Saturday, 21 June 2025
NewsFeed

✨ผลสลากกินแบ่งรัฐบาล ✨ประจำวันที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2567

🟢รางวัลที่ 1 รางวัลละ 6,000,000 บาท : 367336

🔴รางวัลข้างเคียงรางวัลที่ 1 จำนวน 2 รางวัล รางวัลละ 100,000 บาท : 367335 / 367337

🔴รางวัลเลขหน้า 3 ตัว รางวัลละ 4,000 บาท : 331 / 011

🔴รางวัลเลขท้าย 3 ตัว รางวัลละ 4,000 บาท : 421 / 618 

🔴รางวัลเลขท้าย 2 ตัว รางวัลละ 2,000 บาท : 21

🟢รางวัลที่ 2 รางวัลละ 200,000 บาท : 004776 / 347960 / 886001 / 388714 / 911595 

🟢รางวัลที่ 3 รางวัลละ 80,000 บาท : 410870 / 720428 / 929494 / 608949 / 537070 / 399235 / 248364 / 093921 / 147985 / 982179 

🟢รางวัลที่ 4 รางวัลละ 40,000 บาท: 713558 / 004093 / 901252 / 801545 / 128975 / 360620 / 429508 / 983286 / 190219 / 892627 / 345306 / 205678 / 711840 / 003130 / 815279 / 740123 / 604096 / 046094 / 223488 / 868526 / 932156 / 015012 / 554593 / 671949 / 539081 / 028103 / 296870 / 195752 / 018467 / 903340 / 953032 / 245819 / 346875 / 584418 / 400231 / 567608 / 493279 / 414763 / 729050 / 526169 / 951226 / 072695 / 227124 / 165094 / 434487 / 846271 / 373673 / 264413 / 167345 / 445465 / 

🟢รางวัลที่ 5  รางวัลละ 20,000 บาท: 

543168 / 689126 / 450793 / 691231 / 307602 / 042659 / 461553 / 163584 / 384767 / 968850 / 716932 / 280789 / 962268 / 985996 / 201428 / 445293 / 566206 / 004941 / 121722 / 908118 / 681525 / 632056 / 768099 / 076623 / 202597 / 951332 / 988242 / 465992 / 290051 / 952410 / 024194 / 621679 / 462674 / 831340 / 092368 / 760009 / 485341 / 776955 / 128199 / 624167 / 761491 / 921816 / 848653 / 912974 / 397143 / 106735 / 955445 / 883978 / 147546 / 079032 / 054227 / 253709 / 566342 / 402156 / 906407 / 770786 / 802186 / 531078 / 514277 / 396475 / 954050 / 043761 / 437806 / 524027 / 424422 / 649565 / 349896 / 587379 / 910006 / 485430 / 058038 / 232893 / 001678 / 177590 / 551661 / 939929 / 659726 / 693144 / 442723 / 472188 / 487894 / 084151 / 895784 / 366829 / 876859 / 988812 / 684081 / 328415 / 315494 / 075711 / 027440 / 457322 / 935770 / 276808 / 259191 / 327434 / 198593 / 455279 / 795325 / 030856  

‘ครม.’ ดึง 'ออมสิน' ปล่อยกู้ซอฟต์โลนแสนล้าน ดอกต่ำ 0.1% ให้ 'ธ.พาณิชย์’ กระจายปล่อยกู้ SMEs รายใหม่ ดอกไม่เกิน 3.5% เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ

(16 ก.ค.67) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ณ ทำเนียบรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบมาตรการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ หรือ โครงการสินเชื่อซอฟต์โลน วงเงิน 1 แสนล้านบาท ดำเนินการโดยธนาคารออมสิน ตามที่กระทรวงการคลัง เสนอ

นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงรายละเอียดโครงการสินเชื่อซอฟต์โลน ว่า เงื่อนไขของซอฟต์โลน ธนาคารออมสินปล่อยซอฟต์โลนให้สถาบันการเงินในอัตราดอกเบี้ย 0.1% เพื่อไปปล่อยสินเชื่อต่อให้กับธนาคารพาณิชย์ปล่อยกู้ให้กับลูกค้ารายใหม่ โดยเฉพาะผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ที่ยังไม่เคยเข้าถึงสินเชื่อ เพื่อช่วยเติมสภาพคล่องในการดำเนินธุรกิจ

โดยมีเงื่อนไขดอกเบี้ย 1-3 ปีแรกไม่เกิน 3.5% เพื่อเป็นการช่วยผู้ประกอบการและประชาชนเข้าถึงสินเชื่อได้มากขึ้น ทั้งนี้จะมีการแยกบัญชีโครงการให้สินเชื่อตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและช่วยเหลือประชาชนรายย่อยและโครงการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (Soft Loan) GSB Boost Up ของธนาคารออมสินเป็นบัญชีธุรกรรมนโยบายรัฐ (Public Sevice Account : PSA) เพื่อไม่ให้กระทบผลการดำเนินงานโดยรวม

“สินเชื่อซอฟต์โลน ครั้งนี้ วงเงินจะกระจายไปในระบบเศรษฐกิจ ถือเป็นวงเงินที่สูงเมื่อเทียบกับช่วงวิกฤติโควิด-19 ซึ่งในขณะนั้นมีการออกมาตรการซอฟต์โลนไปแล้ว 5 แสนล้านบาท และครั้งนี้ต้องขอบคุณธนาคารออมสินที่ดำเนินการในเรื่องนี้ โดยไม่ใช้งบประมาณและไม่ใช้วงเงินตามมาตรา 28 เพราะออมสินยอมเฉือนเนื้อใช้เงินจากกำไรในการดำเนินการบางส่วนมาช่วยในโครงการนี้ คิดเป็นวงเงินประมาณ 1,000 ล้านบาท” รมช.คลัง ระบุ

'นักวิเคราะห์' ชี้!! 'ลาว' กระอักวิกฤตการเงิน 'กีบดิ่ง-หนี้ท่วม-ทุนสำรองวูบ' อาจเห็นการยกหุ้นโรงไฟฟ้าแลกหนี้จีน หยุดกระแสเงินสดไหลออก

(16 ก.ค. 67) เว็บไซต์นิกเคอิเอเชียรายงานว่า การโยกย้าย ‘บุนเหลือ สินไซวอละวง’ ออกจากตำแหน่งผู้ว่าการธนาคารกลางแห่งสปป.ลาว หลังจากดำรงตำแหน่งได้เพียง 2 ปี นับเป็นสัญญาณล่าสุดที่สะท้อนถึงปัญหาของลาวที่กำลังเต็มไปด้วย ‘หนี้สิน’

ตอนนี้ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าการที่สภาแห่งชาติของลาวมีมติเห็นชอบให้นายบุนเหลือ พ้นจากตำแหน่งผู้ว่าการแบงก์ชาติลาวนั้น เป็นเพียงการโยกย้ายไปยังตำแหน่งอื่นที่ท้าทายกว่าหรือเป็นการไล่ออก

แต่ในระหว่างการกล่าวอภิปรายในสภาเมื่อช่วงกลางเดือนมิ.ย. ที่ผ่านมา นายสันติภาพ พรมวิหาร รัฐมนตรีคลังมีการกล่าวกระทบเป็นนัยถึงข้อบกพร่องของอดีตผู้ว่าการแบงก์ชาติรายนี้ จากความล้มเหลวที่ไม่สามารถเพิ่มทุนสำรองระหว่างประเทศของลาวได้มากพอ 

ผู้ที่จะมารับหน้าที่ผู้ว่าการธนาคารกลางแห่งสปป.ลาวคนใหม่ก็คือ นางวัดทะนา ดาลาลอย รองผู้ว่าการแบงก์ชาติ และรับไม้ต่อความท้าทายในภารกิจเพิ่มทุนสำรองระหว่างประเทศของลาวไปด้วย

ในมุมมองของนายแบงก์ไม่เปิดเผยนามรายหนึ่งในอาเซียนที่มีการทำงานร่วมกับแบงก์ในลาว มองว่า การโยกย้ายเปลี่ยนแปลงครั้งล่าสุดในธนาคารกลางของลาว ซึ่งอยู่ภายใต้การนำของพรรคประชาชนปฏิวัติลาว บ่งชี้ให้เห็นถึงความวิตกกังวลในหมู่ผู้นำของประเทศ เนื่องจากวิกฤติหนี้ต่างประเทศที่เลวร้ายลง

"ลาวไม่ต้องการผิดนัดชำระหนี้ต่างประเทศ" เขากล่าว "แต่ลาวก็ไม่ได้อยากเป็นหนี้กู้ยืม IMF เหมือนกัน เพราะจะมีผลกระทบทางการเมืองตามมา"

>> วงจรหนี้ไม่สิ้นสุด เงินกีบอ่อนค่าซ้ำเติม

จากข้อมูลของกระทรวงการคลังลาวนั้นเผยให้เห็น ‘วงจรหนี้ที่ไม่สิ้นสุด’ (debt spiral) ที่ประเทศเพื่อนบ้านของจีนรายนี้กำลังดำดิ่งอยู่ โดยมีรายละเอียดเบื้องต้นของหนี้ในปี 2566 ดังนี้

- มีหนี้สาธารณะที่กู้ยืมมาจากต่างประเทศ (external public debt) พอกพูนขึ้นเกือบเท่าตัวเป็น 950 ล้านดอลลาร์ (ราว 3.44 หมื่นล้านบาท) จาก 507 ล้านดอลลาร์ (ราว 1.83 หมื่นล้านบาท) ในปี 2565

- มีหนี้สาธารณะ และหนี้ที่ค้ำประกันโดยภาครัฐ (Public and Publicly Guaranteed) ทั้งที่กู้ยืมในประเทศ และนอกประเทศ 1.38 หมื่นล้านดอลลาร์ (ราว 5 แสนล้านบาท) หรือคิดเป็นสัดส่วนถึง 108% ของจีดีพีประเทศ

- มีหนี้ต่างประเทศรวมทั้งหมดเป็น 1.05 หมื่นล้านดอลลาร์ (ราว 3.80 แสนล้านบาท) ในจำนวนนี้เป็นหนี้ที่กู้ยืมมาจาก "จีน" ถึง 5.09 พันล้านดอลลาร์ (ราว 1.85 แสนล้านบาท) หรือคิดเป็นสัดส่วนราว 48%

ในทางกลับกัน ‘ทุนสำรองระหว่างประเทศ’ ของลาว ณ สิ้นเดือนมี.ค. ปีนี้ อยู่ที่ประมาณ 1,850 ล้านดอลลาร์ (ราว 6.7 หมื่นล้านบาท) เท่านั้น และรัฐบาลเวียงจันทน์ก็กำลังดิ้นรนที่จะเพิ่มเงินสำรองสกุลดอลลาร์ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการผิดนัดชำระหนี้เงินกู้ต่างประเทศ

แหล่งข่าวในรัฐบาลลาวเปิดเผยว่า ประเทศมีภาระหนี้ที่ต้องชำระต่อปีประมาณ 1.3 พันล้านดอลลาร์ (ราว 4.7 หมื่นล้านบาท) ตั้งแต่ปี 2567 ถึงปี 2571 ขณะที่ รมว.คลังของลาว เคยเปิดเผยก่อนหน้านี้ว่า รัฐบาลต้องการเงินอย่างน้อย 1 หมื่นล้านดอลลาร์ (ราว 3.62 แสนล้านบาท) เพื่อให้ครอบคลุม ‘ค่าใช้จ่ายทั้งหมดที่ ที่เกี่ยวข้องกับหนี้’

ขณะเดียวกัน มูลค่าของ ‘เงินกีบ’ ที่ดิ่งลงอย่างหนักยิ่งเพิ่มความบอบช้ำทางเศรษฐกิจให้กับประชาชน เนื่องจากเศรษฐกิจของลาวพึ่งพาการนำเข้าจากต่างประเทศอย่างหนัก เงินดอลลาร์กลายเป็นที่ต้องการไม่เพียงแต่เพื่อใช้ชำระหนี้ต่างประเทศเท่านั้น แต่ยังใช้ชำระค่าใช้จ่ายสำหรับการบริโภค และการลงทุนในประเทศด้วย โดยปัจจุบันมีการซื้อขายกันอยู่ที่ประมาณ 21,500 กีบต่อดอลลาร์ หรือลดลงเกือบเท่าตัวจากภาวะเงินกีบอ่อนค่า จากเดิมที่เคยแลกได้ที่ 11,500 กีบต่อดอลลาร์ในปี 2565

ทว่านั่นก็ไม่ได้หยุดยั้งแผนการของรัฐบาลในการเพิ่มทุนสำรองเงินดอลลาร์ 

"ปีที่แล้ว ธนาคารพาณิชย์ต่าง ๆ ในลาวได้รับคำสั่งให้อัดฉีดเงินกองทุนสกุลต่างประเทศเพิ่มขึ้น รวมถึงเพิ่มเงินกองทุนในรูปดอลลาร์เป็นสองเท่าในงบ"

"ผู้ส่งออกในลาวอยู่ภายใต้แรงกดดันให้ต้องฝากเงินรายได้ในรูปดอลลาร์ไว้ในธนาคารพาณิชย์ท้องถิ่น" สถิตย์ แถลงสัตย์ นักเศรษฐศาสตร์จากธนาคารยูโอบี ประเทศไทย กล่าวกับนิกเคอิเอเชีย 

>>หันพึ่ง 'จีน' เจ้าหนี้เบอร์ 1 - ยกหุ้นโรงไฟฟ้าแลกยกหนี้

อย่างไรก็ตาม นักเศรษฐศาสตร์จำนวนหนึ่งกลับมองทางออกอีกทางหนึ่งว่า ลาวอาจจะกลับไปสู่เส้นทางเดิม ๆ ในการแก้ปัญหาหนี้

เอมมา อัลเลน นักเศรษฐศาสตร์อาวุโส ประจำประเทศลาว ของธนาคารเพื่อการพัฒนาเอเชีย (เอดีบี) ระบุว่า ถ้าแหล่งทุนที่ไม่ใช่การก่อหนี้ไม่เพียงพอ ลาวก็อาจกลับไปใช้วิธีเดิมๆ คือ การก่อหนี้ใหม่มาโปะหนี้เก่า พร้อมให้คำแนะนำว่ารัฐบาลลาวจำเป็นต้องจัดการปัญหาด้านเศรษฐกิจมหภาคเพื่อช่วยในการปรับปรุงอันดับเครดิตประเทศ ลาวจึงจะสามารถเข้าถึงตลาดด้วยต้นทุนที่ถูกลงได้  

อีกวิธีหนึ่งที่มองข้ามไม่ได้เช่นกันก็คือ การยอมเจรจากับ ‘จีน’ ซึ่งเป็นเจ้าหนี้รายใหญ่ที่สุดอันดับ 1 ของลาวในขณะนี้ 

โทชิโระ นิชิซาวะ นักวิชาการจากญี่ปุ่น และผู้เชี่ยวชาญพิเศษเกี่ยวกับลาว กล่าวว่า ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าของจีนเลื่อนการชำระหนี้ให้ลาวมาตั้งแต่ปี 2563 และลาวยังมีการทำข้อตกลงสวอปกับธนาคารกลางจีน (PBOC) เพื่อช่วยเพิ่มทุนสำรองต่างประเทศจากที่มีอยู่เดิมประมาณ 1 พันล้านดอลลาร์ก่อนปี 2563 ไปเป็น 1.9 พันล้านดอลลาร์ ณ สิ้นเดือนมี.ค.2567

ขณะที่รายงานของธนาคารโลก (World Bank) ในเดือนเม.ย. ที่ผ่านมา ประเมินว่า ‘ทุนสำรองต่างประเทศสุทธิของลาวซึ่งไม่รวมข้อตกลงสวอป’ จะเพียงพอรองรับการนำเข้าสินค้า และบริการจากต่างประเทศได้เพียง ‘1 เดือน’ เท่านั้น  

"วิธีแก้ปัญหาที่เป็นไปได้เพียงอย่างเดียวในระยะสั้นก็คือ การรักษาทุนสำรองต่างประเทศเอาไว้ ไม่ให้รั่วไหลออกไปทางเจ้าหนี้จีน โดยการขอเลื่อนการชำระหนี้ และทำข้อตกลงสวอปต่อเนื่องอีก" นิชิซาวะซึ่งเป็นอดีตที่ปรึกษาด้านนโยบายของรัฐบาลลาว กล่าวและระบุด้วยว่า นี่คือวิธีของลาวในการจัดการ และเอาตัวรอดจากหนี้ต่างประเทศให้ได้ในช่วงครึ่งหลังของปี 2567 นี้ 

จากข้อมูลเชิงสถิติของรัฐบาลลาวพบว่าในปี 2567 นี้ ลาวได้ขอเลื่อนการชำระหนี้ไปแล้ว 670 ล้านดอลลาร์ รวมสะสมเป็น 1,200 ล้านดอลลาร์ นับตั้งแต่ปี 2563 เป็นต้นมา

ส่วนการดำเนินข้อตกลงสวอปนั้น จากรายงานของสื่อต่างๆ ก่อนหน้านี้พบว่ามีตั้งแต่ข้อตกลงแปลงหนี้เป็นทุน (debt-for-equity swap) หรือการยกหนี้บางส่วนให้โดยแลกกับการเพิ่มสัดส่วนการเป็นเจ้าของในกิจการของรัฐบาลลาว เช่น โรงไฟฟ้า อีกส่วนหนึ่งคือ ข้อตกลงสวอปค่าเงินระหว่างแบงก์ชาติ เช่น ข้อตกลงสวอปค่าเงินหยวน-กีบ เพื่อช่วยเหลือลาวในช่วงการระบาดของโควิดที่ผ่านมา

นิกเคอิเอเชียระบุว่า รัฐบาลลาวเคยเสนอการแปลงหนี้เป็นทุนแลกกับการถือหุ้นเพิ่มในบริษัทโรงไฟฟ้าของลาว รวมถึงแลกกับที่ดินที่จะสร้างเขตเศรษฐกิจพิเศษในกรุงเวียงจันทน์ด้วย 

แหล่งข่าวนักวิเคราะห์การเมืองรายหนึ่งเปิดเผยว่า การแปลงหนี้เป็นทุนกับบริษัทจีน ถือเป็นประเด็นอ่อนไหวทางการเมือง และรัฐบาลลาวก็ถูกวิพากษ์วิจารณ์ในเรื่องคอร์รัปชัน และการบริหารจัดการเศรษฐกิจที่ผิดพลาดอยู่แล้ว เรื่องนี้จึงมีแต่จะยิ่งเพิ่มความโกรธแค้นต่อรัฐบาลมากขึ้น  

หมายเหตุ: ใช้อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยตามเรตของ ธปท. วันที่ 16 ก.ค.67 ที่ 36.226 บาท/ดอลลาร์ 

'เด็ก ม.ดังภาคอีสาน' เอะใจ!! รุ่นพี่ชวนไปค่ายจิตอาสา แต่เหมือนเข้าลัทธิ ชักจูงไปร่วมกิจกรรมแปลก อ้าง!! แลกชั่วโมงกิจกรรม ‘กยศ.’ ได้

(16 ก.ค.67) จากกรณีมีการเผยแพร่คลิปที่มีการโพสต์ในกลุ่ม ‘น้องใหม่ มมส 68’ ซึ่งผู้ใช้เฟซบุ๊กได้โพสต์ข้อความพร้อมคลิปข้อความว่า “เตือนภัยนะคะ เราโดนรุ่นพี่หลอกบอกว่าจะเป็นค่ายจิตอาสาแต่พอมาถึงเค้าให้ทำอะไรไม่รู้มีคำสอนแปลก ๆ ที่ต่างจากศาสนาพุทธ และก็ให้ทำอะไรพวกนี้ด้วย กินเจด้วย”

โดยในคลิป มีการทำกิจกรรมอยู่ภายในวิหารจีน พร้อมกับบอกให้ผู้เข้าค่ายกราบ โดยมีเสียงผ่านไมโครโฟนว่า กราบจี้กง 3 กราบ, กราบพระโพธิสัตว์ 3 กราบ, กราบจอมเทพ 3 กราบ เป็นต้น

ซึ่งภายหลังจากที่คลิปดังกล่าวเผยแพร่ออกไป ก็มีการเข้ามาคอมเม้นท์เป็นจำนวนมากว่า เคยไปตอนเรียนปี 1 มีการบอกว่าเป็นค่ายจิตอาสา แต่พอไปแล้วก็กลายเป็นเหมือนไปเข้าลัทธิอะไรสักอย่าง ซึ่งคอมเมนต์บางส่วนมีการบอกว่าจะได้ชั่วโมงจิตอาสาของ กยศ. แต่พอไปจริง ๆ แล้ว ก็ไม่ได้อะไรเลย ชั่วโมง กยศ. ก็ไม่ได้ 

โดยกิจกรรมดังกล่าว เป็นกิจกรรม Volunteens boost up เติมพลังนักจิตอาสา จัดขึ้นวันที่ 13-14 สิงหาคม 2567 ที่จังหวัดมุกดาหาร ในโบรชัวร์บอกว่า จะได้ชมวิวเมือง กิจกรรมฐานสนุก เจอเพื่อน 10 สถาบัน ผู้เข้าร่วมจะได้เกียรติบัตรนักจิตอาสา แชร์ประสบการณ์ชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัย ร่วมกับเพื่อนต่างมหาวิทยาลัย และทัศนศึกษาชมความงดงามวัดภูมโนรมย์

ล่าสุด รองศาสตราจารย์ ดร.ประยุกต์ ศรีวิไล ผู้รักษาราชการแทนอธิการบดีมหาวิทยาลัยมหาสารคาม กล่าวว่า ทางมหาวิทยาลัยมหาสารคาม รับทราบเรื่องดังกล่าวแล้ว โดยกองกิจการนิสิต ได้รวบรวมสอบสวนข้อเท็จจริง ซึ่งตอนนี้ยังไม่ทราบว่ามีนิสิตที่เข้าร่วมจำนวนกี่คน สิ่งที่เกิดขึ้นสร้างความเสียหายให้กับนิสิตหรือไม่ หรือมีใครหลอกลวงนิสิตให้เข้าร่วมกิจกรรมนี้  ซึ่งหากมีนิสิตที่ถูกหลอกลวงให้ไปร่วมกิจกรรมนี้ ให้แจ้งมาที่กองกิจการนิสิต มหาวิทยาลัยมหาสารคาม เพื่อที่จะได้รวบรวมหลักฐานต่าง ๆ ถ้าหากเป็นบุคคลภายนอก จะได้แจ้งให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการ แต่หากเป็นนิสิตหรือบุคคลภายในมหาวิทยาลัยฯ ก็จะดำเนินการลงโทษทางวินัยตามระเบียบที่เกี่ยวข้องต่อไป ประเด็นหลักที่ถูกกล่าวอ้างมาเชิญชวนนิสิตคือ การเข้าร่วมกิจกรรมจะได้รับชั่วโมง กยศ.

แต่สำหรับกิจกรรมจิตอาสา กยศ. นั้นทางมหาวิทยาลัยฯ กำหนดว่า ต้องเป็นกิจกรรมที่มีผู้รับผิดชอบโครงการ รับรองกิจกรรม ไม่มีค่าใช้จ่ายในการเข้าร่วม ซึ่งทางเพจกองกิจการนิสิต มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ได้มีการโพสต์แจ้งเตือนนิสิต ไม่ให้หลงเชื่อ อย่างไรก็ตาม กรณีนี้ มหาวิทยาลัยได้เร่งดำเนินการสอบสวนข้อเท็จจริงโดยเร็วที่สุด เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อนิสิตของมหาวิทยาลัย

ขณะที่นิสิตสาวรายหนึ่งที่เคยเข้าร่วมกิจกรรมดังกล่าว เล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังว่า ตนเคยมีประสบการณ์เข้าร่วมค่ายที่กำลังเป็นกระแสนี้ โดยขณะนั้นตนเรียนอยู่ชั้น ม.4 ผ่านมาแล้วเกือบ 10 ปี เคยไปร่วมกิจกรรมแบบนี้ 1-2 ครั้ง ให้ฟิลแบบค่ายคุณธรรม โดยเธอเล่าว่า คุณครูเป็นคนพาไป ซึ่งตอนนั้นที่ไปไม่ได้คิดอะไร เพราะว่าไปกับเพื่อน ฟิลไปค่าย ไปสถานธรรม ในค่ายจะให้กินเจ มีการกราบตามที่ปรากฎในคลิปที่ลงในโซเชียล ตอนนั้นไม่ได้รู้อะไร แต่พอมาเห็นคลิปที่มีการส่งต่อกันมาก็ เอ๊ะ เริ่มงงว่ามันเป็นยังไง อิหยังวะ

โดยกิจกรรมก็จะมีการกราบ มีการให้ทานเจ มีคำสอนเรื่อง กราบพระ กราบเทพเจ้า กี่ครั้งกี่ครั้งก็ว่าไป ซึ่งก็ไม่ได้มีการบังคับหรืออะไร อาหารเจก็โอเค ให้นอนที่สถานธรรม พอเสร็จจากกิจกรรมก็มีการ์ดเจ้าแม่กวนอิมมาให้ แล้วบอกว่าให้เก็บไว้ แต่ถ้ากินเนื้อก็จะอาเจียน ส่วนตัวก็เลยไม่เอาการ์ดไว้กับตัว และตนเองก็ทานเนื้อสัตว์ ซึ่งในขณะที่เพื่อน ๆ ที่เคยไปด้วยกันก็ทานเนื้อสัตว์กันหมดทุกคน ก็ไม่ได้มีอาการอะไร

เปิดพลัง ทำบุญประเทศ ณ ศาลหลักเมืองกรุงเทพฯ พิธีอัญเชิญปลียอดทองคำพระธาตุเชิงชุม ประกอบพิธีบวงสรวง ถวายกำลังบุญให้ประเทศ ณ ศาลหลักเมือง กรุงเทพฯ ก่อนยกปลียอด ประดิษฐานยอดองค์พระธาตุเชิงชุม จ.สกลนคร 20 ก.ค.67 เวลา 11.00 น.

(16 ก.ค.67) ณ ศาลหลักเมืองกรุงเทพฯ งานพิธีฯ นำโดย พลเอกเอกชัย หาญพูนวิทยา ประธานอำนวยการมูลนิธิพุทธภูมิธรรม , อาจารย์วิจักษณ์ สองจันทร์ ประธานมูลนิธิพุทธภูมิธรรม , นายชูศักดิ์ รู้ยิ่ง ผู้ว่าราชการจังหวัดสกลนคร , นายทหารชั้นผู้ใหญ่ , ผู้นำองค์กร ภาครัฐ เอกชน คณะเจ้าภาพ และพุทธศาสนิกชน

นำกราบสักการะบูชาพระรัตนตรัย และบวงสรวงอัญเชิญทิพยญาณ พระสยามเทวาธิราช พระหลักเมือง ดวงวิญญาณบรรพชน สิ่งศักดิ์สิทธิ์ในสากล รับการถวายกำลังบุญจากพุทธศาสนิกชน ที่ได้ร่วมบูรณะปฏิสังขรณ์และสร้างยอดพระธาตุเชิงชุม จ.สกลนคร ขอกำลังบุญหนุนนำให้บ้านเมืองร่มเย็น เป็นแดนทิพย์แดนธรรมแห่งพระพุทธศาสนา สืบไป

เชิญพุทธศาสนิกชน ร่วมพิธียกปลียอดทองคำ พระธาตุเชิงชุม วันอาสาฬหบูชา 20 ก.ค.67 เวลา 1100 น. ณ วัดพระธาตุเชิงชุมวรวิหาร จ.สกลนคร

สอบถามข้อมูล หรือ ส่งชื่อร่วมในพิธีบวงสรวงยกปลียอดทองคำ
ได้ที่
Line Official Account : มูลนิธิพุทธภูมิธรรม
Line ID : @bbdf
กด https://lin.ee/xKss3rn

ด้วยพระธาตุเชิงชุม เป็นศาสนสถานสำคัญของชาติ ประดิษฐานอยู่เมืองสกลนคร เป็นศูนย์รวมจิตใจของพุทธศาสนิก ชนสองฝั่งโขง และประชาชนคนไทยทั่วประเทศ โดยกรมศิลปากรได้ประกาศขึ้นทะเบียน เป็นโบราณสถาน ตามราชกิจจานุเบกษา เมื่อ 8 มีนาคม 2478 โดยอดีตเจ้าอาวาสวัด จนมาถึงสมัยของพระเทพสิทธิโสภณ ที่ปรึกษาเจ้าคณะภาค 8 และเจ้าอาวาสวัดพระธาตุเชิงชุมวรวิหาร ได้ดำเนินการทำนุบำรุงรักษาองค์พระธาตุเชิงชุมมาโดยลำดับ ในปีพุทธศักราช 2564 คณะสงฆ์และพุทธศาสนิกชนชาวจังหวัดสกลนคร พร้อมทั้งผู้มีจิตศรัทธา ทั้งในและนอกประเทศร่วมกันสละทรัพย์จัดซื้อทองคำ 96.5 เปอร์เซ็นต์ เพื่อหุ้มทองคำยอดองค์พระธาตุเชิงชุม นับตั้งแต่บัวเชิงกลุ่มเรือนยอดส่วนบนไปจรดกรวยทองคำสวมยอดปสี โดยแบ่งออกเป็น 3 ส่วนประกอบด้วย

ส่วนที่ 1 ตั้งแต่ปล้องไฉนไปจรดกรวยทองคำสวมปลียอดรวมยอดฉัตร จำนวน 971.26 บาทหรือ 14.806 กิโลกรัม ดำเนินการแล้วเสร็จเมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน 2564 

ส่วนที่ 2 ตั้งแต่บัวคว่ำฐานรองป้องไฉนไปจรดปล้องไฉน จำนวน 585.93 บาท หรือ 8.932 กิโลกรัม ดำเนินแล้วเสร็จเมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม 2565 

ส่วนที่ 3 ตั้งแต่บัวเชิงไปจรดบัวคว่ำฐานรองปล้องไฉน ซึ่งมีขนาดสูง 213 เชนติเมตร ฐานกว้าง 49 เซนติมตร ยอดกว้าง 40 เชนติเมตร ใช้ทองคำ จำนวน 520 บาท หรือ 8 กิโลกรัม โดยจะใช้วิธีอิเล็กโตรฟอร์มมิ่ง (Electroforming Technique) 

ทั้งนี้จังหวัดสกลนคร ได้มีประกาศ แต่งตั้งคณะกรรมการที่เกี่ยวข้อง ในการดำเนินการหุ้มทอง ส่วนปลียอดพระธาตุเชิงชุม (ส่วนที่ 3) ให้แล้วเสร็จ เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเจริญพระชนม พรรษา 6 รอบ 72 พรรษา ในวันที่ 28 กรกฎาคม 2567 

คณะสงฆ์วัดพระธาตุเชิงชุมวรวิหาร คณะสงฆ์จังหวัดสกลนคร พุทธศาสนิกชนและมีจิตศรัทธาทั่วประเทศร่วมกับ  มูลนิธิพุทธภูมิธรรม จึงได้กำหนดดำเนินโครงการหุ้มทองคำปลียอดพระธาตุเชิงชุม (ส่วนที่3) ซึ่งได้ดำเนินการขออนุญาตหุ้มทองคำส่วนปลียอดพระธาตุเชิงชุมครบถ้วนทั้ง 3 ส่วน จากกรมศิลปากรและได้รับการอนุญาตเรียบร้อยแล้ว 

โดยกำหนดวันที่จะสมโภช และยกยอดพระธาตุเชิงชุม (ส่วนที่ 3) ระหว่างวันที่ 18 - 20 กรกฎาคม 2567 ที่จะถึงนี้
- 18 - 19 ก.ค.67 เวลา 1700 น. พิธีเจริญพระพุทธมนต์สมโภชฯ
- 20 ก.ค.67 เวลา 1100 น. พิธียดปลียอดทองคำฯ

จึงขอเรียนเชิญพุทธศาสนิกชนร่วมพลังบุญพิธีดังกล่าว เป็นมงคลชีวิตสืบไป

สอบถามข้อมูล หรือ ส่งชื่อร่วมในพิธีบวงสรวงยกปลียอดทองคำ
ได้ที่
Line Official Account : มูลนิธิพุทธภูมิธรรม
Line ID : @bbdf
กด https://lin.ee/xKss3rn

อานิสงส์การสร้างฉัตรเพื่อเป็นพุทธบูชา
#โดย พระธรรมกิตติวงศ์ 
1.ย่อมเป็นผู้ได้ในสิ่งที่เลิศเสมอ
2.มีคนคอยกั้นร่มให้ทุกเมื่อ
3.ย่อมได้รื่นรมในเทวโลก ๗๗ ครั้ง
4.ย่อมได้เสวยเทวราชสมบัติในเทวโลก ๗๗ ครั้ง
5.จักได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิราช ๑,๐๐๐ ครั้ง
6.จักได้เป็นพระเจ้าประเทศราชที่ไพบูลย์

อานิสงส์การสร้างฉัตรเพื่อเป็นพุทธบูชา
#พระไตรปิฏก เล่มที่ ๓๒ ขุทกนิกาย
1. ย่อมเป็นผู้ไม่รู้สึกร้อน
2.ย่อมเป็นผู้ไม่รู้สึกหนาว
3.ละอองธุลีไม่แปดเปื้อน
4.เป็นผู้ไม่มีจัญไร
5.เป็นผู้ที่มหาชนยำเกรงทุกเมื่อ
6.เป็นผู้มีผิวพรรณวรรณละเอียด
7.เป็นผู้ไม่มีอันตราย
8.เกิดในตระกูลสูงศักดิ์

ข่าว จังหวัดสกลนคร
งานสร้างยอดพระธาตุเชิงชุมส่วนสุดท้าย และสมโภชพระธาตุฯ
https://sakonnakhon.prd.go.th/.../detail/id/57/iid/287700

สตม. รวบแก๊งชาวเมียนมาอ้างเป็นนักธุรกิจซื้อขายทอง หลอกลวงเหยื่อให้ร่วมลงทุน มูลค่าความเสียหายกว่า 3 ล้าน

กก.ปอพ.บก.สส.สตม. จับกุม MR.U WIN (นามสมมุติ) อายุ 65 ปี สัญชาติเมียนมา ตามหมายจับศาลแขวงดุสิต ที่ จ.79/2567 ลงวันที่ 14 พ.ค.2567 ต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกง” นำตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.พญาไท ดำเนินคดีตามกฎหมาย สถานที่จับกุมบริเวณหน้าโรงแรมย่าน ถนนประดิพัทธ์ แขวงพญาไท เขตพญาไท กรุงเทพฯ จากกรณีที่ แก๊งชาวเมียนมา ประกอบด้วย MR.U WIN (นามสมมติ), MR.THAW TE (นามสมมุติ), MRS.CHO LIN อ้างว่าเป็นนักธุรกิจซื้อขายทองคำในประเทศเมียนมามีฐานะร่ำรวยมาก ต้องการซื้อทองคำจำนวนมาก เพื่อนำไปขายต่อ ได้พูดจาหว่านล้อมผู้เสียหายพร้อมทั้งยืนยันให้ความเชื่อมั่น หลังจากนั้นได้หลอกลวงให้ผู้เสียหาย เป็นผู้ติดต่อประสานงานในการซื้อทองคำจากคลังทองคำที่ห้างทองในย่านเยาวราช และเพื่อเป็นหลักประกันว่ามีทองคำในคลังทองคำอยู่จริง MR.U WIN กับพวกได้หลอกลวงผู้เสียหายให้วางเงินเป็นหลักประกันทองคำดังกล่าว และยืนยันว่า หากคลังทองคำขายทองคำให้จะคืนเงินที่ผู้เสียหายวางเป็นหลักประกันคืน จนผู้เสียหายหลงเชื่อส่งมอบเงินหลักประกันให้จำนวน 7 ครั้ง รวมเป็นเงิน 3,135,000 บาท ภายหลังคลังทองคำตกลงจะขายทองให้กับกลุ่มดังกล่าวแล้ว แต่ปรากฏว่า MR.U WIN กับพวก ไม่มีเงินซื้อทองคำ และไม่คืนเงินที่ผู้เสียหายได้วางไว้เป็นหลักประกัน ผู้เสียหายทวงถาม ให้คืนเงิน โดยไม่สามารถติดต่อ MR.U WIN กับพวก ได้อีกเลย ซึ่งทราบว่ากลุ่มแก๊งชาวเมียนมา ทั้ง 3 ราย ได้หลบหนีเดินทางออกจากประเทศไทยไปแล้ว ผู้เสียหายจึงแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน สน.พญาไท ซึ่งต่อมาพนักงานสอบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐานยื่นคำร้องต่อศาลแขวงดุสิตออกหมายจับผู้ต้องหาในคดีนี้จำนวน 3 ราย กก.ปอพ.บก.สส.สตม. จึงได้ประสานข้อมูลกับ สน.พญาไท เพื่อสืบสวนติดตามจับกุมกลุ่มผู้ต้องหา จนกระทั่งทราบว่า MR.U WIN หนึ่งในแก๊งชาวเมียนมาดังกล่าว ได้เดินทางกลับเข้ามาในประเทศไทยและได้หลบหนีหมายจับไปพักอาศัยอยู่ในท้องที่ จว.นนทบุรี และในท้องที่ บก.น.2 จึงได้สืบสวนติดตามจับกุมนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.พญาไท ดำเนินคดีตามกฎหมาย ส่วนผู้ร่วมขบวนการที่เหลือจะได้ดำเนินการสืบสวนติดตามจับกุมมาดำเนินคดีต่อไป

สตม. ขอเรียนให้ท่านทราบว่า สตม. มีมาตรการในการตรวจสอบ กวดขัน และปราบปรามการกระทำความผิด ในด้านต่าง ๆ รวมถึงการเฝ้าระวังบุคคลทั้งสัญชาติไทยและสัญชาติอื่น ๆ ที่มีหมายจับ และการเดินทางเข้า-ออกประเทศไทย หากประชาชนท่านใดพบเห็นเบาะแสการกระทำความผิด กรุณาแจ้งมายัง สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง อาคารเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร พระชนมพรรษา 60 พรรษา เลขที่ 904 หมู่ที่ 6 ต.บ้านใหม่ อ.ปากเกร็ด จว.นนทบุรี 11120 หรือติดต่อตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดในพื้นที่ หรือที่ www.immigration.go.th จะขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่ง

‘ในหลวง’ โปรดเกล้าฯ พระราชทานเลี้ยงอาหารกลางวัน ‘นร.-จนท.’ เนื่องในโอกาสเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ ณ รร.วัดราชาธิวาส

(16 ก.ค.67) พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ พลเอก ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ เป็นประธาน เชิญอาหารพระราชทาน ไปพระราชทานเลี้ยงแก่นักเรียน คณะครู บุคลากรและเจ้าหน้าที่ โรงเรียนวัดราชาธิวาส เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร จำนวน 890 คน เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 เพื่อให้นักเรียน และคณะครู รวมทั้งเจ้าหน้าที่ ได้รับประทานอาหารที่ดีมีคุณค่าตามหลักโภชนาการอันจะส่งผลให้มีสุขอนามัยที่ดี มีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง และมีสุขภาพจิตที่ดี สำหรับเมนูอาหาร ประกอบด้วย ข้าวมันไก่ทอด ข้าวมันไก่ตอนข้าวหมูแดง หมูกรอบ บะหมี่แห้งหมูแดง ข้าวขาหมู ไข่พะโล้ และโดนัทไส้ต่าง ๆ เป็นต้น

ทั้งนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี ทรงรับเป็นพระราชภารกิจที่สำคัญ ในการดูแลให้พสกนิกรทุกหมู่เหล่ามีสุขภาพอนามัยที่สมบูรณ์แข็งแรง และมีโภชนาการที่ดีโดยเฉพาะเด็กและเยาวชน ซึ่งจะเป็นกำลังสำคัญของประเทศชาติต่อไป จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานอาหาร แก่เด็ก เยาวชน ผู้สูงอายุ ผู้พิการ และผู้ด้อยโอกาส รวมถึงเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานในโรงเรียน และสถานสงเคราะห์ต่าง ๆ เนื่องในโอกาสวันเฉลิม พระชนมพรรษา วันคล้ายวันพระราชสมภพ วันคล้ายวันประสูติ และวันสำคัญต่าง ๆ มาโดยตลอด การได้รับพระราชทานพระมหากรุณาในครั้งนี้ นักเรียน และคณะครู รวมทั้งเจ้าหน้าที่ต่างปลื้มปีติ และสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้

โรงเรียนวัดราชาธิวาส เป็นโรงเรียนระดับมัธยมศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษากรุงเทพมหานคร เขต 1 ก่อตั้งเมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2446 โดยพระราชประสงค์ของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ก่อตั้งโดยทุนทรัพย์ของพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหมื่นมหิศรราชหฤทัย (พระโอรสของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระสยามเทว มหามงกุฎวิทยมหาราช นับแต่การก่อตั้งจนถึงปัจจุบันมีระยะเวลาถึง 121 ปี ซึ่งโรงเรียนมีการพัฒนาและเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง มีการปรับหลักสูตรการเรียนการสอนและการวัดประเมินผลให้สอดคล้องกับแผนการศึกษาของชาติ ศิษย์เก่าหลายท่านที่สำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนแห่งนี้มีบทบาทและผลงานที่สำคัญในการพัฒนาบ้านเมือง สร้างชื่อเสียงให้แก่โรงเรียน ปัจจุบันเปิดทำการเรียนการสอนตั้งแต่ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ถึงระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 มีนักเรียนจำนวน 800 คน ครูและเจ้าหน้าที่ จำนวน 90 คน

ผบ.ตร.ลงพื้นที่ จ.พิษณุโลก ตรวจเยี่ยมบำรุงขวัญ สภ.นครชุม และโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนอาทรอุทิศ กำชับขยายผลคดียาเสพติด และให้ดูแลเด็กนักเรียนให้มีความรู้ความสามารถ มีจิตอาสา ยึดมั่นในสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์

วันนี้ (16 กรกฎาคม 2567) เวลา 10.00 น. พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) พร้อมด้วย พล.ต.ต.พิทักษ์ อุทัยธรรม รอง ผบช.ประจำ สนง.ผบ.ตร. ลงพื้นที่บ้านน้ำกุ่ม ต.น้ำกุ่ม อ.นครไทย จ.พิษณุโลก

เพื่อตรวจเยี่ยมบำรุงขวัญข้าราชการตำรวจ สภ.นครชุม และโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนอาทรอุทิศ โดยมีผู้แทนจาก สภ.นครชุม นำโดย พ.ต.ท.สุรศิลป์ สมศรี สารวัตรสถานีตำรวจภูธรนครชุม และโรงเรียนตระเวนชายแดนอาทรอุทิศ นำโดย ร.ต.ท.นพดล เพ็ญสุภา ครูใหญ่โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนอาทรอุทิศ รับการตรวจเยี่ยม 

ผบ.ตร.ได้กำชับนโยบายของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ในการสืบสวนปราบปรามยาเสพติดอย่างจริงจัง และให้สืบสวนขยายผลเพื่อจับกุมผู้ค้ายาเสพติดรายใหญ่ พร้อมให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.นครชุม ในการปฏิบัติหน้าที่ดูแลพี่น้องประชาชน

ในส่วนของ โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนอาทรอุทิศ ผบ.ตร.ได้เน้นย้ำครูตำรวจตระเวนชายแดนให้อบรมสั่งสอนเด็กและเยาวชนซึ่งเป็นอนาคตของชาติ ให้มีความรู้ความสามารถ มีจิตอาสา และยึดมั่นในสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ รวมทั้งให้ความรู้เกี่ยวกับโทษภัยของการพนันและยาเสพติด

พร้อมกันนี้ ผบ.ตร.ได้ให้กำลังใจและมอบสิ่งของบำรุงขวัญ และเครื่องคอมพิวเตอร์จำนวน 1 ชุด เพื่อใช้ในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.นครชุม และมอบรถจักรยานให้กับนักเรียนโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนอาทรอุทิศ จำนวน 25 คัน ด้วย

‘ม.ขอนแก่น’ มีคำสั่ง ‘ไล่ออก’ อาจารย์ 3 ราย ฐานซื้อขายผลงานวิจัย พร้อมเร่งเอาผิดตาม กม.

(16 ก.ค. 67) ศ.ดร.ศุภชัย ปทุมนากุล รองปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เปิดเผยว่า สำนักงานปลัดกระทรวง อว. ได้รับแจ้งผลการสอบวินัยร้ายแรงกรณีการซื้อขายผลงานวิจัยของอาจารย์จากมหาวิทยาลัยขอนแก่น ว่าขณะนี้ ม.ขอนแก่น ได้ดำเนินการสอบสวนและพิจารณาโทษทางวินัยแก่อาจารย์จำนวน 3 ราย ที่กระทำผิดจริงเสร็จสิ้นแล้ว โดยได้มีคำสั่งลงโทษ ‘ไล่ออก’ ทั้ง 3 ราย นอกจากนี้ ยังอยู่ระหว่างแจ้งความดำเนินคดีอาญาแก่บุคคลทั้ง 3 รายอีกด้วย

รองปลัด อว. กล่าวต่อว่า นับตั้งแต่มีข่าวการซื้อขายงานวิจัยเมื่อต้นปี 2566 ทางสำนักงานปลัดกระทรวง อว. ได้ร่วมกับมหาวิทยาลัยต่าง ๆ ในการดำเนินการตรวจสอบ ซึ่งจากการตรวจสอบข้อมูลพบว่า นักวิจัย 109 ราย จาก 33 สถาบัน เข้าข่ายผลงานวิจัยผิดปกติ จึงส่งข้อมูลให้มหาวิทยาลัยตรวจสอบข้อเท็จจริง ปัจจุบันได้มีการตรวจสอบเกือบครบถ้วนแล้ว และมี 14 รายที่พบความผิดปกติจริง และบางรายได้มีการตั้งกรรมการลงโทษทางวินัย เป็นผลให้ ปัจจุบัน มีการไล่ออกแล้ว 6 ราย ได้แก่ ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ 1 ราย ม.เชียงใหม่ 2 ราย และล่าสุด ม.ขอนแก่น 3 ราย

“เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญในวงการวิชาการ การซื้อผลงานวิจัยที่ไม่ใช่ของตนเอง เป็นเรื่องที่ยอมรับไม่ได้ในแวดวงวิชาการ ต้องขอบคุณมหาวิทยาลัยที่มีมาตรการตรวจสอบอย่างเข้มแข็งและนำไปสู่การลงโทษผู้กระทำความผิด ปัจจุบัน สำนักงานปลัดกระทรวง อว. ยังมีการตรวจสอบอย่างต่อเนื่อง หากมีความผิดปกติก็จะแจ้งมหาวิทยาลัยให้ดำเนินการต่อไป” ศ.ดร.ศุภชัย กล่าว

‘สมชัย’ แฉ!! กระบวนการปั้นดีกรี 'ดร.-ศ.-รศ.' เพื่อบรรดาผู้มีสตางค์ แต่ไร้วุฒิ เปิดบริษัทตั้งชื่อเหมือนมหาวิทยาลัยดัง ทำให้ทุกอย่าง เหมาจ่ายไม่ถึงล้าน

(16 ก.ค.67) นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก 'ปั่นไปไหน - สมชัย ศรีสุทธิยากร' ใจความดังนี้...

เรื่องมันมีอยู่ว่า บรรดาคนมีสตางค์ แต่ไม่มีวุฒิ อยากมี ดร. นำหน้า หรือ มี ศ. รศ. นำ ยิ่งเท่

บังเอิญมีบริษัทรับเทียบโอนวุฒิในอเมริกา ตั้งชื่อเหมือนมหาวิทยาลัย เปิดบริการรับเทียบโอนวุฒิ  เช่น เธอส่งใบปริญญามาฉันก็เทียบวุฒิให้ แต่หน้าตาใบเทียบวุฒิดูเผิน ๆ จะเหมือนใบปริญญา

บริษัทนั้นยังเปิดโอกาสว่า ถ้าเธอมีประสบการณ์อะไรก็ส่งหลักฐานมา ฉันเทียบโอนตำแหน่งวิชาการให้ 3 ชิ้นเป็น รศ. หากจะเป็น ศ. ขอ 5 ชิ้น

เรื่องเดินต่อว่า มี อ.ที่ไม่สังกัดมหาวิทยาลัย เห็นว่า เป็นช่องทางสร้างคนสร้างรายได้ เลยชักชวนแบบบอกต่อ ใครสนใจบ้าง   

ทำวิจัยไม่เป็นเดี๋ยวสอน สอนแล้วยังทำไม่เป็นหาคนช่วยทำ ทำแล้วเขียนไม่ถูกหาคนช่วยเขียน  แปลไม่ได้ช่วยแปล หาที่ลงวารสารต่างประเทศไม่ได้เดี๋ยวจัดให้ แต่มีค่าใช้จ่าย รวม ๆ ยังไงก็ไม่ถึงล้าน ดีกว่าบินไปเรียน 5 ปี 10 ล้าน ยังอาจไม่จบ

ผู้มีสตางค์ที่อยากได้ปริญญา อยากได้ ดร. อยากได้ ศ. รศ. เลย เห็นว่านี่คือ ทางลัด ประหยัด ไม่เหนื่อยแรง แต่ไม่รู้ว่า สิ่งนี้ ไม่ได้รับการยอมรับจากหน่วยงานที่มีมาตรฐาน

ลงเฟซ ลงติ๊กต๊อก สร้างภาพสวย ๆ ไม่น่าจะมีปัญหา คนเห็นก็กดไลก์ กดหัวใจให้ ยิ่งปลื้มกันใหญ่ แต่พอเอามาใช้กับอะไรที่เป็นทางการมาก ๆ น่าจะเรื่องยาว

เพื่อนผมที่เป็นหมอบอกว่า นี่คือ อาการ Pathological Lair คือ โกหกในสิ่งที่ตัวเองไม่รู้ตัวว่าโกหก

ปัญหาคือ หากยังดึงดันและฟ้องกราดปิดปากใครต่อใคร เรื่องถึงศาล ฝ่ายถูกฟ้องเขาขอให้ศาลเรียกเอกสารวิชาการทุกชิ้นมาตรวจสอบ

อาการหนาวจะยิ่งกว่าทวีปอาร์กติก


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top