Saturday, 21 June 2025
NewsFeed

เจ้าของบ่อ 'ปลากะพงขาว' โชว์ความดุดัน จับ 'หมอคางดำ' ทำเหยื่อ ไม่กี่นาทีเกลี้ยงไม่เหลือซาก

(17 ก.ค. 67) นายนิรันดร์ พรหมครวญ ประมงอาวุโสหัวหน้ากลุ่มงานบริหารจัดการด้านการประมงจังหวัดสมุทรสาคร เปิดเผยว่า ปัจจุบันได้มีเจ้าของบ่อปลากะพงทั้งแบบเปิดและแบบปิดหลายบ่อในจังหวัดสมุทรสาคร หันมาเอาปลาหมอคางดำมาทำปลาเหยื่อ เพื่อลดต้นทุนในการเลี้ยงปลากะพง โดยการนำปลาหมอคางดำ มาให้ปลากะพงขาวกิน ซึ่งปลากะพงขาวถือเป็นปลานักล่ามีความดุดันมาก กินปลาหมอคางดำปลาเหยื่อแบบไม่เหลือซาก

ด้านเจ้าของบ่อปลากะพงขาว ได้เล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังว่า เมื่อปลากะพงขาวที่เลี้ยงไว้ได้ขนาดตัว 4 ถึง 5 นิ้ว จะมีการเปิดประตูบ่อให้ปลาหมอคางดำเข้ามาในบ่อ พอปลาหมอคางดำผ่านประตูบ่อเข้ามาก็ถูกปลากะพงขาวจัดการกินเรียบ จึงเชื่อว่าหากถึงวันที่มีการปล่อยปลากะพงขาว ปลานักล่า 90,000 ตัวลงในแม่น้ำจะสามารถกำจัดปลาหมอคางดำได้ไม่ยาก จะช่วยให้ปลาหมอคางดำลดปริมาณลงได้แน่นอน 

กฟผ. จับมือ ทัพเรือภาคที่ 1 จัดกิจกรรมฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมทางทะเล พร้อมสนับสนุนการปรับปรุงซ่อมแซมท่าเทียบเรือและสะพานทางเดินศึกษาธรรมชาติเทิดพระเกียรติ รอบเกาะขาม

เมื่อ 16 ก.ค.67 การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ร่วมกับทัพเรือภาคที่ 1 จัดกิจกรรมฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมทางทะเล พร้อมสนับสนุนการปรับปรุงซ่อมแซมท่าเทียบเรือและสะพานทางเดินศึกษาธรรมชาติเทิดพระเกียรติ รอบเกาะขาม โดยมีพลเรือโท สุระศักดิ์ สิงขรวัฒน์ ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 1 เป็นประธาน พร้อมด้วย นายกอบเดช สีหะเนิน ผู้อำนวยการโครงการปรับปรุงและขยายระบบส่งไฟฟ้าที่เสื่อมสภาพตามอายุการใช้งาน (อค-ปส.) นายประวิทย์ เลิศโกวิทย์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิศวกรรมระบบส่ง (อวส.) และผู้ปฏิบัติงาน กฟผ. รวมทั้งหน่วยงานภาครัฐ ภาคประชาชน และโรงเรียนต่างๆ ในพื้นที่อำเภอสัตหีบ เข้าร่วมกิจกรรม ณ อุทยานใต้ทะเลเกาะขาม อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี

พลเรือโท สุระศักดิ์ สิงขรวัฒน์ ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 1 ประธานในพิธี กล่าวว่า อุทยานใต้ทะเล เกาะขาม อยู่ภายใต้ความรับผิดชอบดูแลโดยทัพเรือภาคที่ 1 ซึ่งทางอุทยานฯ ได้มีการตรวจพบว่า ปะการังและสิ่งมีชีวิตใต้ทะเลได้รับผลกระทบจากปรากฏการณ์ “เอลนีโญ” (El Nino) อาทิ ปะการังฟอกขาว โรคปะการังแถบเหลือง การลดลงของสัตว์ทะเล ซึ่งล้วนแต่เกิดจากสภาพอากาศของโลกที่เปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะปรากฏการณ์เอลนีโญ ที่ทําให้อุณหภูมิน้ำทะเลเพิ่มสูงขึ้น อย่างไรก็ดีในพื้นที่อุทยานใต้ทะเลเกาะขาม ยังคงมีวงจรที่เป็นไปตามธรรมชาติทุกๆ ปี นั่นคือ การมีเต่าทะเลขึ้นมาวางไข่ ในช่วงเดือนมิถุนายน – กรกฎาคม ทัพเรือภาคที่ 1 จึงได้จัดกิจกรรมการพัฒนาฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมทางทะเลและชายฝั่ง โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อคืนความอุดมสมบูรณ์ และความสมดุลของระบบนิเวศน์ให้เหมาะสมต่อการดํารงชีวิตของสัตว์ทะเลบริเวณอุทยานใต้ทะเล เกาะขาม รวมทั้งสร้างจิตสํานึกและทัศนคติที่ดีในการช่วยกันรักษาสิ่งแวดล้อมให้กับผู้ร่วมกิจกรรมฯ และเยาวชนในพื้นที่ อีกด้วย

นายกอบเดช สีหะเนิน ผู้อำนวยการโครงการปรับปรุงและขยายระบบส่งไฟฟ้าที่เสื่อมสภาพตามอายุการใช้งาน กฟผ. กล่าวว่า เกาะขาม เป็นหนึ่งในเกาะที่อยู่ในโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (อพ.สธ.) ที่มีความสมบูรณ์ของแนวปะการังและยังเป็นแหล่งพักอาศัยของสัตว์ทะเล รวมทั้งพื้นที่บนบกยังมีพันธุ์ไม้หายากนานาชนิด ในแต่ละปีมีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ เดินทางเยี่ยมชมความสวยงามและศึกษาธรรมชาติบนเกาะเป็นจำนวนมาก เพื่อความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยว จึงมีความจำเป็นต้องปรับปรุงซ่อมแซมสะพานท่าเรือเกาะขาม สะพานทางเดินและทางเดินขึ้นจุดชมวิวให้มีความแข็งแรงปลอดภัยอยู่ตลอด

ซึ่ง กฟผ. ได้ร่วมดำเนินกิจกรรมสนับสนุนการอนุรักษ์อุทยานใต้ทะเลเกาะขามมาโดยตลอดระยะเวลากว่า 6 ปีแล้ว การจัดกิจกรรมครั้งนี้ เพื่อเป็นการสร้างความสัมพันธ์อันดีกับกำลังพลทัพเรือภาคที่ 1 ประชาชนในพื้นที่สัตหีบ รวมถึงการสร้างจิตสํานึกและทัศนคติที่ดีในการช่วยกันรักษาสิ่งแวดล้อม และเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนส่งเสริมการท่องเที่ยวทางทะเลในพื้นที่ภาคตะวันออก ซึ่งจะส่งผลให้เกิดการสร้างอาชีพสร้างรายได้ให้กับชุมชน โดยมีหน่วยงานต่างๆ เข้าร่วมกิจกรรมในวันนี้ ประกอบด้วย ทัพเรือภาคที่ 1 การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เมืองพัทยา องค์การบริหารส่วนตำบลแสมสาร คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยราชภัฏรำไพพรรณี มูลนิธิกิจกรรมวิทยาศาสตร์ทางทะเลและการอนุรักษ์ มูลนิธิรักปะการัง โรงเรียนสัตหีบ เขตกองเรือยุทธการ และโรงเรียนสัตหีบ เขตฐานทัพเรือสัตหีบ

กิจกรรม ประกอบด้วย การปล่อยพันธุ์สัตว์น้ำคืนสู่ทะเล เช่น ปลาการ์ตูน หอยมือเสือ หอยสังข์มะระ และปูม้า เพื่อเพิ่มจำนวนประชากรสัตว์น้ำในพื้นที่ การเก็บขยะบนบกและใต้น้ำ เพื่อรักษาความสะอาดและความสมบูรณ์ของสภาพแวดล้อมทางทะเล นับเป็นกิจกกรรมที่ สร้างความร่วมมือระหว่างหน่วยงานต่างๆ ในการอนุรักษ์และพัฒนาสภาพแวดล้อมทางทะเลและชายฝั่ง เพื่อให้มีความสมบูรณ์และยั่งยืนต่อไป

นิราช/นันทพล ทิพย์ศรี ชลบุรี
0909535645

‘สื่อเกาหลีใต้’ เผย!! ตัวเลขการเข้าสู่ตลาดงานของคนรุ่นใหม่ น่าห่วง เกือบครึ่ง 'ลาออก' เพราะชั่วโมงการทำงานนานไป และรู้สึกค่าจ้างต่ำ

เมื่อวานนี้ (16 ก.ค. 67) สำนักข่าวซินหัว รายงานอ้างอิงข้อมูลจากสำนักงานสถิติแห่งชาติเกาหลีใต้ที่เปิดเผยว่า เด็กจบใหม่ชาวเกาหลีใต้ใช้เวลาหางานแรกนานเกือบหนึ่งปี ซึ่งเพิ่มความกังวลเกี่ยวกับภาวะตลาดแรงงานที่ถดถอยลงสำหรับคนรุ่นใหม่

สำนักงานฯ ระบุว่าคนรุ่นใหม่อายุ 15-29 ปี ใช้เวลาเฉลี่ย 11.5 เดือนเพื่อให้ได้งานที่ได้รับค่าจ้างก้อนแรกหลังจบการศึกษาในเดือนพฤษภาคม เพิ่มขึ้น 1.1 เดือนจากปีก่อนหน้า โดยถือเป็นระยะเวลาที่ยาวนานที่สุดตั้งแต่เริ่มรวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวข้องในปี 2006 ซึ่งบ่งชี้ว่าสถานการณ์การจ้างงานคนรุ่นใหม่ย่ำแย่ลง

ในจำนวนกลุ่มคนรุ่นใหม่ข้างต้น พบว่าร้อยละ 47.7 ใช้เวลาหางานแรกไม่ถึงสามเดือน ขณะร้อยละ 30 ใช้เวลานานกว่าหนึ่งปี

จำนวนพนักงานรุ่นใหม่ลดลง 173,000 คนจากปีก่อนหน้า เหลือ 3,832,000 คนในเดือนพฤษภาคม ขณะอัตราการจ้างงานลดลง 0.7 จุดเหลือร้อยละ 46.9 ส่วนจำนวนเด็กรุ่นใหม่ว่างงานเพิ่มขึ้น 28,000 คนเป็น 276,000 คน และอัตราการว่างงานเพิ่มขึ้น 0.9 จุด เป็นร้อยละ 6.7

คนรุ่นใหม่ประมาณร้อยละ 66.8 ออกจากงานที่ได้รับค่าจ้างก้อนแรกหลังจากทำงานในตำแหน่งนั้นเฉลี่ย 1 ปีกับ 2.8 เดือน

ในกลุ่มคนที่ลาออกจากงานแรก ร้อยละ 45.5 เผยว่าพวกเขาลาออกเนื่องจากสภาพการทำงานไม่เป็นที่พอใจ เช่น ชั่วโมงการทำงานยาวนานและค่าจ้างต่ำ รองลงมาร้อยละ 15.6 เผยว่าหมดสัญญาว่าจ้างงานชั่วคราว และร้อยละ 15.3 อ้างเหตุผลส่วนตัว เช่น การแต่งงาน เลี้ยงดูลูก และสุขภาพ

(สุรินทร์)เจ้าหน้าที่จับกุม ผู้ลักลอบค้าสัตว์ป่าคุ้มครอง ลูกเสือโคร่งและงาช้าง ที่ อำเภอสังขะ จังหวัดสุรินทร์

เมื่อช่วงค่ำ วันที่ 15 กรกฏาคม 2567  บริเวณวงเวียนบ้านลันแต้ ตำบลเทพรักษา อำเภอสังขะ จังหวัดสุรินทร์ ชุดเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องได้ร่วมกันวางกำลังดักซุ่มในพื้นที่และพื้นที่ใกล้เคียง ภายหลังได้รับแจ้งจะมีการลักลอบซื้อขายสัตว์ป่าคุ้มครอง กระทั่งพบรถต้องสงสัย เป็นรถเก๋ง ยี่ห้อเบนซ์ สีดำ หมายเลขทะเบียน ฐฐ 7245 กรุงเทพมหานคร หยุดรถอยู่บริเวณจุดนัดพบซื้อ-ขายของกลาง  เจ้าหน้าที่จึงแสดงตัวเข้าจับกุม บุคคลในรถ เป็นชาย 1 คน หญิง 1 คน พร้อมตรวจยึดของกลาง เป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง ลูกเสือโคร่ง (Panthera tigris) จำนวน 2 ตัว เพศผู้ 1 ตัว เพศเมีย 1 ตัว อายุ ประมาณ 2 เดือน สภาพลูกเสือโคร่งมีอาการท้องเสีย ขาดน้ำ อิดโรย และซูบผอม พร้อมด้วยงาช้างแอฟริกา แบบกิ่ง จำนวน 2 คู่ และงาช้าง 26 ท่อน น้ำหนักรวมประมาณ 100 กิโลกรัม รวมทั้งผลิตภัณฑ์งาช้าง 5 รายการ มูลค่ารวมทั้งสิ้น 3,000,000 บาท

ทราบชื่อผู้ต้องหาภายหลัง คือนายกรฤทธิ์ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 51 ปี และนางมนัส (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 48 ปี ชาวอำเภอเมืองสุรินทร์ จังหวัดสุรินทร์ คณะเจ้าหน้าที่ได้ร่วมกันตรวจยึด จับกุม นำส่ง สถานีตำรวจภูธรดม อำเภอสังขะ จังหวัดสุรินทร์ เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป เจ้าหน้าที่ เปิดเผยว่า การตรวจยึดลูกเสือโคร่งได้เพียง 2 ตัว เนื่องจากผู้ต้องหาสามารถจัดหามาได้เพียง 2 ตัว และจากอาการท้องเสีย ซูบผอม และอิดโรย ของลูกเสือโคร่ง คณะเจ้าหน้าที่จึงได้ให้สัตวแพทย์ตรวจสภาพร่างกาย ลูกเสือมีอาการตื่นกลัว แต่ไม่มีแรง จึงได้ให้น้ำเกลือแก่ลูกเสือโคร่งตัวผู้ และให้อาหาร(นม) แก่ลูกเสือโคร่งทั้งสองตัว

เจ้าหน้าที่ยังบอกอีกว่า ขบวนการลักลอบค้าลูกเสือโคร่ง ส่วนมากต้องการนำไปเป็นอาหาร (เปิบพิสดาร) โดยจะมีการลักลอบผสมพันธุ์เสือโคร่ง เมื่อลูกเสือโคร่งเกิด จะไม่มีการแจ้งการเกิดตามระเบียบกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช และลักลอบค้าลูกเสือราคาตัวละ 250,000 บาท งาช้างกิโลกรัมละ 25,000 บาท
ปุรุศักดิ์  แสนกล้า รายงาน

‘นายกฯ’ อวดโฉม ‘ชุดนักกีฬาไทย’ ลาย ‘มรดกโลกบ้านเชียง’ ชี้!! เป็นโอกาสชูความเป็นไทย สู่สายตาชาวโลก ในโอลิมปิก 2024

(17 ก.ค.67) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านแอปพลิเคชันเอ็กซ์ ถึงชุดนักกีฬาไทยจะใช้ใส่แข่งโอลิมปิก 2024 ว่า…

ชุดที่นักกีฬาไทยจะใช้ใส่แข่งโอลิมปิก 2024 นี้ ได้นำลวดลาย ‘มรดกโลกบ้านเชียง’ มาออกแบบชุด ถือเป็นการส่งต่อจิตวิญญาณ จากบรรพบุรุษผสมผสานกับความเป็นสากลในปัจจุบัน

ซึ่งก่อนจะออกมาเป็นลายสวย ๆ บนชุดอย่างนี้ แกรนด์สปอร์ตได้ทำการวิจัยค้นคว้า และประชุมร่วมกับผู้อำนวยการศูนย์ออกแบบสร้างสรรค์ผ้าและสิ่งทอ (FTCDC) มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี รวมทั้งได้ขอข้อมูลและคำแนะนำจากพิพิธภัณฑ์บ้านเชียง กรมศิลปากร และไปคุยกับชาวบ้านชุมชนเชียงที่ยังสืบสานการทอผ้า การย้อมคราม และทำเครื่องปั้นลายบ้านเชียงอยู่

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า หลังจากรวบรวมข้อมูลจนครบถ้วนแล้ว ทีมงานออกแบบจึงนำลวดลาย สีผ้าคราม และความรู้ที่ได้รับมาประยุกต์ออกแบบชุด ทั้งชุดที่จะใช้แข่งขัน และชุดใส่เดินทาง ให้ดูเท่ เหมาะกับเวทีระดับโลก และที่สำคัญที่สุดคือ ได้นำนวัตกรรมเสื้อโปโลรีไซเคิลจากขวดพลาสติก ซึ่งจะช่วยลดปัญหาโลกร้อนอย่างยั่งยืนมาใช้ในการทำชุดด้วย

“กว่าจะไปถึงสนามแข่งขัน เราคิดกันขนาดนี้เพื่อใช้โอกาสทั้งหมดที่มี พาทั้งนักกีฬาไทย และความเป็นไทย ไปสู่สายตาชาวโลกครับ” นายกรัฐมนตรีกล่าว

‘อีลอน มัสก์’ เล็งย้าย สนง.ใหญ่ SpaceX และ X ออกจากแคลิฟอร์เนีย หลังฉุน ‘ผู้ว่าฯ’ ผ่านกม. ห้าม รร.แจ้งเปลี่ยนเพศสภาพ นร.ต่อผู้ปกครอง

‘อีลอน มัสก์’ ประกาศจะย้ายสำนักงานใหญ่ของตน ทั้ง SpaceX และ X ออกจากแคลิฟอร์เนียไปปักหลักที่เท็กซัสแทน หลังรู้ข่าวว่า ‘เกวิน นิวซอม’ ผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนีย เซ็นผ่านร่างกฎหมายใหม่เมื่อวันจันทร์ (15 ก.ค.67) ที่ผ่านมา ซึ่งระบุว่าห้ามทางโรงเรียนแจ้งผู้ปกครองเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงเพศสภาพของนักเรียนภายในโรงเรียน หากไม่ได้รับความยินยอมจากตัวนักเรียน

‘อีลอน มัสก์’ โพสต์เดือดผ่านบัญชี X ของเขาว่า "นี่เป็นฟางเส้นสุดท้ายแล้ว" หลังจากที่ผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนียลงนามในร่างกฎหมายดังกล่าว ที่เขามองว่าเป็นการจุด ‘ฉนวนสงครามทางวัฒนธรรม’ ท่ามกลางความวุ่นวายในปีที่มีการเลือกตั้งผู้นำสหรัฐฯ

เขาเห็นว่า ร่างกฎหมายฉบับนี้ และ ฉบับอื่น ๆ ที่ออกมาก่อนหน้านี้เป็นการบ่อนทำลายสถาบันครอบครัว และ บริษัทต่าง ๆ ด้วยเหตุนี้ เขาจึงตัดสินใจย้ายสำนักงานใหญ่ของ SpaceX จากเมืองฮอว์ธอร์น รัฐแคลิฟอร์เนีย ไปยังเมืองสตาร์เบส ในรัฐเท็กซัสแทน

นอกจากนี้ มัสก์ ยังบอกอีกว่าเขากำลังจะย้ายสำนักงานใหญ่ของโซเชียลมีเดีย X จากเมืองซานฟรานซิสโก ไป เมืองออสติน ของเท็กซัส ซึ่งเขาเคยขู่มาก่อนแต่ยังทำไม่สำเร็จ 

แต่ก่อนหน้านี้ เขาได้ย้ายสำนักงานใหญ่ของ Tesla จากเมือง ปาโล อัลโต ใน ซิลิคอน วัลลีย์ ไปยังเมืองออสติน รัฐเท็กซัส เป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่ยังคงสำนักงานแผนกวิศวกรรมไว้ในแคลิฟอร์เนีย 

อภิมหาเศรษฐีระดับโลกรายนี้ออกมาต่อต้านการใช้สรรพนามแทนตนตามใจฉัน และมักจะล้อเลียนการกระทำดังกล่าวบนโซเชียลมีเดีย เขามองว่าการเรียกร้องเรื่องการเปลี่ยนสรรพนามเป็นเพียงส่วนหนึ่งของกระแส ‘Woke’ ที่เป็นอันตรายต่อสังคม 

ด้านชีวิตส่วนตัว อีลอน มัสก์ มีลูกสาวข้ามเพศคนหนึ่ง ที่ต่างก็เหินห่างกัน ซึ่งเขากล่าวโทษโรงเรียนเอกชนในแคลิฟอร์เนีย ที่ปลูกฝังแนวคิดการเมืองฝ่ายซ้ายให้กับลูกของเขา และมีส่วนทำให้ลูกมีพฤติกรรมต่อต้านเขา

สำหรับประเด็นเรื่องกฎหมายใหม่ของรัฐแคลิฟอร์เนียกำลังเป็นที่ถกเถียงกันอย่างร้อนแรงระหว่างกลุ่มที่ต่อสู้เพื่อสิทธิของผู้ปกครอง กับนักเคลื่อนไหวกลุ่ม LGBTQ ในเรื่องการคุ้มครองสิทธิเด็กที่มีอัตตาลักษณ์ทางเพศที่หลากหลาย และกำลังเป็นปัญหากับโรงเรียนในเขตอนุรักษ์นิยม ที่เคยให้ครูต้องแจ้งผู้ปกครองหากนักเรียนขอเปลี่ยนสรรพนามนำหน้าชื่อของตน หรือขอใช้สิ่งอำนวยความสะดวก หรือเข้าร่วมกิจกรรมที่ไม่ตรงกับเพศตามธรรมชาติของตน

ด้าน เกวิน นิวซอม ผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนีย ผู้รับรองร่างกฎหมายดังกล่าว สังกัดพรรคเดโมแครต ที่ถูกมองว่าเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่น่าจับตาของพรรคในการลงชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐ ต่อจากโจ ไบเดน 

และมักแสดงความเห็นตอบโต้กลุ่มอนุรักษ์นิยมเกี่ยวกับประเด็นเรื่องความหลากหลายทางเพศในโรงเรียนรัฐ และเมื่อปีที่แล้ว นิวซอม ได้ลงนามในกฎหมายกำหนดค่าปรับสำหรับโรงเรียนที่ห้ามใช้หนังสือเรียนที่มีบรรยายถึงกลุ่ม LGBTQ หรือกลุ่มคนชายขอบผู้ด้อยโอกาสทางสังคม

ซึ่ง ‘อีลอน มัสก์’ ก็เคยมีเรื่องบาดหมางกับ ‘เกวิน นิวซอม’ มาก่อน เมื่อครั้งที่นิวซอม ยังดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรีเมืองซานฟรานซิสโก ในประเด็นเรื่องมาตรการการควบคุมการระบาด Covid-19 ในช่วงที่การระบาดกำลังอยู่ในภาวะวิกฤติ 

และเมื่อเห็นท่าจะอยู่ด้วยกันไม่ได้ ‘อีลอน มัสก์’ จึงตัดสินใจย้ายบริษัทหนีเสียเลย นับเป็นข้อดีอย่างหนึ่งของสหรัฐอเมริกา ดินแดนแห่งเสรีภาพที่กว้างใหญ่ ถ้ามีเงินเสียอย่างก็สามารถย้ายบ้านไปอยู่ในรัฐที่ออกกฎหมายที่ถูกจริตเราได้เสมอ

‘Huawei’ เผยโฉมศูนย์ R&D เฉียด 5 หมื่นล้าน ปูฐานสู่ผู้นำโลกนวัตกรรม ปลดล็อกอำนาจกีดกันจากสหรัฐฯ ทั้ง 'ชิป-มือถือ-OS-เน็ตเวิร์ก-อื่นๆ'

(17 ก.ค. 67)  Huawei Technologies ผู้ผลิตอุปกรณ์โทรคมนาคมรายใหญ่ที่สุดของโลก เดินหน้าก่อสร้างศูนย์วิจัยและพัฒนา (R&D) มูลค่า 10,000 ล้านหยวน (ราว 49,776 ล้านบาท) ในเซี่ยงไฮ้ จนแล้วเสร็จ ท่ามกลางการถูกสหรัฐอเมริกากีดกันทางการค้าอย่างหนัก

Lianqiu Lake R&D Center ของ Huawei ศูนย์ R&D ตั้งอยู่ในศูนย์นวัตกรรมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเซี่ยงไฮ้ ซึ่งเป็นโครงการริเริ่มที่สำคัญของเมืองเซี่ยงไฮ้ เพื่อสร้างตัวเองให้เป็นผู้นำระดับโลกด้านนวัตกรรมทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีภายในปี 2568 ประกอบด้วย 8 โซน มีอาคาร 104 หลัง เป็นที่ตั้งของห้องปฏิบัติการ สำนักงาน 40,000 แห่ง และพื้นที่พักผ่อนที่เชื่อมต่อกันผ่านระบบรถไฟภายในศูนย์

แม้ว่าการก่อสร้างสะพานและโครงการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมบางโครงการยังคงอยู่ในระหว่างดำเนินการ แต่การพัฒนาป้าย ถนน และการบริการรถไฟสำหรับศูนย์วิจัยและพัฒนานี้ก็เสร็จสมบูรณ์แล้ว

คาดว่าบุคลากรด้านการวิจัยและพัฒนาประมาณ 35,000 คน จะย้ายไปยังศูนย์แห่งนี้ เพื่อทำงานเกี่ยวกับเซมิคอนดักเตอร์ เครือข่ายไร้สาย และ Internet of Things (IoT)

Lianqiu Lake R&D Center ของ Huawei ซึ่งครอบคลุมพื้นที่ 2,400 เอเคอร์ (ราว 6,072 ไร่) และพื้นที่ก่อสร้างรวม 2.06 ล้านตารางเมตร (มีขนาดใหญ่กว่า Apple Park และสำนักงานใหญ่ Redmond Campus ของ Microsoft ในซีแอตเทิล รวมกัน) จะทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางการวิจัยและพัฒนาระดับโลก และเริ่มดำเนินการในปีนี้ ตามประกาศก่อนหน้านี้ของรัฐบาลท้องถิ่น

“เรามุ่งมั่นที่จะสร้างบรรยากาศที่เหมาะสมสำหรับนักวิทยาศาสตร์ชาวต่างชาติในการทำงานและอยู่อาศัย” Ren Zhengfei ผู้ก่อตั้งบริษัทและผู้บริหารระดับสูงของบริษัท บอกกับพนักงานในการประชุมภายในปี 2021 ซึ่งหัวเว่ยเปิดเผยต่อสาธารณะในเวลาต่อมา ตามรายงานของ South China Morning Post

Ren Zhengfei คาดหวังว่าจะดึงดูดนักวิทยาศาสตร์ต่างชาติด้วยสิทธิพิเศษต่าง ๆ เช่น ร้านกาแฟมากกว่า 100 แห่ง ที่เปิดให้บริการภายในศูนย์ฯ

ศูนย์ R&D นี้ จะรวมความพยายามด้านการวิจัยของ Huawei ในด้านเซมิคอนดักเตอร์ เทคโนโลยีไร้สาย การพัฒนาสมาร์ทโฟนเรือธง การขับขี่อัจฉริยะ/ส่วนประกอบยานยนต์ พลังงานดิจิทัล และด้านอื่น ๆ ความเคลื่อนไหวที่น่าจับตานี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อให้การสนับสนุนที่เป็นประโยชน์สำหรับธุรกิจที่กำลังขยายตัวของ Huawei เช่น 5G/6G พลังงานดิจิทัล และโซลูชันยานยนต์อัจฉริยะ

การขยายโครงสร้างพื้นฐานด้านการวิจัยและพัฒนาในประเทศจีนของ Huawei ซึ่งถูกขึ้นบัญชีดำในสหรัฐอเมริกาแสดงให้เห็นถึงความไม่ย่อท้อของบริษัทที่มีฐานบัญชาการในเซินเจิ้นแห่งนี้กำลังดำเนินการเพื่อเอาชนะมาตรการคว่ำบาตรทางเทคโนโลยีที่ขัดขวางการเติบโตของบริษัท

ท่ามกลางการแข่งขันด้านเซมิคอนดักเตอร์ระหว่างสหรัฐอเมริกาและจีน และการคว่ำบาตรต่าง ๆ ของสหรัฐอเมริกา Huawei ยิ่งจะต้องสนับสนุนความพยายามในการวิจัยและพัฒนาของตน การรวมศูนย์การวิจัยหลายแห่งเข้าด้วยกันเช่นนี้ ทำให้ Huawei สามารถปรับปรุงการดำเนินงานและอำนวยความสะดวกในการทำงานร่วมกันระหว่างแผนกต่าง ๆ ได้ง่ายขึ้น และแน่นอนว่าจะช่วยเพิ่มขีดความสามารถด้านนวัตกรรมของบริษัทได้อย่างมาก

ในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา Huawei เผชิญชะตากรรมอันเลวร้าย โดยในปี 2563 TSMC ซึ่งเป็นผู้จัดหาชิปสมาร์ทโฟนของ Huawei มากกว่า 90% ได้หยุดส่งชิ้นส่วนสำคัญนี้ให้กับ Huawei เนื่องจากการควบคุมการส่งออกของสหรัฐอเมริกา ความเคลื่อนไหวดังกล่าวส่งผลให้ Huawei ต้องออกจากสายธุรกิจทั้งหมดที่อาศัยเซมิคอนดักเตอร์ขั้นสูงในที่สุด

ข้อจำกัดดังกล่าวยังส่งผลให้รายได้ของ Huawei ลดลงอย่างมาก โดยลดลง 23% จากปี 2562 ถึง 2564 ซึ่งอาจส่งผลต่อความสามารถของบริษัทในการลงทุนในกิจกรรมการวิจัยและพัฒนา

การคว่ำบาตรยังจำกัดความสามารถของ Huawei ในการร่วมมือกับพันธมิตรระหว่างประเทศและมีส่วนร่วมในโครงการริเริ่มการวิจัยระดับโลก ซึ่งเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่อาจชะลอกระบวนการสร้างนวัตกรรมของบริษัท เพื่อตอบโต้ผลกระทบของการคว่ำบาตร Huawei ต้องลงทุนมหาศาลในการพัฒนาห่วงโซ่อุปทานภายในประเทศและเทคโนโลยีทางเลือก

โครงการเรือธงนี้ จึงแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการลงทุนของ Huawei ในเทคโนโลยีแห่งอนาคต และความไม่ยอมพ่ายแพ้ต่ออุปสรรค

อย่างไรก็ตาม ข้อจำกัดของสหรัฐอเมริกาที่บังคับใช้ในเดือนตุลาคม 2565 ทำให้ผู้บริหารชาวอเมริกันของบริษัทชิปจีนที่เป็นเป้าหมายตกอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่ปลอดภัย เนื่องจากวอชิงตันสั่งห้าม ‘บุคคลในสหรัฐฯ’ ให้การสนับสนุนธุรกิจเหล่านั้น

แม้ว่ากระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐอเมริกาไม่ได้กล่าวถึงการจ้างงาน แต่กฎเกณฑ์นี้ได้จำกัดความสามารถของบุคคลสหรัฐฯ ในการสนับสนุนการพัฒนาหรือการผลิตชิปที่โรงงานผลิตเซมิคอนดักเตอร์บางแห่งในจีนโดยไม่มีใบอนุญาต

ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้ Huawei เสนอแพ็คเกจเงินเดือนที่แข่งขันได้ และได้จ้างวิศวกรจากประเทศอื่นที่มีประสบการณ์ในการผลิตเครื่องมือผลิตชิปและผู้เชี่ยวชาญในการพัฒนาชิปชั้นนำแล้ว 

"แม้จะถูกไล่บี้อย่างหนัก Huawei สร้างความประหลาดใจอีกครั้งในตลาดสมาร์ทโฟน 5G จากการที่เมื่อเดือนสิงหาคมปีที่แล้ว เมื่อเปิดตัวโทรศัพท์มือถือที่ขับเคลื่อนโดยโปรเซสเซอร์ 7 นาโนเมตร ซึ่งเป็นความก้าวหน้าที่ได้รับการยกย่องในแผ่นดินใหญ่ และแน่นอนว่านวัตกรรมนี้ได้จุดประกายการตรวจสอบอย่างเข้มงวดอีกครั้งจากวอชิงตันในแง่ของการเข้าถึงเทคโนโลยีที่มีอยู่"

อย่างไรก็ตาม ข้อจำกัดของสหรัฐอเมริกาที่บังคับใช้ในเดือนตุลาคม 2565 ทำให้ผู้บริหารชาวอเมริกันของบริษัทชิปจีนที่เป็นเป้าหมายตกอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่ปลอดภัย เนื่องจากวอชิงตันสั่งห้าม 'บุคคลในสหรัฐฯ' ให้การสนับสนุนธุรกิจเหล่านั้น

แม้ว่ากระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐอเมริกาไม่ได้กล่าวถึงการจ้างงาน แต่กฎเกณฑ์นี้ได้จำกัดความสามารถของบุคคลสหรัฐฯ ในการสนับสนุนการพัฒนาหรือการผลิตชิปที่โรงงานผลิตเซมิคอนดักเตอร์บางแห่งในจีนโดยไม่มีใบอนุญาต

เมื่อปีที่แล้ว Huawei ลงทุน 23% ของรายได้ทั้งหมดหรือ 164,700 ล้านหยวน ในโครงการริเริ่มด้านการวิจัยและพัฒนาต่างๆ ตามรายงานประจำปีของบริษัท พนักงานประมาณ 114,000 คนหรือ 55% ของพนักงาน Huawei ทั้งหมด มีส่วนร่วมในกิจกรรมด้านการวิจัยและพัฒนา

อย่างไรก็ตาม การที่รัฐบาลสหรัฐอเมริกาได้เพิกถอนใบอนุญาต 8 ฉบับในปีนี้ ทำให้บริษัทสหรัฐอเมริกาบางแห่งสามารถจัดส่งสินค้าให้กับ Huawei ซึ่งเป็นผู้จำหน่ายอุปกรณ์เครือข่ายโทรคมนาคมรายใหญ่ที่สุดในโลก ตามรายงานของรอยเตอร์เมื่อต้นเดือนนี้

ไม่เพียงเท่านี้ Huawei ต้องการจะทำลายการครอบงำระบบปฏิบัติการมือถือแบบตะวันตกในจีนแผ่นดินใหญ่ เมื่อเปิดตัว HarmonyOS Next ซึ่งจะยุติการสนับสนุนแอปฯ Android แม้จะเป็นเรื่องยากมากก็ตาม

อีกหนึ่งความสำเร็จที่น่าชื่นชมคือในไตรมาสแรกของปีนี้ Huawei แซงหน้า Samsung Electronics กลายเป็นแบรนด์สมาร์ทโฟนจอพับได้ที่ขายดีที่สุดในโลก

'อ.ธรณ์' เผย!! อุณหภูมิน้ำทะเลกลับสู่ภาวะปกติ สิ้นสุดปะการังฟอกขาว แนะ!! ต่อจากนี้คือการประเมินความเสียหายและวางแผนรับมือ

(17 ก.ค.67) มีรายงานว่า ผศ.ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ นักวิทยาศาสตร์ทางทะเลและอาจารย์ประจำภาควิชาวิทยาศาสตร์ทางทะเล คณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ โพสต์ผ่านแฟนเพจ Thon Thamrongnawasawat โดยระบุว่า…

อุณหภูมิน้ำทะเลกลับสู่ภาวะปกติ สิ้นสุดปรากฏการณ์ปะการังฟอกขาว 🥳 ต่อจากนี้คือการประเมินความเสียหายและวางแผนรับมือสำหรับคราวหน้า

หากเพื่อนธรณ์ดูกราฟอุณหภูมิน้ำทะเลทั้ง 2 ฝั่ง จะเห็นว่าตอนนี้ลดต่ำลงมาเท่ากับปี 23 และอยู่ต่ำกว่าเส้นวิกฤตปะการังฟอกขาว

หมายถึงเราผ่านทะเลเดือดมาแล้ว ปะการังที่ฟอกขาวอยู่ตอนนี้ อีกไม่นานคงจะฟื้น แต่ย่อมมีปะการังตายจากการฟอกขาว จะเยอะจะน้อย ต้องรอการประเมินอีกครั้ง แต่ละที่ไม่เท่ากัน

เมื่อประเมินเสร็จ เราจะรู้ว่าตรงไหนหนักสุด การอนุรักษ์ฟื้นฟูแต่ละพื้นที่ควรเป็นอย่างไร นั่นเป็นอีกงานหนัก แต่จำเป็นมาก เพราะเราจะได้รู้ว่าการตายกับการฟอกขาวสัมพันธ์กันไหม ? 

จุดที่ฟอกขาวเยอะคือตายเยอะหรือเปล่า อาจมีปัจจัยอื่น ๆ มาทำให้ฟอกเยอะแต่ตายน้อย หรือฟอกน้อยแต่ % ตายสูง ฯลฯ

ยังรวมถึงความทนทานของปะการัง (resilience) สัมพันธ์กับการฟอกขาวหรืออัตรารอด/ตายหรือไม่ เพราะเรื่องนั้นจะเกี่ยวโดยตรงกับแผนอนุรักษ์ในอนาคต

อีกอย่างที่ต้องตามดูคือความเปลี่ยนแปลงของระบบนิเวศหลังจากนี้ แนวปะการังจะโทรมลงไหม จะมีอะไรเข้ามาแทน การฟื้นคืนของปะการังจะใช้เวลากี่เดือนกี่ปี ฯลฯ

ทั้งหมดที่เล่ามา จะเห็นเลยว่า เรามีงานยักษ์รออยู่ ปัญหาคือเราจะมีเงินทำไหม? เพราะตอนนี้อะไรก็เดือดร้อนไปหมด

ก็คงได้แต่บอกว่า ต้องพยายามให้ดีที่สุด เพราะทุกเรื่องที่ทำในวันนี้ หมายถึงความอยู่รอดของปะการังในวันหน้า เพราะทะเลเดือดจะกลับมาพร้อมกับเอลนีโญอีกครั้ง ในอนาคตอันใกล้ ตราบใดที่โลกยังร้อนขึ้นเช่นนี้ครับ 🌏

ข้อมูลน้ำ - กรมทะเล 🙏

'พล.ต.ท.ไตรรงค์' ยืนยัน!! ผลพิสูจน์กาแฟผสม ‘สารพิษ’ จริง ส่วน 'กระติก' กลุ่ม 6 คนตาย พกมาเอง ไม่ใช่ของโรงแรม

(17 ก.ค. 67) พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผู้บัญชาการสำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ผบช.สพฐ.ตร.) ระบุว่า จากการเก็บหลักฐานในที่เกิดเหตุห้องที่ชาวเวียดนามและอเมริกันเสียชีวิต 6 คน ในห้องโรงแรมดังไปตรวจเมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม ซึ่งเป็นกระติกเก็บความร้อนที่เป็นอะลูมิเนียม ไม่ใช่ของโรงแรม กลุ่มผู้ตายพกมาเอง ภายในมีของเหลวสีดำคือ อเมริกาโน และมีแก้วกาแฟที่ดื่มแล้วทั้งหมด 6 แก้ว รวมถึงอาหารบนโต๊ะที่สั่งจากโรงแรมเพื่อรับประทานอีก 3-4 รายการ

ล่าสุดผลการตรวจสอบในเบื้องต้นพบว่า ของเหลวในกาแฟดำในกระบอกน้ำสแตนเลส 1 ใน 2 กระบอก ในที่เกิดเหตุ ซึ่งผู้เสียชีวิตได้นำมาเองไม่ได้เป็นของโรงแรม มีสารพิษปนอยู่ในกาแฟ ส่วนเป็นสารพิษชนิดใดขอแจ้งกับชุดสืบสวนก่อนจะแถลงข่าวอีกครั้ง

ส่วนน้ำในกระติกพบสารโพแทสเซียมไซยาไนด์ หรือ KCN หรือไม่นั้น ตอนนี้ผลตรวจเบื้องต้นออกมา 1 อย่าง แล้วคือของเหลวที่อยู่ในกระติก ซึ่งเป็นผลที่มีความชัดเจน และกระจ่างที่ทำให้เสียชีวิตหากดูด้วยตาเหมือนเป็นกาแฟดำ แต่บอกได้ว่า พบสารพิษชนิดหนึ่ง

ส่วนจะมีความรุนแรงถึงขั้นทำให้เสียชีวิตเฉียบพลันหรือไม่ และมีปริมาณสารพิษมากน้อยเท่าใด พล.ต.ท.ไตรรงค์ระบุว่า ขอยังไม่เปิดเผย เพราะจะรอข้อมูลทั้งหมด และจะมีการแถลงข่าวรายละเอียดทั้งหมดอีกครั้ง

‘ม.เลสเตอร์’ ยกย่อง ‘อัยยวัฒน์’ หัวเรือ ‘เดอะ ฟ็อกซ์’ บริหารสโมสรฟุตบอลประสบความสำเร็จอย่างแท้จริง

(17 ก.ค.67) เพจเฟซบุ๊ก ‘MGR SPORT’ ได้โพสต์ข้อความระบุว่า…

อัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา ประธานสโมสรฟุตบอลเลสเตอร์ ซิตี้ ได้รับปริญญานิติศาสตร์ดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ ในพิธีสำเร็จการศึกษา ซึ่งจัดขึ้นที่ เดอ มงฟอร์ต ฮอลล์ เมืองเลสเตอร์ เมื่อวันอังคารที่ 16 กรกฎาคมที่ผ่านมา

สำหรับ ‘บิ๊กต๊อบ’ อัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา เข้ามารับตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ และประธานสโมสรฟุตบอลเลสเตอร์ ซิตี้ ในปี 2018 โดยรับช่วงต่อจากวิชัย ศรีวัฒนประภา

ภายใต้การบริหารงานของ อัยยวัฒน์ ‘เดอะ ฟ็อกซ์’ เลสเตอร์ ซิตี้ คว้าแชมป์ฟุตบอล เอฟเอ คัพ ได้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของสโมสรในปี 2021 ผ่านเข้าไปเล่นในรอบรองชนะเลิศฟุตบอลยุโรปเป็นครั้งแรกในศึก ยูฟ่า ยูโรปา คอนเฟอเรนซ์ ลีก และพาทีมคว้าแชมป์ฟุตบอลแชมเปียนชิพ ในฤดูกาล 2023/24 พร้อมเลื่อนชั้นกลับสู่พรีเมียร์ลีกในฤดูกาลเดียว

อัยยวัฒน์ กล่าวว่า “ผมขอขอบคุณเป็นอย่างยิ่ง ที่ได้รับเกียรตินี้จากมหาวิทยาลัยเลสเตอร์ ซึ่งเป็นสถาบันในเมืองของเราที่มีความมุ่งมั่นต่อความเป็นเลิศ การบริการต่อชุมชนของเรา และการเปลี่ยนแปลงทางสังคมเชิงบวกร่วมกัน”

“การทำงานร่วมกับเลสเตอร์ ซิตี้ ในด้านสุขภาพเด็ก ถือเป็นความร่วมมือที่เราภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่ง และได้แสดงให้เห็นถึงพลังของผู้คนในชุมชนที่จะทำงานร่วมกันเพื่อประโยชน์ของคนรุ่นต่อ ๆ ไป”

“ผมขอแสดงความยินดีกับผู้สำเร็จการศึกษาทุกคนในปีนี้ สำหรับความสำเร็จของพวกเขา ซึ่งเป็นผลมาจากการอุทิศตนเป็นเวลาหลายปีในสาขาที่มีความเชี่ยวชาญ ผมหวังว่าตลอดเวลาของพวกเขาในเมืองเลสเตอร์ จะสอนพวกเขาว่า ทุกสิ่งเป็นไปได้”

ทั้งนี้ อัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา สำเร็จการศึกษาระดับมัธยมจากโรงเรียนเซนต์คาเบรียล กรุงเทพ ระดับปริญญาตรีสาขาบริหารธุรกิจจากมหาวิทยาลัยกรุงเทพ ก่อนที่เจ้าตัวจะได้เข้าอุปสมบทเป็นพระภิกษุที่วัดเทพศิรินทร์ ในปี 2015 นอกจากนี้ยังเป็นนักโปโลที่มีประสบการณ์ และประสบความสำเร็จมากมาย โดยคว้าเหรียญทองในการแข่งขัน บริติชโอเพ่น และควีนส์คัพในปี 2015 และเหรียญเงินในการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ในปี 2017

มหาวิทยาลัย มีความสัมพันธ์ที่ดีร่วมกับสโมสรเลสเตอร์ ซิตี โดยได้รับเงินบริจาคจากสโมสรเพื่อก่อตั้ง ‘LCFC Professorship’ ซึ่งเป็นตำแหน่งศาสตราจารย์ด้านสุขภาพเด็ก และโครงการวิจัยที่เกี่ยวข้อง เงินบริจาคดังกล่าวจะถูกนำมาใช้เพื่อเป็นเงินทุนสำหรับการวิจัยที่มีจุดมุ่งหมายเพื่อพัฒนาสุขภาพของเด็กในเลสเตอร์ ทั้งในปัจจุบันและในอนาคต

มหาวิทยาลัยเลสเตอร์ มอบปริญญากิตติมศักดิ์ให้กับ วิชัย ศรีวัฒนประภา ในเดือนมกราคม 2016 ก่อนที่เลสเตอร์ ซิตี จะคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก การที่มหาวิทยาลัยให้การยกย่อง อัยยวัฒน์ เปรียบเสมือนเป็นการยกย่อง วิชัย และทุกสิ่งที่ครอบครัวศรีวัฒนประภา ได้อุทิศเพื่อทั้งสโมสรฟุตบอลเลสเตอร์ ซิตี และเมืองเลสเตอร์ อีกด้วย

ศาสตราจารย์ นิชาน คานาการาชาห์ อธิการบดี และรองอธิการบดี มหาวิทยาลัยเลสเตอร์ กล่าวว่า “ครอบครัวศรีวัฒนประภาได้สร้างผลงานในทางที่ดี ต่อเมืองเลสเตอร์อย่างไม่อาจมองข้ามได้ ความมุ่งมั่นที่มีต่อสโมสรฟุตบอลเลสเตอร์ ซิตี้ เป็นมากกว่าการลงทุนในสนาม ครอบครัวศรีวัฒนประภา ได้ก่อตั้งมูลนิธิวิชัย ศรีวัฒนประภา ซึ่งทำงานร่วมกับมูลนิธิเลสเตอร์เพื่อให้การสนับสนุน และพัฒนาชุมชนท้องถิ่น

“อัยยวัฒน์ รับหน้าที่บริหารสโมสรเลสเตอร์ ซิตี้ ต่อจาก วิชัย ความเป็นผู้นำและความรักของเขาที่มีต่อเมืองเลสเตอร์นั้นชัดเจนมาก ภายใต้การบริหารงานของ ต๊อบ สิ่งที่ครอบครัวศรีวัฒนประภาได้มอบไว้ให้กับเมืองเลสเตอร์นั้นจะยังคงปลอดภัยและยั่งยืน และผมมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ต้อนรับ อัยยวัฒน์ เข้าสู่ครอบครัวมหาวิทยาลัยเลสเตอร์ อย่างเป็นทางการ”


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top