่วยส่วนตัวชื่อมะลิ ซึ่งแม้ทั้งคู่จะไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดการลงทุน แต่ก็ถือเป็นสัญญาณการเปิดทางให้บริการและโอกาสทางธุรกิจใหม่ในไทยในช่วง 5 ปีที่ 6G จะยังไม่เกิด

สำหรับงาน Asia-Pacific ICT Summit 2024 นั้นเป็นงานแสดงโมเดลอัจฉริยะหลากหลายสำหรับชีวิตดิจิทัล ทั้งด้านการทำงาน การแพทย์ รวมถึงบ้านอัจฉริยะ Wi-Fi 7 และนวัตกรรมระดับอุตสาหกรรม ซึ่งส่วนใหญ่เปิดให้งานในหลายเมืองใหญ่ของจีนเรียบร้อย

⚽‘เศรษฐา’ ผู้คลั่งบอลไทย เชื่อมั่นคนไทย บอลไทย ไปบอลโลก

เมื่อปลายเดือน มี.ค. ที่ผ่านมา คอลูกหนังไทยต่างพุ่งความสนใจไปที่ศึกฟุตบอลโลก 2026 รอบคัดเลือก รอบสอง กลุ่มซี ระหว่างทีมชาติไทย ปะทะ เกาหลีใต้ ณ สนามราชมังคลากีฬาสถาน แม้สกอร์จะจบลงที่ช้างศึกแพ้โสมขาว 0-3 แต่หนึ่งในแฟนพันธุ์แท้ (กิตติมศักดิ์) ฟุตบอลไทย ก็ยังส่งกำลังใจจากให้พลพรรคทีมชาติทั้งในสนามและผ่านบัญชี X.COM

"...วันนี้ทีมชาติไทยทำเต็มที่แล้วครับ ตัวผมเป็นแฟนคลับที่ติดตามเชียร์ และส่งกำลังใจให้ทุกคน ในทุก ๆ แมตช์แน่นอน" นั่นคือข้อความจากใจนายกรัฐมนตรี 'เศรษฐา ทวีสิน' ผู้เชื่อมั่นในศักยภาพนักเตะไทย

ก่อนเกมเริ่ม 'นายกฯ นิด' ยังบอก “...ตั้งแต่ผมดูฟุตบอลไทยในบ้านเรา ไม่เคยเห็นคนเยอะขนาดนี้เลย ดีใจที่วันนี้ได้มาส่งกำลังใจ และส่งเสียงเชียร์แบบติดขอบสนาม ก่อนการแข่งขันผมจึงแวะมาให้กำลังใจนักกีฬาทุกคนที่ห้องพักนักกีฬาครับ”

ส่งใจสนับสนุนและพาบอลไทยไปบอลโลก

‘เศรษฐา’ คาวบอยสไตล์ พร้อมลุยทุกที่ สู้ทุกปัญหา

ช่วงปี ค.ศ. 1970 - 80 หรือยุค 70s ยุคซึ่งเรียกได้ว่าภาพยนตร์แนวตะวันตก (Western Movies) กำลังครองเมือง วัยรุ่นแปดศูนย์เต็มตัวอย่าง 'เศรษฐา ทวีสิน' ก็ไม่อาจหลีกเลี่ยงกระแสนิยมนี้เช่นกัน จากสไตล์การต่อสู้ด้วยปืนพกบนหลังม้า หรือภาพพระเอก 'หนึ่งรุมสิบ' เหล่านี้จึงหล่อหลอมให้นายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของไทย มีภาพพจน์การทำงานที่ 'เข้าถึงลูกถึงคน' มีอะไรก็เจรจามาตรง ๆ เสมือน 'ดวล' กันตัวต่อตัว ที่ไม่เกี่ยวข้องกับการ 'ล้วงลูก' แต่อย่างใด

ประกอบกับรูปร่างอันสูงสง่า 'นายกฯ เศรษฐา' จึงเข้ากันได้ดีกับหมวกปีก เสื้อเชิ้ตพับแขน หรือกางเกงยีนส์ในวันสบาย ๆ สักตัว บวกกับรอยยิ้มเปิดเผย จริงใจ คาวบอยไทยคนนี้ที่พร้อมลุยทุกที่ ทุกปัญหา ไม่ว่าจะถาโถมเข้ามากันสักกี่คน กี่แก๊ง เศรษฐาก็พร้อมจะชนแม้ไม่มีม้าให้ควบสักตัวในทำเนียบ

การทำงานอย่างตรงไปตรงมาโดยยึดเอาความยุติธรรมเป็นที่ตั้ง ก็คืออีกหนึ่งนิยามของนายกรัฐมนตรีสไตล์คาวบอยที่ชื่อ 'เศรษฐา ทวีสิน'

👍‘เศรษฐา ทวีสิน’ เชื่อมั่น!! คนไทยไม่แพ้ชาติใดในโลก

ด้วยความที่มีพื้นฐานมาจากนักธุรกิจระดับหมื่นล้าน การพบปะชนชั้นนำทั่วโลกทั้งในงานสังคม การประชุม เสวนา ฯลฯ จึงเป็นที่มาของวิสัยทัศน์ซึ่งส่งผลต่อความเชื่อ "คนไทยไม่แพ้ชาติใดในโลก" จริง ๆ

แรกรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี 'เศรษฐา ทวีสิน' จึงลงรายละเอียดทั้งในเชิงนโยบาย ทั้งการบริหารประเทศเพื่อพัฒนา 'ศักยภาพคนไทย' ชนิด 'ลงลึก' ทุกรายละเอียด โดยเฉพาะอย่างยิ่งการผลักดันสร้างความเปลี่ยนแปลงทางสังคม โดยพัฒนา 'คน' ตั้งแต่ครั้งยังนั่งกุมบังเหียนบนตำแหน่งประธานอำนวยการและกรรมการผู้จัดการใหญ่ แห่ง 'แสนสิริ' บ.อสังหาฯ เบอร์ต้นของประเทศ

อย่างที่เห็นจากสื่อ ภาพของนายกฯ คนที่ 30 ของประเทศคนนี้ มักจะลงไปพบปะพูดคุยกับชาวบ้านตัวจริงยามลงพื้นที่เสมอ ๆ ด้วยความอยากรู้ถึงต้นตอปัญหาจากผู้อยู่ในพื้นที่ อีกประการก็คือ จะได้หยั่งถึง 'ภูมิปัญญา' อันพ่วงมากับ 'คำแนะนำ' จากประชาชนคนไทย

นั่นเพราะนายกฯ นิด 'เชื่อในศักยภาพคนไทย' ว่า 'ไม่แพ้ชาติใดในโลก'

'โหรฟองสนาน' ประเมินพื้นดวงแคนดิเดตนายกฯ ไทยคนต่อไป 'อุ๊งอิ๊ง' วาสนาสูง 'เสี่ยหนู' ยังรอโชคเทวฤทธิ์ ปี 68-69

(15 ส.ค.67) ฟองสนาน จามรจันทร์ นักพยากรณ์ชื่อดัง อดีตนักข่าวสายการเมือง และนักจัดรายการวิทยุของกรมประชาสัมพันธ์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก 'Fongsanan Chamornchan' ระบุว่า...

#แม่หมอประเมินพื้นดวงเดิมต่ำไป
#เกิดเมกาไม่รู้ลัคนาที่แน่นอน

วาสนาเดิมสูงจริง (ดวงชะตาดาวได้มาตรฐานราชาโชคสามดวง) -นึกว่ารอบนี้แค่ระดับรัฐมนตรี-แต่จะขึ้นถึงนายกฯ-ว่าที่นายกฯ หญิงคนที่สอง (เดชเดิม-เป็นศรีจร)

คุณอนุทิน-โปรดประสานรัฐบาลและรอต่อไปมีเกณฑ์ใหญ่โชคเทวฤทธิ์ชั้นที่หนึ่ง-5 พ.ค.68-14 ก.พ.69

💸 ‘นายกฯ เศรษฐา’ พาคนไทยเป็นเศรษฐี

หลักการที่เป็นหัวใจในการบริหารประเทศของพรรคเพื่อไทย ภายใต้การบริหารของนายกรัฐมนตรีหนึ่งเดียว ‘เศรษฐา ทวีสิน’ คือ ‘เพิ่มรายได้ ลดรายจ่าย ขยายโอกาส’ โดยจะทำให้อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ GDP เติบโตเฉลี่ยอย่างต่ำปีละ 5% โดยเพื่อไทยใช้แนวคิด ‘รดน้ำที่ราก’ เพื่อให้ต้นไม้งอกงามทั้งต้น

คือปฐมบทแห่งนโยบายรัฐบาล ‘เศรษฐา’

ประเทศไทยติดกับดัก ‘กำลังพัฒนา’ มาอย่างเนิ่นนาน การสร้างเขตธุรกิจใหม่ 4 แห่งเป็นพื้นที่นำร่อง ได้แก่ กรุงเทพ เชียงใหม่ ขอนแก่น และหาดใหญ่ ด้วยความพร้อมทางด้านมหาวิทยาลัย สนามบิน และโครงสร้างพื้นฐานที่พร้อมเพื่อขับเคลื่อน Startup และ SMEs สู่การสร้างรายได้ใหม่ให้แก่ประชาชน จึงเป็นเสมือนคำตอบที่ถูกต้องกับโจทย์

การพาดหัวบนหน้าปกนิตยสารข่าวระดับโลกเช่น 'Time' ว่านายกรัฐมนตรีของไทยกำลังทำงานแบบ ‘เซลล์แมน’ จึงมิใช่ภาพความฝันที่ไกลเกินเอื้อม หากกำลังจะเป็นความจริงซึ่งจับต้องได้

นายกฯ ‘เศรษฐา’ จะพาให้คนไทยทุกคนเป็น ‘เศรษฐี’

✨สำหรับ ‘เศรษฐา’ ทุกวัน คือ ความเท่าเทียม

หากศึกษาประวัติของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของไทย แล้วจะพบว่า เขาใส่ใจกับ 'ความเท่าเทียมกันทางสังคม' ในสำนึกและได้ลงมือปฏิบัติจริงตั้งแต่นั่งอยู่บนองค์กร 'แสนสิริ' นานก่อนย่างก้าวเข้าสู่แวดวงการเมือง

จากประสบการณ์ทางด้านธุรกิจระดับนานาชาติ หรือการศึกษาที่ต่างประะเทศ ทำให้นายกฯ เศรษฐาเข้าใจความเป็นไปของบริบทโลก ทั้งในทางเศรษฐศาสตร์ และสังคมศาสตร์ จึงเชื่อได้ว่าความเข้าใจต่อ 'ความเท่าเทียม' นั้น มิได้เป็นแค่เพียงการเอาใจคนบางกลุ่ม บางพวก ชาย หญิง หรือกลุ่มหลากหลายทางเพศ (LGBTQ) เท่านั้น

คำกล่าวผ่านสาธารณะล่าสุดคงเป็นเครื่องยืนยัน 'ความเท่าเทียม' ของสังคมไทยยุครัฐบาลเศรษฐาได้ "...รัฐบาลเดินหน้าลดความเหลื่อมล้ำ และสร้างความเสมอภาคเท่าเทียมทางเพศอย่างต่อเนื่อง ครม. จึงได้เห็นชอบตามที่กระทรวงพัฒนาสังคมฯ เสนอในการร่วมแถลงการณ์รัฐมนตรีเอเปคด้านสตรีและเศรษฐกิจประจำปี 2567 เกี่ยวกับการส่งเสริมสตรีในอาชีพด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรมศาสตร์ และคณิตศาสตร์การสร้างโอกาส และการมีส่วนร่วมของสตรีในระบบการเงิน และการต่อต้านความรุนแรงต่อผู้หญิง"

ทุก ๆ วัน คือ ความเท่าเทียม

✨ ‘เศรษฐา’ นายกฯ จาก ‘เพื่อไทย’ ชีวิตนี้ขอทำเพื่อ ‘คนไทย’

ก่อนเข้าสู่สนามเลือกตั้งทั่วไป 2566 พรรค 'เพื่อไทย' เน้นชูจุดขายของ 'เศรษฐา ทวีสิน' แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีอันดับ 1 ในด้านประสบการณ์ทางธุรกิจ และความสามารถบริหารเศรษฐกิจยุคหลังโควิด แม้เขาจะไม่มีประสบการณ์ด้านบริหารการเมืองมาก่อนก็ตามที

วันนี้นายกฯ คนที่ 30 ของประเทศ ก็มาจากพรรค 'เพื่อไทย'

โดยสิ่งที่นายกฯ เศรษฐา ทำอยู่ตลอดอายุรัฐนาวาย่าง 10 เดือน ล้วนมุ่งเน้นการฟื้นฟูประเทศ หลังบอบช้ำจากพิษโรคระบาด เศรษฐกิจซบเซา ท่ามกลางปัญหารุมเร้าทั้งจากภาคสังคมและการเมืองทั้งใน - นอกสภาฯ โดยดำเนินการตามนโยบายที่หาเสียงไว้กับประชาชนคนไทย

เหนืออื่นใด สิ่งที่ 'เศรษฐา ทวีสิน' ทำในนามนายกฯ จากพรรคเพื่อไทย คือ

ทำ 'เพื่อ' ประเทศ และพี่น้องคน 'ไทย'

✨ ‘เศรษฐา’ กับ ‘ผ้าขาวม้า’ นี่แหละคนไทยของแทร่!!

พจนานุกรมไทย ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2554 เก็บคำ 'ผ้าขาวม้า' โดยให้ความหมายว่า 'น. ผ้าฝ้ายทอเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า มักมีลายตาหมากรุก ใช้ผลัดอาบน้ำ หรือเคียนพุง เป็นต้น'

เป็นผ้าซึ่งเปี่ยมอัตลักษณ์ 'ไทย' อย่างยิ่ง จึงมิใช่เรื่องแปลกที่นายกฯ เศรษฐา ทวีสิน จะเลือกใช้ 'ผ้าขาวม้า' ประดับกายให้ได้เห็นเมื่อครั้งเยือนมิตรประเทศ เช่น สหภาพยุโรป แหล่งอารยธรรมชั้นสูงด้านแฟชั่น

ศิลปินเพลงเพื่อชีวิต เพลงพื้นบ้าน ตลอดจนนักเคลื่อนไหวทางสังคม ก็ล้วนใช้ 'ผ้าขาวม้า' ประดับกายเพื่อสื่อถึงความ 'ชาตินิยม' ด้วยชนเผ่าไทยมีภูมิปัญญาทางการทอผ้าชนิดนี้มาเนิ่นนาน แม้นายกฯ จะมีภาพพจน์เป็นนักธุรกิจที่แต่งกายได้เหมาะสมในระดับสากล แต่ไม่เคยลืมเสน่ห์แห่งรากเหง้า 'ผ้าขาวม้าไทย'

และเมื่อมีโอกาส 'ผ้าขาวม้า' จะถูกนำเสนอต่อสายตาชาวโลกเสมอ

โดยนายกฯ คนที่ 30 ของไทยที่ชื่อ 'เศรษฐา ทวีสิน'

‘WHO’ ประกาศยกระดับ ‘โรคฝีดาษลิง’ เป็นภาวะฉุกเฉิน พร้อมรับมือการระบาดของหลายสายพันธุ์ในหลากประเทศ

(15 ส.ค.67) สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า องค์การอนามัยโลก (WHO) ประกาศให้โรคเอ็มพอกซ์ (MPOX) หรือโรคฝีดาษลิงเป็นภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุขระหว่างประเทศ (PHEIC) ซึ่งถือเป็นการส่งสัญญาณเตือนความเสี่ยงเกิดการแพร่ระบาดระหว่างประเทศ

ทางด้าน ทีโดรส อัดฮานอม กีบรีเยซุส ผู้อำนวยการใหญ่องค์การฯ แถลงข่าวว่า เขารับทราบคำแนะนำจากคณะกรรมการฉุกเฉิน ซึ่งได้ประชุมหารือและพิจารณาแล้วว่าสถานการณ์การระบาดของโรคเอ็มพอกซ์หรือโรคฝีดาษลิง ถือเป็นภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุขระหว่างประเทศ

โดยภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุขระหว่างประเทศ นับเป็นสัญญาณเตือนระดับสูงสุดภายใต้กฎหมายสาธารณสุขระหว่างประเทศ ทุกฝ่ายจึงควรเฝ้าระวังการระบาดของโรคเอ็มพอกซ์หรือโรคฝีดาษลิง ซึ่งมีแนวโน้มแพร่ระบาดภายในแอฟริกาและกระจายวงกว้างยิ่งขึ้น

อย่างไรก็ตาม ข้อมูลขององค์การฯ พบว่า จำนวนผู้ป่วยโรคเอ็มพอกซ์หรือโรคฝีดาษลิงในปี 2024 ได้สูงเกินจำนวนผู้ป่วยทั้งหมดในปี 2023 แล้ว โดยขณะนี้มีผู้ป่วยสะสมอยู่ที่มากกว่า 14,000 ราย และผู้ป่วยเสียชีวิตอยู่ที่ 524 ราย

ทั้งนี้ องค์การฯ ประกาศภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุขระหว่างประเทศ หลังจากศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งแอฟริกาประกาศให้การระบาดของโรคเอ็มพอกซ์หรือโรคฝีดาษลิงในเวลานี้เป็นภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุขของทวีป

ทีโดรสกล่าวเปิดการประชุมคณะกรรมการฉุกเฉินว่าการรับมือในตอนนี้ ไม่ได้รับมือกับการระบาดของสายพันธุ์เดียว แต่เป็นการรับมือกับการระบาดของหลายสายพันธุ์ในหลายประเทศ ซึ่งมีรูปแบบการระบาดและระดับความเสี่ยงแตกต่างกัน

นอกจากนี้ เมื่อวันพุธ (14 ส.ค.) องค์การเตรียมความพร้อมและรับมือภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุขของคณะกรรมาธิการยุโรปเปิดเผยว่า สหภาพยุโรปประกาศแผนการจัดซื้อและบริจาควัคซีนเอ็มวีเอ-บีเอ็น (MVA-BN) แก่แอฟริกา จำนวน 175,420 โดส และบาวาเรียน นอร์ดิก (Bavarian Nordic) บริษัทเทคโนโลยีชีวภาพในเดนมาร์ก จะบริจาควัคซีนแก่องค์การฯ จำนวน 40,000 โดสด้วย


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top