Saturday, 21 June 2025
NewsFeed

'เศรษฐา' ยัน!! ท่องเที่ยวไม่กระทบ ปมสลดเวียดนามดับ 6 ราย เหตุ!! เป็นเรื่องภายในกลุ่มผู้ตาย ไม่สะเทือนความมั่นคงในไทย

(17 ก.ค. 67) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าเหตุชาวเวียดนามเสียชีวิต 6 ศพ ในโรงแรมย่านราชประสงค์ ข้อเท็จจริงเป็นการฆ่าตัวตายหรือเป็นการฆาตกรรม ว่า สรุปจริง ๆ แล้วยังต้องคอยหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์อยู่ ไม่ว่าจะเป็นที่สำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ หรือโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ที่ผ่าพิสูจน์ศพอยู่ แต่จากการสันนิษฐานเบื้องต้นเป็นเรื่องภายในกันเอง ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเรื่องของการปล้นทรัพย์ หรือเกี่ยวข้องกับความมั่นคงภายในของเราก็ไม่เกี่ยว

ผู้สื่อข่าวถามว่าเรื่องนี้จะไม่กระทบกับการท่องเที่ยวใช่หรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ไม่เกี่ยว

เมื่อถามว่า ทราบว่านายกฯ ได้พูดคุยกับเอกอัครราชทูตเวียดนามแล้ว นายเศรษฐา กล่าวว่า ใช่ครับ เพราะท่านทราบ ท่านก็มาและตนเองก็ไปด้วย จะได้พูดคุยกันได้ อันนี้เป็นเหตุผลหลักที่เดินทางไป ทั้งนี้ให้ความมั่นใจว่าเราให้ความเป็นธรรมทุกอย่าง อย่างน้อยถ้าเกิดว่าข้อมูลเบื้องต้นบอกมาว่าเป็นอย่างไรเราจะได้แจ้งให้เขาทราบ เพื่อเขาจะได้รายงานให้ญาติพี่น้องของเขาทราบ ไม่อยากให้พี่น้องกังวล จะได้เคลียร์ไปทีละเปราะ ๆ ไป

เมื่อถามว่า เบื้องต้นนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้มาเมืองไทยประจำหรือเพิ่งมาครั้งแรก นายกฯ กล่าวว่า เดี๋ยวขอให้ทางตำรวจเป็นคนบอกดีกว่า เพราะเวียดนามกับไทยพื้นที่ใกล้เคียงกัน เหมือนเราไปสิงคโปร์หรือไปฮ่องกง อย่าเพิ่งไปอะไร รอให้ทางตำรวจแถลงข่าวโดยรวมดีกว่า อย่าจับเอาจุดเล็ก ๆ แล้วไปต่อกันเอง จะทำให้เกิดความสับสน

เมื่อถามว่าเห็นทางตำรวจ สำนักงานสอบสวนกลาง (FBI) ลงไปในพื้นที่ด้วยตรงนี้เขาห่วงเรื่องอะไร นายกฯ กล่าวว่า เป็นธรรมดา เพราะมีคนสัญชาติอเมริกัน 2 คน กับเป็นคนเวียดนาม

ถามอีกว่า เห็นว่าวันเดียวกันนี้จะมีการประชุมรัฐมนตรีพลังงานของรัสเซีย ที่โรงแรมที่เกิดเหตุดังกล่าวจะต้องมีการเปลี่ยนสถานที่หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ไม่น่า เพราะไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องของการก่อการร้าย หรือความหละหลวมทางด้านการรักษาความปลอดภัย และคิดว่าทุกอย่างดำเนินการตามปกติ

‘ตำรวจ’ เผย!! 1 ใน 6 เวียดนามดับ เป็นผู้ลงมือวางยา เหตุจูงใจมาจากปัญหาหนี้สิน ก่อนกินยาตายตาม

(17 ก.ค. 67) จากกรณีพบผู้เสียชีวิต 6 ราย เป็นชาย 3 ราย และ หญิง 3 ราย ภายในห้องพักโรงแรมหรูใจกลางกรุงเทพฯ พื้นที่ สน.ลุมพินี โดยคาดถูกวางยาพิษ ต่อมามีรายงานว่า การเสียชีวิตในครั้งนี้เกิดจากบุคคล 1 ใน 6 ที่เสียชีวิต เป็นผู้กระทำให้คนวางยาทั้งหมด ก่อนจะเสียชีวิตเป็นรายสุดท้าย ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ล่าสุด วันนี้ ที่สน.ลุมพินี พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล เปิดเผยว่า เมื่อคืนได้เรียกลูกสาวของ 1 ใน 6 ผู้เสียชีวิตมาสอบปากคำ รวมถึงเรียกสอบพยานแวดล้อมเพิ่มเติมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

โดยแต่ละคนให้การเป็นประโยชน์ ซึ่งตามข้อมูล เชื่อว่ามูลเหตุน่าจะมาจากเรื่องปัญหาหนี้สิน ไม่มีประเด็นอื่น โดยคนก่อเหตุ ไม่น่าจะเกี่ยวข้องกับบุคคลอื่นนอกเหนือจาก 6 คนที่เสียชีวิต เพราะการตรวจสอบการเข้าออกห้องนี้ พบว่า มีแค่กลุ่มผู้เสียชีวิตเท่านั้น

ทั้งนี้ มีรายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับผู้ก่อเหตุวางยาพิษฆาตกรรมภายในโรงแรมหรูดังกล่าว เป็น 1 ใน 6 ศพผู้เสียชีวิตนั้น คือ Ms.SHERINE CHONG สัญชาติอเมริกัน โดยสภาพศพสวมชุดสีเขียว

‘Team Falcons’ ผงาดคว้าแชมป์โลก Free Fire รับ!! 10.8 ล้านบาท ที่ประเทศซาอุดีอาระเบีย

เมื่อวานนี้ (16 ก.ค. 67) เพจเฟซบุ๊ก ‘หัวตารางบอลไทย’ ได้โพสต์ข้อความระบุว่า…

“การแข่งขันกีฬาอีสปอร์ต เกม Free Fire รายการชิงแชมป์โลก Esports World Cup 2024 ที่เมืองริยาด ประเทศซาอุดีอาระเบีย เป็นการแข่งขันในรอบแกรนด์ไฟนอลส์

ผลปรากฏว่า ‘Team Falcons’ ตัวแทนจากประเทศไทย สร้างผลงานอย่างยอดเยี่ยม ผงาดคว้าแชมป์โลกมาครองได้สำเร็จ ทำไป 106 คะแนน จากการเล่นทั้งหมด 6 รอบ ในรอบแกรนด์ไฟนอลส์

ส่งผลให้คว้าอันดับ 1 ไปครอง พร้อมกับคว้าเงินรางวัล 300,000 เหรียญสหรัฐ หรือ ประมาณ 10.8 ล้านบาท

ส่วนอันดับสองเป็น EVOS จากอินโดนีเซีย ทำได้ 96 คะแนน และอันดับสาม Miners.gg จากบราซิล ทำไป 90 คะแนน

ทั้งนี้ ในขณะที่ผลงานอีก 3 ทีมตัวแทนจากประเทศไทย Buriram United Esports คว้าอันดับ 4 ทำไป 86 คะแนน

ตามมาด้วย All Gamers จบอันดับ 5 ทำไป 77 คะแนน และ Twisted Minds จบอันดับ 11 ทำไป 38 คะแนน”

'อ.นิด้า' ยกข้อความ 'รศ.ดร.เสรี' ไม่ควรกล่าวหาโยนความผิดให้บริษัทใด ชี้!! ทุกรายใหญ่ในปัจจุบัน ต้องเข้มในสำนึกรับผิดชอบต่อสังคมอยู่แล้ว

(17 ก.ค.67) ผศ.ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์ อาจารย์ประจำคณะสถิติประยุกต์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก อ้างอิงคำกล่าวของ รศ.ดร.เสรี วงษ์มณฑา เกี่ยวกับปมปลาหมอคางดำแพร่กระจาย ระบุว่า...

ไม่มีหลักฐานใด ๆ ทำไมจึงไปกล่าวหาโยนความผิดให้บริษัทที่เขายืนยันการทำงานด้วยความรับผิดชอบของใคร

บางทีคนบางคนอาจจะต้องตั้งคำถามตัวเองนะว่าทำไมจึงมีแนวโน้มที่มักจะมีอคติกับบริษัทยักษ์ใหญ่หลาย ๆ เรื่อง

เวลามีปัญหาสังคมเกิดขึ้น จะกล่าวหาบริษัทยักษ์ใหญ่ทันทีว่าเป็นต้นตอของปัญหาทั้งๆ ที่ยังไม่มีหลักฐานใด ๆ

บริษัทยักษ์ใหญ่แทบทุกบริษัทเขามีสำนึกรับผิดชอบต่อสังคม (Corporate Social Responsibility) ทำประโยชน์กับสังคม

แทบทุกบริษัทดำเนินงานตามหลัก ESG คือ Environment, Society, และ Governance เป็นองค์กรเพื่อสังคม (Social Enterprise)

ใส่ใจสิ่งแวดล้อม ใส่ใจสังคม และมีธรรมาภิบาล

‘รีพับลิกัน’ ลั่น!! หากชัยชนะเป็นของ ‘ทรัมป์’ ยุติสงครามยูเครนทันที แล้วหันไปตีจีนแทน

(17 ก.ค.67) โดนัลด์ ทรัมป์ จะนำมาซึ่ง ‘จุดจบอย่างรวดเร็ว’ สำหรับความขัดแย้งในยูเครน หากได้รับเลือกตั้งกลับมาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ อีกสมัยในเดือนพฤศจิกายน จากคำประกาศกร้าวของ ‘เจ.ดี. แวนซ์’ คู่ชิงรองประธานาธิบดีของรีพับลิกัน พร้อมชี้ว่าวอชิงตันควรหันไปมุ่งเน้นจีนมากกว่า โดยให้คำจำกัดความปักกิ่งว่าเป็น ‘ภัยคุกคามใหญ่หลวงที่สุด’ ต่ออเมริกา

ทั้งนี้เรื่องราวมีอยู่ว่า ทรัมป์ เปิดตัว แวนซ์ ในฐานะคู่ชิงรองประธานาธิบดีในวันจันทร์ (15 ก.ค.) ณ ที่ประชุมใหญ่พรรค ในมิลวอกี รัฐวิสคอนซิล ต่อมาการเสนอชื่อวุฒิสมาชิกจากรัฐโอไฮโอรายนี้ก็ได้รับการรับรองในวันเดียวกัน

โดย แวนซ์ ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวฟ็อกซ์นิวส์ ไม่นานหลังจากได้รับการรับรองอย่างเป็นทางการว่า "ถ้าทรัมป์คืนสู่เก้าอี้ประธานาธิบดีตามหลังศึกเลือกตั้งในวันที่ 5 พฤศจิกายน นโยบายของเขาที่มีต่อยูเครน จะเป็นนโยบายที่เรียบง่ายมาก ๆ"

"รัสเซียจะไม่รุกรานยูเครน ถ้า โดนัลด์ ทรัมป์ เป็นประธานาธิบดี ทุกคนล้วนเห็นด้วยกับเรื่องนี้ แม้กระทั่งสหายจากพรรคเดโมแครตของผมจำนวนมากก็เห็นด้วยอย่างลับ ๆ กับเรื่องดังกล่าว" เขาบอก

เป็นอีกครั้งที่ แวนซ์ กล่าวหารัฐบาลของประธานาธิบดี ‘โจ ไบเดน’ ว่าปราศจากนโยบายที่สมเหตุสมผลในความขัดแย้งนี้ "ตอนนี้เราใช้เงินไปแล้ว 200,000 ล้านดอลลาร์ (ในความช่วยเหลือยูเครน) แล้วเป้าหมายคืออะไร? อะไรคือสิ่งที่เราพยายามประสบความสำเร็จ? มีความเสี่ยงลุกลามบานปลายสู่สงครามนิวเคลียร์ใช่หรือไม่? นั่นเป็นเพราะคุณมีตัวตลกดูแลนโยบายต่างประเทศใช่หรือเปล่า ตอนนี้เรามีคนแบบนั้นมากมายเลยในวอชิงตัน ดี.ซี."

"ผมคิดว่าสิ่งที่ประธานาธิบดีทรัมป์สัญญาว่าจะทำในเรื่องนี้ก็คือ เจรจากับรัสเซียและยูเครน และนำเรื่องนี้สู่จุดจบอย่างรวดเร็ว เพื่อที่อเมริกาจะได้ไปโฟกัสในประเด็นจริงจัง ซึ่งก็คือจีน ที่เป็นภัยคุกคามใหญ่หลวงที่สุด" แวนซ์เน้นย้ำ

นับตั้งแต่การสู้รบระหว่างรัสเซียกับยูเครนปะทุขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์ 2022 ทรัมป์กล่าวอ้างซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่า ความขัดแย้งจะไม่เกิดขึ้นหากว่าเขาได้ดำรงตำแหน่งอีกสมัยในปี 2020 นอกจากนี้ เขายังให้สัญญาว่าจะคลี่คลายวิกฤตนี้ภายใน 24 ชั่วโมง หากได้กลับสู่ทำเนียบขาว

ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน บอกก่อนหน้านี้เมื่อช่วงต้นเดือนว่า มอสโกค่อนข้างจริงจังกับคำพูดของทรัมป์ "แน่นอน ผมไม่รู้ว่ามันคืออะไร โดยเฉพาะกับข้อเสนอของเขา (ในการยุติความขัดแย้ง) และแนวทางที่แผนของเขาจะบรรลุผล แต่ผมไม่สงสัยเลยเกี่ยวกับความจริงใจของเขา และเรารู้สึกยินดี"

ในช่วงต้นเดือนมิถุนายน วลาดิมีร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดียูเครน เรียกร้องให้ ทรัมป์ เปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับแผนสันติภาพของเขา "ผมอยากรู้ว่าอะไรที่หมายถึงการปิดฉากสงครามอย่างรวดเร็ว" เขาบอกกับบลูมเบิร์ก "ถ้าเขารู้วิธียุติสงครามนี้ เขาควรบอกเราตั้งแต่วันนี้ เพราะถ้ามีความเสี่ยงใด ๆ ต่อความเป็นเอกราชของยูเครน และมีความเสี่ยงใด ๆ ที่เราจะสูญเสียความเป็นรัฐของเรา เราต้องการเตรียมพร้อมสำหรับสิ่งนี้"

เจ้าหน้าที่ระดับสูงของอียูรายหนึ่ง ซึ่งไม่ประสงค์เอ่ยนาม ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวโพลิติโก สื่อมวลชนสหรัฐฯ เมื่อวันจันทร์ (15 ก.ค.) ว่าการที่ทรัมป์เลือกแวนซ์ ผู้ซึ่งคัดค้านอย่างแข็งกร้าวต่อการที่วอชิงตันมอบความช่วยเหลือแก่เคียฟ ถือเป็นหายนะสำหรับยูเครน

ตำรวจ ปส. เปิดปฏิบัติการ 'The Black sheep' ไล่ล่าปิดล้อมตรวจค้นจับกุมยึดทรัพย์ 3 เครือข่ายยาเสพติดรายใหญ่

ตามนโยบายของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้กำหนดให้การแก้ไขปัญหายาเสพติดเป็นวาระแห่งชาติ ที่หน่วยงานของรัฐต้องร่วมมือกับภาคประชาชน และภาคเอกชน บูรณาการปราบปรามและแก้ไขปัญหายาเสพติด อย่างจริงจัง และเด็ดขาด ให้เห็นผลเป็นรูปธรรมภายใน 90 วัน พร้อมทั้งมีบทลงโทษแก่เจ้าหน้าที่ของรัฐที่บกพร่อง ละเลยในการปฏิบัติหน้าที่ รวมทั้งผู้ที่เข้าไปมีส่วนยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด อย่างเด็ดขาด ประกอบกับนโยบายของ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร. ในฐานะ ผอ.ศอ.ปส.ตร. ให้ทุกหน่วยทำงานเชิงรุกในการปราบปรามจับกุมผู้ค้ายาเสพติดรายย่อยในพื้นที่รับผิดชอบ และสืบสวนขยายผลคดียาเสพติดทุกคดีเพื่อจับกุมและยึดอายัดทรัพย์สินของเครือข่ายผู้ค้ายาเสพติดที่เกี่ยวข้องทุกระดับ     

ในวันนี้ 17 ก.ค.67 เวลา 08.00 น. พล.ต.ท.คีรีศักดิ์ ตันตินวะชัย ผบช.ปส., พล.ต.ท.สมเกียรติ วัฒนพรมงคล ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ ตร. รรท.รอง ผบช.ปส, พล.ต.ต.สมบูรณ์ เทียนขาว, พล.ต.ต.ออมสิน ตรารุ่งเรือง ,พล.ต.ต.พลัฎฐ์ วิเศษสิงห์ รอง ผบช.ปส., พล.ต.ต.พรพิทักษ์ รู้ยืนยง รอง ผบช.ฯ ช่วยราชการ บช.ปส., พล.ต.ต.ธนรัชน์ สอนกล้า ผบก.ปส.2, พล.ต.ต.อดิศ เจริญสวัสดิ์ ผบก.ปส.3, พล.ต.ต.อิทธิพล จันทร์ศรีบุตร ผบก.ขส. ,พ.ต.อ.วันชนะ บวรบุญ, พ.ต.อ.หญิง บุครา จงรักชอบ, พ.ต.อ.ชิตภพ โตเหมือน และ พ.ต.อ.ศรีศักดิ์ พรหมบุญ รอง ผบก.ขส.บช.ปส. ได้ร่วมกันเฝ้าติดตามรับฟังการรายงานพร้อมทั้งแถลงผลปฏิบัติการ “The Black Sheep” ซึ่ง บก.ขส.ได้ร่วมกับ บก.ปส.2, บก.ปส.3 และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมดำเนินการปิดล้อมตรวจค้นจับกุมเครือข่ายยาเสพติดรายสำคัญ 3 เครือข่าย ผ่านระบบกล้อง BodyCam Hytera 

พร้อมโปรแกรม Moniter ณ ห้อง ณ ห้องประชุม ศปก.บก.ขส. ชั้น 8 บช.ปส. สืบเนื่องจาก บก.ข่าวกรองยาเสพติด ร่วมกับ บก.ปส.2 และบก.ปส.3 ได้สืบสวนขยายผลการจับกุมคดียาเสพติดรายสำคัญและนำไปสู่การออกหมายจับผู้สั่งการ จำนวน 3 เครือข่าย ดังนี้

เครือข่ายที่ 1 สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 14 มี.ค.66 เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.1 บก.สกส. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันจับกุมผู้ต้องหา 4 คน พร้อมของกลาง ยาบ้า 12,000,000 เม็ด, ไอซ์ 600 กิโลกรัม และ คีตามีน 400 กิโลกรัม ได้บริเวณด่านตรวจยานพาหนะพยุหะคีรี จว.นครสวรรค์ ต่อเนื่อง สถานีบริการน้ำมันเขาทอง (ขาเข้า) ต.ยางตาล อ.โกรกพระ จว.นครสวรรค์ จากนั้น ตำรวจ บก.ขส.ร่วมกับ บก.ปส.3 ทำการสืบสวนขยายผล จนทราบว่า นายปวิตร ปัจจุบัน เป็นสมาชิกองค์การบริหารส่วนตำบล แห่งหนึ่งใน จ.ตาก เป็นผู้สั่งการให้ลำเลียง ยาเสพติดจำนวนมาก เข้ามาทางชายแดนภาคเหนือ  ทำมาแล้วหลายครั้ง ล่าสุด ศาลได้อนุมัติออกหมายจับ นายปวิตร ตามหมายจับศาลอาญาที่ 389/2567 ข้อหาร่วมกันจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ไอซ์และยาบ้า) โดยการมีไว้เพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต อันเป็นการกระทำเพื่อการค้า เป็นการก่อให้เกิดการกระจายในกลุ่มประชาชน และเป็นการกระทำให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐฯ 

เครือข่ายที่ 2 สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 22 มี.ค.67 ตำรวจ บก.ขส.บช.ปส. ร่วมกับ บก.ปส.2 บช.ปส. จับกุมผู้ต้องหา 3 คน พร้อมของกลางยาบ้า 3,000,000 เม็ด ได้บริเวณริมถนนเจนจบทิศ ตำบลเทพาลัย อำเภอคง จว.นครราชสีมา ต่อเนื่อง บริเวณสถานีบริการน้ำมัน PTT Station ปตท.ดอนหวาย (แยกโนนสูงขาเข้าโคราช) ต.โตนด อ.โนนสูง จว.นครราชสีมา ต่อมาเมื่อวันที่ 13 พ.ค.67 สามารถจับกุมผู้ต้องหา 4 คน พร้อมของกลางยาบ้าจำนวน 4,980,000 เม็ด ได้บริเวณบ้านเลขที่ 52 ม.2 ต.หนองหลวง อ.เสลภูมิ จว.ร้อยเอ็ด ต่อเนื่อง ปั๊มน้ำมัน ปตท.เสลภูมิ ต.นาเมือง อ.เสลภูมิ  จว.ร้อยเอ็ด และวันที่ 9 มิ.ย.2567 สามารถจับกุมผู้ต้องหา 1 คน พร้อมของกลางยาบ้า 6,200,000 เม็ด ได้ที่ถนนภายในหมู่บ้านโนนหอม หมู่ 2 ต.โนนหอม อ.เมือง จว.สกลนคร จากการสืบสวนสอบสวนขยายผลของ ตำรวจ บก.ขส. และ บก.ปส.2 ทราบว่า ทั้ง 3 คดีดังกล่าว มีนายนพรัตน์ และ น.ส.ฉัตรชนก เป็นผู้สั่งการ และร่วมกระทำความผิด 

โดยการนำรถยนต์ไปบรรทุกยาเสพติด ก่อนจะนำมาส่งต่อให้กลุ่มผู้ต้องหา เพื่อขับรถลำเลียงยาเสพติดไปส่งให้เครือข่ายต่อไป สำหรับ นายนพรัตน์ ปัจจุบัน เป็นสมาชิกองค์การบริหารส่วนตำบล แห่งหนึ่งใน จว.นครพนม ทำหน้าที่อำนวยความสะดวกในการลักลอบนำเข้ายาเสพติดทุกชนิด ทางชายแดน จว.นครพนม และ จว.หนองคาย เบื้องต้นศาลได้อนุมัติออกหมายจับ 1. นายนพรัตน์ ตามหมายจับศาลอาญา ที่ 373/2567 ลง 3 ก.ค.67 2. น.ส.ฉัตรชนก  ตามหมายจับศาลอาญาที่ 372/2567 ลง 3 ก.ค.67 ข้อหาร่วมกันจำหน่ายยาเสพติดฯ และสมคบฯ

เครือข่ายที่ 3 สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 30 ม.ค.67 ตำรวจ บก.สปพ. บช.น. จับกุมผู้ต้องหา 2 คนเครือข่ายอาท ต่ำเอี่ยว พร้อมของกลางยาบ้า 2,000,000 เม็ด , ไอซ์ 249 กิโลกรัม ในพื้นที่ อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ตำรวจ บก.ขส. ร่วมกับ บก.ปส.3 ได้สืบสวนขยายผลจนทราบว่า นายกำธรและนายเทิดพงษ์ เป็นผู้สั่งการให้มีการลำเลียงยาเสพติด จากพื้นที่ จว.สุพรรณบุรี  ไปยัง จว.ปทุมธานี ล่าสุด ศาลได้อนุมัติออกหมายจับ 1. นายกำธร ตามหมายจับศาลอาญาที่ 393/2567 ลง 10 ก.ค.67 และ 2. นายเทิดพงษ์ ตามหมายจับศาลอาญาที่ 394/2567 ลง 10 ก.ค.67 ในข้อหาร่วมกันจำหน่ายยาเสพติดฯ และสมคบฯ

ภายหลังการสืบสวนขยายผลของทั้ง 3 เครือข่ายข้างต้น จึงเป็นที่มาของการเปิดปฏิบัติการ “The Black sheep” ในครั้งนี้ โดย บก.ขส.และ บก.ปส.2 และบก.ปส.3 บช.ปส. พร้อมหน่วยร่วมปฏิบัติได้แก่ตำรวจภูธรภาค 1, ตำรวจภูธรภาค 4, ตำรวจภูธรภาค 5, ตำรวจภูธรภาค 6, ตชด., เจ้าหน้าที่ ปปส. และกำลังเจ้าหน้าที่ทหาร ได้ร่วมกันลงพื้นที่กำหนดเป้าหมายปิดล้อมตรวจค้นตั้งแต่ 06.00 น. ของวันนี้ (17 ก.ค.67) ในพื้นที่ 6 จังหวัดพร้อมกัน ได้แก่ อ.พบพระ และ อ.แม่สอด จว.ตาก, พื้นที่ อ.แม่จัน จว.เชียงราย, พื้นที่  อ.ธาตุพนม และอ.เรณูนคร จว.นครพนม, พื้นที่ อ.เทพสถิต จว.ชัยภูมิ, พื้นที่ อ.พัฒนานิคม จว.ลพบุรี และ พื้นที่ อ.สามชุก จว.สุพรรณบุรี รวมทั้งสิ้น 17 จุดตรวจค้น เป้าหมายจับ จำนวน 5 หมายจับ ผลการปิดล้อมตรวจค้นสามารถจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับได้ 4 หมายจับ จับกุมผู้ต้องหาคดียาเสพติด 1 คดี 1 คน  พร้อมของกลางยาบ้าจำนวน 1,400 เม็ด และ Happy water 20 ซอง ยึดอายัดทรัพย์สินเพื่อตรวจสอบจำนวน 183 รายการ ได้แก่ ที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง 21 รายการ, ทองรูปพรรณ 28 รายการ, อาวุธปืน 3 รายการ, เครื่องกระสุน 40 นัด, รถยนต์ 9 รายการ, เงินสด 471,520 บาท รวมมูลค่าทรัพย์สินที่ยึดอายัดได้กว่า 20,397,900 บาท 

ภายหลังการเปิดปฏิบัติการ พล.ต.ท.คีรีศักดิ์ ตันตินวะชัย ผบช.ปส. กล่าวว่า บช.ปส. ได้ดำเนินการปราบปราม และขยายผลเครือข่ายผู้ค้ายาเสพติดอย่างเข้มข้นต่อเนื่อง โดยเฉพาะในครั้งนี้ได้มีการจับกุมผู้สั่งการที่เป็นถึงเจ้าหน้าที่ของรัฐ ตำแหน่งสมาชิกองค์การบริหารส่วนตำบล 2 ราย และเป็นบุคคลผู้มีอิทธิพลในพื้นที่มาเป็นผู้กระทำความผิดเอง โดยการจับกุมจะต้องดำเนินการอย่างรัดกุมและเด็ดขาด รวมทั้งการตรวจยึดทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องเพื่อตัดวงจรการค้ายาเสพติด

‘ก.พลังงาน’ มอบ ‘กกพ.’ คุย ‘กฟผ.-ปตท.’ ลดค่า Ft งวด ก.ย.-ธ.ค.67 ช่วยลดภาระค่าไฟฟ้าประชาชน ท่ามกลางราคาพลังงานทั่วโลกผันผวน

(17 ก.ค. 67) นายประเสริฐ สินสุขประเสริฐ ปลัดกระทรวงพลังงาน เปิดเผยถึงข้อกังวลของประชาชนและภาคเอกชนเกี่ยวกับ การปรับขึ้นค่าไฟฟ้างวดเดือนกันยายน-ธันวาคม 2567 ว่า กระทรวงพลังงานกำลังเร่งหาแนวทางเพื่อลดภาระค่าครองชีพประชาชน ซึ่งเป็นสิ่งที่ภาครัฐให้ความสำคัญเป็นลำดับแรก 

โดยกระทรวงพลังงานจะดำเนินการบริหารจัดการและประสานทุกภาคส่วน จะหารือกับสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) เจรจา การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และบริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) เพื่อหาแนวทางพิจารณาปรับลดค่าไฟฟ้าผันแปร หรือ ‘ค่าเอฟที’ ซึ่ง นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานก็ได้ให้ความสำคัญและได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันในการบริหารต้นทุนค่าไฟ เพื่อบรรเทาผลกระทบประชาชน

ส่วนที่มีกระแสข่าวว่าค่าไฟของไทยแพงที่สุดในอาเซียนนั้น ไม่เป็นความจริง ค่าไฟของไทยอยู่ในระดับปานกลาง ที่มีข่าวว่าเวียดนามค่าไฟถูกกว่าไทยมากนั้น เนื่องจากเวียดนามใช้ไฟฟ้าจากพลังงานน้ำค่อนข้างมาก จึงทำให้ต้นทุนถูกกว่า แต่เวียดนามก็ไม่มีความเสถียรด้านไฟฟ้า เกิดไฟฟ้าดับบ่อย อินโดนีเซียก็ใช้ถ่านหินก็ทำให้ต้นทุนถูกกว่า

ทั้งนี้ กระทรวงพลังงานต้องพิจารณาสร้างความสมดุลทั้งด้านความมั่นคงไปพร้อมกับราคาที่เหมาะสม เพราะนอกจากไฟฟ้าจะนำมาใช้ในชีวิตประจำวันของประชาชนแล้ว ไฟฟ้ายังเป็นปัจจัยหลักที่หนุนเสริมการขับเคลื่อนเศรษฐกิจการค้า และการลงทุนของประเทศ ซึ่งในกระบวนการบริหารจัดการ จึงมีเป้าหมายในการรักษาสมดุลทั้งการดูแลค่าครองชีพ การดูแลคุณภาพ ความมั่นคง ความมีเสถียรภาพ เพื่อให้สามารถอยู่ร่วมกันได้ในช่วงที่ราคาพลังงานทั่วโลกผันผวนในระดับสูง

“กระทรวงพลังงาน เข้าใจความรู้สึกของประชาชนและภาคเอกชนที่กังวลถึงค่าไฟฟ้าในงวดเดือนกันยายน-ธันวาคม 2567 ที่ทาง กกพ. ได้ประกาศออกไป แต่เนื่องจากราคาพลังงานทั่วโลกผันผวนในระดับสูง อีกทั้งกระทรวงพลังงานจะต้องรักษาสมดุลทั้งด้านเสถียรภาพด้านพลังงาน ความน่าเชื่อถือทางการเงินของ กฟผ. รวมทั้งก็คำนึงถึงภาระค่าครองชีพของประชาชน ก็จะพยายามอย่างเต็มที่ในการรักษาสมดุล โดยหาแนวทางพิจารณาค่าไฟฟ้าที่จะทำให้ประชาชนได้รับผลกระทบให้น้อยที่สุด ส่วนในอนาคตก็จะพิจารณาปรับแผน PDP ให้มีความเหมาะสม รับฟังความคิดเห็นรอบด้านเพื่อให้ราคาพลังงานมีความเหมาะสมและยั่งยืนต่อไป” นายประเสริฐ กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้ กกพ. ประกาศแนวโน้มค่าไฟงวดเดือนกันยายน-ธันวาคม 2567 ระดับ 4.65-6.01บ./หน่วย โดยแบ่ง 3 ทางเลือก ปัจจุบันอยู่ระหว่างรับฟังความเห็น สิ้นสุด 26 กรกฎาคม 2567 

'ซีอีโอพานาโซนิค' เตือนพนักงานแรง ต้องรู้สึกรู้สากับวิกฤต ชี้!! หมดยุคจ้างงานตลอดชีพ ผลงานไม่ดีต้องถูกผู้อื่นแทนที่

(17 ก.ค. 67) นายยูกิ คุซุมิ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร หรือซีอีโอ พานาโซนิค โฮลดิ้งส์ หรือ Panasonic Holdings ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้า ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ และแบตเตอรี่ในรถอีวี กล่าวว่า ผู้จัดการบริษัทจำเป็นต้องมีความรู้สึกถึงวิกฤติมากขึ้น ขณะนี้ บริษัทกำลังเผชิญกำไรสุทธิในระดับต่ำ พนักงานพานาโซนิคจะถูกประเมินผลงานตามนี้

สำหรับบริษัทพานาโซนิคนั้น ยึดมั่นในแนวคิดของการจ้างงานตลอดชีวิตมาหลายสิบปี แต่คำพูดดังกล่าวของประธานเจ้าหน้าที่บริหาร หรือซีอีโอ พานาโซนิค โฮลดิ้งส์ นั้น ถือเป็นการกระตุ้นที่รุนแรงอย่างผิดปกติ

นายยูกิ คุซุมิ กล่าวต่อไปว่า ธุรกิจที่มีปัญหา คือธุรกิจที่มีศักยภาพในการเติบโตลดต่ำลง อัตราส่วนผลตอบแทนของเงินลงทุน หรือ ROIC น้อยกว่าต้นทุนเฉลี่ยของกิจการ หรือ WACC ในปีผ่านมานั้น ราคาหุ้นของพานาโซนิคพุ่งทะยาน 26% แต่ขณะนี้ราคาหุ้นของพานาโซนิคตกต่ำลงราว 4% ซึ่งตรงกันข้ามกับภาวะตลาดหุ้นญี่ปุ่นที่คึกคัก โดยดัชนี Topix เพิ่มขึ้นประมาณ 22% ในปีนี้ และขึ้นมาถึงหลัก 40,000 จุด ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติศาสตร์ครั้งใหม่หลายครั้ง

นายยูกิ คุซุมิ กล่าวอีกว่า สิ่งที่กังวลมากที่สุดในเวลานี้ คือบริษัทไม่สามารถทำกำไรมากพอที่จะได้รับแรงสนับสนุนจากบรรดานักลงทุน แม้ว่าราคาหุ้นบริษัทต่าง ๆ ในญี่ปุ่นกำลังเติบโต แต่หุ้นของพานาโซนิคกลับติดอยู่ที่ราว 1,300 เยน หรือราว 325 บาท สำหรับอัตราส่วนราคาตลาดต่อมูลค่าตามบัญชี หรือ Price/Book Value ในปัจจุบันของ พานาโซนิคอยู่ที่ 0.7 เท่า ซึ่งถือว่าต่ำ เมื่อเทียบกับบริษัทฮิตาชิ ซึ่งเป็นบริษัทกลุ่มเครื่องอิเล็กทรอนิกส์อีกแห่งที่เคยปรับโครงสร้างองค์กร และขายสินทรัพย์ออกไปนั้น มีอัตราส่วนราคาต่อมูลค่าตามบัญชีสูงกว่า 3 เท่า เมื่อเทียบกับพานาโซนิก

ทั้งนี้ ซีอีโอ พานาโซนิค โฮลดิ้งส์ เคยกล่าวเมื่อ 2 เดือนผ่านมาว่า บริษัทกำลังประสบปัญหาผลกำไรที่ไม่เป็นไปตามเป้าหมาย ทำให้ต้องวางแผนที่จะลดจำนวนธุรกิจที่มีปัญหาให้เหลือศูนย์ภายในเดือนมีนาคม 2027 หรือในอีก 3 ปีข้างหน้า

สำหรับ นายยูกิ คุซุมิ ดำรงตำแหน่งซีอีโอในช่วงกลางปี 2021 ซึ่งพยายามเพิ่มกระแสเงินสดเพื่อลงทุนในด้านต่าง ๆ ด้วยการวางเป้าอัตราส่วนผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้นไว้ที่ 10% หรือสูงกว่า ส่วนกำไรจากการดำเนินงานนั้น ตั้งไว้ที่ 1.5 ล้านล้านเยนภายใน 2 ปี ซึ่งจะครบกำหนดในเดือนเมษายนปี 2025 ซีอีโอเผยว่า ภาวะความต้องการรถยนต์ไฟฟ้าที่ชะลอตัว ส่งผลกระทบต่อโรงงานแบตเตอรี่บางแห่งของบริษัท ซึ่งนำไปสู่การหยุดสายการผลิตบางส่วนที่โรงงาน Suminoe ในนครโอซากา

‘ศาลฯ’ สั่งจำคุก 2 ปี 6 เดือน 'สีกาตอง'  ข้อหากรรโชกทรัพย์ ‘อดีตพระกาโตะ’

(17 ก.ค.67) ที่ห้องพิจารณาคดี 711 ศาลอาญาถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดฟังคำพิพากษาคดีกรรโชกทรัพย์ หมายเลขดำอ 3450/2566 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 8 เป็นโจทก์ฟ้อง น.ส.วีรินทร์ชิตา หรือ อดีตสีกาตอง และนายสาธิต พี่ชายอดีตสีกาตอง เป็นจำเลยที่ 1-2 ตามลำดับ ในความผิดฐานร่วมกันกรรโชกทรัพย์

โดยอัยการโจทก์ระบุฟ้องความผิดจำเลยทั้งสองสรุปความว่า เมื่อระหว่างวันที่ 5 เม.ย. - 21 เม.ย. 2565 จำเลยที่ 1 ได้บังอาจขืนใจนายพงศกร จันทร์แก้ว หรือ อดีตพระกาโตะ พระนักเทศน์ชื่อดังในขณะนั้น ซึ่งเป็น ผู้เสียหาย โดยพูดขู่เข็ญบังคับให้ผู้เสียหายมอบเงินสด จำนวน 180,600 บาทให้จำเลยที่ 1 มิฉะนั้นจะเปิดเผยคลิปสนทนาเชิงชู้สาว และภาพถ่ายข้อความเชิงสนทนาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองให้สื่อมวลชน และประชาชนทั่วไปทราบ ซึ่งจะทำให้ผู้เสียหาย ซึ่งขณะนั้นกำลังบวชเป็นพระภิกษุ เป็นพระนักเทศน์ชื่อดัง มีประชาชนให้ความเคารพนับถือ จะทำให้ต้องถูกปลด หรือสึกจากการเป็นพระภิกษุสงฆ์ และเสื่อมเสียชื่อเสียงผู้เสียหาย จึงยอมให้เงินแก่จำเลยที่1หลายครั้งหลายหนรวม 180,600 บาท

คำฟ้องระบุอีกว่า นอกจากนี้จำเลยทั้งสองได้พูดขู่เข็ญกับผู้เสียหายอีกว่า จำเลยที่ 2 เป็นพี่ชายจำเลยที่ 1 รู้เรื่องความสัมพันธ์ทางเพศ และเชิงชู้สาวระหว่างผู้เสียหายกับจำเลยที่ 1 หากผู้เสียหายยินยอมจ่ายเงินจำนวน 3 แสนบาท จำเลยที่ 2 จะให้จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นน้องสาวยุติเรื่องราวที่เกิดขึ้น จะให้น้องสาวเก็บตัวอยู่เงียบ ๆ ไม่ให้ข้อมูลกับสื่อมวลชนอีกทำให้ผู้เสียหายกลัวจะได้รับความเสียหาย ต้องเสื่อมเสียชื่อเสียงต่อตัวเองและครอบครัว จึงได้ยอมมอบเงินจำนวน 3 แสนบาทแก่จำเลยที่ 1 ไป

เหตุเกิดที่ต.กะเปียด อ.ฉวาง จ.นครศรีธรรมราช / ต.คูคต อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี เกี่ยวพันกัน โจทก์จึงขอให้ศาลพิพากษาลงโทษจำเลยฐานร่วมกันกรรโชกทรัพย์ และให้จำเลยคืนเงินจำนวน 3 แสนบาทแก่ผู้เสียหายด้วย

จำเลยทั้งสองได้รับการประกันตัว โดยเบื้องต้นให้การปฏิเสธ แต่ภายหลังให้การรับสารภาพต่อศาลโดยผู้เสียหายยินยอมให้จำเลยทั้งสองชดใช้ค่าเสียหายจำนวน 3 หมื่นบาท โดยให้จำเลยที่ 1 ชดใช้เงิน 2 หมื่นบาท จำเลยที่ 2 ชดใช้เงิน 1 หมื่นบาท โดยผู้เสียหายไม่ติดใจเอาความกับจำเลยทั้งสองอีก

ศาลจึงมีคำสั่งให้พนักงานคุมประพฤติสืบเสาะ และพินิจ ประวัติการศึกษา สภาพครอบครัวฯ ของจำเลยทั้งสอง แล้วรายงานให้ศาลทราบเพื่อใช้พิจารณาประกอบคำพิพากษา

วันนี้ น.ส.วีรินทร์ชิตา หรือตอง และ นายสาธิต เดินทางมาศาลตามกำหนดนัด

ศาลพิเคราะห์แล้ว เห็นว่า จำเลยที่ 1 กระทำผิดตามฟ้อง เป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรม

พิพากษาลงโทษในข้อหา กรรโชกทรัพย์ สั่งจำคุก 2 ปี ปรับ 2 หมื่น บาท ข้อหารีดเอาทรัพย์ ลงโทษจำคุก 3 ปี ปรับ 4 หมื่น บาท ส่วนจำเลยที่ 2 ศาลลงโทษข้อหาข่มขืนใจ สั่งจำคุก 2 ปี ปรับ 2 หมื่นบาท

จำเลยให้การรับสารภาพ มีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุกจำเลยที่ 1 ไว้ มีกำหนด 2 ปี 6 เดือน ปรับ 3 หมื่นบาท ส่วนจำเลยที่ 2 คงจำคุก 1 ปี ปรับ 1 หมื่นบาท

พิเคราะห์ การสืบเสาะพฤติกรรมของจำเลย พบว่า ไม่เคยรับโทษจำคุกมาก่อน พฤติกรรมไม่ร้ายแรง และได้ทำการเยียวยาโจทย์ เป็นที่พอใจและโจทย์ไม่ติดใจ เห็นควรให้โอกาสกลับตัวเป็นคนดี โทษจำคุก ให้รอการลงโทษมีกำหนด 2 ปี รายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติ 4 ครั้งในเวลา 1 ปี ให้ทำกิจกรรมบริการสังคม สาธารณประโยชน์ 24 ชั่วโมง และเข้าร่วมกิจกรรมแก้ไขฟื้นฟู ตามที่เจ้าพนักงานคุมประพฤติเห็นสมควร ส่วนคำขออื่นให้ยก

จากนั้นนางสาววีรินทร์ชิตา ได้ลงมาให้สัมภาษณ์กับสื่อ บอกว่า ที่ผ่านมาได้มีการไกล่เกลี่ยกันไปแล้วบางส่วน มีการจ่ายเงินจำนวนหนึ่งให้ไปกับโจทก์ร่วมแล้ว และก็ได้พูดคุยกัน ปรับความเข้าใจต่อกันทั้งหมด เพราะที่ผ่านมาจะเป็นการพูดคุยกันผ่านบุคคลอื่นไม่ได้พูดคุยกันจริง ๆ แต่พอได้พูดคุยกันใหม่ก็เข้าใจต่อกันดี ทั้งฝั่งโจทก์ร่วมก็ไม่ได้ติดใจอะไรแล้ว และได้ถอนฟ้องในมาตรา 309 วรรค1 ‘ข่มขืนใจโดยทำให้กลัว’ ไปแล้ว ซึ่งถือว่าวันนี้ทุกอย่างจบลงด้วยดี ทางศาลก็ได้ตัดสินไปแล้ว

และเมื่อถามว่าได้มีการพูดคุยอย่างอื่นนอกเหนือทางคดีหรือไม่ ทางนางสาววีรินทร์ชิตา ก็บอกว่าไม่ได้พูดคุยกันอีกเลยหลังจากปรับความเข้าใจกันและตอนนี้ต่างคนต่างไปใช้ชีวิตใหม่กันแล้ว อยากให้ที่ผ่านมาเป็นบทเรียนของกันและกัน และเธอสัญญาว่าจะไม่กระทำความผิดใด ๆ อีก พร้อมขอบคุณศาลที่ให้ความเมตตา และทนายความ ครอบครัวรวมถึงทุกคนที่ให้กำลังใจ จากนี้เธอขอไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่ต่างประเทศ

เปิดมุม 'พี่ทหาร' รวบตัวผู้ต้องหาป่วนใต้ 3 หมายจับ คาบ้าน เน้นปิดล้อมไม่เคยหวังเอาชีวิต ตามภารกิจสอบสวนขยายผล

เมื่อวานนี้ (16 ก.ค.67) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พ.อ.สฐิรพงษ์ อาจหาญ ผู้บังคับกองกำลังทหารพรานจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ผบ.กกล.ทพ.จชต.) พร้อมด้วย พ.อ.สิทธิชัย บำรุงเขต ผู้บังคับหน่วยปฏิบัติการพิเศษร่วมจังหวัดนราธิวาส (ผบ.นปพ.ร่วม จ.นราธิวาส) ได้สนธิกำลัง 3 ฝ่าย ประกอบด้วย ทหาร ตำรวจ และฝ่ายปกครอง เข้าบังคับใช้กฎหมายกับผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลจังหวัดนราธิวาส ที่บ้านหลังหนึ่งในพื้นที่หมู่ 5 บ้านไอจือนะ ต.โคกสะตอ อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส ตามการแจ้งเบาะแสของพลเมืองดี

ผู้ต้องหารายนี้ คือ นายซออิ ดอเลาะ อายุ 30 ปี เป็นเจ้าของบ้าน โดยเจ้าหน้าที่ได้เชิญผู้นำศาสนาและผู้นำท้องถิ่นเข้าไปช่วยเจรจาเกลี้ยกล่อม จนนายซออิ ยินยอมออกมามอบตัว พร้อมของกลางอาวุธปืนเอ็ม 16 จำนวน 1 กระบอก และกระสุนปืนอีกจำนวนหนึ่ง

สำหรับ นายซออิ มีประวัติเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลจังหวัดนราธิวาส 3 คดี คือ

>> หมายจับที่ 16/2561 ลงวันที่ 10 ม.ค.61 ความผิดฐานพยายามฆ่า จากเหตุการณ์เมื่อวันที่ 27 ก.ค.60 เวลา 11.20 น. ร่วมก่อเหตุระเบิดเสาไฟฟ้าบนถนนสาย 4107 รือเสาะ–นราธิวาส ช่วงบ้านบริจ๊ะ หมู่ 7 ต.ลาโละ ห่างจากฐานปฏิบัติการกองร้อยทหารพรานที่ 4607 (ร้อย ทพ.4607ฆ ประมาณ 80 เมตร

>> หมายจับที่ 83/2565 ลงวันที่ 15 ก.พ.65 ความผิดฐานร่วมกันก่อการร้ายโดยใช้กำลังประทุษร้ายฯ จากเหตุการณ์วิสามัญฆาตกรรม นายมาหะมะ บูละ พื้นที่ป่าภูเขา ต.ลาโละ อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส เมื่อวันที่ 2 มี.ค.62

>> หมายจับที่ 671/2566 ลงวันที่ 26 ก.ค.66 สืบเนื่องจากเหตุการณ์เมื่อวันที่ 14 เม.ย.66 เวลา ประมาณ 20.20 น. ลอบยิงและขว้างระเบิดไปป์บอมบ์ใส่ฐานของหน่วยปฏิบัติการร่วม 21 โดยหลักฐานที่นำมาสู่การออกหมายจับ มาจากการซัดทอดของผู้ต้องหาคดีความมั่นคงอีกรายหนึ่ง

พ.อ.สิทธิชัย กล่าวว่า การบังคับใช้กฎหมายครั้งนี้ ถือเป็นตัวอย่างที่แสดงให้เห็นว่าเจ้าหน้าที่ไม่ได้มีเจตนาหรือมุ่งหมายที่จะทำร้ายหรือเอาชีวิต และพร้อมให้บุคคลที่หลงผิดได้ออกมาแสดงตัวเพื่อต่อสู้ตามแนวทางสันติวิธี ยึดมั่นในหลักการของสิทธิมนุษยชนอย่างเคร่งครัด รวมทั้งเปิดโอกาสให้พิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตนเองตามหลักกฎหมาย

ทั้งนี้ หลังจากควบคุมตัวได้ เจ้าหน้าที่ได้เชิญตัวผู้ต้องหาไปยังศูนย์ซักถาม หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 46 เพื่อดำเนินกรรมวิธีตามกฎหมายต่อไป


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top