Saturday, 21 June 2025
NewsFeed

‘พรรคคอมมิวนิสต์จีน’ พร้อมแถลงข่าว หลังประชุมแบบเต็มคณะ ครั้งที่ 3 จ่อถ่ายทอดสดชี้แจงหลักการชี้นำต่างๆ วันนี้ 10.00 น. ตามเวลาปักกิ่ง

เมื่อวานนี้ (18 ก.ค. 67) สำนักข่าวซินหัว ได้มีการประมวลภาพบรรยากาศการประชุมเต็มคณะ ครั้งที่ 3 ของคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน (CPC) ชุดที่ 20 ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันจันทร์-พฤหัสบดี (15-18 ก.ค.) ในกรุงปักกิ่งของจีน

นอกจากนี้ ยังมีรายงานเพิ่มเติมว่า คณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน (CPC) จะจัดการแถลงข่าวเกี่ยวกับหลักการชี้นำต่าง ๆ จากการประชุมเต็มคณะ ครั้งที่ 3 ของคณะกรรมการกลางพรรคฯ ชุดที่ 20 ในวันศุกร์ (19 ก.ค.) ซึ่งก็คือวันนี้

โดยการแถลงข่าวดังกล่าวมีกำหนดเริ่มต้นตอน 10.00 น. ตามเวลาปักกิ่ง จะได้รับการถ่ายทอดสดโดยไชน่า มีเดีย กรุ๊ป (China Media Group) และเว็บไซต์ข่าวสารที่สำคัญ เช่น พีเพิลดอทคอมดอทซีเอ็น (people.com.cn) ซินหัวเน็ตดอทคอม (xinhuanet.com) และไชน่าดอทคอมดอทซีเอ็น (china.com.cn)

‘ญี่ปุ่น’ แม้เจริญสุดขีด แต่ก็ประสบปัญหา ‘คนไร้บ้าน’ เรื้อรัง หลังพวกเขาพ่ายแพ้ต่อเศรษฐกิจแปรปรวน กลายเป็นคนว่างงาน

ปัญหาคนไร้บ้านนั้น ไม่ใช่เกิดขึ้นเฉพาะบ้านเรา แต่เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในแทบทุก ๆ ประเทศ ไม่เว้นแม้แต่ ‘ญี่ปุ่น’ ซึ่งเป็นประเทศที่เจริญที่สุดในทวีปเอเชีย ภายหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ชาวญี่ปุ่นหลายคนกลายเป็นคนไร้บ้าน เนื่องจากปัญหาทางเศรษฐกิจซึ่งได้รับความเสียหายจากการถูกทิ้งระเบิดและพ่ายแพ้ต่อฝ่ายสัมพันธมิตร ในช่วงทศวรรษ 1960 จากความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของญี่ปุ่นอย่างรวดเร็ว หรือที่เรียกกันว่า ‘ปาฏิหาริย์ทางเศรษฐกิจของญี่ปุ่น’ ทำให้จำนวนคนไร้บ้านลดลงอย่างรวดเร็ว แต่กลับมาเพิ่มจำนวนอย่างเห็นได้ชัดในสังคมญี่ปุ่นอีกครั้ง จากการล่มสลายของฟองสบู่ราคาทรัพย์สินของญี่ปุ่นในช่วงทศวรรษ 1990 และส่งผลให้เกิด ‘ทศวรรษที่หายไป’ จากภาวะซบเซาทางเศรษฐกิจ ส่งผลให้อัตราการว่างงานสูงขึ้น ซึ่งเป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดภาวะไร้ที่อยู่อาศัย จำนวนคนไร้บ้านสูงมากจนถึงจุดสูงสุด

ปัญหาคนไร้บ้านในญี่ปุ่นเป็นปัญหาทางสังคมที่มักเกิดขึ้นกับชายวัยกลางคนและผู้สูงอายุเป็นหลัก เชื่อกันว่า ในทศวรรษที่ 1990 อันเป็นผลมาจากการแตกของฟองสบู่ที่ทำให้ราคาสินทรัพย์ของญี่ปุ่นลดลงเป็นอันมากนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ตาม ‘พระราชบัญญัติพิเศษเกี่ยวกับการสนับสนุนการพึ่งตนเองของคนไร้บ้าน’ ให้นิยามของคำว่า ‘คนจรจัดหรือคนไร้บ้าน’ หมายถึง ‘ผู้ที่ใช้สวนสาธารณะในเมือง ริมฝั่งแม่น้ำ ถนน สถานีรถไฟ และสิ่งอำนวยความสะดวกอื่น ๆ เพื่อเป็นที่อยู่อาศัย เพื่อใช้ชีวิตประจำวันของพวกเขา’

ทั้งนี้ ลักษณะเฉพาะบางประการของคนไร้บ้านชาวญี่ปุ่นนั้น มีสาเหตุมาจากโครงสร้างทางสังคมของสังคมญี่ปุ่น ในอดีตซึ่งฝ่ายชายเป็นผู้หาเลี้ยงครอบครัวแต่เพียงผู้เดียว บรรดาบริษัทญี่ปุ่นต่างเชื่อกันว่า ชายที่แต่งงานแล้วจะทำงานได้ดีกว่าชายโสดที่ยังไม่ได้แต่งงาน เพราะชายที่แต่งงานแล้วจะรู้สึกว่า มีภาระหน้าที่และความรับผิดชอบต่อครอบครัวมากกว่า ดังนั้นไม่เพียงแต่ชายสูงอายุเท่านั้นที่ต้องเผชิญกับภาวะสูงอายุและไม่สามารถหางานทำได้ แต่ชายโสดที่มีอายุมากกว่า 35 ปี ก็มีปัญหาในการหางานเช่นกัน ซึ่งไม่ได้ทำให้เกิดจำนวนชายที่ยากจนโดยเฉลี่ย แต่กลับมีความแปรปรวนมากกว่า โดยมีทั้งจำนวนชายที่ร่ำรวยและยากจนเพิ่มมากขึ้น และส่งผลให้มีชายไร้บ้านจำนวนมากกว่าหญิงไร้บ้านในญี่ปุ่น นอกจากนี้แล้ว ครอบครัวญี่ปุ่นมักจะให้การสนับสนุนและช่วยเหลือสมาชิกที่เป็นหญิงมากกว่าชาย

ในปี 1997 เทศบาลกรุงโตเกียวยอมรับการมีอยู่ของตัวแทนกลุ่มคนไร้บ้าน และเริ่มรับฟังปัญหาของพวกเขา ในปี 1998 ทางการระบุว่า มีคนไร้บ้านในกรุงโตเกียวเพียงแห่งเดียวประมาณ 3,700 คน แต่กลุ่มที่ช่วยเหลือคนไร้บ้านประเมินไว้ว่า มีคนไร้บ้านราว 5,000 คน ในกรุงโตเกียว และเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างรวดเร็ว นับตั้งแต่ทศวรรษ 1990 เป็นต้นมา ในญี่ปุ่นมีการจ้างงานนอกเวลาและการจ้างงานชั่วคราวเพิ่มขึ้น ซึ่งมีกว่า 20 ล้านตำแหน่งงาน ค่าจ้างนอกเวลาและการจ้างงานชั่วคราวมักจะเท่ากับค่าจ้างขั้นต่ำ ทั้งการเปลี่ยนแปลงกฎหมายในปี 1986 และ 1999 โดยการเช่าที่พักในญี่ปุ่นมักจะต้องวางเงินมัดจำและค่าเช่าล่วงหน้า 3 เดือน แฟลตแบบหนึ่งห้องนอนในกรุงโตเกียว ค่าเช่ารายเดือนมากกว่า 50,000 เยน (ราว 11,488 บาท) ทำให้ผู้ที่ไม่มีงานประจำเข้าถึงได้ยากมากขึ้น ปัญหาคนไร้บ้านจึงเพิ่มมากขึ้นตามไปด้วย

ตามข้อมูลของกระทรวงกิจการภายในและการสื่อสารของญี่ปุ่นระบุว่า มีคนไร้บ้านในญี่ปุ่นไม่ถึง 1 หมื่นคน โดยจำนวนคนไร้บ้านมากที่สุดอยู่ในเขตมหานครโตเกียว ราว 2,700 คน รองลงเป็นอันดับสองคือ นครโอซาก้า ราว 2,500 คน และอันดับสามคือจังหวัดคานากาว่า ราว 1,814 คน ในเดือนสิงหาคม 2002 ได้มีการประกาศใช้ ‘พระราชบัญญัติพิเศษเกี่ยวกับการสนับสนุนการพึ่งตนเองของคนไร้บ้าน’ คนไร้บ้านในญี่ปุ่นจึงเริ่มได้รับความช่วยเหลือที่เหมาะสมจากทางการ รวมทั้งมีการสำรวจคนไร้บ้านทั่วประเทศ โดยกระทรวงสาธารณสุข แรงงาน และสวัสดิการ ในเดือนกุมภาพันธ์ 2004 และมีการสำรวจอีกครั้งในเดือนเมษายน 2007 ทำให้ชาวญี่ปุ่นที่ไม่มีรายได้ เงินออม หรือทรัพย์สินเพียงพอต่อการดำรงชีพขั้นพื้นฐานสามารถรับความคุ้มครองเพื่อการดำรงชีพได้ หญิงที่หลบหนีจากความรุนแรงในครอบครัวหรือจากอดีตคู่รักที่ต้องการเริ่มต้นความสัมพันธ์ในอดีตอีกครั้งสามารถรับการสนับสนุนจากสถาบันดูแลสตรี ศูนย์หลบภัย และสถานสงเคราะห์ได้ ในกรณีของผู้เยาว์ มีการจัดรูปแบบความช่วยเหลือ เช่น สถาบันสวัสดิภาพเด็ก 

โดยที่ญี่ปุ่นยังคงประสบปัญหาเศรษฐกิจถดถอยอย่างต่อเนื่อง ในปี 2011 เป็นต้นมา จึงมีการเปิดกิจการร้านไซเบอร์คาเฟ่ (หรือโรงแรมแคปซูล) โดยคนไร้บ้านสามารถเข้าพักได้ ไซเบอร์คาเฟ่ ให้บริการห้องพักซึ่งมีพื้นที่ส่วนตัวเล็ก ๆ และห้องอาบน้ำ พร้อม โทรทัศน์ น้ำอัดลม และอินเทอร์เน็ต ในราคา 1,500 ถึง 2,000 เยน (ราว 344 ถึง 460 บาท) ต่อคืน ตั้งแต่ปี 2020 เป็นต้นมา มีการประเมินกันว่า ในกรุวโตเกียวเพียงเมืองเดียวมีชาวญี่ปุ่นอย่างน้อย 15,000 คน อาศัยอยู่ในร้านไซเบอร์คาเฟ่ ซึ่งมากกว่าจำนวนคนไร้บ้านอย่างเป็นทางการถึง 5 เท่า แต่เมื่อเปรียบเทียบกับสหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่นจะมีอัตราการไร้ที่อยู่อย่างเป็นทางการต่ำกว่าอย่างมีนัยสำคัญ แต่สัดส่วนของคนญี่ปุ่นที่ยากจนในญี่ปุ่นนั้นกลับสูงกว่าในสหรัฐฯ แม้ว่าบางคนจะกลายเป็นคนไร้บ้าน แต่หลายคนในจำนวนนี้รเลือกอาศัยอยู่ในไซเบอร์คาเฟ่ อันเนื่องมาจากแรงกดดันทางสังคม พวกเขาชอบที่จะรักษาเรื่องราวส่วนตัวของตนไว้เป็นความลับ และสิ่งที่น่าเศร้าที่สุดคือทั้งรัฐบาลญี่ปุ่นและประชาชนชาวญี่ปุ่นทั่วไปต่างก็ต้องการให้เรื่องราวเหล่านี้เป็นไปเช่นนั้นด้วย

บึงกาฬ องคมนตรี ประชุมคณะอนุกรรมการติดตามและบริหารโครงการพุทธสถานทรัพยากรเฉลิมพระเกียรติ วัดป่าดานวิเวก ในพระบรมราชูปถัมภ์

วันที่ 18 ก.ค.67 นายอำพน กิตติอำพน องคมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะอนุกรรมการติดตามและบริหารโครงการพุทธสถานทรัพยากรเฉลิมพระเกียรติ วัดป่าดานวิเวก ในพระบรมราชูปถัมภ์ พร้อมลงพื้นที่ดูฝายห้วยคลองตอนกลาง บ้านนาขาม ต.ศณีชมภู อ.โซ่พิสัย ที่ได้รับการปรับปรุงซ่อมแซมฝายขึ้นมาใหม่ โดยพระอธิการปรีดา ฉนฺทกโร เจ้าอาวาสวัดป่าดานวิเวก (หลวงปู่ทุย) 

เพื่อเพิ่มพื้นที่กักเก็บน้ำ และสร้างความอุดมสมบูรณ์ให้กับชุมชน พบปะและเยี่ยมเยือนประชาชนที่มีพื้นที่ติดกับโครงการพุทธสถานทรัพยากรเฉลิมพระเกียรติ วัดป่าดานวิเวก ในพระบรมราชูปถัมภ์ สร้างการรับรู้สร้างความเข้าใจแก่ชุมชนในการอนุรักษ์ฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติ ให้คนกับป่าอยู่ร่วมกัน โดยมีนายอินทพร จั่นเอี่ยม ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ นางสุพร ตรีนรินทร์ เลขาธิการ กปร. นายจุมพฏ วรรณฉัตรสิริ ผวจ.บึงกาฬ พร้อมคณะอนุกรรมการติดตามและบริหารโครงการพุทธสถานทรัพยากรเฉลิมพระเกียรติ จากส่วนราชการต่างๆ ให้การต้อนรับและเข้าร่วมประชุมฯ ณ ห้องประชุมที่ว่าการอำเภอโซ่พิสัย และโรงเรียนบ้านแสงอรุณ ต.ศรีชมภู อ.โซ่พิสัย จ.บึงกาฬ

เปิดการฝึกผสม 'MULTILATERAL CARAT 2024' ไทย-สหรัฐฯ-สิงคโปร์ สร้างความมั่นคงทางทะเล

กองทัพเรือ โดยกองเรือยุทธการ จัดพิธีเปิดการฝึกผสม MULTILATERAL CARAT 2024 ไทย-สหรัฐฯ-สิงคโปร์ 
   
เมื่อวานนี้ (18 ก.ค.67) พลเรือเอก ชาติชาย ทองสะอาด ผู้บัญชาการกองเรือยุทธการ มอบหมายให้พลเรือตรี กรวิทย์ ฉายะรถี รองเสนาธิการกองเรือยุทธการ เป็นผู้แทนเป็นประธานฝ่ายไทย พลเรือตรี โจอาควีน มาติเนส รองผู้บัญชาการกองเรือที่ 7 กองทัพเรือสหรัฐฯ เป็นประธานฝ่ายสหรัฐฯ และพันเอก โฮ จี คีน รองผู้บัญชาการกองเรือยุทธการ กองทัพเรือสิงคโปร์ เป็นประธานฝ่ายสิงคโปร์ ร่วมเป็นประธานในพิธีเปิดการฝึก MULTILATERAL CARAT 2024 อย่างเป็นทางการ ณ ท่าเรือแหลมเทียน อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี โดยมีกำลังพลฝ่ายไทย สหรัฐฯ และสิงคโปร์ เข้าร่วมการฝึกในครั้งนี้ รวม 1,100 นาย

การฝึกผสม CARAT เป็นการฝึกพหุภาคี ระหว่างกองทัพเรือไทยกับกองทัพเรือสหรัฐอเมริกา ตั้งแต่ปี พ.ศ.2538 จนถึงปัจจุบัน โดยในปีนี้กองทัพเรือสิงคโปร์ ได้ส่งกำลังพลและยุทโธปกรณ์เข้าร่วมการฝึกด้วย เป็นการฝึกผสมรวม 3 ประเทศ  เรียกรหัสการฝึกว่า "MULTILATERAL CARAT 2024" ทั้งนี้กองทัพเรือ ได้มอบหมายให้กองเรือฟริเกตที่ 2 กองเรือยุทธการ เป็นหน่วยรับผิดชอบการฝึก โดยมี พลเรือตรี ณัฐพงศ์ ปานโสภณ ผู้บัญชาการกองเรือฟริเกตที่ 2 กองเรือยุทธการ เป็นผู้อำนวยการกองอำนวยการฝึกผสม MULTILATERAL CARAT 2024

วัตถุประสงค์การฝึก เพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างกองทัพเรือไทย กองทัพเรือสหรัฐฯ และกองทัพเรือสิงคโปร์ ในการร่วมกันพัฒนาความสามารถของกำลังพลทั้ง 3 ประเทศ ในการปฏิบัติภารกิจทางทะเลร่วมกันในทุกระดับ และเสริมสร้างองค์ความรู้และความเข้าใจอันดีในการปฏิบัติการ ตลอดจนยกระดับขีดความสามารถภาพสถานการณ์ทางทะเลให้สอดคล้องกับสถานการณ์โลกในปัจจุบัน  

กิจกรรมในการฝึก แบ่งเป็น 3 ห้วงการฝึก ได้แก่ การฝึกในท่า การฝึกในทะเล และการสรุปผลการฝึก ระหว่างวันที่ 14 กรกฎาคม 2567 - 3 สิงหาคม 2567 รวม 21 วัน  

มีการฝึกในทะเลที่สำคัญ ประกอบด้วย การค้นหาและช่วยเหลือผู้ประสบภัยทางทะเล การปฏิบัติการทางเรือสาขาต่าง ๆ การฝึกประลองยุทธ์ การฝึกยิงอาวุธประจำเรือ และการฝึกยิงอาวุธปล่อยนำวิถี พื้น-สู่อากาศ แบบ ESSM โดยมีกำลังเข้าร่วมการฝึกของกองทัพเรือไทย ประกอบด้วย เรือหลวงตากสิน และเรือหลวงภูมิพลอดุลยเดช  อากาศยานและ อากาศยานไร้คนขับ ในส่วนกองทัพเรือสหรัฐฯ จัดกำลังเข้าร่วมการฝึก ประกอบด้วย เรือรบ USS แกเบรียล จิฟฟอร์ด 1 ลำ และอากาศยาน ในส่วนกองทัพเรือสิงคโปร์ จัดกำลังเข้าร่วมการฝึกเรือรบ 1 ลำ คือ เรือ RSS เวเลียนท์

โดยห้วงการฝึก ระหว่างวันที่ 18 – 25 กรกฎาคม 2567 ทำการฝึกในท่าเรือพื้นที่อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี และการฝึกในทะเลบริเวณอ่าวไทยตอนบน ทั้งนี้ สามารถติดตามการฝึกผสม MULTILATERAL CARAT 2024 ในท่าเรือและการฝึกในทะเล ได้ในโอกาสต่อไป

‘ชาวเน็ต’ ยกให้!! ชุดพิธีการ ‘มองโกเลีย’ ชนะเลิศ ‘สวยสง่า-ทันสมัย’ หลังเนรมิตจากเบื้องหลังของ ‘ชาติ-ศิลปะ’ ผสมผสานกันอย่างลงตัว

(19 ก.ค. 67) จากกรณีที่เพจ 'Stadium TH' ได้เปิดตัว 'ชุดพิธีการ' ของนักกีฬาทีมชาติไทยที่สวมใส่โดย 'ปอป้อ' ทรัพย์สิรี แต้รัตนชัย โดยนักกีฬาไทยทั้งหมดนั้นจะสวมใส่อวดสู่สายตาชาวโลกในพิธีเปิดการแข่งขัน โอลิมปิก เกมส์ ปารีส 2024 ที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส จนเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันเป็นจำนวนมาก 

ต่อมาชาวโลกโซเชียลก็ได้มีการรวบรวม 'ชุดพิธีการ' โอลิมปิก 2024 ของแต่ละประเทศ ซึ่งเป็นที่ฮือฮาไปทั่วโลกเมื่อได้เห็นชุดพิธีการของประเทศมองโกเลีย เนื่องด้วยชุดมีลวดลายที่สวยงาม และทันสมัย เหมาะกับการที่จะไปเปิดตัวในเมืองที่ขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองแห่งแฟชั่นอย่าง กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส 

สำหรับชุดเครื่องแบบพิธีการสำคัญชุดนี้ ก่อนหน้านี้มีการสำรวจชุดตัวอย่างถึง 9,000 คน และทีมนักกีฬาร่วม 303 คน ก่อนที่จะได้แบรนด์ของ 2 พี่น้อง Michel & Amazonka  (มิเชล และ อมาซอนกา) เป็นผู้ถูกเลือกให้ออกแบบชุดพิธีการนี้ 

ชุดนี้ได้รับแรงบันดาลใจมาจากเรื่องของเบื้องหลังของชาติ ศิลปะ และอื่น ๆ อีกหลากหลายมิติ อีกทั้งผู้ออกแบบยังคงความดั้งเดิม ที่เอามาผสานกับความทันสมัยได้อย่างลงตัวมาก ๆ งานปัก และการตัดเย็บมีการใช้แพตเทิร์นแบบยุโรป นอกจากนั้นยังมีการเลือกโทนสีที่น่าสนใจ อาทิ สีขาว เบจ และสีน้ำเงิน อีกทั้งยังมีการสอดแทรกลวดลายปักสีทอง เรียกได้ว่าเป็นพาเลตต์สีที่ลงตัวสุด ๆ 

นอกจากนั้น ชุดนี้ยังมีการนำเสนอสัญลักษณ์สำคัญของวัฒนธรรมท้องถิ่นของประเทศมองโกเลียอีกด้วย โดยชุดดังกล่าว มีการสอดแทรกดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ และกวางในจินตนาการ ทั้งหมดนี้สอดคล้องเข้ากับวัฒนธรรมอย่างเด่นชัด นอกจากนั้น ผู้ออกแบบยังมีการใส่ลวดลายสัญลักษณ์โอลิมปิก 2024 ไม่ว่าจะเป็นสัญลักษณ์ 5 ห่วง และโลโก้ประจำมหกรรมครั้งนี้ โดยรวมชุดนี้น่าสนใจ และน่าจับตาดูในพิธีเปิดโอลิมปิก 2024 ที่จะถึงนี้ 

‘ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนฯ’ เสด็จฯ เป็นนักร้องรับเชิญ 'ร้องข้ามกำแพง' ทรงร้องเพลงรักแรกของ ‘นนท์ ธนนท์’ บิ๊กเซอร์ไพรส์ที่คาดไม่ถึง

(19 ก.ค.67) ปล่อยตัวอย่างออกมาให้หลายคนได้ติดตาม สำหรับรายการ The Wall Song ร้องข้ามกำแพง EP.202 ที่จะมีการเปิดตัว ‘นักร้องเปิดกำแพง’ ที่มาเปิดรายการแบบพิเศษสุด ๆ ไม่เหมือนใคร โดยบอกว่าเป็น ‘BIG SURPRISE ยิ่งใหญ่ระดับประเทศ’ ทำให้แฟนรายการต่างคาดเดาไม่น้อย

ล่าสุด รายการร้องข้ามกำแพง ที่ออกอากาศวันที่ 18 กรกฎาคม ก็เฉลยออกมาแล้ว ให้ผู้ชมทั่วประเทศได้รับชม ซึ่งก็คือ ‘ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี’ ทรงร้องเพลง รักแรก ของ นนท์ ธนนท์ จำเริญ งานนี้นอกจากแขกรับเชิญจะอึ้ง และเซอร์ไพรส์ไปตาม ๆ กัน

ทั้งนี้ รายการตอนดังกล่าว มีคนเข้ามาโพสต์จำนวนไม่น้อย และต่างก็ติดแฮชแท็กในทวิตเตอร์ กลายเป็นกระแสไม่น้อย

'รัดเกล้า' เผย ‘Depa’ เดินหน้าโครงการ ‘Coding for Better Life’ ขับเคลื่อนโมเดลพัฒนาคนดิจิทัล สร้างรากฐานอนาคตประเทศไทย

(19 ก.ค. 67) นางรัดเกล้า อินทวงศ์ สุวรรณคีรี รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดศ.) เดินหน้าโครงการ Coding for Better Life สร้างรากฐานอนาคตประเทศไทย เพื่อขับเคลื่อนโมเดลการพัฒนากำลังคนดิจิทัลของประเทศ และแก้ไขปัญหาการขาดแคลนแรงงานอย่างยั่งยืน ภายหลังที่ประชุม ครม. (9 มกราคม 2567) รับทราบแนวทางการดำเนินโครงการดังกล่าว

รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า กิจกรรม Coding Bootcamp และ Coding Roadshow ภายใต้โครงการ Coding for Better Life มี 3 กิจกรรมหลัก ได้แก่ Coding Bootcamp Coding Roadshow และ Coding War รอบคัดเลือก ที่จะมีการเดินสายทั่วประเทศใน 8 จังหวัดทุกภูมิภาคทั่วประเทศ โดยเริ่มพื้นที่แรกไปแล้ว

(1) เมื่อวันที่ 4-5 กรกฎาคม 2567 จังหวัดขอนแก่น ซึ่งมีผู้เข้าร่วมงานกว่า 2,600 และมีผู้ชมผ่าน FB Live รวมกว่า 23,000 คน 
(2) วันที่ 8-9 กรกฎาคม 2567 กรุงเทพฯ 
(3) วันที่ 11-12 กรกฎาคม 2567 จังหวัดอุบลราชธานี 
(4) วันที่ 15-16 กรกฎาคม 2567 จังหวัดพิษณุโลก 
(5) วันที่ 18-19 กรกฎาคม 2567 จังหวัดเชียงใหม่ 
(6) วันที่ 23-24 กรกฎาคม 2567 จังหวัดภูเก็ต 
(7) วันที่ 15-16 สิงหาคม 2567 จังหวัดชลบุรี 
(8) วันที่ 19-20 สิงหาคม 2567 จังหวัดสงขลา

โดยในส่วนของกิจกรรม Coding Bootcamp นั้น จัดขึ้นสำหรับครูและนักเรียนจากโรงเรียนในพื้นที่ภาคกลางที่เข้าร่วมโครงการ จำนวน 400 คน 100 ทีม เพื่อเรียนรู้ทักษะโค้ดดิ้งเข้มข้น ทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติจากผู้เชี่ยวชาญด้านดิจิทัลในหัวข้อต่าง ๆ ก่อนคัดเลือก 10 ผลงานยอดเยี่ยมเพื่อเป็น 1 ใน 100 ทีมเข้าร่วมการแข่งขัน Coding War รอบ Final ที่ MCC Hall เดอะมอลล์ ไลฟ์สโตร์ บางกะปิ ระหว่างวันที่ 13-15 กันยายน 2567 เพื่อค้นหาสุดยอดผลงาน ชิงเงินรางวัล และรับสิทธิ์เข้าร่วมแข่งขันโค้ดดิ้งเวทีระดับนานาชาติอย่าง Seoul International Invention Fair 2024 (SIIF 2024) ณ สาธารณรัฐเกาหลี

โดยกิจกรรม Coding Roadshow จัดขึ้นสำหรับผู้ปกครอง และประชาชนทั่วไปที่สนใจ โดยภายในกิจกรรมมีทั้งนิทรรศการ และกิจกรรมสร้างความตระหนักรู้ในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับโค้ดดิ้ง เทคโนโลยี และนวัตกรรมดิจิทัล 

ส่วนกิจกรรม Coding War เป็นการเปิดพื้นที่ให้ครูและนักเรียนจากโรงเรียนที่สนใจ และส่งใบสมัครเข้าร่วมแข่งขันนำเสนอผลงานและคัดเลือกสู่การเป็น 1 ใน 100 ทีมเข้าร่วมการแข่งขัน Coding War รอบ Final ซึ่งผู้สนใจสามารถเข้าร่วมกิจกรรมได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย หรือติดตามรายละเอียดและข่าวสารต่าง ๆ ของโครงการ Coding for Better Life สร้างรากฐานอนาคตประเทศไทย ได้ทาง www.depa.or.th และเฟซบุ๊กเพจ depa Thailand และ Coding Thailand by depa

'คนราชบุรี' การันตี!! 'เนื้อปลาหมอคางดำ' รสชาติอร่อย แนะ!! 'แดดเดียว-ต้มยำ' ยัน!! จับยังไงก็ไม่มีวันหมด

เมื่อวานนี้ (18 ก.ค. 67) ได้รับการแจ้งจากชาวบ้านในพื้นที่ ต.สามเรือน อ.เมือง จ.ราชบุรีว่าพบปลาหมอคางดำจำนวนมาก ลอยคออาศัยอยู่ในลำคลองหน้าวัดโพธิ์สามเรือน หมู่ที่ 2 ต.สามเรือน ลำคลองสายนี้ยาวหลายกิโลเมตรเชื่อมต่อพื้นที่ ต.พิกุลทอง เชื่อมต่อไปออกแม่น้ำแม่กลอง เป็นแม่น้ำสายหลักไปที่จังหวัดสมุทรสงคราม ซึ่งคาดว่ายังคงมีการแพร่ระบาดของปลาหมอคางดำเพิ่มมากขึ้น

จากการลงสำรวจพื้นที่ลำคลองพบชาวบ้านกำลังพายเรือใช้ตาข่ายวางบริเวณลำคลอง แล้วค่อย ๆ ลากขึ้นฝั่ง พบมีลูกปลานิลติดขึ้นมาด้วย ส่วนอีกจุดชาวบ้านเหวี่ยงแหเพียง 1 ครั้ง จากนั้นค่อย ๆ ลากแหขึ้นมาริมฝั่ง พบว่ามีปลาหมอคางดำติดขึ้นมาจำนวน 7 ตัว มีทั้งตัวเล็ก ตัวใหญ่ รวมทั้งมีปลานิลอีก 8 ตัวติดรวมขึ้นมาด้วย

ลุงสุรพล สันเกตุ ชาวบ้านที่เหวี่ยงแหจับปลาหมอคางดำชาว ต.สามเรือน กล่าวว่า คลองสายนี้ปลาหมอคางดำเข้ามา คาดว่ามากกว่าปลานิล แต่ถ้าจะให้ชัดเจนต้องมาตอนช่วงเช้าและจะเห็นปลาลอยขึ้นเป็นแพจะขึ้นอยู่ชายคลอง ที่นี่น่ามีมาประมาณ 5-6 เดือน แต่ทางพื้นที่ อ.ปากท่อ ปลาหมอคางดำอยู่มาเป็นปีแล้ว มีการปล่อยในพื้นที่ ต.ยี่สาร อ.อัมพวา จ.สมุทรสงคราม เขตติดต่อ อ.ปากท่อ จ.ราชบุรี ประมาณ 6-7 ปีแล้ว โดยปลาชนิดนี้จะกินทำลายปลาชนิดอื่นหมด ทราบว่าจะมีการนำปลากะพงขาวมาล่าปลาหมอคางดำนั้นมองว่าหากปลาหมอคางดำ มีอายุประมาณ 4-5 เดือน ปลากะพงจะไม่สามารถล่าปลาหมอคางดำได้ เพราะหัวปลาหมอคางดำมีความแข็งมากและจะกินปลากะพงแทน

ส่วนปลาที่น่าจะปราบปลาหมอคางดำได้ต้องเป็นปลาชะโด สามารถปราบปลาชนิดนี้ได้แน่ มองว่าปลานี้น่าจะออกลูกทุกเดือนถึงได้มากมายขนาดนี้ ถ้ามาตอนเช้า ๆ จะเห็นไล่ล่าปลาอื่นหนีกันจะกินเป็นอาหารหมด

"ยืนยันว่าปลาหมอคางดำนี้กินได้ รสชาติอร่อยมาก อร่อยกว่าปลานิล เนื้อไม่เหม็นขี้โคลน เนื้อนุ่ม ถ้าหากใส่เกลือลงไปนำตากแดดเดียวทำให้เนื้อปลาแข็ง แต่ถ้านำไปต้มยำสด ๆ ใส่ใบยอดมะขามอ่อนกลายเป็นเมนูเด็ดอร่อยมาก กล้าท้าว่าหากจับปลาหมอคางดำจะไม่มีวันหมด เนื่องจากเขาเป็นปลาที่ออกลูกขยายพันธุ์เร็วมาก" ลุงสุรพล กล่าว

จากการสอบถามชาวบ้านในพื้นที่ทราบว่ามีอีกหลายลำคลองที่มีปลาหมอคางดำอาศัยอยู่จำนวนมากซึ่งชาวบ้านได้ใช้อุปกรณ์ดักจับนำมาแปรรูปทำเมนูอาหารมากมายหลายอย่างทั้งแกงส้ม ต้มยำ ทอดแดดเดียวและต้มยอดมะขามอ่อน ซึ่งถือว่าเป็นอีก 1 เมนูที่สามารถปรุงเป็นเมนูอาหารที่มีรสชาติอร่อยไม่แพ้กว่าเมนูอื่น ๆ 

นายอำนาจ โกมินทร์ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 2 ต.สามเรือน อ.เมืองราชบุรี กล่าวว่า ได้ประชาสัมพันธ์การแพร่ระบาดของปลาหมอคางดำ ผ่านทางหอกระจายข่าวของหมู่บ้าน หากพบปลาหมอคางดำที่ไหนก็จะแจ้งมาที่ผู้ใหญ่บ้าน จากนั้นผู้ใหญ่จะแจ้งไปทาง สส.ในพื้นที่เพื่อประสานประมงจังหวัดและหน่วยงานต่าง ๆ มาดำเนินการ ส่วนสถานการณ์ในคลองสามเรือนถือว่าอยู่ในช่วงระดับปานกลางคงต้องอาศัยทางประมงเข้ามาแนะนำวิธีการจับต่อไป

‘CARS x' ผนึกกำลัง ‘TPG X’ ยกระดับธุรกิจ ‘รถมือสอง’ ในไทย ชู!! มืออาชีพคัด ‘รถยนต์คุณภาพ’ พร้อมบริการหลังการขายเต็มพิกัด

(19 ก.ค. 67) ดร.สัณหพัฒน ตันติธนาทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ ‘CARS x’ กล่าวว่า การร่วมทุนกับ ‘TPG X’ ซึ่งเป็นบริษัทลงทุนชั้นนำ เป็นก้าวสำคัญในการเสริมสร้างความสามารถในการแข่งขันของเรา การร่วมทุนในครั้งนี้จะช่วยให้เราสามารถขยายสาขาและสร้างสรรค์บริการใหม่ ๆ ผ่านเทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งเป็นการยกระดับธุรกิจรถยนต์มือสองในไทย

โดย CARS x มีความมุ่งมั่นสูงสุดในการคัดสรรรถยนต์คุณภาพ และมีการตรวจเช็กรถ 210 จุดโดยผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน พร้อมทั้งการดูแลบริการหลังการขายให้กับลูกค้า โดยมีการรับประกันสูงสุด 5 ปี หรือ 50,000 กิโลเมตร และบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชั่วโมง เพื่อสร้างความอุ่นใจในทุกสถานการณ์และเสริมสร้างประสบการณ์ที่ดียิ่งขึ้นให้กับลูกค้า เพื่อให้ ‘ทุกการขับขี่มีรอยยิ้ม’

การผนึกกำลังครั้งนี้ CARS x’ ในฐานะที่อยู่ในวงการรถยนต์มือสองมายาวนาน มีความเข้าใจในความต้องการและพฤติกรรมของผู้บริโภครวมถึงสามารถปรับตัวให้เข้ากับทุกสถานการณ์ได้เป็นอย่างดี จึงมั่นใจว่าการผนึกกำลังในครั้งนี้ร่วมกับ TPG X ที่มีศักยภาพและความพร้อมในทุกด้านจะช่วยผลักดันธุรกิจให้เติบโตได้เร็วยิ่งขึ้น โดย CARS x ยังคงเน้นเรื่องความเป็นมืออาชีพและคุณภาพในเรื่องรถยนต์มือสอง มุ่งมั่นจะยกระดับธุรกิจรถยนต์มือสองในไทย และในปลายปีนี้มีแผนขยายสาขาเพิ่มเติมเพื่อส่งมอบที่สุดของประสบการณ์การซื้อ-ขายรถยนต์มือสองให้ครอบคลุมการบริการแก่ลูกค้าชาวไทยในฐานะผู้นำตลาดรถมือสองในประเทศ

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ CARS x สามารถติดต่อได้ที่ Line Official : @carsx หรือเยี่ยมชมเว็บไซต์ที่ www.carsx.info

'วราวุธ' ปล่อยคาราวานจิตอาสาเพื่อประชาชน เฉลิมพระเกียรติฯ รุดเยี่ยมกลุ่มเปราะบาง 'เด็ก-ผู้สูงอายุ-คนพิการ-ผู้ด้อยโอกาส'

(19 ก.ค.67) ที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) สะพานขาว กทม. นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (รมว.พม.) เป็นประธานในพิธีเปิดกิจกรรม 'คาราวานจิตอาสาพระราชทาน กระทรวง พม.' ภายใต้โครงการ 'พม.ร้อยดวงใจ จิตอาสาเพื่อประชาชน เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567' พร้อมนำกล่าวคำปฏิญาณ ‘เราทำความดีด้วยหัวใจ’

จากนั้นเป็นประธานในพิธีปล่อยขบวนรถตู้คาราวานจิตอาสาพระราชทาน นำโดยผู้บริหารกระทรวง พม. ออกปฏิบัติหน้าที่ลงพื้นที่ 10 ชุมชนในเขตกรุงเทพมหานคร เพื่อเยี่ยมบ้านให้ความช่วยเหลือและคุ้มครองสวัสดิภาพประชาชนกลุ่มเปราะบางที่ประสบปัญหาความเดือดร้อนทางสังคม อาทิ เด็ก ผู้สูงอายุ คนพิการ และผู้ด้อยโอกาส 

ในขณะที่ ส่วนภูมิภาคทั้ง 76 จังหวัดทั่วประเทศ มีการจัดกิจกรรม 'คาราวานจิตอาสาพระราชทาน กระทรวง พม.' โดยพร้อมเพรียงกัน ด้วยการบูรณาการความร่วมมือระหว่างหน่วยงานในสังกัดกระทรวง พม. ในพื้นที่ ภายใต้แนวคิด 'พม.หนึ่งเดียว' ประกอบด้วย สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัด ศูนย์-สถาน-บ้าน-นิคมฯ รวมทั้งภาคีเครือข่ายด้านสังคมทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม ประชาชนทั่วไป และอาสาสมัครพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (อพม.) 

นายวราวุธ กล่าวว่า ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาพระราชทาน โครงการจิตอาสา 904 วปร. ตามแนวพระราชดำริ ‘เราทำความดี ด้วยหัวใจ’ เพื่อมุ่งหวังให้พสกนิกรทุกหมู่เหล่า ปรองดองสามัคคี ร่วมมือร่วมใจ ประกอบกิจกรรมสาธารณะ เพื่อประโยชน์สุขของชุมชนส่วนรวมโดยไม่หวังสิ่งตอบแทน ให้มีความรักความผูกพันต่อสถาบันหลักของชาติ อันได้แก่ สถาบันชาติ สถาบันศาสนา  และสถาบันพระมหากษัตริย์ ทั้งนี้ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของโครงการจิตอาสาพระราชทานตามแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในการส่งเสริมและสร้างบุคลากรในสังกัดกระทรวง พม. ให้เป็นจิตอาสาพระราชทาน รวมทั้งเป็นการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 

นายวราวุธ กล่าวว่า กิจกรรม 'คาราวานจิตอาสาพระราชทาน กระทรวง พม.' เกิดขึ้น เพื่อให้บุคลากรที่ได้ผ่านการฝึกอบรมจิตอาสาพระราชทาน 904 และบุคลากรที่ได้ลงทะเบียนเป็นประชาชนจิตอาสาพระราชทาน รวมจำนวน 7,200 คน เข้าร่วมกิจกรรมโดยพร้อมเพรียงกันทั่วประเทศ เกิดความตระหนักรู้ถึงบทบาทหน้าที่ของการเป็นจิตอาสาเพื่อประชาชน รวมทั้งเป็นการย้ำเตือนถึงเจตนารมณ์ของกระทรวง พม. ในการปฏิบัติงานด้านการพัฒนาสังคม เพื่อร่วมสืบสานพระราชปณิธานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในการบำเพ็ญประโยชน์เพื่อสังคมส่วนรวม และพัฒนาคุณภาพชีวิตประชาชนผู้ประสบปัญหาความเดือดร้อนทางสังคมให้สามารถดำรงชีวิตในสังคมได้อย่างปกติสุขต่อไป

นายวราวุธ กล่าวว่า นอกจากนี้ เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 กระทรวง พม. มีเป้าหมายในปี 2567 ด้วยการปล่อยขบวนคาราวานจิตอาสาพระราชทาน ลงพื้นที่ชุมชนเพื่อเยี่ยมบ้านให้ความช่วยเหลือและคุ้มครองสวัสดิภาพประชาชนกลุ่มเปราะบางที่ประสบปัญหาความเดือดร้อนทางสังคม รวมจำนวน 1,072 ครัวเรือน ทั่วประเทศ และการปลูกต้นไม้เฉลิมพระเกียรติฯ รวมจำนวน 72,000 ต้นในหน่วยงานสังกัดกระทรวง พม. ทั่วประเทศ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top