Thursday, 4 July 2024
NewsFeed

ศรชล. รับมอบเรือปฏิบัติการความเร็วสูง เพิ่มขีดความสามารถในการช่วยเหลือผู้ประสบภัยในทะเล

วันนี้ (1 ก.ค. 67) เวลา 13.00 น. พลเรือเอก วรวุธ พฤกษารุ่งเรือง เสนาธิการทหารเรือ (เสธ.ทร.) ในฐานะ เลขาธิการศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล (เลขาธิการ ศรชล.) เป็นประธาน ในพิธีรับมอบเรือปฏิบัติการความเร็วสูงบริเวณชายฝั่ง จำนวน 6 ลำ (ลำที่ 7 - 12) ได้แก่ เรือ ศรชล.4007 เรือ ศรชล.4008 เรือ ศรชล.4009 เรือ ศรชล.4010 เรือ ศรชล.4011 และ เรือ ศรชล.4012 ตามลำดับ ณ อู่ต่อเรือ บริษัท มาร์ซัน จำกัด (มหาชน) ถนนท้ายบ้าน ต.ท้ายบ้าน อ.เมือง จ.สมุทรปราการ

โดยมีประธานและเจ้าหน้าที่ผู้บริหาร บริษัท มาร์ซัน จำกัด (มหาชน) ผู้แทนอธิบดีหน่วยงานหลักใน ศรชล. หัวหน้าหน่วยขึ้นตรงของ ศรชล. และเจ้าหน้าที่ของ บริษัทฯ ให้การต้อนรับ
ในการนี้ พลเรือตรี บุญรักษ์ โพธิ์แก้ว ประธานคณะกรรมการตรวจรับพัสดุ โครงการจ้างสร้างเรือปฏิบัติการความเร็วสูงบริเวณชายฝั่ง จำนวน 15 ลำ ได้กล่าวรายงานวัตถุประสงค์ของโครงการฯ ว่า โครงการดังกล่าว เป็นการเพิ่มขีดความสามารถของหน่วยงานของรัฐ ในการป้องกัน ปราบปราม แก้ไขปัญหา รับมือกับสถานการณ์ หรือการกระทำผิดกฎหมายที่มีผลกระทบ หรืออาจส่งผลกระทบต่อผลประโยชน์ของชาติทางทะเล หรือกิจกรรมทางทะเล การช่วยเหลือผู้ประสบภัย รวมทั้งการปฏิบัติการอื่น ๆ ในการนี้ พลเรือเอกวรวุธ พฤกษารุ่งเรือง เลขาธิการ ศรชล. ได้กล่าวรับมอบเรือปฏิบัติการความเร็วสูงบริเวณชายฝั่ง (ลำที่ 7 - 12) พร้อมทั้งกล่าวเพิ่มเติมว่า พิธีรับมอบเรือในวันนี้แสดงให้เห็นถึงความร่วมมืออันใกล้ชิด และความสัมพันธ์อันดีระหว่าง ศรชล. และ บริษัท มาร์ซัน จำกัด (มหาชน) รวมทั้งกล่าวขอบคุณ ประธานกรรมการตรวจรับพัสดุฯ คณะทำงานสนับสนุนการสร้างเรือฯ ผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ทุกระดับของ บริษัทฯ ที่ร่วมติดตามความก้าวหน้าในการสร้างเรือให้เป็นไปตามแผนการสร้างเรือ

หลังจากจากนั้น เลขาธิการ ศรชล. ได้ส่งมอบเรือปฏิบัติการความเร็วสูงบริเวณชายฝั่ง ให้แก่ ศรชล.ภาค 1 ศรชล.ภาค 2 และ ศรชล.ภาค 3 ภาคละ 2 ลำ ตามแผนงานฯ เพื่อนำไปใช้ราชการตามวัตถุประสงค์ของโครงการฯ กำหนดไว้ต่อไป ทั้งนี้ ศรชล. ได้ดำเนินการส่งมอบเรือปฏิบัติการความเร็วสูงบริเวณชายฝั่ง จำนวน 6 ลำแรก ได้สำเร็จเป็นไปตามแผนงาน เพื่อปฏิบัติภารกิจตามพื้นที่ ศรชล.ภาค ได้แก่ ศรชล.ภาค 1 จำนวน 2 ลำ ได้แก่ เรือ ศรชล.4001 (พื้นที่ จ.ตราด) เรือ ศรชล.4002 (พื้นที่ จ.ชุมพร) ศรชล.ภาค 2 จำนวน 2 ลำ ได้แก่ เรือ ศรชล.4003 (พื้นที่จ.สุราษฎร์ธานี) เรือ ศรชล.4004 (พื้นที่ จ.นครศรีธรรมราช) และ ศรชล.ภาค 3 จำนวน 2 ลำ ได้แก่ เรือ ศรชล.4005 (พื้นที่ จ.ภูเก็ต) เรือ ศรชล.4006 (พื้นที่ จ.สตูล) ที่ผ่านมา เรือปฏิบัติการความเร็วสูงบริเวณชายฝั่งชุดนี้ ได้ถูกนำไปใช้งานในภารกิจที่หลากหลาย เช่น การช่วยเหลือผู้ประสบภัยในทะเล การลำเลียงผู้ป่วยทางทะเล เนื่องจากตัวเรือมีความคล่องตัวสูงและการทรงตัวที่ดี มีพื้นที่สามารถรับผู้ป่วยที่อาจจะต้องมีการลำเลียงด้วยเครนบันไดลิง หรือผ่านบันไดข้างเรือ ทำให้การปฏิบัติการทางการแพทย์เพื่อเข้าให้ความช่วยเหลือเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้เรือปฏิบัติการความเร็วสูงบริเวณชายฝั่งของ ศรชล. ทั้ง 15 ลำ มีความยาวตลอดลำที่ระดับแนวน้ำ 12.39 เมตร ความกว้าง 3.48 เมตร ความสูง 1.42 เมตร กินน้ำลึกสูงสุด 0.65 เมตร ความเร็วสูงสุดไม่น้อยกว่า 41 นอต (ที่น้ำหนักบรรทุกเต็มที่)

“ ศรชล. เป็นหน่วยงานหลักในการบูณาการการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล ที่ได้รับการยอมรับในระดับภูมิภาคเพื่อความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืนของประเทศชาติและประชาชน”

นิราช/นันทพล ทิพย์ศรี รายงาน 0909535645

'ชาวประมง' โกยรายได้ หลังจับ 'กุ้งแชบ๊วย' ได้มากสุดในรอบ 30 ปี แต่แอบเอะใจ!! ไม่รู้เกิดอะไรกับระบบนิเวศทางธรรมชาติหรือไม่

เมื่อวานนี้ (1 ก.ค.67) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บริเวณแพปลาเจ้นา บ้านฉางหลาง ตำบลไม้ฝาด อำเภอสิเกา จังหวัดตรัง ชาวประมงพื้นบ้านได้ทยอยนำกุ้งแชบ๊วย ซึ่งหาได้ในทะเลปากเมง และฉางหลาง มาขายที่แพปลาเป็นจำนวนมาก เนื่องจากตั้งแต่วันที่ 29 มิถุนายน เป็นต้นมา

เกิดปรากฏการณ์แปลก ชาวประมงจับกุ้งแชบ๊วยได้มากกว่าปกติหลายเท่าตัว ที่ปกติจะจับกุ้งแชบ๊วยได้เพียง 10-20 กิโลกรัมต่อครั้งเท่านั้น แต่ตอนนี้กลับจับได้มากถึง 40-100 กิโลกรัมต่อครั้ง ซึ่งชาวประมงพื้นบ้านต่างนำกุ้งที่จับได้มาขายให้กับแพปลาแห่งนี้ รวมทั้งแพปลาในละแวกใกล้เคียงเป็นจำนวนมาก

ขณะที่แพปลา เจ้นา ซึ่งรับซื้อกุ้งแชบ๊วยแบบคละไซซ์ จากชาวประมงในราคากิโลกรัมละ 200 บาท และต้องเร่งระบายออกในราคาเท่ากับทุนที่ซื้อมา และนำมาขายในตลาดสดเทศบาลนครตรัง ต.ทับเที่ยง อ.เมือง จ.ตรัง โดยมีประชาชนที่มาเดินจับจ่ายซื้อของในตลาดซื้อกันเป็นจำนวนมาก

นางสาวศิริทัศน์ ทิพย์เพ็ง อายุ 54 ปี เจ้าของแพปลาเจ้นา บอกว่า “ตนรับซื้อกุ้งแชบ๊วยจากชาวประมงพื้นบ้านในราคากิโลกรัมละ 200 บาท และมาขายต่อในตลาดสดเทศบาลนครตรัง ราคากิโลกรัมละ 200 บาท เพื่อช่วยกระจายสินค้าให้ชาวประมง เพราะช่วงนี้เขาจับกุ้งแชบ๊วยได้เยอะมาก ตนมาเปิดแพปลาที่ตรังนาน 30 ปี ปีนี้เพิ่งเจอปรากฏการณ์แปลกที่ชาวประมงพื้นบ้านจับกุ้งได้เยอะมากเช่นนี้ ตนไม่รู้ว่าเกิดจากระบบนิเวศทางธรรมชาติหรือเปล่า แต่ที่แน่ๆ ชาวประมงเขาจับกุ้งแชบ๊วยได้มาเยอะมาก ชาวประมงมีรายได้จากการขายกุ้ง 6,000 บาท จนถึงหลักหมื่นต่อลำ ซึ่งใครที่อยากกินกุ้งทะเลสด ๆ ราคาไม่แพงสามารถมาซื้อได้ที่แผงปลาเจ้นาในตลาดสดเทศบาลนครตรัง”

'นัท เลอทาน่า' เผยบทเรียนแสนแพง หลังลงคลิปเล่นดนตรีสด ถูกนักแต่งเพลงฟ้องละเมิดลิขสิทธิ์ 10 เพลง 1 ล้านบาท

เมื่อวานนี้ (1 ก.ค. 67) บนโซเชียลฯ แชร์คลิปจากติ๊กต็อก @letana_24hrs ของ นัท กิตติพันธ์ ลี้ศัตรูพ่าย หรือ นัท เลอทาน่า นักร้อง เจ้าของโรงแรมและร้านอาหารย่านบางพลี สมุทรปราการ กล่าวถึงการถูกฟ้องลิขสิทธิ์เพลงที่เผยแพร่ผ่านออนไลน์ ระบุว่า…

ขออนุญาตให้ความรู้เล็ก ๆ น้อย ๆ กับคนทำร้านอาหารที่มีดนตรีสด มีค่าใช้จ่ายปลีกย่อยมากมาย โรงแรมฯ มีค่าใช้จ่ายในการจ่ายค่าลิขสิทธิ์ต่อปีโดยรวมนับล้านบาท ซึ่งตนโดนฟ้องลิขสิทธิ์อย่างเป็นทางการกับเพลง ‘ทนได้ทนไป’ ของวงออโต้บาห์น แต่ผู้ฟ้องคือนายฉัตรชัย ดุริยประณีต หรือนก สมาชิกวงเฉลียง ในฐานะผู้เขียนเพลงดังกล่าว

ก่อนหน้านี้เมื่อกลางปี 2566 ตนถูกแจ้งละเมิดลิขสิทธิ์จากเพลง ‘ถอนตัว’ ของเบิร์ดกะฮาร์ท คนที่ติดต่อมาคือเจ้าของลิขสิทธิ์เพลงนี้ คือ นายวรวิทย์ นิมมานศิริกุล หรือไบร์ท ซึ่งเป็นผู้แต่งเพลง ได้จ่ายค่าเสียหายไป 50,000 บาท จากที่เรียกมาหลายแสนบาท นายวรวิทย์เป็นคนทำให้ตนเข้าใจคำว่าลิขสิทธิ์เพลงมากขึ้น ตอนแรกเข้าใจว่าลิขสิทธิ์การเล่นในร้านกับการเผยแพร่ทางโซเชียลมีเดียคืออย่างเดียวกัน แต่ว่าไม่ใช่ การที่มีลิขสิทธิ์ในการเล่นดนตรีในร้าน ไม่ใช่ว่าเราจะตัดคลิปไปลงหรือถ่ายทอดสดในโซเชียลมีเดียอย่างเฟซบุ๊ก ยูทูบ ติ๊กต็อกได้ ต้องขอบคุณนายวรวิทย์ที่ทำให้ตนเข้าใจ

หลังจากนั้นตนก็ไปไล่ลบคลิปที่ละเมิดลิขสิทธิ์ออกทั้งหมด เหลือแต่เพลงที่ตนมีลิขสิทธิ์ไว้เท่านั้น หลังจากนั้นก็พยายามทำทุกอย่างให้รัดกุมและถูกต้องที่สุด พยายามเล่นเพลงที่เรามีลิขสิทธิ์ และเพลงที่มีลิขสิทธิ์ในการเผยแพร่โซเชียลมีเดียด้วย เพื่อคนดูทางบ้านจะได้ฟังผลงานของตนทุกเพลงอย่างถูกต้อง บางครั้งเพลงไหนที่เราไม่มีลิขสิทธิ์ในการเล่นบนโซเชียลฯ ก็สั่งให้ช่างเสียงปิดเสียงเอาไว้ เพื่อคงความถูกต้องเอาไว้ และให้คนในร้านได้ฟังเพลงเหล่านั้น ผู้ชมไลฟ์อาจเสียอรรถรสไปบ้าง

อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ได้จ่ายค่าเสียหายแก่นายวรวิทย์ไปแล้ว หลังจากนั้น 1 เดือนต่อมา นายวรวิทย์กลับมาอีกครั้งหนึ่ง โดยนำเพลงที่ตนละเมิดลิขสิทธิ์มา 10 เพลง ส่วนใหญ่เป็นเพลงของนายฉัตรชัย เช่น ใจนักเลง ใจบางบาง ละลาย ถอยดีกว่า ต้องการเก็บค่าเพลงที่ละเมิดลิขสิทธิ์เพลงละ 100,000 บาท รวมเป็นเงิน 1 ล้านบาท ซึ่งตอนที่นายวรวิทย์แจ้งละเมิดลิขสิทธิ์ตนได้ลบคลิปเพลงดังกล่าวตั้งแต่ถูกแจ้งเพลงถอนตัวไปแล้ว แสดงว่านายวรวิทย์บันทึกหน้าจอเพลงเหล่านั้นเอาไว้เมื่อครั้งมาแจ้งละเมิดลิขสิทธิ์เพลงของตัวเอง แต่ไม่บอกในตอนนั้น รอจัดการกับเพลงของตัวเองให้เรียบร้อยก่อน แล้วค่อยเอาเพลงของนายฉัตรชัย 10 เพลง มาแจ้งค่าละเมิดเราใน 1 เดือนถัดมาอีกที

นายกิตติพันธ์กล่าวว่า “เป็นผลจากการรู้เท่าไม่ถึงการณ์และเป็นบทเรียน เป็นประสบการณ์โดยตรงที่พบเจอ และตนเลือกแชร์ประสบการณ์ออกไปให้คนที่ยังไม่เจอ ให้มีประสบการณ์โดยอ้อม ไม่ต้องโดนโดยตรง และไม่ต้องไปลองผิดลองถูกแบบที่ตนเจอ ขอบคุณประสบการณ์เหล่านี้ที่ทำให้ตนมีความรู้มากขึ้น ถึงแม้ว่าจะมีค่าใช้จ่ายแต่ก็เป็นบทเรียนที่ทำไปโดยไม่รู้ ไหน ๆ มีค่าใช้จ่ายแล้วขอให้ได้ความรู้ด้วย และอยากรู้ด้วยว่าเรื่องนี้ตนต้องจ่ายเท่าไหร่”

'คุ้มภัยโตเกียวมารีนฯ' ประกาศเลิกรับประกันภัยรถอีวีทุกยี่ห้อทุกรุ่น  หยุดรับโอนย้าย-ต่อประกันรถอีวี เริ่มตั้งแต่ 1 ก.ค.เป็นต้นไป

(2 ก.ค.67) Btimes เผย บริษัท คุ้มภัยโตเกียวมารีนประกันภัย (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เปิดเผยประกาศข้อความเกี่ยวกับการยุติบริการรับประกันภัยรถยนต์พลังงานไฟฟ้า หรือรถอีวี มีดังนี้...

บริษัท คุ้มภัยโตเกียวมารีนประกันภัย (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) แจ้งหยุดรับประกันภัยรถไฟฟ้า (EV) มีผลตั้งแต่ วันที่ 1 กรกฎาคม 2567 เป็นต้นไป โดยมีรายละเอียด ประกอบด้วย...

>>  งดรับประกันภัยรถไฟฟ้า (EV) ทุกแบนด์ ทั้งงานใหม่ งานโอนย้าย และงานต่ออายุ
>>  ใบเตือนงานต่ออายุ ยังสามารถเสนอเบี้ยใบเตือนได้ โดยทางฝ่ายรับประกันของทาง บริษัท คุ้มภัยโตเกียวมารีนประกันภัย(ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) จะพิจารณาเป็นรายกรณี ซึ่งจะดูประวัติการเรียกร้องค่าสินไหม

ศาลยกฟ้อง 13 ผู้ปกครอง ปมค้าน 'ครูทิว' เอาหนังสือลวงโลกสอนเด็ก ชี้!! ไม่มีถ้อยคำดูหมิ่นแต่อย่างใด เป็นการแสดงความเห็นโดยสุจริต

เมื่อวานนี้ (1 ก.ค.67) เพจเฟซบุ๊ก ‘วันนี้ก้าวไกลโกหกอะไร’ ได้โพสต์ข้อความระบุว่า…

“ทุกคนคะ กรณีว่าที่ร้อยตรีธนวรรธน์ หรือ ครูทิว ครู 3 นิ้ว สมาชิกพรรคก้าวไกล ฟ้องปิดปากผู้ปกครองและประชาชน เนื่องจากได้ คอมเมนต์ไม่ต้องการให้ครูทิวนำหนังสือขุนศึกศักดินาพญาอินทรีเป็นแนวการสอนแก่นักเรียน”

“วันนี้ศาลอาญาพระโขนงตัดสินยกฟ้อง 13 รายรวด เนื่องจากไม่มีถ้อยคำดูหมิ่นครูทิวแต่อย่างใด และเป็นการแสดงความเห็นโดยสุจริต”

“ถือเป็นชัยชนะของประชาชนที่โดนครูสามนิ้วทำนิติสงคราม ใช้กฎหมายฟ้องปิดปากประชาชนอย่างแท้ทรู”

ทั้งนี้เพจเฟซบุ๊ก วันนี้ก้าวไกลโกหกอะไร ยังได้ระบุเพิ่มเติมว่า…

“ที่ฮาคือ อีกคดีจะเอาเด็กนักศึกษาปี 1 มาเป็นพยานว่าทั้ง 13 คอมเม้นคนทั่วไปอ่านแล้วเข้าใจว่าด่าทิว ศาลบอกเอามาทำไม เป็นผู้เชี่ยวชาญเหรอ แล้วศาลก็บอกเด็กว่าไปอ่านเรื่องพยานมานะ ก่อนจะมาขึ้นศาลว่าตัวเองอยู่ในฐานะอะไร จริง ๆ คาดว่า ศาลหลอกด่าทนายมันแหละ ศาลบอกไม่ต้องให้ปากคำเสียเวลา 5555”

ต่อมามีบรรดาชาวเน็ตต่างเข้ามาแสดงความเห็นจำนวนมาก โดยส่วนใหญ่ต่างสนับสนุนให้ผู้ปกครองฟ้องกลับ ขณะที่บางส่วนเห็นว่าเป็นการใช้นิติสงครามเสียเอง เป็นห่วงอนาคตของเด็กที่มีครูแบบนี้

สำหรับ หนังสือขุนศึกศักดินาพญาอินทรี เขียนโดยนายณัฐพล ใจจริง อาจารย์ประจำสาขาวิชารัฐประศาสนศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา ซึ่งเนื้อหายกมาจากวิทยานิพนธ์ ปริญญาเอก จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่นายณัฐพลเขียนในเรื่อง ‘การเมืองไทยสมัยรัฐบาลจอมพล ป.พิบูลสงครามภายใต้ระเบียบโลกของสหรัฐอเมริกา (พ.ศ. 2491-2500)’ แต่ต่อมาถูก ศ.ดร.ไชยันต์ ไชยพร อาจารย์ภาควิชาปกครอง คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ทำการตรวจสอบ และพบว่าเนื้อหาในหลายประเด็นมีการบิดเบือนข้อเท็จจริง ทำให้สถาบันพระมหากษัตริย์และผู้เกี่ยวข้องกับการเมืองไทยในอดีตเสียหาย จนได้รับฉายาว่าวิทยานิพนธ์ลวงโลก แต่ครูทิว หรือ นายธนวรรธน์ สุวรรณปาล ครูผู้สอนวิชาสังคมศึกษา โรงเรียนราชดำริ กลับจะนำไปสอนเด็กนักเรียน

‘ผู้ศรัทธา’ แห่สักการะ ‘หลวงปู่ขาว’ วัดอุทยาน จ.นนทบุรี เนืองแน่น นิยมขอพรด้านการงาน-เงิน กราบไหว้ด้วยน้ำตาลหลังสำเร็จผล

เมื่อวานนี้ (1 ก.ค. 67) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีประชาชนจำนวนมากต่างเข้าไปที่วัดอุทยาน ตำบลบางขุนกอง อำเภอบางกรวย จังหวัดนนทบุรี เพื่อไปขอพรหลวงปู่ขาว ในวิหาร ข้างพระโอสถ โดยประชาชนได้เข้าไปกราบขอพร บ้างก็นำน้ำตาลมาไหว้ตลอดทั้งทั้งวัน โดยเฉพาะวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ ประชาชนที่เข้าวัดทำบุญปล่อยปลา และต้องเข้ามากราบขอพรหลวงปู่ขาว ที่มีเสียงเล่าขานกันปากต่อปากว่ามีความศักดิ์สิทธิ์ขอพรด้านการงาน การเงิน ความสำเร็จ ต่างประสบความสำเร็จกันถ้วนหน้า

พระครูวิโรจน์กาญจนเขต, ผศ.ดร เจ้าอาวาสวัดอุทยาน กล่าวว่า “ในส่วนเรื่องดังกว่าเป็นเรื่องความเชื่อส่วนบุคคล เราคิดดี ทำดี ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ นั่นคือคุณธรรมความดีที่อยู่กับตัวเรา ส่วนเรื่องความเชื่อความศรัทธาก็เป็นเรื่องของบุคคลที่จะให้ความเคารพและนับถือสิ่งที่เชื่อว่าสามารถช่วยเขาได้ทำจนสำเร็จ”

“สำหรับภูเขานั้นเป็นพระพุทธรูปที่อยู่คู่กับพระอุทยานมานาน ตั้งแต่เข้ามารับตำแหน่งเจ้าอาวาส ก็ได้พบเห็นท่านแล้ว เห็นว่าเป็นพระพุทธรูปเก่าแก่ ที่อยู่คู่กับทางวัดอุทยานมานาน จึงได้บูรณะวิหารและองค์หลวงปู่ขาว และได้เปิดให้ประชาชนได้เข้ามากราบไหว้ขอพร ตามความเชื่อของชาวพุทธ”

“หลังจากเปิดได้ไม่นานก็มีประชาชนต่างพูดกันปากต่อปากว่าเข้ามากราบไหว้ขอพรหลวงปู่ขาวแล้ว มีความศรัทธา ขอสิ่งใดก็ได้สมปรารถนา หลังจากได้สมปรารถนาแล้วก็นำน้ำตาลมาไหว้ จนปัจจุบันนี้มีประชาชนนำน้ำตาลมาไหว้หลวงปู่ขาวสัปดาห์ละ 1,000 กิโลกรัม หรือ 1 ตัน เลยทีเดียว”

พระครูวิโรจน์กาญจนเขต, ผศ.ดร กล่าวอีกว่า “โดยเฉพาะช่วงวันหยุดเสาร์-อาทิตย์และวันนักขัตฤกษ์ ก็มีประชาชนมาขอพรหลวงปู่ขาว ทำสังฆทาน และทำบุญปล่อยปลา มาจนถึงทุกวันนี้”

สำหรับ ‘หลวงปู่ขาว’ ชาวบ้านที่อยู่บริเวณเล่าต่อ ๆ กันมาว่าท่านสร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าอู่ทอง ชาวบ้านที่พักอาศัยอยู่ใกล้วัด ชอบมาไหว้ขอพร แล้วประสบผลสำเร็จ จึงนำน้ำตาลทรายมาแก้บน เพราะสมัยนั้นบริเวณรอบ ๆ วัดอุทยาน นิยมทำขนมไทยโบราณ ซึ่งมีรสชาติหวาน แล้วใส่เรือล่องขายในคลองบางกอกน้อย คลองอ้อม ซึ่งน้ำตาลทรายหาซื้อได้ง่าย ราคาไม่แพง จึงนำมาไหว้หลังจากขอพรสำเร็จ ปัจจุบัน เป็นที่รู้จักกันจำนวนมาก ทำให้คนเข้ามากราบไหว้อย่างหนาแน่นตลอดทั้งวัน

 

บทสรุป!! มหากาพย์ 'สะพานสีมาธานี' ไม่ทุบยกระดับ 'ภูเขาลาด-ชุมทางถนนจิระ' หวัง!! ไร้ม็อบค้านการก่อสร้าง ลุยเดินหน้าโครงการทางคู่สายอีสานต่อ

เมื่อวานนี้ (1 ก.ค.67) เพจ 'โครงสร้างพื้นฐานประเทศไทย Thailand Infrastructure' ได้โพสต์ข้อความอัปเดตกรณีรถไฟทางคู่สายอีสาน ระบุว่า...

จบซักที!!! มหากาพย์ สะพานสีมาธานี สรุปไม่ทุบยกระดับยาวจากภูเขาลาด-ชุมทางถนนจิระ เดินหน้าต่อ ทางคู่สายอีสานต่อได้ซักที!!! หวังว่าคนโคราชจะพอใจ เดินหน้าโครงการได้เต็มที่!!!

วันนี้ รัฐมนตรีช่วยคมนาคม ได้ลงพื้นที่ติดตามงานในพื้นที่ ปากช่อง-โคราช ในโครงการทางคู่ และรถไฟความเร็วสูง ในพื้นที่ตลอดเส้นทาง ซึ่งมีจุดติดขัดปัญหาในเส้นทาง โดยเฉพาะ โครงการทางคู่ สายอีสาน สัญญาที่ 2 คลองขนานจิตร-ชุมทางถนนจิระ

โดยมีปัญหามาจากการร้องเรียนของชาวโคราชให้แก้ปรับแก้แบบ ช่วงผ่านกลางเมือง จากสถานีภูเขาลาด - ชุมทางถนนจิระ ซึ่งก่อนหน้านี้มีการเรียกร้องให้ ทุบสะพานข้ามทางรถไฟ ข้างโรงแรมสีมาธานี แล้วทำทางรถไฟยกระดับ เปิดแยกริมทางรถไฟ (ถนนสืบสิริ) พร้อมทำทางลอดแทนสะพานเดิม แต่ก็มีอีกกลุ่มออกมาคัดค้าน เพราะเกรงปัญหาจราจรช่วงทุบสะพานสีมาธานี

ข้อมูลจาก รมช. คมนาคม

“สัญญาที่ 2 ช่วงคลองขนานจิตร - ชุมทางถนนจิระ อยู่ระหว่างการแก้ไขรูปแบบการก่อสร้างเป็นทางยกระดับ ช่วงสถานีโคกกรวด - ชุมทางถนนจิระ ระยะทาง 16 กิโลเมตร และปรับกรอบวงเงินเพื่อให้สอดคล้องกับโครงการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูง ช่วงโคกกรวด - นครราชสีมา งานสัญญาที่ 3 - 5 เพื่อให้เกิดความคุ้มค่าต่องบประมาณสูงสุด โดยคาดว่าจะเสนอคณะกรรมการรถไฟฯ ได้ภายในเดือนสิงหาคม 2567”

จนสุดท้าย ก็ออกมาเป็นทางเลือกล่าสุด คือ...

- ทำทางยกระดับข้ามสะพานสีมาธานี ทั้งทางคู่ และความเร็วสูง ตั้งแต่สถานีภูเขาลาด ผ่านกลางเมืองโคราช ตามเส้นทางเดิม ระยะทาง 16 กิโลเมตร

- มีทางรถไฟระดับดิน (แบบปัจจุบัน) เพื่อให้รถไฟเข้าโรงซ่อมรถไฟ (คาดการณ์)
- ไม่ทุบสะพานสีมาธานี 

ซึ่งทางเลือกนี้ ก็ลงตัวทุกฝ่ายทั้งคนที่กลัวทางรถไฟไปผ่ากลางเมืองทำให้เป็นเมืองอกแตก และ รถไฟที่ยังวิ่งในเส้นทางเดิมได้

โดยสถานีโคราชใหม่ (ความเร็วสูง+ทางคู่) จะแบ่งเป็น 3 ชั้น

- ชั้นระดับดิน เป็นโถงพักคอยผู้โดยสาร ซึ่งด้านหลังสถานีก็ยังมีทางรถไฟเดิม ที่เข้าโรงซ่อมรถไฟ 
- ชั้น 2 เป็นชานชาลารถไฟทางคู่ สูงจากพื้น 11 เมตร มี 4 ชานชาลา + 2 ทางผ่าน
- ชั้น 3 เป็นชานชาลารถไฟความเร็วสูง สูงจากพื้น 24 เมตร มี 4 ชานชาลา + 2 ทางผ่าน

แบบก่อสร้าง สถานีนครราชสีมา (โคราช)

https://www.facebook.com/491766874595130/posts/629142004190949/?d=n

ขั้นตอนต่อไปถ้าไม่ติดขั้นปัญหา 
- จะเสนอขออนุมัติ ภายใน 2567
- ประกวดราคา ต้นปี 2568
- เริ่มก่อสร้างกลางปี 2568 (ใช้เวลาก่อสร้าง 24 เดือน)
- คาดว่าจะเสร็จ กลางปี 2570

หวังว่า จะไม่มีใครมาตั้งม็อบค้านการก่อสร้าง ให้ทุบสะพานอีกนะครับ!!!

‘เจือ ราชสีห์’ ตรวจเยี่ยมโครงการสะพานข้ามทะเลสาบสงขลา แก้ปัญหาการสัญจร-ผลักดันสู่แหล่งท่องเที่ยวใหม่ของจังหวัด

(2 ก.ค.67) เมื่อไม่นานมานี้ ‘เจือ ราชสีห์’ ผลักดัน-ติดตามโครงการสะพานข้ามทะเลสาบสงขลา เชื่อม อ.เมืองสงขลา และ อ.สิงหนคร จ.สงขลา อย่างจริงจัง เพื่อแก้ปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน เป็นแลนด์มาร์กท่องเที่ยวแห่งใหม่ของ จ.สงขลา

นายเจือ ราชสีห์ ที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ลงพื้นที่ร่วมประชุมคณะกรรมการศึกษาความเหมาะสมในเบื้องต้นโครงการก่อสร้างสะพานข้ามทะเลสาบสงขลา ระหว่าง อ.เมืองสงขลาและอ.สิงหนคร จังหวัดสงขลา ณ บริเวณท่าแพขนานยนต์ ฝั่งเทศบาลนครสงขลา 

ซึ่งผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลาได้แต่งตั้งคณะกรรมการชุดใหญ่และได้มอบหมายให้คณะกรรมการชุดเล็ก โดยมีนายไผท ทันประจำสินธุ์ ผู้อำนวยการแขวงทางหลวงชนบทสงขลา นางปิยวรรณ ชูนวล ตัวแทนโยธาธิการและผังเมืองจังหวัดสงขลา นางภัตติมา รุ่งพัฒนพันธ์ ปลัดอำเภอเมืองสงขลาตัวแทนนายอำเภอเมืองสงขลา และตัวแทนภาคประชาชน ได้ลงพื้นที่ดูทางขึ้น-ลงของสะพาน เพื่อสรุปรายงานผลให้กับที่คณะกรรมการที่ประชุมใหญ่ได้ทราบในครั้งต่อไป 

ซึ่งโครงการดังกล่าวจะสามารถแก้ปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนที่ต้องเดินทางสัญจรไป-มา ระหว่าง อ.เมืองสงขลาและอ.สิงหนคร ให้ได้รับความสะดวกมากขึ้น และจะช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยวของจังหวัดสงขลาได้อีกทางหนึ่งด้วย

เด็กนร.เชื้อสายจีนโดนด่าหยาบเหยียดผิวบนรถบัสในนิวซีแลนด์ แถมยังถูกตี 'เลือดอาบหน้า-ฟันหัก' โดยปราศจากการยั่วยุใดๆ 

(2 ก.ค.67) รายงานข่าวระบุว่า มีผู้เห็นเหตุการณ์แค่คนเดียวที่เข้าขัดขวางเหตุทำร้ายร่างกายที่มีแรงจูงใจจากการเหยียดเชื้อชาติ ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อเวลา 9.00 น.ของวันศุกร์ (28 มิ.ย.67) ทำให้เด็กชายฟันหลุด 3 ซี่และหักอีก 2 ซี่ พร้อมกับมีเลือดอาบใบหน้า

"ผมกำลังขึ้นรถบัสไปแพนมัวร์ และรถเพิ่งแล่นผ่านปากูรันกา พลาซา ตอนที่ผู้หญิงคนหนึ่งเริ่มด่าทอดูถูกเหยียดหยามผม และจากนั้นก็เริ่มทำร้ายร่างกายผมในทันที" เด็กนักเรียนชายซึ่งไม่มีการเปิดเผยชื่อให้สัมภาษณ์กับนิวซีแลนด์ เฮรัลด์

สื่อมวลชนรายงานว่า ผู้หญิงรายนี้เริ่มตะโกนด่าหยาบคายเหยียดผิวใส่เด็กชายชาวนิวซีแลนด์เชื้อสายจีน ก่อนใช้เหล็กเล่นงานเด็กโดยปราศจากการยั่วยุใด ๆ "ผมแค่ฟังเพลงอยู่เฉย ๆ เขี่ยโทรศัพท์เล่น และจากนั้นมันก็เกิดขึ้น เธอลุกขึ้นและทำร้ายผม"

เด็กชายรายนี้พำนักอยู่ในนิวซีแลนด์มานานกว่า 7 ปีแล้ว หรือครึ่งหนึ่งในชีวิตของเขา ในขณะที่เขาเผยว่านับเป็นครั้งแรกที่ถูกทำร้ายร่างกายอันเนื่องจากแรงจูงใจเหยียดผิว "ผมฟันหลุด 3 ซี่ และอีก 2 ซี่หัก ผมยังไม่อาจซ่อมฟันได้ในตอนนี้ จำเป็นต้องรอให้แผลหายดีก่อน"

แม้มีผู้คนอยู่บนรถบัสมากกว่า 10 ราย แต่มีบุคคลเพียงรายเดียวที่เข้าขัดขวางเหตุทำร้ายร่างกาย "สุภาพบุรุษวัย 75 ปี ที่อยู่ข้างหลังช่วยผมไว้ เขาช่วยควบคุมผู้หญิงคนนั้นและเข้ามาขัดขวาง" เด็กชายเล่า

จากนั้นผู้หญิงรายนี้ก็กระโดดลงจากรถที่ป้ายรถเมล์วิลเลียมส์ อีฟ ในปาคูรันกา ก่อนวิ่งหนีไป "เราตะโกนใส่คนขับอย่าเปิดประตู แต่เขาเปิดประตูและเธอหนีไปได้"

เด็กชายรายนี้เชื่อว่าผู้หญิงที่ก่อเหตุน่าจะมีอายุราว 40 ปี รูปร่างใหญ่และแต่งกายชุดดำล้วน "ผมรู้สึกกลัว คราวนี้เป็นแค่ท่อนเหล็ก แต่คราวนี้ใครจะรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น บางทีอาจเป็นมีดก็ได้" เขากล่าว

ทั้งนี้ เด็กชายผู้เป็นเหยื่อหวังว่าบอกเล่าเรื่องราวของเขาในครั้งนี้จะเป็นตัวกระตุ้นให้ผู้คนเข้าขัดขวางการทำร้ายร่างกาย และช่วยเหลือคนที่ถูกทำร้าย ทั้งนี้เขาไม่คิดว่าตำรวจจะหาตัวผู้หญิงรายนี้พบ ในขณะที่ตำรวจยอมรับว่าพวกเขายังอยู่ระหว่างสืบสวนเรื่องนี้อยู่

เจมส์ แมปป์ เจ้าหน้าที่ตำรวจระดับอาวุโส เปิดเผยว่าผู้หญิงที่ทราบชื่อรายนี้ขึ้นไปบนรถบัส ก่อนก่อเหตุลงมือทำร้ายเหยื่อด้วยวัตถุหนึ่ง "มันเป็นการทำร้ายร่างกายโดยปราศจากการยั่วยุ ส่งผลให้เหยื่อได้รับบาดเจ็บบริเวณใบหน้าอย่างรุนแรง"

"เราทราบดีถึงความหวาดกลัวและความกังวลต่อเหตุการณ์ร้ายต่าง ๆ เช่นนี้ในชุมชน และเรายังคงเดินหน้าไล่ตามทุกเบาะแสที่จะนำมาซึ่งการนำตัวบุคคลรายนี้มาลงโทษ ตำรวจไม่อดทนต่ออาชญากรรมเช่นนี้ หรือการก่อความหวาดกลัวในชุมชนของเรา ขณะเดียวกัน เราก็กำลังมอบแรงสนับสนุนแก่เหยื่อ และขอรับประกันกับชุมชนว่า เรากำลังทำงานอย่างหนักเพื่อนำตัวบุคคลรายนี้มาลงโทษ"

ด้านโฆษกการขนส่งโอ๊คแลนด์ บอกว่าพวกเขารู้สึกเสียใจที่ได้ยินข่าวเกี่ยวกับเหตุการณ์อันน่าสะเทือนใจที่เกิดขึ้น "ความปลอดภัยของทุกคนที่ใช้บริการเครือข่ายการขนส่งของเรา คือลำดับความสำคัญสูงสุดของเรา เรายืนยันว่าเราทราบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแล้ว และเราเข้าใจว่าผู้ปฏิบัติการรถบัสได้มอบคลิปวิดีโอแก่ตำรวจไปแล้ว"

🔎'สหพัฒน์' เล่นใหญ่!! เซ็น MOU 18 ฉบับ ครอบคลุมธุรกิจอนาคตไกลตัวไหนบ้าง?

'สหพัฒน์' สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ จัดลงนามบันทึกความเข้าใจและการลงนามความร่วมมือกับพันธมิตรจากประเทศไทยและต่างประเทศ ทั้งจีน ญี่ปุ่น ไต้หวัน บุกธุรกิจที่มีโอกาสในอนาคตรวม 18 ฉบับ ในงานสหกรุ๊ปแฟร์ ครั้งที่ 28

โดยนายธรรมรัตน์ โชควัฒนา กรรมการผู้อำนวยการและประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไอ.ซี.ซี. อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) ในฐานะประธานจัดงานสหกรุ๊ปแฟร์ กล่าวว่า สหกรุ๊ปแฟร์ แอนด์ เฟส จัดระหว่าง วันที่ 27-30 มิถุนายน 2567 ที่ฮอลล์ 98-100 ไบเทค บางนา ปีนี้ถือเป็นประวัติศาสตร์หน้าสำคัญของเครือสหพัฒน์ ที่จะมีการลงนามบันทึกความเข้าใจและการลงนามความร่วมมือกับพันธมิตรจากประเทศไทยและต่างประเทศ ทั้ง จีน, ญี่ปุ่น, ไต้หวัน รวม 18 ฉบับ ซึ่งนับเป็นความเคลื่อนไหวด้านการลงทุนครั้งใหญ่ และยังเป็นการประกาศทิศทางของเครือสหพัฒน์ที่จะมุ่งไปในอนาคต

นายธรรมรัตน์ เผยอีกว่า สำหรับเนื้อหาบาง MOU เช่น ความร่วมมือกับ เอตัวล์ ไคโตะ ผู้นำค้าส่งสินค้าจากญี่ปุ่น มีเป้าหมายเพื่อแนะนำผลิตภัณฑ์ของแต่ละฝ่ายขยายสู่ตลาดต่างประเทศ โดยที่สหพัฒน์จะนำสินค้าของเอตัวล์เข้ามาขาย สินค้าขายดีเช่น ชุดชั้นใน ขนม อาหาร ส่วนเอตัวล์ก็นำสินค้าสหพัฒน์ไปจำหน่าย ในแพลตฟอร์มที่มีอยู่ทั้งออนไลน์และออฟไลน์

ส่วนความร่วมมือกับ ฟาสต์ บิวตี้ ธุรกิจร้านทำสีผมอันดับ 1 จากญี่ปุ่น เพื่อเปิดร้านทำสีผม fufu ในประเทศไทย วางเป้าหมาย 20 สาขาใน 3 ปี โดยจะเปิดสาขาแรกที่ทองหล่อสแตนด์อโลน ราคาบริการตั้งแต่ 1,500 – 5,000 บาท

ขณะที่ความร่วมมือกับ โตคิว คอร์เปอเรชั่น และดุสิตธานี เพื่อพัฒนาโครงการคิงสแควร์ เรสซิเดนซ์ และโครงการดุสิต สวีต คิงสแควร์ กรุงเทพฯ จะมีมูลค่าการลงทุนรวมกว่า 10,000 ล้านบาท


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top